
02-27217300
02-27217179
service@siloahtravel.com
Monday ~ Friday 09:00-18:00
14F.-3, No.137, Sec. 1, Fuxing S. Rd., Da’an Dist., Taipei City 106, Taiwan
Representative: Tung-Hua Tai
VAT: 43871553
交觀甲793500 品保北2260 隱私權條款
Copyright © 2025 Siloah Travel Co., Ltd.. All rights reserved.

Oosterdam
ฮอลแลนด์อเมริกาไลน์


ท่าเรือพิราอีอัส (Piraeus) ตั้งอยู่ใกล้กับกรุงเอเธนส์ เป็นจุดเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยมสำหรับการสำรวจความงามและประวัติศาสตร์ของกรีซ สถานที่แห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นท่าเรือที่วุ่นวาย แต่ยังเป็นประตูสู่การเดินทางที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น สัมผัสเสน่ห์ของพิราอีอัสกับภาพวิวทะเลสวยและร้านอาหารทะเลที่มีชื่อเสียง ลองชิมอาหารซีฟู้ดสดๆ ริมน้ำในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา หลังจากนั้นเดินทางต่อไปยังกรุงเอเธนส์ เพื่อชมมนต์ขลังของอะโครโพลิส แหล่งมรดกโลกที่มีเสาหินอ่อนสีทองเป็นสัญลักษณ์ของความสวยงามแบบศิลปะกรีกโบราณ ในขณะที่สำรวจเมือง คุณจะได้พบกับย่านต่างๆ เช่น พลาคา ที่มีถนนแคบๆ และบ้านเรือนสีสันสดใส นอกจากนี้ คุณยังสามารถแวะชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่รวบรวมวัตถุโบราณต่างๆ เพื่อรู้จักกับประวัติศาสตร์หลายพันปีของกรีซได้อีกด้วย การเดินเที่ยวในพิราอีอัสและเอเธนส์จะเป็นการสัมผัสถึงเสน่ห์ที่เน้นความหลากหลายของวัฒนธรรม ซึ่งทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่คู่ควรแก่การสำรวจ ความคลาสสิกพบกับความทันสมัยในวิถีชีวิตประจำวันของชาวกรีก รอให้คุณได้มาเปิดประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครในดินแดนแห่งนี้.

ท่าเรือคูซาดาซี (Kusadasi) เป็นจุดหมายที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสความสวยงามของประเทศตุรกี เมืองตากอากาศแสนคึกคักนี้มีทั้งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร และชีวิตชายหาดที่น่าตื่นตา แต่สิ่งที่สะดุดตาที่สุดก็คือเมืองโบราณเอเฟซุส (Ephesus) ที่ถูกขุดค้นมาเพียง 20% ของทั้งหมด ทำให้ที่นี่ได้รับการยกย่องว่าเป็นมหานครโบราณที่สมบูรณ์ที่สุดในยุโรป เอเฟซุส ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 10 ก่อนคริสตกาล เป็นมรดกโลกของยูเนสโกและมีความงดงามที่น่าตื่นตาตื่นใจ แม้ว่าสถาปัตยกรรมอย่างวิหารอาร์เทมิสซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกจะเหลือเพียงเศษซาก แต่ห้องสมุดเซลซัสยังคงยืนหยัดอย่างน่าประทับใจ ส่งเสริมให้ผู้เข้าเยี่ยมชมได้สัมผัสประสบการณ์ที่มีค่า นอกจากนี้ ยังมีบ้านของพระแม่มารีอยู่ใกล้เคียงบนเขานกไนท์เกล ซึ่งมีตำนานเล่าขานว่าเป็นสถานที่ที่พระแม่มารีได้ใช้ชีวิตในช่วงท้ายของชีวิต เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่ซับซ้อนนี้สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้เยี่ยมชมทุกคน สำหรับผู้ที่ไม่สนใจประวัติศาสตร์ คูซาดาซีก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ด้วยชายหาดที่สวยงามอย่างชายหาดเลดี้ส (Ladies’ Beach) และร้านอาหารที่เสิร์ฟเคบับตุรกีอร่อย ๆ อีกมากมาย การเดินทางไปยังชายหาดที่ใสสะอาดของกูเซลคัมลิ (Guzelcamli) และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ปามุคคาเล (Pamukkale) ก็จะทำให้ความฝันในการสำรวจโลกของคุณเป็นจริงได้อย่างง่ายดาย


