
02-27217300
02-27217179
service@siloahtravel.com
Monday ~ Friday 09:00-18:00
14F.-3, No.137, Sec. 1, Fuxing S. Rd., Da’an Dist., Taipei City 106, Taiwan
Representative: Tung-Hua Tai
VAT: 43871553
交觀甲793500 品保北2260 隱私權條款
Copyright © 2025 Siloah Travel Co., Ltd.. All rights reserved.

Oceania Allura
โอเชียเนีย ครูซส์


ท่าเรือพิราอีอัส (Piraeus) ตั้งอยู่ใกล้กับกรุงเอเธนส์ เป็นจุดเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยมสำหรับการสำรวจความงามและประวัติศาสตร์ของกรีซ สถานที่แห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นท่าเรือที่วุ่นวาย แต่ยังเป็นประตูสู่การเดินทางที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น สัมผัสเสน่ห์ของพิราอีอัสกับภาพวิวทะเลสวยและร้านอาหารทะเลที่มีชื่อเสียง ลองชิมอาหารซีฟู้ดสดๆ ริมน้ำในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา หลังจากนั้นเดินทางต่อไปยังกรุงเอเธนส์ เพื่อชมมนต์ขลังของอะโครโพลิส แหล่งมรดกโลกที่มีเสาหินอ่อนสีทองเป็นสัญลักษณ์ของความสวยงามแบบศิลปะกรีกโบราณ ในขณะที่สำรวจเมือง คุณจะได้พบกับย่านต่างๆ เช่น พลาคา ที่มีถนนแคบๆ และบ้านเรือนสีสันสดใส นอกจากนี้ คุณยังสามารถแวะชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่รวบรวมวัตถุโบราณต่างๆ เพื่อรู้จักกับประวัติศาสตร์หลายพันปีของกรีซได้อีกด้วย การเดินเที่ยวในพิราอีอัสและเอเธนส์จะเป็นการสัมผัสถึงเสน่ห์ที่เน้นความหลากหลายของวัฒนธรรม ซึ่งทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่คู่ควรแก่การสำรวจ ความคลาสสิกพบกับความทันสมัยในวิถีชีวิตประจำวันของชาวกรีก รอให้คุณได้มาเปิดประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครในดินแดนแห่งนี้.


ลิมาสซอล (Limassol) เมืองท่าที่มีชื่อเสียงเป็นทั้งท่าเรือพาณิชย์และท่าเรือสำราญที่มีชีวิตชีวา ตั้งอยู่บนชายฝั่งทางใต้ของไซปรัส ห่างจากนิโคเซียเพียง 75 กิโลเมตร เมืองแห่งนี้มีความเป็นสากลสูง และเป็นสถานที่ที่โด่งดังในเรื่องของชีวิตกลางคืนที่คึกคักที่สุดบนเกาะ ริมชายหาดที่งดงามกว่า 12 กิโลเมตรเต็มไปด้วยโรงแรมหรูหรา อพาร์ตเมนต์ และเกสต์เฮ้าส์ที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวที่ต้องการประสบการณ์สุดพิเศษ ในใจกลางเมืองถนนมาเคริออส (Makarios Avenue) เต็มไปด้วยร้านค้าทันสมัยสุดหรู ในขณะที่ริมถนนเก่าอย่างอากีโอ แอนเดรอ (Agiou Andreou) จะมีผลิตภัณฑ์ช่างฝีมือท้องถิ่น เช่น กาบและงานเย็บปักลาย ที่จะทำให้คุณมีของฝากที่ไม่เหมือนใคร ควรระวังเวลาในการช็อปปิ้ง โดยเฉพาะในช่วงบ่ายวันพุธและวันเสาร์ เนื่องจากร้านค้ามักจะปิดทำการในชั่วโมงนี้ นอกจากนี้ ลิมาสซอลยังได้พัฒนาเป็นท่าเรืออยู่อย่างมีชีวิตชีวา เพื่อรองรับเรือยอชต์มากถึง 650 ลำ ที่จะมีทั้งอพาร์ตเมนต์ ร้านค้า และร้านอาหาร สนับสนุนให้เมืองนี้เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจตลอดทั้งปี และพร้อมมอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครเฉพาะสำหรับคุณ!

เกาะโรดส์ ประเทศกรีซ เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ทำให้ผู้เดินทางรู้สึกอบอุ่นใจและเปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์แห่งประวัติศาสตร์ ด้วยความงดงามของเมืองหลวงที่แบ่งออกเป็นสองส่วนอย่างลงตัว มีทั้งเมืองเก่าสไตล์โบราณที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก และเมืองใหม่ที่เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา เมืองเก่าแห่งโรดส์มีซอยแคบๆ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ซึ่งปิดประตูแก่รถยนต์ ทำให้สามารถเดินชมโบสถ์นิกายออร์โธดอกซ์และคาทอลิก รวมถึงบ้านเรือนในสไตล์ตุรกีที่น่าตื่นตาตื่นใจ การเดินทางในเมืองเก่า โรดส์คือการเดินย้อนกลับไปในอดีต ทั้งยังมีอาคารสาธารณะในยุคกลางที่กลมกลืนด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงามด้วยหินปูนจากลินโดส การบูรณะที่เกิดขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้เสริมหรือสร้างบรรยากาศอันงดงามนี้ให้เข้ากันอย่างสมบูรณ์แบบ หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมและภัยผจญภัยที่ลึกลับ โรดส์คือที่ที่คุณไม่ควรพลาด มาสัมผัสความมหัศจรรย์ของโรดส์และให้มันกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่ทรงคุณค่าในบทชีวิตการเดินทางของคุณเถอะ!

เอเฟซัส (Ephesus) เมืองโบราณที่ตั้งอยู่ในประเทศตุรกี เป็นหนึ่งในหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่แสนมหัศจรรย์ของการเดินทางที่ทุกคนควรเห็นสักครั้งในชีวิต เมืองนี้เป็นที่ตั้งของซากปรักหักพังที่มีชื่อเสียงระดับโลก รวมถึงวิหารอาร์เทมิส ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกโบราณ นอกจากนี้ยังมีอัฒจันทร์ขนาดใหญ่ที่รองรับผู้ชมได้มากถึง 25,000 คน และถนนเซลซุสที่มีเสาเรียงรายอย่างสวยงาม สะท้อนถึงความยิ่งใหญ่ของอารยธรรมโรมัน การเดินทางมายังเอเฟซัส นอกจากการสัมผัสกับประวัติศาสตร์แล้ว คุณยังสามารถเพลิดเพลินกับการเดินเล่นในเมืองเก่าที่มีกลิ่นอายของความรุ่งเรืองจากวันวาน ร้านค้าและคาเฟ่ที่เปิดบริการอยู่ตลอดเส้นทาง เตรียมให้คุณได้พักผ่อนและสัมผัสบรรยากาศอันเงียบสงบ หากคุณมีเวลามากขึ้น ควรไปเยือนชายหาดปามูคาเล่ ที่มีน้ำพุร้อนธรรมชาติให้คุณได้แช่ตัวหรือไปยังเมืองซูคู เมืองท่าที่สวยงาม ด้วยความหลากหลายทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และธรรมชาติที่งดงาม เอเฟซัสจึงไม่ใช่เพียงแค่ท่าเรือที่เรือสำราญแวะจอด แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยที่ไม่ควรพลาดในการเดินทางสู่ตุรกี!

