
02-27217300
02-27217179
service@siloahtravel.com
Monday ~ Friday 09:00-18:00
14F.-3, No.137, Sec. 1, Fuxing S. Rd., Da’an Dist., Taipei City 106, Taiwan
Representative: Tung-Hua Tai
VAT: 43871553
交觀甲793500 品保北2260 隱私權條款
IATA: 96137764
Copyright © 2025 Siloah Travel Co., Ltd.. All rights reserved.

Oceania Insignia
โอเชียเนีย ครูซส์


เรคยาวิก เมืองหลวงที่มีเสน่ห์และเป็นศูนย์กลางของไอซ์แลนด์ ตั้งอยู่บนอ่าวที่มีภูเขามิท เอสยาเป็นฉากหลัง สะท้อนความเป็นธรรมชาติที่งดงามของประเทศ ด้วยบ้านที่ทาสีสันสดใสและหลังคาแดง น้ำเงิน และเขียว เมืองนี้เป็นการรวมตัวของประชากรเกือบครึ่งหนึ่งของประเทศ ชื่อ "เรคยาวิก" มาจากคำภาษาไอซ์แลนด์ที่หมายถึง "อ่าวของควัน" ซึ่งได้รับการตั้งชื่อตามการค้นพบของนักเดินเรือชาวนอร์สที่มามองเห็นเกาะนี้ในปี ค.ศ. 874 ภายในเมืองมีการทำความร้อนจากน้ำร้อนจากบ่อน้ำร้อน ลดมลพิษทางอากาศและมอบความอบอุ่นให้กับบ้านเรือน การสำรวจเรคยาวิกนั้นง่ายด้วย Reykjavik City Card ซึ่งให้สิทธิ์ในการเดินทางด้วยรถประจำทางไม่จำกัดและเข้าชมสระว่ายน้ำทั้งหมดในเมือง รวมถึงสวนสัตว์และพิพิธภัณฑ์ หลายแห่งเป็นที่รู้จัก การเข้าสู่พิพิธภัณฑ์ศิลปะเช่น Hafnarhús และ Kjarvalsstaðir จะทำให้คุณได้รับบัตรเข้าชมฟรีไปยังพิพิธภัณฑ์อื่น ๆ ในวันเดียวกัน มาเปิดประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นในเรคยาวิก ดื่มด่ำกับวัฒนธรรมและธรรมชาติ พร้อมกับสัมผัสความหลากหลายของกิจกรรมที่มีให้เพื่อเติมเต็มวันหยุดของคุณในดินแดนแห่งไฟและน้ำแข็ง!

ฮีมาอี ของไอซ์แลนด์ คือจุดหมายที่น่าตื่นตาตื่นใจที่คุณไม่ควรพลาดเมื่อเดินทางด้วยเรือสำราญ สัมผัสกับบรรยากาศของเกาะที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ สถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของการระเบิดภูเขาไฟที่น่าพิศวงเมื่อกว่า 40 ปีก่อน ซึ่งทำให้เกาะนี้ถูกแปรเปลี่ยนไปอย่างเหลือเชื่อ แต่ด้วยความกล้าหาญของผู้คนบนเกาะที่ได้ใช้น้ำทะเลหยุดยั้งลาวาจากภูเขาไฟเอลด์เฟล ทำให้ท่าเรือยังคงเปิดอยู่และอุตสาหกรรมการประมงที่มีความสำคัญยังคงยืนยาวต่อไป เดินเที่ยวตามถนนที่สวยงามในฮีมาอี ที่รายล้อมไปด้วยบ้านไม้สีขาว เรายังสามารถชมปราสาทหินภูเขาไฟที่ตระการตาที่เสมือนลอยอยู่เหนือน้ำ ส Revealing Nature of Iceland—through its landscapes, wildlife, and the warmth of its people—คุณจะได้สัมผัสความงามที่ไม่มีที่ไหนเหมือน สำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติโดยใกล้ชิด ต้องไม่พลาดไปสำรวจชายฝั่งที่เต็มไปด้วยชีวิตทะเล รวมถึงนกพันธุ์หายากที่อพยพมาที่นี่ นอกจากการเดินชมหรือท่องเที่ยวแบบมีไกด์แล้ว คุณยังสามารถเพลิดเพลินกับวัฒนธรรมและอาหารท้องถิ่นที่ไม่เหมือนใคร ด้วยเหตุนี้ ฮีมาอี จึงเป็นจุดหมายที่ท่องเที่ยวที่ต้องไปให้ถึง สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินทางหาทางออกใหม่ๆ ในชีวิต.


ท่าเรือเมืองทอร์ชาวน์ (Tórshavn) ประเทศหมู่เกาะแฟโร ไม่เพียงแต่เป็นศูนย์กลางการค้าของภูมิภาค แต่ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจดึงดูดนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลกอีกด้วย ท่าเรือที่งดงามเป็นที่ตั้งของเรือสำราญมากมาย และยังมีเสน่ห์ของเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ในทอร์ชาวน์ คุณจะได้สัมผัสบรรยากาศของบ้านเมืองเล็ก ๆ ที่น่าหลงใหล ปล่องภูเขาไฟรอบด้านและทิวทัศน์อันงดงาม เผยให้เห็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ เมืองนี้มีเสน่ห์ของบ้านไม้สีสันสดใสที่เรียงรายอยู่ริมถนน และการเดินสำรวจโดยรอบยังทำให้เห็นถึงวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างชัดเจน นอกจากการสำรวจท่าเรือและย่านเมืองเก่า นักท่องเที่ยวยังสามารถสัมผัสประสบการณ์ทางธรรมชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจ เช่น การเดินป่าไปยังภูเขานูมูร์หรือนั่งเรือไปชมความงดงามของชั้นภูเขาและน้ำตกที่สวยงามไม่ไกลจากเมือง ทอร์ชาวน์จึงไม่ใช่เพียงแค่จุดหมายในการจอดเรือสำราญ แต่ยังเป็นประตูสู่วัฒนธรรมและการผจญภัยในใจกลางธรรมชาติที่สวยงามอีกด้วย เพลิดเพลินกับการเดินทางที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความทรงจำที่ไม่มีวันลืมเลือนที่นี่เถิด!

ระหว่างการเดินทางไปยังหมู่เกาะแฟโร คุณจะได้พบกับท่าเรือที่น่าหลงใหลในเมืองรุนาวิค ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะเอวยอยด์ ท่าเรือนี้ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่พักท่าเรือของเรือสำราญ แต่ยังเป็นประตูสู่ธรรมชาติที่สวยงามและวัฒนธรรมพื้นบ้านที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก รุนาวิคโดดเด่นด้วยท landscapes ที่เต็มไปด้วยภูเขาสูงชันและชายฝั่งที่ขรุขระ ซึ่งเมื่อมองไปยังทะเลจะเห็นเกาะน้ำแข็งและนกนานาชนิดที่อาศัยอยู่ในเขตห้ามล่า ท่าเรือแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของอาคารไม้ที่มีสีสันสดใส ซึ่งสะท้อนเอกลักษณ์ของชาวแฟโรได้เป็นอย่างดี ในระหว่างที่คุณสำรวจบริเวณรอบท่าเรือ สามารถเข้าไปยังพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์รุนาวิคเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของชุมชนท้องถิ่น หรือจะเลือกเพลิดเพลินกับการเดินป่าในเส้นทางที่สวยงามอย่างเส้นทางเดินป่าสูงชันที่นำไปสู่จุดชมวิวที่มีทัศนียภาพที่งดงามของภูมิภาค หากคุณมองหาประสบการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ในประเทศอันน่าหลงใหลแห่งนี้ รุนาวิคจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง ด้วยบรรยากาศอันเงียบสงบและการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากชาวแฟโร ทุกช่วงเวลาในที่นี้คือความทรงจำที่ไม่มีวันลืมเลือน เมื่อคุณเข้าไปสัมผัสกับโลกใหม่แห่งนี้ คุณจะพบว่าทุกก้าวที่เดินคือการค้นพบที่น่าหลงใหล.

