
02-27217300
02-27217179
service@siloahtravel.com
Monday ~ Friday 09:00-18:00
14F.-3, No.137, Sec. 1, Fuxing S. Rd., Da’an Dist., Taipei City 106, Taiwan
Representative: Tung-Hua Tai
VAT: 43871553
交觀甲793500 品保北2260 隱私權條款
Copyright © 2025 Siloah Travel Co., Ltd.. All rights reserved.

Oosterdam
ฮอลแลนด์อเมริกาไลน์



มอนเตวิเดโอ เมืองหลวงของอุรุกวัย ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันออกของแม่น้ำริโอเดอพลาตา เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความมีชีวิตชีวา มาพร้อมกับทางเดินเลียบชายฝั่งหรือที่เรียกว่า "มาลิโคน" ที่ทอดยาวไปตามแนวชายหาด ร้านอาหารที่หลากหลาย และสวนสาธารณะมากมาย ที่นี่ คุณจะได้พบกับชาวมอนเตวิเดโอ เดินเล่น ออกกำลังกาย หรือแค่เพลิดเพลินกับบรรยากาศริมทะเล มอนเตวิเดโอมีความหลากหลายทางสถาปัตยกรรม โดยมีทั้งความเจริญก้าวหน้าของอาคารสมัยใหม่และเสน่ห์ของเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมโคโลเนียลที่หรูหรา นอกจากนี้ ยังมีจัตุรัสและสวนสาธารณะเขียวขจีมากมาย ที่ทำให้เมืองนี้มีชีวิตชีวาและสมบูรณ์แบบในการใช้เวลา เมื่ออากาศดี ถนนเลียบชายฝั่งที่ยาวถึง 22 กิโลเมตรจะเต็มไปด้วยผู้คนต่างเดินเล่น ตกปลาหรือลองขนมไอศกรีม โดยเฉพาะในช่วงเย็น ขณะที่คู่รักเริ่มออกมาสัมผัสบรรยากาศโรแมนติกของเมือง ความละเอียดอ่อนในชีวิตประจำวันที่นี่ทำให้มอนเตวิเดโอถูกจัดให้เป็นเมืองที่มีคุณภาพชีวิตดีที่สุดในละตินอเมริกา หญิงสาวที่จะเดินทางไปที่นี่ คงรู้สึกว่ามีเสน่ห์ดึงดูดใจที่จะกลับมาอีกครั้งในค่ำคืนที่สวยงามในฤดูร้อน.

เมื่อคุณก้าวเข้าไปในโลกแห่งความหรูหรา ณ Punta del Este ประเทศอุรุกวัย คุณจะได้สัมผัสกับเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งมักถูกเปรียบเทียบกับ Hamptons หรือ St-Tropez เมืองนี้เต็มไปด้วยชีวิตชีวา โดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่ความพิเศษจะส่งเสริมให้เกิดปาร์ตี้ไม่รู้จบ ขณะเดียวกัน Punta del Este ยังคงเป็นสถานที่หลากหลายที่เหมาะกับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวที่มาเที่ยวในช่วงฤดูร้อน หรือนักธุรกิจที่ปรารถนาความสงบในบรรยากาศที่มีระดับ บริเวณชายฝั่งมีชีวิตชีวาในตัวเมืองที่มีชายหาดทอดยาว ขณะที่ด้านในก็มีฟาร์มและคฤหาสน์หรูหราที่เรียกว่า "chacras" หรือ "estancias" ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนอย่างสงบ นอกจากนี้ยังมีหมู่บ้านสร้างสรรค์ที่เต็มไปด้วยสีสันอย่าง La Barra และ José Ignacio ซึ่งตกกลายเป็นจุดหมายยอดนิยมในช่วงฤดูร้อน Punta del Este ได้ชื่อมาจาก "จุดตะวันออก" ซึ่งเป็นจุดแบ่งแยกระหว่าง Río de la Plata และมหาสมุทรแอตแลนติก ทั้งยังเป็นศูนย์กลางที่เชื่อมโยงไปยังพื้นที่ใกล้เคียงอย่าง Punta Ballena ที่มีเสน่ห์ไม่แพ้กัน หากคุณมีโอกาสได้เยือนที่นี่ รับรองว่าจะไม่มีใครผิดหวัง กับความงดงามที่ซ่อนอยู่รอให้คุณไปค้นพบ.

