
02-27217300
02-27217179
service@siloahtravel.com
Monday ~ Friday 09:00-18:00
14F.-3, No.137, Sec. 1, Fuxing S. Rd., Da’an Dist., Taipei City 106, Taiwan
Representative: Tung-Hua Tai
VAT: 43871553
交觀甲793500 品保北2260 隱私權條款
Copyright © 2025 Siloah Travel Co., Ltd.. All rights reserved.

Oceania Allura
โอเชียเนีย ครูซส์


ท่าเรือที่น่าหลงใหลอย่างท่าเรือเมืองเตรียสเต (Trieste) ตั้งอยู่ในประเทศอิตาลี เป็นซีกหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่ตัดกับความเป็นมาของอาณาจักรออสเตรีย-ฮังการีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ด้วยคุณภาพความเป็นเมืองท่าที่สำคัญและศูนย์กลางการเงินเมื่อหลายทศวรรษก่อน เตรียสเตยังเป็นแหล่งรวมความคิดสร้างสรรค์ที่มีชื่อเสียงในวงการวรรณกรรม โดยนักเขียนชื่อดังอย่างอิตาโล สเวโว (Italo Svevo) และเจมส์ จอยซ์ (James Joyce) ต่างได้รับแรงบันดาลใจจากบรรยากาศอันหลากหลายทางวัฒนธรรมของเมือง คุณจะได้สัมผัสความงามในการผสมผสานของสถาปัตยกรรมสไตล์นีโอคลาสสิกและอาร์ตนูโว ซึ่งสร้างขึ้นในช่วงรุ่งเรืองของเมือง เตรียสเตยังมอบบรรยากาศที่เงียบสงบแต่แฝงไปด้วยความเศร้าสร้อยและงดงาม ในขณะที่คุณเดินชมถนนที่เรียงรายไปด้วยอาคารประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ สามารถสำรวจชายหาดที่มีวิวทะเลสวยงามและสัมผัสกับวัฒนธรรมและอาหารอิตาเลียนอันเลื่องชื่อได้อีกด้วย เตรียสเต คือจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับนักเดินทางที่ต้องการสัมผัสทั้งประวัติศาสตร์และความสวยงามในอิตาลีที่ไม่เหมือนใคร

เกาะฮวาร์ ประเทศโครเอเชีย เป็นสถานที่ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น "เกาะที่มีแดดมากที่สุดในทะเลอาเดรียติก" ด้วยค่าเฉลี่ยชั่วโมงแสงแดดยาวนานถึง 2,724 ชั่วโมงต่อปี จึงไม่แปลกใจที่ที่แห่งนี้ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก พื้นที่นี้เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่น่าสนใจ พร้อมทั้งธรรมชาติที่งดงาม นอกจากทะเลสีฟ้าใสและชายหาดที่สวยงามแล้ว เกาะฮวาร์ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย เช่น ปราสาทเฟอร์ตาเรน ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สวยงาม นอกจากนี้ยังมีความหลากหลายของกิจกรรมให้ผู้เข้าชมได้เลือกมากมาย ตั้งแต่การเดินป่าของนักผจญภัย ไปจนถึงการล่องเรือในทะเลเปิด สำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสความหรูหรา ฮวาร์เต็มไปด้วยร้านอาหารระดับมิชลิน สปาและโรงแรมหรู ที่จะทำให้การพักผ่อนของคุณเป็นประสบการณ์ที่พิเศษยิ่งขึ้น เต็มเปี่ยมไปด้วยความโรแมนติกและความสุขในทุกๆ วัน ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนริมชายหาดหรือสำรวจประวัติศาสตร์ เรือสำราญที่จอดที่ท่าเรือฮวาร์จะนำคุณสู่โลกแห่งความฝันของราชวงศ์และความสวยงามที่คุณไม่ควรพลาด!

Bari เมืองหลวงของจังหวัดอาปูเลีย ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลอเดรียติกของอิตาลีตอนใต้ เป็นท่าเรือที่มีความคึกคักและสำคัญทั้งด้านการค้าและอุตสาหกรรม รวมถึงเป็นจุดเชื่อมต่อสำหรับนักเดินทางที่ต้องการข้ามฟากไปยังประเทศกรีซ เมือง Bari ประกอบไปด้วยสองส่วนที่โดดเด่นคือเมืองใหม่และเมืองเก่า โดยเมืองเก่า หรือ Citta Vecchia ตั้งอยู่บนแหลมระหว่างท่าเรือเก่าและท่าเรือใหม่ มีเส้นทางคดเคี้ยวและแคบ สร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของประวัติศาสตร์ ในขณะที่เมืองใหม่ที่มีการวางผังอย่างเป็นระเบียบ สวยงามและทันสมัยขึ้นตั้งแต่ปี 1930 หัวใจของเมืองใหม่คือ Piazza della Liberta และถนน Corso Vittorio Emanuele II ที่เชื่อมเมืองเก่าและเมืองใหม่เข้าด้วยกัน ถัดไปที่ปลายสุดของ Corso คือ Lungomare Nazario Sauro ทางเดินเลียบชายทะเลซึ่งมีทิวทัศน์ที่งดงามมองเห็นท่าเรือเก่า สัมผัสกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่หลอมรวมกันมาอย่างลงตัวใน Bari ซึ่งถูกครอบครองโดยหลากหลายอารยธรรมตั้งแต่อดีต เช่น นอร์แมน มอริส และสเปน ปัจจุบัน Bari จึงเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การสำรวจและดื่มด่ำไปกับความงามที่หลากหลายของอิตาลีอย่างแท้จริง สร้างแรงบันดาลใจให้คุณใฝ่ฝันอยากเดินทางมาสัมผัสประสบการณ์นี้สักครั้งในชีวิต

