
02-27217300
02-27217179
service@siloahtravel.com
Monday ~ Friday 09:00-18:00
14F.-3, No.137, Sec. 1, Fuxing S. Rd., Da’an Dist., Taipei City 106, Taiwan
Representative: Tung-Hua Tai
VAT: 43871553
交觀甲793500 品保北2260 隱私權條款
IATA: 96137764
Copyright © 2025 Siloah Travel Co., Ltd.. All rights reserved.

Oceania Insignia
โอเชียเนีย ครูซส์


ไมอามี่ เมืองพักผ่อนระดับโลกที่ไม่มีวันลืม มอบประสบการณ์หลากหลายไม่ว่าจะเป็นทิวทัศน์ชายหาดอันงดงาม มรดกทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย และแหล่งช้อปปิ้งที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะศูนย์กลางของวัฒนธรรมลาติน ซึ่งมีร้านอาหารคิวบาอร่อยๆ และคาเฟ่ที่น่าสนใจให้คุณได้สัมผัสรสชาติอันอร่อย เมื่อเรือสำราญแวะจอดที่ท่าเรือไมอามี่ คุณสามารถเริ่มต้นการเดินทางอันน่าจดจำได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นการเดินเล่นตามชายหาดที่มีชื่อเสียง เช่น ไซด์บีช หรือสำรวจพิพิธภัณฑสถานที่มีชื่อเสียงซึ่งจัดแสดงศิลปะจากทั่วทุกมุมโลก ที่นี่ยังมีสปารีสอร์ทให้คุณได้ผ่อนคลาย พร้อมกับกิจกรรมต่างๆ ที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน ไมอามี่จึงเป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดสำหรับนักเดินทางที่ต้องการให้ชีวิตมีสีสันและสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ มาเปิดประตูสู่การผจญภัยที่ไร้ขีดจำกัด ในเมืองที่มีเสน่ห์แห่งนี้กันเถอะ!


ท่าเรือคิงส์วอร์ฟในเบอร์มิวดา ถือเป็นประตูสู่สวรรค์ของคนรักทะเลและการผจญภัยอย่างแท้จริง เมื่อเรือสำราญจอดเทียบท่า นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับความงดงามและเสน่ห์ของเกาะที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ เกาะเบอร์มิวดา ซึ่งตั้งรกรากโดยบริษัทเวอร์จิเนียในปี ค.ศ. 1609 ถือเป็นดินแดนที่อุดมไปด้วยวัฒนธรรมอังกฤษและความงามทางธรรมชาติ ไม่เพียงแต่ท่าเรือคิงส์วอร์ฟจะเป็นจุดเริ่มต้นของการสำรวจเบอร์มิวดา แต่ยังนำพาคุณไปยังแหล่งดำน้ำตื้นที่มีปะการังสวยงามซึ่งอุดมไปด้วยปลาเขตร้อนหลากสี ทำให้นักดำน้ำได้สัมผัสความมหัศจรรย์ใต้ทะเลอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังมีซากเรืออับปางที่สร้างเรื่องราวและเป็นจุดสนใจที่ไม่ควรพลาด เบอร์มิวดายังเป็นที่อยู่อาศัยของคนดังหลายคน เช่น ไมเคิล ดักลาส และแคทเธอรีน ซีตา-โจนส์ ร่วมสร้างบรรยากาศที่หรูหราและเสน่ห์แห่งวิถีชีวิตแบบเขตร้อน เมื่อคุณมาถึงเบอร์มิวดาแล้ว คุณจะสัมผัสได้ถึงความงดงามที่ผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างวัฒนธรรมและธรรมชาติ อย่ารอช้าที่จะค้นพบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครในแดนสวรรค์แห่งนี้!


ฮอร์ตา ตั้งอยู่บนเกาะฟาอัลในหมู่เกาะอะซอร์ส เป็นท่าเรือที่ไม่เหมือนใคร เต็มไปด้วยศิลปะที่โดดเด่น สะท้อนถึงประสบการณ์และเรื่องราวของนักเดินเรือจากทั่วทุกมุมโลกที่ทิ้งไว้บนท่าเรือคอนกรีต ภายในใจกลางมหาสมุทรแอตแลนติกห่างจากแผ่นดินใหญ่โปรตุเกสถึง 1,100 ไมล์ ฮอร์ตาถือเป็นจุดพักผ่อนชั้นยอดสำหรับเรือยอชท์ที่ข้ามมหาสมุทร เป็นหนึ่งในท่าเรือที่มีผู้เยี่ยมชมมากที่สุดในโลก ยิ่งไปกว่านั้น คุณยังสามารถมองเห็นภูเขาไฟปิโกที่โดดเด่นจากเกาะข้างเคียงได้อย่างงดงาม หากต้องการชมวิวที่สวยที่สุด คุณไม่ควรพลาดการขึ้นไปยังแคลเดรล ที่ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันล้ำค่า มีโอกาสชมทิวทัศน์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ และสัมผัสถึงความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติที่รังสรรค์ขึ้นจากภูเขาไฟ อีกทั้งยังมีความสวยงามของดอกไม้ป่าและต้นไม้เขียวชอุ่มที่ให้ชีวิตชีวาแก่พื้นที่ นอกจากนี้ยังมีสวนพฤกษศาสตร์ฟาอัล ที่มอบโอกาสให้คุณเรียนรู้เกี่ยวกับพืชพื้นเมืองและชมความงามของดอกไฮเดรนเยียสีน้ำเงินที่กระจายอยู่ทั่วเกาะ ฮอร์ตาเป็นสถานที่ที่รวมความสง่างามของธรรมชาติและเรื่องราวของนักเดินทางที่อัดแน่นไปด้วยแรงบันดาลใจ รอคอยที่จะให้คุณได้ค้นพบและสัมผัสเองในโลกแห่งความฝันนี้