ไมโคนอส (Mykonos) เป็นหนึ่งในเกาะอันสวยงามของกรีซที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความหรูหราและบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งในปัจจุบันแลนด์มาร์คของที่นี่ได้แก่ เมืองไมโคนอส (Hora) ที่ได้ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ด้วยลักษณะสถาปัตยกรรมที่งดงามในแบบไซคลาดิก หากคุณได้สำรวจตามถนนแคบ ๆ ที่ปูด้วยหิน คุณจะพบว่ามุมต่าง ๆ ของเมืองนี้เต็มไปด้วยเสน่ห์และความเป็นเอกลักษณ์ เช่น ลิตเติลเวนิซ (Little Venice) ที่สวยงาม พร้อมบ้านเรือนสีขาวที่มีประตูและโดมสีแดงหรือสีน้ำเงินโดดเด่นอย่างมีเสน่ห์ การเดินชมเมืองในยามเช้าจะมีความคึกคักกับนักท่องเที่ยวที่มุ่งหน้าสู่ท่าเรือหลัก สถานที่ที่คุณจะได้สัมผัสการส่งสินค้าและบรรยากาศที่มีชีวิตชีวา เมื่อถึงเวลาช่วงบ่าย ร้านอาหารและคาเฟ่ต่าง ๆ จะเต็มไปด้วยผู้คนที่มาเพลิดเพลินกับอาหารท้องถิ่นและบรรยากาศที่อบอุ่น ขณะที่ยามค่ำคืนจะเป็นช่วงเวลาที่ไมโคนอสแสดงออกถึงความมีชีวิตชีวาที่แท้จริง ร้านค้าและบาร์หลายแห่งจะเปิดให้บริการจนถึงดึก พร้อมดนตรีที่กระตุ้นบรรยากาศให้มีชีวิตชีวา ไมโคนอสจึงไม่เพียงแต่เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ แต่ยังเป็นจุดหมายปลายทางที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ที่หรูหราและวัฒนธรรมที่หลากหลาย รอคุณมาสัมผัสประสบการณ์ที่ไม่อาจลืมเลือน!

ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอันงดงามแห่งนี้ มีเมืองหนึ่งที่โดดเด่นด้วยประวัติศาสตร์และเสน่ห์แห่งความสำคัญอย่าง “คานิอา” (Chania) ที่ตั้งอยู่ในเกาะครีต (Crete) ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของเกาะและเป็นหลวงของจังหวัดที่มีชื่อเดียวกัน เมืองคานิอา แบ่งออกเป็นสองส่วน ได้แก่ “เมืองเก่า” ที่มีการก่อสร้างตามสถาปัตยกรรมแบบเวนิสที่สวยงาม และ “เมืองใหม่” ที่ทันสมัยมากขึ้น ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของเมืองเก่า เมืองเก่าของคานิอามีการผสมผสานระหว่างอาคารอันมีคุณค่าจากยุคเวนิสและอิทธิพลจากตุรกี ที่ให้ความรู้สึกย้อนยุคและสวยงามที่สุด โดยมีท่าเรือเวนิสที่สร้างขึ้นเมื่อหลายศตวรรษก่อน สัมผัสมนต์ขลังของสถาปัตยกรรมที่หยิบยกประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมไว้ในอาคารเดียวกัน นอกจากนี้ยังสามารถสำรวจเพลิดเพลินได้ในเวลาเพียงวันเดียว ด้วยความสะดวกและขนาดที่กะทัดรัดของเมือง ทำให้คานิอาเป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดของนักท่องเที่ยวที่ต้องการสำรวจความงดงามแห่งครีตในทุกแง่มุม แวะมาแล้วจะเป็นประสบการณ์ที่เลิกไม่ลงสำหรับการเดินทางแดนดินแห่งประวัติศาสตร์นี้!