เมื่อเข้ามายังเมือง Puerto Madryn จากเส้นทาง Ruta 3 คุณอาจรู้สึกประหลาดใจเมื่อพบว่าเมืองนี้คือหนึ่งในจุดเที่ยวที่สำคัญที่สุดในแพตาโกเนียชายฝั่ง การเดินทางจะพาคุณมายังถนนริมชายฝั่ง Rambla ที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร คาเฟ่ และเกสต์เฮาส์ที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ในท่ามกลางวิวของอ่าว Golfo Nuevo ที่สวยงามและสงบ Puerto Madryn อาจไม่ใช่จุดหมายปลายทางที่มีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย แต่เป็นจุดเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยมสำหรับการสำรวจธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ในพื้นที่ใกล้เคียง เช่น คาบสมุทร Valdés และ Punta Tombo ที่เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหายาก ในช่วงฤดูวาฬที่มีระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคม คุณจะได้เห็นวาฬที่แหวกว่ายในอ่าวอย่างใกล้ชิดและสามารถเดินไปยังท่าเรือเพื่อชมความงามเหล่านี้ได้ การวางแผนทริปต่าง ๆ ก็สะดวกสบายด้วยตัวแทนจัดทัวร์และบริษัทเช่ารถมากมายที่มีให้บริการ ร่วมสนุกในกิจกรรมระยะสั้นที่เปิดโอกาสให้คุณได้สัมผัสกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ พร้อมให้ Puerto Madryn เป็นประตูสู่การผจญภัยที่น่าจดจำในดินแดนแห่งสัตว์ป่าชั้นนำของอาร์เจนตินา!
ท่าเรือพอร์ตสแตนลีย์ ตั้งอยู่ในหมู่เกาะฟอล์คลแลนด์ (หรือที่รู้จักกันในชื่อเกาะมาลวินาส) เป็นจุดหมายที่ซ่อนเร้นในใจกลางมหาสมุทรแอตแลนติก ที่นี่คือเมืองหลวงที่มีเสน่ห์และบรรยากาศที่เหมือนกับหมู่บ้านอังกฤษที่หลุดออกมาใกล้เคียง โดยบ้านเรือนที่มีสีสันสดใสเป็นเอกลักษณ์ช่วยเติมเต็มความงามให้กับทิวทัศน์ที่ถูกตั้งอยู่ในธรรมชาติอันงดงาม นอกจากนี้พอร์ตสแตนลีย์ยังมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ โดยมีซากเรือ Lady Elizabeth ที่จมอยู่ไม่ไกลจากชายฝั่ง เป็นเครื่องเตือนใจถึงสภาพอากาศอันโหดร้ายที่แวดล้อมหมู่เกาะนี้ การเดินทางมายังฟอล์คลแลนด์ไม่ได้มีเพียงการพบกับภาพวิวอันน่าทึ่งเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสที่ได้สัมผัสกับโลกของเพนกวินหลากหลายสายพันธุ์ เช่น เพนกวิน Gentoo, Magellanic และ King ที่มักจะอาศัยอยู่ที่นี่หรือแวะพักระหว่างการเดินทาง สำหรับผู้ที่หลงใหลในธรรมชาติและชีวิตสัตว์ป่า ฟอล์คลแลนด์คือต่อมที่เปิดโอกาสให้คุณได้สำรวจความงามที่ธรรมชาติสร้างสรรค์อย่างลงตัว สร้างประสบการณ์การเดินทางที่น่าจดจำในดินแดนที่ไม่เหมือนใคร