ท่าเรือพอนตาเดลกาดา ในหมู่เกาะอะโซร์ของโปรตุเกส เป็นจุดแวะพักที่สำคัญสำหรับนักเดินทางที่ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก ด้วยความงดงามของภูมิประเทศที่เกิดจากภูเขาไฟ และธรรมชาติที่เขียวชอุ่ม ในช่วงฤดูร้อน คุณจะได้เห็นดอกไฮเดรนเยียที่บานสะพรั่ง ประดับประดาสถานที่ด้วยสีสันต่าง ๆ ยินดีต้อนรับนักเดินทางด้วยสถาปัตยกรรมอันโดดเด่น เช่น โบสถ์เซาโฮเซ ที่มีฟาซาดสีดำและขาว กระตุ้นให้คุณสำรวจเมืองที่เต็มไปด้วยสีสันและกลิ่นอายของวัฒนธรรมท้องถิ่น นอกจากนี้ ตลาดท้องถิ่นยังมีสินค้าท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น สับปะรดที่หวานหอม ใบชาคุณภาพ และเมล็ดกาแฟที่เสิร์ฟความรสชาติแก่นักชิม ท่ามกลางการเดินเล่นบนดินที่มั่นคงหลังการเดินทางบนทะเล เต็มเปี่ยมไปด้วยโอกาสในการลิ้มลองอาหารทะเลสดใหม่และช้อปปิ้งของฝากที่น่าประทับใจ สำหรับผู้ที่รักการผจญภัย การเดินทางไปยังแคลเดอรา ดาส เซเต้ ซิตาดัส เป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาด สัมผัสกับเส้นทางเดินป่าที่นำไปสู่ทะเลสาบในปล่องภูเขาไฟ พร้อมชมวิวทิวทัศน์อันน่าหลงใหลของทะเลแอตแลนติกที่กว้างใหญ่ รอคอยให้คุณมาเป็นเจ้าของประสบการณ์อันล้ำค่าในราชอาณาจักรแห่งธรรมชาติที่สวยงามแห่งนี้



ท่าเรือที่สวยงามและเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอย่าง "โอปอร์ตู" (Oporto) คือเมืองที่สองที่ใหญ่ที่สุดในโปรตุเกส รองจากลิสบอน เมืองนี้มักถูกเรียกสั้นๆ ว่า "ปอร์โต" ซึ่งเป็นชื่อที่ทุกคนนึกถึงเมื่อพูดถึงองุ่นส่งตรงสำหรับผลิตไวน์พอร์ตที่มีชื่อเสียงระดับโลก ท่าเรือโอปอร์ตูตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโดรู และมีบทบาทสำคัญมาตั้งแต่อดีต เมื่อชาวโรมันสร้างป้อมปราการที่นี่ เพื่อควบคุมเส้นทางการค้า ด้วยการที่เมืองนี้คือจุดแวะสำคัญสำหรับเหล่าผู้จาริกแสวงบุญในอดีต ทำให้โอปอร์ตูร่ำรวยจากการค้าและการค้นพบทางทะเลในศตวรรษที่ 15 และ 16 การค้าขายไวน์พอร์ตกับอังกฤษในภายหลังยังทำให้เมืองนี้เกิดการเจริญรุ่งเรืองอย่างไม่หยุดยั้ง จนกระทั่งกลายเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์ ด้วยสะพานที่สวยงามข้ามแม่น้ำโดรู เสน่ห์ของย่านริมน้ำที่มีชีวิตชีวา และโรงไวน์พอร์ตที่มีชื่อเสียง เมืองนี้ไม่ได้เป็นเพียงจุดหมายปลายทาง แต่ยังเป็นศูนย์รวมวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่มีเอกลักษณ์ ออกแบบมาสำหรับผู้ที่มองหาประสบการณ์การเดินทางที่เหนือระดับ เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจในการค้นหาความงามของโลกที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในทุกมุมเมือง

ลาคอรุญ่า คือเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคกาลิเซีย ประเทศสเปน และเป็นหนึ่งในท่าเรือที่คึกคักที่สุดของประเทศ ตั้งอยู่ในมุมตะวันตกเฉียงเหนือของคาบสมุทรไอบีเรีย โดยมีทิวทัศน์ที่เขียวชอุ่มและหมอกลงหนา แตกต่างจากภูมิภาคอื่น ๆ ของสเปน ชื่อ "กาลิเซีย" มีรากศัพท์มาจากภาษาเซลติก ซึ่งเป็นที่อยู่ของเซลติคในช่วงศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์ศักราช ลาคอรุญ่า เคยเป็นท่าเรือที่สำคัญตั้งแต่สมัยโรมัน และพัฒนาเป็นศูนย์กลางการค้าขายที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 15 เมื่อได้รับสิทธิในการค้ากับอเมริกาในปี 1720 ความงดงามของลาคอรุญ่าสะท้อนผ่านอาคารแบบกระจกซึ่งทำให้เมืองนี้ได้รับชื่อว่า "เมืองแห่งคริสตัล" และสถานที่สำคัญอย่างจัตุรัสมาเรียพิทา ซึ่งเป็นเกียรติแก่หญิงผู้กล้าที่เคยปกป้องเมืองในปี 1589 ปัจจุบัน เมืองประกอบด้วยสามเขตที่แตกต่างกัน ได้แก่ เขตกลางเมือง ธุรกิจ และ “เอนซานเช่” ที่มีคลังสินค้าและโรงงาน อย่าพลาดโอกาสในการสำรวจวัฒนธรรมท้องถิ่นและสัมผัสกับประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของเมืองนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยความน่าสนใจและแรงบันดาลใจที่ทำให้ผู้มาเยือนต้องกลับมาอีกครั้ง.

บิลบาว (Bilbao) เมืองที่ตั้งอยู่ในแคว้นบาสก์ ของประเทศสเปน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางศิลปะและสถาปัตยกรรมได้สร้างความโดดเด่นให้กับเมืองนี้อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน หลังจากการเปิดตัวพิพิธภัณฑ์กุกเกนไฮม์ (Guggenheim Museum) ที่ออกแบบโดย Frank Gehry เมืองนี้ได้กลายเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมแห่งใหม่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างมากมาย นอกจากพิพิธภัณฑ์แล้ว สถานที่สำคัญอื่น ๆ เช่น สถานีรถไฟใต้ดินที่ออกแบบโดย Norman Foster และสวนสาธารณะ Abandoibarra ก็เป็นจุดเด่นที่ไม่ควรพลาดในการเยือนเมืองนี้ อย่าลืมเดินชมย่านเก่าของบิลบาวที่เรียกว่า "คาสโก วิเอโก" (Casco Viejo) ซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารที่มีเสน่ห์ แถมยังมีตลาดกลางแจ้งที่ Plaza Nueva ซึ่งจัดขึ้นทุกเช้าวันอาทิตย์ ในการเดินเล่นริมแม่น้ำเนร์บิโอ (Nervión) คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศอันงดงาม ที่มีความรุ่งเรืองจากอดีตสู่ปัจจุบัน สำหรับผู้หลงใหลในอาหาร บิลบาวมีชื่อเสียงด้านความอร่อย โดยเฉพาะอาหารบาสก์ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง และหากมีโอกาส อย่าลืมขึ้นรถราง Euskotram เพื่อสัมผัสการเดินทางริมแม่น้ำใจกลางเมือง มาร่วมตะลุยและค้นพบความงดงามของบิลบาว ที่คุณจะจดจำไปตลอดชีวิต!



