
02-27217300
02-27217179
service@siloahtravel.com
Monday ~ Friday 09:00-18:00
14F.-3, No.137, Sec. 1, Fuxing S. Rd., Da’an Dist., Taipei City 106, Taiwan
Representative: Tung-Hua Tai
VAT: 43871553
交觀甲793500 品保北2260 隱私權條款
Copyright © 2025 Siloah Travel Co., Ltd.. All rights reserved.

Nieuw Statendam
ฮอลแลนด์อเมริกาไลน์

ท่าเรือโดเวอร์ (Dover) เป็นประตูสู่ประเทศอังกฤษที่มีชื่อเสียง และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามสำหรับนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลก ท่าเรือแห่งนี้ถือเป็นศูนย์กลางการเดินเรือที่วุ่นวายเป็นอันดับสองในสหราชอาณาจักร โดยมีชื่อเสียงในฐานะเมืองท่าที่สำคัญสำหรับการเดินทางข้ามทะเล เมื่อคุณมาถึงโดเวอร์ คุณจะได้พบกับ "หน้าผาสีขาว" ที่เป็นเอกลักษณ์ ประวัติศาสตร์อันยาวนานของเมืองนี้น่าตื่นเต้นยิ่งขึ้นเมื่อได้สำรวจปราสาทโดเวอร์ที่มีมาแล้วกว่า 2,000 ปี และพิพิธภัณฑ์ที่มีเรือสำราญยุคสำริดของโดเวอร์ ซึ่งเป็นเรือที่เก่าแก่ที่สุดที่รู้จักกันในโลกที่ใช้เดินทะเล นอกจากนี้ หน้าผาเหล่านี้ยังเป็นจุดสังเกตสำคัญในประวัติศาสตร์ เนื่องจากเคยเป็นศูนย์ควบคุมในการอพยพชาวอังกฤษในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองที่ดันเคิร์คในปี 1940 ด้วยความสูงตระหง่านและความงดงามของธรรมชาติ ทำให้ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนักท่องเที่ยวถึงหลงใหลในความสุขที่โดเวอร์เสนอ ท่าเรือแห่งนี้พร้อมให้คุณสัมผัสประสบการณ์อันน่าตื่นเต้น รอคอยการเดินทางที่ยอดเยี่ยม!

เมื่อพูดถึงประเทศเนเธอร์แลนด์ หลายคนอาจนึกถึงภาพของคลองสวยงามและมิลล์ลที่เคลื่อนตัวไปตามลม แต่ถ้าคุณเยี่ยมชมที่ท่าเรือรอตเตอร์ดัม คุณจะได้สัมผัสกับอีกด้านหนึ่งของความงดงามและเสน่ห์ที่แตกต่างไปจากเดิม รอตเตอร์ดัมคือเมืองที่รวมเอาความทันสมัยเข้ากับวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า ตั้งอยู่เป็นหนึ่งในท่าเรือที่วุ่นวายที่สุดในโลก เมื่อคุณเดินทางมายังรอตเตอร์ดัม นอกจากการสำรวจท่าเรืออันกว้างใหญ่แล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายให้คุณได้สัมผัส เริ่มจากสถาปัตยกรรมอันล้ำสมัย ที่สามารถพบเห็นได้ตามตึกสูงต่างๆ เช่น 'Euromast' ที่เปิดโอกาสให้คุณได้ชมวิวเมืองจากมุมสูง นอกจากนี้ ยังมีพิพิธภัณฑ์ Boijmans Van Beuningen ที่นำเสนอผลงานศิลปะจากศิลปินชื่อดัง นอกจากเรื่องวัฒนธรรมแล้ว รอตเตอร์ดัมยังเป็นสวรรค์สำหรับนักชิม ด้วยร้านอาหารและคาเฟ่มากมายที่เสิร์ฟเมนูต้นตำรับจากเนเธอร์แลนด์และนานาชาติ คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์ชิมที่หลากหลาย พร้อมกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา เยี่ยมชมรอตเตอร์ดัม เพื่อค้นพบความงามในรูปแบบใหม่ๆ เสพสุขไปกับการเดินทางที่น่าจดจำในเมืองที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจนี้

ท่าเรือควีนส์เฟอรี (Queensferry) ตั้งอยู่ในสกอตแลนด์ เป็นประตูสู่การผจญภัยที่น่าตื่นตาตื่นใจในเชื่อมต่อไปยังเมืองเอดินเบอระและแหล่งท่องเที่ยวอันน่าทึ่งในบริเวณรอบข้าง ท่าเรือแห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นจุดจอดเรือสำราญ แต่ยังเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตที่งดงาม ท่าเรือควีนส์เฟอรีเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของสะพานฟอร์ธ (Forth Bridge) ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก สะพานนี้ไม่เพียงแต่มีความสวยงาม ยังเป็นสัญลักษณ์ของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในยุคแรกอีกด้วย นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ยังสามารถสำรวจเมืองควีนส์เฟอรีซึ่งมีร้านค้าและร้านอาหารมากมาย พร้อมกับชมวิวทิวทัศน์ที่งดงามของทะเลฟอร์ธ ที่นี่ยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เช่น ปราสาทเอดินเบอระ หรือแม้กระทั่งฟาร์มอูฐที่มีชื่อเสียง ท่าเรือควีนส์เฟอรีจึงอุดมไปด้วยประสบการณ์ที่หลากหลาย ทั้งความมหัศจรรย์ของธรรมชาติและวัฒนธรรมที่หลากหลาย รอให้คุณมาสัมผัสและสร้างความทรงจำที่ไม่รู้ลืม สถานที่แห่งนี้เป็นจุดหมายปลายทางที่ควรค่าแก่การเยี่ยมชมสำหรับนักเดินทางทุกคน

ท่าเรืออินเวอร์คอร์ดอน เป็นประตูสู่มหัศจรรย์ของที่ราบใหญ่ หรือ Great Glen ในสก็อตแลนด์ ซึ่งรวมถึงทะเลสาบเนส (Loch Ness) และเมืองอินเวอเนส (Inverness) ที่เป็นเมืองหลวงของไฮแลนด์ มีบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเองจากลมทะเลที่พัดมาจากอ่าวโมเรย์ (Moray Firth) นอกจากจะเป็นที่ตั้งของตำนานสัตว์ประหลาดที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกอย่าง "เนสซี่" (Nessie) ซึ่งกลายเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวไม่รู้จบ ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าประทับใจมากมาย เช่น ทะเลสาบในพื้นที่ การเดินป่าในภูเขาอันสูงชัน ทิวทัศน์ที่ตระการตาในโทนสีม่วงและเขียวของทุ่งหญ้า และป่าไม้ที่เต็มไปด้วยสัตว์ป่าที่แปลกตา เช่น กระต่ายภูเขา กวางแดง และนกอินทรีทอง การเดินทางมาที่อินเวอร์คอร์ดอนจะทำให้คุณได้สัมผัสความงามธรรมชาติที่แท้จริงและตำนานที่ยิ่งใหญ่ของสก็อตแลนด์ ไม่ว่าคุณจะเดินทางเพื่อการผจญภัยหรือเพียงเพื่อสัมผัสกับกิจกรรมในบรรยากาศที่เงียบสงบ ท่าเรือนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบสำหรับประสบการณ์ที่ไม่รู้ลืมในดินแดนแห่งสานสัมพันธ์ระหว่างตัวตนกับธรรมชาติอย่างลงตัว

