
02-27217300
02-27217179
service@siloahtravel.com
Monday ~ Friday 09:00-18:00
14F.-3, No.137, Sec. 1, Fuxing S. Rd., Da’an Dist., Taipei City 106, Taiwan
Representative: Tung-Hua Tai
VAT: 43871553
交觀甲793500 品保北2260 隱私權條款
Copyright © 2025 Siloah Travel Co., Ltd.. All rights reserved.

โวลเเดม
ฮอลแลนด์อเมริกาไลน์


ฟอร์ตลอเดอร์เดล เมืองชายฝั่งที่ตั้งอยู่ในรัฐฟลอริด้า คือจุดหมายปลายทางที่แสนงดงามและมีชีวิตชีวา เหมาะแก่การสำรวจและสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ริมชายหาดที่สวยงาม คุณจะได้พบกับลาดยาโอลาส (Las Olas Boulevard) ที่เป็นศูนย์กลางของชีวิตเมือง มีร้านค้า บูติก และคาเฟ่ที่ทันสมัย ตั้งเรียงรายตลอดเส้นทาง 2 ไมล์ อันเป็นความพิเศษที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก นอกจากชีวิตกลางคืนและวัฒนธรรมที่จัดเต็ม ฟอร์ตลอเดอร์เดลยังมีหาดทรายที่สวยสดงดงาม โซนที่พักหรูหราพร้อมวิวทะเลที่น่าประทับใจ ถูกสร้างขึ้นเพื่อแทนที่โรงแรมเก่าแก่ที่เคยเป็นเสน่ห์ในอดีต เมืองนี้ยังคงเป็นศูนย์กลางสำหรับทั้งการเดินเรือและกีฬาทางน้ำ โดยมีกลุ่มยอชต์ที่ตั้งเรียงตามแนวชายฝั่ง ฟอร์ตลอเดอร์เดล จึงไม่ใช่แค่จุดหมายของการท่องเที่ยว แต่ยังเป็นสถานที่ที่กระตุ้นให้เกิดความตื่นเต้นแก่ผู้ที่รักในทะเลและชีวิตค่ำคืนที่มีสีสัน. หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์ที่หลากหลายและมีความน่าหลงใหล ฟอร์ตลอเดอร์เดลจะทำให้การเดินทางครั้งนี้เต็มไปด้วยความทรงจำที่น่าประทับใจและประสบการณ์ใหม่ๆ ที่จะอยู่ในใจตลอดไป

ท่าเรือบริจด์ทาวน์ในบาร์เบโดส เป็นที่ที่ท่านจะได้สัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความหลากหลาย ตั้งอยู่ข้างอ่าวธรรมชาติแห่งเดียวของเกาะ ท่านจะได้พบกับสถาปัตยกรรมที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างสมัยใหม่และยุคล่าอาณานิคม จนสร้างบรรยากาศที่โดดเด่นพร้อมด้วยชายหาดที่เรียงรายไปด้วยต้นปาล์ม ระหว่างการสำรวจเมืองนี้ ท่านจะได้พบกับอาคารรัฐสภาที่จัดสร้างในสไตล์อังกฤษ และประวัติศาสตร์ที่ถูกบันทึกไว้ในโบสถ์แองกลิกัน รวมถึงกองทัพบาร์เบโดสซึ่งมีอายุกว่า 200 ปี ทั้งยังสามารถดื่มด่ำกับวัฒนธรรมที่ผ่อนคลายและชีวิตชายหาดที่คึกคักได้อย่างเต็มที่ การเดินทางจากเรือไปยังยานพาหนะเพื่อเริ่มต้นการท่องเที่ยวอาจมีระยะทางที่แตกต่างกันไป แต่อย่าห่วง เพราะทุกช่วงเวลาในบริจด์ทาวน์แทบจะตื่นเต้นไปด้วยข้อเสนอสุดพิเศษที่รอคอยให้ท่านได้สัมผัส ซึ่งจะทำให้ทริปของท่านเป็นที่น่าจดจำไม่มีวันลืม กลับใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ที่บริจด์ทาวน์ สถานที่แสนประทับใจในบาร์เบโดส

บนชายฝั่งของเฟรนช์เกียน่า มีเกาะที่สื่อถึงความลึกลับและน่าสะพรึงกลัว นั่นคือ "เกาะปีศาจ" (Devil’s Island) รูปร่างของเกาะเป็นเหมือนกุญแจ มีหินแหลมคมและต้นมะพร้าวที่สั่นไปตามลม ที่นี่เคยเป็นสถานที่คุมขังที่โหดร้ายและน่าสะพรึงกลัวที่สุดในประวัติศาสตร์ สถานที่ที่มีชื่อเสียงในเรื่องการทรมานและลงโทษอาชญากรที่เลวร้ายที่สุดของจักรวรรดิฝรั่งเศส แม้เกาะนี้จะปิดตัวลงตั้งแต่ปี 1953 แต่ชื่อเสียงที่เรียกว่าหมายถึงนรกบนดินยังคงอยู่ ภาพลักษณ์ที่น่าขนลุกในขณะที่เรือสำราญของคุณเข้าใกล้เกาะนี้ จะทำให้คุณรู้สึกถึงความแปลกประหลาด โดยต้นมะพร้าวที่ดูเหมือนไม่เป็นภัยกลับโบกมือเชื้อเชิญคุณมาที่ชายฝั่ง หากคุณมีโอกาสไปเยือนเกาะนี้ อย่าลืมสำรวจแนวชายฝั่งที่สวยงามและภูมิประเทศที่ทรงเสน่ห์ ไม่ว่าจะเป็นป่าอุดมสมบูรณ์ หรือทะเลสีน้ำเงินที่ตั้งอยู่รายล้อม นอกจากนี้ยังมีประวัติศาสตร์ที่รอการเปิดเผย ทำให้เกาะปีศาจเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจและเต็มไปด้วยความลี้ลับ รอให้คุณมาสัมผัสประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครในชีวิต!
ท่าเรืออิโคอาราชี (Icoaraci) ตั้งอยู่ในบราซิล เป็นจุดแวะพักที่น่าสนใจสำหรับนักเดินทางที่กำลังมองหาแหล่งประสบการณ์ใหม่ ในท่าเรือนี้ คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่เงียบสงบและเป็นธรรมชาติ ถ่ายทอดเสน่ห์ของวัฒนธรรมบราซิลที่เต็มไปด้วยสีสัน หลังจากขึ้นจากเรือสำราญแล้ว นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมตลาดพื้นเมืองที่เต็มไปด้วยของอร่อย อาทิ อาหารทะเลสดใหม่และผลไม้ท้องถิ่นที่มีรสชาติหวานฉ่ำ นอกจากนี้ยังมีการแสดงศิลปะและดนตรีท้องถิ่นที่ช่วยสร้างบรรยากาศให้มีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น ไม่ควรพลาดที่จะสำรวจความงามของธรรมชาติรอบท่าเรือ เช่น ป่าชายเลนที่เป็นที่อยู่อาศัยของนกและสัตว์น้ำมากมาย บริเวณชายฝั่งที่ทอดยาวสามารถทำกิจกรรมพายเรือแคนนูหรือตกปลาได้โดยที่คุณสามารถสัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวประมงในพื้นที่ ท่าอิโคอาราชีเป็นประตูสู่ประสบการณ์ที่หรูหราและน่าหลงใหล ให้คุณได้ใช้เวลากับธรรมชาติและวัฒนธรรมอันหลากหลาย อย่าลืมเก็บภาพความทรงจำที่งดงามนี้กลับไปเผื่อแบ่งปันกับคนที่คุณรัก ความทรงจำที่นี่จะติดตรึงใจคุณไปอีกนานแสนนาน