เมืองฮอนฟลอร์ (Honfleur) ตั้งอยู่บนชายฝั่งของ Côte Fleurie ในฝรั่งเศส ถือเป็นหนึ่งในเมืองชายทะเลที่มีความงดงามแบบคลาสสิคที่ไม่เหมือนใคร ด้วยบ้านไม้กึ่งปูนที่เรียงรายอยู่ตามถนนอิฐประดับ ซึ่งสร้างบรรยากาศสวยงามชวนฝัน เมืองนี้ยังคงอนุรักษ์สถาปัตยกรรมสมัยฟื้นฟูที่งดงาม โดยเฉพาะเมืองเก่าฝั่งท่าเรือ Vieux Bassin ซึ่งเปรียบเสมือนแก่นของสังคมตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 17 ที่ท่าเรือแห่งนี้ ใต้บรรยากาศที่เงียบสงบ มีบ้านหินสองชั้นที่มีหลังคาแบบลาดชัน และบ้านสูงที่ตกแต่งด้วยแผ่นหินที่ทำให้ทิวทัศน์รอบด้านมีเสน่ห์เกินบรรยาย นอกจากนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางทางทะเลสำคัญ รวมถึงการเดินทางไปยังแคนาดาในอดีต และยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับศิลปินอิมเพรสชันนิสต์ที่ได้มาเยี่ยมชมและสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ วันนี้ เมืองฮอนฟลอร์ยังคงมีชีวิตชีวา แม้จะมีผู้คนมาเยือนเพิ่มขึ้นนับตั้งแต่เปิดสะพาน Pont de Normandie ในปี 1995 ที่เชื่อมต่อลุ่มน้ำเหนือของนอร์มานดี เป็นสะพานแขวนที่สูงกว่าหอไอเฟล ยิ่งทำให้ฮอนฟลอร์เป็นจุดหมายที่ต้องไปสัมผัสด้วยตนเองในทริปที่หรูหราและเต็มไปด้วยความประทับใจแห่งนี้

ดันเคิร์ก (Dunkirk) เมืองท่าสำคัญของฝรั่งเศสที่ตั้งอยู่ริมทะเลเหนือ เป็นจุดหมายปลายทางที่เต็มไปด้วยความน่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวที่หลงใหลในประวัติศาสตร์และธรรมชาติ เมืองนี้มีชื่อเสียงในฐานะสถานที่ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการอพยพในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ที่นี่คุณจะได้สัมผัสกับกลิ่นอายของอดีตเมื่อเดินชมตามชายหาดคลาสสิกและป้อมปราการที่ยังคงหลงเหลือให้เห็น นอกจากความสำคัญทางประวัติศาสตร์แล้ว ดันเคิร์กยังเป็นที่ตั้งของแหล่งท่องเที่ยวที่น่าหลงใหล เช่น พิพิธภัณฑ์การต่อสู้ดันเคิร์กที่มีการจัดแสดงเกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญในช่วงสงคราม นอกจากนี้ชายหาดดันเคิร์กยังเป็นสถานที่พักผ่อนที่เหมาะสำหรับการเดินเล่น หรือเพลิดเพลินกับบรรยากาศการรับประทานอาหารฝรั่งเศสเลิศรสที่ร้านอาหารริมทะเล ไม่เพียงเท่านั้น เมืองนี้ยังมีเสน่ห์ของแหล่งช้อปปิ้งและตลาดท้องถิ่นที่คุณไม่ควรพลาด ที่นี่คุณจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตท้องถิ่นและวัฒนธรรมที่แตกต่าง เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความหลงใหลและความทรงจำรอคอยให้คุณได้ค้นพบ มาสัมผัสประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครในดันเคิร์ก เชื่อมต่อกับอดีตและดื่มด่ำกับความงดงามของธรรมชาติอย่างแท้จริง

ท่าเรือเซ็บรูเก (Zeebrugge) ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลเหนือของเบลเยียม เป็นท่าเรือที่มีความสำคัญและคึกคักที่สุดในยุโรปในยุคปัจจุบัน โดยก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1895 ความสำคัญของท่าเรือนี้ชัดเจนเมื่อมองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ ซึ่งพยายามถูกทำลายหลายครั้งในช่วงสงครามโลกทั้งสองครั้ง แต่ยังคงยืนหยัดเป็นท่าเรือหลักในการประมงของเบลเยียม การเยี่ยมชมเซ็บรูเกจะเป็นประสบการณ์ที่น่าทึ่ง เมื่อคุณมีโอกาสได้เดินทางไปยังเมืองบรูจ (Bruges) ที่อยู่ใกล้เคียง เมืองนี้ได้รับการออกแบบให้เปล่งประกายด้วยสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์อันล้ำค่า อีกทั้งยังสามารถเดินทางไปยังรีสอร์ทชายทะเลที่มีชายหาดทรายยาวได้อย่างสะดวกสบายโดยใช้รถรางที่วิ่งตลอดแนวชายฝั่งเบลเยียม แต่ควรทราบว่าในเบลเยียมไม่อนุญาตให้นำอาหารลงฝั่ง จึงไม่ควรพลาดในการสัมผัสกับรสชาติท้องถิ่นอันหลากหลายที่มีให้เลือกในเมืองและรอบท่าเรือ ด้วยท่าเรือเซ็บรูเกที่พร้อมจะเป็นจุดเริ่มต้นการผจญภัยใหม่ คุณจะได้รับแรงบันดาลใจให้สำรวจสมบัติทางธรรมชาติและวัฒนธรรมที่ลึกซึ้งของเบลเยียมในทุกก้าวที่เดินทาง

ท่าเรือเซาแธมป์ตัน นับเป็นท่าเรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ ตั้งอยู่ที่ปากอ่าวเซาแธมป์ตัน ระหว่างแม่น้ำเทสต์และอิตเชน เมืองแห่งนี้เคยเป็นศูนย์กลางการค้าขายที่สำคัญมาตั้งแต่สมัยกลาง โดยมีการส่งออกขนสัตว์และหนังสัตว์จากพื้นที่รอบ ๆ และนำเข้าผลิตภัณฑ์ไวน์จากบอร์โดซ์ แม้เซาแธมป์ตันจะต้องเผชิญกับการทำลายล้างอย่างหนักในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แต่เมืองนี้ก็ได้ฟื้นฟูและสร้างสรรค์ใหม่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว ด้วยอาคารยุคกลางที่ยังคงเหลืออยู่ เช่น บาร์เกต (Bargate) ที่ถือเป็นหนึ่งในประตูเมืองที่สวยงามที่สุดในอังกฤษ นอกจากท่าเรืออันทันสมัยแล้ว เซาแธมป์ตันยังมีกิจกรรมหลากหลายสำหรับนักเดินทาง ที่สามารถสำรวจเมืองแห่งประวัติศาสตร์และเต็มไปด้วยศิลปะ เช่น พิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ที่นำเสนอผลงานศิลปะระดับโลก และยังเป็นจุดเริ่มต้นที่เหมาะสำหรับการออกไปสัมผัสเสน่ห์ของเมืองใกล้เคียง อย่างบอร์นมัธ และสนามกอล์ฟที่สวยงาม การมาที่เซาแธมป์ตันจึงไม่เพียงแค่การเริ่มต้นการเดินทางด้วยเรือสำราญ แต่ยังเป็นโอกาสในการดื่มด่ำกับความงดงามทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของอังกฤษอย่างไม่รู้จบ