ดิวปิวโกรู (Djúpivogur) เมืองเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในไอซ์แลนด์ เป็นจุดหมายท่องเที่ยวที่น่าอัศจรรย์สำหรับผู้ที่ปรารถนาหาความสงบในบรรยากาศธรรมชาติอันงดงาม รายล้อมไปด้วยภูเขาไฟที่ส่องแสงระยิบระยับและฟยอร์ดที่มีเสน่ห์ ดิวปิวโกรูได้รับการต้อนรับด้วยสถานะ 'Cittaslow' ซึ่งหมายถึง เมืองแห่งความช้าลง หรือเมืองที่ให้คุณค่าแก่ความสงบและคุณภาพชีวิต ในขณะที่เดินชมท่าเรือที่สวยงาม คุณจะได้พบกับชีวิตสัตว์ป่าที่ไม่เหมือนใคร รวมถึงนกทะเลหลากหลายชนิดที่อยู่ในอาณาเขต นอกจากนี้ ดิวปิวโกรูยังเป็นที่รู้จักในเรื่องวรรณกรรมพื้นบ้านและอาหารอร่อยที่ทำจากวัตถุดิบท้องถิ่น โดยเชฟผู้เชี่ยวชาญจะนำเสนอเมนูที่ทำให้คุณได้สัมผัสรสชาติแบบไอซ์แลนด์แท้ ๆ หากคุณรักการสำรวจธรรมชาติ อย่าลืมเดินเล่นไปตามเส้นทางเดินที่นำไปสู่ฟยอร์ดที่น่าทึ่ง สัมผัสความมหัศจรรย์ของน้ำตกและภูเขา ที่จะทำให้คุณเพลิดเพลินไปกับความงดงามในทุกรูปแบบ เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับแรงบันดาลใจในการเดินทางครั้งใหม่ที่ดิวปิวโกรู ประเทศไอซ์แลนด์ ที่รอคุณอยู่!

เอสกิฟยอร์ดูร์ (Eskifjörður) เป็นหมู่บ้านประมงที่น่าหลงใหลซึ่งตั้งอยู่กลางฟยอร์ดตะวันออกของไอซ์แลนด์ เต็มไปด้วยทัศนียภาพที่งดงามของธารน้ำแข็ง, น้ำแข็งในทะเล, ภูเขาไฟ และน้ำตกที่สามารถเข้าถึงได้ทั้งทางบกและทางเรือ สองยอดเขาเด่นคือ เอสเกีย (Eskja) และ โฮลมาทินดูร์ (Hólmatindur) ซึ่งชาวบ้านยกให้โฮลมาทินดูร์เป็นภูเขาที่สวยที่สุดในแถบนี้ เอสกิฟยอร์ดูร์ ก่อตั้งขึ้นในปี 1786 เป็นศูนย์การค้าทางทะเลที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน การเดินเล่นในหมู่บ้านสามารถสัมผัสได้ถึงบรรยากาศย้อนยุคผ่านอาคารประวัติศาสตร์ ท่าเรือ และพิพิธภัณฑ์ทางทะเล รวมถึง Randulfssjóhús Lodge ที่ยังคงรักษาความงดงามตั้งแต่ปี 1890 คุณจะมีโอกาสลิ้มลองปลาฉลามและปลาแห้งที่ผลิตด้วยวิธีดั้งเดิม และยังสามารถลองล่องเรือในฟยอร์ดที่งดงามหรือทำการตกปลาในน่านน้ำชายฝั่งที่อุดมสมบูรณ์ได้อีกด้วย ที่นี่ยังเป็นที่รู้จักสำหรับอัญมณีหินแท้ที่ประณีต ท่านสามารถชมการจัดแสดงหินสปาร์ที่มีชื่อเสียงจากเหมืองสปาร์บนชายฝั่งได้ที่พิพิธภัณฑ์หิน Sören & Sigurborg และคอลเลกชัน Petra ใน Stöðvarfjörður ด้วยขนาดที่กะทัดรัด ทำให้เอสกิฟยอร์ดูร์เหมาะแก่การ探索ภายในวันเดียว สัมผัสมนต์เสน่ห์ของการเดินทางในเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และธรรมชาติที่ไร้ที่สิ้นสุดนี้เถอะ!

อาคูเรย์รีเป็นเมืองหลวงของภาคเหนือของไอซ์แลนด์ และเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวา เป็นเมืองที่มีความเป็นเอกลักษณ์ซึ่งตั้งอยู่ริมฟยอร์ดอันงดงามยาว 60 กิโลเมตร ถูกล้อมรอบด้วยภูเขาทั้งสามด้าน ทำให้ได้รับการปกป้องจากลมทะเลอันรุนแรง สถาปัตยกรรมไม้สไตล์ศตวรรษที่ 19 ยังบอกเล่าเรื่องราวของประวัติศาสตร์ที่นี่ ขณะที่โบสถ์ลูเธอแรนที่มีหอคอยคู่ ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาเขียวข้างริมฟยอร์ด ทำหน้าที่เป็นจุดศูนย์กลางสำคัญของเมือง นอกจากความงามของเมืองแล้ว อาคูเรย์รียังมีภูมิทัศน์ที่น่าทึ่ง ด้านใต้ของเมืองมีภูเขาไรโอลิตที่มีรูปพีระมิดชื่อว่า ซูลูร์ และเสน่ห์ของภูมิภาคนี้ยังไม่จบเพียงเท่านั้น เพราะอีกด้านคือเคอริง ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในเขตเอจาฟยอร์ด คุณจะได้พบกับการเดินป่าและการสำรวจธรรมชาติอันรุ่งโรจน์ในพื้นที่นี้ มาสัมผัสกับมนต์เสน่ห์ของอาคูเรย์รีดื่มด่ำกับประวัติศาสตร์และความงดงามของธรรมชาติ ที่นี่จะทำให้การเดินทางของคุณกลายเป็นประสบการณ์ที่ไม่อาจลืมเลือน และกระตุ้นให้คุณค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ในทุกย่างก้าว

ในประเทศไอซ์แลนด์ ท่าเรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ไอซาฟยอร์ดูร์ (Isafjördur) ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าหลงใหล ไม่เพียงแต่เป็นท่าเรือที่น่าประทับใจตั้งอยู่ท่ามกลางวิวทิวทัศน์ของภูเขาหินสูงโปร่งทั้งสองข้าง แต่ยังตั้งอยู่บนคาบสมุทรที่ยื่นออกไปในน้ำฟยอร์ดสีดำลึกอีกด้วย การเดินทางมาที่นี่จะทำให้คุณได้สัมผัสถึงความสดใสและทันสมัยของเมืองเล็กๆ ที่มีชีวิตชีวา พรั่งพร้อมไปด้วยคาเฟ่และร้านอาหารที่เต็มไปด้วยรสชาติอร่อย พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างอบอุ่น ไอซาฟยอร์ดูร์ไม่เพียงแต่มีความสวยงามแบบธรรมชาติ แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยมสำหรับการผจญภัยกลางธรรมชาติที่งดงามของไอซ์แลนด์ ซึ่งกิจกรรมที่ได้รับความนิยมคือการเล่นสกี เดินป่า และกีฬาทางน้ำ ล้วนแต่เป็นกิจกรรมที่ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับความดิบของธรรมชาติอย่างใกล้ชิด อย่าลืมสัมผัสกลิ่นอายแห่งการผจญภัยที่รอให้คุณค้นพบ ณ ท่าเรือแห่งนี้ ซึ่งจะสร้างแรงบันดาลใจและความทรงจำที่ไม่มีวันลืมเลือนในการเดินทางของคุณในไอซ์แลนด์!

