
02-27217300
02-27217179
service@siloahtravel.com
Monday ~ Friday 09:00-18:00
14F.-3, No.137, Sec. 1, Fuxing S. Rd., Da’an Dist., Taipei City 106, Taiwan
Representative: Tung-Hua Tai
VAT: 43871553
交觀甲793500 品保北2260 隱私權條款
Copyright © 2025 Siloah Travel Co., Ltd.. All rights reserved.

Nieuw Statendam
ฮอลแลนด์อเมริกาไลน์


เมื่อพูดถึงประเทศเนเธอร์แลนด์ หลายคนอาจนึกถึงภาพของคลองสวยงามและมิลล์ลที่เคลื่อนตัวไปตามลม แต่ถ้าคุณเยี่ยมชมที่ท่าเรือรอตเตอร์ดัม คุณจะได้สัมผัสกับอีกด้านหนึ่งของความงดงามและเสน่ห์ที่แตกต่างไปจากเดิม รอตเตอร์ดัมคือเมืองที่รวมเอาความทันสมัยเข้ากับวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า ตั้งอยู่เป็นหนึ่งในท่าเรือที่วุ่นวายที่สุดในโลก เมื่อคุณเดินทางมายังรอตเตอร์ดัม นอกจากการสำรวจท่าเรืออันกว้างใหญ่แล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายให้คุณได้สัมผัส เริ่มจากสถาปัตยกรรมอันล้ำสมัย ที่สามารถพบเห็นได้ตามตึกสูงต่างๆ เช่น 'Euromast' ที่เปิดโอกาสให้คุณได้ชมวิวเมืองจากมุมสูง นอกจากนี้ ยังมีพิพิธภัณฑ์ Boijmans Van Beuningen ที่นำเสนอผลงานศิลปะจากศิลปินชื่อดัง นอกจากเรื่องวัฒนธรรมแล้ว รอตเตอร์ดัมยังเป็นสวรรค์สำหรับนักชิม ด้วยร้านอาหารและคาเฟ่มากมายที่เสิร์ฟเมนูต้นตำรับจากเนเธอร์แลนด์และนานาชาติ คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์ชิมที่หลากหลาย พร้อมกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา เยี่ยมชมรอตเตอร์ดัม เพื่อค้นพบความงามในรูปแบบใหม่ๆ เสพสุขไปกับการเดินทางที่น่าจดจำในเมืองที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจนี้

เมืองอาเลซุนด์ (Ålesund) ตั้งอยู่ในเขตมอร์เรอ และ รอมส์ดาล (Møre og Romsdal) เป็นท่าเรือที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และวัฒนธรรม เมืองนี้ได้ชื่อว่าเป็นราชธานีทางการค้าริมชายฝั่ง และเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในความงดงามของสถาปัตยกรรมสไตล์ยูเจนด์สติล (Jugendstil) หรืออาร์ตนูโว ซึ่งบางคนยกให้เมืองนี้เป็นหนึ่งในเมืองที่สวยที่สุดของนอร์เวย์ เมืองอาเลซุนด์ถูกสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมดหลังจากเกิดเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในปี 1904 ซึ่งทำให้มีบ้านเรือนถูกทำลายไปถึง 800 หลัง และประชาชนต้องไร้ที่อยู่อาศัยถึง 10,000 คน การสร้างใหม่ในครั้งนี้ได้แรงบันดาลใจจากสถาปนิกหนุ่มต่างชาติที่นำสไตล์เยอรมันและรากเหง้าของชาวไวกิ้งมาผสมผสานกันอย่างลงตัว ทำให้ถนนแคบๆ ในเมืองเต็มไปด้วยอาคารที่มียอดแหลมต่างๆ พร้อมการตกแต่งรูปหัวมังกรและลวดลายที่งดงาม นอกจากนี้อาเลซุนด์ยังเป็นหนึ่งในเมืองอาร์ตนูโวที่เหลืออยู่ไม่กี่เมืองในโลก และในปี 1998 เมืองนี้ได้รับรางวัล Houens National Memorial Prize เพื่อเป็นการยกย่องความพยายามในการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์แห่งนี้ หากคุณได้มีโอกาสเยี่ยมชมเมืองอาเลซุนด์แล้ว จะรู้สึกถึงความงดงาม และเสน่ห์ที่ไม่ซ้ำใครอย่างแน่นอน


ทรอนด์ไฮม์ (Trondheim) หนึ่งในเมืองเก่าแก่ของสแกนดิเนเวียที่เคยเป็นเมืองหลวงแรกของนอร์เวย์ตั้งแต่ปี ค.ศ. 997 จนถึง 1380 เมืองที่ก่อตั้งโดยราชานอร์เวย์ โอลาฟ ทรียกวาเซน (Olav Tryggvason) นี้เดิมมีชื่อว่า นิดารอส (Nidaros) ซึ่งยังคงเป็นชื่อของมหาวิหารที่มีชื่อเสียง เมืองนี้ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำนิดเอลวา (Nidelva) และปัจจุบันเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภาคกลางของนอร์เวย์และอันดับสามในประเทศ ด้วยประชากรประมาณ 150,000 คน ในใจกลางเมืองแห่งนี้ ถนนถูกจัดเรียงอย่างกว้างขวางไปด้วยบ้านไม้ที่ทาสีสันสดใสและคลังสินค้าที่ล้วนมีเสน่ห์ดึงดูด ตลอดจนสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง พร้อมกันนี้ยังเป็นที่ตั้งของ NTNU (มหาวิทยาลัยนอร์เวย์ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี) ซึ่งทำให้ทรอนด์ไฮม์กลายเป็นเมืองหลวงทางด้านเทคโนโลยีของนอร์เวย์ สัมผัสประวัติศาสตร์ที่มีชีวิตชีวาและสนุกสนานไปกับเสน่ห์ของเมืองศิลปะและนวัตกรรม พร้อมเพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์ที่งดงามจากแม่น้ำและชนบทที่ล้อมรอบ เป็นประสบการณ์ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดในการเดินทางมายังทรอนด์ไฮม์เมืองที่มีทั้งอดีตและอนาคตอันสดใส!

