
02-27217300
02-27217179
service@siloahtravel.com
Monday ~ Friday 09:00-18:00
14F.-3, No.137, Sec. 1, Fuxing S. Rd., Da’an Dist., Taipei City 106, Taiwan
Representative: Tung-Hua Tai
VAT: 43871553
交觀甲793500 品保北2260 隱私權條款
Copyright © 2025 Siloah Travel Co., Ltd.. All rights reserved.

Oosterdam
ฮอลแลนด์อเมริกาไลน์


บาร์เซโลนา สเปน เมืองที่ไม่เคยหลับใหล เต็มไปด้วยสีสันและชีวิตที่คึกคัก เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด ด้วยเสน่ห์ที่ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมโบราณและทันสมัย บาร์เซโลนาพร้อมให้คุณลิ้มรสประสบการณ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่ทิวทัศน์งดงามของย่านบาร์รี โกธิค (Barri Gòtic) ที่เต็มไปด้วยซอกมุมแห่งประวัติศาสตร์ ไปจนถึงความสวยงามของงานศิลปะและสถาปัตยกรรมแบบนูโวที่ไม่ซ้ำใคร การเดินเล่นเลียบเลาะเลนด์ลาฟลามบลา (La Rambla) และชายหาดบาร์เซโลเนต้า (Barceloneta) จะทำให้คุณได้สัมผัสกับบรรยากาศริมทะเลที่อบอุ่น และการชมโบสถ์ซากราดา ฟามีเลีย (Sagrada Família) ผลงานชิ้นเอกของอันโตนี เกาดี ที่สะท้อนถึงความละเอียดอ่อนทางศิลปะอย่างแท้จริง ไม่เพียงเท่านี้ บาร์เซโลนายังมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่และร้านค้าที่โดดเด่นที่จะทำให้คุณหลงใหลตลอดทั้งวัน สัมผัสวัฒนธรรมและความตื่นเต้นในยามค่ำคืนด้วยการเพลิดเพลินกับไวน์และอาหารท้องถิ่นในบาร์ทาปาสที่มีชีวิตชีวา ขอเชิญคุณมาสำรวจบาร์เซโลนา เมืองที่ดูแลคุณด้วยประสบการณ์ด้านรสชาติและความงามในทุกแง่มุม!

ท่าเรือมาร์เซย์ (Marseille) เมืองที่ได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองหลวงวัฒนธรรมแห่งยุโรปในปี 2013 ได้รับการปรับเปลี่ยนอย่างมหาศาล ด้วยการลงทุนกว่า 660 ล้านยูโร เพื่อสร้างศูนย์ศิลป์ใหม่ ๆ มากมาย ท่าเรือได้รับการปรับปรุงอย่างงดงาม ถนนหนทางและย่านต่าง ๆ กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่มีชีวิตชีวา คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวสุดสัปดาห์ มาร์เซย์เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของฝรั่งเศส ซึ่งเต็มไปด้วยสีสันและชีวิตชีวา มีประวัติศาสตร์ที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยวัฒนธรรม ตั้งแต่คราวที่ชาวฟินีเชียนและกรีกมายังท่าเรือในปี 600 ปีก่อนคริสต์ศักราช จนกระทั่งสงครามและการเปลี่ยนแปลงมากมายได้สร้างรูปแบบใหม่ให้กับเมือง วันนี้ มาเยือนที่ท่าเรือเก่า (Vieux Port) คุณจะได้สัมผัสบรรยากาศของเมืองที่มีเสน่ห์และความหลากหลาย ทั้งร้านค้า หอศิลป์และร้านอาหารที่ลงทุนสร้างใหม่อย่างทันสมัย มาร์เซย์จึงไม่ใช่แค่ท่าเรือ แต่เป็นสัญลักษณ์ของการรวมตัวของวัฒนธรรมที่โดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นอาหารท้องถิ่น หรือการแสดงศิลปะที่หลั่งไหลไม่ขาดสาย หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์การเดินทางที่น่าตื่นเต้นและมีเสน่ห์ ต้องไม่พลาดที่จะเยือนมาร์เซย์ซึ่งเต็มไปด้วย charm และ history ที่คุณจะไม่มีวันลืม.

