
02-27217300
02-27217179
service@siloahtravel.com
Monday ~ Friday 09:00-18:00
14F.-3, No.137, Sec. 1, Fuxing S. Rd., Da’an Dist., Taipei City 106, Taiwan
Representative: Tung-Hua Tai
VAT: 43871553
交觀甲793500 品保北2260 隱私權條款
Copyright © 2025 Siloah Travel Co., Ltd.. All rights reserved.

MSC Virtuosa
MSC Cruises


ท่าเรือเซาแธมป์ตัน นับเป็นท่าเรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ ตั้งอยู่ที่ปากอ่าวเซาแธมป์ตัน ระหว่างแม่น้ำเทสต์และอิตเชน เมืองแห่งนี้เคยเป็นศูนย์กลางการค้าขายที่สำคัญมาตั้งแต่สมัยกลาง โดยมีการส่งออกขนสัตว์และหนังสัตว์จากพื้นที่รอบ ๆ และนำเข้าผลิตภัณฑ์ไวน์จากบอร์โดซ์ แม้เซาแธมป์ตันจะต้องเผชิญกับการทำลายล้างอย่างหนักในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แต่เมืองนี้ก็ได้ฟื้นฟูและสร้างสรรค์ใหม่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว ด้วยอาคารยุคกลางที่ยังคงเหลืออยู่ เช่น บาร์เกต (Bargate) ที่ถือเป็นหนึ่งในประตูเมืองที่สวยงามที่สุดในอังกฤษ นอกจากท่าเรืออันทันสมัยแล้ว เซาแธมป์ตันยังมีกิจกรรมหลากหลายสำหรับนักเดินทาง ที่สามารถสำรวจเมืองแห่งประวัติศาสตร์และเต็มไปด้วยศิลปะ เช่น พิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ที่นำเสนอผลงานศิลปะระดับโลก และยังเป็นจุดเริ่มต้นที่เหมาะสำหรับการออกไปสัมผัสเสน่ห์ของเมืองใกล้เคียง อย่างบอร์นมัธ และสนามกอล์ฟที่สวยงาม การมาที่เซาแธมป์ตันจึงไม่เพียงแค่การเริ่มต้นการเดินทางด้วยเรือสำราญ แต่ยังเป็นโอกาสในการดื่มด่ำกับความงดงามทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของอังกฤษอย่างไม่รู้จบ

ท่าเรือควีนส์เฟอรี (Queensferry) ตั้งอยู่ในสกอตแลนด์ เป็นประตูสู่การผจญภัยที่น่าตื่นตาตื่นใจในเชื่อมต่อไปยังเมืองเอดินเบอระและแหล่งท่องเที่ยวอันน่าทึ่งในบริเวณรอบข้าง ท่าเรือแห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นจุดจอดเรือสำราญ แต่ยังเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตที่งดงาม ท่าเรือควีนส์เฟอรีเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของสะพานฟอร์ธ (Forth Bridge) ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก สะพานนี้ไม่เพียงแต่มีความสวยงาม ยังเป็นสัญลักษณ์ของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในยุคแรกอีกด้วย นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ยังสามารถสำรวจเมืองควีนส์เฟอรีซึ่งมีร้านค้าและร้านอาหารมากมาย พร้อมกับชมวิวทิวทัศน์ที่งดงามของทะเลฟอร์ธ ที่นี่ยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เช่น ปราสาทเอดินเบอระ หรือแม้กระทั่งฟาร์มอูฐที่มีชื่อเสียง ท่าเรือควีนส์เฟอรีจึงอุดมไปด้วยประสบการณ์ที่หลากหลาย ทั้งความมหัศจรรย์ของธรรมชาติและวัฒนธรรมที่หลากหลาย รอให้คุณมาสัมผัสและสร้างความทรงจำที่ไม่รู้ลืม สถานที่แห่งนี้เป็นจุดหมายปลายทางที่ควรค่าแก่การเยี่ยมชมสำหรับนักเดินทางทุกคน