เมื่อเรือสำราญของคุณจอดเทียบท่า ณ เมืองสตอร์โนเวย์ เกาะลูอิส คุณจะได้พบกับมิติใหม่ของการเดินทางซึ่งเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์แห่งธรรมชาติและวัฒนธรรมอันรุ่งเรืองของสก็อตแลนด์ เกาะลูอิสและแฮริส เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะฮีบรีดีนอก ทำให้เมืองสตอร์โนเวย์เป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมและกิจกรรมที่ไม่ควรพลาด ในเมืองนี้ คุณสามารถเพลิดเพลินกับการชิมอาหารท้องถิ่นที่ร้านอาหารคุณภาพสูง รวมทั้งเยี่ยมชมศูนย์ศิลปะ An Lanntair ที่มีนิทรรศการทั้งศิลปะร่วมสมัยและดั้งเดิม นอกจากนี้ยังมีวิหารเซนต์คลีเมนต์ ซึ่งเป็นหนึ่งในโบสถ์ที่มีโครงสร้างสวยงามที่สุดในเขตนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15 สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการสำรวจประวัติศาสตร์ ที่นี่มีแหล่งโบราณคดีที่น่าทึ่ง เช่น กลุ่มหินคาลานิสที่สร้างขึ้นในยุคก่อนประวัติศาสตร์ รวมถึงหอคอย Dun Carloway ที่มีอายุประมาณ 2,000 ปี สัมผัสกับความงามและวัฒนธรรมของสตอร์โนเวย์ในขณะที่สำรวจธรรมชาติสุดอลังการและประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยสีสันของเกาะนี้ อย่าลืมแวะเยี่ยมชมร้านทวีตฮาร์ริสที่เผยแพร่สินค้าทอมือสุดพิเศษและของที่ระลึกที่ไม่เหมือนใครเพื่อบอกเล่าเรื่องราวการเดินทางของคุณในเกาะลูอิสแห่งนี้

ท่าเรือ Portree บนเกาะ Skye ในสกอตแลนด์ เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าหลงใหลซึ่งเต็มไปด้วยเสน่ห์อันโรแมนติกและวิวทิวทัศน์ที่งดงาม เกาะ Skye เป็นที่รู้จักในเรื่องของภูเขา Cuillin ที่มายืมความสวยงามแบบธรรมชาติ ตั้งอยู่ใกล้กับแผ่นดินใหญ่ ทำให้เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวที่ต้องการค้นหาความลึกลับและมนต์เสน่ห์ของภูเขาและทะเล การได้ชมพระอาทิตย์ตกดินที่นี่ เป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน โดยเฉพาะแสงสีทองที่สาดส่องจนค่อนคืน นักท่องเที่ยวสามารถสำรวจเกาะได้อย่างง่ายดายด้วยถนนสายหลักที่ห้อมล้อมขึ้นทางเหนือและใต้ของเกาะ ประเด็นเด่นคือบ้านเก่าแก่ที่บางหลังยังมีผู้อาศัย ซึ่งมีผนังหินหนาและหลังคาหญ้าตามที่เห็นในภาพถ่ายที่หลากหลาย สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินทาง มีเส้นทางที่สวยงามของ Sleat Peninsula ที่เชื่อมโยงทิวทัศน์อันสะกดตา จนท่านต้องเพลิดเพลินไปกับการขับรถไปทั่วทั้งเกาะ Portree ไม่เพียงแต่เป็นท่าเรือที่สำคัญ ยังเป็นประตูสู่การผจญภัยในธรรมชาติที่แท้จริง ที่จะเติมเต็มจิตวิญญาณของนักเดินทางทุกคน ด้วยบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสงบและความงามที่น่าอัศจรรย์ เกาะ Skye คือจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดในชีวิตของคุณ

เบลฟาสต์ เมืองหลวงของไอร์แลนด์เหนือ เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และความเจริญรุ่งเรือง ตั้งอยู่บนริมฝั่งทะเลไอริช โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า Béal Feirste ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านการผลิตผ้าไหมและการสร้างเรือ ที่นี่เคยเป็นบ้านของชัยชนะในการสร้างไททานิค เรือสำราญที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยการพัฒนาที่ก้าวกระโดดในศตวรรษที่ 18 เบลฟาสต์กลายเป็นเมืองอุตสาหกรรมที่สำคัญ มีประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ในช่วงเวลาหนึ่ง เมืองนี้ต้องเผชิญกับความขัดแย้งทางด้านศาสนา จนกระทั่งสงครามที่เรียกว่า “Troubles” สิ้นสุดลงในปี 1994 หลังจากนั้น เมืองได้เริ่มการฟื้นฟู ซึ่งรวมไปถึงการลงทุนในโรงแรมใหม่ ๆ และการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวที่ทำให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลมายังเมือง ปัจจุบัน เบลฟาสต์มีพื้นที่ใจกลางเมืองที่เดินง่าย ประกอบด้วยแหล่งท่องเที่ยวสำคัญมากมาย เช่น หอศิลป์พิพิธภัณฑ์ โบสถ์ และโรงละคร การสำรวจเมืองนี้จะสร้างประสบการณ์ที่น่าหลงใหลและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่รักการเดินทางไปยังดินแดนที่มีเสน่ห์และประวัติศาสตร์อันล้ำค่าดังกล่าว

ท่าเรือกรีน็อคในสกอตแลนด์ เป็นประตูสู่เมืองกลาสโกว์ เมืองที่เต็มไปด้วยความน่าตื่นเต้นและวัฒนธรรมที่หลากหลาย หลังจากประสบกับการลดลงในอดีต กลาสโกว์ได้ฟื้นฟูตัวเองอย่างน่าทึ่ง ด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงาม เช่น อาคารที่ออกแบบโดย Charles Rennie Mackintosh และพิพิธภัณฑ์ Riverside ที่ออกแบบโดย Zaha Hadid ที่สะท้อนถึงกิจกรรมการค้าและการต่อเรือในอดีต เมืองกลาสโกว์ มีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 1,500 ปี มีตำนานเกี่ยวกับใจกลางของเมืองที่เกิดจากความไม่ซื่อสัตย์ของพระราชินี ซึ่งประดับด้วยสัญลักษณ์ที่ยังคงอยู่ในตราเมือง ด้วยการเติบโตของอุตสาหกรรมและการค้าในศตวรรษที่ 18 และ 19 กลาสโกว์กลายเป็นศูนย์กลางการต่อเรือและการค้าฝ้ายที่สำคัญ ปัจจุบัน เมืองนี้มีชีวิตชีวาด้วยกิจกรรมทางวัฒนธรรมและร้านค้าทันสมัย เรียกได้ว่าเป็นแหล่งจุดเปลี่ยนสำคัญให้กับผู้ที่แสวงหาประสบการณ์ใหม่ๆ หลังจากการเยี่ยมชมที่นี่ คุณยังสามารถใช้เวลาเพียง 40 นาทีเพื่อไปยังทะเลสาบโลห์โลมอนด์ สถานที่ที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ของสกอตแลนด์ ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้คุณค้นพบโลกใหม่ที่รอคอยอยู่

