
02-27217300
02-27217179
service@siloahtravel.com
Monday ~ Friday 09:00-18:00
14F.-3, No.137, Sec. 1, Fuxing S. Rd., Da’an Dist., Taipei City 106, Taiwan
Representative: Tung-Hua Tai
VAT: 43871553
交觀甲793500 品保北2260 隱私權條款
Copyright © 2025 Siloah Travel Co., Ltd.. All rights reserved.

MSC โอเปร่า
MSC Cruises


เมื่อคุณเดินทางมาถึงท่าเรือซิวิต้เวคเคียในอิตาลี บรรยากาศสไตล์อิตาเลียนกำลังรอคอยการค้นพบของคุณอยู่ เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของกรุงโรมซึ่งมีอายุกว่า 2,500 ปี ที่ซึ่งมีอาณาจักรจักรพรรดิ พระสันตะปาปา ศิลปิน และผู้คนธรรมดา ได้สร้างมรดกที่ไม่อาจลืมเลือน ตั้งแต่ซากโบราณของกรุงโรมไปจนถึงศิลปะในโบสถ์ที่เต็มไปด้วยความงดงาม และสมบัติอันล้ำค่าของนครวาติกัน ไม่ว่าคุณจะตั้งใจเดินเที่ยวชม Colosseum ที่เป็นสัญลักษณ์ วัด Pantheon อันยิ่งใหญ่ หรือจะใช้เวลาเพลิดเพลินที่ Campo de' Fiori ด้วยกาแฟสักถ้วยในยามสาย การเดินทางนี้จะทำให้คุณรู้สึกเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์อันยาวนาน และสัมผัสบรรยากาศแห่งความมีชีวิตชีวาในทุก ๆ มุมมอง ที่นี่คุณยังสามารถเลือกที่จะผ่อนคลายท่ามกลางความสงบในจัตุรัสที่มีเสน่ห์ ใช้เวลาชมผู้คนและดื่มด่ำกับชัยชนะของการใช้ชีวิตอย่างช้าๆ การสำรวจซิวิต้เวคเคียและกรุงโรมจะเป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน โดยจะเชื่อมโยงคุณกับวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของอิตาลีในทุกย่างก้าวที่คุณเดิน ทุกๆ สนามหญ้าและจุดหมาย เป็นข้อเสนอที่อัดแน่นไปด้วยความงดงามและแรงบันดาลใจที่คิดไม่ถึง

ลิเวอร์โน่ (Livorno) เป็นท่าเรือที่นับเป็นเพชรเม็ดงามของอิตาลี และได้เปลี่ยนผ่านประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานตั้งแต่อดีต เมืองนี้เริ่มต้นจากการที่เคยถูกแบ่งเป็นของปิซาและเจนัว ก่อนที่จะถูกซื้อโดยฟลอเรนซ์ในปี 1421 เพื่อเปิดเส้นทางสู่ทะเล คอสิโมที่ 1 ได้เริ่มก่อสร้างท่าเรือในปี 1571 ทำให้เมืองนี้เป็นจุดหมายปลายทางทางทะเลสำคัญ ตลอดศตวรรษที่ 18 ลิเวอร์โน่เจริญรุ่งเรืองเป็นท่าเรือที่สำคัญ โดยเป็นที่ตั้งของกลุ่มคนหลากหลายเชื้อชาติ เช่น ชาวโรมันคาทอลิกจากอังกฤษ และชาวยิวและมอริชจากสเปน นอกจากนี้ยังมีอนุสาวรีย์ Quattro Mori ที่สร้างเพื่อระลึกถึงเฟร์ดินานโดที่ 1 แม้ว่าหลายส่วนของสถาปัตยกรรมในเมืองจะมีอายุหลังสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ลิเวอร์โน่เต็มไปด้วยสีสันของตลาดและวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยเฉพาะ Mercato Nuovo ที่มีสินค้าท้องถิ่นให้เลือกซื้อมากมาย ตั้งแต่อาหารสดจนถึงผลิตภัณฑ์อเมริกัน ที่พบได้จากฐานทัพอเมริกัน Camp Darby ที่ตั้งอยู่ใกล้เคียง หากคุณมีเวลา ลิเวอร์โน่เป็นสถานที่ที่ควรแวะรับประทานอาหารกลางวันหรือมื้อเย็นในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและความหลากหลายแห่งนี้ จะทำให้คุณรู้สึกประทับใจในเอกลักษณ์ของเมืองที่สวยงามและมีชีวิตชีวาเป็นอย่างยิ่ง