ท่าเรือโคเตอร์ (Kotor) ในมอนเตเนโกร ตั้งอยู่ในอ่าวโบโค (Bokor Kotorska) ซึ่งเป็นฟยอร์ดที่อยู่ทางใต้ที่สุดในยุโรป ถูกล้อมรอบด้วยภูเขาที่งดงามและมีความลับซึ่งทำให้เมืองนี้มีความมีเสน่ห์อย่างยิ่ง โคเตอร์เป็นเมืองที่ยังคงความดั้งเดิมไว้อย่างครบถ้วน แตกต่างจากเมืองดูบรอฟนิกที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่น เมืองเก่าที่มีรูปลักษณ์อันสวยงามถูกล้อมรอบด้วยกำแพงป้องกันที่สร้างขึ้นระหว่างศตวรรษที่ 9-18 และมีป้อมปราการบนเขาที่เฝ้ามองด้านล่าง ภายในเมืองมีตรอกซอกซอยที่สร้างจากหินเป็นลำดับ ซึ่งนำพาไปสู่จัตุรัสที่เต็มไปด้วยร้านบูติกร้านกาแฟที่ทันสมัย แต่ยังคงมีเสน่ห์จากโครงสร้างโบราณที่สร้างขึ้นจากยุคกลาง โคเตอร์เคยเป็นท่าเรือที่สำคัญในเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของเซอร์เบีย โดยมีทั้งศูนย์เรียนรู้เกี่ยวกับงานปูนและไอคอนนิก นอกจากนี้ ท่าเรือปอร์โต้มอนเตเนโกรซึ่งเปิดในปี 2011 ยังออกแบบมาเพื่อต้อนรับเรือซุปเปอร์ยอชต์ชั้นนำของโลก อีกทั้งยังมีหมู่บ้านชายหาดที่งดงามรอบอ่าว เช่น เมืองเล็กๆ อย่างมูโอ (Muo) และเพอราสต์ (Perast) ที่คุณไม่ควรพลาด แวะชมวิวเบื้องหน้าที่งดงามของอ่าวนี้ทำให้การเดินทางของคุณเติมเต็มด้วยประสบการณ์ที่น่าลุ่มหลงและไม่รู้ลืม

ดุกรมดาติก (Dubrovnik) เมืองแห่งความงามที่ตั้งอยู่ในประเทศโครเอเชีย เป็นหนึ่งในเมืองที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองที่มีเขตป้อมปราการที่งดงามที่สุดในโลก ด้วยทำเลที่ตั้งติดชายฝั่งอย่างน่าทึ่ง ที่ซึ่งคุณจะพบกับกำแพงหินขนาดใหญ่และหอคอยที่งดงามที่โอบล้อมท่าเรือเล็ก ๆ สถาปัตยกรรมของเมืองที่มีหลังคากระเบื้องสีส้มเปล่งประกายใต้แสงแดด เซมมีโดมทองแดง และหอระฆังที่หรูหรา เมืองนี้มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานเริ่มต้นจากการอพยพของประชาชนจากเมืองโรมัน เอปิดาอูรัมในศตวรรษที่ 7 โดยพวกเขาได้ตั้งถิ่นฐานบนเกาะหินขนาดเล็กที่เรียกว่า รากูซา (Ragusa) และสร้างเมืองที่รู้จักกันในชื่อ ดูบรอฟนิก (Dubrovnik) ในศตวรรษที่ 12 เมืองนี้เปลี่ยนแปลงเป็นสาธารณรัฐอิสระที่เจริญรุ่งเรืองในศตวรรษที่ 16 ด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงาม อาคารสุขภาพ และภัตตาคารที่มีเอกลักษณ์ ทำให้ดูบรอฟนิกกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าหลงใหลสำหรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก หากคุณได้เยี่ยมชมเมืองนี้ จะได้สัมผัสถึงความเป็นอัญมณีทางวัฒนธรรมที่ประวัติศาสตร์เกือบสูญเสียไป และเผชิญหน้ากับธรรมชาติที่หยั่งลึกลงไปในใจของทุกคนที่ได้มาเยือน