ลิเวอร์พูล เมืองแห่งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่หลอมรวมความเก่าแก่เข้ากับความทันสมัยอย่างงดงาม เป็นจุดหมายที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสอารมณ์แห่งศิลปะ วรรณกรรม และดนตรี ในเมื่อเรือสำราญแวะจอดที่ท่าเรือลิเวอร์พูล คุณจะได้พบกับมรดกทางวัฒนธรรมที่ถูกสืบทอดมายาวนาน เริ่มต้นการเดินทางของคุณที่พิพิธภัณฑ์ลิเวอร์พูลซึ่งเป็นสถานที่จัดแสดงผลงานศิลปะที่มีชื่อเสียง รวมถึงประวัติศาสตร์ทางทะเลที่สำคัญ หรือจะไปเยือนแถบแอลเบิร์ต ด็อค ที่เต็มไปด้วยร้านอาหารและบาร์ หรืองานแสดงศิลปะหลากหลายรูปแบบ นอกจากนี้ ลิเวอร์พูลยังเป็นที่รู้จักในเรื่องของดนตรี โดยเฉพาะวงดนตรีระดับโลกอย่าง The Beatles ที่คุณสามารถเดินทางไปสัมผัสสถานที่สำคัญหลายแห่ง และสถานที่จัดแสดงสดที่มีชื่อเสียง อาทิ Cavern Club ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของวงดนตรีอันโด่งดัง ขอเชิญทุกท่านสู่อ้อมกอดแห่งความงาม เที่ยวลิเวอร์พูลและเปิดประตูสู่ประสบการณ์ที่สุดพิเศษ ที่จะสร้างความทรงจำอันล้ำค่าในทุกก้าวที่คุณเดินทาง

ดับลิน เมืองหลวงของไอร์แลนด์ กำลังกลับมาผงาดอีกครั้ง หลังจากผ่านพ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยในยุค "Celtic Tiger" ที่ยิ่งใหญ่ สู่ความฟื้นตัวที่ทำให้เมืองนี้กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวในยุโรปตะวันตก ดับลินในวันนี้คือการผสมผสานระหว่างความเก่าแก่และทันสมัย เพราะไม่ว่าคุณจะมาเยือนเพื่อสัมผัสกับวัฒนธรรมดั้งเดิมหรือเสน่ห์ใหม่ๆ จะพบว่าที่นี่เต็มไปด้วยความบันเทิงที่ไม่รู้จบ วอล์กผ่านย่าน Temple Bar ย่านที่เคยอับโชคแต่ปัจจุบันเต็มไปด้วยคาเฟ่และโรงแรมสุดเก๋ พร้อมบรรยากาศของปาร์ตี้ที่ไม่เคยหลับใหล นอกจากนี้ เขต Italian Quarter ที่แอบซ่อนความหรูหราด้วยร้านอาหารกลางแจ้งและการเรียนทำนองทังโก้ สะท้อนให้เห็นถึงความมีชีวิตชีวาของวัฒนธรรมเซลติก ที่ไม่ว่าจะเป็นการแสดง Riverdance หรือผลงานเพลงของ Hozier ก็สามารถดึงดูดความสนใจได้อย่างดี นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแล้ว ดับลินยังมีร้านค้า โรงแรม และแกลเลอรีศิลปะมากมาย ที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่กลางกรุงปารีส เมืองที่ค้นพบใหม่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความน่าเย้ายวนใจ รอให้คุณสัมผัสและสร้างความทรงจำไม่รู้ลืมที่นี่ในเมืองที่เป็นนวัตกรรมและความมีชีวิตชีวาอย่างแท้จริง

เมื่อเรือสำราญของคุณแล่นเข้าสู่ท่าเรือคอร์ก (Cork) ในไอร์แลนด์ คุณจะได้สัมผัสกับเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่น่าหลงใหลซึ่งสืบทอดมายาวนานตั้งแต่ปี 1185 คอร์กมีชื่อมาจากคำว่า “corcaigh” ซึ่งหมายถึง “สถานที่ที่มีน้ำท่วม” อดีตเคยเป็น settlement ในศตวรรษที่ 6 ที่กระจายอยู่บนเกาะเล็ก ๆ ถึง 13 เกาะในแม่น้ำลี (River Lee) ด้วยประวัติศาสตร์ที่มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องในศตวรรษที่ 17 และ 18 เมืองนี้จึงเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบจอร์เจียนที่สวยงาม ซึ่งมีหน้าต่างโค้งกว้างให้คุณได้ชมความงาม อีกทั้งยังมีศูนย์กลางการค้ามากมายที่ตั้งอยู่บนเกาะทำให้มีสะพานและท่าเรือที่หลากหลาย สร้างเสน่ห์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร คอร์กเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความเป็นไอริช ทั้งกีฬาเฮอร์ลิง, ฟุตบอลเกลิค, ผับที่มีดนตรีสด และการแข่งขันสรีรศาสตร์ที่น่าตื่นเต้น แต่ในขณะเดียวกันก็มีวัฒนธรรมที่หลากหลาย โดยคุณอาจได้เห็นฮิปปี้ ชาวเกย์ และเกษตรกรนั่งดื่มที่ผับเดียวกัน สัมผัสเมืองที่ให้บรรยากาศเป็นกันเองและต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยความอบอุ่น เปลี่ยนเส้นทางการเดินทางของคุณให้น่าจดจำในท่ามกลางความงดงามของคอร์ก วันที่คุณมาที่นี่ คุณจะไม่เพียงแค่เยี่ยมชมเมือง แต่ยังรู้สึกถึงชีวิตและวัฒนธรรมที่เปี่ยมไปด้วยสีสันที่น่าหลงใหลอีกด้วย
ท่าเรือโดเวอร์ (Dover) เป็นประตูสู่ประเทศอังกฤษที่มีชื่อเสียง และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามสำหรับนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลก ท่าเรือแห่งนี้ถือเป็นศูนย์กลางการเดินเรือที่วุ่นวายเป็นอันดับสองในสหราชอาณาจักร โดยมีชื่อเสียงในฐานะเมืองท่าที่สำคัญสำหรับการเดินทางข้ามทะเล เมื่อคุณมาถึงโดเวอร์ คุณจะได้พบกับ "หน้าผาสีขาว" ที่เป็นเอกลักษณ์ ประวัติศาสตร์อันยาวนานของเมืองนี้น่าตื่นเต้นยิ่งขึ้นเมื่อได้สำรวจปราสาทโดเวอร์ที่มีมาแล้วกว่า 2,000 ปี และพิพิธภัณฑ์ที่มีเรือสำราญยุคสำริดของโดเวอร์ ซึ่งเป็นเรือที่เก่าแก่ที่สุดที่รู้จักกันในโลกที่ใช้เดินทะเล นอกจากนี้ หน้าผาเหล่านี้ยังเป็นจุดสังเกตสำคัญในประวัติศาสตร์ เนื่องจากเคยเป็นศูนย์ควบคุมในการอพยพชาวอังกฤษในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองที่ดันเคิร์คในปี 1940 ด้วยความสูงตระหง่านและความงดงามของธรรมชาติ ทำให้ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนักท่องเที่ยวถึงหลงใหลในความสุขที่โดเวอร์เสนอ ท่าเรือแห่งนี้พร้อมให้คุณสัมผัสประสบการณ์อันน่าตื่นเต้น รอคอยการเดินทางที่ยอดเยี่ยม!