เรซิฟ (Recife) เมืองสีสันแห่งบราซิลที่ผสมผสานระหว่างความทันสมัยและประวัติศาสตร์ ช่วงเวลาแห่งการเจริญรุ่งเรืองของเมืองนี้เริ่มขึ้นในยุคที่ดัตช์เข้ามาปกครอง โดยมีการพัฒนาอย่างมากในสมัยของเคานต์มอริซิโอ เดอ นาซาว์ เมืองนี้ตั้งอยู่ในรัฐเปร์นัมบูโก้ (Pernambuco) ถือเป็นหนึ่งในศูนย์กลางที่สำคัญของการต่อสู้ระหว่างชาวดัตช์และชาวโปรตุเกส เรซิฟมีสถาปัตยกรรมที่งดงามตลอดแนวย่านแม่น้ำ สะท้อนวัฒนธรรมที่หลากหลาย ทำให้ผู้เข้าชมรู้สึกเหมือนอยู่ในยุโรป แม้ว่าโครงสร้างอาคารบางส่วนในยุค 19 ได้ถูกปรับปรุงใหม่ แต่ยังมีเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมโคโลเนียลที่สามารถพบนับไม่ถ้วน นอกจากนี้ เรซิฟยังเป็นศูนย์กลางการดูแลสุขภาพแห่งที่สามของบราซิล และเป็นจุดหมายปลายทางด้านอาหารที่มีคุณภาพ เมืองนี้นับว่ามีร้านอาหารมากมายที่เสิร์ฟอาหารอร่อยตั้งแต่จานท้องถิ่นไปจนถึงระดับโลก การเดินเที่ยวชมเมืองเรซิฟก็ยังชวนให้ตื่นตาตื่นใจด้วยแม่น้ำที่ไหลผ่านถึงสามสาย และสะพาน 49 สะพานที่เชื่อมต่อกันอย่างงดงาม ไม่ว่าจะเป็นชายหาด Boa Viagem ที่เต็มไปด้วยสาหร่ายหรือเขตเมืองเก่าที่มีชื่อว่า Recife Antigo ซึ่งให้บรรยากาศที่โรแมนติก เมืองเรซิฟมีเสน่ห์ที่จะทำให้คุณหลงใหลและอยากกลับมาอีกครั้งแน่นอนค่ะ


เมื่อคุณก้าวเข้าไปในโลกแห่งความหรูหรา ณ Punta del Este ประเทศอุรุกวัย คุณจะได้สัมผัสกับเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งมักถูกเปรียบเทียบกับ Hamptons หรือ St-Tropez เมืองนี้เต็มไปด้วยชีวิตชีวา โดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่ความพิเศษจะส่งเสริมให้เกิดปาร์ตี้ไม่รู้จบ ขณะเดียวกัน Punta del Este ยังคงเป็นสถานที่หลากหลายที่เหมาะกับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวที่มาเที่ยวในช่วงฤดูร้อน หรือนักธุรกิจที่ปรารถนาความสงบในบรรยากาศที่มีระดับ บริเวณชายฝั่งมีชีวิตชีวาในตัวเมืองที่มีชายหาดทอดยาว ขณะที่ด้านในก็มีฟาร์มและคฤหาสน์หรูหราที่เรียกว่า "chacras" หรือ "estancias" ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนอย่างสงบ นอกจากนี้ยังมีหมู่บ้านสร้างสรรค์ที่เต็มไปด้วยสีสันอย่าง La Barra และ José Ignacio ซึ่งตกกลายเป็นจุดหมายยอดนิยมในช่วงฤดูร้อน Punta del Este ได้ชื่อมาจาก "จุดตะวันออก" ซึ่งเป็นจุดแบ่งแยกระหว่าง Río de la Plata และมหาสมุทรแอตแลนติก ทั้งยังเป็นศูนย์กลางที่เชื่อมโยงไปยังพื้นที่ใกล้เคียงอย่าง Punta Ballena ที่มีเสน่ห์ไม่แพ้กัน หากคุณมีโอกาสได้เยือนที่นี่ รับรองว่าจะไม่มีใครผิดหวัง กับความงดงามที่ซ่อนอยู่รอให้คุณไปค้นพบ.

กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เป็นเมืองที่ผสมผสานความงดงามและความมีชีวิตชีวาเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ที่นี่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากมรดกวัฒนธรรมที่หลากหลาย สามารถสังเกตได้จาก Plaza de Mayo อันมีเสน่ห์ดุจจัตุรัสใหญ่ในมาดริด และ Teatro Colón ที่สวยงามราวกับว่าได้ย้ายมาจากเวียนนา บัวโนสไอเรสยังมีความเป็นอเมริกาใต้ที่ชัดเจนจากการเดินเล่นในถนนที่ปูด้วยหินและรองเท้าหนังคุณภาพสูงที่วางขายในร้านค้าเล็กๆ แถมยังมีกิจกรรมที่เต็มไปด้วยสีสัน เช่น ขบวนพาเหรดของแฟนฟุตบอลที่แสดงถึงความรักในกีฬานี้ของชาวเมือง นอกจากวัฒนธรรมและศิลปะที่หลากหลาย ชิมประสบการณ์ลิ้มลองไวน์ชั้นดี สเต็กเนื้อฉ่ำ และไอติมรสชาติต่างๆ ที่ได้มาเติมเต็มความอร่อยให้กับทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว ท่าเรือในกรุงบัวโนสไอเรส จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการสำรวจเสน่ห์แห่งเมืองนี้ พร้อมเปิดประสบการณ์การเดินทางที่สุดหรูหรา ในดินแดนที่มีทั้งความคลาสสิกและความทันสมัยรอคุณอยู่

มอนเตวิเดโอ เมืองหลวงของอุรุกวัย ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันออกของแม่น้ำริโอเดอพลาตา เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความมีชีวิตชีวา มาพร้อมกับทางเดินเลียบชายฝั่งหรือที่เรียกว่า "มาลิโคน" ที่ทอดยาวไปตามแนวชายหาด ร้านอาหารที่หลากหลาย และสวนสาธารณะมากมาย ที่นี่ คุณจะได้พบกับชาวมอนเตวิเดโอ เดินเล่น ออกกำลังกาย หรือแค่เพลิดเพลินกับบรรยากาศริมทะเล มอนเตวิเดโอมีความหลากหลายทางสถาปัตยกรรม โดยมีทั้งความเจริญก้าวหน้าของอาคารสมัยใหม่และเสน่ห์ของเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมโคโลเนียลที่หรูหรา นอกจากนี้ ยังมีจัตุรัสและสวนสาธารณะเขียวขจีมากมาย ที่ทำให้เมืองนี้มีชีวิตชีวาและสมบูรณ์แบบในการใช้เวลา เมื่ออากาศดี ถนนเลียบชายฝั่งที่ยาวถึง 22 กิโลเมตรจะเต็มไปด้วยผู้คนต่างเดินเล่น ตกปลาหรือลองขนมไอศกรีม โดยเฉพาะในช่วงเย็น ขณะที่คู่รักเริ่มออกมาสัมผัสบรรยากาศโรแมนติกของเมือง ความละเอียดอ่อนในชีวิตประจำวันที่นี่ทำให้มอนเตวิเดโอถูกจัดให้เป็นเมืองที่มีคุณภาพชีวิตดีที่สุดในละตินอเมริกา หญิงสาวที่จะเดินทางไปที่นี่ คงรู้สึกว่ามีเสน่ห์ดึงดูดใจที่จะกลับมาอีกครั้งในค่ำคืนที่สวยงามในฤดูร้อน.
ท่าเรือพอร์ตสแตนลีย์ ตั้งอยู่ในหมู่เกาะฟอล์คลแลนด์ (หรือที่รู้จักกันในชื่อเกาะมาลวินาส) เป็นจุดหมายที่ซ่อนเร้นในใจกลางมหาสมุทรแอตแลนติก ที่นี่คือเมืองหลวงที่มีเสน่ห์และบรรยากาศที่เหมือนกับหมู่บ้านอังกฤษที่หลุดออกมาใกล้เคียง โดยบ้านเรือนที่มีสีสันสดใสเป็นเอกลักษณ์ช่วยเติมเต็มความงามให้กับทิวทัศน์ที่ถูกตั้งอยู่ในธรรมชาติอันงดงาม นอกจากนี้พอร์ตสแตนลีย์ยังมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ โดยมีซากเรือ Lady Elizabeth ที่จมอยู่ไม่ไกลจากชายฝั่ง เป็นเครื่องเตือนใจถึงสภาพอากาศอันโหดร้ายที่แวดล้อมหมู่เกาะนี้ การเดินทางมายังฟอล์คลแลนด์ไม่ได้มีเพียงการพบกับภาพวิวอันน่าทึ่งเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสที่ได้สัมผัสกับโลกของเพนกวินหลากหลายสายพันธุ์ เช่น เพนกวิน Gentoo, Magellanic และ King ที่มักจะอาศัยอยู่ที่นี่หรือแวะพักระหว่างการเดินทาง สำหรับผู้ที่หลงใหลในธรรมชาติและชีวิตสัตว์ป่า ฟอล์คลแลนด์คือต่อมที่เปิดโอกาสให้คุณได้สำรวจความงามที่ธรรมชาติสร้างสรรค์อย่างลงตัว สร้างประสบการณ์การเดินทางที่น่าจดจำในดินแดนที่ไม่เหมือนใคร