เฮอราคลิออน (Iraklion) เป็นท่าเรือหลักของเกาะครีต ประเทศกรีซ ที่โดดเด่นด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานและวัฒนธรรมที่หลากหลาย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เฮอราคลิออนเคยอยู่ใต้การปกครองของหลายอาณาจักร ทั้งอาหรับ เวนิส และออตโตมัน ซึ่งทำให้เมืองนี้เต็มไปด้วยเสน่ห์และเอกลักษณ์ที่น่าค้นหา นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยังซากปรักหักพังของเมืองมิโนอันที่เคยรุ่งเรืองในอดีต ค้นพบความงดงามของศิลปะและสถาปัตยกรรมที่สื่อถึงอารยธรรมโบราณ รวมถึงพิพิธภัณฑ์เฮอราคลิออนที่มีการจัดแสดงงานศิลป์ที่มีค่า เช่น ผลงานของเอล เกรโก ศิลปินชาวสเปนที่เกิดในดินแดนแห่งนี้ นอกจากความสำคัญทางประวัติศาสตร์แล้ว เฮอราคลิออนยังเป็นศูนย์กลางที่คึกคักด้วยร้านค้า คาเฟ่ และร้านอาหารท้องถิ่นที่เชิญชวนให้ลิ้มลองรสชาติอาหารกรีกอันเลื่องชื่อ ในทุกมุมของเมืองสามารถพบเห็นเสน่ห์ที่ลงตัวระหว่างอดีตและปัจจุบัน ทั้งมนต์เสน่ห์ของท่าเรือที่แปลกใหม่และประวัติศาสตร์ที่เข้มข้น ทำให้เฮอราคลิออนเป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาดสำหรับนักเดินทางที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์อันสุดพิเศษในเกาะครีต.

ท่าเรือคาทากอลอน ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันตกของเพโลพอเนซ ทำหน้าที่เป็นประตูสู่ความมหัศจรรย์แห่งประวัติศาสตร์ที่คอยดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มาเยือน ด้วยความใกล้ชิดกับโอลิมเปีย เมืองโบราณที่เคยเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมและการแข่งขันกีฬาโอlympic ครานั้น นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่เงียบสงบ แต่เมื่อเรือสำราญจอดที่นี่ สถานที่นี้จะเต็มไปด้วยชีวิตชีวา โอลิมเปียซึ่งตั้งอยู่ห่างจากคาทากอลอนไม่ไกลนัก เป็นที่ตั้งของอัฒจันทร์กีฬาแห่งแรกของโลก เต็มไปด้วยเรื่องราวและตำนานที่สะท้อนถึงความยิ่งใหญ่ของกรีซโบราณ นักท่องเที่ยวสามารถเดินตามรอยเท้าของนักกีฬาโบราณ และชื่นชมซากปรักหักพังของวิหารซุสที่เคยดึงดูดผู้แสวงบุญจากทั่วทุกมุมเมดิเตอร์เรเนียน หากคุณไม่ต้องการเดินทางไปโอลิมเปีย คาทากอลอนก็เป็นสถานที่เหมาะสำหรับการนั่งพักผ่อนและรับประทานอาหารกลางวันสไตล์กรีก ขณะชมชาวประมงที่ก้าวข้ามมาทำงานในทะเล เหมาะสำหรับการพักผ่อนในบรรยากาศที่งดงามและไม่รีบร้อน คาทากอลอน พร้อมมอบทั้งความสงบและประสบการณ์ที่แสนน่าหลงใหล ในการสำรวจวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของกรีซ โดยไม่ต้องมีอะไรให้ต้องรีบเร่ง

วัลเลตตา เมืองหลวงสุดหรูของประเทศมอลตา นับเป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้รักการเดินทาง สถาปัตยกรรมที่ประณีตของพระราชวังและพิพิธภัณฑ์ที่ล้อมรอบด้วยป้อมปราการสีครีมอันงดงาม จะทำให้คุณรู้สึกย้อนเวลาไปยังอดีตเมื่อก้าวเข้าสู่อาณาเขตแห่งนี้ การสำรวจเมืองวัลเลตตานั้นไม่จำเป็นต้องใช้รถ ใช้เวลาเพียงไม่นานในการเดินสำรวจถนนสายหลักอย่าง Triq Repubblika ซึ่งเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่คึกคัก พร้อมด้วย Triq Mercante ที่ซึ่งคุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศของตลาดท้องถิ่น ที่เต็มไปด้วยร้านค้าหลากหลายรูปแบบในบรรยากาศที่เป็นกันเอง จุดเริ่มต้นการเดินทางในวัลเลตตาคือ City Gate ซึ่งเป็นประตูเข้าสู่เมือง ใช้เวลาพักผ่อนที่ออฟฟิศข้อมูลนักท่องเที่ยวบน Triq Mercante เพื่อรับแผนที่และข้อมูลสำคัญก่อนการเดินทาง ต่อด้วยการเลือกสำรวจแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ที่กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงอาคารรัฐสภาแห่งใหม่และสถานที่จัดแสดงศิลปะกลางแจ้ง วัลเลตตาไม่เพียงแต่ยังมีเสน่ห์ทางประวัติศาสตร์ แต่ยังเต็มไปด้วยชีวิตชีวาที่รอคอยให้คุณเดินทางมาสัมผัสและสร้างความทรงจำใหม่ในทุกย่างก้าว
ท่าเรือ Trapani ตั้งอยู่ที่ชายฝั่งตะวันตกของซิซิลี เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจที่สุดในอิตาลี ด้วยทิวทัศน์ที่งดงามของเกาะ Egadi ที่ทอดยาวอยู่เบื้องหน้า ท่าเรือนี้มีบรรยากาศที่มีเสน่ห์และเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ โดยเขตเก่าของ Trapani นั้นตั้งอยู่บนแหลมที่มีรูปร่างคล้ายเคียว ระหว่างทะเลเปิดที่อยู่ทางทิศเหนือและพื้นที่เกลือที่อยู่ทางทิศใต้ อุตสาหกรรมเกลือที่เคยรุ่งเรืองในอดีตได้รับการฟื้นฟูอีกครั้ง และผู้มาเยือนสามารถสัมผัสได้ถึงประวัติศาสตร์นี้ที่ Museo delle Saline นอกจากนี้ยังมีหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่งดงามอย่าง Erice ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขา พร้อมด้วยทิวทัศน์ที่ทำให้คุณต้องหลงใหล หรือ Capo San Vito ที่มีหาดทรายขาวและน้ำทะเลใส การเดินทางจาก Trapani คุณยังสามารถไปสัมผัสความงามของเกาะ Motya และเมือง Marsala ซึ่งชื่อเสียงด้านไวน์โลก นอกจากนี้ ยังมีโอกาสไปเยือนแหล่งโบราณสถาน Segesta ที่น่าตื่นตาตื่นใจ หรือทำการล่องเรือไปยังเกาะ Egadi ที่เงียบสงบและสวยงาม เป็นการผจญภัยที่ไม่ควรพลาดในประสบการณ์การเดินทางสุดหรูของคุณในประเทศอิตาลี.