เกรนดาร์ฟยอร์ดูร์ (Grundarfjörður) คือหนึ่งในท่าเรือที่สวยงามที่สุดในไอซ์แลนด์ ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันตกของเกาะ ให้บรรยากาศสงบเงียบ รายล้อมไปด้วยธรรมชาติที่ยังคงความบริสุทธิ์ และภูเขาสูงตระหง่านที่งดงาม การเดินทางมาที่นี่จะพาคุณเข้าสู่โลกแห่งความมหัศจรรย์ ราวกับหลุดเข้าไปในภาพวาดที่มีชีวิต จุดเด่นที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนเกรนดาร์ฟยอร์ดูร์คือ "ภูเขาสการ์ฟตาเฟล" (Kirkjufell) ซึ่งเป็นภูเขาที่มีลักษณะเฉพาะและได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่สวยที่สุดในไอซ์แลนด์ การขึ้นไปชมวิวจากยอดเขา คือประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ อีกทั้งยังมีน้ำตก Kirchjufellsfoss ที่สวยงามท่ามกลางทิวทัศน์อันงดงาม นอกจากธรรมชาติแล้ว เกรนดาร์ฟยอร์ดูร์ยังเป็นที่รู้จักในด้านวัฒนธรรมท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์ โดยคุณสามารถสัมผัสชีวิตของชาวไอซ์แลนด์ดั้งเดิม ผ่านการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นและบ้านเรือนที่ถูกปรับปรุงให้สวยงาม ทำให้คุณรู้สึกใกล้ชิดกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของประเทศนี้ เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินทางที่แสนพิเศษ ณ เกรนดาร์ฟยอร์ดูร์ ท่าเรือแห่งนี้ไม่เพียงเป็นจุดจอดของเรือสำราญ แต่ยังเป็นประตูสู่อันดับต้น ๆ ของประสบการณ์ที่คุณจะไม่มีวันลืม



ยินดีต้อนรับสู่เมืองเคิร์ควอลล์ ซึ่งเป็นเมืองหลักของหมู่เกาะออร์คนีย์ที่สกอตแลนด์ สถานที่ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และเรื่องราวประวัติศาสตร์ในทุกซอกมุม ด้วยถนนเล็ก ๆ ที่คดเคี้ยวและบรรยากาศที่คึกคัก ความประทับใจแรกเมื่อเข้าเมืองคือโบสถ์คันทาร์เบอรี ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่น่าตื่นตาตื่นใจและเป็นสัญลักษณ์ของพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์มากมายที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่ลึกซึ้งของออร์คนีย์ การเดินเล่นในย่านเก่าแก่ของเคิร์ควอลล์จะทำให้คุณได้สัมผัสกับความงามแห่งทัศนียภาพที่ทอดยาวไปยังท่าเรือและท้องทะเลที่สดใส เรือสำราญที่แวะมาที่นี่จะมอบโอกาสให้คุณได้สำรวจร้านค้าและคาเฟ่ท้องถิ่น พร้อมด้วยสิ่งของที่ระลึกที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ นอกจากเคิร์ควอลล์ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น ชายหาดที่สวยงามและแหล่งโบราณคดีที่มีชื่อเสียง ผู้เดินทางสามารถสัมผัสประสบการณ์ที่หลากหลายและน่าจดจำ ในขณะที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่บริสุทธิ์และการต้อนรับที่อบอุ่นจากชาวออร์คนีย์ สัมผัสความมหัศจรรย์นี้ในครั้งต่อไปเมื่อเรือสำราญของคุณจอดที่เคิร์ควอลล์และคอยต้อนรับความฝันแห่งการเดินทาง!

อูลลาปูล (Ullapool) เมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมชายฝั่งของทะเลสาบโลช บรูม (Loch Broom) ในสกอตแลนด์ ถือเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับผู้รักการเดินป่าและการสำรวจธรรมชาติ โดยเฉพาะการล่องเรือไปยังหมู่เกาะซัมเมอร์ (Summer Isles) ที่สวยงาม เริ่มก่อตั้งขึ้นในปี 1788 ในฐานะสถานีประมงเพื่อจับปลาเฮอริ่ง ปัจจุบันอูลลาปูลยังคงรักษาความเป็นเมืองประมงที่มีเรือประมงและเรือยอชต์จากต่างประเทศที่มาเยือน เมื่อมีเรือเฟอรีจากลีวิส (Lewis) มาถึง ท่าเรือของอูลลาปูลจะมีชีวิตชีวา คับคั่งไปด้วยผู้คนและบรรยากาศที่หลากหลาย ซึ่งทำให้เมืองนี้มีความรู้สึกเหมือนเป็นหมู่บ้านนานาชาติ การเดินทางมาที่อูลลาปูลไม่เพียงแต่เป็นการสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่น แต่ยังเป็นโอกาสในการเปิดโลกให้กว้างขึ้นผ่านกิจกรรมการสำรวจธรรมชาติอันตระการตา หากคุณต้องการผจญภัยในทิวทัศน์ที่งดงามของสกอตแลนด์ ไม่ควรพลาดที่จะตั้งใจเยี่ยมชมอูลลาปูล เมืองแห่งความฝันที่รอการค้นพบจากนักเดินทางเช่นคุณ.
Killybegs เมืองชายฝั่งที่เงียบสงบในแคว้น Donegal ของไอร์แลนด์ เป็นเมืองตกปลาอันดับหนึ่งของประเทศ ที่นี่เต็มไปด้วยบรรยากาศสดชื่นและอากาศทะเลที่เย็นสบาย ซึ่งดึงดูดให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกับเสน่ห์ของการใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแต่เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา เรือประมงที่เรียงรายอยู่ริมท่าเรือพร้อมล่องไปในรุ่งเช้า เป็นภาพที่สร้างแรงบันดาลใจในช่วงต้นวัน Killybegs ยังเป็นประตูสู่ทัศนียภาพชายฝั่งที่งดงาม ไม่ว่าจะเป็นการชมประภาคารขาวสะอาดที่คอยเตือนภัยแก่เรือในทะเล หรือการเดินเล่นไปตามชายฝั่งอันตื่นตาตื่นใจ ขึ้นไปชมความงามของ Slieve League ที่ตั้งตระหง่าน ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในยุโรปตะวันตก ตรงนี้นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสความตื่นเต้นเมื่อได้มองเหล่าผาสูงชันที่ดิ่งลงสู่ทะเล ใน Killybegs คุณจะได้พบกับประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร ตั้งแต่บรรยากาศการตกปลาจริง ไปจนถึงการสำรวจธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ หากคุณกำลังมองหาจุดหมายที่น่าพิสูจน์ และสัมผัสการเดินทางที่ไม่ธรรมดา Killybegs คือคำตอบสำหรับคุณในการผจญภัยครั้งหน้าในไอร์แลนด์

เกาะไอร์แลนด์เป็นที่รู้จักในชื่อเสียงของมรดกวัฒนธรรมที่หลากหลาย และเมืองที่มีเสน่ห์แห่งนี้คือ แกลเวย์ (Galway) ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกในจังหวัดคอนน็อคต์ เมืองนี้มีที่ตั้งที่งดงามบนแม่น้ำคอริบ ระหว่างทะเลสาบคอริบและอ่าวแกลเวย์ โดยล้อมรอบด้วยเขตแกลเวย์ เป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยวัฒนธรรมที่ล้ำยุค มีร้านค้าเฉพาะที่เจ้าของท้องถิ่นมักจะนำเสนอสินค้าที่ผลิตในท้องถิ่น เช่น งานฝีมือที่ถูกสร้างสรรค์ด้วยมือ ศูนย์กลางของเมืองคือ อีร์สแควร์ (Eyre Square) สถานที่นัดพบที่นิยม ในขณะที่ร้านค้าและผับแบบดั้งเดิมที่มักจะมีเพลงพื้นบ้านไอริชสดให้ได้ฟังอย่างเต็มอิ่ม นอกจากนี้ ถนนในย่านลาติน (Latin Quarter) ยังเรียงรายไปด้วยคาเฟ่พักผ่อน บูติก และแกลเลอรีศิลปะที่บอกเล่าความเป็นมาของเมืองที่โอบล้อมไปด้วยกำแพงเมืองยุคกลาง ด้วยชื่อเล่นว่า "เมืองแห่งเผ่า" แกลเวย์ได้สืบทอดมรดกของครอบครัวพ่อค้าที่มีอิทธิพลในประวัติศาสตร์เมือง ซึ่งสะท้อนถึงความภูมิใจและมรดกทางวัฒนธรรมที่ยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน การเยี่ยมชมแกลเวย์จึงเป็นการสำรวจสุนทรียภาพทางวัฒนธรรมและความงามธรรมชาติที่ไม่ควรพลาดในเส้นทางการเดินทางของคุณ
บางทีการเดินทางที่น่าทึ่งที่สุดเดินทางมาที่ท่าเรือ Foynes ในประเทศไอร์แลนด์ ท่าเรือแห่งนี้ตั้งอยู่ในจังหวัด Limerick และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ท่าเรือ Foynes เคยเป็นจุดแวะพักสำหรับการเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกในยุคทองของการบิน ถือเป็นประตูสู่โลกแห่งการผจญภัยอันน่าตื่นเต้น เมื่อคุณมาถึง Foynes คุณจะได้พบกับพิพิธภัณฑ์ Foynes Flying Boat ซึ่งมีการจัดแสดงประวัติศาสตร์ของการบินและการเดินเรือ สถานที่นี้ให้คุณได้รับประสบการณ์เสมือนจริงในการบิน คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับเครื่องบินข้ามมหาสมุทรและชมภาพถ่ายเก่าแก่ที่บันทึกเรื่องราวความอัศจรรย์ในอดีต ตลอดเส้นทางเดินเล่น คุณจะได้ฟังเสียงคลื่นและดื่มด่ำกับบรรยากาศที่เงียบสงบซึ่งเต็มไปด้วยเสน่ห์ธรรมชาติ นอกจากนี้ Foynes ยังเป็นจุดเริ่มต้นท่องเที่ยวที่ง่ายดายไปยังสถานที่สำคัญอื่นๆ เช่น หมู่บ้าน Adare ที่งดงาม และปราสาท Bunratty ที่มีชื่อเสียง คุณสามารถสัมผัสวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของไอร์แลนด์ได้อย่างลึกซึ้ง มาเริ่มต้นการเดินทางที่น่าจดจำใน Foynes แห่งนี้ บนเส้นทางของการสร้างความทรงจำที่ไม่มีวันลืมเลือน!