อูซัวอิอา (Ushuaia) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ที่ละติจูด 55 องศาใต้ ซึ่งมีเสน่ห์กลมกลืนระหว่างธรรมชาติและประวัติศาสตร์ ในฐานะเมืองหลวงของทีแอร่า เดล ฟูเอโก (Tierra del Fuego) เมืองนี้ตั้งอยู่ที่ปลายด้ามขวานของประเทศอาร์เจนตินา และมีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก สายลมเย็นจากมหาสมุทรและภูเขาหิมะที่ตั้งตระหง่านประกอบร่วมกันสร้างวิวที่สวยงามทำให้ทุกคนหลงรัก ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสกับกิจกรรมกลางแจ้งมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินป่าผ่านอุทยานแห่งชาติทีแอร่า เดล ฟูเอโก การเที่ยวชมสัตว์ป่า และการตกปลาในแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความตื่นเต้น ยังมีการเล่นสกีที่กลาเซียร์มาร์เชียล (Martial Glacier) ด้วย นอกจากความสวยงามทางธรรมชาติ อูซัวอิอายังมีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ เมืองนี้เคยเป็นสถานที่ตั้งของเรือนจำที่สำคัญ ทำให้มีสภาพแวดล้อมที่เข้มแข็งและเรื่องราวความเป็นมาที่น่าพิสมัย โดยในปัจจุบัน อูซัวอิอากลายเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่รับนักท่องเที่ยวกว่า 120,000 คนต่อปี ไฮไลต์ของการเยี่ยมชมคือคลองบีเกิล (Beagle Channel) ที่สามารถมองเห็นวิวของภูเขาหิมะที่สะท้อนตัวเองในน้ำสีนิ่งสงบในช่วงยามเย็น สร้างบรรยากาศที่แสนโรแมนติกอยู่ตลอดทั้งปี อูซัวอิอา คือการเดินทางที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ และความทรงจำที่ไม่อาจลืมเลือนสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนที่นี่

ปุนตาอาเรนาส เป็นเมืองที่มีเสน่ห์ตั้งอยู่ในเขตปาตาโกเนียของชิลี และเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าตื่นเต้นสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสำนึกถึงธรรมชาติที่งดงามในภูมิภาคนี้ เมืองที่สร้างขึ้นประมาณ 150 ปีที่แล้วนี้ มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน และด้วยความเป็นเมืองแรกในปาตาโกเนีย คุณจะได้เห็นอาคารเก่าแก่ที่สลับสานกับบ้านเรือนที่มีหลังคาโลหะหลายสี เมื่อมองจากมุมสูง เช่น ที่มิโรเดอร์ เซโรลาครูซ ที่นี่ คุณไม่ควรพลาดการเยี่ยมชม Museo Naval y Marítimo ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่นำเสนอประวัติศาสตร์การเดินเรืออันยาวนานของชิลี รวมถึง Museo Regional de Magallanes ซึ่งเคยเป็นบ้านของตระกูลที่มีอำนาจในอดีต นอกจากนี้ ถ้าคุณรักความเป็นธรรมชาติ Parque Nacional Torres del Paine ก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ต้องเยี่ยมชม ซึ่งมีภูเขาไฟสวยงามและสัตว์ป่าอีกหลากหลายชนิด แต่อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดคือการเดินทางไปยัง Isla Magdalena เพื่อชมพวกเพนกวินมาจิลลานิก ซึ่งมีมากกว่า 100,000 ตัวโดยสามารถเดินชมได้โดยสบายๆ อย่าลืมนำน้ำอุ่นไปด้วย เพราะอากาศที่นั่นอาจเย็นสบาย แม้ในช่วงฤดูร้อน ปุนตาอาเรนาสเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ ตั้งแต่ความสวยงามของธรรมชาติ การสำรวจอดีต จนถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรม โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ ทำให้เป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่าและน่าจดจำในทุกช่วงเวลา
เมืองปูเออร์โต้ มอนต์ (Puerto Montt) เป็นจุดหมายปลายทางที่ดึงดูดความสนใจอย่างมากในเขตทะเลสาบของชิลี ด้วยบรรยากาศที่มีลมพัดเย็นสบายและวิวทิวทัศน์ที่งดงาม เมืองนี้เคยเป็นจุดสิ้นสุดสำหรับผู้เดินทางที่มุ่งหน้าเข้าสู่เขตนี้ แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมทางประมง สิ่งทอ และการท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดในภูมิภาค ปูเออร์โต้ มอนต์ เป็นเมืองที่เติบโตอย่างรวดเร็ว มีห้างสรรพสินค้า คอนโดมิเนียม และตึกสำนักงานตั้งอยู่ในใจกลางเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณมีโอกาสมาเยือนในวันที่อากาศแจ่มใส คุณจะเพลิดเพลินกับชายหาดที่สวยงาม เช่น พลายา เปลูโก (Playa Pelluco) ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อน หรือสามารถขับรถไปตามชายฝั่งเพื่อสัมผัสกับวิวทิวทัศน์ของเนินเขาที่ล้อมรอบ นอกจากนี้ ปูเออร์โต้ มอนต์ ยังเป็นประตูสู่การสำรวจธรรมชาติอันงดงามของชิลี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติออสตราล ซึ่งเต็มไปด้วยเส้นทางเดินป่าและภูมิทัศน์ที่น่าหลงใหล หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครในชีวิต อย่าลืมวางแผนการเดินทางมายังเมืองนี้ การล่องเรือในท่าเรือที่มีชื่อเสียงจะเป็นการเริ่มต้นการผจญภัยที่น่าจดจำ!