ในประเทศนอร์เวย์ ท่าเรือ Honningsvåg เป็นประตูสู่การผจญภัยที่ไม่เหมือนใครบนแผ่นดินยุโรปเหนือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการเยือน Nordkapp หรือ North Cape ซึ่งเป็นจุดที่อยู่เหนือสุดของทวีปยุโรป การเดินทางจาก Honningsvåg ไปยัง Nordkapp ระยะทางประมาณ 35 กิโลเมตร โดยมีทิวทัศน์ที่น่าทึ่งของทุ่งหญ้าทุนดราและกวางเรนเดียร์ที่เดินกินหญ้าในทุ่งที่เป็นหิน ซึ่งจะมีการรวมฝูงกวางเป็นประจำทุกฤดูใบไม้ผลิ Honningsvåg ที่ตั้งอยู่บนเกาะ Magerøya เป็นหมู่บ้านประมงที่ให้บรรยากาศอบอุ่น พร้อมมีจุดชมวิวที่ช่วยให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกับความงามของธรรมชาติ โดยเฉพาะเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นและตก ที่สร้างบรรยากาศที่เหมาะแก่การหลีกหนีจากความวุ่นวายของชีวิตประจำวัน การสำรวจ Nordkapp ไม่เพียงแต่เป็นการสัมผัสพื้นที่ที่ไม่เหมือนใคร แต่ยังเป็นการชวนให้ผู้คนเคารพต่อสิ่งแวดล้อมด้วยการเดินทางตามเส้นทางที่กำหนดและไม่สร้างความเสียหายให้กับธรรมชาติ สำหรับผู้ที่มาฤดูหนาว การเข้าถึง Nordkapp จะต้องใช้รถ Sno-Cat เพื่อย้ายผ่านภูมิประเทศที่ปกคลุมด้วยหิมะ สร้างความทรงจำที่ยากจะลืมเลือนในภายหลัง การเดินทางสู่ Honningsvåg และ Nordkapp จึงเป็นประสบการณ์ที่พร้อมจะเติมเต็มความฝันให้กับนักท่องเที่ยวที่สนใจในความงามและความมหัศจรรย์ของอาร์กติก

ท่าเรือทรอมโซ (Tromsø) ตั้งอยู่บนเกาะทรอมโซ เป็นเมืองที่ใหญ่กว่ากรุงออสโลถึงห้าเท่า และยังเป็นเมืองมหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่เหนือสุดของโลก ที่นี่อยู่ห่างจากวงกลมอาร์กติกเพียง 200 ไมล์ ซึ่งได้รับการขนานนามว่า "ประตูสู่อาร์กติก" ย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 19 เมืองนี้เคยเป็นฐานที่ตั้งสำหรับนักสำรวจในการนำทางล่าสัตว์ในเขตอาร์กติก เช่น หมาป่าทางเหนือ และหมีขั้วโลก ปัจจุบัน ทรอมโซยังสามารถสัมผัสประวัติศาสตร์อันสำคัญนี้ได้ที่พิพิธภัณฑ์โพลาร์ (Polar Museum) ในระหว่างการเยี่ยมชม เราสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมและประเพณีของชาวซามี (Sami) ที่พิพิธภัณฑ์ทรอมโซ (Tromsø Museum) ที่นี่ยังมีความงามของสถาปัตยกรรมทั้งเก่าและใหม่ โดยเฉพาะโบสถ์อาร์กติก (Arctic Cathedral) ที่เป็นเอกลักษณ์ มองออกไปเห็นภูเขาสโตร์สเตน (Mount Storsteinen) ที่มีรถกระเช้าขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์รอบเมืองได้อย่างงดงาม การเดินทางมายังท่าเรือทรอมโซจึงไม่เพียงเป็นการพบปะกับธรรมชาติที่สวยงาม แต่ยังเป็นการสำรวจวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่มีความหมายอย่างลึกซึ้งอีกด้วย มาร่วมเริ่มต้นการผจญภัยที่นี่กันเถอะ!

อันดาลส์เนส (Åndalsnes) หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในประเทศนอร์เวย์ เป็นประตูสู่ความงดงามของธรรมชาติที่แสนบริสุทธิ์ในฟยอร์ดของโรมนด์ดาลฟยอร์ด หรือที่รู้จักกันในนาม "หมู่บ้านระหว่างภูเขาและฟยอร์ด" อันดาลส์เนสมีมุมมองที่สวยงามซึ่งตั้งอยู่บนจุดสูงที่ล้อมรอบด้วยภูเขาอัลป์และอยู่ที่ปากแม่น้ำรอมา สถานที่นี้ไม่เพียงแต่ให้ทัศนียภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจ แต่ยังเป็นที่ตั้งของ "ผนังท Troll" (Trollveggen) ที่สูงที่สุดในยุโรป ซึ่งสูงกว่า 6,000 ฟุต และมักถูกปกคลุมไปด้วยหมอก มีชื่อเสียงในหมู่นักปีนเขาที่มาที่นี่เพื่อท้าทายตัวเองกับความยากลำบากของหน้าผานี้ อันดาลส์เนสยังเป็นจุดสิ้นสุดของรถไฟโรมา (Rauma Railway) สายที่มีความยาวถึง 70 ไมล์ ที่วิ่งคู่ขนานไปกับแม่น้ำรอมา ปรากฏภาพธรรมชาติที่น่าหลงใหล ซึ่งเชื่อมต่อกับเส้นทางหลักจากออสโลสู่ทรอนด์ไฮม์ มาเปิดประสบการณ์ที่น่าทึ่งกับธรรมชาติอันสวยงามแบบนี้ที่อันดาลส์เนส ที่จะทำให้การเดินทางของคุณเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและความทรงจำที่ไม่มีวันลืม

นอร์ดฟยอร์เดไอด์ (Nordfjordeid) คือท่าเรือที่อยู่ในประเทศนอร์เวย์ ตั้งอยู่ในแนวชายฝั่งที่งดงามซึ่งถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่สะกดใจนักท่องเที่ยวทุกคน ด้วยบรรยากาศอันเงียบสงบและทิวทัศน์ที่น่าหลงใหล นอร์ดฟยอร์เดไอด์ถูกล้อมรอบด้วยภูเขาที่สูงตระหง่านและฟยอร์ดสีฟ้าครามที่สะท้อนถึงความงดงามของธรรมชาติ สำหรับนักท่องเที่ยวที่แวะมาที่นี่ คุณจะมีโอกาสสัมผัสประสบการณ์อันหลากหลาย ตั้งแต่การเดินป่าในเส้นทางที่มีทิวทัศน์สวยงาม ไปจนถึงการล่องเรือในฟยอร์ดที่มีชื่อเสียง นอกจากนี้ ยังสามารถสำรวจวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของพื้นที่โดยการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์และสถานที่ท่องเที่ยวที่สื่อถึงวิถีชีวิตของชาวนอร์เวย์ การไปเยือนนอร์ดฟยอร์เดไอด์ไม่เพียงแต่จะเติมเต็มแรงบันดาลใจในการเดินทาง แต่ยังช่วยให้คุณมีโอกาสสัมผัสความงามของธรรมชาติในแบบที่ไม่ซ้ำใคร เป็นท่าเรือที่เหมาะแก่การหยุดพักเพื่อให้คุณได้ลิ้มรสความหรูหราและความสงบ ก่อนจะออกเดินทางต่อไปอย่างเต็มที่ในทริปอันน่าจดจำของคุณ!