ท่าเรือดิ๊งเลย์ (Dingle Port) ถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่น่าหลงใหลในประเทศไอร์แลนด์ ท่าเรือนี้ตั้งอยู่ในภาคตะวันตกเฉียงใต้ที่สวยงาม ประกอบไปด้วยวิวทะเลที่งดงามและแนวชายฝั่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งทำให้เป็นที่นิยมในหมู่นักเดินทางที่ปรารถนาเปิดโลกในยุโรป เมื่อเรือสำราญของท่านเทียบท่าในดิ๊งเลย์ นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับความงดงามของวิถีชีวิตประมงพื้นบ้าน และเสียงคลื่นที่กระทบฝั่ง หากคุณเป็นคนที่รักการผจญภัย ควรไม่พลาดที่จะสำรวจคาบสมุทรดิงเลย์ (Dingle Peninsula) ที่มีเส้นทางเดินป่าที่งดงาม พร้อมทั้งทิวทัศน์ที่สามารถมองเห็นภูเขาและทะเลเป็นฉากหลัง นอกจากนี้ ท่าเรือดิ๊งเลย์ยังเป็นประตูสู่สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจต่างๆ เช่น สวนแห่งชาติและเกาะสกิลลีย์ (Skellig Islands) ที่ได้ชื่อว่าเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก้ ด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และวัฒนธรรมที่ร่ำรวย มาสัมผัสประสบการณ์การเดินทางที่ไม่เหมือนใครในดิ๊งเลย์ และทำให้การสำรวจนี้กลายเป็นความทรงจำที่มิอาจลืมเลือนในหัวใจของคุณ ผ่านท่าเรือแห่งนี้ที่พร้อมจะนำคุณสู่การผจญภัยที่น่าทึ่งในไอร์แลนด์ ที่รอคอยให้คุณมาค้นพบอย่างไม่มีที่สิ้นสุด.
ท่าเรือ Glengarriff ในไอร์แลนด์เป็นหนึ่งในจุดหมายที่มีเสน่ห์และล่อตาล่อใจนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลก ด้วยความงามของธรรมชาติและบรรยากาศที่เงียบสงบ ทำให้ที่นี่เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจอย่างแท้จริง ท่าเรือแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางภูมิประเทศที่ปกคลุมไปด้วยสวนป่าที่เขียวขจีและภูเขาที่สูงตระหง่าน มอบภาพวิวที่น่าประทับใจไปตลอดการเดินทาง Glengarriff เป็นประตูเข้าสู่สวนแห่งชาติ Knocknagour ซึ่งคุณจะได้ค้นพบเส้นทางเดินป่าอันงดงาม เรียนรู้เกี่ยวกับสัตว์ป่าและพืชพันธุ์ที่หลากหลาย รวมถึงวิวทะเลที่สวยงามจากความสูงของภูเขา ท่าเรือแห่งนี้ยังเป็นจุดเชื่อมต่อสำหรับการเดินทางไปยังเกาะ Garnish ซึ่งเป็นที่รู้จักในเรื่องสวนที่ได้รับการออกแบบอย่างสวยงาม ทำให้คุณได้สัมผัสกับความงามของดอกไม้ในหลากหลายฤดูกาล ที่ Glengarriff คุณจะได้ลิ้มลองอาหารทะเลสดใหม่ที่ปรุงแต่งจากวัตถุดิบท้องถิ่น อีกทั้งยังมีร้านค้าและตลาดที่เต็มไปด้วยของฝากอันแสนประทับใจ เตรียมพร้อมให้คุณกลับบ้านได้อย่างมีความสุข ด้วยบรรยากาศที่เป็นมิตรและการต้อนรับอันอบอุ่นจากคนในท้องถิ่น Glengarriff จึงไม่ได้เป็นเพียงท่าเรือธรรมดา แต่คือสถานที่ที่สร้างประสบการณ์อันน่าจดจำอย่างแท้จริงสำหรับนักเดินทางที่มีหัวใจรักในการค้นพบความงามของโลก.

ท่าเรือโคฟ (Cobh) ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคคอร์ก (Cork) ของไอร์แลนด์ เป็นจุดหมายปลายทางที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และเรื่องราวอันเข้มข้นของประวัติศาสตร์ ท่าเรือแห่งนี้มีบรรยากาศที่งดงามและวิวทิวทัศน์ที่เป็นเอกลักษณ์ โคฟยังเป็นจุดที่เรือสำราญหยุดแวะให้คุณได้สัมผัสเสน่ห์ของความเป็นไอร์แลนด์อย่างแท้จริง หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่คุณไม่ควรพลาดคือเกาะโฟตา (Fota Island) ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เคียง ที่นี่มีสวนพฤกษศาสตร์ที่กว้างใหญ่และสวนสัตว์ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหลากหลายชนิด สำหรับผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์ คฤหาสน์ฟอโต (Fota House) คือสถานที่ที่คุณสามารถสำรวจการใช้ชีวิตของชนชั้นสูงในอดีต นอกจากนี้ โคฟยังมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในฐานะท่าเรือที่ผู้คนต่างเดินทางผ่านมาสู่โลกใหม่ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา การเดินเล่นในย่านเก่าแก่และชมอาคารสถาปัตยกรรมที่มีสีสันจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนหลุดเข้ามาในนิยาย ท่าเรือโคฟจึงเป็นที่ที่เหมาะสมสำหรับนักเดินทางผู้แสวงหาความงามตระการตาและประสบการณ์ที่น่าจดจำ เริ่มต้นการเดินทางที่นี่เพื่อค้นพบทุกเรื่องราวและมนต์เสน่ห์ของไอร์แลนด์ที่รอคุณอยู่!


