
02-27217300
02-27217179
service@siloahtravel.com
Monday ~ Friday 09:00-18:00
14F.-3, No.137, Sec. 1, Fuxing S. Rd., Da’an Dist., Taipei City 106, Taiwan
Representative: Tung-Hua Tai
VAT: 43871553
交觀甲793500 品保北2260 隱私權條款
Copyright © 2025 Siloah Travel Co., Ltd.. All rights reserved.

เวสต์แฮม
ฮอลแลนด์อเมริกาไลน์


ย่านโยโกฮาม่า ตั้งอยู่ในประเทศญี่ปุ่น เป็นท่าเรือที่มีความสำคัญอย่างยิ่งทั้งในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม การเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศญี่ปุ่นกับโลกตะวันตกเกิดขึ้นที่นี่ในปี 1853 เมื่อเรือรบของสหรัฐฯ เข้าท่าและนำพาความท้าทายในการเปิดประเทศ ซึ่งนั้นได้นำไปสู่การพัฒนาอย่างรวดเร็วของโยโกฮาม่า ที่เคยเป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมง ในปี 1859 โยโกฮาม่าได้รับการแต่งตั้งให้เป็นท่าข้ามแดนซึ่งมีการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในฐานะศูนย์กลางการค้าระหว่างประเทศ ในยุคที่ท่าเรือแห่งนี้เติบโตขึ้น โยโกฮาม่าได้เป็นศูนย์กลางแห่งการค้าของเอเชียตะวันออก แต่ในปี 1923 เกิดแผ่นดินไหวที่สร้างความเสียหายอย่างมากก่อนที่เมืองจะฟื้นฟูในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง และกลายเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ ปัจจุบัน โยโกฮาม่าเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ซึ่งเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น ย่านไชน่าทาวน์ อุทยานโยมาชิตะ และลูกค้าสามารถเพลิดเพลินกับบรรยากาศริมทะเลได้อย่างดี นอกจากนี้ ชิน-โยโกฮาม่า สถานีรถไฟที่เชื่อมโยงเมืองแห่งนี้กับโตเกียวเป็นอีกหนึ่งที่ไม่ควรพลาด ทั้งนี้การเดินทางมายังโยโกฮาม่าง่าย สร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นที่คุณจะไม่มีวันลืม

เมืองโอมะเอดะ (Omaezaki) ตั้งอยู่ในจังหวัดชิซูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น เป็นจุดหมายปลายทางที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความอัศจรรย์ทางธรรมชาติ สิ่งที่ทำให้เมืองนี้มีเสน่ห์เป็นพิเศษคือท่าเรือโอมะเอดะ ที่มีบรรยากาศเงียบสงบ และวิวทะเลที่งดงามตระการตา นอกจากนั้น คุณยังสามารถพบเห็นผู้คนท้องถิ่นที่ใส่ใจและเป็นมิตร ที่นี่นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสกับกิจกรรมหลากหลาย เช่น การตกปลา และเที่ยวชมความงามของทิวทัศน์ชายฝั่งทะเล นอกจากนี้ ท่าเรือยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสำรวจพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นที่นำเสนอประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมดั้งเดิม รวมทั้งการลิ้มรสอาหารทะเลสดใหม่ที่มีชื่อเสียง สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัย ท่าเรือโอมะเอดะยังเป็นประตูสู่การเดินทางไปยังภูเขาฟูจิ วิวที่งดงามของภูเขาไฟที่เป็นสัญลักษณ์ของญี่ปุ่นนี้ จะสร้างแรงบันดาลใจและความทรงจำที่ไม่มีวันลืม การมาเยือนโอมะเอดะ ไม่เพียงแต่เป็นการเดินทางทางกายภาพ แต่ยังเป็นการเดินทางสู่ความอบอุ่นของวัฒนธรรมและความงามของธรรมชาติที่คุณจะตรึงใจไปชั่วชีวิต

โคเบะ (Kobe) ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลในของญี่ปุ่น เป็นท่าเรือที่มีความสำคัญและมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี ตั้งแต่เปิดรับนักค้าและนักลงทุนต่างชาติในปี 1868 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดประเทศญี่ปุ่นสู่โลกภายนอก ทำให้โคเบะกลายเป็นเมืองที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมอย่างเด่นชัด ปัจจุบันมีชาวต่างชาติอาศัยอยู่ถึง 98 ประเทศ ทำให้สามารถสัมผัสประสบการณ์การชิมอาหารนานาชาติ รวมถึงเนื้อโกเบที่มีชื่อเสียงในระดับโลก แม้ว่าแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในปี 1995 จะทำให้โคเบะต้องเผชิญกับความเสียหายอย่างหนัก แต่เมืองนี้ได้ฟื้นฟูและเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว พร้อมด้วยสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ ๆ และแหล่งช้อปปิ้งที่มีชีวิตชีวา หลากหลายพิพิธภัณฑ์ และร้านอาหารคุณภาพ โดยท่าเรือโคเบะยังคงเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมทางการค้าและการท่องเที่ยว นอกจากนี้ โคเบะยังเป็นประตูสู่เมืองโบราณที่สำคัญอย่างเกียวโตและนารา ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปสัมผัสวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นในบรรยากาศที่สงบและงดงามได้ ด้วยแสงสีของชีวิตยามค่ำคืนในบาร์อบอุ่นและไนท์คลับหรูหรา โคเบะจึงเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าตื่นเต้นไม่ควรพลาดสำหรับนักเดินทางที่มองหาประสบการณ์ใหม่ในญี่ปุ่น

