
02-27217300
02-27217179
service@siloahtravel.com
Monday ~ Friday 09:00-18:00
14F.-3, No.137, Sec. 1, Fuxing S. Rd., Da’an Dist., Taipei City 106, Taiwan
Representative: Tung-Hua Tai
VAT: 43871553
交觀甲793500 品保北2260 隱私權條款
IATA: 96137764
Copyright © 2025 Siloah Travel Co., Ltd.. All rights reserved.

Oceania Insignia
โอเชียเนีย ครูซส์


ท่าเรือทิลบิวรี (Tilbury) ตั้งอยู่ห่างจากสะพานทาวเวอร์ (Tower Bridge) ในกรุงลอนดอนเพียง 22 ไมล์ทะเล เป็นท่าเรือที่มีชื่อเสียงในการเป็นจุดแวะสำหรับเรือสำราญที่นำผู้โดยสารไปยังจุดหมายปลายทางในภูมิภาคบอลติกและยุโรปเหนือ ที่นี่มีบรรยากาศที่ผสมผสานกับประวัติศาสตร์อันยาวนานของอังกฤษ ทิลบิวรีไม่เพียงแต่เป็นท่าเรือที่สะดวกสบายสำหรับการเดินทาง แต่ยังมีสถานที่น่าสนใจใกล้เคียงอีกมากมาย ที่โดดเด่นคือปราสาทเชสเตอร์ (Castle of Chester) ที่เป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมอังกฤษซึ่งมีอายุนับร้อยปี นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมวิวริมแม่น้ำเทมส์ (River Thames) ขณะที่สัมผัสกับความสง่างามของวิถีชีวิตในอดีต นอกจากนี้ ทิลบิวรียังเชื่อมต่อกับการเดินทางสู่ลอนดอนที่เต็มไปด้วยความคึกคัก พร้อมทั้งมีตลาดท้องถิ่นที่ให้คุณได้สัมผัสกับวัฒนธรรมการกินและการใช้ชีวิตของคนอังกฤษอย่างแท้จริง การมาที่ท่าเรือทิลบิวรีจึงไม่ใช่เพียงแค่การเริ่มต้นการเดินทางอันยิ่งใหญ่ แต่ยังเป็นโอกาสในการค้นพบความงามและเอกลักษณ์ของอังกฤษที่จะทำให้คุณหลงใหลและใฝ่ฝันอยากกลับมาอีกครั้ง

ท่าเรือ IJmuiden ตั้งอยู่ในภาคเหนือของเนเธอร์แลนด์ เป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญสู่ทะเลเหนือ โดยมีท่าเรือถึงสี่แห่ง ได้แก่ Vissershaven, Haringhaven, IJmondhaven และ Seaport Marina ที่ใช้สำหรับเรือพาณิชย์และเรือสำราญ ท่าเรือนี้ถือเป็นท่าเรือประมงที่ใหญ่ที่สุดของเนเธอร์แลนด์ แม้ว่าจะเป็นเมืองที่มีอายุยังน้อย แต่ก็เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ IJmuiden ได้รับการพัฒนาขึ้นในช่วงปี 1870 เมื่อมีการเปิดคลองทะเลเหนือ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เมืองนี้ถูกทำลายโดยกองทัพเยอรมัน แต่หลังจากปี 1945 ได้ถูกสร้างขึ้นใหม่โดยสถาปนิก Willem Marinus Dudok ซึ่งออกแบบอาคารที่โดดเด่นอย่าง Stadhuis van Velsen ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาโดยเรือสำราญ IJmuiden คือประตูสู่กรุงอัมสเตอร์ดัม เมืองหลวงของเนเธอร์แลนด์ และเป็นหนึ่งในเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุโรป ที่มีคลองสวยงาม คล้ายคลึงกับภาพวาดที่มีชื่อเสียง นอกจากนั้น ยังมีพิพิธภัณฑ์และแกลเลอรีที่มีงานศิลปะระดับโลก สำหรับการเดินทางจากท่าเรือไปยังใจกลาง IJmuiden มีบริการรถรับส่งฟรี ซึ่งทำให้การเดินทางสะดวกสบายและน่าประทับใจยิ่งขึ้น