ลิเวอร์โน่ (Livorno) เป็นท่าเรือที่นับเป็นเพชรเม็ดงามของอิตาลี และได้เปลี่ยนผ่านประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานตั้งแต่อดีต เมืองนี้เริ่มต้นจากการที่เคยถูกแบ่งเป็นของปิซาและเจนัว ก่อนที่จะถูกซื้อโดยฟลอเรนซ์ในปี 1421 เพื่อเปิดเส้นทางสู่ทะเล คอสิโมที่ 1 ได้เริ่มก่อสร้างท่าเรือในปี 1571 ทำให้เมืองนี้เป็นจุดหมายปลายทางทางทะเลสำคัญ ตลอดศตวรรษที่ 18 ลิเวอร์โน่เจริญรุ่งเรืองเป็นท่าเรือที่สำคัญ โดยเป็นที่ตั้งของกลุ่มคนหลากหลายเชื้อชาติ เช่น ชาวโรมันคาทอลิกจากอังกฤษ และชาวยิวและมอริชจากสเปน นอกจากนี้ยังมีอนุสาวรีย์ Quattro Mori ที่สร้างเพื่อระลึกถึงเฟร์ดินานโดที่ 1 แม้ว่าหลายส่วนของสถาปัตยกรรมในเมืองจะมีอายุหลังสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ลิเวอร์โน่เต็มไปด้วยสีสันของตลาดและวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยเฉพาะ Mercato Nuovo ที่มีสินค้าท้องถิ่นให้เลือกซื้อมากมาย ตั้งแต่อาหารสดจนถึงผลิตภัณฑ์อเมริกัน ที่พบได้จากฐานทัพอเมริกัน Camp Darby ที่ตั้งอยู่ใกล้เคียง หากคุณมีเวลา ลิเวอร์โน่เป็นสถานที่ที่ควรแวะรับประทานอาหารกลางวันหรือมื้อเย็นในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและความหลากหลายแห่งนี้ จะทำให้คุณรู้สึกประทับใจในเอกลักษณ์ของเมืองที่สวยงามและมีชีวิตชีวาเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อคุณเดินทางมาถึงท่าเรือซิวิต้เวคเคียในอิตาลี บรรยากาศสไตล์อิตาเลียนกำลังรอคอยการค้นพบของคุณอยู่ เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของกรุงโรมซึ่งมีอายุกว่า 2,500 ปี ที่ซึ่งมีอาณาจักรจักรพรรดิ พระสันตะปาปา ศิลปิน และผู้คนธรรมดา ได้สร้างมรดกที่ไม่อาจลืมเลือน ตั้งแต่ซากโบราณของกรุงโรมไปจนถึงศิลปะในโบสถ์ที่เต็มไปด้วยความงดงาม และสมบัติอันล้ำค่าของนครวาติกัน ไม่ว่าคุณจะตั้งใจเดินเที่ยวชม Colosseum ที่เป็นสัญลักษณ์ วัด Pantheon อันยิ่งใหญ่ หรือจะใช้เวลาเพลิดเพลินที่ Campo de' Fiori ด้วยกาแฟสักถ้วยในยามสาย การเดินทางนี้จะทำให้คุณรู้สึกเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์อันยาวนาน และสัมผัสบรรยากาศแห่งความมีชีวิตชีวาในทุก ๆ มุมมอง ที่นี่คุณยังสามารถเลือกที่จะผ่อนคลายท่ามกลางความสงบในจัตุรัสที่มีเสน่ห์ ใช้เวลาชมผู้คนและดื่มด่ำกับชัยชนะของการใช้ชีวิตอย่างช้าๆ การสำรวจซิวิต้เวคเคียและกรุงโรมจะเป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน โดยจะเชื่อมโยงคุณกับวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของอิตาลีในทุกย่างก้าวที่คุณเดิน ทุกๆ สนามหญ้าและจุดหมาย เป็นข้อเสนอที่อัดแน่นไปด้วยความงดงามและแรงบันดาลใจที่คิดไม่ถึง

เนเปิลส์ เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคแคมปาเนียของอิตาลี และเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ ภูมิประเทศที่งดงามซึ่งมีอ่าวที่ถูกยกย่องว่าอยู่ในทำเลที่สะกดทุกสายตา ตลอดจนภูเขาเอเวอซูสที่มีรูปทรงกรวยสมบูรณ์แบบ เป็นสิ่งดึงดูดสายตานักท่องเที่ยวได้อย่างน่ามหัศจรรย์ นอกจากทิวทัศน์ที่งดงามแล้ว เนเปิลส์ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย เช่น พระราชวังหลวง, โรงอุปรากรซานคาร์โล, พิพิธภัณฑ์โบราณคดีแห่งชาติ และ ปราสาทนูโวซึ่งมีอายุกว่า 700 ปี สถานที่เหล่านี้เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสถึงอดีตอันรุ่งเรือง การเดินสำรวจเมืองเนเปิลส์จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เนื่องจากการจราจรที่ค่อนข้างวุ่นวาย การเริ่มต้นเดินทางจากที่นี่ไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอย่าง โปมเปอี และเกาะคาปรีซึ่งอยู่ใกล้ ใช้เวลาเพียง 45 นาทีโดยเรือเฟอร์รี่ เนเปิลส์ไม่เพียงแต่เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจ แต่ยังเป็นประตูสู่โลกโบราณที่น่าตื่นตาตื่นใจ ช่วยสร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวได้อย่างแท้จริงในระหว่างการเดินทางที่จดจำไม่รู้ลืมในอิตาลี