เมืองนิวคาสเซิลอัพพอนไทน์ ประเทศอังกฤษ คือจุดหมายปลายทางที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และวัฒนธรรมอย่างลงตัว ด้วยสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมที่หลากหลาย ทำให้ที่นี่เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยว หากคุณเป็นผู้ที่หลงใหลในศิลปะและการแสดง นิวคาสเซิลมีโรงละครมากที่สุดต่อประชากรในสหราชอาณาจักร ที่สำคัญคือ โรงละคร Royal ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Royal Shakespeare Company อันมีชื่อเสียง นอกจากนี้ หนึ่งในสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของเมืองคือ "Angel of the North" รูปปั้นเหล็กขนาดมหึมาที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางทุ่งหญ้า ซึ่งไม่เพียงแต่จะดึงดูดสายตา ยังสะท้อนถึงนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ของชาวเมืองอีกด้วย สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจด้านวัฒนธรรม นิวคาสเซิลยังมีพิพิธภัณฑ์และแกลอรี่มากมาย รวมถึงพิพิธภัณฑ์ Great North Museum ที่จะพาคุณย้อนกลับไปสู่ประวัติศาสตร์ของภูมิภาค นอกจากนี้ยังมีร้านค้าท้องถิ่นและคาเฟ่ที่พร้อมให้บริการอาหารเลิศรส ทำให้การเยือนนิวคาสเซิลเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำและเติมเต็มความรู้สึกได้เป็นอย่างดี เตรียมตัวให้พร้อม เพื่อพบกับการเดินทางที่น่าทึ่งในเมืองแห่งศิลปะนี้!
ท่าเรือโรซิธ (Rosyth) เป็นจุดเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยมสำหรับการสำรวจเมืองเอดินบะระ เมืองหลวงที่มีเสน่ห์และประวัติศาสตร์อันยาวนานของสก็อตแลนด์ ตั้งอยู่บนเนินเขาทั้งเจ็ด เอดินบะระมีภูมิทัศน์ที่ตระการตา โดยมีปราสาทเอดินบะระเป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ที่เฝ้าดูเมืองนี้ จากถนน Princes Street ที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา สถานที่ท่องเที่ยว เช่น พิพิธภัณฑ์สก็อตแลนด์และสวนขนาดใหญ่ จะทำให้คุณได้สัมผัสกับวัฒนธรรมที่เข้มข้นและศิลปะสมัยใหม่ของเมือง เมื่อคุณสำรวจอดีตและปัจจุบัน คุณจะพบงานเทศกาลที่มีชื่อเสียง เช่น เทศกาลเอดินบะระและเฟรนจ์ ซึ่งจัดขึ้นในเดือนสิงหาคม ทุกๆ ปี ข้อบ่งชี้ถึงความมีชีวิตชีวาของเมืองที่ยังคงรักษาไว้ในชีวิตประจำวัน ทั้งอาหารที่มีเอกลักษณ์และค่ำคืนที่น่าตื่นตาตื่นใจ ไม่ว่าคุณจะเดินเล่นบนเขา Arthur's Seat หรือสำรวจจัตุรัสที่ปูด้วยหญ้า คุณจะได้พบกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงามติดทะเล Firth of Forth แสดงให้เห็นถึงความงามของธรรมชาติที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง โรซิธจึงไม่เพียงเป็นท่าเรือที่มีความสำคัญ แต่ยังเป็นประตูที่เปิดสู่ประสบการณ์ที่น่าจดจำในดินแดนสก็อตแลนด์ ทดลองใช้เวลาในกรุงเอดินบะระ เพื่อให้ได้สัมผัสถึงเสน่ห์และวัฒนธรรมที่สวยงามของเมืองนี้อย่างเต็มที่

อเบอร์ดีน เป็นเมืองท่าที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และมีความสำคัญในสกอตแลนด์ โดยมีประชากรประมาณ 220,000 คน ถือเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ เมืองนี้ได้ชื่อว่า "เมืองแกรนิต" หรือ "เมืองเทา" เนื่องจากอาคารหลากหลายหลังสร้างจากแกรนิตสีเทาที่ขุดขึ้นในท้องถิ่น ตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ถึงกลางศตวรรษที่ 20 แกรนิตอเบอร์ดีนยังเคยใช้ในการสร้างอาคารสำคัญๆ อย่างเช่น อาคารรัฐสภาในลอนดอนและสะพานวอเตอร์ลู นอกจากนี้ อเบอร์ดีนยังได้ชื่อว่าเป็น "เมืองหลวงน้ำมันแห่งยุโรป" เนื่องจากมีการค้นพบน้ำมันในทะเลเหนือในช่วงทศวรรษที่ 1970 ทำให้ท่าเรือของเมืองนี้มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจอย่างมาก และสนามบินเฮลิคอปเตอร์ที่เชื่อมต่อไปยังแหล่งน้ำมันในทะเลเหนือ เป็นหนึ่งในสนามบินเฮลิคอปเตอร์ที่คึกคักที่สุดในโลก การเดินทางมายังอเบอร์ดีนจะทำให้คุณได้สัมผัสกับประวัติศาสตร์วรรณกรรมที่ยิ่งใหญ่ และวัฒนธรรมที่น่าหลงใหล อีกทั้งยังมีทิวทัศน์ที่งดงามและทะเลที่สวยงาม ช่วยเติมเต็มประสบการณ์การเดินทางที่หรูหราและน่าจดจำสำหรับนักเดินทางทุกคน