ท่าเรือเซาแธมป์ตัน นับเป็นท่าเรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ ตั้งอยู่ที่ปากอ่าวเซาแธมป์ตัน ระหว่างแม่น้ำเทสต์และอิตเชน เมืองแห่งนี้เคยเป็นศูนย์กลางการค้าขายที่สำคัญมาตั้งแต่สมัยกลาง โดยมีการส่งออกขนสัตว์และหนังสัตว์จากพื้นที่รอบ ๆ และนำเข้าผลิตภัณฑ์ไวน์จากบอร์โดซ์ แม้เซาแธมป์ตันจะต้องเผชิญกับการทำลายล้างอย่างหนักในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แต่เมืองนี้ก็ได้ฟื้นฟูและสร้างสรรค์ใหม่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว ด้วยอาคารยุคกลางที่ยังคงเหลืออยู่ เช่น บาร์เกต (Bargate) ที่ถือเป็นหนึ่งในประตูเมืองที่สวยงามที่สุดในอังกฤษ นอกจากท่าเรืออันทันสมัยแล้ว เซาแธมป์ตันยังมีกิจกรรมหลากหลายสำหรับนักเดินทาง ที่สามารถสำรวจเมืองแห่งประวัติศาสตร์และเต็มไปด้วยศิลปะ เช่น พิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ที่นำเสนอผลงานศิลปะระดับโลก และยังเป็นจุดเริ่มต้นที่เหมาะสำหรับการออกไปสัมผัสเสน่ห์ของเมืองใกล้เคียง อย่างบอร์นมัธ และสนามกอล์ฟที่สวยงาม การมาที่เซาแธมป์ตันจึงไม่เพียงแค่การเริ่มต้นการเดินทางด้วยเรือสำราญ แต่ยังเป็นโอกาสในการดื่มด่ำกับความงดงามทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของอังกฤษอย่างไม่รู้จบ


เรือสำราญที่มุ่งหน้าไปยังนอร์เวย์จะต้องไม่พลาดที่จะแวะพักที่ท่าเรือโรเซนดาล (Rosendal) เมืองเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามในภูมิภาคฟยอร์ดของนอร์เวย์ สถานที่แห่งนี้มีชื่อเสียงด้วยวิวทิวทัศน์ที่น่าหลงใหลและมีบ้านเรือนสไตล์ประวัติศาสตร์ที่ตั้งอยู่ในบรรยากาศเงียบสงบ ตลอดจนสวนดอกไม้ที่ได้รับการดูแลอย่างดี หนึ่งในจุดเด่นที่ไม่ควรพลาดคือ "คฤหาสน์บาร์นาจ" (Baroniet Rosendal) อันหรูหรา ซึ่งได้แก่สวนดอกไม้แบบอังกฤษที่สวยงามและอาคารที่มีสถาปัตยกรรมอันงดงาม มอบประสบการณ์การเดินเล่นในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโรแมนติก สัมผัสความเก่าแก่ในหลากหลายมุมของอาคารที่มีประวัติยาวนาน นอกจากนี้ โรเซนดาลยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการสำรวจฟยอร์ดในบริเวณใกล้เคียง ท่านสามารถเลือกไปท่องเที่ยวที่ฟยอร์ดเคนไลน์ (Hardangerfjord) ที่มีชื่อเสียงด้วยน้ำทะเลสีฟ้าครามและภูเขาสูงตระหง่าน หรือจะล่องเรือชมธรรมชาติอันงดงามที่สวยสะกดใจ เมื่อได้มาเยือนโรเซนดาลแล้ว คุณจะพบว่าที่นี่เปรียบเสมือนสรวงสวรรค์แห่งความสงบ และเป็นสถานที่ที่สร้างความทรงจำให้คุณตลอดไป ดั่งคำกล่าวที่ว่า "การเดินทางคือการค้นพบตัวเองใหม่" โรเซนดาลคือจุดเริ่มต้นของการเดินทางที่มีความหมายนี้อย่างแท้จริง

นอร์ดฟยอร์เดไอด์ (Nordfjordeid) คือท่าเรือที่อยู่ในประเทศนอร์เวย์ ตั้งอยู่ในแนวชายฝั่งที่งดงามซึ่งถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่สะกดใจนักท่องเที่ยวทุกคน ด้วยบรรยากาศอันเงียบสงบและทิวทัศน์ที่น่าหลงใหล นอร์ดฟยอร์เดไอด์ถูกล้อมรอบด้วยภูเขาที่สูงตระหง่านและฟยอร์ดสีฟ้าครามที่สะท้อนถึงความงดงามของธรรมชาติ สำหรับนักท่องเที่ยวที่แวะมาที่นี่ คุณจะมีโอกาสสัมผัสประสบการณ์อันหลากหลาย ตั้งแต่การเดินป่าในเส้นทางที่มีทิวทัศน์สวยงาม ไปจนถึงการล่องเรือในฟยอร์ดที่มีชื่อเสียง นอกจากนี้ ยังสามารถสำรวจวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของพื้นที่โดยการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์และสถานที่ท่องเที่ยวที่สื่อถึงวิถีชีวิตของชาวนอร์เวย์ การไปเยือนนอร์ดฟยอร์เดไอด์ไม่เพียงแต่จะเติมเต็มแรงบันดาลใจในการเดินทาง แต่ยังช่วยให้คุณมีโอกาสสัมผัสความงามของธรรมชาติในแบบที่ไม่ซ้ำใคร เป็นท่าเรือที่เหมาะแก่การหยุดพักเพื่อให้คุณได้ลิ้มรสความหรูหราและความสงบ ก่อนจะออกเดินทางต่อไปอย่างเต็มที่ในทริปอันน่าจดจำของคุณ!


มอลด์ (Molde) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “เมืองแห่งดอกกุหลาบ” เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในภูมิภาครอมส์ดาล (Romsdal) ของประเทศนอร์เวย์ มอลด์ตั้งอยู่บนคาบสมุทรรอมส์ดาล ล้อมรอบด้วยฟยอร์ดที่งดงาม เช่น ฟานเนฟยอร์ด (Fannefjord) และมอลด์ฟยอร์ด (Moldefjord) เมืองนี้เป็นศูนย์กลางการบริหารของมณฑลมอร์เร่และรอมส์ดาล และเป็นจุดนัดพบทางการค้าในภูมิภาคนี้ การเดินทางมาที่มอลด์จะทำให้คุณได้สัมผัสกับธรรมชาติที่ร่มรื่นและทิวทัศน์ที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ โดยเมืองมอลด์ยาวประมาณ 10 กิโลเมตร อยู่ติดกับชายฝั่งฟยอร์ด การออกสำรวจไปยังหมู่เกาะมอลด์ (Molde Archipelago) และภูเขาไม้ที่สวยงามของมอลด์มาร์กา (Moldemarka) จะเติมเต็มประสบการณ์ในการเยือนนี้อย่างไม่มีวันลืม หากคุณชอบกิจกรรมกลางแจ้ง มอลด์ยังเต็มไปด้วยเส้นทางเดินป่าที่ทำให้คุณได้พบกับบรรยากาศของธรรมชาติที่บริสุทธิ์และน่าหลงใหล อย่าพลาดโอกาสที่จะดื่มด่ำกับวัฒนธรรมท้องถิ่น การเดินชมตลาดในเมืองและลิ้มลองอาหารทะเลสดใหม่ จะทำให้การเดินทางของคุณในมอลด์กลายเป็นความทรงจำที่น่าประทับใจในชีวิต.

คริสเตียนซุนด์ (Kristiansund) เป็นท่าเรือที่สวยงามตั้งอยู่ในประเทศนอร์เวย์ ซึ่งเป็นหมุดหมายที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักเดินเรือสำราญที่ต้องการสัมผัสความงามของทะเลนอร์เวย์ เพียงก้าวเท้าลงสู่ท่าเรือ นักท่องเที่ยวจะถูกดึงดูดด้วยบรรยากาศชวนฝันของเมืองที่ตั้งอยู่บนเกาะเล็ก ๆ น้อย ๆ และมีบ้านเรือนไม้สีสันสดใสที่สะท้อนกับน้ำทะเลใสแจ๋ว จุดเด่นอย่างหนึ่งที่ไม่ควรพลาดคือ “เกาะยาร์แซน” (Yttersidan) ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่ยอดเยี่ยมสำหรับการมองทะเลและภูเขารอบข้าง สำหรับผู้ที่หลงใหลในประวัติศาสตร์ คริสเตียนซุนด์ยังมีพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจ เช่น พิพิธภัณฑ์เคลียร์ซันด์ (Klippfisk Museum) ที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการประมงและอุตสาหกรรมปลาแห้ง ในการเยี่ยมชม คริสเตียนซุนด์ นักท่องเที่ยวจะได้ลิ้มลองอาหารทะเลสดใหม่ ที่ร้านอาหารท้องถิ่นที่มีชื่อเสียง โดยเฉพาะ “ปลาแห้ง” สัญลักษณ์ของเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน นอกจากนี้ยังมีการเดินทางท่องเที่ยวทางน้ำที่มอบประสบการณ์สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด การเดินทางมาเยือนคริสเตียนซุนด์จะเปลี่ยนทุกวันของคุณให้เต็มไปด้วยความทรงจำอันน่าประทับใจ เตรียมตัวให้พร้อม เพื่อเริ่มต้นการผจญภัยในแบบที่คุณเคยฝันไว้