เลอร์วิค เมืองเล็กที่มีเสน่ห์ ตั้งอยู่บนหมู่เกาะเชตแลนด์ (Shetland Islands) ของสกอตแลนด์ เป็นจุดหมายอันดับต้น ๆ สำหรับนักท่องเที่ยวที่มุ่งหน้าเข้าสู่ท่าเรือที่มีชีวิตชีวานี้ เมืองนี้ก่อตั้งขึ้นโดยชาวดัตช์ในศตวรรษที่ 17 และยังคงรักษาความงามของอาคารหินที่เรียกว่า "ล๊อดเบอรีส์" ซึ่งเป็นสถานที่ขนส่งสินค้าที่สำคัญในอดีต นี่คือเสน่ห์ที่ดึงดูดผู้คนและสะท้อนถึงความรุ่งเรืองในอดีตของเมืองนี้ เมื่อเดินเรือเข้าท่าเลอร์วิค คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศของท่าเรือที่ปัจจุบันยังมีความคึกคัก ด้วยถนนที่ปูด้วยแผ่นหินและวิวชายฝั่งที่งดงาม ทำให้ที่นี่เป็นเสมือนประตูสู่การสำรวจความงามของเชตแลนด์ สำหรับนักเดินทางที่มาเยือน ยังมีโอกาสได้พบปะกับวัฒนธรรมชาวเซลติก ที่สำคัญ และการชมธรรมชาติที่น่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นชายหาดที่ป่าเขียวขจีหรือสัตว์ป่าในท้องถิ่น ด้วยความเพลิดเพลินและน่าหลงใหลที่เลอร์วิคมอบให้ คุณจะได้สัมผัสกับการเดินทางที่ไม่เหมือนใคร คอยต้อนรับความตื่นเต้นในทุกขั้นตอนของการสำรวจสมบัติที่ซ่อนอยู่ในภูมิภาคนี้

ท่าเรืออินเวอร์คอร์ดอน เป็นประตูสู่มหัศจรรย์ของที่ราบใหญ่ หรือ Great Glen ในสก็อตแลนด์ ซึ่งรวมถึงทะเลสาบเนส (Loch Ness) และเมืองอินเวอเนส (Inverness) ที่เป็นเมืองหลวงของไฮแลนด์ มีบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเองจากลมทะเลที่พัดมาจากอ่าวโมเรย์ (Moray Firth) นอกจากจะเป็นที่ตั้งของตำนานสัตว์ประหลาดที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกอย่าง "เนสซี่" (Nessie) ซึ่งกลายเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวไม่รู้จบ ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าประทับใจมากมาย เช่น ทะเลสาบในพื้นที่ การเดินป่าในภูเขาอันสูงชัน ทิวทัศน์ที่ตระการตาในโทนสีม่วงและเขียวของทุ่งหญ้า และป่าไม้ที่เต็มไปด้วยสัตว์ป่าที่แปลกตา เช่น กระต่ายภูเขา กวางแดง และนกอินทรีทอง การเดินทางมาที่อินเวอร์คอร์ดอนจะทำให้คุณได้สัมผัสความงามธรรมชาติที่แท้จริงและตำนานที่ยิ่งใหญ่ของสก็อตแลนด์ ไม่ว่าคุณจะเดินทางเพื่อการผจญภัยหรือเพียงเพื่อสัมผัสกับกิจกรรมในบรรยากาศที่เงียบสงบ ท่าเรือนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบสำหรับประสบการณ์ที่ไม่รู้ลืมในดินแดนแห่งสานสัมพันธ์ระหว่างตัวตนกับธรรมชาติอย่างลงตัว
ท่าเรือโดเวอร์ (Dover) เป็นประตูสู่ประเทศอังกฤษที่มีชื่อเสียง และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามสำหรับนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลก ท่าเรือแห่งนี้ถือเป็นศูนย์กลางการเดินเรือที่วุ่นวายเป็นอันดับสองในสหราชอาณาจักร โดยมีชื่อเสียงในฐานะเมืองท่าที่สำคัญสำหรับการเดินทางข้ามทะเล เมื่อคุณมาถึงโดเวอร์ คุณจะได้พบกับ "หน้าผาสีขาว" ที่เป็นเอกลักษณ์ ประวัติศาสตร์อันยาวนานของเมืองนี้น่าตื่นเต้นยิ่งขึ้นเมื่อได้สำรวจปราสาทโดเวอร์ที่มีมาแล้วกว่า 2,000 ปี และพิพิธภัณฑ์ที่มีเรือสำราญยุคสำริดของโดเวอร์ ซึ่งเป็นเรือที่เก่าแก่ที่สุดที่รู้จักกันในโลกที่ใช้เดินทะเล นอกจากนี้ หน้าผาเหล่านี้ยังเป็นจุดสังเกตสำคัญในประวัติศาสตร์ เนื่องจากเคยเป็นศูนย์ควบคุมในการอพยพชาวอังกฤษในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองที่ดันเคิร์คในปี 1940 ด้วยความสูงตระหง่านและความงดงามของธรรมชาติ ทำให้ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนักท่องเที่ยวถึงหลงใหลในความสุขที่โดเวอร์เสนอ ท่าเรือแห่งนี้พร้อมให้คุณสัมผัสประสบการณ์อันน่าตื่นเต้น รอคอยการเดินทางที่ยอดเยี่ยม!

เมื่อพูดถึงประเทศเนเธอร์แลนด์ หลายคนอาจนึกถึงภาพของคลองสวยงามและมิลล์ลที่เคลื่อนตัวไปตามลม แต่ถ้าคุณเยี่ยมชมที่ท่าเรือรอตเตอร์ดัม คุณจะได้สัมผัสกับอีกด้านหนึ่งของความงดงามและเสน่ห์ที่แตกต่างไปจากเดิม รอตเตอร์ดัมคือเมืองที่รวมเอาความทันสมัยเข้ากับวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า ตั้งอยู่เป็นหนึ่งในท่าเรือที่วุ่นวายที่สุดในโลก เมื่อคุณเดินทางมายังรอตเตอร์ดัม นอกจากการสำรวจท่าเรืออันกว้างใหญ่แล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายให้คุณได้สัมผัส เริ่มจากสถาปัตยกรรมอันล้ำสมัย ที่สามารถพบเห็นได้ตามตึกสูงต่างๆ เช่น 'Euromast' ที่เปิดโอกาสให้คุณได้ชมวิวเมืองจากมุมสูง นอกจากนี้ ยังมีพิพิธภัณฑ์ Boijmans Van Beuningen ที่นำเสนอผลงานศิลปะจากศิลปินชื่อดัง นอกจากเรื่องวัฒนธรรมแล้ว รอตเตอร์ดัมยังเป็นสวรรค์สำหรับนักชิม ด้วยร้านอาหารและคาเฟ่มากมายที่เสิร์ฟเมนูต้นตำรับจากเนเธอร์แลนด์และนานาชาติ คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์ชิมที่หลากหลาย พร้อมกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา เยี่ยมชมรอตเตอร์ดัม เพื่อค้นพบความงามในรูปแบบใหม่ๆ เสพสุขไปกับการเดินทางที่น่าจดจำในเมืองที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจนี้