ยินดีต้อนรับสู่ “คากลิอารี” (Cagliari) เมืองหลวงที่มีเสน่ห์ของซาร์ดิเนีย ประเทศอิตาลี ที่ไม่เพียงแต่เพียบพร้อมไปด้วยสถาปัตยกรรมที่หลากหลาย แต่ยังเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่ยาวนาน คากลิอารีมีประชากรประมาณ 160,000 คน มาพร้อมกับถนนที่ลาดชันและอาคารที่งดงามตั้งแต่สมัยกลางไปจนถึงยุคใหม่ เริ่มต้นการสำรวจเมืองที่ Museo Archeologico ซึ่งจัดแสดงโบราณวัตถุที่น่าทึ่ง และไม่ควรพลาดการเดินผ่าน Bastione di Saint Remy ที่มีทิวทัศน์สวยงาม โดยเฉพาะในเวลายามพระอาทิตย์ตกดิน นอกจากนี้ Mercato di San Benedetto ซึ่งเป็นตลาดปลาที่ดีที่สุดในอิตาลี จะทำให้คุณได้สัมผัสกับความสดใหม่ของอาหารทะเลที่คากลิอารีมีชื่อเสียง ถนนโค้งและแหล่งช้อปปิ้งที่มีชีวิตชีวาในย่านการค้ายังเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวสามารถนั่งชิลล์และลิ้มลองของอร่อยจากคาเฟ่และร้านอาหารท้องถิ่น สัมผัสความงดงามของคากลิอารีและความอบอุ่นของวัฒนธรรมซาร์ดิเนียที่จะทำให้การเดินทางของคุณน่าจดจำไปตลอดกาล

เมืองมาฮอน (Mahon) เมืองหลวงของเกาะเมนอร์ก้า (Menorca) ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของสเปน เป็นจุดหมายปลายทางที่มีเสน่ห์และเป็นที่รู้จักกันดีจากท่าเรือที่ลึกและกว้างใหญ่ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและทำเลที่ตั้งที่สำคัญ มาฮอนจึงเคยเป็นที่มั่นของหลายประเทศในอดีต และเป็นสถานที่ที่นักสำรวจระดับโลกเคยมาเยือน จุดเด่นที่ไม่ควรพลาดคือ อุโมงค์เซนต์ร็อค (Arch of Saint Roc) ซึ่งเป็นซากท่ามกลางความเจริญรุ่งเรืองของเมือง มีอาคารสถาปัตยกรรมที่น่าทึ่ง เช่น สไตล์จอร์เจียน (Georgian) ที่แสดงถึงร่องรอยของการปกครองในอดีต รวมทั้งสถาปัตยกรรมสไตล์นีโอคลาสสิก (Neo-Classical), บาร็อค (Baroque) และโรมาเนสก์ (Romanesque) ที่ยังคงสวยงามอยู่ เมืองนี้ไม่เพียงแต่น่าชม แต่ยังเต็มไปด้วยถนนเล็กๆ ที่รอให้คุณค้นพบ และพื้นที่กลางเมืองที่ได้รับการตกแต่งสวยงาม พร้อมร้านกาแฟที่ให้บริการอย่างอบอุ่น ช่วงเวลาที่ดีที่สุดเพื่อเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศคือ ก่อนหรือหลังเวลาซีเอสตา (siesta) ที่ร้านค้าจะหยุดทำการในช่วงบ่าย สัมผัสมนต์เสน่ห์และประวัติศาสตร์ที่มีชีวิตชีวาที่มาฮอน นอกเหนือจากการเยี่ยมชมเทือกเขาหรือชายหาดงดงาม ที่รอคอยให้คุณมาค้นพบความงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมของสเปนในแบบที่คุณไม่เคยลืม

ปัลม่า เดอ มายอร์กา เมืองหลวงที่มีเสน่ห์ของเกาะมายอร์กาในสเปน เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่หลากหลาย เมื่อเดินทางมาที่ท่าเรือ ปัลม่า คุณจะได้พบกับคาเฟ่และร้านค้าแนวทันสมัยที่ตั้งอยู่ในตัวเมือง การเยี่ยมชมโบสถ์ La Seu ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมือง จะทำให้คุณได้สัมผัสกับความงดงามของสถาปัตยกรรมโกธิคที่ล้ำค่าจริงๆ ไม่ไกลจากนั้น สวนสาธารณะ Parc de la Mar มอบบรรยากาศผ่อนคลาย ท่ามกลางวิวทะเลอันสวยงาม คุณสามารถเดินเล่นไปตามแนวกำแพงเมืองเก่า Ses Voltes ที่ไปตามรอบของโบสถ์พร้อมชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ฉายแสงสะท้อนบนหน้าผาอันงดงาม สำหรับผู้ที่รักการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ให้แวะชม Museu d'Es Baluard ซึ่งจัดแสดงผลงานศิลปะร่วมสมัย ผสมผสานระหว่างศิลปะและวิวทะเลอันน่าหลงใหล เมืองปัลม่าไม่เพียงแค่เป็นที่จอดเรือสำราญ แต่อย่างไรยังเป็นเวทีที่ให้คุณได้ค้นพบความงามและประสบการณ์ใหม่ๆ ในการเดินทางที่ไม่มีวันลืมเลือน สัมผัสชีวิตในสไตล์ที่สุดขีด ณ ปัลม่า เดอ มายอร์กา และให้ความฝันของคุณเป็นจริงในดินแดนแห่งนี้!

บาร์เซโลนา สเปน เมืองที่ไม่เคยหลับใหล เต็มไปด้วยสีสันและชีวิตที่คึกคัก เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด ด้วยเสน่ห์ที่ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมโบราณและทันสมัย บาร์เซโลนาพร้อมให้คุณลิ้มรสประสบการณ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่ทิวทัศน์งดงามของย่านบาร์รี โกธิค (Barri Gòtic) ที่เต็มไปด้วยซอกมุมแห่งประวัติศาสตร์ ไปจนถึงความสวยงามของงานศิลปะและสถาปัตยกรรมแบบนูโวที่ไม่ซ้ำใคร การเดินเล่นเลียบเลาะเลนด์ลาฟลามบลา (La Rambla) และชายหาดบาร์เซโลเนต้า (Barceloneta) จะทำให้คุณได้สัมผัสกับบรรยากาศริมทะเลที่อบอุ่น และการชมโบสถ์ซากราดา ฟามีเลีย (Sagrada Família) ผลงานชิ้นเอกของอันโตนี เกาดี ที่สะท้อนถึงความละเอียดอ่อนทางศิลปะอย่างแท้จริง ไม่เพียงเท่านี้ บาร์เซโลนายังมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่และร้านค้าที่โดดเด่นที่จะทำให้คุณหลงใหลตลอดทั้งวัน สัมผัสวัฒนธรรมและความตื่นเต้นในยามค่ำคืนด้วยการเพลิดเพลินกับไวน์และอาหารท้องถิ่นในบาร์ทาปาสที่มีชีวิตชีวา ขอเชิญคุณมาสำรวจบาร์เซโลนา เมืองที่ดูแลคุณด้วยประสบการณ์ด้านรสชาติและความงามในทุกแง่มุม!