ซานอันโตนิโอ (San Antonio) ตั้งอยู่บนชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกของประเทศชิลี เป็นจุดแวะที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักเดินทางที่มาด้วยเรือสำราญ ที่นี่คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่ผสมผสานระหว่างธรรมชาติที่งดงามและวัฒนธรรมที่น่าหลงใหล ซานอันโตนิโอมีท่าจอดเรือที่ทันสมัย ซึ่งสามารถรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ พร้อมบริการที่สะดวกสบายสำหรับนักท่องเที่ยว เมื่อคุณมาถึงที่นี่ คุณจะถูกยั่วยวนด้วยทิวทัศน์ของหน้าผาและชายหาดที่สวยงาม มีโอกาสไปสำรวจพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องราวของประวัติศาสตร์ชิลี และสองเมืองที่น่าพิศวงในบริเวณใกล้เคียงคือ ปอร์ตาแมดริน (Porte Madryn) และวิน่าเดลมาร์ (Viña del Mar) ซึ่งเป็นสุดยอดปลายทางที่มีชีวิตชีวา เต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารที่มีรสชาติอร่อย ในการเดินทางนี้ อย่าลืมชมความงดงามของอุทยานแห่งชาติซานติก้า (Cerro Castillo) และลองชิมไวน์ชิลีที่มีชื่อเสียงในระดับโลก เพียงก้าวออกจากเรือสำราญและคุณจะได้พบกับประสบการณ์ที่ไม่ซ้ำใคร ที่ซานอันโตนิโอ สถานที่ที่สะท้อนถึงความงามทางธรรมชาติและวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ที่รอคุณอยู่!

เกาะอีสเตอร์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ "ฮังกาโรอา" เป็นเพชรน้ำหนึ่งในมหาสมุทรแปซิฟิกที่ตั้งอยู่ห่างจากชายฝั่งชิลีไปถึง 2,300 ไมล์ เป็นสถานที่ที่มีความโดดเดี่ยวที่สุดแห่งหนึ่งของโลกและถูกประกาศเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกในปี 1722 เกาะนี้มีขนาด 64 ตารางไมล์และมีชื่อเสียงจากสถานที่สำคัญอย่าง "โมอาอิ" รูปปั้นหินขนาดใหญ่ที่มีลักษณะคล้ายมนุษย์ ซึ่งถือเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก แม้เกาะอีสเตอร์จะมีลักษณะวัฒนธรรมเป็นโพลินีเซีย แต่ภายหลังถูกผนวกโดยชิลีในปี 1888 ที่นี่ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านวัฒนธรรมและโบราณคดี แต่ยังมีชายหาดอันงดงาม น้ำทะเลใส และแนวปะการังที่น่าหลงใหล ที่จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้เดินทางเข้าสู่วัฒนธรรมที่ต่างออกไป ถูกขนาบข้างด้วยภูเขาไฟสามลูกที่เคยระเบิดเมื่อราวสามล้านปีก่อน ได้แก่ โปยเค, ราโน คาอู และมอุงกา เทเรวากา สำหรับผู้ที่รักการผจญภัยและความตั้งใจที่จะค้นหาความลับของวัฒนธรรมที่น่าสนใจ สามารถสัมผัสประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครได้ที่นี่ พร้อมให้คุณปล่อยกายปล่อยใจบนเกาะที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติอันล้ำค่า



มูเรอา (Mo’orea) เป็นหนึ่งในหมู่เกาะสังคมแห่งฟรานซ์ โปลินีเซีย ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ ถือเป็นเกาะที่มีเสน่ห์อันน่าหลงใหล ด้วยภูเขาไฟสูงสง่าที่ตั้งตระหง่าน สะท้อนความงดงามในทัศนียภาพของน้ำมุ่งเลี้ยงอุ่นและทุ่งหญ้าเขียวขจี อันเป็นจุดหมายปลายทางที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทุกระดับที่มองหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ทั้งบนบกและใต้น้ำ ที่มูเรอา คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์ดำน้ำลึกในน้ำทะเลใสสะอาด ส่องดูชีวิตใต้ทะเลที่มีความหลากหลาย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การเดินป่าขึ้นภูเขาเพื่อดื่มด่ำกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของหมู่เกาะรอบ ๆ และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่ให้คุณเข้าใจวิถีชีวิตและประเพณีของคนท้องถิ่น การมาที่มูเรอาไม่ใช่เพียงแค่การพักผ่อน แต่ยังเป็นการสร้างความทรงจำอันมีค่าในดินแดนที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์แห่งธรรมชาติและวัฒนธรรมที่อยู่รอบตัวคุณ จึงไม่แปลกใจที่เกาะนี้จะเป็นจุดหมายในการเดินทางสำหรับผู้ที่ใฝ่ฝันถึงความงดงามของโลกใบนี้

เมื่อเอ่ยถึงชื่อ "บอรา บอรา" ความงดงามของเกาะนี้ก็เรียกความอิจฉาจากหลายคนทันที สายน้ำทะเลใสสีฟ้านม สาหร่ายขาวสะท้อนแสงแดด และต้นมะพร้าวเอนไหวไปตามลม ทำให้ผู้ที่มาเยือนรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในโลกแห่งความฝัน ขยายเวลาการพักผ่อนบนเกาะที่มีชื่อเสียงด้วยการเข้าพักในบังกะโลไม้กลางทะเลที่สร้างขึ้นเหนือระดับน้ำ พร้อมกับเพลิดเพลินไปกับการดำน้ำตื้นชมน้องปลาหลากสีสันที่ว่ายอยู่ในน้ำใสแจ๋ว ถ้าคุณเป็นคนที่รักความท้าทาย สามารถเดินป่าขึ้นไปบนยอดเขามองเทยอดเขาเพีย ซึ่งมอบวิวทิวทัศน์อันงดงามของเกาะและทะเลรอบข้าง เมื่อสำรวจและสัมผัสกับธรรมชาติแล้ว คุณจะพบกับความสุขอันบริสุทธิ์ที่ไม่สามารถหาได้จากที่ไหน บอรา บอรา จึงไม่เพียงแต่เป็นจุดหมายปลายทางเพื่อการพักผ่อน แต่ยังเป็นสถานที่ที่สร้างความทรงจำและประสบการณ์ที่คุณจะไม่มีวันลืม ไม่ว่าคุณจะเลือกที่จะผ่อนคลายหรือแสวงหาโมเมนต์ที่สุดแสนตื่นเต้น เกาะนี้ยินดีต้อนรับคุณด้วยอ้อมแขนที่เต็มไปด้วยความรักและธรรมชาติอันงดงาม


นุกูอาลอฟา เมืองหลวงแห่งราชอาณาจักรตองก้า เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าตื่นตาตื่นใจในใจกลางมหาสมุทรแปซิฟิก หลังจากล่องเรือสำราญอันหรูหรากลางทะเล นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับความงดงามของเกาะตองก้า ซึ่งเต็มไปด้วยแนวปะการังที่สวยงามและชายหาดทรายขาวนวล ความเงียบสงบของทะเลสีฟ้าครามและแหล่งน้ำตื้นอันสดใสจะนำคุณไปสู่ประสบการณ์การว่ายน้ำกับวาฬอย่างใกล้ชิด ที่นี่ยังเป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งในโลกที่คุณสามารถว่ายน้ำร่วมกับสัตว์ยักษ์ในน้ำทะเลเขตร้อน นอกจากนี้ บริเวณบ้านเมืองยังมีวัฒนธรรมที่น่าสนใจ รวมถึงประวัติศาสตร์การปกครองที่ชัดเจนและกิจกรรมการละเล่นพื้นเมือง จึงเป็นโอกาสที่ดีให้คุณได้สัมผัสและเรียนรู้ถึงวิถีชีวิตของประชาชนท้องถิ่น หากคุณต้องการความสงบสุข ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนริมชายหาด หรือการสำรวจธรรมชาติบริสุทธิ์ คุณจะพบกับประสบการณ์ที่น่าจดจำ รอคุณอยู่ที่นุกูอาลอฟา ล่องเรือสำราญที่นี่เพื่อสร้างความทรงจำอันแสนพิเศษในเส้นทางการเดินทางของคุณ!

ออคแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ เป็นเมืองที่ถูกขนานนามว่า “เมืองแห่งใบใบเรือ” และเป็นจุดหมายปลายทางที่นักเดินทางไม่ควรพลาด เมื่อมาถึง คุณจะได้สัมผัสกับความงดงามของท่าเรือไวเทมาตา ซึ่งหมายถึงน้ำที่ส่องประกาย และมีเกาะเล็ก ๆ ที่น่าสำรวจรอบๆ พร้อมกับเรือมากกว่า 70,000 ลำ ซึ่งแสดงถึงวัฒนธรรมการแล่นเรือที่รากฐานของชาวออคแลนด์ นอกจากนี้ ออคแลนด์ยังมีชายหาดจำนวนมากให้เลือกพักผ่อน ซึ่งหลายแห่งมีความสงบในช่วงวันธรรมดา แถมยังมีสนามกอล์ฟสาธารณะที่สามารถไปเล่นสนุกได้ภายในเวลาเพียง 30 นาทีจากตัวเมือง เมื่อมาเยือนแล้วคุณจะพบกับความมีชีวิตชีวาและวัฒนธรรมที่หลากหลาย โดยเฉพาะการผสมผสานระหว่างชาวเมารี ชาวแปซิฟิก และเอเชีย ที่สร้างความเป็นเอกลักษณ์ให้แก่เมือง ที่ใจกลางเมืองคือ Sky Tower หอคอยที่สูงถึง 1,082 ฟุต ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่เด่นชัดสำหรับผู้ที่เดินสำรวจเมือง มีร้านอาหารและบาร์มากมายตั้งอยู่บริเวณ Viaduct Basin ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่เพื่อรองรับการท่องเที่ยว มาร่วมสัมผัสกับความวิเศษของออคแลนด์ เมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และความทันสมัย ที่จะทำให้คุณหลงรักในการเดินทางครั้งนี้!

ท่าเรือไวแทนกิ (Waitangi) ในอ่าวของเกาะ (Bay of Islands) ประเทศนิวซีแลนด์ เป็นจุดหมายปลายทางที่เปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์และความงดงามทางธรรมชาติ ซึ่งมักจะมีเรือสำราญแวะจอดเพื่อให้ผู้โดยสารได้สัมผัสกับเสน่ห์ของภูมิภาคนี้ ไวแทนกิเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะที่ตั้งของข้อตกลงไวแทนกิ (Treaty of Waitangi) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของนิวซีแลนด์ นักท่องเที่ยวจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมเมารี เตรียมพร้อมที่จะให้สัมผัสกับประเพณีดั้งเดิมผ่านการแสดงดนตรีและการเต้นรำที่น่าประทับใจ นอกจากนี้ ท่าเรือแห่งนี้ยังเป็นประตูสู่การสำรวจเกาะน้อยใหญ่ในอ่าว รวมถึงการเดินทางไปยังชายหาดที่ทรายขาวและน้ำทะเลใส อีกทั้งยังมีกิจกรรมทางน้ำหลากหลาย เช่น การดำน้ำตื้น พายเรือคายัค และการตกปลา แวะเที่ยวที่ไวแทนกิ หมายถึงการได้สัมผัสความสวยงามที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ และการค้นพบเรื่องราวที่ซ่อนอยู่ในท้องถิ่น ฟีเจอร์ที่โดดเด่นนี้ทำให้การสำรวจอ่าวของเกาะเป็นประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาด ซึ่งจะกระตุ้นให้คุณอยากกลับมาสัมผัสความมหัศจรรย์นี้อีกครั้งในอนาคต


ท่าเรือทาวน์สวิลล์ ตั้งอยู่ในควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย เป็นเมืองชายฝั่งที่เต็มไปด้วยเสน่ห์เหนือกาลเวลา แม้ที่นี่จะไม่มีชายหาดและคลื่นซัดสาดแบบที่เห็นในอุดมคตินักท่องเที่ยว แต่ทาวน์สวิลล์กลับมอบประสบการณ์ที่แสนพิเศษให้กับผู้มาเยือน ด้วยสวนสาธารณะที่ร่มรื่น อาคารสไตล์โคโลเนียลที่มีชื่อเสียง และริมน้ำที่มีทางเดินเลียบกับชายทะเล ซึ่งเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนและจัดปิคนิคริมทะเล ย่านใจกลางเมืองที่มีชีวิตชีวาในช่วงหลังมีร้านอาหารและบาร์มากมายที่พร้อมบริการนักท่องเที่ยว รวมทั้งพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจและอะควาเรียมระดับโลก ซึ่งถือเป็นจุดที่ไม่ควรพลาด นอกจากนี้ ทางสำนักงาน Queensland Parks and Wildlife Service ตั้งอยู่บนเกาะแมกนีติก ที่เป็นเกาะสวยงามที่อยู่ใกล้เคียง ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเกาะสามารถพบได้ที่คิวออสจาก Townsville Enterprise ใน Flinders Square และพิพิธภัณฑ์ Queensland เทรอปิคัล หากคุณกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวที่มีบรรยากาศเป็นกันเองและอนุรักษ์ธรรมชาติ องค์ประกอบเหล่านี้ทำให้ทาวน์สวิลล์เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดในออสเตรเลีย อุดมไปด้วยประวัติศาสตร์ สวรรค์แห่งการผจญภัย และความงามทางธรรมชาติรอคุณอยู่

เมืองเคิร์นส์ (Cairns) รัฐควีนส์แลนด์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์และเป็นจุดเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบสำหรับการสำรวจธรรมชาติอันงดงามในด้านเหนือของรัฐควีนส์แลนด์ ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวต่างชาติหลั่งไหลเข้าร่วมทำกิจกรรมที่น่าตื่นเต้น เช่น ดำน้ำตื้นและดำน้ำลึกที่แนวปะการังเกรทแบร์ริเออร์รีฟ (Great Barrier Reef) นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมต่างๆ เช่น ล่องเรือ ตกปลา ปาร์เซลลิ่ง และการเดินป่าในป่าฝนที่เขียวขจี แม้จะมีสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย เช่น ความร้อนจัดและสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัว เช่น จระเข้เค็มและงูพิษ แต่เคิร์นส์กลับมีมนต์เสน่ห์ที่ดึงดูดให้ผู้คนอยากมาเยือน ชาวบ้านที่นี่เป็นมิตรและจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน พร้อมทั้งทัศนียภาพอันงดงามที่รอให้คุณมาสัมผัส สำหรับผู้ที่ต้องการพักผ่อนริมชายหาด เคิร์นส์ยังมีความเงียบสงบจากท้องทะเลที่สวยงามและบริการที่เป็นเลิศ ทำให้คุณสามารถใช้เวลาสนุกสนานท่ามกลางความงามของธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ นี่คือประตูสู่การผจญภัยที่คุณไม่ควรพลาด!