เมื่อคุณก้าวเท้าสู่เมืองโครฟู (Corfu) คุณจะได้สัมผัสกับเสน่ห์ที่มีมาช้านานที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวของหลายวัฒนธรรม เมืองหลวงที่มีชีวิตชีวานี้ตั้งอยู่บริเวณกลางชายฝั่งตะวันออกของเกาะโครฟู เป็นจุดศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและมีใจกลางเมืองที่ได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในปี 2007 ไม่ว่าคุณจะเดินทางมาทางเรือเฟอร์รี่จากแผ่นดินใหญ่หรืออิตาลี หรือบินตรงมายังสนามบิน ณ โครฟู เมืองนี้คือจุดแวะพักที่เต็มไปด้วยความงาม ทางเดินเล็ก ๆ ในเขตคนเดินยกระดับให้คุณเดินชมสถาปัตยกรรมเก่าแก่ของเมือง โดยคุณสามารถผ่อนคลายด้วยการจิบกาแฟหรือไอศกรีมที่ Liston Arcade ที่มีร่มเงา ควรใช้เวลาสำรวจพระราชวังมอน เรโปส (Mon Repos) โดยขึ้นรถไฟท่องเที่ยวที่ให้บริการในช่วงฤดูร้อน และเมื่อถึงเวลาค่ำคืน เมืองนี้จะมีบรรยากาศที่แตกต่างด้วยร้านอาหารท้องถิ่นที่เสิร์ฟอาหารชั้นเลิศของเกาะ การเดินทางในเมืองโครฟูเป็นไปอย่างสะดวกสบาย คุณสามารถเดินเท้าสำรวจได้ทั่วถึง เมืองมีความเล็กพอที่คุณจึงไม่ต้องพึ่งพารถบัสที่ไม่สามารถเข้าถึงในเขตประวัติศาสตร์ หากคุณเดินทางมาทางเฟอร์รี่หรือเครื่องบิน แนะนำให้ใช้แท็กซี่ซึ่งจะพาคุณไปยังโรงแรมได้ในราคาเพียง 10 ยูโร ห้ามพลาด!


ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอันงดงามแห่งนี้ มีเมืองหนึ่งที่โดดเด่นด้วยประวัติศาสตร์และเสน่ห์แห่งความสำคัญอย่าง “คานิอา” (Chania) ที่ตั้งอยู่ในเกาะครีต (Crete) ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของเกาะและเป็นหลวงของจังหวัดที่มีชื่อเดียวกัน เมืองคานิอา แบ่งออกเป็นสองส่วน ได้แก่ “เมืองเก่า” ที่มีการก่อสร้างตามสถาปัตยกรรมแบบเวนิสที่สวยงาม และ “เมืองใหม่” ที่ทันสมัยมากขึ้น ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของเมืองเก่า เมืองเก่าของคานิอามีการผสมผสานระหว่างอาคารอันมีคุณค่าจากยุคเวนิสและอิทธิพลจากตุรกี ที่ให้ความรู้สึกย้อนยุคและสวยงามที่สุด โดยมีท่าเรือเวนิสที่สร้างขึ้นเมื่อหลายศตวรรษก่อน สัมผัสมนต์ขลังของสถาปัตยกรรมที่หยิบยกประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมไว้ในอาคารเดียวกัน นอกจากนี้ยังสามารถสำรวจเพลิดเพลินได้ในเวลาเพียงวันเดียว ด้วยความสะดวกและขนาดที่กะทัดรัดของเมือง ทำให้คานิอาเป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดของนักท่องเที่ยวที่ต้องการสำรวจความงดงามแห่งครีตในทุกแง่มุม แวะมาแล้วจะเป็นประสบการณ์ที่เลิกไม่ลงสำหรับการเดินทางแดนดินแห่งประวัติศาสตร์นี้!

เกาะโรดส์ ประเทศกรีซ เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ทำให้ผู้เดินทางรู้สึกอบอุ่นใจและเปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์แห่งประวัติศาสตร์ ด้วยความงดงามของเมืองหลวงที่แบ่งออกเป็นสองส่วนอย่างลงตัว มีทั้งเมืองเก่าสไตล์โบราณที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก และเมืองใหม่ที่เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา เมืองเก่าแห่งโรดส์มีซอยแคบๆ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ซึ่งปิดประตูแก่รถยนต์ ทำให้สามารถเดินชมโบสถ์นิกายออร์โธดอกซ์และคาทอลิก รวมถึงบ้านเรือนในสไตล์ตุรกีที่น่าตื่นตาตื่นใจ การเดินทางในเมืองเก่า โรดส์คือการเดินย้อนกลับไปในอดีต ทั้งยังมีอาคารสาธารณะในยุคกลางที่กลมกลืนด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงามด้วยหินปูนจากลินโดส การบูรณะที่เกิดขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้เสริมหรือสร้างบรรยากาศอันงดงามนี้ให้เข้ากันอย่างสมบูรณ์แบบ หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมและภัยผจญภัยที่ลึกลับ โรดส์คือที่ที่คุณไม่ควรพลาด มาสัมผัสความมหัศจรรย์ของโรดส์และให้มันกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่ทรงคุณค่าในบทชีวิตการเดินทางของคุณเถอะ!