คาร์ตาเฆนา ตั้งอยู่ในภูมิภาคมูร์เซีย ทางตะวันออกเฉียงใต้ของสเปน เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และเป็นท่าเรือสำคัญของกองทัพเรือสเปน จากอ่าวที่เงียบสงบซึ่งเป็นที่พักพิงของเรือสินค้าต่าง ๆ มานานหลายศตวรรษ เมืองนี้ก่อตั้งโดยคาร์เธจในปี 223 ก่อนคริสต์ศักราช และได้รับชื่อว่า "การ์ตาโก โนวา" นอกจากนี้ยังเคยเป็นอาณานิคมโรมันที่เฟื่องฟู จนกระทั่งขึ้นชื่อว่าเป็นศูนย์กลางการค้าของไบเซนไทน์อีกด้วย ในปัจจุบัน คาร์ตาเฆนายังคงมีความสำคัญด้านการทหาร ตั้งแต่สมัยของพระเจ้าเฟลิเป II ซึ่งได้สร้างกำแพงป้องกันเมืองเพื่อคุ้มครองท่าเรือ จนถึงยุคราชวงศ์บูร์บอนในศตวรรษที่ 18 เมืองนี้ยังคงมอบความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวด้วยโบราณสถานที่ฟื้นฟู เช่น โรงละครโรมันที่ได้รับการเปิดเผยและเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ปี 1988 เมื่อคุณมีเวลาว่าง อย่าลืมสัมผัสเสน่ห์ของคาร์ตาเฆนาผ่านการล่องเรือรอบท่าเรือที่มีประวัติศาสตร์ซึ่งให้บริการหลายครั้งต่อวัน ใช้เวลาประมาณ 40 นาที โดยไม่จำเป็นต้องจองล่วงหน้า ความงดงามของเมืองนี้จะทำให้คุณหลงรักและฝันถึงการกลับมาอีกครั้งอย่างแน่นอน

เมื่อคุณขึ้นเรือเข้ามาสู่ท่าเรือมาลาก้า คุณจะรู้สึกได้ถึงความงดงามของเมืองที่ตั้งอยู่ระหว่างชายฝั่งที่มีชื่อเสียงแห่งคอสตา เดล โซล (Costa del Sol) เมืองนี้เต็มไปด้วยสีสันและชีวิตชีวา ตั้งอยู่ในภูมิภาคลาซาร์กวา (La Axarquía) ที่มีกระท่อมประมง หากพูดถึงความเป็นแบบดั้งเดิมของสเปน นอกจากนี้ยังมีหมู่บ้านและทุ่งนา ที่รอให้คุณได้สัมผัสบรรยากาศชวนฝัน มาลาก้ายังเป็นศูนย์กลางการเข้าถึงเมืองต่าง ๆ ของอันดาลูเซียที่มีเสน่ห์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมที่น่าทึ่ง เช่น กรานาดาและเซบีย่า ในขณะที่ภูเขาเพนิเบติกา (Penibética) เป็นฉากหลังที่งดงาม ปกป้องเมืองจากลมหนาวจากทางเหนือ ทำให้ภูมิภาคนี้กลายเป็นสถานที่หลบภัยที่มีเสน่ห์และรักษาความอบอุ่นได้ตลอดทั้งปี มาลาก้าไม่เพียงแค่เป็นสถานที่ที่หยุดพักของเรือสำราญ แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยในสเปน ทั้งการชิมอาหารท้องถิ่นที่แสนอร่อย และการสำรวจความสวยงามของธรรมชาติที่รอให้คุณได้ค้นพบ เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับประสบการณ์ที่น่าจดจำภายใต้แสงแดดของคอสตา เดล โซล!

เซบียา หรือที่รู้จักในชื่อ Seville เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์และประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 2,200 ปี ตั้งอยู่ในเขตตะวันออกเฉียงใต้ของสเปน เมืองนี้ไม่เพียงแค่เป็นที่รู้จักในเรื่องฟลาเมงโก้ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ แต่ยังมีมรดกโลกที่ได้รับการยกย่องจากยูเนสโกถึงสามแห่ง ซึ่งทำให้เซบียาเป็นจุดหมายที่นักเดินทางไม่ควรพลาด เมืองนี้ยังเป็นสถานที่ที่เคยเป็นบ้านเกิดของศิลปินชื่อดัง ดิเอโก้ เวลาซเกซ และเป็นที่ฝังศพของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส นอกจากนั้น เซบียายังเป็นแรงบันดาลใจในผลงานของบิซเซต์ "คาร์เมน" และเคยเป็นฉากในซีรีส์ Game of Thrones ที่ได้รับความนิยมอีกด้วย สัมผัสความงดงามของเซบียาในถนนที่มีอายุนับศตวรรษ ที่นำเสนอร้านทาปาสเล็กๆ ที่เสิร์ฟอาหารที่อาจถือได้ว่าอร่อยที่สุดในดินแดนใต้ของมาดริด พร้อมกับความสวยงามของสถาปัตยกรรมมูเดฆาร์และสวนที่เต็มไปด้วยน้ำพุและต้นปาล์ม ที่นี่คือโลกแห่งความฝันที่พร้อมให้คุณสำรวจและดื่มด่ำกับวัฒนธรรมอันหลากหลายของสเปนอย่างแท้จริง

ท่าเรือคาซาบลังกาในโมร็อกโกคือหนึ่งในท่าเรือที่มีชีวิตชีวาที่สุดในโลกที่นักเดินทางหรูหราต้องไม่พลาด เมื่อเรือสำราญจอดเทียบท่าสู่เมืองคาซาบลังกา นอกจากจะได้สัมผัสกับบรรยากาศของท่าเรือแล้ว ยังสามารถลุยสำรวจเสน่ห์ของตัวเมืองที่ผสมผสานวัฒนธรรมยุโรป แอฟริกัน และอาหรับได้อย่างลงตัว การเดินผ่านเมืองท่าที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์อาร์ตเดโคและโคโลเนียลฝรั่งเศส คุณจะรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในภาพยนตร์คลาสสิก ด้วยอาคารเก่าแก่ ราคาเรื่อยๆ ของตลาดซูคที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ผู้ค้าในตลาดเหล่านี้จะส่งเสียงเรียกนักท่องเที่ยวด้วยความกระตือรือร้น สร้างบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาและน่าตื่นตาตื่นใจ แหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งคือเมืองเก่าเมดิน่า ที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ดั้งเดิมไว้ด้วยมัสยิดและบ้านเรือนที่สร้างขึ้นในสมัยของโมฮัมเหม็ด เบน อับดัลลาห์ ซึ่งคุณจะได้พบกับความงดงามของประวัติศาสตร์ ความหลากหลายของวัฒนธรรม และการต้อนรับอันอบอุ่นของชาวโมร็อกโก เมื่อมาเยือนคาซาบลังกาในครั้งนี้ คุณจะได้ค้นพบความมหัศจรรย์ที่ซ่อนอยู่ในมุมต่างๆ ของเมืองนี้ และดื่มด่ำกับประสบการณ์สุดพิเศษที่จะตราตรึงอยู่ในใจตลอดไป