ดาร์วิน เมืองหลวงที่เต็มไปด้วยสีสันและบรรยากาศแปลกใหม่ของออสเตรเลีย ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลทิมอร์ เป็นเมืองที่ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ถนนหนทางที่ถูกประดับไปด้วยดอกไม้และต้นไม้เขตร้อนให้บรรยากาศที่โรแมนติกและผ่อนคลาย ดาร์วินมีอากาศร้อนชื้นในฤดูร้อนและแห้งสบายในฤดูหนาว ทำให้เป็นจุดหมายที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักผ่อน เมืองนี้มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ต้องเผชิญกับความท้าทายมากมายตั้งแต่อดีต เช่น การทดลองก่อตั้งเมืองในปี 1824 ที่ต้องพบกับสภาพอากาศที่รุนแรง จนกระทั่งในปี 1911 เมืองได้รับชื่อ "ดาร์วิน" ตามชื่อของนักวิทยาศาสตร์ชื่อดัง ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมืองนี้เคยถูกโจมตีอยู่หลายครั้ง จนอาคารบ้านเรือนถูกทำลายโดยพายุไซโคลนทราซีในปี 1974 แต่ความเข้มแข็งของผู้คนทำให้เมืองนี้กลับมาฟื้นฟูและเจริญรุ่งเรืองอีกครั้งในฐานะศูนย์กลางการบริหารและการค้าในภาคเหนือของออสเตรเลีย ปัจจุบัน ดาร์วินเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดในการสำรวจความงดงามของออสเตรเลียทางตอนเหนือ เช่น อุทยานแห่งชาติแคคาดูและภูมิภาคคิมเบอร์ลี ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครในออสเตรเลีย

เมื่อเรือสำราญลอยลำเข้ามาในท่าเรือเกาะโคโมโด (Komodo Island) ความงดงามของธรรมชาติจะทำให้คุณตกอยู่ในบรรยากาศอันเงียบสงบและประทับใจ ในที่นี่ คุณจะได้สัมผัสกับชายหาดสีชมพู (Pink Beach) ที่ได้รับการขนานนามจากสีสันที่สวยงามซึ่งเกิดจากเศษปะการังสีแดงที่ผสมผสานกับทรายขาวละเอียด ทำให้ทัศนียภาพของชายหาดแห่งนี้เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว ชายหาดที่เต็มไปด้วยความสงบร่มรื่นมีต้นไม้ที่ให้ร่มเงา พร้อมกับน้ำทะเลที่ใสสะอาดเป็นเหมือนสวรรค์สำหรับผู้ที่รักการดำน้ำและสนอร์กเกิล คุณจะได้พบกับปลาการ์ตูนที่แหวกว่ายอยู่ท่ามกลางเต่าทะเลหรือตัวปลากระโทงแทงที่หลงใหลในปะการังสีสันสวยงาม ที่นี่ ปะการังได้รับการอนุรักษ์ตามกฎหมาย ทำให้คุณได้สัมผัสกับความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเลในสภาพที่ดีที่สุด การสำรวจเกาะโคโมโดไม่เพียงแค่เพลิดเพลินกับพันธุ์ปลาทะเลและปะการัง ยังมีโอกาสที่จะได้เห็นสัตว์ป่าอันเป็นเอกลักษณ์ เช่น มังกรโคโมโด ที่อาจจะทำให้การเดินทางของคุณเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความทรงจำอันยาวนาน จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าเกาะโคโมโดจะเป็นจุดหมายที่ไม่น้อยหน้าในทุกๆ เส้นทางการเดินทางบนทะเลอย่างแน่นอน



ฟูมีย์ (Phu My) คือท่าเรือที่สำคัญของเวียดนาม ตั้งอยู่ใกล้เมืองโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh City) และเป็นประตูสู่การสัมผัสวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมที่เต็มไปด้วยเสน่ห์แห่งเวียดนามใต้ เมื่อเรือสำราญของคุณจอดเทียบท่า คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน ตั้งแต่อาหารอร่อยเลิศรส ไปจนถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจรอบนอก ท่าเรือฟูมีย์ไม่เพียงแค่เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางสู่เมืองใหญ่ ยังใกล้ชิดกับสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอย่างเมืองโฮจิมินห์ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์สุดคลาสสิค เช่น สะพานญี่ปุ่น ตลาดเบนถัน หรือพิพิธภัณฑ์สงคราม ด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายที่นักเดินทางไม่ควรพลาด ผู้เยี่ยมชมยังสามารถสำรวจธรรมชาติที่งดงามของแม่น้ำเมคอง พร้อมสัมผัสกับวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นในหมู่บ้านเล็กๆ นอกจากนี้ อาหารเวียดนามที่อร่อยรสจัด ทำให้ฟูมีย์เป็นจุดหมายที่จะทำให้คุณได้ลิ้มลองเมนูพิเศษที่มีอยู่ในท้องถิ่นเพียงเท่านั้น ฟูมีย์ถือเป็นประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร รอต้อนรับคุณให้จัดการเดินทางอันหรูหรานี้อย่างเต็มที่!

เมืองดานัง เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสามของเวียดนาม ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 1,283 ตารางกิโลเมตร มีประชากรประมาณ 1 ล้านคน ดานังมีความเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว เป็นเมืองที่มีการจัดระเบียบที่ดี โดยมีความงดงามของวิลล่าบนชายหาดและแม่น้ำฮั่นที่ไหลผ่านเมืองอีกฝั่ง สำหรับผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้ง ชายหาดไม่น่าเบื่อแห่งนี้เป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับความผ่อนคลาย ไม่ว่าจะมาเที่ยวคนเดียวหรือลงเล่นน้ำกับคนที่รัก นอกจากนี้ ดานังยังเป็นจุดเชื่อมต่อที่สะดวกสำหรับการเดินทางไปยังเมืองฮอยอันและเมืองฮุย สถานที่เด่นที่น่าเยี่ยมชมจากดานังคือฮุย ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของเวียดนามและเป็นแหล่งรวมอนุสรณ์สถานสำคัญต่างๆ รวมถึงสุสานและวัดวาอารามที่สวยงาม ส่วนเมืองฮอยอันเป็นเมืองโบราณที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมที่หายาก มีประวัติศาสตร์การค้าอันยาวนานในฐานะท่าเรือสำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มาท่องเที่ยวดานังและเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ในเมืองที่มีเสน่ห์แห่งนี้ ซึ่งไม่เพียงแค่ความสวยงาม ยังมีเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจรอให้คุณค้นพบ!

การเดินทางไปเยือนประเทศเวียดนามจะไม่สมบูรณ์หากไม่ได้แวะชมอ่าวฮาลอง (Halong Bay) หนึ่งในมรดกโลกที่มีชื่อเสียง ด้วยความงดงามของน้ำทะเลที่สงบและหินปูนกว่า 3,000 แห่งที่โดดเด่นจากลำธารหมอก นอกจากนี้ยังมีเกาะเล็กๆ ที่มีชายหาดขาวสะอาดและถ้ำซ่อนอยู่ ซึ่งทำให้ภูมิทัศน์นี้ดูมีมนต์ขลังและประทับใจยิ่งขึ้น สำหรับผู้ที่หลงใหลในธรรมชาติ อ่าวฮาลองยังมีกิจกรรมหลากหลาย เช่น การเดินป่า, พายเรือคายัค หรือปีนเขาที่เกาะเก็ตบา (Cat Ba) ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในอ่าวที่มีความหลากหลายทางชีวภาพและมีเส้นทางเดินป่าที่น่าทึ่ง โดยเฉพาะสำหรับนักผจญภัยที่ต้องการท้าทายตนเองกับการปีนเขาที่นี่ แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่มาสัมผัสความงามนี้ ขณะเดียวกันก็มีเรือท่องเที่ยวที่จัดระเบียบเพื่อพาคุณสำรวจความงามของธรรมชาติอย่างใกล้ชิด แม้ว่าการเดินทางอาจซับซ้อนในบางครั้ง แต่การเลือกใช้บริการจากบริษัททัวร์ในเมืองฮาลองหรือฮานอยจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับคุณ มาร่วมเปิดประสบการณ์และเสพบรรยากาศอันแสนโรแมนติกที่อ่าวฮาลอง ที่เพียงแค่ก้าวเท้าหรือพายเรือออกไป ก็จะได้พบกับความอลังการทางธรรมชาติที่คุณจะไม่มีวันลืมเลือน