อูซัวอิอา (Ushuaia) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ที่ละติจูด 55 องศาใต้ ซึ่งมีเสน่ห์กลมกลืนระหว่างธรรมชาติและประวัติศาสตร์ ในฐานะเมืองหลวงของทีแอร่า เดล ฟูเอโก (Tierra del Fuego) เมืองนี้ตั้งอยู่ที่ปลายด้ามขวานของประเทศอาร์เจนตินา และมีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก สายลมเย็นจากมหาสมุทรและภูเขาหิมะที่ตั้งตระหง่านประกอบร่วมกันสร้างวิวที่สวยงามทำให้ทุกคนหลงรัก ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสกับกิจกรรมกลางแจ้งมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินป่าผ่านอุทยานแห่งชาติทีแอร่า เดล ฟูเอโก การเที่ยวชมสัตว์ป่า และการตกปลาในแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความตื่นเต้น ยังมีการเล่นสกีที่กลาเซียร์มาร์เชียล (Martial Glacier) ด้วย นอกจากความสวยงามทางธรรมชาติ อูซัวอิอายังมีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ เมืองนี้เคยเป็นสถานที่ตั้งของเรือนจำที่สำคัญ ทำให้มีสภาพแวดล้อมที่เข้มแข็งและเรื่องราวความเป็นมาที่น่าพิสมัย โดยในปัจจุบัน อูซัวอิอากลายเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่รับนักท่องเที่ยวกว่า 120,000 คนต่อปี ไฮไลต์ของการเยี่ยมชมคือคลองบีเกิล (Beagle Channel) ที่สามารถมองเห็นวิวของภูเขาหิมะที่สะท้อนตัวเองในน้ำสีนิ่งสงบในช่วงยามเย็น สร้างบรรยากาศที่แสนโรแมนติกอยู่ตลอดทั้งปี อูซัวอิอา คือการเดินทางที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ และความทรงจำที่ไม่อาจลืมเลือนสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนที่นี่

ปุนตาอาเรนาส เป็นเมืองที่มีเสน่ห์ตั้งอยู่ในเขตปาตาโกเนียของชิลี และเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าตื่นเต้นสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสำนึกถึงธรรมชาติที่งดงามในภูมิภาคนี้ เมืองที่สร้างขึ้นประมาณ 150 ปีที่แล้วนี้ มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน และด้วยความเป็นเมืองแรกในปาตาโกเนีย คุณจะได้เห็นอาคารเก่าแก่ที่สลับสานกับบ้านเรือนที่มีหลังคาโลหะหลายสี เมื่อมองจากมุมสูง เช่น ที่มิโรเดอร์ เซโรลาครูซ ที่นี่ คุณไม่ควรพลาดการเยี่ยมชม Museo Naval y Marítimo ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่นำเสนอประวัติศาสตร์การเดินเรืออันยาวนานของชิลี รวมถึง Museo Regional de Magallanes ซึ่งเคยเป็นบ้านของตระกูลที่มีอำนาจในอดีต นอกจากนี้ ถ้าคุณรักความเป็นธรรมชาติ Parque Nacional Torres del Paine ก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ต้องเยี่ยมชม ซึ่งมีภูเขาไฟสวยงามและสัตว์ป่าอีกหลากหลายชนิด แต่อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดคือการเดินทางไปยัง Isla Magdalena เพื่อชมพวกเพนกวินมาจิลลานิก ซึ่งมีมากกว่า 100,000 ตัวโดยสามารถเดินชมได้โดยสบายๆ อย่าลืมนำน้ำอุ่นไปด้วย เพราะอากาศที่นั่นอาจเย็นสบาย แม้ในช่วงฤดูร้อน ปุนตาอาเรนาสเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ ตั้งแต่ความสวยงามของธรรมชาติ การสำรวจอดีต จนถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรม โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ ทำให้เป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่าและน่าจดจำในทุกช่วงเวลา