ท่าเรือโคจิ (Kochi Port) ในประเทศญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในท่าเรือที่มีเสน่ห์และประวัติศาสตร์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ ตั้งอยู่ในภูมิภาคชิโกะกุ ท่าเรือนี้เป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญสำหรับการเดินเรือสำราญ โดยมีการให้บริการที่สะดวกสบายและบริการต่าง ๆ ที่ครบครัน เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่น่าประทับใจ เมื่อมาถึงโคจิ นักท่องเที่ยวจะได้พบกับสถานที่ท่องเที่ยวเด่น เช่น ปราสาทโคจิที่สวยงามซึ่งสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 โดยยังคงความงดงามในสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นโบราณ อีกทั้งยังมีสวนปราสาทที่ร่มรื่นเหมาะแก่การเดินเล่นและสัมผัสบรรยากาศ นอกจากนี้ ตลาดสดโคจิ (Kochi Sunday Market) เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ไม่ควรพลาด ที่นี่คุณจะได้สัมผัสชีวิตประจำวันของคนท้องถิ่น พร้อมซื้อของฝากที่มีชื่อเสียง เช่น ผลไม้สดและของทำมือที่สร้างจากวัฒนธรรมท้องถิ่น ไม่เพียงแค่ท่าสำหรับการหยุดพักของเรือสำราญ โคจิยังเต็มไปด้วยวัฒนธรรมและธรรมชาติที่น่าหลงใหล นับเป็นจุดหมายที่สมบูรณ์แบบสำหรับการค้นพบประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการเดินทางที่หรูหราและน่าจดจำในประเทศญี่ปุ่น ด้วยเสน่ห์อันยิ่งใหญ่และเอกลักษณ์ที่แตกต่าง ทำให้โคจิเป็นจุดหมายปลายทางที่ต้องไปเยือนสักครั้งในชีวิต

ฟุกุโอกะ เมืองที่สวยงามและมีเสน่ห์แห่งญี่ปุ่น ตั้งอยู่บนเกาะคิวชู และเป็นหนึ่งในจุดลงเรือสำราญที่คุณไม่ควรพลาดเมื่อมาถึงญี่ปุ่น เมืองนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานและวัฒนธรรมที่หลากหลาย พร้อมทั้งเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ ท่าเรือฟุกุโอกะเป็นจุดเริ่มต้นที่สะดวกสบายสำหรับการสำรวจเมืองและแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง อีกทั้งยังมีบริการขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพ ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยังสถานที่สำคัญต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว และสะดวกสบาย หนึ่งในสถานที่ที่ต้องแวะเยี่ยมชมคือสวนโอฮาระ สวนสวยที่มีต้นซากุระบานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิ นอกจากนี้ ช้อปปิ้งในย่านรอบๆ เช่น ย่านเท็นจิน จะทำให้คุณได้สัมผัสกับสินค้าท้องถิ่นและขนมหวานชื่อดังอย่างโมจิฟุกุโอกะ การลิ้มลองราเม็งฟุกุโอกะที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นประสบการณ์ที่ห้ามพลาด นอกจากนี้ยังมีงานเทศกาลเบียร์ฟุกุโอกะ ที่แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมการดื่มที่เข้มข้นของเมืองนี้ ฟุกุโอกะคือจุดหมายที่มอบประสบการณ์อันหลากหลายและไม่เหมือนใคร ช่วยให้คุณสร้างความทรงจำที่ยากจะลืมเลือนในระหว่างการเดินทางของคุณในญี่ปุ่น
โซคโช เมืองชายฝั่งที่งดงามในประเทศเกาหลีใต้ ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สลับซับซ้อน ผสมผสานระหว่างภูเขาและชายหาดอันสวยงามเป็นเอกลักษณ์ เมืองนี้มีประชากรประมาณ 90,000 คน และถือเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าหลงใหลที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ร่วง ที่ใบไม้เปลี่ยนสีให้ภาพบรรยากาศสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเกาหลี การเดินทางมาโซคโช นอกจากจะได้ประทับใจกับบรรยากาศของอุทยานแห่งชาติเซอรัคซาน ซึ่งมีภูเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดกังวอนและเป็นภูเขาที่สูงเป็นอันดับสามของประเทศแล้ว ยังสามารถสัมผัสประสบการณ์ร้อนๆ จากน้ำแร่ธรรมชาติที่มีชื่อเสียง อีกทั้งชายหาดที่มีความสวยงามพร้อมกิจกรรมทางน้ำที่หลากหลาย ไม่เพียงเท่านั้น โซคโชยังมีวัดที่สำคัญและพระพุทธรูปที่ได้รับการดูแลรักษาอย่างดี ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางศาสนาที่สร้างความสงบสุขแก่จิตใจ หากคุณกำลังมองหาสถานที่ที่เต็มไปด้วยความหลากหลายและสวยงาม โซคโชคือหนึ่งในจุดหมายที่คุณต้องไม่พลาดในการสำรวจและเยี่ยมชม หากคุณฝันถึงการเดินทางครั้งใหม่ ขอเชิญคุณสัมผัสเสน่ห์ของโซคโชและค้นพบความงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมที่นี่ได้แล้ววันนี้!