ซานโตรีนี (Santorini) เป็นเกาะที่สวยงามและมีเอกลักษณ์ในภูมิภาคเอเจียน รูปร่างของเกาะเป็นเสี้ยวพระจันทร์ซึ่งถูกตั้งอยู่ในเส้นทางท่องเที่ยวของหมู่เกาะไซคลาดิค ที่นี่คุณจะได้สัมผัสกับพระอาทิตย์ตกที่น่าตื่นตาตื่นใจจากหมู่บ้านอียา (Ia) และสำรวจซากโบราณคดีอันน่าสนใจ ทั้งยังมีบ้านเรือนสีขาวสะอาดที่กลมกลืนกับท้องฟ้าอันสดใส ชื่อเดิมของซานโตรีนีคือ `คัลลิสติ` (Kállisti) ซึ่งแปลว่า "สวยที่สุด" แต่ต่อมาถูกปรับเป็น `ธีร่า` (Thira) ตามชื่อของผู้ตั้งถิ่นฐานในศตวรรษที่ 9 ก่อนคริสต์ศักราช จากนั้นเปลี่ยนมาเป็นชื่อที่เราเรียกในปัจจุบันคือ ซานโตรีนี ซึ่งได้ชื่อมาจากนักบุญไอรีน (St. Irene) แห่งเทสซาโลนิกิ การเดินทางโดยเรือมาถึงเกาะซานโตรีนีนั้นน่าตื่นเต้นมาก เมื่อคุณล่องเรือผ่านเกาะซิกิโนส (Sikinos) และไอโอส (Ios) โดยมีกลุ่มเกาะตัวเล็กๆ ตั้งอยู่สองด้าน การแล่นเรือเข้าสู่แคลเดอรีนั้นทำให้คุณได้สัมผัสความสวยงามของหน้าผาที่สูง 1,100 ฟุต และเมื่อเรือถึงท่าเรืออาธินิออส (Athinios) คุณจะได้พบกับบรรยากาศอันพิเศษที่สร้างความประทับใจ โดยภายในอ่าวนี้คือหลักฐานที่แสดงถึงอารยธรรมเก่าแก่และความงามที่ซ่อนอยู่จากพลังแห่งภูเขาไฟ ซานโตรีนี ไม่เพียงแต่เป็นจุดหมายปลายทางในฝันของนักเดินทาง ยังมีเกาะเพื่อนบ้านที่น่าสนใจอีกมากมาย จึงไม่แปลกใจที่ที่นี่จะเป็นหนึ่งในสุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวในยุโรปที่ทุกคนไม่ควรพลาด!

ท่าเรือพิราอีอัส (Piraeus) ตั้งอยู่ใกล้กับกรุงเอเธนส์ เป็นจุดเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยมสำหรับการสำรวจความงามและประวัติศาสตร์ของกรีซ สถานที่แห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นท่าเรือที่วุ่นวาย แต่ยังเป็นประตูสู่การเดินทางที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น สัมผัสเสน่ห์ของพิราอีอัสกับภาพวิวทะเลสวยและร้านอาหารทะเลที่มีชื่อเสียง ลองชิมอาหารซีฟู้ดสดๆ ริมน้ำในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา หลังจากนั้นเดินทางต่อไปยังกรุงเอเธนส์ เพื่อชมมนต์ขลังของอะโครโพลิส แหล่งมรดกโลกที่มีเสาหินอ่อนสีทองเป็นสัญลักษณ์ของความสวยงามแบบศิลปะกรีกโบราณ ในขณะที่สำรวจเมือง คุณจะได้พบกับย่านต่างๆ เช่น พลาคา ที่มีถนนแคบๆ และบ้านเรือนสีสันสดใส นอกจากนี้ คุณยังสามารถแวะชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่รวบรวมวัตถุโบราณต่างๆ เพื่อรู้จักกับประวัติศาสตร์หลายพันปีของกรีซได้อีกด้วย การเดินเที่ยวในพิราอีอัสและเอเธนส์จะเป็นการสัมผัสถึงเสน่ห์ที่เน้นความหลากหลายของวัฒนธรรม ซึ่งทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่คู่ควรแก่การสำรวจ ความคลาสสิกพบกับความทันสมัยในวิถีชีวิตประจำวันของชาวกรีก รอให้คุณได้มาเปิดประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครในดินแดนแห่งนี้.