ท่าเรือ Newhaven ในเอดินบะระ สกอตแลนด์ ตั้งอยู่ระหว่าง Leith และ Granton ห่างจากใจกลางเมืองประมาณ 2 ไมล์ ท่าเรือแห่งนี้ถูกพัฒนาเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่น่าหลงใหล ที่นำเสนอประสบการณ์การเดินทางสุดหรูท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามและวัฒนธรรมที่มีเสน่ห์ของเมือง Newhaven เคยเป็นหมู่บ้านและท่าเรือน้อยที่ตั้งอยู่ริม Firth of Forth ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นจุดเชื่อมต่อที่สะดวกสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสำรวจความงามของเมืองเอดินบะระแสนมีชีวิตชีวา เมื่อเดินทางมาที่นี่ นักท่องเที่ยวจะได้พบกับทัศนียภาพที่น่าประทับใจของท่าเรือและเรือดอกไม้สวยที่ลอยอยู่ในทะเล รวมทั้งมีกิจกรรมต่างๆ ให้เลือกมากมาย เช่น การล่องเรือชมวิวและการปั่นจักรยานตามแนวชายฝั่ง หากคุณหลงใหลในประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม เพียงไม่นานหลังจากนั้นคุณจะถูกพาไปยังเอดินบะระที่อัดแน่นไปด้วยสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น ปราสาทเอดินบะระและ Royal Mile เพื่อให้คุณได้สัมผัสกับพลังของประวัติศาสตร์ที่มีชีวิตชีวาของสกอตแลนด์ Newhaven ไม่ได้เป็นเพียงท่าเรือที่น่าประทับใจ แต่ยังเป็นประตูสู่การสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ และการหลงใหลในบรรยากาศอันอบอุ่นของเมืองเอดินบะระ อย่าพลาดโอกาสนี้ที่จะสัมผัสประสบการณ์ที่แสนพิเศษและสร้างความทรงจำที่ไม่รู้ลืมในดินแดนแห่งความฝันนี้

อเบอร์ดีน เป็นเมืองท่าที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และมีความสำคัญในสกอตแลนด์ โดยมีประชากรประมาณ 220,000 คน ถือเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ เมืองนี้ได้ชื่อว่า "เมืองแกรนิต" หรือ "เมืองเทา" เนื่องจากอาคารหลากหลายหลังสร้างจากแกรนิตสีเทาที่ขุดขึ้นในท้องถิ่น ตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ถึงกลางศตวรรษที่ 20 แกรนิตอเบอร์ดีนยังเคยใช้ในการสร้างอาคารสำคัญๆ อย่างเช่น อาคารรัฐสภาในลอนดอนและสะพานวอเตอร์ลู นอกจากนี้ อเบอร์ดีนยังได้ชื่อว่าเป็น "เมืองหลวงน้ำมันแห่งยุโรป" เนื่องจากมีการค้นพบน้ำมันในทะเลเหนือในช่วงทศวรรษที่ 1970 ทำให้ท่าเรือของเมืองนี้มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจอย่างมาก และสนามบินเฮลิคอปเตอร์ที่เชื่อมต่อไปยังแหล่งน้ำมันในทะเลเหนือ เป็นหนึ่งในสนามบินเฮลิคอปเตอร์ที่คึกคักที่สุดในโลก การเดินทางมายังอเบอร์ดีนจะทำให้คุณได้สัมผัสกับประวัติศาสตร์วรรณกรรมที่ยิ่งใหญ่ และวัฒนธรรมที่น่าหลงใหล อีกทั้งยังมีทิวทัศน์ที่งดงามและทะเลที่สวยงาม ช่วยเติมเต็มประสบการณ์การเดินทางที่หรูหราและน่าจดจำสำหรับนักเดินทางทุกคน