เลอร์วิค เมืองเล็กที่มีเสน่ห์ ตั้งอยู่บนหมู่เกาะเชตแลนด์ (Shetland Islands) ของสกอตแลนด์ เป็นจุดหมายอันดับต้น ๆ สำหรับนักท่องเที่ยวที่มุ่งหน้าเข้าสู่ท่าเรือที่มีชีวิตชีวานี้ เมืองนี้ก่อตั้งขึ้นโดยชาวดัตช์ในศตวรรษที่ 17 และยังคงรักษาความงามของอาคารหินที่เรียกว่า "ล๊อดเบอรีส์" ซึ่งเป็นสถานที่ขนส่งสินค้าที่สำคัญในอดีต นี่คือเสน่ห์ที่ดึงดูดผู้คนและสะท้อนถึงความรุ่งเรืองในอดีตของเมืองนี้ เมื่อเดินเรือเข้าท่าเลอร์วิค คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศของท่าเรือที่ปัจจุบันยังมีความคึกคัก ด้วยถนนที่ปูด้วยแผ่นหินและวิวชายฝั่งที่งดงาม ทำให้ที่นี่เป็นเสมือนประตูสู่การสำรวจความงามของเชตแลนด์ สำหรับนักเดินทางที่มาเยือน ยังมีโอกาสได้พบปะกับวัฒนธรรมชาวเซลติก ที่สำคัญ และการชมธรรมชาติที่น่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นชายหาดที่ป่าเขียวขจีหรือสัตว์ป่าในท้องถิ่น ด้วยความเพลิดเพลินและน่าหลงใหลที่เลอร์วิคมอบให้ คุณจะได้สัมผัสกับการเดินทางที่ไม่เหมือนใคร คอยต้อนรับความตื่นเต้นในทุกขั้นตอนของการสำรวจสมบัติที่ซ่อนอยู่ในภูมิภาคนี้

เมื่อเรือสำราญของคุณจอดเทียบท่า ณ เมืองสตอร์โนเวย์ เกาะลูอิส คุณจะได้พบกับมิติใหม่ของการเดินทางซึ่งเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์แห่งธรรมชาติและวัฒนธรรมอันรุ่งเรืองของสก็อตแลนด์ เกาะลูอิสและแฮริส เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะฮีบรีดีนอก ทำให้เมืองสตอร์โนเวย์เป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมและกิจกรรมที่ไม่ควรพลาด ในเมืองนี้ คุณสามารถเพลิดเพลินกับการชิมอาหารท้องถิ่นที่ร้านอาหารคุณภาพสูง รวมทั้งเยี่ยมชมศูนย์ศิลปะ An Lanntair ที่มีนิทรรศการทั้งศิลปะร่วมสมัยและดั้งเดิม นอกจากนี้ยังมีวิหารเซนต์คลีเมนต์ ซึ่งเป็นหนึ่งในโบสถ์ที่มีโครงสร้างสวยงามที่สุดในเขตนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15 สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการสำรวจประวัติศาสตร์ ที่นี่มีแหล่งโบราณคดีที่น่าทึ่ง เช่น กลุ่มหินคาลานิสที่สร้างขึ้นในยุคก่อนประวัติศาสตร์ รวมถึงหอคอย Dun Carloway ที่มีอายุประมาณ 2,000 ปี สัมผัสกับความงามและวัฒนธรรมของสตอร์โนเวย์ในขณะที่สำรวจธรรมชาติสุดอลังการและประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยสีสันของเกาะนี้ อย่าลืมแวะเยี่ยมชมร้านทวีตฮาร์ริสที่เผยแพร่สินค้าทอมือสุดพิเศษและของที่ระลึกที่ไม่เหมือนใครเพื่อบอกเล่าเรื่องราวการเดินทางของคุณในเกาะลูอิสแห่งนี้

เบลฟาสต์ เมืองหลวงของไอร์แลนด์เหนือ เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และความเจริญรุ่งเรือง ตั้งอยู่บนริมฝั่งทะเลไอริช โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า Béal Feirste ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านการผลิตผ้าไหมและการสร้างเรือ ที่นี่เคยเป็นบ้านของชัยชนะในการสร้างไททานิค เรือสำราญที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยการพัฒนาที่ก้าวกระโดดในศตวรรษที่ 18 เบลฟาสต์กลายเป็นเมืองอุตสาหกรรมที่สำคัญ มีประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ในช่วงเวลาหนึ่ง เมืองนี้ต้องเผชิญกับความขัดแย้งทางด้านศาสนา จนกระทั่งสงครามที่เรียกว่า “Troubles” สิ้นสุดลงในปี 1994 หลังจากนั้น เมืองได้เริ่มการฟื้นฟู ซึ่งรวมไปถึงการลงทุนในโรงแรมใหม่ ๆ และการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวที่ทำให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลมายังเมือง ปัจจุบัน เบลฟาสต์มีพื้นที่ใจกลางเมืองที่เดินง่าย ประกอบด้วยแหล่งท่องเที่ยวสำคัญมากมาย เช่น หอศิลป์พิพิธภัณฑ์ โบสถ์ และโรงละคร การสำรวจเมืองนี้จะสร้างประสบการณ์ที่น่าหลงใหลและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่รักการเดินทางไปยังดินแดนที่มีเสน่ห์และประวัติศาสตร์อันล้ำค่าดังกล่าว

ดับลิน เมืองหลวงของไอร์แลนด์ กำลังกลับมาผงาดอีกครั้ง หลังจากผ่านพ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยในยุค "Celtic Tiger" ที่ยิ่งใหญ่ สู่ความฟื้นตัวที่ทำให้เมืองนี้กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวในยุโรปตะวันตก ดับลินในวันนี้คือการผสมผสานระหว่างความเก่าแก่และทันสมัย เพราะไม่ว่าคุณจะมาเยือนเพื่อสัมผัสกับวัฒนธรรมดั้งเดิมหรือเสน่ห์ใหม่ๆ จะพบว่าที่นี่เต็มไปด้วยความบันเทิงที่ไม่รู้จบ วอล์กผ่านย่าน Temple Bar ย่านที่เคยอับโชคแต่ปัจจุบันเต็มไปด้วยคาเฟ่และโรงแรมสุดเก๋ พร้อมบรรยากาศของปาร์ตี้ที่ไม่เคยหลับใหล นอกจากนี้ เขต Italian Quarter ที่แอบซ่อนความหรูหราด้วยร้านอาหารกลางแจ้งและการเรียนทำนองทังโก้ สะท้อนให้เห็นถึงความมีชีวิตชีวาของวัฒนธรรมเซลติก ที่ไม่ว่าจะเป็นการแสดง Riverdance หรือผลงานเพลงของ Hozier ก็สามารถดึงดูดความสนใจได้อย่างดี นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแล้ว ดับลินยังมีร้านค้า โรงแรม และแกลเลอรีศิลปะมากมาย ที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่กลางกรุงปารีส เมืองที่ค้นพบใหม่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความน่าเย้ายวนใจ รอให้คุณสัมผัสและสร้างความทรงจำไม่รู้ลืมที่นี่ในเมืองที่เป็นนวัตกรรมและความมีชีวิตชีวาอย่างแท้จริง
ท่าเรือริงกาสกิดดี้ (Ringaskiddy) เป็นหนึ่งในจุดหมายที่น่าสนใจในประเทศไอร์แลนด์ ที่นี่มีบรรยากาศที่เงียบสงบและสวยงาม สถานที่ที่เหมาะสำหรับการหยุดพักในระหว่างการล่องเรือสำราญ เพลิดเพลินกับการชมวิวทะเลที่งดงาม รวมทั้งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่ลึกซึ้ง เมื่อเรือสำราญแวะจอดที่ริงกาสกิดดี้ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าไปสำรวจเมืองโกร์ก (Cork) เมืองที่มีเสน่ห์และเต็มไปด้วยวัฒนธรรม โดยเฉพาะถนนที่มีร้านค้าหลากหลายและตลาดท้องถิ่น ที่คุณจะได้สัมผัสกับสินค้าท้องถิ่นและอาหารเลื่องชื่อ เช่น ชอปปิ้งที่ตลาดอังกฤษ (English Market) หรือชิมอาหารทะเลสดๆ จากชายฝั่งทะเลไอร์แลนด์ นอกจากนี้ บริเวณใกล้เคียงยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง เช่น ปราสาทบลาร์นีย์ (Blarney Castle) ที่โด่งดังในเรื่องของหินที่เชื่อว่าจะทำให้ผู้ที่จุมพิตได้รับพรในการพูด การท่องเที่ยวในริเวอร์สวลาดมียังพบกับธรรมชาติที่สวยงาม และเส้นทางเดินป่าที่น่าตื่นตาตื่นใจ ขอเชิญนักท่องเที่ยวมาสัมผัสประสบการณ์ที่น่าหลงใหล ณ ท่าเรือริงกาสกิดดี้ สถานที่ที่จะเติมเต็มการเดินทางให้เป็นความทรงจำที่ไม่มีวันลืมเลือน