เมื่อคุณก้าวเท้าสู่เมืองโครฟู (Corfu) คุณจะได้สัมผัสกับเสน่ห์ที่มีมาช้านานที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวของหลายวัฒนธรรม เมืองหลวงที่มีชีวิตชีวานี้ตั้งอยู่บริเวณกลางชายฝั่งตะวันออกของเกาะโครฟู เป็นจุดศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและมีใจกลางเมืองที่ได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในปี 2007 ไม่ว่าคุณจะเดินทางมาทางเรือเฟอร์รี่จากแผ่นดินใหญ่หรืออิตาลี หรือบินตรงมายังสนามบิน ณ โครฟู เมืองนี้คือจุดแวะพักที่เต็มไปด้วยความงาม ทางเดินเล็ก ๆ ในเขตคนเดินยกระดับให้คุณเดินชมสถาปัตยกรรมเก่าแก่ของเมือง โดยคุณสามารถผ่อนคลายด้วยการจิบกาแฟหรือไอศกรีมที่ Liston Arcade ที่มีร่มเงา ควรใช้เวลาสำรวจพระราชวังมอน เรโปส (Mon Repos) โดยขึ้นรถไฟท่องเที่ยวที่ให้บริการในช่วงฤดูร้อน และเมื่อถึงเวลาค่ำคืน เมืองนี้จะมีบรรยากาศที่แตกต่างด้วยร้านอาหารท้องถิ่นที่เสิร์ฟอาหารชั้นเลิศของเกาะ การเดินทางในเมืองโครฟูเป็นไปอย่างสะดวกสบาย คุณสามารถเดินเท้าสำรวจได้ทั่วถึง เมืองมีความเล็กพอที่คุณจึงไม่ต้องพึ่งพารถบัสที่ไม่สามารถเข้าถึงในเขตประวัติศาสตร์ หากคุณเดินทางมาทางเฟอร์รี่หรือเครื่องบิน แนะนำให้ใช้แท็กซี่ซึ่งจะพาคุณไปยังโรงแรมได้ในราคาเพียง 10 ยูโร ห้ามพลาด!

ดุกรมดาติก (Dubrovnik) เมืองแห่งความงามที่ตั้งอยู่ในประเทศโครเอเชีย เป็นหนึ่งในเมืองที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองที่มีเขตป้อมปราการที่งดงามที่สุดในโลก ด้วยทำเลที่ตั้งติดชายฝั่งอย่างน่าทึ่ง ที่ซึ่งคุณจะพบกับกำแพงหินขนาดใหญ่และหอคอยที่งดงามที่โอบล้อมท่าเรือเล็ก ๆ สถาปัตยกรรมของเมืองที่มีหลังคากระเบื้องสีส้มเปล่งประกายใต้แสงแดด เซมมีโดมทองแดง และหอระฆังที่หรูหรา เมืองนี้มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานเริ่มต้นจากการอพยพของประชาชนจากเมืองโรมัน เอปิดาอูรัมในศตวรรษที่ 7 โดยพวกเขาได้ตั้งถิ่นฐานบนเกาะหินขนาดเล็กที่เรียกว่า รากูซา (Ragusa) และสร้างเมืองที่รู้จักกันในชื่อ ดูบรอฟนิก (Dubrovnik) ในศตวรรษที่ 12 เมืองนี้เปลี่ยนแปลงเป็นสาธารณรัฐอิสระที่เจริญรุ่งเรืองในศตวรรษที่ 16 ด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงาม อาคารสุขภาพ และภัตตาคารที่มีเอกลักษณ์ ทำให้ดูบรอฟนิกกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าหลงใหลสำหรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก หากคุณได้เยี่ยมชมเมืองนี้ จะได้สัมผัสถึงความเป็นอัญมณีทางวัฒนธรรมที่ประวัติศาสตร์เกือบสูญเสียไป และเผชิญหน้ากับธรรมชาติที่หยั่งลึกลงไปในใจของทุกคนที่ได้มาเยือน