เจนัว (Genoa) เป็นเมืองท่าที่ตั้งอยู่ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอิตาลี ซึ่งเต็มไปด้วยเสน่ห์และประวัติศาสตร์อันยาวนาน เมืองนี้ไม่เพียงแต่เป็นศูนย์กลางการค้าขาย แต่ยังเป็นบ้านของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเจนัว (Genoa Aquarium) ที่มีชื่อเสียงในด้านการจัดแสดงความหลากหลายทางชีวภาพที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป เมื่อเดินทางมาถึงท่าเรือเจนัว คุณจะได้พบกับบรรยากาศอันรื่นรมย์ของเมืองที่มีภูมิทัศน์สวยงามและสถาปัตยกรรมที่น่าทึ่ง ตั้งแต่ตึกเก่าแก่ที่มีเสน่ห์ไปจนถึงร้านอาหารที่เสนอเมนูอิตาเลียนแท้ๆ ที่จะทำให้คุณได้สัมผัสกับความอร่อยและวัฒนธรรมในท้องถิ่น นอกจากนี้ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอื่นๆ เช่น ปราสาทดเจนัว (Palazzo Ducale) และโบสถ์ซานลอเรนโซ (Basilica di San Lorenzo) ที่จะนำคุณย้อนเวลากลับไปในประวัติศาสตร์ และเติมเต็มประสบการณ์การเดินทางของคุณให้สมบูรณ์แบบ เจนัวจึงเป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่หลงใหลในความงามทางศิลปะและธรรมชาติ ทำให้ทุกช่วงเวลาของการเยือนเมืองนี้เต็มไปด้วยความประทับใจและแรงบันดาลใจในการสำรวจโลกใบใหม่

ท่าเรือมาร์เซย์ (Marseille) เมืองที่ได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองหลวงวัฒนธรรมแห่งยุโรปในปี 2013 ได้รับการปรับเปลี่ยนอย่างมหาศาล ด้วยการลงทุนกว่า 660 ล้านยูโร เพื่อสร้างศูนย์ศิลป์ใหม่ ๆ มากมาย ท่าเรือได้รับการปรับปรุงอย่างงดงาม ถนนหนทางและย่านต่าง ๆ กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่มีชีวิตชีวา คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวสุดสัปดาห์ มาร์เซย์เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของฝรั่งเศส ซึ่งเต็มไปด้วยสีสันและชีวิตชีวา มีประวัติศาสตร์ที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยวัฒนธรรม ตั้งแต่คราวที่ชาวฟินีเชียนและกรีกมายังท่าเรือในปี 600 ปีก่อนคริสต์ศักราช จนกระทั่งสงครามและการเปลี่ยนแปลงมากมายได้สร้างรูปแบบใหม่ให้กับเมือง วันนี้ มาเยือนที่ท่าเรือเก่า (Vieux Port) คุณจะได้สัมผัสบรรยากาศของเมืองที่มีเสน่ห์และความหลากหลาย ทั้งร้านค้า หอศิลป์และร้านอาหารที่ลงทุนสร้างใหม่อย่างทันสมัย มาร์เซย์จึงไม่ใช่แค่ท่าเรือ แต่เป็นสัญลักษณ์ของการรวมตัวของวัฒนธรรมที่โดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นอาหารท้องถิ่น หรือการแสดงศิลปะที่หลั่งไหลไม่ขาดสาย หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์การเดินทางที่น่าตื่นเต้นและมีเสน่ห์ ต้องไม่พลาดที่จะเยือนมาร์เซย์ซึ่งเต็มไปด้วย charm และ history ที่คุณจะไม่มีวันลืม.