เกาสง คือ เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของไต้หวัน และเป็นท่าเรือที่สำคัญที่สุดในประเทศ เป็นท่าเรือที่มีความจุคอนเทนเนอร์ใหญ่เป็นอันดับสี่ของโลก โดยเมืองนี้เริ่มต้นศตวรรษที่ 21 ด้วยการเปลี่ยนแปลงไปสู่มหานครที่ทันสมัยและน่าหลงใหล โดยมีบริษัท China Steel Corporation และ China Shipbuilding เป็นตัวอย่างที่ดีของเศรษฐกิจที่เน้นการส่งออกของไต้หวัน ไม่เพียงแต่ความทันสมัยเท่านั้น เกาสงยังมีภาพลักษณ์ที่งดงามของแม่น้ำความรัก โดยริมแม่น้ำมีคาเฟ่ที่ให้โอกาสนักท่องเที่ยวเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศและลมเย็นสบาย นอกจากนี้ยังมี Urban Spotlight คอร์ริดอรแห่งแสงซึ่งออกแบบโดยศิลปินท้องถิ่น สร้างความสดใสและศิลปะในโซน Central Park อย่างไรก็ตาม เกาสงยังมีเรื่องราวสำคัญในประวัติศาสตร์ของไต้หวัน นั่นคือเหตุการณ์เกาสงในปี 1979 ซึ่งเป็นวันที่ไร้เสียงสำหรับการเรียกร้องสิทธิมนุษยชน โดยส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในการเดินทางสู่ประชาธิปไตยของเกาะไต้หวัน หากคุณมีโอกาสเดินทางมาเยือนเกาสง คุณจะได้สัมผัสทั้งความสวยงามและประวัติศาสตร์ที่น่าตื่นเต้น ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลกให้มาค้นพบความงามของเมืองนี้อย่างไม่รู้ลืม

ท่าเรือเกาสง (Keelung) เป็นประตูสู่ไต้หวันที่มีเสน่ห์และน่าค้นหา ตั้งอยู่ไม่ไกลจากกรุงไทเป เมืองที่เปล่งประกายด้วยความสดใสและทันสมัย ซึ่งมีทั้งวัฒนธรรมและไอเดียสุดล้ำ ท่าเรือแห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นจุดแวะพักของเรือสำราญ แต่ยังเป็นฐานที่ดีในการเริ่มต้นการสำรวจความงามของไต้หวัน อย่าปล่อยให้ความเร้าใจของไทเปขับเคลื่อนคุณออกจากเกาสงเกินไป เพราะที่นี่มีตลาดกลางคืนที่มีชื่อเสียงซึ่งเต็มไปด้วยสีสันและชีวิตชีวา ตลาดนี้เป็นที่รู้จักในเรื่องของอาหารทะเลสดใหม่ และคุณจะได้สัมผัสประสบการณ์การชิมอาหารชั้นเลิศที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของท้องถิ่น นอกจากนี้ เกาสงยังเป็นฐานที่ดีในการเดินทางไปสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ทั่วทั้งภูมิภาค เช่น วัดหลงซาน (Longshan Temple) ที่มีความงดงามและประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ทำให้ท่าเรือเกาสงเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการสร้างความทรงจำและแรงบันดาลใจในการเดินทางที่ไม่รู้ลืมในไต้หวัน.

นาอาฮะ (Naha) เป็นเมืองหลวงของจังหวัดโอกินาว่า ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่น่าหลงใหลในญี่ปุ่น สถานที่แห่งนี้ขึ้นชื่อในเรื่องวัฒนธรรมที่แตกต่างและชวนตื่นตาตื่นใจ รอคอยนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัสความงดงามอย่างแท้จริง เมื่อเรือสำราญของคุณจอดที่ท่าเรือนาอาฮะ คุณจะมีโอกาสสำรวจเมืองที่มีเสน่ห์นี้ในทุกมุมมอง อันดับแรกที่ต้องเยี่ยมชมคือปราสาทชูริ (Shuri Castle) ซึ่งเป็นมรดกโลกที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน สถาปัตยกรรมที่สวยงามและบรรยากาศที่เงียบสงบจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลาไปยังยุครุ่งเรืองของอาณาจักรริวกิว หลังจากนั้น ให้เดินเข้าไปในตลาดถนนโบริ (Kokusai Dori) ที่เต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารท้องถิ่น คุณสามารถลิ้มลองอาหารพื้นเมืองที่มีรสชาติอันประณีต เช่น ราเมนโอกินาวะ และมิซุรุบะ (Mizutaki) ที่เรียกความชื่นชมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก อย่าลืมไปเยี่ยมชมสวน Okinawa World ซึ่งมีการจัดแสดงวัฒนธรรมท้องถิ่นและการแสดงพื้นบ้านที่น่าตื่นตาตื่นใจ สำหรับผู้ที่รักธรรมชาติ อย่าพลาดที่จะไปย่าว่าหาดอาการะ (Agara Beach) ซึ่งเป็นที่รู้จักในเรื่องน้ำทะเลใสและทรายขาวละเอียด นาอาฮะไม่ใช่เพียงท่าเรือ แต่เป็นประตูสู่การค้นพบวัฒนธรรมและความงามของโอกินาว่า รอคอยคุณมาสัมผัสประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืมเลือน!

แอมามิ โอชิมะ เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ล้ำค่าในญี่ปุ่น เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของนักเดินทางที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติอันงดงามและวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ เมื่อเรือสำราญของคุณแวะจอดที่ท่าเรือแอมามิ โอชิมะ คุณจะได้พบกับหาดทรายสีขาวและน้ำทะเลใสที่ทอดยาวไร้ที่สิ้นสุด ซึ่งเหมาะแก่การพักผ่อนและทำกิจกรรมทางน้ำ เช่น การดำน้ำตื้นที่หมู่เกาะรอบๆ ไม่เพียงแค่ทะเลที่สวยงาม ในแอมามิ โอชิมะ ยังมีหลากหลายแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น อุทยานแห่งชาติอามามิ กำแพงธรรมชาติที่มีพืชและสัตว์ที่หายาก และพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมโบราณที่ให้คุณเข้าใจถึงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมท้องถิ่น นักท่องเที่ยวยังไม่ควรพลาดลองชิมอาหารท้องถิ่น เช่น สถานที่ทำอาหารดั้งเดิมที่มีรสชาติไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะการทำอาหารจากวัตถุดิบสดใหม่ที่เก็บเกี่ยวจากท้องทะเล ให้แอมามิ โอชิมะ เป็นเรื่องราวที่สวยงามในการเดินทางของคุณ ซึมซับบรรยากาศและสร้างความทรงจำที่ไม่มีวันลืมในสวรรค์กลางทะเลแห่งนี้ในญี่ปุ่น