ท่าเรือปวยร์โต้ชากาบูโก (Puerto Chacabuco) ตั้งอยู่ในประเทศชิลี เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างทิวทัศน์อันงดงามของธรรมชาติและทะเลที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ เมื่อคุณเดินทางจากเมืองคอยไอเก (Coyhaique) ผ่านทิวเขา ธรรมชาติจะพาคุณไปสัมผัสกับบรรยากาศของฟาร์มที่มีหมอกปกคลุม ราวกับภาพวาดที่สวยงาม ขณะที่น้ำตกและแม่น้ำเล็กๆ ไหลผ่านภูเขาที่สวยสดงดงาม รอบๆ คือภูมิทัศน์ที่เขียวขจี มีต้นปอปลาร์สีเหลืองเรียงรายอยู่รอบที่พักเรียบง่าย ท่าเรือชากาบูโก เป็นประตูสู่การผจญภัยอันน่าตื่นตาตื่นใจ โดยเป็นจุดเชื่อมต่อไปยังเมืองปวยร์โต้มอนต์ (Puerto Montt) และเกาะชิโลเอ (Chiloé) ซึ่งมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย อีกทั้งยังเป็นเส้นทางไปยังลากูนาซานราฟาเอล (Laguna San Rafael) ที่มีความงดงามตามธรรมชาติรอคุณอยู่ หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์การเดินทางที่เต็มไปด้วยความสงบและความประทับใจ ล่องเรือจากชากาบูโกสู่จุดหมายที่สวยงามนี้จะทำให้คุณรู้สึกถึงความอบอุ่นและความตื่นเต้น พร้อมหรือไม่ที่จะเปิดประตูสู่การสำรวจที่ไม่รู้จบในชิลี?
เมืองปูเออร์โต้ มอนต์ (Puerto Montt) เป็นจุดหมายปลายทางที่ดึงดูดความสนใจอย่างมากในเขตทะเลสาบของชิลี ด้วยบรรยากาศที่มีลมพัดเย็นสบายและวิวทิวทัศน์ที่งดงาม เมืองนี้เคยเป็นจุดสิ้นสุดสำหรับผู้เดินทางที่มุ่งหน้าเข้าสู่เขตนี้ แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมทางประมง สิ่งทอ และการท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดในภูมิภาค ปูเออร์โต้ มอนต์ เป็นเมืองที่เติบโตอย่างรวดเร็ว มีห้างสรรพสินค้า คอนโดมิเนียม และตึกสำนักงานตั้งอยู่ในใจกลางเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณมีโอกาสมาเยือนในวันที่อากาศแจ่มใส คุณจะเพลิดเพลินกับชายหาดที่สวยงาม เช่น พลายา เปลูโก (Playa Pelluco) ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อน หรือสามารถขับรถไปตามชายฝั่งเพื่อสัมผัสกับวิวทิวทัศน์ของเนินเขาที่ล้อมรอบ นอกจากนี้ ปูเออร์โต้ มอนต์ ยังเป็นประตูสู่การสำรวจธรรมชาติอันงดงามของชิลี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติออสตราล ซึ่งเต็มไปด้วยเส้นทางเดินป่าและภูมิทัศน์ที่น่าหลงใหล หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครในชีวิต อย่าลืมวางแผนการเดินทางมายังเมืองนี้ การล่องเรือในท่าเรือที่มีชื่อเสียงจะเป็นการเริ่มต้นการผจญภัยที่น่าจดจำ!

ซานอันโตนิโอ (San Antonio) ตั้งอยู่บนชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกของประเทศชิลี เป็นจุดแวะที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักเดินทางที่มาด้วยเรือสำราญ ที่นี่คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่ผสมผสานระหว่างธรรมชาติที่งดงามและวัฒนธรรมที่น่าหลงใหล ซานอันโตนิโอมีท่าจอดเรือที่ทันสมัย ซึ่งสามารถรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ พร้อมบริการที่สะดวกสบายสำหรับนักท่องเที่ยว เมื่อคุณมาถึงที่นี่ คุณจะถูกยั่วยวนด้วยทิวทัศน์ของหน้าผาและชายหาดที่สวยงาม มีโอกาสไปสำรวจพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องราวของประวัติศาสตร์ชิลี และสองเมืองที่น่าพิศวงในบริเวณใกล้เคียงคือ ปอร์ตาแมดริน (Porte Madryn) และวิน่าเดลมาร์ (Viña del Mar) ซึ่งเป็นสุดยอดปลายทางที่มีชีวิตชีวา เต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารที่มีรสชาติอร่อย ในการเดินทางนี้ อย่าลืมชมความงดงามของอุทยานแห่งชาติซานติก้า (Cerro Castillo) และลองชิมไวน์ชิลีที่มีชื่อเสียงในระดับโลก เพียงก้าวออกจากเรือสำราญและคุณจะได้พบกับประสบการณ์ที่ไม่ซ้ำใคร ที่ซานอันโตนิโอ สถานที่ที่สะท้อนถึงความงามทางธรรมชาติและวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ที่รอคุณอยู่!