ท่าเรือโคเตอร์ (Kotor) ในมอนเตเนโกร ตั้งอยู่ในอ่าวโบโค (Bokor Kotorska) ซึ่งเป็นฟยอร์ดที่อยู่ทางใต้ที่สุดในยุโรป ถูกล้อมรอบด้วยภูเขาที่งดงามและมีความลับซึ่งทำให้เมืองนี้มีความมีเสน่ห์อย่างยิ่ง โคเตอร์เป็นเมืองที่ยังคงความดั้งเดิมไว้อย่างครบถ้วน แตกต่างจากเมืองดูบรอฟนิกที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่น เมืองเก่าที่มีรูปลักษณ์อันสวยงามถูกล้อมรอบด้วยกำแพงป้องกันที่สร้างขึ้นระหว่างศตวรรษที่ 9-18 และมีป้อมปราการบนเขาที่เฝ้ามองด้านล่าง ภายในเมืองมีตรอกซอกซอยที่สร้างจากหินเป็นลำดับ ซึ่งนำพาไปสู่จัตุรัสที่เต็มไปด้วยร้านบูติกร้านกาแฟที่ทันสมัย แต่ยังคงมีเสน่ห์จากโครงสร้างโบราณที่สร้างขึ้นจากยุคกลาง โคเตอร์เคยเป็นท่าเรือที่สำคัญในเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของเซอร์เบีย โดยมีทั้งศูนย์เรียนรู้เกี่ยวกับงานปูนและไอคอนนิก นอกจากนี้ ท่าเรือปอร์โต้มอนเตเนโกรซึ่งเปิดในปี 2011 ยังออกแบบมาเพื่อต้อนรับเรือซุปเปอร์ยอชต์ชั้นนำของโลก อีกทั้งยังมีหมู่บ้านชายหาดที่งดงามรอบอ่าว เช่น เมืองเล็กๆ อย่างมูโอ (Muo) และเพอราสต์ (Perast) ที่คุณไม่ควรพลาด แวะชมวิวเบื้องหน้าที่งดงามของอ่าวนี้ทำให้การเดินทางของคุณเติมเต็มด้วยประสบการณ์ที่น่าลุ่มหลงและไม่รู้ลืม

ซาดาร์ (Zadar) เมืองหลวงของดัลมาเชียที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า 1,000 ปี ที่มักถูกมองข้ามโดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปยังสปลิตหรือดูบรอฟนิก แต่ที่นี่คือเมืองที่มอบความสวยงามสดใสและความมีชีวิตชีวาแม้จะมีอดีตที่ซับซ้อน Old Town ของซาดาร์ตั้งอยู่บนแหลมที่ยาวประมาณ 4 กิโลเมตร เป็นสถานที่ที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และประวัติศาสตร์ ประกอบไปด้วยถนนลาดยางหินอ่อนที่เรียงรายไปด้วยซากโรมัน โบสถ์ในยุคกลาง พระราชวังและพิพิธภัณฑ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ ซาดาร์เคยเป็นศูนย์กลางการค้าขายที่สำคัญมาก่อนที่โรมจะเข้าครอบครองในศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสต์ศักราช โดยมรดกทางสถาปัตยกรรมที่งดงามยังคงอยู่ในซากฟอรัมที่สามารถเห็นได้ในปัจจุบัน ช่วงเวลาที่โดดเด่นที่สุดคือการก่อสร้างโบสถ์เซ็นต์โดนัท (St. Donat's Basilica) ในศตวรรษที่ 9 ที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับเมือง แม้ซาดาร์จะเคยเผชิญกับสงครามและการยึดครองในหลายยุคหลายสมัย แต่วันนี้เมืองนี้กลับเปล่งประกายด้วยความสดใสของวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ที่สำคัญยังมีสัญญาณอธิบายภาษาอังกฤษรอบเมืองเก่า ช่วยให้ผู้มาเยือนสามารถสำรวจคัดเลือกความน่าสนใจในที่แห่งนี้ได้อย่างสบายใจ เตรียมพบกับความมหัศจรรย์ของเมืองซาดาร์ที่นี่ ตรงกลางของดัลมาเชียที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และความงดงามรอคอยคุณอยู่!


ริเยกา เมืองท่าหลักของโครเอเชีย ตั้งอยู่ในภูมิภาคควาเนอร์ ซึ่งมีน้ำเป็นหัวใจสำคัญของชีวิตและวัฒนธรรมที่นี่ ได้ชื่อว่า "ฟิอูเม" ในภาษาอิตาลี เทียบเท่ากับความหมายในภาษาอังกฤษว่า "แม่น้ำ" ริเยกามีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่สมัยโรมันและพัฒนาขึ้นมากในยุคออสเตรีย-ฮังการี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นศูนย์กลางการค้าและการส่งออกสู่ทะเลเอเดรียติก ไม่เพียงแต่ความสำคัญในอดีต ริเยกายังเป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ซึ่งมีอุตสาหกรรมหนัก เช่น โรงกลั่นน้ำมันและอู่ต่อเรือที่ได้ชื่อเสียง แต่หลังจากการแยกตัวของยูโกสลาเวีย อุตสาหกรรมการขนส่งของเมืองเริ่มลดลง แม้ว่าจะมีการฟื้นตัวเล็กน้อย แต่ปริมาณการค้าก็ยังคงต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของสมัยปี 1980 สิ่งที่น่าดึงดูดในริเยกานั้นไม่ได้มีเพียงแค่ท่าเรือและอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่คุณสามารถสำรวจสถาปัตยกรรมอันงดงามและวัฒนธรรมที่หลากหลาย เช่น โบสถ์เซนต์วิตัสที่โดดเด่น ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความรุ่งเรืองของเมือง ร่วมสัมผัสประสบการณ์ที่น่าประทับใจและสัมผัสบรรยากาศที่มีเอกลักษณ์ในริเยกาเพื่อสร้างความทรงจำที่ไม่มีวันลืมในทริปของคุณ