บาร์เซโลนา สเปน เมืองที่ไม่เคยหลับใหล เต็มไปด้วยสีสันและชีวิตที่คึกคัก เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด ด้วยเสน่ห์ที่ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมโบราณและทันสมัย บาร์เซโลนาพร้อมให้คุณลิ้มรสประสบการณ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่ทิวทัศน์งดงามของย่านบาร์รี โกธิค (Barri Gòtic) ที่เต็มไปด้วยซอกมุมแห่งประวัติศาสตร์ ไปจนถึงความสวยงามของงานศิลปะและสถาปัตยกรรมแบบนูโวที่ไม่ซ้ำใคร การเดินเล่นเลียบเลาะเลนด์ลาฟลามบลา (La Rambla) และชายหาดบาร์เซโลเนต้า (Barceloneta) จะทำให้คุณได้สัมผัสกับบรรยากาศริมทะเลที่อบอุ่น และการชมโบสถ์ซากราดา ฟามีเลีย (Sagrada Família) ผลงานชิ้นเอกของอันโตนี เกาดี ที่สะท้อนถึงความละเอียดอ่อนทางศิลปะอย่างแท้จริง ไม่เพียงเท่านี้ บาร์เซโลนายังมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่และร้านค้าที่โดดเด่นที่จะทำให้คุณหลงใหลตลอดทั้งวัน สัมผัสวัฒนธรรมและความตื่นเต้นในยามค่ำคืนด้วยการเพลิดเพลินกับไวน์และอาหารท้องถิ่นในบาร์ทาปาสที่มีชีวิตชีวา ขอเชิญคุณมาสำรวจบาร์เซโลนา เมืองที่ดูแลคุณด้วยประสบการณ์ด้านรสชาติและความงามในทุกแง่มุม!

ท่าเรือแทนเจียร์ ประเทศโมร็อกโก ตั้งอยู่ ณ จุดกรอบของมหาสมุทรแอตแลนติกและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนาน ตั้งแต่สมัยฟินิเชียนและกรีกโบราณ แทนเจียร์ได้รับชื่อมาจาก Tinge มารดาของฮีราคลิทัส สัญลักษณ์แห่งตำนานที่สะท้อนถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรม ซึ่งปรากฏชัดตั้งแต่อดีตเมื่อเคยเป็นจังหวัดของโรมันและผ่านการปกครองจากหลายประเทศ รวมถึงสเปน โปรตุเกส ฝรั่งเศส และอังกฤษ เมืองแทนเจียร์ตั้งอยู่บนชายฝั่งที่มองเห็นช่องแคบยิบรอลตาร์ และถือเป็นจุดเชื่อมโยงสองทวีป ทำให้เป็นสถานที่ที่มีทัศนียภาพงดงามสุดตระการตา ไม่ว่าคุณจะสำรวจเมืองเก่ากับซุ้มประตูที่สวยงาม หรือเดินเล่นอย่างสบายในย่านใหม่ที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่เก๋ไก๋ คุณจะพบกับศิลปะและวัฒนธรรมที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว สำรวจด้านต่างๆ ของเมืองผ่านกิจกรรมหลากหลาย เช่น ชิมอาหารท้องถิ่นที่อร่อย หรือเยี่ยมชมตลาดพื้นบ้านที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ลงทุนในประสบการณ์ที่ให้คุณเข้าใจลึกซึ้งในจิตวิญญาณของแทนเจียร์ เรียนรู้ที่จะรักในความหลากหลายทางวัฒนธรรมและมิตรภาพที่อบอุ่นของชาวเมือง แล้วคุณจะรู้สึกได้ถึงเสน่ห์ที่ซ่อนเร้นของเมืองนี้ในทุกก้าวที่คุณเดินทาง