เมื่อพูดถึงประเทศเนเธอร์แลนด์ หลายคนอาจนึกถึงภาพของคลองสวยงามและมิลล์ลที่เคลื่อนตัวไปตามลม แต่ถ้าคุณเยี่ยมชมที่ท่าเรือรอตเตอร์ดัม คุณจะได้สัมผัสกับอีกด้านหนึ่งของความงดงามและเสน่ห์ที่แตกต่างไปจากเดิม รอตเตอร์ดัมคือเมืองที่รวมเอาความทันสมัยเข้ากับวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า ตั้งอยู่เป็นหนึ่งในท่าเรือที่วุ่นวายที่สุดในโลก เมื่อคุณเดินทางมายังรอตเตอร์ดัม นอกจากการสำรวจท่าเรืออันกว้างใหญ่แล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายให้คุณได้สัมผัส เริ่มจากสถาปัตยกรรมอันล้ำสมัย ที่สามารถพบเห็นได้ตามตึกสูงต่างๆ เช่น 'Euromast' ที่เปิดโอกาสให้คุณได้ชมวิวเมืองจากมุมสูง นอกจากนี้ ยังมีพิพิธภัณฑ์ Boijmans Van Beuningen ที่นำเสนอผลงานศิลปะจากศิลปินชื่อดัง นอกจากเรื่องวัฒนธรรมแล้ว รอตเตอร์ดัมยังเป็นสวรรค์สำหรับนักชิม ด้วยร้านอาหารและคาเฟ่มากมายที่เสิร์ฟเมนูต้นตำรับจากเนเธอร์แลนด์และนานาชาติ คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์ชิมที่หลากหลาย พร้อมกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา เยี่ยมชมรอตเตอร์ดัม เพื่อค้นพบความงามในรูปแบบใหม่ๆ เสพสุขไปกับการเดินทางที่น่าจดจำในเมืองที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจนี้
คริสเตียนซัน (Kristiansand) เมืองที่มีเสน่ห์ในนอร์เวย์ ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อ "Sommerbyen" หรือ "เมืองร้อนแห่งฤดูร้อน" สถานที่แห่งนี้เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับห้าของนอร์เวย์ มีประชากรราว 78,000 คน ที่เดินทางเข้ามาที่นี่เพื่อสัมผัสกับชายหาดที่เปล่งประกายจากแสงแดดและท่าเรือที่งดงาม ในเดือนกรกฎาคมของทุกปี คริสเตียนซันยังก้าวสู่เวทีโลกด้วยเทศกาล Quart Festival ซึ่งนำเสนอดนตรีจากวงร็อคทั้งของท้องถิ่นและนานาชาติ สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้มาเยือน เมืองนี้มีประวัติศาสตร์ที่น่าหลงใหลตามตำนานที่ว่าในปี 1641 พระเจ้า Christian IV ได้ใช้ง่ามเดินของพระองค์ทำเครื่องหมายสี่มุมของเมือง และจากนั้นได้วางแผนถนนในรูปแบบตาราง ซึ่งจุดศูนย์กลางของเมืองที่เรียกว่า Kvadraturen ยังคงมีรูปแบบนี้แม้จะประสบกับเหตุไฟไหม้หลายครั้ง นอกจากนั้น ยังมี Posebyen ซึ่งเป็นชุมชนบ้านไม้ที่เชื่อมต่อกันที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปเหนือ และมีตลาดในวันเสาร์ในฤดูร้อนที่คึกคัก นอกจากนี้ ตลาดปลา Fisketorvet ที่ตั้งอยู่ใกล้กับมุมใต้ของตารางเมืองก็พร้อมที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ทะเลสดใหม่ ตั้งแต่กุ้งหอยปูปลา ให้คุณเต็มอิ่มกับรสชาติท้องถิ่นที่คุณไม่ควรพลาด เติมเต็มความฝันในการเดินทางของคุณที่คริสเตียนซัน สัมผัสวัฒนธรรมและประสบการณ์ที่จะอยู่ในความทรงจำตลอดไป!

อีดฟยอร์ด เป็นท่าเรือที่อยู่ท่ามกลางความงดงามของธรรมชาติที่ประเทศนอร์เวย์ ห่างจากฟยอร์ดที่มีชื่อเสียงในแถบนี้ไม่ไกล ที่นี่เป็นสรวงสรรค์สำหรับผู้รักการผจญภัยและความสงบ ที่พร้อมให้บริการนักเดินทางที่มาเยือนด้วยเรือสำราญ การเดินทางมาถึงอีดฟยอร์ด คุณจะได้สัมผัสกับทัศนียภาพอันงดงามของภูเขาสูงตระหง่านที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะ และน้ำทะเลใสสะอาดที่ส่องประกายระยิบระยับในแสงแดด เส้นทางการเดินเท้าจำนวนมากตั้งอยู่ในบริเวณรอบท่าเรือ ชวนให้คุณสะดุดตากับความสวยงามของต้นไม้และดอกไม้ที่เบ่งบานตลอดทั้งปี นอกจากนั้น อีดฟยอร์ดยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยมในการสำรวจอุทยานแห่งชาติฮาร์ดังเกอร์วีด้า ที่นี่เป็นพื้นที่กว้างขวางที่นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสประสบการณ์ใกล้ชิดกับธรรมชาติ สัมผัสชีวิตสัตว์ป่าหายาก และชื่นชมกับน้ำตกอันตระการตาอย่างวอทนาฟอสเซน ซึ่งเป็นหนึ่งในน้ำตกที่มีชื่อเสียงที่สุดในนอร์เวย์ เมื่อคุณกลับมาที่ท่าเรืออีดฟยอร์ด ความสงบและสวยงามของสถานที่นี้จะยังคงอยู่ในใจคุณตลอดไป เป็นจุดหมายที่ไม่ควรพลาดสำหรับการสร้างแรงบันดาลใจ ในการเดินทางครั้งต่อไปของคุณ