สปลิต (Split) เมืองโบราณที่ตั้งอยู่ในประเทศโครเอเชีย เต็มไปด้วยเสน่ห์และเอกลักษณ์ที่ยากจะเลือนลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกล่าวถึงพระราชวังของจักรพรรดิไดโอกลีเชียน ซึ่งสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 3 เป็นผลงานอันงดงามที่ทุกคนไม่ควรพลาด ภายในกำแพงของพระราชวังนี้ มีความยิ่งใหญ่ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี เมื่อผู้เข้าชมเดินผ่านประตูสู่ประวัติศาสตร์ จะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของอดีตที่ยาวนาน เดิมที เมืองนี้เป็นที่หลบภัยของผู้คนจากการรุกรานในสมัยที่ซาลอนนา (Salona) ถูกโจมตี ชาวเมืองสร้างบ้านเรือนใหม่ภายในวัง จนกลายเป็นศูนย์กลางความเจริญรุ่งเรือง โดยเฉพาะในยุคที่เวนิสเข้าครอบครอง สปลิตกลายเป็นหนึ่งในท่าเรือการค้าหลักของทะเลอดริยาติก วันนี้ สปลิต ถือเป็นเมืองที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้เดินทางได้สัมผัสความงดงามของสถาปัตยกรรมเรอเนสซองส์และแรงบันดาลใจจากประวัติศาสตร์ที่มีความหมาย ทั้งยังมีทิวทัศน์ที่งดงามจากทะเลที่อยู่ใกล้เคียง สปลิตจึงไม่ใช่แค่จุดหมายปลายทาง แต่ยังเป็นประสบการณ์ที่จะตราตรึงในความทรงจำอย่างไม่มีวันลืม

ซานโตรีนี (Santorini) เป็นเกาะที่สวยงามและมีเอกลักษณ์ในภูมิภาคเอเจียน รูปร่างของเกาะเป็นเสี้ยวพระจันทร์ซึ่งถูกตั้งอยู่ในเส้นทางท่องเที่ยวของหมู่เกาะไซคลาดิค ที่นี่คุณจะได้สัมผัสกับพระอาทิตย์ตกที่น่าตื่นตาตื่นใจจากหมู่บ้านอียา (Ia) และสำรวจซากโบราณคดีอันน่าสนใจ ทั้งยังมีบ้านเรือนสีขาวสะอาดที่กลมกลืนกับท้องฟ้าอันสดใส ชื่อเดิมของซานโตรีนีคือ `คัลลิสติ` (Kállisti) ซึ่งแปลว่า "สวยที่สุด" แต่ต่อมาถูกปรับเป็น `ธีร่า` (Thira) ตามชื่อของผู้ตั้งถิ่นฐานในศตวรรษที่ 9 ก่อนคริสต์ศักราช จากนั้นเปลี่ยนมาเป็นชื่อที่เราเรียกในปัจจุบันคือ ซานโตรีนี ซึ่งได้ชื่อมาจากนักบุญไอรีน (St. Irene) แห่งเทสซาโลนิกิ การเดินทางโดยเรือมาถึงเกาะซานโตรีนีนั้นน่าตื่นเต้นมาก เมื่อคุณล่องเรือผ่านเกาะซิกิโนส (Sikinos) และไอโอส (Ios) โดยมีกลุ่มเกาะตัวเล็กๆ ตั้งอยู่สองด้าน การแล่นเรือเข้าสู่แคลเดอรีนั้นทำให้คุณได้สัมผัสความสวยงามของหน้าผาที่สูง 1,100 ฟุต และเมื่อเรือถึงท่าเรืออาธินิออส (Athinios) คุณจะได้พบกับบรรยากาศอันพิเศษที่สร้างความประทับใจ โดยภายในอ่าวนี้คือหลักฐานที่แสดงถึงอารยธรรมเก่าแก่และความงามที่ซ่อนอยู่จากพลังแห่งภูเขาไฟ ซานโตรีนี ไม่เพียงแต่เป็นจุดหมายปลายทางในฝันของนักเดินทาง ยังมีเกาะเพื่อนบ้านที่น่าสนใจอีกมากมาย จึงไม่แปลกใจที่ที่นี่จะเป็นหนึ่งในสุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวในยุโรปที่ทุกคนไม่ควรพลาด!