เลอร์วิค เมืองเล็กที่มีเสน่ห์ ตั้งอยู่บนหมู่เกาะเชตแลนด์ (Shetland Islands) ของสกอตแลนด์ เป็นจุดหมายอันดับต้น ๆ สำหรับนักท่องเที่ยวที่มุ่งหน้าเข้าสู่ท่าเรือที่มีชีวิตชีวานี้ เมืองนี้ก่อตั้งขึ้นโดยชาวดัตช์ในศตวรรษที่ 17 และยังคงรักษาความงามของอาคารหินที่เรียกว่า "ล๊อดเบอรีส์" ซึ่งเป็นสถานที่ขนส่งสินค้าที่สำคัญในอดีต นี่คือเสน่ห์ที่ดึงดูดผู้คนและสะท้อนถึงความรุ่งเรืองในอดีตของเมืองนี้ เมื่อเดินเรือเข้าท่าเลอร์วิค คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศของท่าเรือที่ปัจจุบันยังมีความคึกคัก ด้วยถนนที่ปูด้วยแผ่นหินและวิวชายฝั่งที่งดงาม ทำให้ที่นี่เป็นเสมือนประตูสู่การสำรวจความงามของเชตแลนด์ สำหรับนักเดินทางที่มาเยือน ยังมีโอกาสได้พบปะกับวัฒนธรรมชาวเซลติก ที่สำคัญ และการชมธรรมชาติที่น่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นชายหาดที่ป่าเขียวขจีหรือสัตว์ป่าในท้องถิ่น ด้วยความเพลิดเพลินและน่าหลงใหลที่เลอร์วิคมอบให้ คุณจะได้สัมผัสกับการเดินทางที่ไม่เหมือนใคร คอยต้อนรับความตื่นเต้นในทุกขั้นตอนของการสำรวจสมบัติที่ซ่อนอยู่ในภูมิภาคนี้

ท่าเรือ Portree บนเกาะ Skye ในสกอตแลนด์ เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าหลงใหลซึ่งเต็มไปด้วยเสน่ห์อันโรแมนติกและวิวทิวทัศน์ที่งดงาม เกาะ Skye เป็นที่รู้จักในเรื่องของภูเขา Cuillin ที่มายืมความสวยงามแบบธรรมชาติ ตั้งอยู่ใกล้กับแผ่นดินใหญ่ ทำให้เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวที่ต้องการค้นหาความลึกลับและมนต์เสน่ห์ของภูเขาและทะเล การได้ชมพระอาทิตย์ตกดินที่นี่ เป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน โดยเฉพาะแสงสีทองที่สาดส่องจนค่อนคืน นักท่องเที่ยวสามารถสำรวจเกาะได้อย่างง่ายดายด้วยถนนสายหลักที่ห้อมล้อมขึ้นทางเหนือและใต้ของเกาะ ประเด็นเด่นคือบ้านเก่าแก่ที่บางหลังยังมีผู้อาศัย ซึ่งมีผนังหินหนาและหลังคาหญ้าตามที่เห็นในภาพถ่ายที่หลากหลาย สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินทาง มีเส้นทางที่สวยงามของ Sleat Peninsula ที่เชื่อมโยงทิวทัศน์อันสะกดตา จนท่านต้องเพลิดเพลินไปกับการขับรถไปทั่วทั้งเกาะ Portree ไม่เพียงแต่เป็นท่าเรือที่สำคัญ ยังเป็นประตูสู่การผจญภัยในธรรมชาติที่แท้จริง ที่จะเติมเต็มจิตวิญญาณของนักเดินทางทุกคน ด้วยบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสงบและความงามที่น่าอัศจรรย์ เกาะ Skye คือจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดในชีวิตของคุณ

เบลฟาสต์ เมืองหลวงของไอร์แลนด์เหนือ เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และความเจริญรุ่งเรือง ตั้งอยู่บนริมฝั่งทะเลไอริช โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า Béal Feirste ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านการผลิตผ้าไหมและการสร้างเรือ ที่นี่เคยเป็นบ้านของชัยชนะในการสร้างไททานิค เรือสำราญที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยการพัฒนาที่ก้าวกระโดดในศตวรรษที่ 18 เบลฟาสต์กลายเป็นเมืองอุตสาหกรรมที่สำคัญ มีประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ในช่วงเวลาหนึ่ง เมืองนี้ต้องเผชิญกับความขัดแย้งทางด้านศาสนา จนกระทั่งสงครามที่เรียกว่า “Troubles” สิ้นสุดลงในปี 1994 หลังจากนั้น เมืองได้เริ่มการฟื้นฟู ซึ่งรวมไปถึงการลงทุนในโรงแรมใหม่ ๆ และการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวที่ทำให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลมายังเมือง ปัจจุบัน เบลฟาสต์มีพื้นที่ใจกลางเมืองที่เดินง่าย ประกอบด้วยแหล่งท่องเที่ยวสำคัญมากมาย เช่น หอศิลป์พิพิธภัณฑ์ โบสถ์ และโรงละคร การสำรวจเมืองนี้จะสร้างประสบการณ์ที่น่าหลงใหลและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่รักการเดินทางไปยังดินแดนที่มีเสน่ห์และประวัติศาสตร์อันล้ำค่าดังกล่าว

ดันลาเกียร์ (Dun Laoghaire) เมืองท่าอันงดงามของไอร์แลนด์ ตั้งอยู่ห่างจากดับลินเมืองหลวงเพียงไม่กี่กิโลเมตร เป็นจุดเชื่อมต่อทะเลที่มีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ดันลาเกียร์ไม่เพียงแต่เป็นท่าเรือที่สำคัญสำหรับเรือสำราญ แต่ยังเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจที่ให้คุณสัมผัสบรรยากาศอันสดชื่นของทะเลแอตแลนติก ขณะที่คุณเดินเล่นริมท่าเรือ คุณจะได้พบกับวิวทิวทัศน์ที่งดงาม พร้อมบรรยากาศที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา มีร้านอาหารและคาเฟ่ที่พร้อมบริการอาหารอร่อยและเครื่องดื่มท่ามกลางลมทะเลที่เย็นสบาย นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นอย่างอนุสรณ์สถาน “Eleanor’s” ที่เป็นสัญลักษณ์ในประวัติศาสตร์ท้องถิ่น และหอคอยอันมีเอกลักษณ์ของดันลาเกียร์ที่เฝ้ามองดูทะเลมาช้านาน การเดินทางถึงดันลาเกียร์สะดวกสบายด้วยบริการรถไฟจากดับลิน รวมทั้งการสนับสนุนจากบริการขนส่งสาธารณะที่มีความเป็นระเบียบและครบครัน หากคุณมองหาประสบการณ์การเดินทางหรูหรา สัมผัสธรรมชาติที่สวยงามและวัฒนธรรมอันหลากหลาย ดันลาเกียร์คือตัวเลือกที่ไม่ควรพลาดในการสำรวจไอร์แลนด์ที่มีเสน่ห์นี้