ท่าเรือคานาซาวะ ตั้งอยู่ในจังหวัดอิชิคาวะ เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญ ซึ่งเคยเป็นคู่แข่งทางประวัติศาสตร์กับเกียวโตและเอโดะ (โตเกียว) คานาซาวะได้รับการอนุรักษ์ให้มีสภาพดีจากการทำลายล้างในสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้เขตเมืองเก่าทั้งหลายยังคงอยู่ในสภาพดีและน่าเยี่ยมชม อัญมณีที่สำคัญของเมืองคือ "เคนโระเคน" สวนที่ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสามสวนที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ใกล้กับปราสาทคานาซาวะ สวนนี้มีพื้นที่กว่า 11.4 เฮกตาร์ โดยมีบ่อน้ำตามธรรมชาติ ภูเขา และบ้านต่าง ๆ สมาชิกในสวนและเป็นที่ตั้งของน้ำพุที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่นที่ใช้แรงดันน้ำธรรมชาติ อีกหนึ่งจุดเด่นของคานาซาวะคือย่านฮิงาชิชยะกาย ซึ่งเป็นเขตเกอิชาที่ใหญ่ที่สุด มีบ้านเก่าแก่ที่ยังคงรักษาสถาปัตยกรรมดั้งเดิม และมีร้านค้ามากมายสร้างบรรยากาศย้อนยุค นอกจากนี้ คานาซาวะยังมีชื่อเสียงในด้านงานชั้นยอด เช่น งานเคลือบลายลักษณ์, เครื่องปั้นดินเผาสไตล์คุตานิ และชุดกิโมโนที่ประดับอย่างประณีต คานาซาวะ ขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้รักงานศิลปะและวัฒนธรรมที่แท้จริงของญี่ปุ่น โอกาสนี้เชิญชวนนักท่องเที่ยวมาเปิดโลกใหม่ของประสบการณ์วัฒนธรรมในเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์นี้!

ท่าเรือซาคาตะ ตั้งอยู่ในจังหวัดยามากาตะ ประเทศญี่ปุ่น เป็นท่าเรือที่มีเสน่ห์และมีความสำคัญต่อการค้าและการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้ เสน่ห์ของซาคาตะอยู่ที่การผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมที่เก่าแก่และธรรมชาติอันงดงาม เมื่อเรือสำราญจอดเทียบท่า นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสประสบการณ์อันตื่นเต้นที่เมืองซาคาตะ ด้วยวิวทิวทัศน์อันน่าทึ่งของภูเขาซาอิซัน และแม่น้ำที่ไหลผ่านเมือง พลาดไม่ได้กับการเยี่ยมชมสถานที่สำคัญอย่างวัดนันไกจิ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับการบูรณะในสมัยเอโดะ ซึ่งมีความหมายต่อชาวเมืองเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ เมืองซาคาตะยังเป็นแหล่งรวมของวัฒนธรรมและศิลปกรรม ไม่ว่าจะเป็นการเดินชมตลาดท้องถิ่นที่มีผลิตภัณฑ์สดใหม่ของท้องถิ่น รวมถึงอาหารทะเลคุณภาพสูงที่รับประกันความอร่อย และอย่าลืมลิ้มลอง ‘ซาชิมิ’ และ ‘ซูชิ’ ที่มีชื่อเสียงของที่นี่ การเดินทางมาที่ท่าเรือซาคาตะ จึงเป็นประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาด หากคุณกำลังมองหาที่ท่องเที่ยวที่มีมนต์เสน่ห์และความหลากหลาย ดินแดนแห่งนี้รอคอยการค้นพบจากคุณอยู่เสมอ

ท่าเรืออาโอโมริในประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจ สำหรับผู้ที่หลงใหลในวัฒนธรรมและเทศกาลท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลเนบุตะ มัตสึริ ที่จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 2 ถึง 7 สิงหาคมของทุกปี เทศกาลนี้เป็นหนึ่งในงานเฉลิมฉลองที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น กับขบวนแห่ลอยประดับไฟที่มีขนาดใหญ่ แสดงถึงรูปปั้นซามูไรที่น่าประทับใจ พรั่งพร้อมไปด้วยการเต้นรำที่รื่นเริงจากนักเต้น "เฮเนโต" ที่วิ่งเคียงข้างขบวนลอย คุณจะได้สัมผัสถึงความมหัศจรรย์และพลังแห่งชัยชนะหลังจากการต่อสู้ นอกจากนี้ อาโอโมริยังขึ้นชื่อเรื่องอาหารทะเลสดๆ จากอ่าวอาโอโมริ โดยเฉพาะ "โอมา โน มะกุโร" (ทูน่าจากโอมา) และผลไม้ผักสดใหม่ เช่น กระเทียมที่มีชื่อเสียง ซึ่งนับว่าเป็นความใส่ใจต่อรสชาติและคุณภาพของอาหารท้องถิ่น ไม่ว่าคุณจะเลือกเยี่ยมชมในช่วงฤดูร้อนหรือมาในช่วงเวลาที่แตกต่าง คุณจะต้องการที่จะสัมผัสประสบการณ์ที่เย้ายวนใจในเมืองนี้ และในขณะเดียวกันก็เพลิดเพลินไปกับการเดินทางอันหรูหราที่เป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นตามคาบสมุทรที่มีเสน่ห์นี้