เมืองมอลอย (Måløy) ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันตกของนอร์เวย์ เป็นท่าเรือที่ได้รับการยอมรับในฐานะจุดเชื่อมต่อที่สวยงามและเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ที่น่าหลงใหล ที่นี่เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติอันงดงามและวัฒนธรรมท้องถิ่นที่แตกต่างออกไป เมื่อคุณย่างก้าวเข้าสู่มอลอย คุณจะพบกับทัศนียภาพอันน่าทึ่งของภูเขาและทะเลที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว เรือสำราญที่เข้ามาจอดยังเปิดโอกาสให้คุณได้สัมผัสกับการเดินเล่นบนชายฝั่ง พร้อมกับการสำรวจชายหาดที่สะอาดสะอ้านและน้ำทะเลสีฟ้าคราม ที่นี่ไม่เพียงแต่เป็นท่าเรือ แต่ยังเป็นประตูเข้าสู่การสำรวจวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ นอกจากนี้ มอลอยยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นที่น่าสนใจ ซึ่งเป็นสถานที่ที่รวบรวมประวัติศาสตร์การทำประมง รวมถึงเรื่องราวเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่สอง ที่น่าดึงดูดใจไม่แพ้กัน คุณจะได้พบกับความงดงามของธรรมชาติอย่างจริงจัง และชื่นชมในวัฒนธรรมที่ยังคงสดใหม่ในทุกยุคสมัย มอลอยไม่เพียงแต่เป็นจุดแวะพักที่สะดวกสบายสำหรับนักล่าฝันในทะเล แต่ยังเป็นสถานที่ที่ช่วยเติมเต็มความปรารถนาในการออกสำรวจ เปิดโอกาสให้คุณได้สร้างความทรงจำอันยิ่งใหญ่ในโลกแห่งธรรมชาติที่สวยงามของนอร์เวย์ และแน่นอนว่า จะต้องประทับใจกับเสน่ห์ อันน่าหลงใหลที่รอคุณอยู่ในมอลอย!

สตาวังเงอร์ เมืองท่าเล็กแต่มีเสน่ห์ของนอร์เวย์ ตั้งอยู่ริมมหาสมุทรแอตแลนติก เฟื่องฟูในศตวรรษที่ 19 ในฐานะท่าเรือประมง และห่างไกลจากความซบเซาในอุตสาหกรรมการประมง สตาวังเงอร์ได้เสริมสร้างเศรษฐกิจด้วยการเดินหน้าสู่อุตสาหกรรมการต่อเรือและน้ำมัน ส่งผลให้เมืองนี้มีบรรยากาศที่ทั้งทันสมัยและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สถานที่สำคัญในเมืองคือมหาวิหารสตาวังเงอร์ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1125 ซึ่งเป็นมหาวิหารในยุคกลางแห่งเดียวในนอร์เวย์ที่ยังคงสภาพดั้งเดิม สิ่งที่น่าสนใจรอบๆ เมืองนี้คือฟยอร์ดลิเซฟยอร์ด มีทิวทัศน์อันงดงาม สาภาระรอบด้วยหน้าผาสูงชันและหินรูปทรงแปลกตา นอกจากนี้ คุณยังสามารถเดินทางไปยังฮาฟรส์ฟยอร์ดซึ่งเป็นสถานที่ที่กษัตริย์ฮารัลด์แห่งไวกิ้งเข้าต่อสู้อย่างสำคัญเพื่อเริ่มต้นการรวมชาติของนอร์เวย์ สำหรับผู้ที่มองหาความรู้เพิ่มเติม สามารถแวะชมพิพิธภัณฑ์น้ำมัน ซึ่งจะทำให้คุณเข้าใจถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมนี้ในบริบทของเมืองและประเทศ หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ลงตัวระหว่างวัฒนธรรมและธรรมชาติ สตาวังเงอร์คือจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดในการเดินทางครั้งต่อไปของคุณ!
เมื่อเรือสำราญของคุณลอยลำมาถึงท่าเรือ Mandal แห่งประเทศนอร์เวย์ สถานที่นี้จะทำให้คุณได้สัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมที่หลากหลาย ด้วยบรรยากาศของเมืองท่าสมัยใหม่ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์เก่าแก่ Mandal โดดเด่นด้วยบ้านไม้ที่มีสีสันสดใสเรียงรายอยู่ริมชายฝั่ง และบรรยากาศที่เงียบสงบ แต่งดงามอย่างลงตัว ย่างก้าวเข้าสู่ Mandal คุณจะพบกับชายหาดที่มีทรายขาว และน้ำทะเลใสแห่ง Skagen ที่เหมาะแก่การว่ายน้ำและพักผ่อน หรือจะเลือกเดินเล่นในย่านช็อปปิ้งและร้านอาหารที่เสิร์ฟอาหารทะเลสดใหม่ที่น่ารับประทาน เจ้าสำนวนนอร์เวย์มันส์รองรับทุกความต้องการของคุณ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบศิลปะและวัฒนธรรม Mandal ยังมีพิพิธภัณฑ์ศิลป์ที่จัดแสดงผลงานของศิลปินที่มีชื่อเสียง คุณสามารถเดินชมผลงานที่แปลกตา และร่วมเวิร์กช็อปสร้างสรรค์ได้ นอกจากความงดงามของ Mandal ยังมีทิวทัศน์ที่น่าตื่นตาตื่นใจในบริเวณใกล้เคียง ตลอดเส้นทางคุณจะได้พบกับฟยอร์ดที่สะท้อนแสงแดดส่องเป็นประกาย และหมู่เกาะที่รอให้คุณค้นพบ ความสุขในการเดินทางเริ่มต้นที่ Mandal ท่าเรือที่ถือว่าเป็นประตูสู่ความงามแห่งประเทศนอร์เวย์ ที่ทุกคนควรมาเยือนสักครั้งในชีวิต.


ออสโล เมืองหลวงของนอร์เวย์และเมืองที่ใหญ่ที่สุด ตั้งอยู่ที่ปลายฟยอร์ดออสโลที่งดงาม ท่ามกลางภูเขาและป่าไม้ที่เขียวชอุ่ม เมืองนี้เป็นศูนย์กลางของศิลปะและวัฒนธรรม โดยมีพิพิธภัณฑ์กว่า 50 แห่ง ตั้งอยู่ในบริเวณที่มีคำว่า “ศิลปะ” ที่พร้อมให้คุณค้นพบ ไม่ว่าจะเป็นแกลเลอรีสุดหรู สวนประติมากรรมอันงดงาม หรือแม้แต่พระราชวังอันวิจิตร ออสโลยังมีอาคารสถาปัตยกรรมสไตล์ศตวรรษที่ 19 ที่สวยงาม ประกอบกับถนนกว้างขวาง ทําให้การสำรวจเมืองนี้เป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น ประวัติศาสตร์ของออสโลยาวนานกว่า 1,000 ปี ซึ่งเต็มไปด้วยมรดกทางการเดินเรือจากยุคไวกิ้งจนถึงการผจญภัยของธอร์ เฮเยอร์ดาห์ล ผู้ที่โด่งดังจากการเดินทางด้วยเรือคอนทิกิ ให้คุณได้สัมผัสกับความมหัศจรรย์ของออสโลผ่านทริปสุดพิเศษที่เรานำเสนอ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและกระตุ้นการเดินทางของคุณในเมืองที่อัดแน่นไปด้วยประวัติศาสตร์และศิลปะ ออสโลจะเปิดประตูให้คุณเข้าสู่โลกที่เต็มไปด้วยความสวยงามและเรื่องราวที่น่าทึ่ง.