เมื่อคุณมาถึงท่าเรือเซนต์จอห์นส์ในแอนติกาและบาร์บูดา คุณจะได้สัมผัสกับความงดงามที่หลากหลายของเกาะนี้ ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องชายหาดที่สวยงามมากถึง 365 หาด ซึ่งเพียงพอสำหรับทุกวันของปี นอกจากนั้น ยังมีแนวปะการังที่สวยงามและสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์อีกมากมาย เซนต์จอห์นส์ไม่เพียงแต่เป็นเมืองหลวงทางการของเกาะที่ตั้งอยู่ตั้งแต่ปี 1632 แต่ยังคงรักษาภูมิศาสตร์และวัฒนธรรมแบบเวสท์อินดีสเอาไว้ อาทิ สถาปัตยกรรมแบบบ้านขนมปังขิงและบรรยากาศการเฉลิมฉลองในเทศกาลคาลิปโซ คุณสามารถเดินเล่นในย่านเรดคลิฟที่เต็มไปด้วยบ้านไม้เก่าแก่ และแวะชมสินค้าท้องถิ่นที่ Heritage Quay ซึ่งมีร้านค้าหัตถกรรมหลากหลาย เซนต์จอห์นส์ยังมีสถาปัตยกรรมโคโลเนียลที่สวยงาม โดยเฉพาะวิหารที่มีสองยอด ซึ่งได้รับการก่อสร้างเมื่อปี 1845 และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในโบสถ์ที่ดีที่สุดในแคริบเบียน ผู้เยี่ยมชมสามารถเดินทางโดยรถบัสเล็กที่มีคนขับเป็นไกด์ที่จะคอยให้ความรู้และข้อมูลส่วนต่างๆ ของเมือง ทำให้การสำรวจเซนต์จอห์นส์เต็มไปด้วยความน่าตื่นเต้นและประทับใจไม่รู้ลืม

ฟิลิปส์เบิร์ก เมืองหลวงของเซนต์มาร์เทน (ดัตช์) เป็นสถานที่ที่ป็นจริงอย่างยิ่งสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสความงามของขอบฟ้าหมายเลขทรายขาวและทะเลสีคราม สถานที่นี้มีลักษณะเป็นรูปแบบที่น่าประทับใจ ยาวประมาณ 1.5 กิโลเมตร ตั้งอยู่ระหว่างอ่าวเกรตเบย์และบ่อน้ำเค็ม มีถนนห้าเส้นเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ สถานที่นิยมที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเยือนคือ Front Street ซึ่งตั้งอยู่ใกล้อ่าวเกรตเบย์ ที่นี่คุณจะได้พบกับร้านค้าปลอดภาษีและร้านอาหารมากมาย ในบรรยากาศที่มีชีวิตชีวา โดยเฉพาะเมื่อเรือสำราญจอดเทียบท่า นอกจาก Front Street แล้วยังมี Back Street ที่มีบรรยากาศเงียบสงบกว่า และเชื่อมต่อกับซอยเล็กๆ ที่เรียกว่า "steegjes" ที่จะพาคุณเข้าสู่พื้นที่เก่าแก่ของเมือง โดยไม่ควรพลาดที่จะเดินไปตามชายหาดที่มีทางเดินริมทะเลยาวประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งเต็มไปด้วยร้านอาหารและจุดเชื่อมต่อ Wi-Fi ใจกลางของเมืองคือ Wathey Square โดยรอบเต็มไปด้วยร้านค้าชั้นนำและคาเฟ่ที่ให้บริการอร่อย นอกจากนี้ยังมีอาคารประวัติศาสตร์ที่ผ่านการบูรณะสนุกสนาน รวมถึงท่าเรือ Captain Hodge ที่มอบวิวทิวทัศน์สุดพิเศษของเกรตเบย์และชายหาดที่ทอดยาวไปตามแนวทะเล สถานที่ที่ซึ่งความพิเศษและความแตกต่างรอคุณไปค้นพบ!