ท่าเรือควีนส์เฟอรี (Queensferry) ตั้งอยู่ในสกอตแลนด์ เป็นประตูสู่การผจญภัยที่น่าตื่นตาตื่นใจในเชื่อมต่อไปยังเมืองเอดินเบอระและแหล่งท่องเที่ยวอันน่าทึ่งในบริเวณรอบข้าง ท่าเรือแห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นจุดจอดเรือสำราญ แต่ยังเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตที่งดงาม ท่าเรือควีนส์เฟอรีเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของสะพานฟอร์ธ (Forth Bridge) ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก สะพานนี้ไม่เพียงแต่มีความสวยงาม ยังเป็นสัญลักษณ์ของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในยุคแรกอีกด้วย นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ยังสามารถสำรวจเมืองควีนส์เฟอรีซึ่งมีร้านค้าและร้านอาหารมากมาย พร้อมกับชมวิวทิวทัศน์ที่งดงามของทะเลฟอร์ธ ที่นี่ยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เช่น ปราสาทเอดินเบอระ หรือแม้กระทั่งฟาร์มอูฐที่มีชื่อเสียง ท่าเรือควีนส์เฟอรีจึงอุดมไปด้วยประสบการณ์ที่หลากหลาย ทั้งความมหัศจรรย์ของธรรมชาติและวัฒนธรรมที่หลากหลาย รอให้คุณมาสัมผัสและสร้างความทรงจำที่ไม่รู้ลืม สถานที่แห่งนี้เป็นจุดหมายปลายทางที่ควรค่าแก่การเยี่ยมชมสำหรับนักเดินทางทุกคน

ท่าเรืออินเวอร์คอร์ดอน เป็นประตูสู่มหัศจรรย์ของที่ราบใหญ่ หรือ Great Glen ในสก็อตแลนด์ ซึ่งรวมถึงทะเลสาบเนส (Loch Ness) และเมืองอินเวอเนส (Inverness) ที่เป็นเมืองหลวงของไฮแลนด์ มีบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเองจากลมทะเลที่พัดมาจากอ่าวโมเรย์ (Moray Firth) นอกจากจะเป็นที่ตั้งของตำนานสัตว์ประหลาดที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกอย่าง "เนสซี่" (Nessie) ซึ่งกลายเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวไม่รู้จบ ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าประทับใจมากมาย เช่น ทะเลสาบในพื้นที่ การเดินป่าในภูเขาอันสูงชัน ทิวทัศน์ที่ตระการตาในโทนสีม่วงและเขียวของทุ่งหญ้า และป่าไม้ที่เต็มไปด้วยสัตว์ป่าที่แปลกตา เช่น กระต่ายภูเขา กวางแดง และนกอินทรีทอง การเดินทางมาที่อินเวอร์คอร์ดอนจะทำให้คุณได้สัมผัสความงามธรรมชาติที่แท้จริงและตำนานที่ยิ่งใหญ่ของสก็อตแลนด์ ไม่ว่าคุณจะเดินทางเพื่อการผจญภัยหรือเพียงเพื่อสัมผัสกับกิจกรรมในบรรยากาศที่เงียบสงบ ท่าเรือนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบสำหรับประสบการณ์ที่ไม่รู้ลืมในดินแดนแห่งสานสัมพันธ์ระหว่างตัวตนกับธรรมชาติอย่างลงตัว

ท่าเรือ Portree บนเกาะ Skye ในสกอตแลนด์ เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าหลงใหลซึ่งเต็มไปด้วยเสน่ห์อันโรแมนติกและวิวทิวทัศน์ที่งดงาม เกาะ Skye เป็นที่รู้จักในเรื่องของภูเขา Cuillin ที่มายืมความสวยงามแบบธรรมชาติ ตั้งอยู่ใกล้กับแผ่นดินใหญ่ ทำให้เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวที่ต้องการค้นหาความลึกลับและมนต์เสน่ห์ของภูเขาและทะเล การได้ชมพระอาทิตย์ตกดินที่นี่ เป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน โดยเฉพาะแสงสีทองที่สาดส่องจนค่อนคืน นักท่องเที่ยวสามารถสำรวจเกาะได้อย่างง่ายดายด้วยถนนสายหลักที่ห้อมล้อมขึ้นทางเหนือและใต้ของเกาะ ประเด็นเด่นคือบ้านเก่าแก่ที่บางหลังยังมีผู้อาศัย ซึ่งมีผนังหินหนาและหลังคาหญ้าตามที่เห็นในภาพถ่ายที่หลากหลาย สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินทาง มีเส้นทางที่สวยงามของ Sleat Peninsula ที่เชื่อมโยงทิวทัศน์อันสะกดตา จนท่านต้องเพลิดเพลินไปกับการขับรถไปทั่วทั้งเกาะ Portree ไม่เพียงแต่เป็นท่าเรือที่สำคัญ ยังเป็นประตูสู่การผจญภัยในธรรมชาติที่แท้จริง ที่จะเติมเต็มจิตวิญญาณของนักเดินทางทุกคน ด้วยบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสงบและความงามที่น่าอัศจรรย์ เกาะ Skye คือจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดในชีวิตของคุณ

เบลฟาสต์ เมืองหลวงของไอร์แลนด์เหนือ เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และความเจริญรุ่งเรือง ตั้งอยู่บนริมฝั่งทะเลไอริช โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า Béal Feirste ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านการผลิตผ้าไหมและการสร้างเรือ ที่นี่เคยเป็นบ้านของชัยชนะในการสร้างไททานิค เรือสำราญที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยการพัฒนาที่ก้าวกระโดดในศตวรรษที่ 18 เบลฟาสต์กลายเป็นเมืองอุตสาหกรรมที่สำคัญ มีประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ในช่วงเวลาหนึ่ง เมืองนี้ต้องเผชิญกับความขัดแย้งทางด้านศาสนา จนกระทั่งสงครามที่เรียกว่า “Troubles” สิ้นสุดลงในปี 1994 หลังจากนั้น เมืองได้เริ่มการฟื้นฟู ซึ่งรวมไปถึงการลงทุนในโรงแรมใหม่ ๆ และการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวที่ทำให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลมายังเมือง ปัจจุบัน เบลฟาสต์มีพื้นที่ใจกลางเมืองที่เดินง่าย ประกอบด้วยแหล่งท่องเที่ยวสำคัญมากมาย เช่น หอศิลป์พิพิธภัณฑ์ โบสถ์ และโรงละคร การสำรวจเมืองนี้จะสร้างประสบการณ์ที่น่าหลงใหลและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่รักการเดินทางไปยังดินแดนที่มีเสน่ห์และประวัติศาสตร์อันล้ำค่าดังกล่าว