เมืองโอตารุ (Otaru) ตั้งอยู่ทางตะวันตกของเมืองซัปโปโร (Sapporo) เป็นท่าเรือที่มีความงดงามและหลากหลาย ตั้งแต่ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ไปจนถึงวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เมืองนี้มีชื่อเสียงในด้านเนินเขาที่สวยงามและสกีรีสอร์ทที่ตั้งอยู่ใกล้เคียง นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางการประมงปลาซาร์ดีนที่สำคัญในอดีต ไฮไลท์หลักของโอตารุคือคลองที่ทอดยาวจากท่าเรือไปยังโกดังเก่า ซึ่งได้มีการบูรณะและปรับปรุงให้กลายเป็นร้านอาหารและบูติคสุดเก๋ ที่นี่คุณจะได้สัมผัสบรรยากาศย้อนยุคท่ามกลางสถาปัตยกรรมแบบหินและอิฐที่สวยงาม การเดินเล่นริมคลองในช่วงยามค่ำคืน จะนำคุณเข้าสู่โลกที่มีแสงไฟนวลตาและเสียงดนตรีอันไพเราะ การเยี่ยมชมโอตารุจะเปิดประตูสู่ประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืม ไม่ว่าจะเป็นการชิมซูชิสดใหม่จากตลาดปลา หรือการเรียนรู้เกี่ยวกับศิลปะการผลิตเครื่องแก้วที่มีชื่อเสียง การเดินทางมายังโอตารุจึงเป็นการผสมผสานระหว่างธรรมชาติและวัฒนธรรมที่ล้ำลึกที่สุดในญี่ปุ่น เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนต้องการอิ่มเอมกับความทรงจำอันงดงามที่นี่อย่างแน่นอน

ฮาโกดาเตะ (Hakodate) เป็นท่าเรือที่มีเสน่ห์ในญี่ปุ่น ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างสองอ่าว ทำให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่งดงามและบรรยากาศที่เงียบสงบของเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ในศตวรรษที่ 19 ด้วยอาคารไม้ที่เรียงรายอยู่ริมถนนลาดชัน พื้นที่ริมท่าเรือเป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมที่เดินได้สะดวก พร้อมทั้งรถรางที่ให้บริการบริเวณใจกลางเมือง เมื่อมาถึงฮาโกดาเตะ นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดการเยี่ยมชมยอดเขาฮาโกดาเตะที่สูง 1,100 ฟุต ซึ่งเป็นจุดที่สามารถเห็นวิวรอบเมืองอย่างสวยงาม โดยเฉพาะในยามเย็นเมื่อเมืองถูกประดับประดาด้วยแสงไฟ ปลาทูน่านับเป็นดาวเด่นที่ไม่ควรพลาดในตลาดปลา ซึ่งเปิดให้บริการแต่เช้า นั่นคือจุดเริ่มต้นของมื้อเช้าที่สดใหม่และอร่อย เมืองนี้เคยเป็นหนึ่งในท่าเรือแรกที่รัฐบาลเมจิเปิดให้การค้าอย่างเป็นทางการในปี 1859 ที่นี่คุณจะพบกับร่องรอยทางวัฒนธรรมที่หลากหลายจากหลายชาติ ทั้งรัสเซีย อเมริกา จีน และยุโรป การเดินทางในเมืองนั้นง่ายและสามารถเข้าถึงข้อมูลภาษาอังกฤษได้อย่างสะดวก ฮาโกดาเตะคือจุดหมายที่เต็มไปด้วยแรงดลใจสำหรับนักเดินทางที่แสวงหาความประทับใจในประวัติศาสตร์และรุงเรือง เริ่มต้นแผนการเดินทางของคุณวันนี้!