ไมโคนอส (Mykonos) เป็นหนึ่งในเกาะอันสวยงามของกรีซที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความหรูหราและบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งในปัจจุบันแลนด์มาร์คของที่นี่ได้แก่ เมืองไมโคนอส (Hora) ที่ได้ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ด้วยลักษณะสถาปัตยกรรมที่งดงามในแบบไซคลาดิก หากคุณได้สำรวจตามถนนแคบ ๆ ที่ปูด้วยหิน คุณจะพบว่ามุมต่าง ๆ ของเมืองนี้เต็มไปด้วยเสน่ห์และความเป็นเอกลักษณ์ เช่น ลิตเติลเวนิซ (Little Venice) ที่สวยงาม พร้อมบ้านเรือนสีขาวที่มีประตูและโดมสีแดงหรือสีน้ำเงินโดดเด่นอย่างมีเสน่ห์ การเดินชมเมืองในยามเช้าจะมีความคึกคักกับนักท่องเที่ยวที่มุ่งหน้าสู่ท่าเรือหลัก สถานที่ที่คุณจะได้สัมผัสการส่งสินค้าและบรรยากาศที่มีชีวิตชีวา เมื่อถึงเวลาช่วงบ่าย ร้านอาหารและคาเฟ่ต่าง ๆ จะเต็มไปด้วยผู้คนที่มาเพลิดเพลินกับอาหารท้องถิ่นและบรรยากาศที่อบอุ่น ขณะที่ยามค่ำคืนจะเป็นช่วงเวลาที่ไมโคนอสแสดงออกถึงความมีชีวิตชีวาที่แท้จริง ร้านค้าและบาร์หลายแห่งจะเปิดให้บริการจนถึงดึก พร้อมดนตรีที่กระตุ้นบรรยากาศให้มีชีวิตชีวา ไมโคนอสจึงไม่เพียงแต่เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ แต่ยังเป็นจุดหมายปลายทางที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ที่หรูหราและวัฒนธรรมที่หลากหลาย รอคุณมาสัมผัสประสบการณ์ที่ไม่อาจลืมเลือน!

เอเฟซัส (Ephesus) เมืองโบราณที่ตั้งอยู่ในประเทศตุรกี เป็นหนึ่งในหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่แสนมหัศจรรย์ของการเดินทางที่ทุกคนควรเห็นสักครั้งในชีวิต เมืองนี้เป็นที่ตั้งของซากปรักหักพังที่มีชื่อเสียงระดับโลก รวมถึงวิหารอาร์เทมิส ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกโบราณ นอกจากนี้ยังมีอัฒจันทร์ขนาดใหญ่ที่รองรับผู้ชมได้มากถึง 25,000 คน และถนนเซลซุสที่มีเสาเรียงรายอย่างสวยงาม สะท้อนถึงความยิ่งใหญ่ของอารยธรรมโรมัน การเดินทางมายังเอเฟซัส นอกจากการสัมผัสกับประวัติศาสตร์แล้ว คุณยังสามารถเพลิดเพลินกับการเดินเล่นในเมืองเก่าที่มีกลิ่นอายของความรุ่งเรืองจากวันวาน ร้านค้าและคาเฟ่ที่เปิดบริการอยู่ตลอดเส้นทาง เตรียมให้คุณได้พักผ่อนและสัมผัสบรรยากาศอันเงียบสงบ หากคุณมีเวลามากขึ้น ควรไปเยือนชายหาดปามูคาเล่ ที่มีน้ำพุร้อนธรรมชาติให้คุณได้แช่ตัวหรือไปยังเมืองซูคู เมืองท่าที่สวยงาม ด้วยความหลากหลายทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และธรรมชาติที่งดงาม เอเฟซัสจึงไม่ใช่เพียงแค่ท่าเรือที่เรือสำราญแวะจอด แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยที่ไม่ควรพลาดในการเดินทางสู่ตุรกี!











เจ้าของสวีทของ Oceania Allura มีขนาดกว้างขวางถึง 2,400 ตารางฟุต พร้อมวิวทะเลอันสวยงามจากผนังกระจกใสที่ให้แสงแดดส่องเข้ามาอย่างเต็มที่ ห้องพักได้รับการตกแต่งอย่างหรูหราด้วยผ้าและเฟอร์นิเจอร์ที่คัดสรรมาเป็นพิเศษ สร้างความรู้สึกโอ่โถงในขณะเดียวกันก็อบอุ่นเหมือนอยู่ที่บ้าน ภายในมีห้องรับประทานอาหารที่สวยงามเพื่อรับประทานอาหารในห้องแบบส่วนตัว และพื้นที่นั่งเล่นที่ทันสมัยสามารถใช้สนทนาอย่างสบายได้ ห้องนอนหลักมีเตียงคิงไซส์ที่ให้ความสะดวกสบายสูงสุด พร้อมห้องน้ำที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกระดับสปา สำหรับครอบครัวหรือคู่รักที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ยังมีระเบียงกว้างขวางจากห้องนั่งเล่นและห้องนอนหลักที่ช่วยให้คุณได้สัมผัสกับบรรยากาศอันหรูหรา ขณะชมวิวจากจุดสูงสุดของการใช้ชีวิตอย่างหรูหรา ในเจ้าของสวีท ยังมีบริการพิเศษต่างๆ เช่น บริการซักรีดฟรี น้ำดื่มและของว่างในเลานจ์ส่วนตัว บริการบัตเลอร์ตลอด 24 ชั่วโมง และการต้อนรับด้วยแชมเปญขวดแรก นอกจากนี้ยังมีการสำรองห้องในร้านอาหารพิเศษ รับประกันการเข้าถึงเต็มที่ที่ Aquamar Spa Terrace และบริการจัดส่งสิ่งของในห้องพัก ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างได้รับการออกแบบมาเพื่อให้คุณมีประสบการณ์การล่องเรือในสไตล์ที่ดีที่สุดที่ไม่เหมือนใคร