ท่าเรือคาทากอลอน ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันตกของเพโลพอเนซ ทำหน้าที่เป็นประตูสู่ความมหัศจรรย์แห่งประวัติศาสตร์ที่คอยดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มาเยือน ด้วยความใกล้ชิดกับโอลิมเปีย เมืองโบราณที่เคยเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมและการแข่งขันกีฬาโอlympic ครานั้น นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่เงียบสงบ แต่เมื่อเรือสำราญจอดที่นี่ สถานที่นี้จะเต็มไปด้วยชีวิตชีวา โอลิมเปียซึ่งตั้งอยู่ห่างจากคาทากอลอนไม่ไกลนัก เป็นที่ตั้งของอัฒจันทร์กีฬาแห่งแรกของโลก เต็มไปด้วยเรื่องราวและตำนานที่สะท้อนถึงความยิ่งใหญ่ของกรีซโบราณ นักท่องเที่ยวสามารถเดินตามรอยเท้าของนักกีฬาโบราณ และชื่นชมซากปรักหักพังของวิหารซุสที่เคยดึงดูดผู้แสวงบุญจากทั่วทุกมุมเมดิเตอร์เรเนียน หากคุณไม่ต้องการเดินทางไปโอลิมเปีย คาทากอลอนก็เป็นสถานที่เหมาะสำหรับการนั่งพักผ่อนและรับประทานอาหารกลางวันสไตล์กรีก ขณะชมชาวประมงที่ก้าวข้ามมาทำงานในทะเล เหมาะสำหรับการพักผ่อนในบรรยากาศที่งดงามและไม่รีบร้อน คาทากอลอน พร้อมมอบทั้งความสงบและประสบการณ์ที่แสนน่าหลงใหล ในการสำรวจวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของกรีซ โดยไม่ต้องมีอะไรให้ต้องรีบเร่ง

ซารันด์ (Sarandë) เป็นเมืองชายทะเลที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคใต้ของประเทศแอลเบเนีย บนชายฝั่งของทะเลไอออนิอัน ซึ่งสามารถเดินทางมาจากเกาะคอร์ฟูของกรีซได้อย่างสะดวกสบาย ด้วยเรือเฟอร์รี่ เมืองซารันด์ได้ชื่อมาจากอารามคริสต์นิกายแรกซึ่งอุทิศให้กับนักบุญ 40 องค์ ความมหัศจรรย์ของซารันด์นั้นไม่เพียงแต่ในประวัติศาสตร์ แต่ยังรวมไปถึงบรรยากาศที่มีชีวิตชีวา จากการพัฒนาในช่วงหลังผ่านสถาปัตยกรรมคอมมิวนิสต์ที่เริ่มจะจางหาย มีร้านค้าขนาดเล็กและบาร์มากมายที่เพิ่มเสน่ห์แบบเมดิเตอร์เรเนียนให้กับเมือง ท่าเรือซารันด์ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นท่าเรือโบราณของออนเคสมัส (Onchesmos) ขึ้นชื่อในเรื่องอากาศที่อบอุ่นและซากโบราณสถานที่ใกล้เคียงอย่างบูตรินต์ (Butrint) ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอย่างสปริงน้ำตาอีฟ (Blue Eye Spring) ที่มีน้ำใสเป็นประกายอันน่าหลงใหล และใกล้เคียงมีสุสานใต้ดินของโบสถ์นักบุญ 40 ที่เพิ่งค้นพบ เมื่อคุณเยือนซารันด์ อย่าลืมชิมอาหารท้องถิ่น เช่น ชีสเคบับ (shisqubap) และไอศกรีมแสนอร่อย (akullore) ที่จะทำให้คุณได้รับประสบการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ในดินแดนแห่งนี้อย่างแน่นอน!