สัมผัสประสบการณ์การเข้าพักใน "巔峰套房" ขนาดกว้างขวางและเต็มไปด้วยแสงสว่าง ที่นี่มอบความหรูหราผสมผสานกับความสะดวกสบายอย่างลงตัว ภายในห้องประกอบด้วยห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร หัวใจสำคัญของห้องคือห้องครัวขนาดเล็กที่มีไมโครเวฟและตู้เย็น รวมถึงหน้าต่างขนาดใหญ่จากพื้นจรดเพดานที่เปิดออกสู่ระเบียงส่วนตัวพร้อมอ่างน้ำร้อน ห้องนอนมีเตียงขนาดคิงไซส์ ซึ่งมีชื่อว่า Signature Mariner's Dream™ ที่มาพร้อมที่นอนแบบ Euro-Top ที่นุ่มสบาย และยังมีห้องแต่งตัวแยกต่างหาก ในห้องน้ำมีอ่างน้ำร้อนขนาดใหญ่และฝักบัว ซึ่งยังมีพื้นที่สำหรับฝักบัวแยกเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังมีโซฟาที่สามารถปรับเป็นเตียงสำหรับผู้เข้าพักได้อีกสองคน พร้อมกับห้องน้ำสำหรับแขก สิ่งอำนวยความสะดวกประกอบด้วยระบบเสียงส่วนตัว การเข้าถึง Neptune Lounge แบบเฉพาะตัว การให้บริการจากทาง concierge และบริการฟรีที่หลากหลาย ทั้งหมดนี้อยู่บนพื้นที่ประมาณ 1,150 ตารางฟุต รวมระเบียง ที่จะทำให้การพักผ่อนใน "巔峰套房" ของคุณน่าจดจำและเต็มไปด้วยความสุข.





ห้องชุด "ห้องพักเกอเธอ" แตกต่างด้วยหน้าต่างที่สูงจากพื้นจรดเพดานมองออกไปยังระเบียงส่วนตัว ทำให้ห้องพักกว้างขวางนี้เต็มไปด้วยแสงสว่าง ห้องมีกพื้นที่นั่งเล่นขนาดใหญ่ และเตียงคู่ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้เป็นเตียงขนาดคิงไซส์ เตียงนอนรุ่นพิเศษ "Mariner's Dream™" พร้อมที่นอนหนานุ่มแบบ Euro-Top และยังมีห้องแต่งตัวแยกต่างหาก นอกจากนี้ยังมีโซฟาเบดที่สามารถรองรับผู้เข้าพักได้ถึงสองคน ห้องน้ำมีอ่างล้างหน้าคู่ อ่างน้ำวนขนาดใหญ่ และห้องอาบน้ำแยก พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลาย รวมถึงการเข้าถึง Neptune Lounge ที่เป็นเอกสิทธิ์ ส่วนบุคคล และบริการฟรีมากมาย ห้องชุดมีขนาดประมาณ 500-712 ตารางฟุต รวมระเบียงไว้ด้วย




ห้องสวีทสุดหรูขนาดกว้างขวาง เหมาะสำหรับพักผ่อนอย่างเต็มที่ ด้วยพื้นที่นั่งเล่นขนาดใหญ่และหน้าต่างจากพื้นจรดเพดานที่เปิดมุมมองออกไปยังระเบียงส่วนตัว สวีทนี้ยังมีเตียงนอนขนาดเล็กสองเตียงที่สามารถจัดเรียงเปลี่ยนเป็นเตียงควีนไซส์แบบ Mariner's Dream™ ซึ่งมีที่นอน Euro-Top ฟูฟ่องให้ความสะดวกสบาย และยังมีโซฟาเบดสำหรับการนอนหนึ่งคนอีกด้วย ห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำแบบจากุซซี่ขนาดเต็มพร้อมห้องอาบน้ำแยก และอ่างล้างหน้าคู่ สวีทนี้มีพื้นที่ประมาณ 372-384 ตารางฟุต รวมถึงระเบียง การจัดเรียงของห้องพักอาจแตกต่างจากภาพที่แสดง




ห้องพักประเภท "阳台" เป็นห้องที่เต็มไปด้วยแสงสว่างจากหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน โดยมีวิวที่สวยงามเหนือระเบียงส่วนตัว ห้องนี้มีพื้นที่นั่งเล่นที่กว้างขวาง รวมถึงเตียงสองเตียงที่สามารถจัดเรียงให้เป็นเตียงควีนไซส์ได้ ซึ่งเป็นเตียงที่โด่งดังของเราอย่าง Mariner’s Dream™ ที่มีที่นอนแบบ Euro-Top ที่นุ่มสบาย นอกจากนี้ยังมีอ่างอาบน้ำพร้อมหัวฝักบัวนวดระดับพรีเมียมให้บริการ ห้องนี้มีขนาดประมาณ 212-359 ตารางฟุต รวมระเบียงด้วย โดยรูปแบบห้องพักอาจแตกต่างไปจากภาพที่แสดง.