ท่าเรือเซาแธมป์ตัน นับเป็นท่าเรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ ตั้งอยู่ที่ปากอ่าวเซาแธมป์ตัน ระหว่างแม่น้ำเทสต์และอิตเชน เมืองแห่งนี้เคยเป็นศูนย์กลางการค้าขายที่สำคัญมาตั้งแต่สมัยกลาง โดยมีการส่งออกขนสัตว์และหนังสัตว์จากพื้นที่รอบ ๆ และนำเข้าผลิตภัณฑ์ไวน์จากบอร์โดซ์ แม้เซาแธมป์ตันจะต้องเผชิญกับการทำลายล้างอย่างหนักในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แต่เมืองนี้ก็ได้ฟื้นฟูและสร้างสรรค์ใหม่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว ด้วยอาคารยุคกลางที่ยังคงเหลืออยู่ เช่น บาร์เกต (Bargate) ที่ถือเป็นหนึ่งในประตูเมืองที่สวยงามที่สุดในอังกฤษ นอกจากท่าเรืออันทันสมัยแล้ว เซาแธมป์ตันยังมีกิจกรรมหลากหลายสำหรับนักเดินทาง ที่สามารถสำรวจเมืองแห่งประวัติศาสตร์และเต็มไปด้วยศิลปะ เช่น พิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ที่นำเสนอผลงานศิลปะระดับโลก และยังเป็นจุดเริ่มต้นที่เหมาะสำหรับการออกไปสัมผัสเสน่ห์ของเมืองใกล้เคียง อย่างบอร์นมัธ และสนามกอล์ฟที่สวยงาม การมาที่เซาแธมป์ตันจึงไม่เพียงแค่การเริ่มต้นการเดินทางด้วยเรือสำราญ แต่ยังเป็นโอกาสในการดื่มด่ำกับความงดงามทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของอังกฤษอย่างไม่รู้จบ












เจ้าของสวีทใหม่ที่มีการออกแบบอย่างหรูหราและเฟอร์นิเจอร์ที่มีเอกลักษณ์จำนวนหกห้อง เป็นห้องที่มักถูกจองอย่างรวดเร็ว สวีทเหล่านี้กว้างใหญ่ถึงประมาณ 1,000 ตารางฟุต และเป็นโอเอซิสแห่งความเงียบสงบและการผ่อนคลาย เพลิดเพลินกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน โดยมีห้องน้ำที่ได้รับการออกแบบใหม่สุดหรูซึ่งมีฝักบัวขนาดใหญ่ สวีทยังมีระเบียงไม้สักส่วนตัว และโทรทัศน์จอแบนสองเครื่องเพื่อความสะดวกสบายที่สุด นอกจากนี้ ผู้เข้าพักยังได้รับสิทธิพิเศษมากมาย อาทิ บริการซักรีดฟรีสูงสุดสามกระเป๋าต่อห้อง บริการผู้ช่วยส่วนตัว 24 ชั่วโมง และการเข้าถึงสปา Aquamar Terrace อย่างไม่จำกัด ทั้งนี้ยังมีการต้อนรับด้วยแชมเปญฟรีและชุดของขวัญจากบุลการี รวมทั้งสิทธิพิเศษในการจองร้านอาหารและบริการอื่นๆ เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่ไม่เหมือนใครในทุกมิติของความหรูหราในเจ้าของสวีทแห่งนี้







ห้องพักชื่อว่า วิสตา สวีท มอบวิวที่งดงามไปยังส่วนหน้าเรือ คุณจะพบกับสีสันที่สงบซึ่งสื่อถึงทะเลที่เงียบสงบและท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ ห้องพักแต่ละห้องมีขนาดกว้างถึง 786 ตารางฟุต พร้อมทุกความสะดวกสบายที่คาดหวัง รวมถึงห้องน้ำที่สองสำหรับแขก และห้องน้ำหลักที่ตกแต่งด้วยหินออนิกซ์ หินอ่อนคารารา และหินแกรนิต พร้อมฝักบัวอาบน้ำสุดหรู คุณสามารถนั่งพักผ่อนบนระเบียงไม้ทีคหรือชมภาพยนตร์ผ่านระบบบันเทิงที่ปรับแต่งตามความต้องการของคุณ นอกจากนี้ ห้อง วิสตา สวีท ยังมีบริการพิเศษเพิ่มเติม เช่น บริการซักรีดฟรีสูงสุด 3 ถุงต่อห้องพัก การลงทะเบียนขึ้นเรือเวลา 11.00 น. ด้วยความสำคัญ รวมถึงบริการผู้ช่วยส่วนตัวตลอด 24 ชั่วโมง บาร์ในห้องพักที่มีเครื่องดื่มคุณภาพสูงและไวน์ 6 ขวดฟรี น้ำผลไม้สดที่เติมวันต่อวัน และการสำรองที่นั่งในร้านอาหารพิเศษออนไลน์ล่วงหน้า นอกจากนี้ยังมีการเข้าถึง Aquamar Spa Terrace แบบไม่จำกัด ไอแพดให้บริการตามคำขอ และชุดของขวัญจากแบรนด์บูร์การิ สิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลาย รวมถึงผ้าห่มแคชเมียร์และตัวเลือกของหมอนจากคอลเลกชันสุดหรู โปรดทราบว่าสูบบุหรี่ในห้องพัก ห้องสเตเตอร์รูมและบนระเบียงเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างเคร่งครัด