ดุกรมดาติก (Dubrovnik) เมืองแห่งความงามที่ตั้งอยู่ในประเทศโครเอเชีย เป็นหนึ่งในเมืองที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองที่มีเขตป้อมปราการที่งดงามที่สุดในโลก ด้วยทำเลที่ตั้งติดชายฝั่งอย่างน่าทึ่ง ที่ซึ่งคุณจะพบกับกำแพงหินขนาดใหญ่และหอคอยที่งดงามที่โอบล้อมท่าเรือเล็ก ๆ สถาปัตยกรรมของเมืองที่มีหลังคากระเบื้องสีส้มเปล่งประกายใต้แสงแดด เซมมีโดมทองแดง และหอระฆังที่หรูหรา เมืองนี้มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานเริ่มต้นจากการอพยพของประชาชนจากเมืองโรมัน เอปิดาอูรัมในศตวรรษที่ 7 โดยพวกเขาได้ตั้งถิ่นฐานบนเกาะหินขนาดเล็กที่เรียกว่า รากูซา (Ragusa) และสร้างเมืองที่รู้จักกันในชื่อ ดูบรอฟนิก (Dubrovnik) ในศตวรรษที่ 12 เมืองนี้เปลี่ยนแปลงเป็นสาธารณรัฐอิสระที่เจริญรุ่งเรืองในศตวรรษที่ 16 ด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงาม อาคารสุขภาพ และภัตตาคารที่มีเอกลักษณ์ ทำให้ดูบรอฟนิกกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าหลงใหลสำหรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก หากคุณได้เยี่ยมชมเมืองนี้ จะได้สัมผัสถึงความเป็นอัญมณีทางวัฒนธรรมที่ประวัติศาสตร์เกือบสูญเสียไป และเผชิญหน้ากับธรรมชาติที่หยั่งลึกลงไปในใจของทุกคนที่ได้มาเยือน

ท่าเรือที่น่าหลงใหลอย่างท่าเรือเมืองเตรียสเต (Trieste) ตั้งอยู่ในประเทศอิตาลี เป็นซีกหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่ตัดกับความเป็นมาของอาณาจักรออสเตรีย-ฮังการีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ด้วยคุณภาพความเป็นเมืองท่าที่สำคัญและศูนย์กลางการเงินเมื่อหลายทศวรรษก่อน เตรียสเตยังเป็นแหล่งรวมความคิดสร้างสรรค์ที่มีชื่อเสียงในวงการวรรณกรรม โดยนักเขียนชื่อดังอย่างอิตาโล สเวโว (Italo Svevo) และเจมส์ จอยซ์ (James Joyce) ต่างได้รับแรงบันดาลใจจากบรรยากาศอันหลากหลายทางวัฒนธรรมของเมือง คุณจะได้สัมผัสความงามในการผสมผสานของสถาปัตยกรรมสไตล์นีโอคลาสสิกและอาร์ตนูโว ซึ่งสร้างขึ้นในช่วงรุ่งเรืองของเมือง เตรียสเตยังมอบบรรยากาศที่เงียบสงบแต่แฝงไปด้วยความเศร้าสร้อยและงดงาม ในขณะที่คุณเดินชมถนนที่เรียงรายไปด้วยอาคารประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ สามารถสำรวจชายหาดที่มีวิวทะเลสวยงามและสัมผัสกับวัฒนธรรมและอาหารอิตาเลียนอันเลื่องชื่อได้อีกด้วย เตรียสเต คือจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับนักเดินทางที่ต้องการสัมผัสทั้งประวัติศาสตร์และความสวยงามในอิตาลีที่ไม่เหมือนใคร