วิวสวยจากห้องพักริมชายทะเลในห้องพักประเภท วิสตา สวีท ที่มีกว่า 8 ห้องนี้ให้คุณได้สัมผัสกับบรรยากาศที่ไม่เหมือนใคร ด้วยขนาดตั้งแต่ 1,450 ถึงเกือบ 1,850 ตารางฟุต ห้องพักนี้ออกแบบมาให้กว้างขวางและหรูหรา ผนังตกแต่งด้วยเฉดสีที่สื่อถึงน้ำทะเลและท้องฟ้า ให้คุณได้เห็นวิวทะเลที่ตระการตาอย่างเต็มตา ห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร บาร์ และห้องนอนใหญ่ที่ถูกจัดวางอย่างมีสไตล์พร้อมด้วยหินอ่อนที่เงางาม แกรนิตที่โดดเด่น และไม้โอ๊คที่มีสีสันธรรมชาติ เชื่อมต่อกับระเบียงไม้เทพที่กว้างขวาง ห้องน้ำสำหรับแขกยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเพื่อความสะดวกในการต้อนรับเพื่อนฝูง ห้องนอนใหญ่ที่ยิ่งใหญ่มีเตียงคิงไซส์ที่นุ่มสบาย ตู้เสื้อผ้าที่กว้างขวาง และพื้นที่แต่งตัว ห้องน้ำหลักที่ราบเรียบมีอ่างอาบน้ำเซรามิกและห้องอาบน้ำแบบฝนที่หรูหรา ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนอยู่ในบ้านริมทะเลที่สวยงาม นอกจากนี้ ห้อง วิสตา สวีท ยังมาพร้อมกับบริการพิเศษมากมาย เช่น บริการซักรีดฟรี, การเช็คอินบนเรือพร้อมการจัดส่งสัมภาระลำดับความสำคัญ, และการเข้าถึงลาน Lounge ส่วนตัวที่มีคอนเซียร์จดูแลอย่างใกล้ชิด คุณจะได้รับการบริการจากบัตเลอร์ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมด้วยการจัดเตรียมบาร์ในห้องพัก และ ข้าวผลไม้สดที่เติมให้ใหม่ทุกวัน สัมผัสประสบการณ์ความหรูหราที่ไม่เหมือนใครในห้องพัก วิสตา สวีท และให้ทุกช่วงเวลาของการพักผ่อนเป็นไปอย่างต้องมนต์ในสภาพแวดล้อมที่งดงามของมหาสมุทร







โอเชียนเนียสวีท เป็นห้องสวีทที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความสะดวกสบายแบบอพาร์ตเมนต์ที่ตั้งอยู่บน Central Park East ห้องพักทั้งหมด 14 ห้องเฉลี่ยพื้นที่ประมาณ 1,000 ถึง 1,200 ตารางฟุต ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวาง ที่เหมาะสำหรับการต้อนรับแขกด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่คัดสรรมาอย่างดีในพื้นที่นั่งเล่นและรับประทานอาหาร ที่เวิร์คในแบบที่ไม่เป็นทางการและมีบรรยากาศชวนผ่อนคลาย โดยห้องนั่งเล่นและห้องนอนเปิดออกสู่ระเบียงไม้สีก้านมะฮอกกานีที่เป็นส่วนตัว พร้อมเตียงขนาดคิงไซค์ที่แสนนุ่มสบาย และห้องน้ำหินอ่อนที่มีอ่างอาบน้ำและฝักบัวให้คุณได้พักผ่อนจากความเครียดในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ยังมีห้องทำงานส่วนตัวที่อบอุ่น ซึ่งสามารถใช้เป็นสตูดิโอสำหรับแขก และห้องน้ำสำหรับแขกที่มีสไตล์ให้ใช้บริการด้วย การเข้าพักในโอเชียนเนียสวีทจะมาพร้อมกับสิทธิพิเศษที่น่าทึ่ง รวมถึงการบริการซักรีดฟรีสูงสุด 3 ถุงต่อห้อง, การขึ้นเรือในเวลา 11.00 น. พร้อมการจัดส่งกระเป๋าอย่างเร่งด่วน, การเข้าถึงเลานจ์ส่วนตัวที่มีพนักงานดูแลอย่างดีมีบริการเครื่องดื่มและขนมฟรีตลอดทั้งวัน, และบริการบัตเลอร์ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีการจัดเตรียมบาร์ในห้องแบบฟรีซึ่งประกอบด้วยสุราพรีเมียมและไวน์ 6 ขวด, ขวดแชมเปญต้อนรับ, ผลไม้สดที่มีการเติมใหม่ทุกวัน และการจองร้านอาหารแบบออนไลน์ที่มีลำดับความสำคัญ นอกจากนี้ยังสามารถใช้บริการ Aquamar Spa Terrace ได้ไม่จำกัด และมีระบบความบันเทิงที่ปรับแต่งตามต้องการ พร้อมด้วยชุดของขวัญอาบน้ำระดับหรูและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เพื่อให้การเข้าพักของคุณเป็นประสบการณ์ที่หรูหราที่สุดในโลกของการเดินเรือ