ท่าเรือแทนเจียร์ ประเทศโมร็อกโก ตั้งอยู่ ณ จุดกรอบของมหาสมุทรแอตแลนติกและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนาน ตั้งแต่สมัยฟินิเชียนและกรีกโบราณ แทนเจียร์ได้รับชื่อมาจาก Tinge มารดาของฮีราคลิทัส สัญลักษณ์แห่งตำนานที่สะท้อนถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรม ซึ่งปรากฏชัดตั้งแต่อดีตเมื่อเคยเป็นจังหวัดของโรมันและผ่านการปกครองจากหลายประเทศ รวมถึงสเปน โปรตุเกส ฝรั่งเศส และอังกฤษ เมืองแทนเจียร์ตั้งอยู่บนชายฝั่งที่มองเห็นช่องแคบยิบรอลตาร์ และถือเป็นจุดเชื่อมโยงสองทวีป ทำให้เป็นสถานที่ที่มีทัศนียภาพงดงามสุดตระการตา ไม่ว่าคุณจะสำรวจเมืองเก่ากับซุ้มประตูที่สวยงาม หรือเดินเล่นอย่างสบายในย่านใหม่ที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่เก๋ไก๋ คุณจะพบกับศิลปะและวัฒนธรรมที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว สำรวจด้านต่างๆ ของเมืองผ่านกิจกรรมหลากหลาย เช่น ชิมอาหารท้องถิ่นที่อร่อย หรือเยี่ยมชมตลาดพื้นบ้านที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ลงทุนในประสบการณ์ที่ให้คุณเข้าใจลึกซึ้งในจิตวิญญาณของแทนเจียร์ เรียนรู้ที่จะรักในความหลากหลายทางวัฒนธรรมและมิตรภาพที่อบอุ่นของชาวเมือง แล้วคุณจะรู้สึกได้ถึงเสน่ห์ที่ซ่อนเร้นของเมืองนี้ในทุกก้าวที่คุณเดินทาง

ท่าเรือเมลลิลาเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์ในสเปน ตั้งอยู่บนชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียนของทวีปแอฟริกาเหนือ ตรงข้ามกับโมร็อคโก เมลลิลาเป็นเมืองเอ็นเคเลฟที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ทั้งในยุคฟินีเซียน โรมาและไบเซนไทน์ ก่อนที่จะถูกสเปนเข้ายึดครองในปี 1497 เมืองนี้มีความโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมในสไตล์โมเดิร์นลิสม์ ซึ่งถือเป็นเวอร์ชันของอาร์ตนูโวในคาตาลัน เมลลิลาเป็นแหล่งรวมผลงานสถาปัตยกรรมโมเดิร์นลิสม์ที่สำคัญเป็นอันดับสองในสเปน รองจากบาร์เซโลนา การเดินชมเมืองจะพาคุณเข้าสู่โลกที่สวยงามและฟุ่มเฟือยของการออกแบบในยุคสมัยนั้น นอกจากนี้ เมลลิลายังมีวัฒนธรรมที่หลากหลาย ซึ่งสะท้อนออกมาในอาหารการกิน ศิลปะ และเทศกาลต่างๆ ที่จัดขึ้นตลอดทั้งปี ไม่ว่าคุณจะเป็นนักท่องเที่ยวที่หลงใหลในประวัติศาสตร์หรือความงามในศิลปะ เมลลิลาก็สามารถทำให้คุณรู้สึกตื่นตาตื่นใจได้เสมอ จัดเตรียมการเดินทางมาเยี่ยมชมเมลลิลาในครั้งถัดไปของคุณ เพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่น่าประทับใจและไม่ซ้ำใครในสเปน

อาลิกันเต้ เมืองหลวงของจังหวัดวัลเลนเซีย เป็นประตูสู่การต้อนรับนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามายังรีสอร์ทในคอสตาบลังก้าทุกปี ด้วยภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียนที่อบอุ่นและชายหาดทรายทองที่ยาวเหยียด อาลิกันเต้เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การพักผ่อนในวันหยุดพักผ่อนอย่างแท้จริง แต่เมืองนี้ยังมีเสน่ห์มากกว่านั้นอีกหลายประการ ริมทะเลที่งดงามของอาลิกันเต้ตัดกับวิวของปราสาทซานตาบาร์บาราที่ตั้งตระหง่านเหนือเมือง ซึ่งสื่อถึงประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและซับซ้อน ชวนให้คุณสำรวจเส้นทางเดินชมวิวที่น่าตื่นตาตื่นใจ พร้อมสัมผัสกับประวัติศาสตร์ของชนชาติและวัฒนธรรมที่ริเริ่มมาจากหลากหลายยุคสมัย เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ชีวิตในอาลิกันเต้ยังคงคึกคักไม่หยุดนิ่ง ด้วยบรรยากาศของไนท์ไลฟ์ที่เต็มไปด้วยสีสันและร้านอาหารที่เสิร์ฟอาหารเมดิเตอร์เรเนียนรสเลิศครบครัน ไม่ว่าคุณจะเป็นนักท่องเที่ยวที่หลงใหลในความสวยงามของธรรมชาติ หรือผู้ที่สนใจในวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ อาลิกันเต้คือจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดในการเดินทางสู่ประเทศสเปนที่เต็มไปด้วยเสน่ห์เหล่านี้!

มาทำความรู้จักกับเมืองวาเลนเซีย ประเทศสเปน ซึ่งเป็นเมืองที่มีเสน่ห์และความหลากหลายที่น่าหลงไหล วาเลนเซียเป็นเมืองที่มีขนาดเป็นอันดับสามของสเปน มีชีวิตชีวาด้วยกิจกรรมยามค่ำคืน ร้านอาหารรสเลิศ และพิพิธภัณฑ์ที่มีคุณภาพ เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวหลายคนมุ่งหมายไปเยี่ยมชมตลอดทั้งปี ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนาน วาเลนเซียเคยเป็นที่ตั้งของรัฐบาลผู้ภักดีต่อสาธารณรัฐในช่วงสงครามกลางเมืองสเปน และในปัจจุบันเมืองนี้แสดงถึงความทันสมัยของสเปน ด้วยสถาปัตยกรรมที่แปลกใหม่และการทำอาหารที่มีความคิดสร้างสรรค์ แต่ยังคงรักษาประเพณีที่สำคัญไว้อย่างเกียรติ แม้ว่าวาเลนเซียจะอยู่ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แต่ประวัติศาสตร์ของเมืองนี้ถูกหล่อหลอมจากแม่น้ำทูเรียที่สร้างความอุดมสมบูรณ์ให้กับพื้นที่รอบๆ สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าประทับใจ เช่น Ciutat de les Arts i les Ciències ที่ออกแบบโดยสถาปนิกมีชื่อ ซานติอาโก คาลาตราวา รวมถึงสวนธรรมชาติอัลบูเฟร่าที่เหมาะสำหรับการเยี่ยมชม การเดินทางมาที่วาเลนเซียจึงเป็นการเปิดโลกทัศน์ใหม่ที่ผสมผสานทั้งศิลปะ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมอย่างลงตัว มาเริ่มต้นการเดินทางสุดหรูด้วยตัวคุณเองในเมืองนี้กันเถอะ!


ท่าเรือ ลา กูลเลต (La Goulette) ตั้งอยู่ในกรุงตูนิส ประเทศตูนิเซีย คือประตูสู่เสน่ห์อันหลากหลายของโลกอาหรับและเมดิเตอร์เรเนียน ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่นักเดินทางไม่ควรพลาด เพราะเป็นท่าเรือหลักที่เรือสำราญลอยลำเข้ามา เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่ไม่เหมือนใคร ขอเชิญคุณสำรวจเมืองตูนิส ซึ่งแวดล้อมไปด้วยประวัติศาสตร์อันเก่าแก่และวัฒนธรรมที่หลากหลาย คุณจะได้เห็นเมืองเก่าที่มีสีสันสดใส วิหารโบราณ และตลาดพื้นเมืองที่คึกคัก ที่นี่คุณสามารถสัมผัสกับการช้อปปิ้งสินค้าหัตถกรรมท้องถิ่น เช่น เครื่องปั้นดินเผาและผ้าทอมือ ยิ่งไปกว่านั้น การเดินทางจากลา กูลเลตยังง่ายดายไปยังแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอื่น ๆ เช่น เมืองคาร์เธจ ที่เป็นเมืองโบราณและมรดกโลกซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องเล่าประวัติศาสตร์ หรือที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างสุสานโรมันที่มีเสน่ห์ ละลายใจในความงดงามของธรรมชาติ รวมทั้งหาดทรายนุ่มที่คุณสามารถพักผ่อนและย disfrutar de las vistas al mar. เป็นที่ที่สัมผัสถึงความหรูหราและเอกลักษณ์ของแต่ละวัฒนธรรม ขอเชิญคุณมาเปิดประสบการณ์ที่ ลา กูลเลต ท่าเรือใกล้ชิดโลกอาหรับที่รอคอยให้คุณค้นพบ!