เพนท์เฮาส์สวีทของเราเป็นห้องขนาด 322 ตารางฟุตที่ประดับประดาด้วยผ้าหรูหราและเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์ในโทนสีสงบสุขของทะเลและท้องฟ้า ห้องนี้กว้างขวางพอสำหรับการรับประทานอาหารในห้องส่วนตัว พื้นที่นั่งเล่นมีมินิบาร์เย็นๆ และโต๊ะเครื่องแป้ง ในขณะที่ห้องน้ำได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อให้มีการตกแต่งด้วยหินหรูหราและฝักบัวอาบน้ำที่ทันสมัย เพนท์เฮาส์สวีทยังมอบสิทธิประโยชน์มากมาย เช่น บริการซักรีดฟรีสูงสุด 3 ถุงต่อห้อง, การขึ้นเรือในเวลา 11.00 น. โดยมีการจัดส่งกระเป๋าอย่างเร่งด่วน, การบริการบัตเลอร์ตลอด 24 ชั่วโมง, แชมเปญต้อนรับฟรี, การจองร้านอาหารพิเศษออนไลน์ลำดับความสำคัญ, การเข้าถึง Aquamar Spa Terrace อย่างไม่จำกัด, iPad® สำหรับความบันเทิงขณะอยู่บนเรือตามคำขอ, ถุงผ้าสะพายแบรนด์ Oceania Cruises และกระดาษจดหมายส่วนตัว, ผ้าห่มแคชเมียร์สำหรับการพักผ่อนบนระเบียง, บริการขัดรองเท้าฟรี และบริการรีดผ้าฟรีเมื่อขึ้นเรือ โปรดทราบว่าการสูบบุหรี่ในห้องสวีท, ห้องพัก และบนระเบียงเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างเคร่งครัด



ระดับห้องพักคอนเซียร์จพร้อมระเบียง (Category A Concierge Level Veranda Staterooms) ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ต้องการมากที่สุดบนเรือ นำเสนอการผสมผสานระหว่างคุณค่าและความหรูหราอย่างลงตัว ห้องพักขนาด 216 ตารางฟุตนี้ได้รับการออกแบบใหม่อย่างทันสมัย มอบสิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นที่ต้องการและสิทธิพิเศษเฉพาะ เช่น บริการซักรีดฟรี ทำให้การเข้าพักของคุณไร้กังวลยิ่งขึ้น การตกแต่งใหม่ที่สดใส เตียง Tranquility ที่นุ่มสบาย และระเบียงที่ได้รับแรงบันดาลใจใหม่พร้อมเฟอร์นิเจอร์ที่มีสไตล์ ครบครันประสบการณ์คอนเซียร์จอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ยังมีสิทธิพิเศษเฉพาะสำหรับผู้เข้าพักในห้องคอนเซียร์จ เช่น บริการซักรีดฟรีสูงสุดถึง 3 ถุงต่อห้องพัก เมนูบริการอาหารกลางวันและอาหารเย็นที่ขยายออกจากห้องอาหารหลัก การขึ้นเรือในช่วงกลางวันอย่างมีลำดับความสำคัญ ขวดแชมเปญต้อนรับฟรี การจองร้านอาหารพิเศษออนไลน์ล่วงหน้าอย่างมีลำดับความสำคัญ การเข้าถึง Aquamar Spa Terrace ได้ไม่จำกัด iPad® ที่สามารถขอใช้ได้เมื่ออยู่บนเรือ กระเป๋าผ้าลาย Oceania Cruises ฟรี ผ้าห่มแคชเมียร์ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนบนระเบียง และบริการรีดเสื้อผ้าฟรีเมื่อขึ้นเรือ โดยห้ามสูบบุหรี่ในห้องและบริเวณระเบียงโดยเด็ดขาด ไม่ว่าคุณจะมองหาความสะดวกสบายหรือหรูหรา ห้องพักนี้ตอบสนองความต้องการของคุณได้อย่างครบถ้วน




ระเบียง客艙 ขนาด 216 ตารางฟุต ถูกออกแบบอย่างหรูหราด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ปรับแต่งเฉพาะตัว, การตกแต่งด้วยหินที่แปลกใหม่, เตียงหัวนุ่ม และโคมไฟที่มีสไตล์ ทำให้คุณได้สัมผัสความหรูหราแบบไม่ซ้ำใคร นอกเหนือจากการชมวิวที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาแล้ว ห้องพักยังมีระเบียงไม้สักส่วนตัว ซึ่งคือความสะดวกสบายที่ผู้เข้าพักประทับใจมากที่สุด สะดวกสบายในแต่ละห้องพักประกอบไปด้วยโต๊ะแต่งตัว, มินิบาร์ที่มีความเย็น, โต๊ะสำหรับรับประทานอาหารเช้า และพื้นที่นั่งเล่นที่กว้างขวาง สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกพิเศษในระเบียง客艙 ได้แก่ เตียง Tranquility Bed ที่เป็นเอกสิทธิ์ของ Oceania Cruises ปลอกผ้าปูที่นอนด้าย 1,000 เส้น, เครื่องดื่มอ่อนที่เติมฟรีทุกวันในมินิบาร์, น้ำ Vero ทั้งแบบธรรมดาและแบบซ้ำ, อุปกรณ์บูลการิ, บริการรูมเซอร์วิสตลอด 24 ชั่วโมง, บริการทำความสะอาดวันละสองครั้ง, ช็อกโกแลตเบลเยียมในช่วงคืน, ระบบทีวีแบบอินเตอร์แอคทีฟพร้อมภาพยนตร์ตามสั่ง, การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตไร้สายและบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่, โต๊ะเขียนหนังสือพร้อมเอกสาร, ผ้าขนหนูฝ้ายเนื้อนุ่ม, เสื้อคลุมและรองเท้าใส่ในบ้านที่หนา, ไดร์เป่าผมแบบพกพา, ตู้นิรภัยเพื่อความปลอดภัย ห้ามสูบบุหรี่ในห้องสวีท ห้องพัก และบนระเบียงโดยเด็ดขาด