ย่านโยโกฮาม่า ตั้งอยู่ในประเทศญี่ปุ่น เป็นท่าเรือที่มีความสำคัญอย่างยิ่งทั้งในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม การเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศญี่ปุ่นกับโลกตะวันตกเกิดขึ้นที่นี่ในปี 1853 เมื่อเรือรบของสหรัฐฯ เข้าท่าและนำพาความท้าทายในการเปิดประเทศ ซึ่งนั้นได้นำไปสู่การพัฒนาอย่างรวดเร็วของโยโกฮาม่า ที่เคยเป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมง ในปี 1859 โยโกฮาม่าได้รับการแต่งตั้งให้เป็นท่าข้ามแดนซึ่งมีการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในฐานะศูนย์กลางการค้าระหว่างประเทศ ในยุคที่ท่าเรือแห่งนี้เติบโตขึ้น โยโกฮาม่าได้เป็นศูนย์กลางแห่งการค้าของเอเชียตะวันออก แต่ในปี 1923 เกิดแผ่นดินไหวที่สร้างความเสียหายอย่างมากก่อนที่เมืองจะฟื้นฟูในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง และกลายเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ ปัจจุบัน โยโกฮาม่าเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ซึ่งเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น ย่านไชน่าทาวน์ อุทยานโยมาชิตะ และลูกค้าสามารถเพลิดเพลินกับบรรยากาศริมทะเลได้อย่างดี นอกจากนี้ ชิน-โยโกฮาม่า สถานีรถไฟที่เชื่อมโยงเมืองแห่งนี้กับโตเกียวเป็นอีกหนึ่งที่ไม่ควรพลาด ทั้งนี้การเดินทางมายังโยโกฮาม่าง่าย สร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นที่คุณจะไม่มีวันลืม

เมืองคุชิโระ ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะฮอกไกโด ได้รับสมญานามว่า "เมืองหมอก" เนื่องจากบรรยากาศที่น่าหลงใหลและลึกลับ ด้วยประชากรประมาณ 200,000 คน คุชิโระคือเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้ และเป็นศูนย์กลางการประมงนานาชาติที่สำคัญ อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ทางทะเลของที่นี่เติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 โดยมีย่านเมืองที่ยังคงอนุรักษ์เสน่ห์จากยุคนั้นไว้ คุชิโระมีท่าเรือที่เป็นน้ำลึกที่ไม่มีน้ำแข็ง ซึ่งส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม โดยมีบรรยากาศศิลปะที่ได้แรงบันดาลใจจาก Takuboku Ishikawa กวีระดับตำนานที่เคยอาศัยอยู่ที่นี่ เหนือของเมือง เป็นที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดในคุชิโระ นั่นคือ คุชิโระ ชิตซูเก็น (Kushiro Shitsugen) พื้นที่ชุ่มน้ำที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ด้วยพื้นที่มากกว่า 60% ของพื้นที่ชุ่มน้ำทั้งหมดของประเทศ คุชิโระ ชิตซูเก็นยังเป็นบ้านของนกเงือกญี่ปุ่น (Tancho) ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ โดยก่อนหน้านี้จำนวนของมันเคยลดลงอย่างมาก แต่ปัจจุบันได้มีการฟื้นฟูอย่างสำเร็จ สัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการเดินทางและสำรวจธรรมชาติอันสวยงามที่รอคอยคุณอยู่ในคุชิโระ ต้องไม่พลาดที่จะมาชมความมหัศจรรย์นี้ด้วยตัวคุณเอง!


คอเดียค (Kodiak) ในรัฐอลาสก้าเป็นหนึ่งในท่าเรือที่สวยงามและคึกคักที่สุดในสหรัฐฯ ซึ่งมีชื่อเสียงด้านการประมงเชิงพาณิชย์ แม้ว่าจะมีประชากรเพียงประมาณ 6,475 คน กระจายอยู่ในหลายเกาะ แต่ท่าเรือนี้ยังคงเป็นจุดศูนย์กลางสำหรับการจัดหาสินค้าให้กับชุมชนเล็กๆ บนเกาะอะเลอูเตียนและคาบสมุทรอลาสก้า เมื่อเยือนคอเดียค นักท่องเที่ยวสามารถเลือกเพลิดเพลินกับการตกปลา, พายเรือคายัค หรือชมนกหมีในสถานที่ห่างไกล โดยมีบริการเครื่องบินลอยน้ำและเรือเช่าที่พร้อมสรรพ หากคุณต้องการสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวนอกเมือง ควรลองขับรถยนต์ไปตามระบบถนนที่มีอยู่และสัมผัสกับธรรมชาติที่สวยงาม ก่อนที่จะเพิ่มประสบการณ์อีกระดับด้วยการเดินทางไปยังรีสอร์ทห่างไกลหรือจุดเข้าถึงป่า หากคุณชื่นชอบธรรมชาติ คอเดียคยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นอย่าง Kodiak National Wildlife Refuge ซึ่งประกอบด้วยสี่เกาะในอ่าวอลาสก้า ได้แก่ คอเดียค, อาฟ็อคแนค, แบน และอูกานิค สถานที่นี้เป็นสวรรค์ของผู้รักการดูสัตว์และภาพถ่าย ถือเป็นการผสมผสานระหว่างผจญภัยและความสงบในธรรมชาติอย่างแท้จริง รอคอยให้คุณมาสัมผัสประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครได้แล้ววันนี้!