เพนท์เฮาส์สวีทคือพื้นที่ออกแบบที่สง่างาม เฉพาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต ด้วยขนาดกว้างขวางและบรรยากาศที่เงียบสงบ เพนท์เฮาส์สวีทมอบความรู้สึกที่เหมือนอยู่บ้านที่ท่าเรือ โซฟาและเฟอร์นิเจอร์ที่มีความหรูหราและสีสันที่ผ่อนคลาย สร้างบรรยากาศที่อบอุ่น และเสริมความหรูหราด้วยผ้าหรูและเบาะที่นุ่มนวล ทุกตารางฟุตของพื้นที่ 440 ตารางฟุตได้รับการจัดสรรอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ให้ชีวิตประจำวัน เช่น ตู้เสื้อผ้าแบบเดินเข้าที่กว้างขวางและห้องน้ำขนาดใหญ่ที่มีอ่างล้างมือคู่และฝักบัวแบบฝน นอกจากนี้ เพนท์เฮาส์สวีทยังมีระเบียงส่วนตัวที่สามารถมองเห็นทะเลอันแปรเปลี่ยนตลอดเวลา ทำให้ผู้เข้าพักได้สัมผัสกับความสวยงามของธรรมชาติอย่างใกล้ชิด เพนท์เฮาส์สวีทยังมีบริการพิเศษต่างๆ เช่น บริการซักรีดฟรีสำหรับกระเป๋าซักสูงสุด 3 ใบ การเข้าถึงเลานจ์ส่วนตัวที่มีพนักงานดูแลตลอด 24 ชั่วโมงและบริการผู้ช่วยส่วนตัว พร้อมด้วยเครื่องดื่มเย็น ขนมและกาแฟฟรี การจองร้านอาหารพิเศษออนไลน์ลำดับความสำคัญและการเข้าถึงพื้นที่สุขภาพ Aquamar Spa Terrace อย่างไม่จำกัด นอกจากนี้ยังมีขวดแชมเปญต้อนรับพร้อมด้วยผ้าห่มขนสัตว์และบริการทำความสะอาดรองเท้าไม่คิดค่าใช้จ่าย ทำให้เพนท์เฮาส์สวีทนี้เป็นทางเลือกที่หรูหราและสะดวกสบายสำหรับผู้ที่ต้องการพักผ่อนในบรรยากาศที่หรูหราและเป็นส่วนตัว


ระดับห้องพักคอนเซียร์จพร้อมระเบียงมอบความหรูหราอันเป็นเอกลักษณ์อยู่ในบรรยากาศที่แสนผ่อนคลาย เปรียบเสมือนบ้านพักสุดหรูในเมืองเซนต์โตรเปซ ห้องพักขนาด 290 ตารางฟุตถูกตกแต่งด้วยเฉดสีฟานและครีมที่อบอุ่น ทำให้กลมกลืนกับสีสันสดใสของทะเลและท้องฟ้าที่มองเห็นจากระเบียงส่วนตัวขนาดใหญ่ ภายในห้องมีพื้นที่นั่งเล่นที่ออกแบบมาอย่างดี ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ และห้องน้ำหรูหราที่มีฝักบัวฝนในสวนอันอบอุ่น เตียงขนาดควีนไซส์ที่มีชื่อว่า Tranquility Bed ช่วยให้คุณได้สัมผัสการนอนหลับที่แสนสงบใจดุจพักอยู่ในวิลล่าที่ดีที่สุด นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกคอนเซียร์จพิเศษ เช่น บริการอาหารในห้องพักจากห้องอาหาร Grand Dining Room และบริการซักรีดฟรีเพื่อเติมเต็มประสบการณ์พิเศษนี้อย่างครบครัน