ห้องพักเดลักซ์วิวทะเลขนาด 165 ตารางฟุตได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อให้รู้สึกกว้างขวางยิ่งขึ้น ด้วยพื้นที่นั่งเล่นที่กว้างขวาง โต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เย็นขนาดเล็ก และโต๊ะสำหรับรับประทานอาหารที่ได้รับการตกแต่งด้วยเฉดสีที่นุ่มนวลและวัสดุที่มีสไตล์ การตกแต่งที่ทันสมัยช่วยให้ผู้เข้าพักรู้สึกผ่อนคลายและหรูหราทุกครั้งที่เข้าพัก ห้องพักนี้มีบริการฟรีต่างๆ อาทิ เครื่องดื่มอัดลมที่เติมให้ทุกวัน น้ำ Vero ที่ให้บริการทั้งแบบไม่มีอากาศและแบบมีอากาศ ตลอดจนบริการรูมเซอร์วิสตลอด 24 ชั่วโมง ที่นี่ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่คัดสรรมาสำหรับคุณ อาทิเช่น เตียง Tranquility ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Oceania Cruises ชุดอุปกรณ์ Bulgari การทำความสะอาดห้องสองครั้งต่อวัน และระบบโทรทัศน์แบบอินเตอร์แอคทีฟที่มีภาพยนตร์ตามสั่ง นอกจากนี้ยังมีบริการอินเตอร์เน็ตแบบไร้สายและการเข้าถึงเครือข่ายมือถือ โต๊ะเขียนหนังสือและอุปกรณ์การเขียน ผ้าขนหนู ฝาโรบิน และรองเท้าอาบน้ำที่นุ่มสบาย ไดร์เป่าผมแบบมือถือ ตู้นิรภัย และช็อกโกแลตเบลเยี่ยมในบริการนอนเสริม โดยเฉพาะสำหรับห้องพักที่มีความต้องการพิเศษ จะมีการจัดเตรียมให้มีพื้นที่สำหรับอุปกรณ์ช่วยยก ชุดประตูห้องน้ำขนาดใหญ่ ราวจับในห้องน้ำ และห้องน้ำที่ออกแบบให้เข้าถึงได้สะดวกแบบไม่มีรอบสูง รวมถึงอ่างอาบน้ำ วางแผนการพักผ่อนหรูหราของคุณได้แล้ววันนี้ในห้องพักเดลักซ์วิวทะเลที่รอให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์อันน่าประทับใจนี้!


ห้องพัก客艙วิวทะเล (D) ขนาด 165 ตารางฟุตที่ได้รับการออกแบบอย่างมีเสน่ห์ นำเสนอการตกแต่งที่ทันสมัยและสะดวกสบาย ซึ่งคิดค้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พื้นที่และความสะดวกสบาย ห้องพักนี้มีมุมพักผ่อนที่สะดวกสบาย พร้อมโซฟาที่ให้คุณยืดตัวออกได้, โต๊ะทำงาน, โต๊ะสำหรับรับประทานอาหารเช้า และมินิบาร์ที่มีตู้เย็น ภายในห้องยังมีบริการสิ่งอำนวยความสะดวกฟรี เช่น น้ำอัดลมเติมให้รายวันในมินิบาร์, น้ำ Vero ที่เป็นทั้งน้ำเปล่าและน้ำอัดลมฟรี และบริการรูมเซอร์วิสตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้คุณยังจะได้สัมผัสกับเตียง Tranquility ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Oceania Cruises, สินค้าอาบน้ำ Bulgari, บริการทำความสะอาดห้องพักวันละสองครั้ง, ระบบโทรทัศน์อินเตอร์แอคทีฟที่มีภาพยนตร์ตามสั่ง และการบริการอินเทอร์เน็ตไร้สาย พร้อมการบริการของเจ้าหน้าที่ ที่จัดเตรียมผ้าขนหนู, เสื้อคลุม, และรองเท้าอาบน้ำที่ทำจากผ้าฝ้ายคุณภาพสูง พร้อมบริการเปลี่ยนให้ตื่นขึ้นมาพร้อมช็อกโกแลตเบลเจียน นอกจากนี้ยังมีเครื่องเป่าผม, ตู้นิรภัย, และการบริการที่ไม่อนุญาตให้สูบบุหรี่ในห้องพักหรือระเบียงทางเดินอีกด้วย


ห้องพักมองเห็นทะเล (E) ตั้งอยู่ใจกลางชั้น 6 ขนาด 143 ตารางฟุต โดยมีการออกแบบที่สดใหม่พร้อมหน้าต่างพาโนรามาที่มองเห็นวิวสวยงาม แม้จะมีมุมมองที่ถูกบังบางส่วน ห้องพักนี้มีโต๊ะเครื่องแป้ง มินิบาร์แบบเย็น โต๊ะสำหรับทานอาหารเช้า และตู้เสื้อผ้าที่กว้างขวาง สิ่งอำนวยความสะดวกได้แก่ เตียง Ultra Tranquility ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Oceania Cruises, ผลิตภัณฑ์ดูแลจาก Bulgari, ช็อกโกแลตเบลเยี่ยมสุดพิเศษพร้อมบริการจัดเตียงประจำทุกคืน, บริการห้องพักตลอด 24 ชั่วโมงฟรี, โทรทัศน์จอแบนพร้อมเครื่องเล่น DVD และสื่อมากมาย รวมถึงการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตไร้สายและบริการโทรศัพท์มือถือ ห้องพักยังมีโต๊ะเขียนหนังสือพร้อมอุปกรณ์ต่างๆ, ผ้าขนหนู ผ้านวม และรองเท้าอาบน้ำที่นุ่มสบาย, ไดร์เป่าผมแบบพกพา, และตู้นิรภัยเพื่อความปลอดภัย โดยห้องพักทั้งหมดและห้องชุดจะปลอดบุหรี่。


重新設計的ห้องพักภายใน以現代風格為特色,擁有160平方英尺的奢華空間。這個愉悅的私人度假空間包括舒適的座位區、化妝台、冰箱迷你酒吧及充足的儲物空間,而巧妙的空間利用更襯托出全新的裝飾風格。 這個房型的住客可享受多項免費設施,包括每日補充的飲料、靜水與氣泡水以及24小時房務菜單。房內配備了專屬的Tranquility床、Bulgari洗浴用品、每日兩次的客房清潔服務,以及互動電視系統,提供隨需應變的電影和天氣資訊。無線網絡及行動電話服務隨時可用,還配有書寫桌和文具、柔軟的棉質毛巾、浴袍及拖鞋,並提供手持吹風機、安全保險箱及晚間服務的比利時巧克力。您在此的放鬆經歷將無與倫比,然而請注意,所有套房和客艙均禁止吸煙。

ห้องพักริมทะเลสำหรับเดี่ยว ขนาด 143 ตารางฟุต เป็นพื้นที่พักผ่อนที่สมบูรณ์แบบสำหรับนักเดินทางคนเดียว ตั้งอยู่ในทำเลที่สะดวกสบายบนชั้น 6 ห้องพักทุกห้องมีเตียง Tranquility Bed ที่หลับสบายอย่างยิ่ง มินิบาร์ที่มีความเย็น และโต๊ะเขียนหนังสือ พร้อมด้วยพื้นที่เก็บของที่กว้างขวาง ทำให้คุณรู้สึกสะดวกสบายตลอดการเข้าพัก.