สปลิต (Split) เมืองโบราณที่ตั้งอยู่ในประเทศโครเอเชีย เต็มไปด้วยเสน่ห์และเอกลักษณ์ที่ยากจะเลือนลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกล่าวถึงพระราชวังของจักรพรรดิไดโอกลีเชียน ซึ่งสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 3 เป็นผลงานอันงดงามที่ทุกคนไม่ควรพลาด ภายในกำแพงของพระราชวังนี้ มีความยิ่งใหญ่ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี เมื่อผู้เข้าชมเดินผ่านประตูสู่ประวัติศาสตร์ จะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของอดีตที่ยาวนาน เดิมที เมืองนี้เป็นที่หลบภัยของผู้คนจากการรุกรานในสมัยที่ซาลอนนา (Salona) ถูกโจมตี ชาวเมืองสร้างบ้านเรือนใหม่ภายในวัง จนกลายเป็นศูนย์กลางความเจริญรุ่งเรือง โดยเฉพาะในยุคที่เวนิสเข้าครอบครอง สปลิตกลายเป็นหนึ่งในท่าเรือการค้าหลักของทะเลอดริยาติก วันนี้ สปลิต ถือเป็นเมืองที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้เดินทางได้สัมผัสความงดงามของสถาปัตยกรรมเรอเนสซองส์และแรงบันดาลใจจากประวัติศาสตร์ที่มีความหมาย ทั้งยังมีทิวทัศน์ที่งดงามจากทะเลที่อยู่ใกล้เคียง สปลิตจึงไม่ใช่แค่จุดหมายปลายทาง แต่ยังเป็นประสบการณ์ที่จะตราตรึงในความทรงจำอย่างไม่มีวันลืม

ดุกรมดาติก (Dubrovnik) เมืองแห่งความงามที่ตั้งอยู่ในประเทศโครเอเชีย เป็นหนึ่งในเมืองที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองที่มีเขตป้อมปราการที่งดงามที่สุดในโลก ด้วยทำเลที่ตั้งติดชายฝั่งอย่างน่าทึ่ง ที่ซึ่งคุณจะพบกับกำแพงหินขนาดใหญ่และหอคอยที่งดงามที่โอบล้อมท่าเรือเล็ก ๆ สถาปัตยกรรมของเมืองที่มีหลังคากระเบื้องสีส้มเปล่งประกายใต้แสงแดด เซมมีโดมทองแดง และหอระฆังที่หรูหรา เมืองนี้มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานเริ่มต้นจากการอพยพของประชาชนจากเมืองโรมัน เอปิดาอูรัมในศตวรรษที่ 7 โดยพวกเขาได้ตั้งถิ่นฐานบนเกาะหินขนาดเล็กที่เรียกว่า รากูซา (Ragusa) และสร้างเมืองที่รู้จักกันในชื่อ ดูบรอฟนิก (Dubrovnik) ในศตวรรษที่ 12 เมืองนี้เปลี่ยนแปลงเป็นสาธารณรัฐอิสระที่เจริญรุ่งเรืองในศตวรรษที่ 16 ด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงาม อาคารสุขภาพ และภัตตาคารที่มีเอกลักษณ์ ทำให้ดูบรอฟนิกกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าหลงใหลสำหรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก หากคุณได้เยี่ยมชมเมืองนี้ จะได้สัมผัสถึงความเป็นอัญมณีทางวัฒนธรรมที่ประวัติศาสตร์เกือบสูญเสียไป และเผชิญหน้ากับธรรมชาติที่หยั่งลึกลงไปในใจของทุกคนที่ได้มาเยือน

ท่าเรือโคเตอร์ (Kotor) ในมอนเตเนโกร ตั้งอยู่ในอ่าวโบโค (Bokor Kotorska) ซึ่งเป็นฟยอร์ดที่อยู่ทางใต้ที่สุดในยุโรป ถูกล้อมรอบด้วยภูเขาที่งดงามและมีความลับซึ่งทำให้เมืองนี้มีความมีเสน่ห์อย่างยิ่ง โคเตอร์เป็นเมืองที่ยังคงความดั้งเดิมไว้อย่างครบถ้วน แตกต่างจากเมืองดูบรอฟนิกที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่น เมืองเก่าที่มีรูปลักษณ์อันสวยงามถูกล้อมรอบด้วยกำแพงป้องกันที่สร้างขึ้นระหว่างศตวรรษที่ 9-18 และมีป้อมปราการบนเขาที่เฝ้ามองด้านล่าง ภายในเมืองมีตรอกซอกซอยที่สร้างจากหินเป็นลำดับ ซึ่งนำพาไปสู่จัตุรัสที่เต็มไปด้วยร้านบูติกร้านกาแฟที่ทันสมัย แต่ยังคงมีเสน่ห์จากโครงสร้างโบราณที่สร้างขึ้นจากยุคกลาง โคเตอร์เคยเป็นท่าเรือที่สำคัญในเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของเซอร์เบีย โดยมีทั้งศูนย์เรียนรู้เกี่ยวกับงานปูนและไอคอนนิก นอกจากนี้ ท่าเรือปอร์โต้มอนเตเนโกรซึ่งเปิดในปี 2011 ยังออกแบบมาเพื่อต้อนรับเรือซุปเปอร์ยอชต์ชั้นนำของโลก อีกทั้งยังมีหมู่บ้านชายหาดที่งดงามรอบอ่าว เช่น เมืองเล็กๆ อย่างมูโอ (Muo) และเพอราสต์ (Perast) ที่คุณไม่ควรพลาด แวะชมวิวเบื้องหน้าที่งดงามของอ่าวนี้ทำให้การเดินทางของคุณเติมเต็มด้วยประสบการณ์ที่น่าลุ่มหลงและไม่รู้ลืม