ต้อนรับทุกท่านสู่ท่าเรือที่งดงามของประเทศนอร์เวย์ นั่นคือ “แซนด์เนส” (Sandnes) เมืองที่ถูกโอบล้อมด้วยภูเขาและทะเลที่สวยงาม ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองสตูแรน (Stavanger) ที่มีชื่อเสียงในการผลิตน้ำมันและเป็นประตูสู่ฟยอร์ดที่ลึกซึ้ง ของประเทศนอร์เวย์ แซนด์เนสไม่เพียงแต่เป็นท่าเรือที่ให้บริการเรือสำราญเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด ด้วยภูมิทัศน์ที่งดงามของธรรมชาติ ลำธาร และทิวเขา นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินไปกับการเดินป่าในสวนสาธารณะของเมือง รวมทั้งเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจ เช่น พิพิธภัณฑ์รัตน์เวิร์ค (Rogaland Art Museum) ซึ่งเป็นแหล่งรวมงานศิลปะร่วมสมัยที่มีคุณค่าทางศิลปะ นอกจากนี้ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าตื่นตาตื่นใจ เช่น ฟยอร์ดนอร์ดฟยอร์ด (Lysefjorden) ที่มอบความงดงามทั้งในหน้าร้อนและฤดูหนาว ความสูงชันของหน้าผา Preikestolen หรือ พีคโคห์ (Pulpit Rock) ซึ่งเป็นจุดชมวิวระดับโลกที่ไม่ควรพลาด แซนด์เนสเติมเต็มประสบการณ์การเดินทางของคุณ ด้วยเสน่ห์ที่รวมระหว่างวัฒนธรรมและธรรมชาติ บนเส้นทางการเดินทางสุดหรูของคุณในนอร์เวย์ สัมผัสความงามแห่งอาร์กติก พร้อมสร้างความทรงจำที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตคุณ

เซย์ดิสฟยอร์ดูร์ (Seyðisfjörður) ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันออกของไอซ์แลนด์ เป็นหมู่บ้านที่ถูกเนรมิตขึ้นในศตวรรษที่ 19 ด้วยความงดงามที่น่าทึ่งไม่เพียงแต่จากธรรมชาติรอบข้าง แต่ยังมีความเป็นเอกลักษณ์จากอาคารไม้โบราณที่อนุรักษ์ไว้ได้อย่างดี ที่นี่ได้รับการขนานนามว่าเป็น "ไข่มุกในหอย" โดยกวี มัทธีอัส โยฮันเนสเซน หมู่บ้านนี้เกิดขึ้นจากการค้าขายของพ่อค้าชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวเดนมาร์กในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 แต่การเติบโตที่สำคัญเกิดขึ้นเมื่อมีการก่อตั้งอุตสาหกรรมการประมงปลาเฮอริ่งโดยชาวนอร์เวย์ในระหว่างปี 1870-1900 จนกลายเป็นเมืองที่เฟื่องฟูในเวลาไม่นาน ขณะนี้เซย์ดิสฟยอร์ดูร์มีประชากรประมาณ 800 คน เศรษฐกิจของหมู่บ้านพึ่งพาการประมงเป็นหลัก พร้อมกับการพัฒนาอุตสาหกรรมเบาและการท่องเที่ยวซึ่งกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีเรือเฟอร์รี่ นอร์เรอนา (Norrøna) ที่เชื่อมต่อระหว่างยุโรปและไอซ์แลนด์ ซึ่งเข้าจอดที่ท่าเรือทุกวันพฤหัสบดี ทำให้ที่นี่ยังคงเป็นชุมชนที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม เซย์ดิสฟยอร์ดูร์จึงเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าหลงใหล สำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสกับประสบการณ์และความงามของไอซ์แลนด์อย่างแท้จริง

ดิวปิวโกรู (Djúpivogur) เมืองเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในไอซ์แลนด์ เป็นจุดหมายท่องเที่ยวที่น่าอัศจรรย์สำหรับผู้ที่ปรารถนาหาความสงบในบรรยากาศธรรมชาติอันงดงาม รายล้อมไปด้วยภูเขาไฟที่ส่องแสงระยิบระยับและฟยอร์ดที่มีเสน่ห์ ดิวปิวโกรูได้รับการต้อนรับด้วยสถานะ 'Cittaslow' ซึ่งหมายถึง เมืองแห่งความช้าลง หรือเมืองที่ให้คุณค่าแก่ความสงบและคุณภาพชีวิต ในขณะที่เดินชมท่าเรือที่สวยงาม คุณจะได้พบกับชีวิตสัตว์ป่าที่ไม่เหมือนใคร รวมถึงนกทะเลหลากหลายชนิดที่อยู่ในอาณาเขต นอกจากนี้ ดิวปิวโกรูยังเป็นที่รู้จักในเรื่องวรรณกรรมพื้นบ้านและอาหารอร่อยที่ทำจากวัตถุดิบท้องถิ่น โดยเชฟผู้เชี่ยวชาญจะนำเสนอเมนูที่ทำให้คุณได้สัมผัสรสชาติแบบไอซ์แลนด์แท้ ๆ หากคุณรักการสำรวจธรรมชาติ อย่าลืมเดินเล่นไปตามเส้นทางเดินที่นำไปสู่ฟยอร์ดที่น่าทึ่ง สัมผัสความมหัศจรรย์ของน้ำตกและภูเขา ที่จะทำให้คุณเพลิดเพลินไปกับความงดงามในทุกรูปแบบ เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับแรงบันดาลใจในการเดินทางครั้งใหม่ที่ดิวปิวโกรู ประเทศไอซ์แลนด์ ที่รอคุณอยู่!

อาคูเรย์รีเป็นเมืองหลวงของภาคเหนือของไอซ์แลนด์ และเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวา เป็นเมืองที่มีความเป็นเอกลักษณ์ซึ่งตั้งอยู่ริมฟยอร์ดอันงดงามยาว 60 กิโลเมตร ถูกล้อมรอบด้วยภูเขาทั้งสามด้าน ทำให้ได้รับการปกป้องจากลมทะเลอันรุนแรง สถาปัตยกรรมไม้สไตล์ศตวรรษที่ 19 ยังบอกเล่าเรื่องราวของประวัติศาสตร์ที่นี่ ขณะที่โบสถ์ลูเธอแรนที่มีหอคอยคู่ ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาเขียวข้างริมฟยอร์ด ทำหน้าที่เป็นจุดศูนย์กลางสำคัญของเมือง นอกจากความงามของเมืองแล้ว อาคูเรย์รียังมีภูมิทัศน์ที่น่าทึ่ง ด้านใต้ของเมืองมีภูเขาไรโอลิตที่มีรูปพีระมิดชื่อว่า ซูลูร์ และเสน่ห์ของภูมิภาคนี้ยังไม่จบเพียงเท่านั้น เพราะอีกด้านคือเคอริง ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในเขตเอจาฟยอร์ด คุณจะได้พบกับการเดินป่าและการสำรวจธรรมชาติอันรุ่งโรจน์ในพื้นที่นี้ มาสัมผัสกับมนต์เสน่ห์ของอาคูเรย์รีดื่มด่ำกับประวัติศาสตร์และความงดงามของธรรมชาติ ที่นี่จะทำให้การเดินทางของคุณกลายเป็นประสบการณ์ที่ไม่อาจลืมเลือน และกระตุ้นให้คุณค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ในทุกย่างก้าว

ในประเทศไอซ์แลนด์ ท่าเรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ไอซาฟยอร์ดูร์ (Isafjördur) ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าหลงใหล ไม่เพียงแต่เป็นท่าเรือที่น่าประทับใจตั้งอยู่ท่ามกลางวิวทิวทัศน์ของภูเขาหินสูงโปร่งทั้งสองข้าง แต่ยังตั้งอยู่บนคาบสมุทรที่ยื่นออกไปในน้ำฟยอร์ดสีดำลึกอีกด้วย การเดินทางมาที่นี่จะทำให้คุณได้สัมผัสถึงความสดใสและทันสมัยของเมืองเล็กๆ ที่มีชีวิตชีวา พรั่งพร้อมไปด้วยคาเฟ่และร้านอาหารที่เต็มไปด้วยรสชาติอร่อย พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างอบอุ่น ไอซาฟยอร์ดูร์ไม่เพียงแต่มีความสวยงามแบบธรรมชาติ แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยมสำหรับการผจญภัยกลางธรรมชาติที่งดงามของไอซ์แลนด์ ซึ่งกิจกรรมที่ได้รับความนิยมคือการเล่นสกี เดินป่า และกีฬาทางน้ำ ล้วนแต่เป็นกิจกรรมที่ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับความดิบของธรรมชาติอย่างใกล้ชิด อย่าลืมสัมผัสกลิ่นอายแห่งการผจญภัยที่รอให้คุณค้นพบ ณ ท่าเรือแห่งนี้ ซึ่งจะสร้างแรงบันดาลใจและความทรงจำที่ไม่มีวันลืมเลือนในการเดินทางของคุณในไอซ์แลนด์!