ซิตกา (Sitka) ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจที่สุดในอลาสก้า ด้วยบรรยากาศที่ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมชนเผ่าอัลลาสก้า รัสเซีย และอเมริกัน อย่างลงตัว โดยมีสถานที่เด่นในการสำรวจคือ วิหารเซนต์ไมเคิล (St. Michael's Cathedral) และพิพิธภัณฑ์เชลดอน แจ็คสัน (Sheldon Jackson Museum) ที่จะพาคุณย้อนเวลาสู่วิถีชีวิตของชาวท้องถิ่น การเดินเล่นที่สวนสาธารณะประวัติศาสตร์ซิตกา (Sitka National Historical Park) จะทำให้คุณได้สัมผัสกับประวัติศาสตร์และธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ซิตกามีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ เริ่มต้นจากการตั้งถิ่นฐานของชนเผ่าคิกซาดี (Kiksádi) ผู้มีบทบาทในภูมิภาคนี้มาก่อนการมาถึงของชาวรัสเซียในศตวรรษที่ 18 การพัฒนาของเมืองในช่วงเวลานั้นได้สร้างความเจริญรุ่งเรือง โดยในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง ซิตกาได้กลายเป็นฐานการทหารสำคัญ ทำให้เมืองฟื้นตัวอีกครั้ง ปัจจุบัน ซิตกาเป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่หลงใหลในธรรมชาติและประวัติศาสตร์ ที่นี่มีอุตสาหกรรมการตกปลา รัฐบาล และการท่องเที่ยว ทำให้ซิตกายังคงเป็นเมืองที่มีเสน่ห์และน่าค้นหาในภูมิภาคอลาสก้าอย่างไม่เปลี่ยนแปลง

เคติชกัน (Ketchikan) เมืองเล็กแห่งอลาสก้า เป็นจุดหมายที่มีเอกลักษณ์และดึงดูดผู้เข้าชมด้วยธรรมชาติและวัฒนธรรมที่หลากหลาย เมืองนี้มีชื่อเสียงในเรื่องเสาโทเท็มที่สวยงาม สภาพอากาศที่มีหมอกควัน และถนนที่ชันคล้ายซานฟรานซิสโก ร่วมกับบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาเต็มไปด้วยชาวบ้านที่มีช่วงชีวิตใช้การประมงและการทำไม้ การท่องเที่ยวโดยเรือสำราญหนาแน่นในช่วงฤดูร้อน โดยเรือพาณิชย์และเครื่องบินน้ำมักจะออกจากท่าเรือเพื่อไปยัง Monument Misty Fiords อนาคตของเคติชกันได้เปลี่ยนไปตามยุคสมัย แม้ว่าความเจริญในอุตสาหกรรมการประมงจะลดลง แต่ชุมชนศิลปะที่แอคทีฟยังคงสร้างสรรค์ผลงานที่สวยงามสำหรับนักเดินทางที่แสวงหาเอกลักษณ์พื้นเมือง นักท่องเที่ยวยังสามารถเพลิดเพลินกับการเดินชมร้านค้าต่าง ๆ บริเวณ Creek Street หรือเยี่ยมชมศูนย์มรดกโทเท็ม นอกจากนี้ ยังมีสวนประวัติศาสตร์ Totem Bight และ Saxman Totem Park ที่อยู่ห่างออกไป ซึ่งเป็นสถานที่ที่ช่วยเล่าเรื่องราวของวัฒนธรรมท้องถิ่น ค่ำคืนที่พิเศษในเคติชกันถือเป็นจุดเริ่มต้นของประสบการณ์อันน่าจดจำในดินแดนอลาสก้า ที่ซึ่งธรรมชาติและวัฒนธรรมจะสร้างแรงบันดาลใจให้คุณตลอดไป
ท่าเรือที่ทรงเสน่ห์แห่งเมือง Prince Rupert ตั้งอยู่บนเกาะ Kaien ริมฝั่งแม่น้ำ Skeena ในบริติชโคลัมเบีย ห่างจากชายแดนอัลลาสกาประมาณ 66 กิโลเมตร เป็นชุมชนที่ใหญ่ที่สุดบนชายฝั่งเหนือของแคนาดา ที่นี้โดดเด่นด้วยธรรมชาติอันงดงามที่ล้อมรอบไปด้วยฟยอร์ดและป่าไม้ฝนเขตร้อน ซึ่งเป็นแหล่งอาศัยของชาว Tsimshian ที่มีวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ยาวนานหลายพันปี Prince Rupert เคยมีศักยภาพที่จะเป็นศูนย์กลางการค้ามหาสมุทรแปซิฟิก เนื่องจากเป็นจุดสิ้นสุดของระบบรถไฟข้ามทวีปแห่งที่สองของแคนาดา แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดทำให้แผนการนี้ต้องหยุดชะงักลง โดยในช่วงระยะเวลาหลังจากการก่อตั้งในปี 1910 เมืองนี้ได้เปลี่ยนมาเน้นด้านการประมงและป่าไม้แทน ในปัจจุบัน Prince Rupert เป็นท่าเรือที่นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการเรือข้ามฟากไปยังบริติชโคลัมเบียและอัลลาสกา และเป็นจุดแวะที่สะดวกสำหรับเรือสำราญผู้มาเยือน ด้วยเสน่ห์ของชีวิตแบบชนบทและการต้อนรับอันอบอุ่น ทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกถึงความสงบและเป็นกันเองในบรรยากาศที่ไม่เร่งรีบ ช่วยเติมเต็มแรงบันดาลใจในการเดินทางที่ไม่เหมือนใครในทุกฤดูกาล