เมื่อคุณก้าวเท้าสู่เมืองโครฟู (Corfu) คุณจะได้สัมผัสกับเสน่ห์ที่มีมาช้านานที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวของหลายวัฒนธรรม เมืองหลวงที่มีชีวิตชีวานี้ตั้งอยู่บริเวณกลางชายฝั่งตะวันออกของเกาะโครฟู เป็นจุดศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและมีใจกลางเมืองที่ได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในปี 2007 ไม่ว่าคุณจะเดินทางมาทางเรือเฟอร์รี่จากแผ่นดินใหญ่หรืออิตาลี หรือบินตรงมายังสนามบิน ณ โครฟู เมืองนี้คือจุดแวะพักที่เต็มไปด้วยความงาม ทางเดินเล็ก ๆ ในเขตคนเดินยกระดับให้คุณเดินชมสถาปัตยกรรมเก่าแก่ของเมือง โดยคุณสามารถผ่อนคลายด้วยการจิบกาแฟหรือไอศกรีมที่ Liston Arcade ที่มีร่มเงา ควรใช้เวลาสำรวจพระราชวังมอน เรโปส (Mon Repos) โดยขึ้นรถไฟท่องเที่ยวที่ให้บริการในช่วงฤดูร้อน และเมื่อถึงเวลาค่ำคืน เมืองนี้จะมีบรรยากาศที่แตกต่างด้วยร้านอาหารท้องถิ่นที่เสิร์ฟอาหารชั้นเลิศของเกาะ การเดินทางในเมืองโครฟูเป็นไปอย่างสะดวกสบาย คุณสามารถเดินเท้าสำรวจได้ทั่วถึง เมืองมีความเล็กพอที่คุณจึงไม่ต้องพึ่งพารถบัสที่ไม่สามารถเข้าถึงในเขตประวัติศาสตร์ หากคุณเดินทางมาทางเฟอร์รี่หรือเครื่องบิน แนะนำให้ใช้แท็กซี่ซึ่งจะพาคุณไปยังโรงแรมได้ในราคาเพียง 10 ยูโร ห้ามพลาด!