เจ้าของสวีทใหม่ที่มีการออกแบบอย่างหรูหราและเฟอร์นิเจอร์ที่มีเอกลักษณ์จำนวนหกห้อง เป็นห้องที่มักถูกจองอย่างรวดเร็ว สวีทเหล่านี้กว้างใหญ่ถึงประมาณ 1,000 ตารางฟุต และเป็นโอเอซิสแห่งความเงียบสงบและการผ่อนคลาย เพลิดเพลินกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน โดยมีห้องน้ำที่ได้รับการออกแบบใหม่สุดหรูซึ่งมีฝักบัวขนาดใหญ่ สวีทยังมีระเบียงไม้สักส่วนตัว และโทรทัศน์จอแบนสองเครื่องเพื่อความสะดวกสบายที่สุด นอกจากนี้ ผู้เข้าพักยังได้รับสิทธิพิเศษมากมาย อาทิ บริการซักรีดฟรีสูงสุดสามกระเป๋าต่อห้อง บริการผู้ช่วยส่วนตัว 24 ชั่วโมง และการเข้าถึงสปา Aquamar Terrace อย่างไม่จำกัด ทั้งนี้ยังมีการต้อนรับด้วยแชมเปญฟรีและชุดของขวัญจากบุลการี รวมทั้งสิทธิพิเศษในการจองร้านอาหารและบริการอื่นๆ เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่ไม่เหมือนใครในทุกมิติของความหรูหราในเจ้าของสวีทแห่งนี้







ห้องพักชื่อว่า วิสตา สวีท มอบวิวที่งดงามไปยังส่วนหน้าเรือ คุณจะพบกับสีสันที่สงบซึ่งสื่อถึงทะเลที่เงียบสงบและท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ ห้องพักแต่ละห้องมีขนาดกว้างถึง 786 ตารางฟุต พร้อมทุกความสะดวกสบายที่คาดหวัง รวมถึงห้องน้ำที่สองสำหรับแขก และห้องน้ำหลักที่ตกแต่งด้วยหินออนิกซ์ หินอ่อนคารารา และหินแกรนิต พร้อมฝักบัวอาบน้ำสุดหรู คุณสามารถนั่งพักผ่อนบนระเบียงไม้ทีคหรือชมภาพยนตร์ผ่านระบบบันเทิงที่ปรับแต่งตามความต้องการของคุณ นอกจากนี้ ห้อง วิสตา สวีท ยังมีบริการพิเศษเพิ่มเติม เช่น บริการซักรีดฟรีสูงสุด 3 ถุงต่อห้องพัก การลงทะเบียนขึ้นเรือเวลา 11.00 น. ด้วยความสำคัญ รวมถึงบริการผู้ช่วยส่วนตัวตลอด 24 ชั่วโมง บาร์ในห้องพักที่มีเครื่องดื่มคุณภาพสูงและไวน์ 6 ขวดฟรี น้ำผลไม้สดที่เติมวันต่อวัน และการสำรองที่นั่งในร้านอาหารพิเศษออนไลน์ล่วงหน้า นอกจากนี้ยังมีการเข้าถึง Aquamar Spa Terrace แบบไม่จำกัด ไอแพดให้บริการตามคำขอ และชุดของขวัญจากแบรนด์บูร์การิ สิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลาย รวมถึงผ้าห่มแคชเมียร์และตัวเลือกของหมอนจากคอลเลกชันสุดหรู โปรดทราบว่าสูบบุหรี่ในห้องพัก ห้องสเตเตอร์รูมและบนระเบียงเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างเคร่งครัด




เพนท์เฮาส์สวีทของเราเป็นห้องขนาด 322 ตารางฟุตที่ประดับประดาด้วยผ้าหรูหราและเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์ในโทนสีสงบสุขของทะเลและท้องฟ้า ห้องนี้กว้างขวางพอสำหรับการรับประทานอาหารในห้องส่วนตัว พื้นที่นั่งเล่นมีมินิบาร์เย็นๆ และโต๊ะเครื่องแป้ง ในขณะที่ห้องน้ำได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อให้มีการตกแต่งด้วยหินหรูหราและฝักบัวอาบน้ำที่ทันสมัย เพนท์เฮาส์สวีทยังมอบสิทธิประโยชน์มากมาย เช่น บริการซักรีดฟรีสูงสุด 3 ถุงต่อห้อง, การขึ้นเรือในเวลา 11.00 น. โดยมีการจัดส่งกระเป๋าอย่างเร่งด่วน, การบริการบัตเลอร์ตลอด 24 ชั่วโมง, แชมเปญต้อนรับฟรี, การจองร้านอาหารพิเศษออนไลน์ลำดับความสำคัญ, การเข้าถึง Aquamar Spa Terrace อย่างไม่จำกัด, iPad® สำหรับความบันเทิงขณะอยู่บนเรือตามคำขอ, ถุงผ้าสะพายแบรนด์ Oceania Cruises และกระดาษจดหมายส่วนตัว, ผ้าห่มแคชเมียร์สำหรับการพักผ่อนบนระเบียง, บริการขัดรองเท้าฟรี และบริการรีดผ้าฟรีเมื่อขึ้นเรือ โปรดทราบว่าการสูบบุหรี่ในห้องสวีท, ห้องพัก และบนระเบียงเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างเคร่งครัด



ระดับห้องพักคอนเซียร์จพร้อมระเบียง (Category A Concierge Level Veranda Staterooms) ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ต้องการมากที่สุดบนเรือ นำเสนอการผสมผสานระหว่างคุณค่าและความหรูหราอย่างลงตัว ห้องพักขนาด 216 ตารางฟุตนี้ได้รับการออกแบบใหม่อย่างทันสมัย มอบสิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นที่ต้องการและสิทธิพิเศษเฉพาะ เช่น บริการซักรีดฟรี ทำให้การเข้าพักของคุณไร้กังวลยิ่งขึ้น การตกแต่งใหม่ที่สดใส เตียง Tranquility ที่นุ่มสบาย และระเบียงที่ได้รับแรงบันดาลใจใหม่พร้อมเฟอร์นิเจอร์ที่มีสไตล์ ครบครันประสบการณ์คอนเซียร์จอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ยังมีสิทธิพิเศษเฉพาะสำหรับผู้เข้าพักในห้องคอนเซียร์จ เช่น บริการซักรีดฟรีสูงสุดถึง 3 ถุงต่อห้องพัก เมนูบริการอาหารกลางวันและอาหารเย็นที่ขยายออกจากห้องอาหารหลัก การขึ้นเรือในช่วงกลางวันอย่างมีลำดับความสำคัญ ขวดแชมเปญต้อนรับฟรี การจองร้านอาหารพิเศษออนไลน์ล่วงหน้าอย่างมีลำดับความสำคัญ การเข้าถึง Aquamar Spa Terrace ได้ไม่จำกัด iPad® ที่สามารถขอใช้ได้เมื่ออยู่บนเรือ กระเป๋าผ้าลาย Oceania Cruises ฟรี ผ้าห่มแคชเมียร์ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนบนระเบียง และบริการรีดเสื้อผ้าฟรีเมื่อขึ้นเรือ โดยห้ามสูบบุหรี่ในห้องและบริเวณระเบียงโดยเด็ดขาด ไม่ว่าคุณจะมองหาความสะดวกสบายหรือหรูหรา ห้องพักนี้ตอบสนองความต้องการของคุณได้อย่างครบถ้วน




ระเบียง客艙 ขนาด 216 ตารางฟุต ถูกออกแบบอย่างหรูหราด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ปรับแต่งเฉพาะตัว, การตกแต่งด้วยหินที่แปลกใหม่, เตียงหัวนุ่ม และโคมไฟที่มีสไตล์ ทำให้คุณได้สัมผัสความหรูหราแบบไม่ซ้ำใคร นอกเหนือจากการชมวิวที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาแล้ว ห้องพักยังมีระเบียงไม้สักส่วนตัว ซึ่งคือความสะดวกสบายที่ผู้เข้าพักประทับใจมากที่สุด สะดวกสบายในแต่ละห้องพักประกอบไปด้วยโต๊ะแต่งตัว, มินิบาร์ที่มีความเย็น, โต๊ะสำหรับรับประทานอาหารเช้า และพื้นที่นั่งเล่นที่กว้างขวาง สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกพิเศษในระเบียง客艙 ได้แก่ เตียง Tranquility Bed ที่เป็นเอกสิทธิ์ของ Oceania Cruises ปลอกผ้าปูที่นอนด้าย 1,000 เส้น, เครื่องดื่มอ่อนที่เติมฟรีทุกวันในมินิบาร์, น้ำ Vero ทั้งแบบธรรมดาและแบบซ้ำ, อุปกรณ์บูลการิ, บริการรูมเซอร์วิสตลอด 24 ชั่วโมง, บริการทำความสะอาดวันละสองครั้ง, ช็อกโกแลตเบลเยียมในช่วงคืน, ระบบทีวีแบบอินเตอร์แอคทีฟพร้อมภาพยนตร์ตามสั่ง, การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตไร้สายและบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่, โต๊ะเขียนหนังสือพร้อมเอกสาร, ผ้าขนหนูฝ้ายเนื้อนุ่ม, เสื้อคลุมและรองเท้าใส่ในบ้านที่หนา, ไดร์เป่าผมแบบพกพา, ตู้นิรภัยเพื่อความปลอดภัย ห้ามสูบบุหรี่ในห้องสวีท ห้องพัก และบนระเบียงโดยเด็ดขาด