ห้องพักที่กว้างขวางนี้คือ "海景客艙" ซึ่งมีเตียงคู่ด้านล่างที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นเตียงขนาดคิงไซส์—เตียงที่เราเรียกว่า Signature Mariner's Dream™ มาพร้อมกับที่นอน Euro-Top ที่นุ่มสบาย มีหัวฝักบัวนวดระดับพรีเมียม และสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลายรวมถึงวิวมหาสมุทร ห้องพักมีขนาดประมาณ 174-180 ตารางฟุต ซึ่งอาจมีรูปแบบแตกต่างกันจากภาพที่แสดง ทั้งนี้จะทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและเพลิดเพลินในทุกช่วงเวลาที่อยู่บนเรือ。




ห้องพักประเภท "ส่วนการวิวทะเล" นี้มีมุมมองที่สามารถมองเห็นทะเลบางส่วน พร้อมด้วยเตียงสองเตียงที่สามารถปรับเป็นเตียงขนาดควีนไซส์—เตียงที่มีชื่อเสียงของเรา Mariner's Dream™ มาพร้อมกับที่นอนสุดนุ่มในแบบ Euro-Top และหัวฝักบัวนวดระดับพรีเมียม รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ครบครัน ห้องพักมีขนาดประมาณ 174-180 ตารางฟุต ซึ่งจะช่วยให้คุณสัมผัสประสบการณ์การพักผ่อนบนเรือสำราญได้อย่างเต็มที่.



ห้องพักใหญ่เหล่านี้มีเตียงขนาดคู่รองลงมา 2 เตียงซึ่งปรับเป็นเตียงควีนไซส์ได้—เตียง Signature Mariner's Dream™ ของเรามีที่นอน Euro-Top ที่นุ่มสบาย, หัวฝักบัวนวดระดับพรีเมียม และสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อีกทั้งวิวจากห้องพักนั้นจะไม่มีการมองเห็นใดๆ ห้องพักมีพื้นที่ประมาณ 174-180 ตารางฟุต ทำให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับการพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ในบรรยากาศที่หรูหราและมีความเป็นส่วนตัวในห้องพักประเภท "วิวทะเลที่ถูกบดบังอย่างสมบูรณ์" นี้


ห้องพักประเภท "大內艙" ที่กว้างขวางนี้มีเตียงสองเตียงที่สามารถเปลี่ยนเป็นเตียงขนาดคิงไซส์ได้—พร้อมด้วยที่นอน Euro-Top อันหรูหราและหัวฝักบัวนวดพรีเมียม อีกทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การพักผ่อนที่ดีที่สุด ขนาดห้องพักอยู่ระหว่าง 151–233 ตารางฟุต และการจัดเรียงห้องพักอาจแตกต่างจากภาพที่แสดง โดยรวมแล้ว "大內艙" เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักเดินทางที่มองหาความสะดวกสบายและความหรูหราในระหว่างการล่องเรือ


ห้องพักประเภทภายในนำเสนอเตียงคู่ที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นเตียงควีนไซส์ได้ ด้วยเตียงคุณภาพสูง Mariner's Dream™ ที่มาพร้อมกับฟูกนุ่มพิเศษและหัวฝักบัวนวดคุณภาพชั้นนำ ห้องพักที่สะดวกสบายนี้มีพื้นที่ประมาณ 151–233 ตารางฟุต และมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายเพื่อยกระดับประสบการณ์เข้าพักของท่าน โปรดทราบว่า การจัดวางภายในห้องพักอาจแตกต่างจากภาพที่แสดงไว้ เพื่อให้ท่านสัมผัสความสะดวกสบายในแบบที่ไม่เหมือนใคร