ท่าเรือโบดรั่ม (Bodrum) ตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเดรียติกของตุรกี เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่หรูหราและเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสความงามของทะเลอีเจียน โดยเฉพาะการเดินทางด้วยเรือสำราญที่แวะจอดที่นี่ โบดรั่มมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เต็มไปด้วยเสน่ห์ของวัฒนธรรมกรีกและออตโตมัน นักท่องเที่ยวสามารถสำรวจความงามของเมืองที่มีบ้านสีขาวและหลังคาสีฟ้า หรือเพลิดเพลินไปกับหาดทรายที่สะอาดและน้ำทะเลใสสะอาด อีกทั้งยังมีทัศนียภาพที่งดงามของภูเขาล้อมรอบ สำหรับผู้ที่หลงใหลในประวัติศาสตร์ ไม่ควรพลาดการเยี่ยมชมปราสาทโบดรั่ม (Bodrum Castle) สถานที่ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15 เพื่อป้องกันการรุกรานจากโจรสลัด ซึ่งตอนนี้มีพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับโบราณคดีทางทะเล โบดรั่มยังมีชีวิตชีวาไปด้วยตลาดนัดที่เต็มไปด้วยของฝากและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น รวมถึงร้านอาหารและคาเฟ่ที่เสิร์ฟอาหารตุรกีต้นตำรับ ให้คุณได้สัมผัสกับรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของภูมิภาคนี้ การเดินทางที่โบดรั่มจึงไม่เพียงแต่เป็นการพักผ่อน แต่ยังเป็นการสัมผัสประสบการณ์ที่หลากหลายและน่าจดจำ ที่ทำให้ทุกนาทีประกอบไปด้วยความสุขและความตื่นเต้นในการค้นพบโอกาสใหม่ ๆ ในชีวิต

ท่าเรือคูซาดาซี (Kusadasi) เป็นจุดหมายที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสความสวยงามของประเทศตุรกี เมืองตากอากาศแสนคึกคักนี้มีทั้งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร และชีวิตชายหาดที่น่าตื่นตา แต่สิ่งที่สะดุดตาที่สุดก็คือเมืองโบราณเอเฟซุส (Ephesus) ที่ถูกขุดค้นมาเพียง 20% ของทั้งหมด ทำให้ที่นี่ได้รับการยกย่องว่าเป็นมหานครโบราณที่สมบูรณ์ที่สุดในยุโรป เอเฟซุส ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 10 ก่อนคริสตกาล เป็นมรดกโลกของยูเนสโกและมีความงดงามที่น่าตื่นตาตื่นใจ แม้ว่าสถาปัตยกรรมอย่างวิหารอาร์เทมิสซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกจะเหลือเพียงเศษซาก แต่ห้องสมุดเซลซัสยังคงยืนหยัดอย่างน่าประทับใจ ส่งเสริมให้ผู้เข้าเยี่ยมชมได้สัมผัสประสบการณ์ที่มีค่า นอกจากนี้ ยังมีบ้านของพระแม่มารีอยู่ใกล้เคียงบนเขานกไนท์เกล ซึ่งมีตำนานเล่าขานว่าเป็นสถานที่ที่พระแม่มารีได้ใช้ชีวิตในช่วงท้ายของชีวิต เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่ซับซ้อนนี้สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้เยี่ยมชมทุกคน สำหรับผู้ที่ไม่สนใจประวัติศาสตร์ คูซาดาซีก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ด้วยชายหาดที่สวยงามอย่างชายหาดเลดี้ส (Ladies’ Beach) และร้านอาหารที่เสิร์ฟเคบับตุรกีอร่อย ๆ อีกมากมาย การเดินทางไปยังชายหาดที่ใสสะอาดของกูเซลคัมลิ (Guzelcamli) และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ปามุคคาเล (Pamukkale) ก็จะทำให้ความฝันในการสำรวจโลกของคุณเป็นจริงได้อย่างง่ายดาย