สตาวังเงอร์ เมืองท่าเล็กแต่มีเสน่ห์ของนอร์เวย์ ตั้งอยู่ริมมหาสมุทรแอตแลนติก เฟื่องฟูในศตวรรษที่ 19 ในฐานะท่าเรือประมง และห่างไกลจากความซบเซาในอุตสาหกรรมการประมง สตาวังเงอร์ได้เสริมสร้างเศรษฐกิจด้วยการเดินหน้าสู่อุตสาหกรรมการต่อเรือและน้ำมัน ส่งผลให้เมืองนี้มีบรรยากาศที่ทั้งทันสมัยและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สถานที่สำคัญในเมืองคือมหาวิหารสตาวังเงอร์ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1125 ซึ่งเป็นมหาวิหารในยุคกลางแห่งเดียวในนอร์เวย์ที่ยังคงสภาพดั้งเดิม สิ่งที่น่าสนใจรอบๆ เมืองนี้คือฟยอร์ดลิเซฟยอร์ด มีทิวทัศน์อันงดงาม สาภาระรอบด้วยหน้าผาสูงชันและหินรูปทรงแปลกตา นอกจากนี้ คุณยังสามารถเดินทางไปยังฮาฟรส์ฟยอร์ดซึ่งเป็นสถานที่ที่กษัตริย์ฮารัลด์แห่งไวกิ้งเข้าต่อสู้อย่างสำคัญเพื่อเริ่มต้นการรวมชาติของนอร์เวย์ สำหรับผู้ที่มองหาความรู้เพิ่มเติม สามารถแวะชมพิพิธภัณฑ์น้ำมัน ซึ่งจะทำให้คุณเข้าใจถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมนี้ในบริบทของเมืองและประเทศ หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ลงตัวระหว่างวัฒนธรรมและธรรมชาติ สตาวังเงอร์คือจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดในการเดินทางครั้งต่อไปของคุณ!