ที่เมืองสตรอมโบลี (Stromboli) ประเทศอิตาลี ท่าเรือที่โดดเด่นแห่งนี้เป็นประตูสู่ประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครในท้องทะเลเมดิเตอร์เรเนียน สำหรับนักท่องเที่ยวผู้แสวงหาความตื่นเต้น ทิวทัศน์สวยงาม และการผจญภัยในธรรมชาติ สตรอมโบลีโดดเด่นด้วยภูเขาไฟที่ยังคงมีชีวิตและพร้อมให้คุณค้นพบความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ เมื่อขึ้นเรือที่ท่าเรือสตรอมโบลี คุณจะถูกต้อนรับด้วยวิวทิวทัศน์ของภูเขาไฟที่พวยพุ่งควันจากจุดสูงสุด ซึ่งเป็นหนึ่งในอารมณ์ที่ทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ ล้อเลื่อนเสมือนจริงกำลังรอคอยคุณอยู่ ด้วยความสวยงามของชายหาดที่มีทรายสีดำและน้ำทะเลฟ้าใสคุณจะมีโอกาสผ่อนคลายและสนุกสนานกับกิจกรรมทางน้ำ สำหรับผู้ที่รักการเดินป่า สตรอมโบลีมีเส้นทางเดินป่าที่น่าตื่นเต้นเพื่อนำคุณไปสู่ยอดเขา นอกจากนี้ คุณยังสามารถสัมผัสกับวัฒนธรรมท้องถิ่นที่อบอุ่น และลิ้มลองอาหารอิตาเลียนที่มีชื่อเสียง ช่วยเสริมสร้างประสบการณ์การเดินทางของคุณให้เต็มอิ่มยิ่งขึ้น มาร่วมเปิดประตูสู่ความมหัศจรรย์ของสตรอมโบลี สถานที่ที่แนบชิดกับธรรมชาติและประวัติศาสตร์ พร้อมสร้างความทรงจำที่ไม่มีวันลืมในชีวิตของคุณ!

ท่าเรือทาออร์มินา (Taormina) ตั้งอยู่บนชายฝั่งของซิซิลี ประเทศอิตาลี เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของยุคกลาง อีกทั้งยังเป็นจุดหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ความงดงามของทิวทัศน์ที่สามารถมองเห็นทะเลและภูเขาเอทนา (Mt. Etna) ที่มีปีกหิมะปกคลุม ทำให้ทาออร์มินากลายเป็นภาพมุมกว้างที่น่าทึ่ง ซึ่งดีที่สุดในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส เมืองนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ตั้งแต่สมัยที่ชาวกรีกจากนาคซอส (Naxos) ตั้งรกรากเมื่อศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์ศักราช ยิ่งไปกว่านั้น วรรณกรรมที่มีชื่อเสียงอย่างของโกเธ่และดี. เอช. ลอเรนซ์ ก็ได้เขียนถึงความงามของที่นี่ ทำให้เมืองนี้เป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคน นอกจากถนนที่มีร้านค้าแบรนด์เนมเรียงรายแล้ว ทาออร์มินายังมีเส้นทางเดินเขาที่สวยงามที่เลาะเลียบไปตามเนินเขารอบๆ ซึ่งนำคุณไปสู่วิวที่หาที่เปรียบไม่ได้ โดยเฉพาะการไต่ขึ้นไปยังคาสเตลโมล่า (Castelmola) เพื่อสัมผัสความเป็นอมตะของทัศนียภาพที่คุณไม่ควรพลาดในการเดินทางครั้งนี้ เชิญสัมผัสประสบการณ์อันน่าประทับใจในทาออร์มินาและค้นพบความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่รอให้คุณมาเยือน!

ปาแลร์โม เมืองหลวงของซิซิลี เป็นจุดเชื่อมโยงที่สำคัญของอารยธรรมตั้งแต่อดีต โอบล้อมด้วยอ่าวรูปพระจันทร์และภูเขามอนเต้เพลเลกรีโกล่าสุดา เมืองนี้เคยเป็นศูนย์กลางทางปัญญาของยุโรปใต้ และยังคงดึงดูดผู้มาเยือนจากทุกมุมโลก ด้วยเอกลักษณ์ที่ผสมผสานจากหลากหลายวัฒนธรรม ทำให้ปาแลร์โมมีบุคลิกเฉพาะตัวที่โดดเด่น ทั้งอาราบิก คริสเตียน ไบแซนไทน์ และโรมาโน ควรค่าแก่การชมคือสถาปัตยกรรมสไตล์อาหรับ-นอร์แมน ซึ่งเกิดจากการรวมกันของหลายวัฒนธรรม ทำให้เกิดผลงานศิลปะที่งดงาม โดยเฉพาะในเขตประวัติศาสตร์ ที่คุณจะได้พบกับตลาดกลางแจ้งที่มีชีวิตชีวา สแควร์และร้านค้าข้างถนนที่เต็มไปด้วยสีสัน นอกจากนี้ ปาแลร์โมยังเป็นที่รู้จักในเรื่องของ "ปาสเซสซาตา" ซึ่งเป็นการเดินเล่นที่สะท้อนถึงความมีชีวิตชีวาของเมืองได้อย่างดี เมื่อเรือสำราญของคุณจอดที่ท่าเรือปาแลร์โม อย่าลืมสำรวจเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมนี้ เพื่อสัมผัสความงดงามที่ซ่อนอยู่ในทุกมุมมอง และสร้างความทรงจำที่ยากจะลืมเลือนตลอดไป