ในใจกลางของเกาะเกิร์นซีย์ จะมีท่าเรือที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อย่าง เซนต์ปีเตอร์พอร์ต ท่าเรือที่น่าหลงใหลนี้เป็นจุดหมายปลายทางที่คุณจะประทับใจตั้งแต่ก้าวแรก ด้วยถนนที่ปูด้วยหินและดอกไม้สวยงามที่เบ่งบานตามมุมถนนทุกเส้น รวมถึงโบสถ์เล็กๆ ที่ให้บรรยากาศอบอุ่นและโรแมนติก เป็นเมืองหลวงของเกิร์นซีย์ เซนต์ปีเตอร์พอร์ตมีทุกสิ่งที่คุณต้องการในการสำรวจสัมผัสประวัติศาสตร์ที่น่าทึ่งและชายหาดที่สวยงาม ที่สำคัญคือ ป้อมปราการเก่าแก่ของคาสเซิลคอร์เน็ต ที่มีอายุกว่าร้อยปี ตั้งตระหง่านอยู่เหนือท่าเรือ เป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดที่คุณจะได้เห็นทิวทัศน์อันงดงามของอ่าว และชายฝั่งของเกาะอื่นๆ ในช่องแคบอังกฤษ นอกจากนี้ ภายในคาสเซิลยังมีสวนสวย สถานที่จัดแสดงนิทรรศการทางประวัติศาสตร์ รวมถึงพิพิธภัณฑ์ที่นำเสนอเรื่องราวต่างๆ ของเกิร์นซีย์ ทำให้คุณต้องใช้เวลาสำรวจอย่างเพลิดเพลิน ไม่ว่าคุณจะเป็นนักท่องเที่ยวที่มองหาประสบการณ์การเดินทางที่แตกต่าง หรือผู้ที่ต้องการพักผ่อนในบรรยากาศที่เงียบสงบ เซนต์ปีเตอร์พอร์ตสามารถตอบโจทย์คุณได้อย่างครบถ้วน



บิลบาว (Bilbao) เมืองที่ตั้งอยู่ในแคว้นบาสก์ ของประเทศสเปน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางศิลปะและสถาปัตยกรรมได้สร้างความโดดเด่นให้กับเมืองนี้อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน หลังจากการเปิดตัวพิพิธภัณฑ์กุกเกนไฮม์ (Guggenheim Museum) ที่ออกแบบโดย Frank Gehry เมืองนี้ได้กลายเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมแห่งใหม่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างมากมาย นอกจากพิพิธภัณฑ์แล้ว สถานที่สำคัญอื่น ๆ เช่น สถานีรถไฟใต้ดินที่ออกแบบโดย Norman Foster และสวนสาธารณะ Abandoibarra ก็เป็นจุดเด่นที่ไม่ควรพลาดในการเยือนเมืองนี้ อย่าลืมเดินชมย่านเก่าของบิลบาวที่เรียกว่า "คาสโก วิเอโก" (Casco Viejo) ซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารที่มีเสน่ห์ แถมยังมีตลาดกลางแจ้งที่ Plaza Nueva ซึ่งจัดขึ้นทุกเช้าวันอาทิตย์ ในการเดินเล่นริมแม่น้ำเนร์บิโอ (Nervión) คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศอันงดงาม ที่มีความรุ่งเรืองจากอดีตสู่ปัจจุบัน สำหรับผู้หลงใหลในอาหาร บิลบาวมีชื่อเสียงด้านความอร่อย โดยเฉพาะอาหารบาสก์ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง และหากมีโอกาส อย่าลืมขึ้นรถราง Euskotram เพื่อสัมผัสการเดินทางริมแม่น้ำใจกลางเมือง มาร่วมตะลุยและค้นพบความงดงามของบิลบาว ที่คุณจะจดจำไปตลอดชีวิต!