เกรนดาร์ฟยอร์ดูร์ (Grundarfjörður) คือหนึ่งในท่าเรือที่สวยงามที่สุดในไอซ์แลนด์ ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันตกของเกาะ ให้บรรยากาศสงบเงียบ รายล้อมไปด้วยธรรมชาติที่ยังคงความบริสุทธิ์ และภูเขาสูงตระหง่านที่งดงาม การเดินทางมาที่นี่จะพาคุณเข้าสู่โลกแห่งความมหัศจรรย์ ราวกับหลุดเข้าไปในภาพวาดที่มีชีวิต จุดเด่นที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนเกรนดาร์ฟยอร์ดูร์คือ "ภูเขาสการ์ฟตาเฟล" (Kirkjufell) ซึ่งเป็นภูเขาที่มีลักษณะเฉพาะและได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่สวยที่สุดในไอซ์แลนด์ การขึ้นไปชมวิวจากยอดเขา คือประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ อีกทั้งยังมีน้ำตก Kirchjufellsfoss ที่สวยงามท่ามกลางทิวทัศน์อันงดงาม นอกจากธรรมชาติแล้ว เกรนดาร์ฟยอร์ดูร์ยังเป็นที่รู้จักในด้านวัฒนธรรมท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์ โดยคุณสามารถสัมผัสชีวิตของชาวไอซ์แลนด์ดั้งเดิม ผ่านการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นและบ้านเรือนที่ถูกปรับปรุงให้สวยงาม ทำให้คุณรู้สึกใกล้ชิดกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของประเทศนี้ เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินทางที่แสนพิเศษ ณ เกรนดาร์ฟยอร์ดูร์ ท่าเรือแห่งนี้ไม่เพียงเป็นจุดจอดของเรือสำราญ แต่ยังเป็นประตูสู่อันดับต้น ๆ ของประสบการณ์ที่คุณจะไม่มีวันลืม

ปาไมอุต (Paamiut) หรือที่รู้จักในชื่อเฟรดริคซาอับ (Fredrikshaab) คือท่าเรือที่น่าหลงใหลในกรีนแลนด์ ร้านค้าขนาดเล็กและบ้านเรือนไม้น่ารักที่ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาและน้ำทะเลสีฟ้าเข้มสร้างบรรยากาศที่อบอุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูร้อนที่อากาศอบอวลไปด้วยแสงแดดอันร้อนแรง ท่าเรือปาไมอุตเป็นเสมือนประตูสู่การสำรวจความงามของธรรมชาติที่งดงามของกรีนแลนด์ นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสการเดินป่าในพื้นที่เอลฟ์บอร์ก (Elfiefjord) ซึ่งมีทัศนียภาพที่สวยงามหรือเลือกทำกิจกรรมทางน้ำ เช่น การพายเรือคายัค หรือล่องเรือชมภูเขาน้ำแข็งที่ยืนอยู่สูงตระหง่าน ศิลปะและวัฒนธรรมของกรีนแลนด์ก็มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสประสบการณ์ความเป็นอยู่ของชาวกรีนแลนด์โดยการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น ที่นำเสนอเรื่องราวและวิถีชีวิตของผู้คน รวมทั้งผลิตภัณฑ์งานฝีมือที่สวยงาม การเยี่ยมชมท่าเรือปาไมอุตยังเป็นโอกาสในการสัมผัสประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นที่มาพร้อมกับการเดินทางสำรวจธรรมชาติในสถานที่อันห่างไกลที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความลึกลับ เตรียมตัวให้พร้อมในการเดินทางสู่สถานที่ที่ทำให้หัวใจของคุณเต้นแรงและสร้างความทรงจำอันน่าประทับใจไปตลอดชีวิต

นอกเหนือจากความหนาวเย็นสะท้านของเทือกเขาและอาณาเขตที่ยิ่งใหญ่ที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็ง Nuuk หรือที่รู้จักกันในนาม “คาบเกี่ยว” เป็นเมืองหลวงที่มีเสน่ห์และประวัติศาสตร์ยาวนานของกรีนแลนด์ เต็มไปด้วยธรรมชาติที่สวยงามและวัฒนธรรมที่หลากหลาย สถานที่สำคัญได้แก่ บ้านของฮานส์ เอเกเด ผู้เผยแพร่ศาสนาหนึ่งในผู้ก่อตั้งเมือง และรัฐสภา ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับโบสถ์แห่งพระผู้ช่วยให้รอด อวดโฉมความเรียบง่ายแต่สง่างาม นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสประวัติศาสตร์ที่ลึกซึ้งได้ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติกรีนแลนด์ ที่จัดแสดงชุดพื้นเมืองที่น่าทึ่ง รวมถึงมัมมี่ Qilakitsoq ที่มีชื่อเสียงเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ นอกจากนี้ Katuaq Cultural Center อันมีรูปทรงที่ถูกออกแบบด้วยแรงบันดาลใจจากแสงออโรร่า ยังเป็นสถานที่จัดกิจกรรมวัฒนธรรมที่สำคัญของเมือง พร้อมรองรับผู้คนได้กว่า 10% ของประชากร Nuuk ท่าจอดเรือใน Nuuk ไม่เพียงเป็นจุดแวะพักผ่อนอันสงบสำหรับเรือสำราญ แต่ยังเป็นประตูสู่การสำรวจแผ่นดินที่มีชีวิตชีวาของกรีนแลนด์ ที่นักท่องเที่ยวจะได้ดื่มด่ำกับความงามของธรรมชาติและสัมผัสกับวัฒนธรรมที่ยาวนาน พร้อมทั้งสร้างความประทับใจไม่รู้ลืมกับการเดินทางที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ!