ท่าเรือพิราอีอัส (Piraeus) ตั้งอยู่ใกล้กับกรุงเอเธนส์ เป็นจุดเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยมสำหรับการสำรวจความงามและประวัติศาสตร์ของกรีซ สถานที่แห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นท่าเรือที่วุ่นวาย แต่ยังเป็นประตูสู่การเดินทางที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น สัมผัสเสน่ห์ของพิราอีอัสกับภาพวิวทะเลสวยและร้านอาหารทะเลที่มีชื่อเสียง ลองชิมอาหารซีฟู้ดสดๆ ริมน้ำในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา หลังจากนั้นเดินทางต่อไปยังกรุงเอเธนส์ เพื่อชมมนต์ขลังของอะโครโพลิส แหล่งมรดกโลกที่มีเสาหินอ่อนสีทองเป็นสัญลักษณ์ของความสวยงามแบบศิลปะกรีกโบราณ ในขณะที่สำรวจเมือง คุณจะได้พบกับย่านต่างๆ เช่น พลาคา ที่มีถนนแคบๆ และบ้านเรือนสีสันสดใส นอกจากนี้ คุณยังสามารถแวะชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่รวบรวมวัตถุโบราณต่างๆ เพื่อรู้จักกับประวัติศาสตร์หลายพันปีของกรีซได้อีกด้วย การเดินเที่ยวในพิราอีอัสและเอเธนส์จะเป็นการสัมผัสถึงเสน่ห์ที่เน้นความหลากหลายของวัฒนธรรม ซึ่งทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่คู่ควรแก่การสำรวจ ความคลาสสิกพบกับความทันสมัยในวิถีชีวิตประจำวันของชาวกรีก รอให้คุณได้มาเปิดประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครในดินแดนแห่งนี้.








สัมผัสประสบการณ์การเข้าพักใน "巔峰套房" ขนาดกว้างขวางและเต็มไปด้วยแสงสว่าง ที่นี่มอบความหรูหราผสมผสานกับความสะดวกสบายอย่างลงตัว ภายในห้องประกอบด้วยห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร หัวใจสำคัญของห้องคือห้องครัวขนาดเล็กที่มีไมโครเวฟและตู้เย็น รวมถึงหน้าต่างขนาดใหญ่จากพื้นจรดเพดานที่เปิดออกสู่ระเบียงส่วนตัวพร้อมอ่างน้ำร้อน ห้องนอนมีเตียงขนาดคิงไซส์ ซึ่งมีชื่อว่า Signature Mariner's Dream™ ที่มาพร้อมที่นอนแบบ Euro-Top ที่นุ่มสบาย และยังมีห้องแต่งตัวแยกต่างหาก ในห้องน้ำมีอ่างน้ำร้อนขนาดใหญ่และฝักบัว ซึ่งยังมีพื้นที่สำหรับฝักบัวแยกเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังมีโซฟาที่สามารถปรับเป็นเตียงสำหรับผู้เข้าพักได้อีกสองคน พร้อมกับห้องน้ำสำหรับแขก สิ่งอำนวยความสะดวกประกอบด้วยระบบเสียงส่วนตัว การเข้าถึง Neptune Lounge แบบเฉพาะตัว การให้บริการจากทาง concierge และบริการฟรีที่หลากหลาย ทั้งหมดนี้อยู่บนพื้นที่ประมาณ 1,150 ตารางฟุต รวมระเบียง ที่จะทำให้การพักผ่อนใน "巔峰套房" ของคุณน่าจดจำและเต็มไปด้วยความสุข.





ห้องชุด "ห้องพักเกอเธอ" แตกต่างด้วยหน้าต่างที่สูงจากพื้นจรดเพดานมองออกไปยังระเบียงส่วนตัว ทำให้ห้องพักกว้างขวางนี้เต็มไปด้วยแสงสว่าง ห้องมีกพื้นที่นั่งเล่นขนาดใหญ่ และเตียงคู่ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้เป็นเตียงขนาดคิงไซส์ เตียงนอนรุ่นพิเศษ "Mariner's Dream™" พร้อมที่นอนหนานุ่มแบบ Euro-Top และยังมีห้องแต่งตัวแยกต่างหาก นอกจากนี้ยังมีโซฟาเบดที่สามารถรองรับผู้เข้าพักได้ถึงสองคน ห้องน้ำมีอ่างล้างหน้าคู่ อ่างน้ำวนขนาดใหญ่ และห้องอาบน้ำแยก พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลาย รวมถึงการเข้าถึง Neptune Lounge ที่เป็นเอกสิทธิ์ ส่วนบุคคล และบริการฟรีมากมาย ห้องชุดมีขนาดประมาณ 500-712 ตารางฟุต รวมระเบียงไว้ด้วย




ห้องสวีทสุดหรูขนาดกว้างขวาง เหมาะสำหรับพักผ่อนอย่างเต็มที่ ด้วยพื้นที่นั่งเล่นขนาดใหญ่และหน้าต่างจากพื้นจรดเพดานที่เปิดมุมมองออกไปยังระเบียงส่วนตัว สวีทนี้ยังมีเตียงนอนขนาดเล็กสองเตียงที่สามารถจัดเรียงเปลี่ยนเป็นเตียงควีนไซส์แบบ Mariner's Dream™ ซึ่งมีที่นอน Euro-Top ฟูฟ่องให้ความสะดวกสบาย และยังมีโซฟาเบดสำหรับการนอนหนึ่งคนอีกด้วย ห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำแบบจากุซซี่ขนาดเต็มพร้อมห้องอาบน้ำแยก และอ่างล้างหน้าคู่ สวีทนี้มีพื้นที่ประมาณ 372-384 ตารางฟุต รวมถึงระเบียง การจัดเรียงของห้องพักอาจแตกต่างจากภาพที่แสดง