ท่าเรือแวนคูเวอร์ในบริติชโคลัมเบีย เป็นจุดหมายที่ลงตัวระหว่างความสง่างามในเมืองและการผจญภัยในธรรมชาติ กลางเมืองที่มีภูเขาและทะเลทำให้แวนคูเวอร์กลายเป็นสนามเด็กเล่นกลางแจ้งสำหรับกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การเดินเขา สกี การพายเรือ และการปั่นจักรยาน พร้อมกันนั้นศิลปะและอาหารที่หลากหลายยังสะท้อนถึงวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองนี้ แวนคูเวอร์ได้รับการจัดอันดับอย่างต่อเนื่องว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก ด้วยบรรยากาศที่สบายและเข้าถึงกิจกรรมกลางแจ้งได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นหาดทรายที่สวยงามหรือสวนสาธารณะที่ร่มรื่น มีนักท่องเที่ยวกว่า 8 ล้านคนเข้ามาสัมผัสความงดงามนี้ในทุกปี ในฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้หลากสีบานสะพรั่งในสวนสาธารณะ ในขณะที่ผู้คนสามารถใช้เวลาพักผ่อนที่ชายหาดในฤดูร้อน นอกจากนี้เมืองยังมีระบบขนส่งที่สะดวกสบาย ทำให้ผู้ที่พักในย่านราคาย่อมเยาสามารถเข้าถึงใจกลางเมืองได้อย่างรวดเร็ว สำหรับผู้ที่ได้สัมผัสการล่องเรืออลาสก้า แวนคูเวอร์เป็นจุดแวะพักที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ และถือเป็นประตูสู่การสำรวจโลกที่งดงามของแคนาดา คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวให้กลับมาเยือนอีกครั้งอย่างไม่รู้ลืม








ห้องพักสุดหรู “巔峰套房” ขนาดกว้างขวางและเต็มไปด้วยแสงสว่าง ออกแบบอย่างมีเสน่ห์พร้อมพื้นที่ใช้สอยที่ตอบโจทย์ทุกการพักผ่อน ประกอบด้วยห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร ห้องครัวขนาดเล็กพร้อมไมโครเวฟและตู้เย็น นอกจากนี้ยังมีหน้าต่างจากพื้นจรดเพดานที่เปิดออกสู่ระเบียงส่วนตัวที่มีอ่างน้ำวน ห้องนอนออกแบบให้มีเตียงขนาดคิงไซส์ พร้อมที่นอน Signature Mariner's Dream™ ที่มีฟูกยุโรปนุ่มสบาย มีห้องแต่งตัวแยกต่างหากและห้องน้ำขนาดใหญ่ที่มีอ่างน้ำวนขนาดใหญ่และฝักบัวรวมถึงห้องอาบน้ำเพิ่มเติม รวมถึงโซฟานอนที่เหมาะสำหรับผู้เข้าพักเพิ่มเติมอีก 2 คน และห้องน้ำสำหรับแขก สะดวกสบายด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก รวมถึงระบบเสียงส่วนตัว การเข้าถึง Neptune Lounge ที่เป็นเอกสิทธิ์ บริการรับฝากและบริการต่าง ๆ มากมายให้แก่ผู้เข้าพัก ห้องพักนี้มีขนาดประมาณ 1,150 ตารางฟุต รวมระเบียงแล้ว





ห้องพักประเภท "ห้องสวีทเนปจูน" มาพร้อมกับหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานที่เปิดมุมมองไปยังระเบียงส่วนตัว ทำให้ห้องนี้สว่างสดใสและกว้างขวาง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายและความหรูหรา ห้องนี้มีพื้นที่นั่งเล่นขนาดใหญ่และเตียงคู่ที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นเตียงขนาดควีนไซส์ ซึ่งเป็นที่นอนที่มีคุณภาพสูงระดับ Mariner's Dream™ พร้อมที่นอน Euro-Top นุ่มสบาย อีกทั้งยังมีห้องแต่งตัวแยกต่างหาก และโซฟาที่ปรับเป็นเตียงได้เหมาะสำหรับผู้เข้าพักเพิ่มอีกสองคน ห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำแบบวนขนาดเต็มห้อง พร้อมอ่างล้างหน้าแบบคู่และห้องอาบน้ำเพิ่มเติม สิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมรวมถึงการใช้บริการในเลานจ์เนปจูนสุดพิเศษ พร้อมคอนเซียร์จส่วนตัวและบริการฟรีหลากหลายรายการ ขนาดของห้องสวีทนี้อยู่ระหว่าง 500-712 ตารางฟุต รวมระเบียงด้วย การออกแบบห้องอาจแตกต่างไปจากที่แสดงในภาพ