นานอร์ตาลิค (Nanortalik) เมืองเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในใจกลางธรรมชาติอันงดงามของกรีนแลนด์ ย่านนี้มีภูเขาสูงตระหง่านล้อมรอบ และถือเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดทางใต้ของเกาะ ตัวเมืองมีประชากรน้อยกว่า 1,500 คน และชื่อ "นานอร์ตาลิค" แปลว่า "สถานที่ของหมีขั้วโลก" ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงหมีขั้วโลกที่曾เคยเห็นลอยอยู่บนแผ่นน้ำแข็งในฤดูร้อน หนึ่งในสถานที่ที่น่าสนใจของนานอร์ตาลิคคือพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่ให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของชาวอินูอิต โดยเฉพาะการจัดแสดงแคมป์ล่าสัตว์ในฤดูร้อน ที่ทำให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสกับชีวิตความเป็นอยู่และประเพณีอันงดงามของบรรพบุรุษชาวอินูอิต อีกทั้งยังมีช่างฝีมือท้องถิ่นที่แต่งกายชุดดั้งเดิมมาแบ่งปันเรื่องราวและวัฒนธรรมได้อย่างมีชีวิตชีวา หากคุณมองหาประสบการณ์การเดินทางที่พิเศษและเป็นเอกลักษณ์ นานอร์ตาลิคคือจุดหมายที่ชวนให้คุณหลงใหล พื้นที่นี้ไม่เพียงแต่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และเรื่องราวของชาวอินูอิต แต่ยังมีธรรมชาติที่งดงามและการต้อนรับอันอบอุ่นจากชาวเมืองรอคุณอยู่ ถ้าคุณมีโอกาสไปเยือน อย่าลืมสัมผัสความมหัศจรรย์ของที่นี่ให้ได้!

หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์การท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยความงดงามตามธรรมชาติและวัฒนธรรมโบราณ ท่าเรือ Qaqortoq หรือที่รู้จักในชื่อ Julianehaab บนเกาะกรีนแลนด์คือจุดหมายที่ไม่ควรพลาด ตั้งอยู่ในภาคใต้ของเกาะกรีนแลนด์ Qaqortoq เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ตั้งแต่สมัย prehistoric จนถึงปัจจุบัน เมื่อคุณก้าวเข้าสู่เมืองนี้ คุณจะได้พบกับวิวทิวทัศน์ที่ตระการตาของทะเลฟยอร์ด และภูเขาที่ล้อมรอบเมืิอง น้ำทะเลสีน้ำเงินเข้มและทะเลสาบ Tasersuag รวมถึงภูมิประเทศที่สวยงามให้คุณได้สัมผัส ประวัติศาสตร์ของ Qaqortoq เริ่มขึ้นตั้งแต่ 4,300 ปีที่แล้ว เมืองนี้เคยเป็นที่อยู่อาศัยของชาวนอร์สและชาวอินูอิตในศตวรรษที่ 10 และ 12 และได้รับการก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการในปี 1774 ปัจจุบัน Qaqortoq กลายเป็นท่าเรือสำคัญที่มีศูนย์กลางในการประมงและกิจกรรมหลายอย่าง เช่น การผลิตอาหารทะเล การผลิตหนังสัตว์ และการซ่อมแซมเรือ ที่นี่ไม่เพียงแต่นำเสนอคนรักการท่องเที่ยวในเรื่องราวและวัฒนธรรมท้องถิ่น แต่ยังมอบโอกาสในการสำรวจความงดงามตามธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์ในแบบที่หาไม่ได้จากที่ไหนอีกเลย


ฮีมาอี ของไอซ์แลนด์ คือจุดหมายที่น่าตื่นตาตื่นใจที่คุณไม่ควรพลาดเมื่อเดินทางด้วยเรือสำราญ สัมผัสกับบรรยากาศของเกาะที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ สถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของการระเบิดภูเขาไฟที่น่าพิศวงเมื่อกว่า 40 ปีก่อน ซึ่งทำให้เกาะนี้ถูกแปรเปลี่ยนไปอย่างเหลือเชื่อ แต่ด้วยความกล้าหาญของผู้คนบนเกาะที่ได้ใช้น้ำทะเลหยุดยั้งลาวาจากภูเขาไฟเอลด์เฟล ทำให้ท่าเรือยังคงเปิดอยู่และอุตสาหกรรมการประมงที่มีความสำคัญยังคงยืนยาวต่อไป เดินเที่ยวตามถนนที่สวยงามในฮีมาอี ที่รายล้อมไปด้วยบ้านไม้สีขาว เรายังสามารถชมปราสาทหินภูเขาไฟที่ตระการตาที่เสมือนลอยอยู่เหนือน้ำ ส Revealing Nature of Iceland—through its landscapes, wildlife, and the warmth of its people—คุณจะได้สัมผัสความงามที่ไม่มีที่ไหนเหมือน สำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติโดยใกล้ชิด ต้องไม่พลาดไปสำรวจชายฝั่งที่เต็มไปด้วยชีวิตทะเล รวมถึงนกพันธุ์หายากที่อพยพมาที่นี่ นอกจากการเดินชมหรือท่องเที่ยวแบบมีไกด์แล้ว คุณยังสามารถเพลิดเพลินกับวัฒนธรรมและอาหารท้องถิ่นที่ไม่เหมือนใคร ด้วยเหตุนี้ ฮีมาอี จึงเป็นจุดหมายที่ท่องเที่ยวที่ต้องไปให้ถึง สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินทางหาทางออกใหม่ๆ ในชีวิต.

เรคยาวิก เมืองหลวงที่มีเสน่ห์และเป็นศูนย์กลางของไอซ์แลนด์ ตั้งอยู่บนอ่าวที่มีภูเขามิท เอสยาเป็นฉากหลัง สะท้อนความเป็นธรรมชาติที่งดงามของประเทศ ด้วยบ้านที่ทาสีสันสดใสและหลังคาแดง น้ำเงิน และเขียว เมืองนี้เป็นการรวมตัวของประชากรเกือบครึ่งหนึ่งของประเทศ ชื่อ "เรคยาวิก" มาจากคำภาษาไอซ์แลนด์ที่หมายถึง "อ่าวของควัน" ซึ่งได้รับการตั้งชื่อตามการค้นพบของนักเดินเรือชาวนอร์สที่มามองเห็นเกาะนี้ในปี ค.ศ. 874 ภายในเมืองมีการทำความร้อนจากน้ำร้อนจากบ่อน้ำร้อน ลดมลพิษทางอากาศและมอบความอบอุ่นให้กับบ้านเรือน การสำรวจเรคยาวิกนั้นง่ายด้วย Reykjavik City Card ซึ่งให้สิทธิ์ในการเดินทางด้วยรถประจำทางไม่จำกัดและเข้าชมสระว่ายน้ำทั้งหมดในเมือง รวมถึงสวนสัตว์และพิพิธภัณฑ์ หลายแห่งเป็นที่รู้จัก การเข้าสู่พิพิธภัณฑ์ศิลปะเช่น Hafnarhús และ Kjarvalsstaðir จะทำให้คุณได้รับบัตรเข้าชมฟรีไปยังพิพิธภัณฑ์อื่น ๆ ในวันเดียวกัน มาเปิดประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นในเรคยาวิก ดื่มด่ำกับวัฒนธรรมและธรรมชาติ พร้อมกับสัมผัสความหลากหลายของกิจกรรมที่มีให้เพื่อเติมเต็มวันหยุดของคุณในดินแดนแห่งไฟและน้ำแข็ง!