ห้องพักเดลักซ์วิวทะเลขนาด 165 ตารางฟุตได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อให้รู้สึกกว้างขวางยิ่งขึ้น ด้วยพื้นที่นั่งเล่นที่กว้างขวาง โต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เย็นขนาดเล็ก และโต๊ะสำหรับรับประทานอาหารที่ได้รับการตกแต่งด้วยเฉดสีที่นุ่มนวลและวัสดุที่มีสไตล์ การตกแต่งที่ทันสมัยช่วยให้ผู้เข้าพักรู้สึกผ่อนคลายและหรูหราทุกครั้งที่เข้าพัก ห้องพักนี้มีบริการฟรีต่างๆ อาทิ เครื่องดื่มอัดลมที่เติมให้ทุกวัน น้ำ Vero ที่ให้บริการทั้งแบบไม่มีอากาศและแบบมีอากาศ ตลอดจนบริการรูมเซอร์วิสตลอด 24 ชั่วโมง ที่นี่ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่คัดสรรมาสำหรับคุณ อาทิเช่น เตียง Tranquility ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Oceania Cruises ชุดอุปกรณ์ Bulgari การทำความสะอาดห้องสองครั้งต่อวัน และระบบโทรทัศน์แบบอินเตอร์แอคทีฟที่มีภาพยนตร์ตามสั่ง นอกจากนี้ยังมีบริการอินเตอร์เน็ตแบบไร้สายและการเข้าถึงเครือข่ายมือถือ โต๊ะเขียนหนังสือและอุปกรณ์การเขียน ผ้าขนหนู ฝาโรบิน และรองเท้าอาบน้ำที่นุ่มสบาย ไดร์เป่าผมแบบมือถือ ตู้นิรภัย และช็อกโกแลตเบลเยี่ยมในบริการนอนเสริม โดยเฉพาะสำหรับห้องพักที่มีความต้องการพิเศษ จะมีการจัดเตรียมให้มีพื้นที่สำหรับอุปกรณ์ช่วยยก ชุดประตูห้องน้ำขนาดใหญ่ ราวจับในห้องน้ำ และห้องน้ำที่ออกแบบให้เข้าถึงได้สะดวกแบบไม่มีรอบสูง รวมถึงอ่างอาบน้ำ วางแผนการพักผ่อนหรูหราของคุณได้แล้ววันนี้ในห้องพักเดลักซ์วิวทะเลที่รอให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์อันน่าประทับใจนี้!


ห้องพัก客艙วิวทะเล (D) ขนาด 165 ตารางฟุตที่ได้รับการออกแบบอย่างมีเสน่ห์ นำเสนอการตกแต่งที่ทันสมัยและสะดวกสบาย ซึ่งคิดค้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พื้นที่และความสะดวกสบาย ห้องพักนี้มีมุมพักผ่อนที่สะดวกสบาย พร้อมโซฟาที่ให้คุณยืดตัวออกได้, โต๊ะทำงาน, โต๊ะสำหรับรับประทานอาหารเช้า และมินิบาร์ที่มีตู้เย็น ภายในห้องยังมีบริการสิ่งอำนวยความสะดวกฟรี เช่น น้ำอัดลมเติมให้รายวันในมินิบาร์, น้ำ Vero ที่เป็นทั้งน้ำเปล่าและน้ำอัดลมฟรี และบริการรูมเซอร์วิสตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้คุณยังจะได้สัมผัสกับเตียง Tranquility ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Oceania Cruises, สินค้าอาบน้ำ Bulgari, บริการทำความสะอาดห้องพักวันละสองครั้ง, ระบบโทรทัศน์อินเตอร์แอคทีฟที่มีภาพยนตร์ตามสั่ง และการบริการอินเทอร์เน็ตไร้สาย พร้อมการบริการของเจ้าหน้าที่ ที่จัดเตรียมผ้าขนหนู, เสื้อคลุม, และรองเท้าอาบน้ำที่ทำจากผ้าฝ้ายคุณภาพสูง พร้อมบริการเปลี่ยนให้ตื่นขึ้นมาพร้อมช็อกโกแลตเบลเจียน นอกจากนี้ยังมีเครื่องเป่าผม, ตู้นิรภัย, และการบริการที่ไม่อนุญาตให้สูบบุหรี่ในห้องพักหรือระเบียงทางเดินอีกด้วย


ห้องพักมองเห็นทะเล (E) ตั้งอยู่ใจกลางชั้น 6 ขนาด 143 ตารางฟุต โดยมีการออกแบบที่สดใหม่พร้อมหน้าต่างพาโนรามาที่มองเห็นวิวสวยงาม แม้จะมีมุมมองที่ถูกบังบางส่วน ห้องพักนี้มีโต๊ะเครื่องแป้ง มินิบาร์แบบเย็น โต๊ะสำหรับทานอาหารเช้า และตู้เสื้อผ้าที่กว้างขวาง สิ่งอำนวยความสะดวกได้แก่ เตียง Ultra Tranquility ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Oceania Cruises, ผลิตภัณฑ์ดูแลจาก Bulgari, ช็อกโกแลตเบลเยี่ยมสุดพิเศษพร้อมบริการจัดเตียงประจำทุกคืน, บริการห้องพักตลอด 24 ชั่วโมงฟรี, โทรทัศน์จอแบนพร้อมเครื่องเล่น DVD และสื่อมากมาย รวมถึงการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตไร้สายและบริการโทรศัพท์มือถือ ห้องพักยังมีโต๊ะเขียนหนังสือพร้อมอุปกรณ์ต่างๆ, ผ้าขนหนู ผ้านวม และรองเท้าอาบน้ำที่นุ่มสบาย, ไดร์เป่าผมแบบพกพา, และตู้นิรภัยเพื่อความปลอดภัย โดยห้องพักทั้งหมดและห้องชุดจะปลอดบุหรี่。


重新設計的ห้องพักภายใน以現代風格為特色,擁有160平方英尺的奢華空間。這個愉悅的私人度假空間包括舒適的座位區、化妝台、冰箱迷你酒吧及充足的儲物空間,而巧妙的空間利用更襯托出全新的裝飾風格。 這個房型的住客可享受多項免費設施,包括每日補充的飲料、靜水與氣泡水以及24小時房務菜單。房內配備了專屬的Tranquility床、Bulgari洗浴用品、每日兩次的客房清潔服務,以及互動電視系統,提供隨需應變的電影和天氣資訊。無線網絡及行動電話服務隨時可用,還配有書寫桌和文具、柔軟的棉質毛巾、浴袍及拖鞋,並提供手持吹風機、安全保險箱及晚間服務的比利時巧克力。您在此的放鬆經歷將無與倫比,然而請注意,所有套房和客艙均禁止吸煙。

ห้องพักริมทะเลสำหรับเดี่ยว ขนาด 143 ตารางฟุต เป็นพื้นที่พักผ่อนที่สมบูรณ์แบบสำหรับนักเดินทางคนเดียว ตั้งอยู่ในทำเลที่สะดวกสบายบนชั้น 6 ห้องพักทุกห้องมีเตียง Tranquility Bed ที่หลับสบายอย่างยิ่ง มินิบาร์ที่มีความเย็น และโต๊ะเขียนหนังสือ พร้อมด้วยพื้นที่เก็บของที่กว้างขวาง ทำให้คุณรู้สึกสะดวกสบายตลอดการเข้าพัก.