ห้องพักในหมวด "巔峰套房" คือห้องที่กว้างขวางและเต็มไปด้วยแสงสว่าง ห้องชุดที่เรียบหรูนี้มีห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร ห้องครัวขนาดเล็กที่มีไมโครเวฟและตู้เย็น รวมถึงหน้าต่างที่สูงจากพื้นถึงเพดาน ซึ่งสามารถมองออกไปยังระเบียงส่วนตัวได้ ห้องนอนมีเตียงขนาดคิงไซส์ ซึ่งเป็นเตียง Signature Mariner's Dream™ ที่มาพร้อมกับที่นอน Euro-Top ที่นุ่มสบาย มีพื้นที่แต่งตัวแยกต่างหาก และห้องน้ำที่มีอ่างอาบน้ำแบบจาคุซซี่ขนาดใหญ่ พร้อมกับฝักบัวและห้องอาบน้ำเพิ่มเติม ยังมีโซฟาเบดที่สามารถรองรับผู้เข้าพักได้สองคน รวมถึงห้องน้ำสำหรับแขกอีกด้วย สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องประกอบด้วยระบบเสียงส่วนตัว การเข้าถึง Neptune Lounge ที่พิเศษ บริการผู้ช่วยส่วนตัว และบริการฟรีที่หลากหลาย ห้อง "巔峰套房" มีขนาดประมาณ 1,296 ตารางฟุต รวมถึงระเบียงด้วย

และนี่คือห้องพักประเภท "ห้องสวีทเนปจูน" ห้องที่กว้างขวางและเต็มไปด้วยแสงสว่างจากหน้าต่างที่มีความสูงจากพื้นจนถึงเพดาน มุมมองที่สวยงามนี้มองออกไปยังระเบียงส่วนตัว ห้องมีพื้นที่นั่งเล่นขนาดใหญ่พร้อมมินิบาร์และตู้เย็น โดยมีเตียงขนาดเล็กสองเตียงที่สามารถปรับเป็นเตียงขนาดคิงไซส์ “Mariner’s Dream™” พร้อมที่นอน Euro-Top ที่นุ่มสบาย และยังมีห้องแต่งตัวแยกต่างหาก นอกจากนี้ยังมีโซฟาเบดที่รองรับผู้เข้าพักได้สองคน ห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำแบบเจ็ตเต็มขนาดและฝักบัว ภายในห้องยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลาย รวมถึงการใช้บริการใน Neptune Lounge ซึ่งเป็นบริการส่วนตัวและการบริการฟรีอีกมากมาย ขนาดพื้นที่ประมาณ 558-566 ตารางฟุต รวมระเบียงด้วย

ขอต้อนรับสู่ "景致套房" ที่มอบประสบการณ์การพักผ่อนสุดหรูบนเรือสำราญ ห้องชุดที่มีระเบียงที่ปูด้วยไม้สัก พร้อมด้วยหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานและพื้นที่นั่งเล่นที่สะดวกสบาย เต็มไปด้วยแสงธรรมชาติ ห้องพักนี้มีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 297-379 ตารางฟุต รวมทั้งพื้นที่ระเบียง ในห้องประกอบด้วยเตียงคู่ที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นเตียงควีนไซส์ ซึ่งคือเตียง "Mariner's Dream™" ที่มีที่นอนแบบ Euro-Top ที่นุ่มสบาย นอกจากนี้ยังมีอ่างอาบน้ำแบบน้ำวนและฝักบัว รวมถึงมินิบาร์และตู้เย็น เพื่อให้คุณสามารถผ่อนคลายและเพลิดเพลินกับความสะดวกสบายตลอดการเดินทางของคุณ

ห้องพักประเภท "露台" มีการออกแบบที่สะดวกสบายพร้อมประตูเลื่อนกระจกซึ่งมีกระจกสะท้อนเพื่อความเป็นส่วนตัว เปิดออกสู่ดาดฟ้าพromenade ห้องพักนี้ประกอบไปด้วยเตียงขนาดเล็กสองเตียงที่สามารถปรับเป็นเตียงควีนไซส์ได้ ซึ่งเป็นเตียง Signature Mariner's Dream™ พร้อมที่นอนแบบ Euro-Top ที่นุ่มสบาย นอกจากนี้ยังมีฝักบัวนวดคุณภาพสูงและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ห้องพักมีขนาดประมาณ 196-240 ตารางฟุต โดยการจัดเตรียมห้องพักอาจแตกต่างจากภาพที่แสดงไว้

ห้องพักประเภท "海景艙" ของเรานั้นกว้างขวางและสะดวกสบาย มีเตียงคู่สองเตียงที่สามารถปรับเป็นเตียงคิงไซส์ขนาดหนึ่ง พร้อมด้วยเตียงฝัน Signature Mariner's Dream™ ที่นุ่มสบาย มาพร้อมกับที่นอนแบบ Euro-Top ชั้นพรีเมียมและหัวฝักบัวนวดเพื่อความผ่อนคลาย ห้องพักมีพื้นที่ประมาณ 140-319 ตารางฟุต และให้คุณได้สัมผัสกับวิวทะเลที่งดงาม ในขณะที่คุณเพลิดเพลินกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกหลากหลายที่จัดเตรียมไว้ให้ สำหรับการพักผ่อนอย่างสบายๆ บนเรือที่มีความหรูหรา.

ห้องพักประเภท "艙窗" เป็นห้องที่กว้างขวาง มีพื้นที่ประมาณ 140-319 ตารางฟุต ซึ่งมาพร้อมกับเตียงคู่ที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นเตียงควีนไซส์สุดหรู นั่นคือเตียง Signature Mariner's Dream™ ที่มีที่นอน Euro-Top นุ่มสบาย รวมถึงสายฝนที่นวดตัวคุณภาพสูง พร้อมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยและหน้าต่างกระจกกลมที่เปิดให้ชมวิวทะเล ความสะดวกสบายและความหรูหราของห้องพักนี้ทำให้การพักผ่อนในเรือสำราญของคุณเป็นประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร

ห้องพักประเภทส่วนที่เห็นวิวทะเลนี้มอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร พร้อมเตียงคู่ที่สามารถปรับให้เป็นเตียงคิงไซส์ตามคอนเซ็ปต์ Mariner's Dream™ ซึ่งมีที่นอน Euro-Top ที่นุ่มสบาย นอกจากนี้ยังมีฝักบัวนวดพรีเมียมและสิ่งอำนวยความสะดวกหลากหลาย ในห้องพักขนาดประมาณ 140-319 ตารางฟุตนี้ คุณจะได้สัมผัสความสะดวกสบายและความหรูหราที่ลงตัว พร้อมวิวทะเลบางส่วนที่จะทำให้การพักผ่อนของคุณพิเศษยิ่งขึ้น

ห้องพักขนาดใหญ่ประเภท "ห้องรับรองวิวทะเลที่มีอุปสรรค" มีเตียงคู่ที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นเตียงขนาดควีนไซส์ ซึ่งเป็นเตียง Signature Mariner's Dream™ ที่มาพร้อมกับที่นอน Euro-Top ที่นุ่มสบาย, หัวฝักบัวนวดระดับพรีเมียม และสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลาย ห้องพักนี้มีขนาดประมาณ 140-319 ตารางฟุต และทิวทัศน์จะถูกบดบังโดยสิ่งกีดขวาง ทำให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์พักผ่อนอันแสนสะดวกสบายในบรรยากาศที่หรูหรา.

ขอแนะนำห้องพักประเภท "ห้องพักภายใน" ซึ่งมีเตียงเดี่ยวสองเตียงที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นเตียงขนาดคิงไซส์ที่สะดวกสบาย ด้วยเตียงที่ได้รับการออกแบบเฉพาะอย่าง Mariner's Dream™ ที่มาพร้อมกับที่นอน Euro-Top นุ่มสบายและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมาย ห้องพักเหล่านี้มีขนาดประมาณ 151-233 ตารางฟุต ซึ่งให้ความกว้างขวางและความสะดวกสบายในการพักผ่อน หลังจากวันอันแสนสนุกบนเรือ คุณจะได้สัมผัสกับการพักผ่อนที่ยอดเยี่ยมในห้องพักของเรา คุณจึงสามารถเพลิดเพลินกับการเดินทางของคุณอย่างเต็มที่