ท่าเรือกรีน็อคในสกอตแลนด์ เป็นประตูสู่เมืองกลาสโกว์ เมืองที่เต็มไปด้วยความน่าตื่นเต้นและวัฒนธรรมที่หลากหลาย หลังจากประสบกับการลดลงในอดีต กลาสโกว์ได้ฟื้นฟูตัวเองอย่างน่าทึ่ง ด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงาม เช่น อาคารที่ออกแบบโดย Charles Rennie Mackintosh และพิพิธภัณฑ์ Riverside ที่ออกแบบโดย Zaha Hadid ที่สะท้อนถึงกิจกรรมการค้าและการต่อเรือในอดีต เมืองกลาสโกว์ มีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 1,500 ปี มีตำนานเกี่ยวกับใจกลางของเมืองที่เกิดจากความไม่ซื่อสัตย์ของพระราชินี ซึ่งประดับด้วยสัญลักษณ์ที่ยังคงอยู่ในตราเมือง ด้วยการเติบโตของอุตสาหกรรมและการค้าในศตวรรษที่ 18 และ 19 กลาสโกว์กลายเป็นศูนย์กลางการต่อเรือและการค้าฝ้ายที่สำคัญ ปัจจุบัน เมืองนี้มีชีวิตชีวาด้วยกิจกรรมทางวัฒนธรรมและร้านค้าทันสมัย เรียกได้ว่าเป็นแหล่งจุดเปลี่ยนสำคัญให้กับผู้ที่แสวงหาประสบการณ์ใหม่ๆ หลังจากการเยี่ยมชมที่นี่ คุณยังสามารถใช้เวลาเพียง 40 นาทีเพื่อไปยังทะเลสาบโลห์โลมอนด์ สถานที่ที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ของสกอตแลนด์ ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้คุณค้นพบโลกใหม่ที่รอคอยอยู่
Killybegs เมืองชายฝั่งที่เงียบสงบในแคว้น Donegal ของไอร์แลนด์ เป็นเมืองตกปลาอันดับหนึ่งของประเทศ ที่นี่เต็มไปด้วยบรรยากาศสดชื่นและอากาศทะเลที่เย็นสบาย ซึ่งดึงดูดให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกับเสน่ห์ของการใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแต่เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา เรือประมงที่เรียงรายอยู่ริมท่าเรือพร้อมล่องไปในรุ่งเช้า เป็นภาพที่สร้างแรงบันดาลใจในช่วงต้นวัน Killybegs ยังเป็นประตูสู่ทัศนียภาพชายฝั่งที่งดงาม ไม่ว่าจะเป็นการชมประภาคารขาวสะอาดที่คอยเตือนภัยแก่เรือในทะเล หรือการเดินเล่นไปตามชายฝั่งอันตื่นตาตื่นใจ ขึ้นไปชมความงามของ Slieve League ที่ตั้งตระหง่าน ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในยุโรปตะวันตก ตรงนี้นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสความตื่นเต้นเมื่อได้มองเหล่าผาสูงชันที่ดิ่งลงสู่ทะเล ใน Killybegs คุณจะได้พบกับประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร ตั้งแต่บรรยากาศการตกปลาจริง ไปจนถึงการสำรวจธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ หากคุณกำลังมองหาจุดหมายที่น่าพิสูจน์ และสัมผัสการเดินทางที่ไม่ธรรมดา Killybegs คือคำตอบสำหรับคุณในการผจญภัยครั้งหน้าในไอร์แลนด์


เกาะไอร์แลนด์เป็นที่รู้จักในชื่อเสียงของมรดกวัฒนธรรมที่หลากหลาย และเมืองที่มีเสน่ห์แห่งนี้คือ แกลเวย์ (Galway) ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกในจังหวัดคอนน็อคต์ เมืองนี้มีที่ตั้งที่งดงามบนแม่น้ำคอริบ ระหว่างทะเลสาบคอริบและอ่าวแกลเวย์ โดยล้อมรอบด้วยเขตแกลเวย์ เป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยวัฒนธรรมที่ล้ำยุค มีร้านค้าเฉพาะที่เจ้าของท้องถิ่นมักจะนำเสนอสินค้าที่ผลิตในท้องถิ่น เช่น งานฝีมือที่ถูกสร้างสรรค์ด้วยมือ ศูนย์กลางของเมืองคือ อีร์สแควร์ (Eyre Square) สถานที่นัดพบที่นิยม ในขณะที่ร้านค้าและผับแบบดั้งเดิมที่มักจะมีเพลงพื้นบ้านไอริชสดให้ได้ฟังอย่างเต็มอิ่ม นอกจากนี้ ถนนในย่านลาติน (Latin Quarter) ยังเรียงรายไปด้วยคาเฟ่พักผ่อน บูติก และแกลเลอรีศิลปะที่บอกเล่าความเป็นมาของเมืองที่โอบล้อมไปด้วยกำแพงเมืองยุคกลาง ด้วยชื่อเล่นว่า "เมืองแห่งเผ่า" แกลเวย์ได้สืบทอดมรดกของครอบครัวพ่อค้าที่มีอิทธิพลในประวัติศาสตร์เมือง ซึ่งสะท้อนถึงความภูมิใจและมรดกทางวัฒนธรรมที่ยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน การเยี่ยมชมแกลเวย์จึงเป็นการสำรวจสุนทรียภาพทางวัฒนธรรมและความงามธรรมชาติที่ไม่ควรพลาดในเส้นทางการเดินทางของคุณ