เมื่อเรือล่องเรือสำราญจอดที่ท่าเรือ Basseterre ของเกาะเซนต์คิตส์และเนวิส คุณจะได้สัมผัสกับธรรมชาติที่งดงามและประวัติศาสตร์ที่หลากหลายของหมู่เกาะแห่งนี้ ซึ่งเป็นสถานที่เผยให้เห็นความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติในพื้นที่เพียง 65 ตารางไมล์ ภูมิประเทศที่เป็นภูเขาและทิวทัศน์ที่เขียวขจีของทุ่งอ้อยหลากหลายทำให้ที่นี่ถือเป็นสวรรค์สำหรับผู้ที่รักการสำรวจ คุณจะได้พบกับป่าเขตร้อนที่มีน้ำตกและเส้นทางลับ รวมถึงเทือกเขากลางที่ถูกปกครองโดยยอดเขา Mt. Liamuiga ที่มีความสูงถึง 3,792 ฟุต ที่นี่เคยเป็นภูเขาไฟแต่ปัจจุบันได้ดับสนิทแล้ว ความงดงามของ Brimstone Hill สถานที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 18 ซึ่งถูกเรียกว่า "กิ๊บรอลตาร์แห่งอินเดียตะวันตก" ก็เป็นอีกจุดหมายที่ไม่ควรพลาด ชาวเกาะมีอัธยาศัยดีและพูดภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงตะวันตก อินเทรนด์เรื่องมารยาทในสังคมที่นี่คือควรขออนุญาตก่อนถ่ายภาพ และควรสวมชุดคลุมหรือกางเกงขาสั้นเมื่ออยู่ในสถานที่สาธารณะ สัมผัสกับเสน่ห์ของเซนต์คิตส์และเนวิส แล้วคุณจะหลงรักเมืองนี้ไม่รู้ลืม!

เมื่อคุณเดินทางมายังสาธารณรัฐโดมินิกัน จงเตรียมพบกับความงดงามแห่งท่าเรือลาโรมาna ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางภูมิทัศน์ที่มีเสน่ห์ แม้จะไม่เด่นสง่างาม สิ่งที่ทำให้ที่นี่มีเสน่ห์คือบรรยากาศที่แท้จริงของชีวิตชาวโดมินิกัน โดยคุณจะได้สำรวจสวนสาธารณะใจกลางเมือง ตลาดท้องถิ่นที่น่าสนใจ ร้านอาหารที่อร่อย และชายหาดสาธารณะที่ชวนให้คุณผ่อนคลาย สำรวจความหรูหราที่ Casa de Campo ซึ่งเป็นรีสอร์ตระดับ 5 ดาวที่ตั้งอยู่ใกล้เคียง มีสนามกอล์ฟระดับโลกและท่าจอดเรือที่มีสถาปัตยกรรมสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมและร้านค้าในท่าจอดเรือที่น่าสนใจดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกสารทิศ หากคุณต้องการสัมผัสประสบการณ์ที่แท้จริง คุณสามารถซื้อโทรศัพท์มือถือจากซูเปอร์มาร์เก็ต Jumbo ในราคาเพียง 20ดอลลาร์ เพื่อให้คุณสามารถติดต่อสื่อสารได้สะดวกและประหยัดมากยิ่งขึ้น ล่องเรือมาที่ลาท่าเรือลาโรมานา คุณจะได้พบกับการเดินทางที่เต็มไปด้วยความทรงจำที่ไม่มีวันลืมเลือนและประสบการณ์ที่น่าทึ่งรอคุณอยู่ที่นี่!