ปาแลร์โม เมืองหลวงของซิซิลี เป็นจุดเชื่อมโยงที่สำคัญของอารยธรรมตั้งแต่อดีต โอบล้อมด้วยอ่าวรูปพระจันทร์และภูเขามอนเต้เพลเลกรีโกล่าสุดา เมืองนี้เคยเป็นศูนย์กลางทางปัญญาของยุโรปใต้ และยังคงดึงดูดผู้มาเยือนจากทุกมุมโลก ด้วยเอกลักษณ์ที่ผสมผสานจากหลากหลายวัฒนธรรม ทำให้ปาแลร์โมมีบุคลิกเฉพาะตัวที่โดดเด่น ทั้งอาราบิก คริสเตียน ไบแซนไทน์ และโรมาโน ควรค่าแก่การชมคือสถาปัตยกรรมสไตล์อาหรับ-นอร์แมน ซึ่งเกิดจากการรวมกันของหลายวัฒนธรรม ทำให้เกิดผลงานศิลปะที่งดงาม โดยเฉพาะในเขตประวัติศาสตร์ ที่คุณจะได้พบกับตลาดกลางแจ้งที่มีชีวิตชีวา สแควร์และร้านค้าข้างถนนที่เต็มไปด้วยสีสัน นอกจากนี้ ปาแลร์โมยังเป็นที่รู้จักในเรื่องของ "ปาสเซสซาตา" ซึ่งเป็นการเดินเล่นที่สะท้อนถึงความมีชีวิตชีวาของเมืองได้อย่างดี เมื่อเรือสำราญของคุณจอดที่ท่าเรือปาแลร์โม อย่าลืมสำรวจเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมนี้ เพื่อสัมผัสความงดงามที่ซ่อนอยู่ในทุกมุมมอง และสร้างความทรงจำที่ยากจะลืมเลือนตลอดไป

ท่าเรือซาเลร์โน (Salerno) ตั้งอยู่บนอ่าวซาเลร์โนในประเทศอิตาลี เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าหลงใหลไม่เพียงแต่ด้วยทิวทัศน์ทะเลที่งดงาม แต่ยังอัดแน่นด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันลึกซึ้ง ซาเลร์โนมีชื่อเสียงเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยการแพทย์แห่งแรกของโลก ส่งผลให้เมืองนี้เป็นศูนย์กลางด้านความรู้และการศึกษาในสมัยโบราณ นักท่องเที่ยวที่แวะมาที่นี่จะได้สัมผัสกับอากาศบริสุทธิ์และแสงแดดอ่อนๆ พร้อมกับการเดินเล่นตามชายหาดที่มีทรายละเอียดทำให้รู้สึกผ่อนคลายใจกลางทัศนียภาพที่สวยงาม ชิมอาหารอิตาเลียนแท้ ๆ ที่หลากหลาย ทั้งพาสต้า วุ้นเส้น และอาหารทะเลสดใหม่ที่ปรุงอย่างพิถีพิถันจากฝีมือเชฟในท้องถิ่น ทำให้ทุกมื้อเป็นประสบการณ์พิเศษ นอกจากนี้ ซาเลร์โนยังเป็นประตูสู่แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอื่น ๆ อาทิเช่น ชายฝั่งอามาลฟี (Amalfi Coast) ที่โด่งดังในเรื่องความสวยงามของธรรมชาติและหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ รวมทั้งเมืองอามาลฟีและโพสิตาโนที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด ด้วยบรรยากาศที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และวัฒนธรรม, ท่าเรือซาเลร์โนคือไม่เพียงแค่จุดแวะที่ครบครัน แต่ยังเป็นสถานที่ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนใฝ่ฝันถึงการเดินทางในอิตาลีที่น่าตื่นเต้นนี้อย่างแท้จริง

เมื่อคุณเดินทางมาถึงท่าเรือซิวิต้เวคเคียในอิตาลี บรรยากาศสไตล์อิตาเลียนกำลังรอคอยการค้นพบของคุณอยู่ เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของกรุงโรมซึ่งมีอายุกว่า 2,500 ปี ที่ซึ่งมีอาณาจักรจักรพรรดิ พระสันตะปาปา ศิลปิน และผู้คนธรรมดา ได้สร้างมรดกที่ไม่อาจลืมเลือน ตั้งแต่ซากโบราณของกรุงโรมไปจนถึงศิลปะในโบสถ์ที่เต็มไปด้วยความงดงาม และสมบัติอันล้ำค่าของนครวาติกัน ไม่ว่าคุณจะตั้งใจเดินเที่ยวชม Colosseum ที่เป็นสัญลักษณ์ วัด Pantheon อันยิ่งใหญ่ หรือจะใช้เวลาเพลิดเพลินที่ Campo de' Fiori ด้วยกาแฟสักถ้วยในยามสาย การเดินทางนี้จะทำให้คุณรู้สึกเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์อันยาวนาน และสัมผัสบรรยากาศแห่งความมีชีวิตชีวาในทุก ๆ มุมมอง ที่นี่คุณยังสามารถเลือกที่จะผ่อนคลายท่ามกลางความสงบในจัตุรัสที่มีเสน่ห์ ใช้เวลาชมผู้คนและดื่มด่ำกับชัยชนะของการใช้ชีวิตอย่างช้าๆ การสำรวจซิวิต้เวคเคียและกรุงโรมจะเป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน โดยจะเชื่อมโยงคุณกับวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของอิตาลีในทุกย่างก้าวที่คุณเดิน ทุกๆ สนามหญ้าและจุดหมาย เป็นข้อเสนอที่อัดแน่นไปด้วยความงดงามและแรงบันดาลใจที่คิดไม่ถึง