เมื่อเรือสำราญของคุณแล่นเข้าสู่ท่าเรือคอร์ก (Cork) ในไอร์แลนด์ คุณจะได้สัมผัสกับเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่น่าหลงใหลซึ่งสืบทอดมายาวนานตั้งแต่ปี 1185 คอร์กมีชื่อมาจากคำว่า “corcaigh” ซึ่งหมายถึง “สถานที่ที่มีน้ำท่วม” อดีตเคยเป็น settlement ในศตวรรษที่ 6 ที่กระจายอยู่บนเกาะเล็ก ๆ ถึง 13 เกาะในแม่น้ำลี (River Lee) ด้วยประวัติศาสตร์ที่มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องในศตวรรษที่ 17 และ 18 เมืองนี้จึงเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบจอร์เจียนที่สวยงาม ซึ่งมีหน้าต่างโค้งกว้างให้คุณได้ชมความงาม อีกทั้งยังมีศูนย์กลางการค้ามากมายที่ตั้งอยู่บนเกาะทำให้มีสะพานและท่าเรือที่หลากหลาย สร้างเสน่ห์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร คอร์กเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความเป็นไอริช ทั้งกีฬาเฮอร์ลิง, ฟุตบอลเกลิค, ผับที่มีดนตรีสด และการแข่งขันสรีรศาสตร์ที่น่าตื่นเต้น แต่ในขณะเดียวกันก็มีวัฒนธรรมที่หลากหลาย โดยคุณอาจได้เห็นฮิปปี้ ชาวเกย์ และเกษตรกรนั่งดื่มที่ผับเดียวกัน สัมผัสเมืองที่ให้บรรยากาศเป็นกันเองและต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยความอบอุ่น เปลี่ยนเส้นทางการเดินทางของคุณให้น่าจดจำในท่ามกลางความงดงามของคอร์ก วันที่คุณมาที่นี่ คุณจะไม่เพียงแค่เยี่ยมชมเมือง แต่ยังรู้สึกถึงชีวิตและวัฒนธรรมที่เปี่ยมไปด้วยสีสันที่น่าหลงใหลอีกด้วย

ดับลิน เมืองหลวงของไอร์แลนด์ กำลังกลับมาผงาดอีกครั้ง หลังจากผ่านพ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยในยุค "Celtic Tiger" ที่ยิ่งใหญ่ สู่ความฟื้นตัวที่ทำให้เมืองนี้กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวในยุโรปตะวันตก ดับลินในวันนี้คือการผสมผสานระหว่างความเก่าแก่และทันสมัย เพราะไม่ว่าคุณจะมาเยือนเพื่อสัมผัสกับวัฒนธรรมดั้งเดิมหรือเสน่ห์ใหม่ๆ จะพบว่าที่นี่เต็มไปด้วยความบันเทิงที่ไม่รู้จบ วอล์กผ่านย่าน Temple Bar ย่านที่เคยอับโชคแต่ปัจจุบันเต็มไปด้วยคาเฟ่และโรงแรมสุดเก๋ พร้อมบรรยากาศของปาร์ตี้ที่ไม่เคยหลับใหล นอกจากนี้ เขต Italian Quarter ที่แอบซ่อนความหรูหราด้วยร้านอาหารกลางแจ้งและการเรียนทำนองทังโก้ สะท้อนให้เห็นถึงความมีชีวิตชีวาของวัฒนธรรมเซลติก ที่ไม่ว่าจะเป็นการแสดง Riverdance หรือผลงานเพลงของ Hozier ก็สามารถดึงดูดความสนใจได้อย่างดี นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแล้ว ดับลินยังมีร้านค้า โรงแรม และแกลเลอรีศิลปะมากมาย ที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่กลางกรุงปารีส เมืองที่ค้นพบใหม่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความน่าเย้ายวนใจ รอให้คุณสัมผัสและสร้างความทรงจำไม่รู้ลืมที่นี่ในเมืองที่เป็นนวัตกรรมและความมีชีวิตชีวาอย่างแท้จริง
ท่าเรือโดเวอร์ (Dover) เป็นประตูสู่ประเทศอังกฤษที่มีชื่อเสียง และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามสำหรับนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลก ท่าเรือแห่งนี้ถือเป็นศูนย์กลางการเดินเรือที่วุ่นวายเป็นอันดับสองในสหราชอาณาจักร โดยมีชื่อเสียงในฐานะเมืองท่าที่สำคัญสำหรับการเดินทางข้ามทะเล เมื่อคุณมาถึงโดเวอร์ คุณจะได้พบกับ "หน้าผาสีขาว" ที่เป็นเอกลักษณ์ ประวัติศาสตร์อันยาวนานของเมืองนี้น่าตื่นเต้นยิ่งขึ้นเมื่อได้สำรวจปราสาทโดเวอร์ที่มีมาแล้วกว่า 2,000 ปี และพิพิธภัณฑ์ที่มีเรือสำราญยุคสำริดของโดเวอร์ ซึ่งเป็นเรือที่เก่าแก่ที่สุดที่รู้จักกันในโลกที่ใช้เดินทะเล นอกจากนี้ หน้าผาเหล่านี้ยังเป็นจุดสังเกตสำคัญในประวัติศาสตร์ เนื่องจากเคยเป็นศูนย์ควบคุมในการอพยพชาวอังกฤษในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองที่ดันเคิร์คในปี 1940 ด้วยความสูงตระหง่านและความงดงามของธรรมชาติ ทำให้ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนักท่องเที่ยวถึงหลงใหลในความสุขที่โดเวอร์เสนอ ท่าเรือแห่งนี้พร้อมให้คุณสัมผัสประสบการณ์อันน่าตื่นเต้น รอคอยการเดินทางที่ยอดเยี่ยม!

เมื่อพูดถึงประเทศเนเธอร์แลนด์ หลายคนอาจนึกถึงภาพของคลองสวยงามและมิลล์ลที่เคลื่อนตัวไปตามลม แต่ถ้าคุณเยี่ยมชมที่ท่าเรือรอตเตอร์ดัม คุณจะได้สัมผัสกับอีกด้านหนึ่งของความงดงามและเสน่ห์ที่แตกต่างไปจากเดิม รอตเตอร์ดัมคือเมืองที่รวมเอาความทันสมัยเข้ากับวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า ตั้งอยู่เป็นหนึ่งในท่าเรือที่วุ่นวายที่สุดในโลก เมื่อคุณเดินทางมายังรอตเตอร์ดัม นอกจากการสำรวจท่าเรืออันกว้างใหญ่แล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายให้คุณได้สัมผัส เริ่มจากสถาปัตยกรรมอันล้ำสมัย ที่สามารถพบเห็นได้ตามตึกสูงต่างๆ เช่น 'Euromast' ที่เปิดโอกาสให้คุณได้ชมวิวเมืองจากมุมสูง นอกจากนี้ ยังมีพิพิธภัณฑ์ Boijmans Van Beuningen ที่นำเสนอผลงานศิลปะจากศิลปินชื่อดัง นอกจากเรื่องวัฒนธรรมแล้ว รอตเตอร์ดัมยังเป็นสวรรค์สำหรับนักชิม ด้วยร้านอาหารและคาเฟ่มากมายที่เสิร์ฟเมนูต้นตำรับจากเนเธอร์แลนด์และนานาชาติ คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์ชิมที่หลากหลาย พร้อมกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา เยี่ยมชมรอตเตอร์ดัม เพื่อค้นพบความงามในรูปแบบใหม่ๆ เสพสุขไปกับการเดินทางที่น่าจดจำในเมืองที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจนี้