ฮาวเกลซุน (Haugesund) หนึ่งในเพชรเม็ดงามของนอร์เวย์ ตั้งอยู่ระหว่างภูเขาและทะเล เป็นท่าเรือที่สำคัญซึ่งมักเป็นจุดแวะพักของเรือสำราญ ที่นี่ไม่เพียงแค่มีทิวทัศน์ที่งดงามของฟยอร์ด แต่ยังมีบรรยากาศที่เปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่ลึกซึ้ง ในช่วงฤดูร้อน นักท่องเที่ยวสามารถสำรวจหมู่เกาะพร้อมเวลาอันมีค่าไปกับกิจกรรมหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการพายเรือแคนูพร้อมชมธรรมชาติอันสวยงาม หรือการเดินชมวิวที่พาโนรามาซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากท่าเรือ ทั้งยังมีโอกาสสัมผัสกับเทศกาลต่างๆ ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาทิเช่น เทศกาลหนังสือพักร้อนที่ดึงดูดนักอ่านจากทั่วทุกมุมโลก การเดินทางไปยังฮาวเกลซุน ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ในการสัมผัสใจกลางของวัฒนกรรมทางทะเลนอร์เวย์ นอกจากนี้ ยังมีร้านกาแฟและร้านอาหารที่เสิร์ฟอาหารทะเลสดใหม่ และเมนูที่อร่อยจนต้องกลับมาลิ้มลองซ้ำ ไม่ว่าคุณจะกำลังมองหาการผจญภัยหรือการพักผ่อนในบรรยากาศที่เงียบสงบ ฮาวเกลซุนพร้อมที่จะทำให้การเดินทางของคุณเป็นอีกหนึ่งความทรงจำที่ไม่มีวันลืมในดินแดนแห่งนี้
คริสเตียนซัน (Kristiansand) เมืองที่มีเสน่ห์ในนอร์เวย์ ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อ "Sommerbyen" หรือ "เมืองร้อนแห่งฤดูร้อน" สถานที่แห่งนี้เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับห้าของนอร์เวย์ มีประชากรราว 78,000 คน ที่เดินทางเข้ามาที่นี่เพื่อสัมผัสกับชายหาดที่เปล่งประกายจากแสงแดดและท่าเรือที่งดงาม ในเดือนกรกฎาคมของทุกปี คริสเตียนซันยังก้าวสู่เวทีโลกด้วยเทศกาล Quart Festival ซึ่งนำเสนอดนตรีจากวงร็อคทั้งของท้องถิ่นและนานาชาติ สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้มาเยือน เมืองนี้มีประวัติศาสตร์ที่น่าหลงใหลตามตำนานที่ว่าในปี 1641 พระเจ้า Christian IV ได้ใช้ง่ามเดินของพระองค์ทำเครื่องหมายสี่มุมของเมือง และจากนั้นได้วางแผนถนนในรูปแบบตาราง ซึ่งจุดศูนย์กลางของเมืองที่เรียกว่า Kvadraturen ยังคงมีรูปแบบนี้แม้จะประสบกับเหตุไฟไหม้หลายครั้ง นอกจากนั้น ยังมี Posebyen ซึ่งเป็นชุมชนบ้านไม้ที่เชื่อมต่อกันที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปเหนือ และมีตลาดในวันเสาร์ในฤดูร้อนที่คึกคัก นอกจากนี้ ตลาดปลา Fisketorvet ที่ตั้งอยู่ใกล้กับมุมใต้ของตารางเมืองก็พร้อมที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ทะเลสดใหม่ ตั้งแต่กุ้งหอยปูปลา ให้คุณเต็มอิ่มกับรสชาติท้องถิ่นที่คุณไม่ควรพลาด เติมเต็มความฝันในการเดินทางของคุณที่คริสเตียนซัน สัมผัสวัฒนธรรมและประสบการณ์ที่จะอยู่ในความทรงจำตลอดไป!

ท่าเรือเซาแธมป์ตัน นับเป็นท่าเรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ ตั้งอยู่ที่ปากอ่าวเซาแธมป์ตัน ระหว่างแม่น้ำเทสต์และอิตเชน เมืองแห่งนี้เคยเป็นศูนย์กลางการค้าขายที่สำคัญมาตั้งแต่สมัยกลาง โดยมีการส่งออกขนสัตว์และหนังสัตว์จากพื้นที่รอบ ๆ และนำเข้าผลิตภัณฑ์ไวน์จากบอร์โดซ์ แม้เซาแธมป์ตันจะต้องเผชิญกับการทำลายล้างอย่างหนักในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แต่เมืองนี้ก็ได้ฟื้นฟูและสร้างสรรค์ใหม่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว ด้วยอาคารยุคกลางที่ยังคงเหลืออยู่ เช่น บาร์เกต (Bargate) ที่ถือเป็นหนึ่งในประตูเมืองที่สวยงามที่สุดในอังกฤษ นอกจากท่าเรืออันทันสมัยแล้ว เซาแธมป์ตันยังมีกิจกรรมหลากหลายสำหรับนักเดินทาง ที่สามารถสำรวจเมืองแห่งประวัติศาสตร์และเต็มไปด้วยศิลปะ เช่น พิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ที่นำเสนอผลงานศิลปะระดับโลก และยังเป็นจุดเริ่มต้นที่เหมาะสำหรับการออกไปสัมผัสเสน่ห์ของเมืองใกล้เคียง อย่างบอร์นมัธ และสนามกอล์ฟที่สวยงาม การมาที่เซาแธมป์ตันจึงไม่เพียงแค่การเริ่มต้นการเดินทางด้วยเรือสำราญ แต่ยังเป็นโอกาสในการดื่มด่ำกับความงดงามทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของอังกฤษอย่างไม่รู้จบ















