ห้องพักประเภท "阳台" เป็นห้องที่เต็มไปด้วยแสงสว่างจากหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน โดยมีวิวที่สวยงามเหนือระเบียงส่วนตัว ห้องนี้มีพื้นที่นั่งเล่นที่กว้างขวาง รวมถึงเตียงสองเตียงที่สามารถจัดเรียงให้เป็นเตียงควีนไซส์ได้ ซึ่งเป็นเตียงที่โด่งดังของเราอย่าง Mariner’s Dream™ ที่มีที่นอนแบบ Euro-Top ที่นุ่มสบาย นอกจากนี้ยังมีอ่างอาบน้ำพร้อมหัวฝักบัวนวดระดับพรีเมียมให้บริการ ห้องนี้มีขนาดประมาณ 212-359 ตารางฟุต รวมระเบียงด้วย โดยรูปแบบห้องพักอาจแตกต่างไปจากภาพที่แสดง.


ห้องพักที่กว้างขวางนี้คือ "海景客艙" ซึ่งมีเตียงคู่ด้านล่างที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นเตียงขนาดคิงไซส์—เตียงที่เราเรียกว่า Signature Mariner's Dream™ มาพร้อมกับที่นอน Euro-Top ที่นุ่มสบาย มีหัวฝักบัวนวดระดับพรีเมียม และสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลายรวมถึงวิวมหาสมุทร ห้องพักมีขนาดประมาณ 174-180 ตารางฟุต ซึ่งอาจมีรูปแบบแตกต่างกันจากภาพที่แสดง ทั้งนี้จะทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและเพลิดเพลินในทุกช่วงเวลาที่อยู่บนเรือ。




ห้องพักประเภท "ส่วนการวิวทะเล" นี้มีมุมมองที่สามารถมองเห็นทะเลบางส่วน พร้อมด้วยเตียงสองเตียงที่สามารถปรับเป็นเตียงขนาดควีนไซส์—เตียงที่มีชื่อเสียงของเรา Mariner's Dream™ มาพร้อมกับที่นอนสุดนุ่มในแบบ Euro-Top และหัวฝักบัวนวดระดับพรีเมียม รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ครบครัน ห้องพักมีขนาดประมาณ 174-180 ตารางฟุต ซึ่งจะช่วยให้คุณสัมผัสประสบการณ์การพักผ่อนบนเรือสำราญได้อย่างเต็มที่.



ห้องพักใหญ่เหล่านี้มีเตียงขนาดคู่รองลงมา 2 เตียงซึ่งปรับเป็นเตียงควีนไซส์ได้—เตียง Signature Mariner's Dream™ ของเรามีที่นอน Euro-Top ที่นุ่มสบาย, หัวฝักบัวนวดระดับพรีเมียม และสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อีกทั้งวิวจากห้องพักนั้นจะไม่มีการมองเห็นใดๆ ห้องพักมีพื้นที่ประมาณ 174-180 ตารางฟุต ทำให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับการพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ในบรรยากาศที่หรูหราและมีความเป็นส่วนตัวในห้องพักประเภท "วิวทะเลที่ถูกบดบังอย่างสมบูรณ์" นี้


ห้องพักประเภท "大內艙" ที่กว้างขวางนี้มีเตียงสองเตียงที่สามารถเปลี่ยนเป็นเตียงขนาดคิงไซส์ได้—พร้อมด้วยที่นอน Euro-Top อันหรูหราและหัวฝักบัวนวดพรีเมียม อีกทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์การพักผ่อนที่ดีที่สุด ขนาดห้องพักอยู่ระหว่าง 151–233 ตารางฟุต และการจัดเรียงห้องพักอาจแตกต่างจากภาพที่แสดง โดยรวมแล้ว "大內艙" เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักเดินทางที่มองหาความสะดวกสบายและความหรูหราในระหว่างการล่องเรือ


ห้องพักประเภทภายในนำเสนอเตียงคู่ที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นเตียงควีนไซส์ได้ ด้วยเตียงคุณภาพสูง Mariner's Dream™ ที่มาพร้อมกับฟูกนุ่มพิเศษและหัวฝักบัวนวดคุณภาพชั้นนำ ห้องพักที่สะดวกสบายนี้มีพื้นที่ประมาณ 151–233 ตารางฟุต และมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายเพื่อยกระดับประสบการณ์เข้าพักของท่าน โปรดทราบว่า การจัดวางภายในห้องพักอาจแตกต่างจากภาพที่แสดงไว้ เพื่อให้ท่านสัมผัสความสะดวกสบายในแบบที่ไม่เหมือนใคร