ห้องสเตเทอรูมระเบียงเดี่ยวระดับคอนเซียร์จของ Oceania Allura ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับนักเดินทางที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและสะดวกสบายในขณะที่ล่องเรือ ที่นี่ให้ความอบอุ่นและความสงบ รวมถึงมีพื้นที่กว้างขวางที่สะท้อนถึงการใช้ชีวิตที่ทันสมัย โต๊ะนั่งเล่นที่สะดวกสบายเหมือนสวมสเวตเตอร์ขนสัตว์ บวกกับระเบียงส่วนตัวที่ทำให้คุณสามารถนั่งพักผ่อนริมทะเลได้อย่างใจเย็น การแบ่งโซนสำหรับนอน ห้องน้ำ และที่เก็บของกว้างขวางทำให้คุณสามารถผ่อนคลายได้อย่างเต็มที่หลังจากวันที่เต็มไปด้วยการสำรวจ นอกจากนี้ยังมีสิทธิพิเศษระดับคอนเซียร์จมากมายรออยู่ เช่น บริการซักรีดฟรีถึง 3 กระเป๋า การเข้าถึงคอนเซียร์จเลานจ์แบบเฉพาะที่มีบริการเครื่องดื่มและของว่างตลอดทั้งวัน รวมถึงบริการจองร้านอาหารพิเศษออนไลน์แบบเร่งด่วน และการเข้าถึง Aquamar Spa Terrace แบบไม่จำกัด อีกทั้งยังมีขวดแชมเปญต้อนรับและผ้าห่มขนสัตว์ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนบนระเบียง ห้องสเตเทอรูมนี้ช่วยให้คุณได้สัมผัสการเดินทางที่หรูหราและเต็มไปด้วยความพิเศษที่คุณคู่ควร.


ระเบียง客艙ของ Oceania Allura เป็นนิยามของความสง่างามที่ยั่งยืน ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวางถึง 290 ตารางฟุต ตกแต่งด้วยโทนสีที่อบอุ่นผ่อนคลายและมีการแต่งเติมสีชีน่าอย่างลงตัว ภายในห้องประกอบไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสมัยใหม่และตู้เสื้อผ้าที่กว้างขวาง เพื่อการเข้าพักที่สะดวกสบาย เตียงควีนไซส์ที่อบอุ่นจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน ขณะที่ห้องน้ำที่ตกแต่งอย่างหรูหรามีพื้นที่ตู้เครื่องแป้งขนาดใหญ่และฝักบัวฝนที่น่าทึ่ง ที่มุมพักผ่อนจะเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการผ่อนคลายก่อนออกไปยังระเบียงส่วนตัว เพื่อชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามรอบๆ ระเบียง客艙ยังมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่น่าดึงดูดมากมาย เช่น ที่นอน Tranquility Bed ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์ของ Oceania Cruises พร้อมผ้าปูที่นอน 1,000 เส้นด้าย เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ที่เติมทุกวันในมินิบาร์ส่วนตัว น้ำ Vero ที่เป็นน้ำธรรมชาติและน้ำโซดาแพ็คตกแต่ง พร้อมบริการรูมเซอร์วิสตลอด 24 ชั่วโมงและการบริการทำความสะอาดสองครั้งต่อวัน ทำให้คุณได้รับประสบการณ์ที่หรูหราอย่างแท้จริง

ห้องพักระเบียงแบบฝรั่งเศสเป็นสถานที่พักอันกว้างขวางและเชิญชวนให้คุณสัมผัสกับความสบายราวกับอยู่บ้านริมทะเล เหตุผลที่ทำให้ห้องพักนี้น่าหลงใหลคือประตูกระจกสูงจากพื้นจรดเพดานที่เปิดออกสู่ระเบียงสุดเก๋า โดยคุณจะรู้สึกเหมือนอยู่ในวิลล่าที่ชิคบนชายฝั่ง Côte d’Azur สถานที่แห่งนี้ตกแต่งอย่างพิถีพิถัน พร้อมเตียงขนาดควีนที่น่าดึงดูด พื้นที่นั่งเล่นแยกต่างหาก และเฟอร์นิเจอร์ที่ทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและคุ้นเคย ห้องน้ำกว้างขวางมีฝักบัวแบบเรนฟอเรสต์ที่ให้ความรู้สึกหรูหรา ความสะดวกสบายภายในห้องพักยังรวมถึงการบริการที่ไร้ที่ติ โดยมีการเปลี่ยนผ้าปูที่นอนและบริการทำความสะอาดสองครั้งในแต่ละวัน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิเช่น เครื่องดื่มอัดลมที่เติมให้ฟรีในมินิบาร์ รายการอาหารแบบรูมเซอร์วิส 24 ชั่วโมง และบริการอินเทอร์เน็ตไร้สายเพื่อให้คุณเชื่อมต่อโลกภายนอกได้ตลอดเวลา ห้องพักนี้จึงเป็นซึ่งที่สมบูรณ์แบบสำหรับการพักผ่อนที่ดื่มด่ำไปกับความหรูหราและความสะดวกสบายอย่างแท้จริง