ท่าเรือกิฮอน (Gijón) ประเทศสเปน เป็นจุดหมายที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยบรรยากาศที่ผสมผสานระหว่างประวัติศาสตร์และความทันสมัย ตั้งอยู่ริมทะเลในภูมิภาคอAsturias กิฮอนเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ด้วยหลักฐานทางโบราณคดีจากสมัยโรมัน เช่น สปา Campo Valdés ซึ่งมีอายุย้อนกลับไปถึงศตวรรษที่ 1 ที่เป็นจุดเด่นใจกลางเมืองและเป็นตัวแทนของประวัติศาสตร์อันรุ่งเรืองของเมือง ในอดีต กิฮอนเกือบถูกทำลายในศตวรรษที่ 14 แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นท่าเรือและเมืองอุตสาหกรรมที่เจริญรุ่งเรือง พื้นที่เมืองเต็มไปด้วยร้านกาแฟ อาหารท้องถิ่น และ sidrerías ร้านที่ขึ้นชื่อในเรื่องของแอปเปิ้ลซีดรา (Cider) ที่คุณไม่ควรพลาด ยามที่คุณเดินทางมาถึง ท่านยังสามารถพบกับชายหาดที่งดงามซึ่งเหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ เพิ่มเติมด้วยกิจกรรมหลากหลายที่น่าสนใจ ทำให้กิฮอนไม่เพียงแต่เป็นท่าเรือ แต่ยังเป็นจุดหมายที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา รอคอยให้คุณได้สัมผัสและค้นพบเสน่ห์ของเมืองนี้อย่างแท้จริง

ลาคอรุญ่า คือเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคกาลิเซีย ประเทศสเปน และเป็นหนึ่งในท่าเรือที่คึกคักที่สุดของประเทศ ตั้งอยู่ในมุมตะวันตกเฉียงเหนือของคาบสมุทรไอบีเรีย โดยมีทิวทัศน์ที่เขียวชอุ่มและหมอกลงหนา แตกต่างจากภูมิภาคอื่น ๆ ของสเปน ชื่อ "กาลิเซีย" มีรากศัพท์มาจากภาษาเซลติก ซึ่งเป็นที่อยู่ของเซลติคในช่วงศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์ศักราช ลาคอรุญ่า เคยเป็นท่าเรือที่สำคัญตั้งแต่สมัยโรมัน และพัฒนาเป็นศูนย์กลางการค้าขายที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 15 เมื่อได้รับสิทธิในการค้ากับอเมริกาในปี 1720 ความงดงามของลาคอรุญ่าสะท้อนผ่านอาคารแบบกระจกซึ่งทำให้เมืองนี้ได้รับชื่อว่า "เมืองแห่งคริสตัล" และสถานที่สำคัญอย่างจัตุรัสมาเรียพิทา ซึ่งเป็นเกียรติแก่หญิงผู้กล้าที่เคยปกป้องเมืองในปี 1589 ปัจจุบัน เมืองประกอบด้วยสามเขตที่แตกต่างกัน ได้แก่ เขตกลางเมือง ธุรกิจ และ “เอนซานเช่” ที่มีคลังสินค้าและโรงงาน อย่าพลาดโอกาสในการสำรวจวัฒนธรรมท้องถิ่นและสัมผัสกับประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของเมืองนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยความน่าสนใจและแรงบันดาลใจที่ทำให้ผู้มาเยือนต้องกลับมาอีกครั้ง.

ท่าเรือที่สวยงามและเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอย่าง "โอปอร์ตู" (Oporto) คือเมืองที่สองที่ใหญ่ที่สุดในโปรตุเกส รองจากลิสบอน เมืองนี้มักถูกเรียกสั้นๆ ว่า "ปอร์โต" ซึ่งเป็นชื่อที่ทุกคนนึกถึงเมื่อพูดถึงองุ่นส่งตรงสำหรับผลิตไวน์พอร์ตที่มีชื่อเสียงระดับโลก ท่าเรือโอปอร์ตูตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโดรู และมีบทบาทสำคัญมาตั้งแต่อดีต เมื่อชาวโรมันสร้างป้อมปราการที่นี่ เพื่อควบคุมเส้นทางการค้า ด้วยการที่เมืองนี้คือจุดแวะสำคัญสำหรับเหล่าผู้จาริกแสวงบุญในอดีต ทำให้โอปอร์ตูร่ำรวยจากการค้าและการค้นพบทางทะเลในศตวรรษที่ 15 และ 16 การค้าขายไวน์พอร์ตกับอังกฤษในภายหลังยังทำให้เมืองนี้เกิดการเจริญรุ่งเรืองอย่างไม่หยุดยั้ง จนกระทั่งกลายเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์ ด้วยสะพานที่สวยงามข้ามแม่น้ำโดรู เสน่ห์ของย่านริมน้ำที่มีชีวิตชีวา และโรงไวน์พอร์ตที่มีชื่อเสียง เมืองนี้ไม่ได้เป็นเพียงจุดหมายปลายทาง แต่ยังเป็นศูนย์รวมวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่มีเอกลักษณ์ ออกแบบมาสำหรับผู้ที่มองหาประสบการณ์การเดินทางที่เหนือระดับ เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจในการค้นหาความงามของโลกที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในทุกมุมเมือง

ท่าเรือลิสบอนตั้งอยู่ริมน้ำแทกุส สร้างขึ้นบนเนินเขาสูงเจ็ดลูก ซึ่งทำให้ลิสบอนกลายเป็นเมืองที่งดงามและเปล่งประกายด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมที่หลากหลายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พร้อมทั้งรถรางไม้ที่ให้บรรยากาศย้อนยุค อันเป็นเอกลักษณ์ของเมืองแห่งนี้ ท่านจะได้เดินเล่นใน Praça do Comércio ซึ่งคือจัตุรัสอันกว้างใหญ่ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ที่ถูกออกแบบให้สวยงามโดยมาร์คิวสแห่งปอมบาล หลังจากแผ่นดินไหวที่ทำลายล้างในศตวรรษที่ 18 การเยี่ยมชมลิสบอนจึงไม่เพียงแค่ชมความงามพระอาทิตย์ตกแบบโรแมนติกใต้สะพาน 25 Abril แต่ยังมีกิจกรรมช้อปปิ้งและสัมผัสวัฒนธรรมในเมืองเก่า ที่สร้างอยู่บนเนินเขาที่ลาดเอียง การแวะเยือนของเรือสำราญที่ท่าเรือลิสบอนทำให้ท่านมีโอกาสสัมผัสทั้งวัฒนธรรมและความงามของเมืองที่ไม่สิ้นสุด ซึ่งรอให้คุณได้ค้นพบในทุกมุมถนน รับประสบการณ์อันหรูหราจากการเดินทางในครั้งนี้ และสัมผัสความมหัศจรรย์ของลิสบอนที่สามารถทำให้หัวใจคุณเต้นแรงได้ในทุก ๆ ช่วงเวลา

เซบียา หรือที่รู้จักในชื่อ Seville เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์และประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 2,200 ปี ตั้งอยู่ในเขตตะวันออกเฉียงใต้ของสเปน เมืองนี้ไม่เพียงแค่เป็นที่รู้จักในเรื่องฟลาเมงโก้ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ แต่ยังมีมรดกโลกที่ได้รับการยกย่องจากยูเนสโกถึงสามแห่ง ซึ่งทำให้เซบียาเป็นจุดหมายที่นักเดินทางไม่ควรพลาด เมืองนี้ยังเป็นสถานที่ที่เคยเป็นบ้านเกิดของศิลปินชื่อดัง ดิเอโก้ เวลาซเกซ และเป็นที่ฝังศพของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส นอกจากนั้น เซบียายังเป็นแรงบันดาลใจในผลงานของบิซเซต์ "คาร์เมน" และเคยเป็นฉากในซีรีส์ Game of Thrones ที่ได้รับความนิยมอีกด้วย สัมผัสความงดงามของเซบียาในถนนที่มีอายุนับศตวรรษ ที่นำเสนอร้านทาปาสเล็กๆ ที่เสิร์ฟอาหารที่อาจถือได้ว่าอร่อยที่สุดในดินแดนใต้ของมาดริด พร้อมกับความสวยงามของสถาปัตยกรรมมูเดฆาร์และสวนที่เต็มไปด้วยน้ำพุและต้นปาล์ม ที่นี่คือโลกแห่งความฝันที่พร้อมให้คุณสำรวจและดื่มด่ำกับวัฒนธรรมอันหลากหลายของสเปนอย่างแท้จริง