ห้องสวีทสุดหรูที่เรียกว่า "巔峰套房" นี้มีขนาดใหญ่และสว่างสดใส เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์การพักผ่อนอย่างแท้จริง ภายในห้องมีพื้นที่ที่ประกอบด้วยห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร และห้องครัวขนาดเล็กพร้อมไมโครเวฟและตู้เย็น โดยเฉพาะหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานที่เปิดออกสู่ระเบียงส่วนตัวที่มีอ่างน้ำวน ในห้องนอนมีเตียงใหญ่ขนาดคิงไซส์คือเตียง Signature Mariner's Dream™ ที่มาพร้อมที่นอน Euro-Top นุ่มสบาย ห้องน้ำประกอบด้วยอ่างน้ำวนขนาดใหญ่และฝักบัว รวมถึงห้องอาบน้ำเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังมีโซฟาเบดที่รองรับได้ถึงสองคน และห้องน้ำสำหรับแขก ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกประกอบด้วยระบบเสียงส่วนตัว การใช้บริการ Neptune Lounge ที่มีเอกสิทธิ์ บริการสาวบริการส่วนตัว และบริการฟรีที่หลากหลาย ห้องสวีทนี้มีพื้นที่ประมาณ 1,290 ตารางฟุตรวมถึงระเบียง สัมผัสชีวิตที่หรูหราบนเรือสำราญของคุณด้วย "巔峰套房" ที่จะทำให้การเดินทางของคุณเป็นที่น่าจดจำอย่างเป็นพิเศษ

ห้องสวีทที่มีชื่อว่า "ห้องสวีทเนปจูน" เป็นห้องกว้างขวางที่มีหน้าต่างตั้งแต่พื้นจรดเพดาน ที่มองเห็นระเบียงส่วนตัว ได้รับแสงสว่างธรรมชาติอย่างเต็มที่ ภายในห้องมีพื้นที่นั่งเล่นขนาดใหญ่และเตียง 2 เตียงที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นเตียงขนาดคิงไซส์ได้ ซึ่งเป็นเตียงแบบ "Mariner's Dream™" ที่มีเนื้อที่หนานุ่ม ให้ความสะดวกสบายสูงสุด ห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำแบบวอเตอร์เจ็ต ขนาดเต็ม พร้อมที่นั่งอาบน้ำแยกต่างหาก และอ่างล้างหน้าแบบคู่ รวมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น การเข้าถึง Neptune Lounge ส่วนตัว และการบริการจากผู้ช่วยส่วนตัว พร้อมบริการอื่น ๆ ที่ให้ฟรี ห้องนี้มีพื้นที่ประมาณ 465-502 ตารางฟุต รวมระเบียงด้วย

ห้องสวีทที่กว้างขวางและเต็มไปด้วยแสงสว่างนี้มาพร้อมกับหน้าต่างจากพื้นจรดเพดาน พื้นที่ระเบียงส่วนตัว และโซนนั่งเล่นที่กว้างขวาง พร้อมห้องน้ำที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รวมถึงอ่างอาบน้ำจากุซซี่และฝักบัวอาบน้ำ พร้อมฝักบัวเพิ่มเติม ห้องสวีทนี้ประกอบด้วยเตียงเดี่ยวสองเตียงที่สามารถแปลงเป็นเตียงคิงไซส์ได้—เตียง Mariner's Dream™ ที่เป็นเอกลักษณ์ของเราพร้อมกับที่นอน Euro-Top ที่นุ่มสบาย และยังมีโซฟาที่สามารถเปลี่ยนเป็นเตียงสำหรับหนึ่งคน ห้องนี้มีขนาดประมาณ 465-502 ตารางฟุต รวมบริเวณระเบียง ทำให้เป็นที่พักที่สมบูรณ์แบบสำหรับการพักผ่อนที่หรูหราในขณะล่องเรือ.

ห้องพักประเภท "ห้องสวีทลายเซ็น" มีขนาดกว้างขวางและสะดวกสบาย ประกอบด้วยพื้นที่นั่งเล่นที่กว้างขวางพร้อมหน้าต่างแบบเต็มความสูงที่มองออกไปยังระเบียงส่วนตัว ห้องนี้มีเตียงสองเตียงที่สามารถเปลี่ยนเป็นเตียงขนาดควีนไซส์ซึ่งเป็นเตียงที่ได้รับการออกแบบพิเศษ Mariner's Dream™ พร้อมที่นอน Euro-Top ที่นุ่มสบาย และยังมีเตียงมัรฟีสำหรับผู้เข้าพักอีกหนึ่งคน ห้องน้ำที่อยู่ภายในประกอบด้วยอ่างล้างหน้าสองหลุม อ่างจากุซซี่ขนาดเต็ม และมีห้องอาบน้ำเพิ่มเติมอีกหนึ่งห้อง รวมพื้นที่ใช้สอยทั้งหมดประมาณ 393-400 ตารางฟุต รวมถึงระเบียงส่วนตัวอีกด้วย

ห้องชุดวิวตกแต่งด้วยไม้สัก มีระเบียงขนาดกว้างพร้อมหน้าต่างจากพื้นจดเพดาน และพื้นที่นั่งเล่นที่สะดวกสบาย ห้องชุดเหล่านี้เต็มไปด้วยแสงสว่างและมีเตียงขนาดคิงไซส์ที่สามารถแปลงเป็นเตียงคู่สองเตียง ซึ่งเป็นเตียงที่มีชื่อเสียงของเรา "Mariner's Dream™" ที่มีที่นอน Euro-Top นุ่มสบาย พร้อมด้วยฝักบัวที่มีหัวนวดคุณภาพระดับพรีเมียม และตู้เย็น ห้องชุดนี้มีขนาดประมาณ 260-356 ตารางฟุต รวมระเบียง การจัดเรียงของห้องอาจแตกต่างจากภาพที่แสดงไว้

ห้องพักประเภท "ห้องสเตทหรูพร้อมระเบียงด้านหลังและวิวที่ถูกบัง" นี้เต็มไปด้วยแสงสว่างจากหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานที่มองเห็นระเบียงส่วนตัว ภายในห้องมีพื้นที่นั่งเล่น และเตียงคู่สองเตียงที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นเตียงขนาดควีนไซส์ได้ ซึ่งเป็นเตียง Mariner's Dream™ ที่มีฟูกหนาสบายระดับพรีเมียม นอกจากนี้ยังมีอ่างอาบน้ำพร้อมหัวฝักบัวนวดพรีเมียม ห้องพักนี้มีขนาดประมาณ 228-405 ตารางฟุต รวมถึงระเบียง โดยวิวอาจจะมีการบังบางส่วน ห้องพักอาจมีการจัดวางที่แตกต่างจากภาพที่แสดงไว้ ทำให้การพักผ่อนของคุณเป็นประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครและเต็มไปด้วยความสะดวกสบายในทุกด้าน