เจ้าของสวีทของ Oceania Allura มีขนาดกว้างขวางถึง 2,400 ตารางฟุต พร้อมวิวทะเลอันสวยงามจากผนังกระจกใสที่ให้แสงแดดส่องเข้ามาอย่างเต็มที่ ห้องพักได้รับการตกแต่งอย่างหรูหราด้วยผ้าและเฟอร์นิเจอร์ที่คัดสรรมาเป็นพิเศษ สร้างความรู้สึกโอ่โถงในขณะเดียวกันก็อบอุ่นเหมือนอยู่ที่บ้าน ภายในมีห้องรับประทานอาหารที่สวยงามเพื่อรับประทานอาหารในห้องแบบส่วนตัว และพื้นที่นั่งเล่นที่ทันสมัยสามารถใช้สนทนาอย่างสบายได้ ห้องนอนหลักมีเตียงคิงไซส์ที่ให้ความสะดวกสบายสูงสุด พร้อมห้องน้ำที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกระดับสปา สำหรับครอบครัวหรือคู่รักที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ยังมีระเบียงกว้างขวางจากห้องนั่งเล่นและห้องนอนหลักที่ช่วยให้คุณได้สัมผัสกับบรรยากาศอันหรูหรา ขณะชมวิวจากจุดสูงสุดของการใช้ชีวิตอย่างหรูหรา ในเจ้าของสวีท ยังมีบริการพิเศษต่างๆ เช่น บริการซักรีดฟรี น้ำดื่มและของว่างในเลานจ์ส่วนตัว บริการบัตเลอร์ตลอด 24 ชั่วโมง และการต้อนรับด้วยแชมเปญขวดแรก นอกจากนี้ยังมีการสำรองห้องในร้านอาหารพิเศษ รับประกันการเข้าถึงเต็มที่ที่ Aquamar Spa Terrace และบริการจัดส่งสิ่งของในห้องพัก ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างได้รับการออกแบบมาเพื่อให้คุณมีประสบการณ์การล่องเรือในสไตล์ที่ดีที่สุดที่ไม่เหมือนใคร









วิวสวยจากห้องพักริมชายทะเลในห้องพักประเภท วิสตา สวีท ที่มีกว่า 8 ห้องนี้ให้คุณได้สัมผัสกับบรรยากาศที่ไม่เหมือนใคร ด้วยขนาดตั้งแต่ 1,450 ถึงเกือบ 1,850 ตารางฟุต ห้องพักนี้ออกแบบมาให้กว้างขวางและหรูหรา ผนังตกแต่งด้วยเฉดสีที่สื่อถึงน้ำทะเลและท้องฟ้า ให้คุณได้เห็นวิวทะเลที่ตระการตาอย่างเต็มตา ห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร บาร์ และห้องนอนใหญ่ที่ถูกจัดวางอย่างมีสไตล์พร้อมด้วยหินอ่อนที่เงางาม แกรนิตที่โดดเด่น และไม้โอ๊คที่มีสีสันธรรมชาติ เชื่อมต่อกับระเบียงไม้เทพที่กว้างขวาง ห้องน้ำสำหรับแขกยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเพื่อความสะดวกในการต้อนรับเพื่อนฝูง ห้องนอนใหญ่ที่ยิ่งใหญ่มีเตียงคิงไซส์ที่นุ่มสบาย ตู้เสื้อผ้าที่กว้างขวาง และพื้นที่แต่งตัว ห้องน้ำหลักที่ราบเรียบมีอ่างอาบน้ำเซรามิกและห้องอาบน้ำแบบฝนที่หรูหรา ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนอยู่ในบ้านริมทะเลที่สวยงาม นอกจากนี้ ห้อง วิสตา สวีท ยังมาพร้อมกับบริการพิเศษมากมาย เช่น บริการซักรีดฟรี, การเช็คอินบนเรือพร้อมการจัดส่งสัมภาระลำดับความสำคัญ, และการเข้าถึงลาน Lounge ส่วนตัวที่มีคอนเซียร์จดูแลอย่างใกล้ชิด คุณจะได้รับการบริการจากบัตเลอร์ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมด้วยการจัดเตรียมบาร์ในห้องพัก และ ข้าวผลไม้สดที่เติมให้ใหม่ทุกวัน สัมผัสประสบการณ์ความหรูหราที่ไม่เหมือนใครในห้องพัก วิสตา สวีท และให้ทุกช่วงเวลาของการพักผ่อนเป็นไปอย่างต้องมนต์ในสภาพแวดล้อมที่งดงามของมหาสมุทร







โอเชียนเนียสวีท เป็นห้องสวีทที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความสะดวกสบายแบบอพาร์ตเมนต์ที่ตั้งอยู่บน Central Park East ห้องพักทั้งหมด 14 ห้องเฉลี่ยพื้นที่ประมาณ 1,000 ถึง 1,200 ตารางฟุต ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวาง ที่เหมาะสำหรับการต้อนรับแขกด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่คัดสรรมาอย่างดีในพื้นที่นั่งเล่นและรับประทานอาหาร ที่เวิร์คในแบบที่ไม่เป็นทางการและมีบรรยากาศชวนผ่อนคลาย โดยห้องนั่งเล่นและห้องนอนเปิดออกสู่ระเบียงไม้สีก้านมะฮอกกานีที่เป็นส่วนตัว พร้อมเตียงขนาดคิงไซค์ที่แสนนุ่มสบาย และห้องน้ำหินอ่อนที่มีอ่างอาบน้ำและฝักบัวให้คุณได้พักผ่อนจากความเครียดในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ยังมีห้องทำงานส่วนตัวที่อบอุ่น ซึ่งสามารถใช้เป็นสตูดิโอสำหรับแขก และห้องน้ำสำหรับแขกที่มีสไตล์ให้ใช้บริการด้วย การเข้าพักในโอเชียนเนียสวีทจะมาพร้อมกับสิทธิพิเศษที่น่าทึ่ง รวมถึงการบริการซักรีดฟรีสูงสุด 3 ถุงต่อห้อง, การขึ้นเรือในเวลา 11.00 น. พร้อมการจัดส่งกระเป๋าอย่างเร่งด่วน, การเข้าถึงเลานจ์ส่วนตัวที่มีพนักงานดูแลอย่างดีมีบริการเครื่องดื่มและขนมฟรีตลอดทั้งวัน, และบริการบัตเลอร์ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีการจัดเตรียมบาร์ในห้องแบบฟรีซึ่งประกอบด้วยสุราพรีเมียมและไวน์ 6 ขวด, ขวดแชมเปญต้อนรับ, ผลไม้สดที่มีการเติมใหม่ทุกวัน และการจองร้านอาหารแบบออนไลน์ที่มีลำดับความสำคัญ นอกจากนี้ยังสามารถใช้บริการ Aquamar Spa Terrace ได้ไม่จำกัด และมีระบบความบันเทิงที่ปรับแต่งตามต้องการ พร้อมด้วยชุดของขวัญอาบน้ำระดับหรูและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เพื่อให้การเข้าพักของคุณเป็นประสบการณ์ที่หรูหราที่สุดในโลกของการเดินเรือ




เพนท์เฮาส์สวีทคือพื้นที่ออกแบบที่สง่างาม เฉพาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต ด้วยขนาดกว้างขวางและบรรยากาศที่เงียบสงบ เพนท์เฮาส์สวีทมอบความรู้สึกที่เหมือนอยู่บ้านที่ท่าเรือ โซฟาและเฟอร์นิเจอร์ที่มีความหรูหราและสีสันที่ผ่อนคลาย สร้างบรรยากาศที่อบอุ่น และเสริมความหรูหราด้วยผ้าหรูและเบาะที่นุ่มนวล ทุกตารางฟุตของพื้นที่ 440 ตารางฟุตได้รับการจัดสรรอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ให้ชีวิตประจำวัน เช่น ตู้เสื้อผ้าแบบเดินเข้าที่กว้างขวางและห้องน้ำขนาดใหญ่ที่มีอ่างล้างมือคู่และฝักบัวแบบฝน นอกจากนี้ เพนท์เฮาส์สวีทยังมีระเบียงส่วนตัวที่สามารถมองเห็นทะเลอันแปรเปลี่ยนตลอดเวลา ทำให้ผู้เข้าพักได้สัมผัสกับความสวยงามของธรรมชาติอย่างใกล้ชิด เพนท์เฮาส์สวีทยังมีบริการพิเศษต่างๆ เช่น บริการซักรีดฟรีสำหรับกระเป๋าซักสูงสุด 3 ใบ การเข้าถึงเลานจ์ส่วนตัวที่มีพนักงานดูแลตลอด 24 ชั่วโมงและบริการผู้ช่วยส่วนตัว พร้อมด้วยเครื่องดื่มเย็น ขนมและกาแฟฟรี การจองร้านอาหารพิเศษออนไลน์ลำดับความสำคัญและการเข้าถึงพื้นที่สุขภาพ Aquamar Spa Terrace อย่างไม่จำกัด นอกจากนี้ยังมีขวดแชมเปญต้อนรับพร้อมด้วยผ้าห่มขนสัตว์และบริการทำความสะอาดรองเท้าไม่คิดค่าใช้จ่าย ทำให้เพนท์เฮาส์สวีทนี้เป็นทางเลือกที่หรูหราและสะดวกสบายสำหรับผู้ที่ต้องการพักผ่อนในบรรยากาศที่หรูหราและเป็นส่วนตัว