สัมผัสความสุขในห้อง套สุดหรู "簽名套房" ขนาดกว้างขวาง ที่ออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบาย โดยมีพื้นที่นั่งเล่นกว้างขวางพร้อมหน้าต่างกระจกจากพื้นถึงเพดานที่มองออกไปเห็นระเบียงส่วนตัว ห้องนอนประกอบด้วยเตียงคู่ที่สามารถเปลี่ยนเป็นเตียงควีนไซส์ ขนาดใหญ่ สัญลักษณ์ของความสบายในรูปแบบ Mariner's Dream™ พร้อมที่นอนระดับสูงแบบ Euro-Top และโซฟาที่สามารถปรับเป็นเตียงเสริมสำหรับหนึ่งคน ภายในห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำแบบสปาขนาดใหญ่พร้อมฝักบัวแยก และอ่างล้างหน้าแบบคู่เพื่อความสะดวกสบาย ห้อง "簽名套房" มีพื้นที่ประมาณ 372-384 ตารางฟุต รวมระเบียง ทำให้คุณได้สัมผัสการพักผ่อนอย่างมีระดับในการเดินทางทางเรืออย่างแท้จริง




ห้องพักประเภท "陽台" นี้ถูกออกแบบให้เต็มไปด้วยแสงสว่างจากหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานที่มองเห็นระเบียงส่วนตัว ห้องพักนี้ประกอบด้วยพื้นที่นั่งเล่น และเตียงคู่ที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นเตียงควีนไซส์ ซึ่งเป็นเตียง Mariner's Dream™ ที่โด่งดังของเรา ที่มาพร้อมกับที่นอน Euro-Top ที่นุ่มสบาย และอ่างอาบน้ำที่มีหัวฝักบัวนวดระดับพรีเมียม ขนาดห้องพักรวมระเบียงอยู่ที่ประมาณ 212-359 ตารางฟุต ขึ้นอยู่กับการจัดเตรียมห้องที่อาจแตกต่างจากรูปภาพที่แสดงไว้


ห้องพักแบบ Ocean View สุดกว้างขวางของเรามีเตียงสองเตียงที่สามารถปรับเป็นเตียงขนาดควีนไซส์ได้ ซึ่งเป็นเตียงที่มีเอกลักษณ์ของเราคือ Mariner's Dream™ เตียงที่มีฟูกนุ่มสูงระดับพรีเมียม พร้อมด้วยฝักบัวนวดสุดหรูและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อีกทั้งยังมีวิวทะเลที่งดงาม ห้องพักมีขนาดประมาณ 174-180 ตารางฟุต ความสะดวกสบายและความหรูหรานี้จะทำให้การเดินทางของคุณน่าจดจำอย่างแท้จริง。




เรือนรับรองแบบ海景客艙:部分海景นี้มีวิวทะเลบางส่วน โดยมีเตียงล่างสองเตียงที่สามารถปรับเป็นเตียงคิงไซส์หนึ่งเตียง ซึ่งเป็นเตียงที่มีชื่อเสียงของเรา Mariner's Dream™ พร้อมกับที่นอน Euro-Top ที่นุ่มสบาย นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับหัวฝักบัวนวดระดับพรีเมียมและสิ่งอำนวยความสะดวกหลากหลายประเภท ขนาดของเรือนรับรองประมาณ 174-180 ตารางฟุต โปรดทราบว่าการจัดเตรียมของเรือนรับรองอาจแตกต่างจากภาพที่แสดง。



ห้องพักที่กว้างขวางนี้ประกอบด้วยเตียงล่างสองเตียงซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนเป็นเตียงขนาดควีนไซส์—เตียง Signature Mariner's Dream™ ที่มาพร้อมกับที่นอน Euro-Top สุดหรู ศรีษะฝักบัวนวดระดับพรีเมียมและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ในห้องพักประเภทนี้วิวจะถูกปิดกั้นทั้งหมด ขนาดประมาณ 174-180 ตารางฟุต การจัดเรียงของห้องพักอาจแตกต่างจากภาพที่แสดง


ห้องพักประเภท "ห้องพักภายในขนาดใหญ่" นั้นมีพื้นที่กว้างขวางที่ให้ความสะดวกสบาย โดยมีเตียงคู่สองเตียงที่สามารถปรับเป็นเตียงขนาดควีนไซส์ได้ เป็นเตียงที่ออกแบบพิเศษด้วยที่นอน Euro-Top ที่ให้ความนุ่มสบาย พร้อมด้วยฝักบัวน้ำที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่จัดเตรียมไว้ได้อย่างลงตัว โดยห้องพักนี้มีขนาดประมาณ 151-233 ตารางฟุต ทั้งนี้รูปแบบของห้องอาจมีความแตกต่างจากภาพที่แสดงไว้


ห้องพักขนาดกว้างประมาณ 151-233 ตารางฟุต ที่เราขอนำเสนอในห้องประเภท “ภายใน” นั้นมีการจัดเตรียมเตียงสองเตียงที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นเตียงควีนไซส์ได้ รวมถึงที่นอนที่นุ่มสบายจาก Mariner's Dream™ พร้อมด้วยหมอนนวดระดับพรีเมียมและฝักบัวที่ช่วยเติมความผ่อนคลายให้กับผู้เข้าพัก ห้องพักนี้เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่จะทำให้การเข้าพักของคุณเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจและสะดวกสบาย ในห้องนี้คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับการพักผ่อนอย่างแท้จริง ภายใต้การออกแบบที่ทันสมัยและเป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งจะช่วยให้คุณมีความสุขในทุกช่วงเวลาที่อยู่บนเรือ