ห้องพักประเภท "น้ำสปาแอนด์สวีท" เป็นห้องสวีทที่ให้แสงสว่างจากหน้าต่างแบบสูงถึงเพดาน พร้อมระเบียงส่วนตัวที่ทำให้ท่านสามารถเพลิดเพลินกับวิวทะเลได้อย่างเต็มที่ ห้องพักนี้มีเตียงขนาดเล็ก 2 เตียงที่สามารถปรับเป็นเตียงขนาดควีนได้ ซึ่งประกอบด้วยที่นอนเดความฝันของเรา "Signature Mariner's Dream™" ที่มีฟูกนุ่มพิเศษและหัวฝักบัวนวดคุณภาพสูง นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ออกแบบมาอย่างใส่ใจเพื่อความสะดวกสบายของท่าน โดยขนาดของห้องพักประมาณ 228 ถึง 405 ตารางฟุต รวมถึงระเบียงที่หรูหราอีกด้วย

ห้องพักสำหรับครอบครัวในสายการเดินเรือของเราออกแบบมาเพื่อรองรับผู้เข้าพักได้ถึงห้าท่าน พร้อมเตียงสองเตียงที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นเตียงขนาดควีนไซส์และเตียงชั้นบนหนึ่งเตียง ทั้งหมดตกแต่งด้วยที่นอน Euro-Top ที่นุ่มสบาย เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การพักผ่อนที่ดีที่สุด นอกจากนี้ยังมีโซฟาเบดที่สามารถเปิดออกเป็นที่นอนสำหรับสองท่านได้อย่างสะดวกสบาย ห้องน้ำมีสองห้อง หนึ่งห้องพร้อมอ่างอาบน้ำ, ฝักบัว, อ่างล้างหน้า และโถส้วมอีกหนึ่งห้องที่มาพร้อมฝักบัวและอ่างล้างหน้า ห้องพักมีขนาดประมาณ 222-231 ตารางฟุต ทำให้ท่านมีพื้นที่เพียงพอในการพักผ่อนและสนุกสนานไปกับการเดินทางที่เต็มไปด้วยความทรงจำในชั่วขณะหนึ่ง สโมสรแดนเหล่านี้มีการออกแบบที่ทันสมัยและหลากหลาย พร้อมให้บริการในทุกความต้องการของครอบครัว ท่านจึงมั่นใจได้ว่าจะได้สัมผัสกับความสะดวกสบายอย่างแท้จริงในห้องพักที่สวยงามนี้

ห้องพักแบบ海景水療客艙มอบประสบการณ์การพักผ่อนที่ไม่เหมือนใครด้วยวิวทะเลที่งดงาม พร้อมอุปกรณ์สำหรับการดูแลสุขภาพ ได้แก่ เสื่อโยคะและสถานีเชื่อมต่อ iPod® รวมถึงสิทธิพิเศษในการใช้บริการสปาจาก Greenhouse Spa and Salon ที่ใกล้เคียง ห้องพักมีเตียงขนาดเล็กสองเตียงที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นเตียงคู่ขนาดควีนไซส์ ซึ่งเป็นเตียงที่มีชื่อเสียง Mariner's Dream™ ที่คำนึงถึงการนอนหลับอย่างปลอดภัย ด้วยที่นอนยูโร-ท็อปที่นุ่มสบาย อีกทั้งยังมีอ่างอาบน้ำและฝักบัวสำหรับการฟื้นฟูร่างกาย ห้องพักมีพื้นที่ประมาณ 175-282 ตารางฟุต ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนการจัดวางได้ตามภาพที่แสดง

ห้องพักประเภท "ห้องพักชมทะเล" มีพื้นที่กว้างขวางและสะดวกสบาย โดยมีเตียงขนาดเล็กสองเตียงที่สามารถปรับเป็นเตียงควีนไซส์ได้ ซึ่งเป็นเตียงในแบบ Signature Mariner's Dream™ พร้อมที่นอน Euro-Top ที่หรูหรา นอกจากนี้ยังมีหัวฝักบัวนวดระดับพรีเมียม ที่จะทำให้คุณรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลาย พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันและวิวทะเลที่สวยงาม ขนาดห้องพักอยู่ที่ประมาณ 175-282 ตารางฟุต ทำให้พื้นที่นี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพักผ่อนและสัมผัสความงามของมหาสมุทรอย่างใกล้ชิด

ห้องพักประเภท “ห้องพักเดี่ยววิวทะเล” เหมาะสำหรับผู้ที่เดินทางคนเดียว โดยมีเตียงขนาดควีนไซส์ Signature Mariner's Dream™ ที่มาพร้อมกับที่นอนนุ่มละมุน นอกจากนี้ ห้องยังมีฝักบัวที่ให้ประสบการณ์การนวดที่หรูหรา และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ทันสมัยเพื่อความสะดวกสบายขณะเข้าพัก ขนาดห้องพักประมาณ 127-172 ตารางฟุต โดยการจัดเรียงห้องอาจแตกต่างจากภาพที่เห็น ทั้งหมดนี้ช่วยสร้างบรรยากาศที่ลงตัวสำหรับการพักผ่อนของคุณในขณะเดินทาง.

ห้องพักประเภทน้ำสปานี้นำเสนอสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีเอกลักษณ์ เช่น เสื่อโยคะและสถานี docking สำหรับ iPod® พร้อมทั้งการเข้าถึงบริการสปาจาก Greenhouse Spa & Salon ห้องพักประกอบด้วยเตียงสองเตียงที่สามารถเปลี่ยนเป็นเตียงควีนไซส์หนึ่งเตียงซึ่งเป็นเตียง Signature Mariner's Dream™ ที่มีที่นอน Euro-Top ที่นุ่มสบาย ห้องพักมีขนาดประมาณ 143-225 ตารางฟุต โดยการจัดเรียงภายในห้องพักอาจแตกต่างจากภาพที่แสดงไว้

ห้องพักแบบภายใน (Interior Stateroom) ของเราเสนอบรรยากาศที่สะดวกสบายพร้อมด้วยเตียงขนาดควีนไซส์ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้จากเตียงสองเตียง ซึ่งเป็นเตียงที่มีชื่อเสียง Mariner's Dream™ พร้อมด้วยฟูกนุ่มแบบยูโร-ท็อป นอกจากนี้ยังมีฝักบัวนวดพรีเมียมและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ทำให้การเข้าพักของท่านเต็มไปด้วยความสุข ห้องพักมีพื้นที่ประมาณ 143-225 ตารางฟุต โดยการจัดเรียงห้องพักอาจแตกต่างกันไปจากภาพที่แสดงไว้