ระหว่างการเดินทางไปยังหมู่เกาะแฟโร คุณจะได้พบกับท่าเรือที่น่าหลงใหลในเมืองรุนาวิค ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะเอวยอยด์ ท่าเรือนี้ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่พักท่าเรือของเรือสำราญ แต่ยังเป็นประตูสู่ธรรมชาติที่สวยงามและวัฒนธรรมพื้นบ้านที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก รุนาวิคโดดเด่นด้วยท landscapes ที่เต็มไปด้วยภูเขาสูงชันและชายฝั่งที่ขรุขระ ซึ่งเมื่อมองไปยังทะเลจะเห็นเกาะน้ำแข็งและนกนานาชนิดที่อาศัยอยู่ในเขตห้ามล่า ท่าเรือแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของอาคารไม้ที่มีสีสันสดใส ซึ่งสะท้อนเอกลักษณ์ของชาวแฟโรได้เป็นอย่างดี ในระหว่างที่คุณสำรวจบริเวณรอบท่าเรือ สามารถเข้าไปยังพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์รุนาวิคเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของชุมชนท้องถิ่น หรือจะเลือกเพลิดเพลินกับการเดินป่าในเส้นทางที่สวยงามอย่างเส้นทางเดินป่าสูงชันที่นำไปสู่จุดชมวิวที่มีทัศนียภาพที่งดงามของภูมิภาค หากคุณมองหาประสบการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ในประเทศอันน่าหลงใหลแห่งนี้ รุนาวิคจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง ด้วยบรรยากาศอันเงียบสงบและการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากชาวแฟโร ทุกช่วงเวลาในที่นี้คือความทรงจำที่ไม่มีวันลืมเลือน เมื่อคุณเข้าไปสัมผัสกับโลกใหม่แห่งนี้ คุณจะพบว่าทุกก้าวที่เดินคือการค้นพบที่น่าหลงใหล.

เมื่อเรือสำราญของคุณจอดเทียบท่า ณ เมืองสตอร์โนเวย์ เกาะลูอิส คุณจะได้พบกับมิติใหม่ของการเดินทางซึ่งเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์แห่งธรรมชาติและวัฒนธรรมอันรุ่งเรืองของสก็อตแลนด์ เกาะลูอิสและแฮริส เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะฮีบรีดีนอก ทำให้เมืองสตอร์โนเวย์เป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมและกิจกรรมที่ไม่ควรพลาด ในเมืองนี้ คุณสามารถเพลิดเพลินกับการชิมอาหารท้องถิ่นที่ร้านอาหารคุณภาพสูง รวมทั้งเยี่ยมชมศูนย์ศิลปะ An Lanntair ที่มีนิทรรศการทั้งศิลปะร่วมสมัยและดั้งเดิม นอกจากนี้ยังมีวิหารเซนต์คลีเมนต์ ซึ่งเป็นหนึ่งในโบสถ์ที่มีโครงสร้างสวยงามที่สุดในเขตนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15 สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการสำรวจประวัติศาสตร์ ที่นี่มีแหล่งโบราณคดีที่น่าทึ่ง เช่น กลุ่มหินคาลานิสที่สร้างขึ้นในยุคก่อนประวัติศาสตร์ รวมถึงหอคอย Dun Carloway ที่มีอายุประมาณ 2,000 ปี สัมผัสกับความงามและวัฒนธรรมของสตอร์โนเวย์ในขณะที่สำรวจธรรมชาติสุดอลังการและประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยสีสันของเกาะนี้ อย่าลืมแวะเยี่ยมชมร้านทวีตฮาร์ริสที่เผยแพร่สินค้าทอมือสุดพิเศษและของที่ระลึกที่ไม่เหมือนใครเพื่อบอกเล่าเรื่องราวการเดินทางของคุณในเกาะลูอิสแห่งนี้

ท่าเรืออินเวอร์คอร์ดอน เป็นประตูสู่มหัศจรรย์ของที่ราบใหญ่ หรือ Great Glen ในสก็อตแลนด์ ซึ่งรวมถึงทะเลสาบเนส (Loch Ness) และเมืองอินเวอเนส (Inverness) ที่เป็นเมืองหลวงของไฮแลนด์ มีบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเองจากลมทะเลที่พัดมาจากอ่าวโมเรย์ (Moray Firth) นอกจากจะเป็นที่ตั้งของตำนานสัตว์ประหลาดที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกอย่าง "เนสซี่" (Nessie) ซึ่งกลายเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวไม่รู้จบ ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าประทับใจมากมาย เช่น ทะเลสาบในพื้นที่ การเดินป่าในภูเขาอันสูงชัน ทิวทัศน์ที่ตระการตาในโทนสีม่วงและเขียวของทุ่งหญ้า และป่าไม้ที่เต็มไปด้วยสัตว์ป่าที่แปลกตา เช่น กระต่ายภูเขา กวางแดง และนกอินทรีทอง การเดินทางมาที่อินเวอร์คอร์ดอนจะทำให้คุณได้สัมผัสความงามธรรมชาติที่แท้จริงและตำนานที่ยิ่งใหญ่ของสก็อตแลนด์ ไม่ว่าคุณจะเดินทางเพื่อการผจญภัยหรือเพียงเพื่อสัมผัสกับกิจกรรมในบรรยากาศที่เงียบสงบ ท่าเรือนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบสำหรับประสบการณ์ที่ไม่รู้ลืมในดินแดนแห่งสานสัมพันธ์ระหว่างตัวตนกับธรรมชาติอย่างลงตัว

ท่าเรือโดเวอร์ (Dover) เป็นประตูสู่ประเทศอังกฤษที่มีชื่อเสียง และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามสำหรับนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลก ท่าเรือแห่งนี้ถือเป็นศูนย์กลางการเดินเรือที่วุ่นวายเป็นอันดับสองในสหราชอาณาจักร โดยมีชื่อเสียงในฐานะเมืองท่าที่สำคัญสำหรับการเดินทางข้ามทะเล เมื่อคุณมาถึงโดเวอร์ คุณจะได้พบกับ "หน้าผาสีขาว" ที่เป็นเอกลักษณ์ ประวัติศาสตร์อันยาวนานของเมืองนี้น่าตื่นเต้นยิ่งขึ้นเมื่อได้สำรวจปราสาทโดเวอร์ที่มีมาแล้วกว่า 2,000 ปี และพิพิธภัณฑ์ที่มีเรือสำราญยุคสำริดของโดเวอร์ ซึ่งเป็นเรือที่เก่าแก่ที่สุดที่รู้จักกันในโลกที่ใช้เดินทะเล นอกจากนี้ หน้าผาเหล่านี้ยังเป็นจุดสังเกตสำคัญในประวัติศาสตร์ เนื่องจากเคยเป็นศูนย์ควบคุมในการอพยพชาวอังกฤษในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองที่ดันเคิร์คในปี 1940 ด้วยความสูงตระหง่านและความงดงามของธรรมชาติ ทำให้ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนักท่องเที่ยวถึงหลงใหลในความสุขที่โดเวอร์เสนอ ท่าเรือแห่งนี้พร้อมให้คุณสัมผัสประสบการณ์อันน่าตื่นเต้น รอคอยการเดินทางที่ยอดเยี่ยม!