ระดับห้องพักคอนเซียร์จพร้อมระเบียงมอบความหรูหราอันเป็นเอกลักษณ์อยู่ในบรรยากาศที่แสนผ่อนคลาย เปรียบเสมือนบ้านพักสุดหรูในเมืองเซนต์โตรเปซ ห้องพักขนาด 290 ตารางฟุตถูกตกแต่งด้วยเฉดสีฟานและครีมที่อบอุ่น ทำให้กลมกลืนกับสีสันสดใสของทะเลและท้องฟ้าที่มองเห็นจากระเบียงส่วนตัวขนาดใหญ่ ภายในห้องมีพื้นที่นั่งเล่นที่ออกแบบมาอย่างดี ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ และห้องน้ำหรูหราที่มีฝักบัวฝนในสวนอันอบอุ่น เตียงขนาดควีนไซส์ที่มีชื่อว่า Tranquility Bed ช่วยให้คุณได้สัมผัสการนอนหลับที่แสนสงบใจดุจพักอยู่ในวิลล่าที่ดีที่สุด นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกคอนเซียร์จพิเศษ เช่น บริการอาหารในห้องพักจากห้องอาหาร Grand Dining Room และบริการซักรีดฟรีเพื่อเติมเต็มประสบการณ์พิเศษนี้อย่างครบครัน

ห้องสเตเทอรูมระเบียงเดี่ยวระดับคอนเซียร์จของ Oceania Allura ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับนักเดินทางที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและสะดวกสบายในขณะที่ล่องเรือ ที่นี่ให้ความอบอุ่นและความสงบ รวมถึงมีพื้นที่กว้างขวางที่สะท้อนถึงการใช้ชีวิตที่ทันสมัย โต๊ะนั่งเล่นที่สะดวกสบายเหมือนสวมสเวตเตอร์ขนสัตว์ บวกกับระเบียงส่วนตัวที่ทำให้คุณสามารถนั่งพักผ่อนริมทะเลได้อย่างใจเย็น การแบ่งโซนสำหรับนอน ห้องน้ำ และที่เก็บของกว้างขวางทำให้คุณสามารถผ่อนคลายได้อย่างเต็มที่หลังจากวันที่เต็มไปด้วยการสำรวจ นอกจากนี้ยังมีสิทธิพิเศษระดับคอนเซียร์จมากมายรออยู่ เช่น บริการซักรีดฟรีถึง 3 กระเป๋า การเข้าถึงคอนเซียร์จเลานจ์แบบเฉพาะที่มีบริการเครื่องดื่มและของว่างตลอดทั้งวัน รวมถึงบริการจองร้านอาหารพิเศษออนไลน์แบบเร่งด่วน และการเข้าถึง Aquamar Spa Terrace แบบไม่จำกัด อีกทั้งยังมีขวดแชมเปญต้อนรับและผ้าห่มขนสัตว์ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนบนระเบียง ห้องสเตเทอรูมนี้ช่วยให้คุณได้สัมผัสการเดินทางที่หรูหราและเต็มไปด้วยความพิเศษที่คุณคู่ควร.


ระเบียง客艙ของ Oceania Allura เป็นนิยามของความสง่างามที่ยั่งยืน ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวางถึง 290 ตารางฟุต ตกแต่งด้วยโทนสีที่อบอุ่นผ่อนคลายและมีการแต่งเติมสีชีน่าอย่างลงตัว ภายในห้องประกอบไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสมัยใหม่และตู้เสื้อผ้าที่กว้างขวาง เพื่อการเข้าพักที่สะดวกสบาย เตียงควีนไซส์ที่อบอุ่นจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน ขณะที่ห้องน้ำที่ตกแต่งอย่างหรูหรามีพื้นที่ตู้เครื่องแป้งขนาดใหญ่และฝักบัวฝนที่น่าทึ่ง ที่มุมพักผ่อนจะเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการผ่อนคลายก่อนออกไปยังระเบียงส่วนตัว เพื่อชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามรอบๆ ระเบียง客艙ยังมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่น่าดึงดูดมากมาย เช่น ที่นอน Tranquility Bed ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์ของ Oceania Cruises พร้อมผ้าปูที่นอน 1,000 เส้นด้าย เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ที่เติมทุกวันในมินิบาร์ส่วนตัว น้ำ Vero ที่เป็นน้ำธรรมชาติและน้ำโซดาแพ็คตกแต่ง พร้อมบริการรูมเซอร์วิสตลอด 24 ชั่วโมงและการบริการทำความสะอาดสองครั้งต่อวัน ทำให้คุณได้รับประสบการณ์ที่หรูหราอย่างแท้จริง

ห้องพักระเบียงแบบฝรั่งเศสเป็นสถานที่พักอันกว้างขวางและเชิญชวนให้คุณสัมผัสกับความสบายราวกับอยู่บ้านริมทะเล เหตุผลที่ทำให้ห้องพักนี้น่าหลงใหลคือประตูกระจกสูงจากพื้นจรดเพดานที่เปิดออกสู่ระเบียงสุดเก๋า โดยคุณจะรู้สึกเหมือนอยู่ในวิลล่าที่ชิคบนชายฝั่ง Côte d’Azur สถานที่แห่งนี้ตกแต่งอย่างพิถีพิถัน พร้อมเตียงขนาดควีนที่น่าดึงดูด พื้นที่นั่งเล่นแยกต่างหาก และเฟอร์นิเจอร์ที่ทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและคุ้นเคย ห้องน้ำกว้างขวางมีฝักบัวแบบเรนฟอเรสต์ที่ให้ความรู้สึกหรูหรา ความสะดวกสบายภายในห้องพักยังรวมถึงการบริการที่ไร้ที่ติ โดยมีการเปลี่ยนผ้าปูที่นอนและบริการทำความสะอาดสองครั้งในแต่ละวัน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิเช่น เครื่องดื่มอัดลมที่เติมให้ฟรีในมินิบาร์ รายการอาหารแบบรูมเซอร์วิส 24 ชั่วโมง และบริการอินเทอร์เน็ตไร้สายเพื่อให้คุณเชื่อมต่อโลกภายนอกได้ตลอดเวลา ห้องพักนี้จึงเป็นซึ่งที่สมบูรณ์แบบสำหรับการพักผ่อนที่ดื่มด่ำไปกับความหรูหราและความสะดวกสบายอย่างแท้จริง