เนเปิลส์ เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคแคมปาเนียของอิตาลี และเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ ภูมิประเทศที่งดงามซึ่งมีอ่าวที่ถูกยกย่องว่าอยู่ในทำเลที่สะกดทุกสายตา ตลอดจนภูเขาเอเวอซูสที่มีรูปทรงกรวยสมบูรณ์แบบ เป็นสิ่งดึงดูดสายตานักท่องเที่ยวได้อย่างน่ามหัศจรรย์ นอกจากทิวทัศน์ที่งดงามแล้ว เนเปิลส์ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย เช่น พระราชวังหลวง, โรงอุปรากรซานคาร์โล, พิพิธภัณฑ์โบราณคดีแห่งชาติ และ ปราสาทนูโวซึ่งมีอายุกว่า 700 ปี สถานที่เหล่านี้เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสถึงอดีตอันรุ่งเรือง การเดินสำรวจเมืองเนเปิลส์จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เนื่องจากการจราจรที่ค่อนข้างวุ่นวาย การเริ่มต้นเดินทางจากที่นี่ไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอย่าง โปมเปอี และเกาะคาปรีซึ่งอยู่ใกล้ ใช้เวลาเพียง 45 นาทีโดยเรือเฟอร์รี่ เนเปิลส์ไม่เพียงแต่เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจ แต่ยังเป็นประตูสู่โลกโบราณที่น่าตื่นตาตื่นใจ ช่วยสร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวได้อย่างแท้จริงในระหว่างการเดินทางที่จดจำไม่รู้ลืมในอิตาลี

เมื่อคุณเดินทางมาถึงท่าเรือซิวิต้เวคเคียในอิตาลี บรรยากาศสไตล์อิตาเลียนกำลังรอคอยการค้นพบของคุณอยู่ เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของกรุงโรมซึ่งมีอายุกว่า 2,500 ปี ที่ซึ่งมีอาณาจักรจักรพรรดิ พระสันตะปาปา ศิลปิน และผู้คนธรรมดา ได้สร้างมรดกที่ไม่อาจลืมเลือน ตั้งแต่ซากโบราณของกรุงโรมไปจนถึงศิลปะในโบสถ์ที่เต็มไปด้วยความงดงาม และสมบัติอันล้ำค่าของนครวาติกัน ไม่ว่าคุณจะตั้งใจเดินเที่ยวชม Colosseum ที่เป็นสัญลักษณ์ วัด Pantheon อันยิ่งใหญ่ หรือจะใช้เวลาเพลิดเพลินที่ Campo de' Fiori ด้วยกาแฟสักถ้วยในยามสาย การเดินทางนี้จะทำให้คุณรู้สึกเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์อันยาวนาน และสัมผัสบรรยากาศแห่งความมีชีวิตชีวาในทุก ๆ มุมมอง ที่นี่คุณยังสามารถเลือกที่จะผ่อนคลายท่ามกลางความสงบในจัตุรัสที่มีเสน่ห์ ใช้เวลาชมผู้คนและดื่มด่ำกับชัยชนะของการใช้ชีวิตอย่างช้าๆ การสำรวจซิวิต้เวคเคียและกรุงโรมจะเป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน โดยจะเชื่อมโยงคุณกับวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของอิตาลีในทุกย่างก้าวที่คุณเดิน ทุกๆ สนามหญ้าและจุดหมาย เป็นข้อเสนอที่อัดแน่นไปด้วยความงดงามและแรงบันดาลใจที่คิดไม่ถึง