เมื่อคุณขึ้นเรือเข้ามาสู่ท่าเรือมาลาก้า คุณจะรู้สึกได้ถึงความงดงามของเมืองที่ตั้งอยู่ระหว่างชายฝั่งที่มีชื่อเสียงแห่งคอสตา เดล โซล (Costa del Sol) เมืองนี้เต็มไปด้วยสีสันและชีวิตชีวา ตั้งอยู่ในภูมิภาคลาซาร์กวา (La Axarquía) ที่มีกระท่อมประมง หากพูดถึงความเป็นแบบดั้งเดิมของสเปน นอกจากนี้ยังมีหมู่บ้านและทุ่งนา ที่รอให้คุณได้สัมผัสบรรยากาศชวนฝัน มาลาก้ายังเป็นศูนย์กลางการเข้าถึงเมืองต่าง ๆ ของอันดาลูเซียที่มีเสน่ห์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมที่น่าทึ่ง เช่น กรานาดาและเซบีย่า ในขณะที่ภูเขาเพนิเบติกา (Penibética) เป็นฉากหลังที่งดงาม ปกป้องเมืองจากลมหนาวจากทางเหนือ ทำให้ภูมิภาคนี้กลายเป็นสถานที่หลบภัยที่มีเสน่ห์และรักษาความอบอุ่นได้ตลอดทั้งปี มาลาก้าไม่เพียงแค่เป็นสถานที่ที่หยุดพักของเรือสำราญ แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยในสเปน ทั้งการชิมอาหารท้องถิ่นที่แสนอร่อย และการสำรวจความสวยงามของธรรมชาติที่รอให้คุณได้ค้นพบ เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับประสบการณ์ที่น่าจดจำภายใต้แสงแดดของคอสตา เดล โซล!

คาร์ตาเฆนา ตั้งอยู่ในภูมิภาคมูร์เซีย ทางตะวันออกเฉียงใต้ของสเปน เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และเป็นท่าเรือสำคัญของกองทัพเรือสเปน จากอ่าวที่เงียบสงบซึ่งเป็นที่พักพิงของเรือสินค้าต่าง ๆ มานานหลายศตวรรษ เมืองนี้ก่อตั้งโดยคาร์เธจในปี 223 ก่อนคริสต์ศักราช และได้รับชื่อว่า "การ์ตาโก โนวา" นอกจากนี้ยังเคยเป็นอาณานิคมโรมันที่เฟื่องฟู จนกระทั่งขึ้นชื่อว่าเป็นศูนย์กลางการค้าของไบเซนไทน์อีกด้วย ในปัจจุบัน คาร์ตาเฆนายังคงมีความสำคัญด้านการทหาร ตั้งแต่สมัยของพระเจ้าเฟลิเป II ซึ่งได้สร้างกำแพงป้องกันเมืองเพื่อคุ้มครองท่าเรือ จนถึงยุคราชวงศ์บูร์บอนในศตวรรษที่ 18 เมืองนี้ยังคงมอบความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวด้วยโบราณสถานที่ฟื้นฟู เช่น โรงละครโรมันที่ได้รับการเปิดเผยและเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ปี 1988 เมื่อคุณมีเวลาว่าง อย่าลืมสัมผัสเสน่ห์ของคาร์ตาเฆนาผ่านการล่องเรือรอบท่าเรือที่มีประวัติศาสตร์ซึ่งให้บริการหลายครั้งต่อวัน ใช้เวลาประมาณ 40 นาที โดยไม่จำเป็นต้องจองล่วงหน้า ความงดงามของเมืองนี้จะทำให้คุณหลงรักและฝันถึงการกลับมาอีกครั้งอย่างแน่นอน

ปัลม่า เดอ มายอร์กา เมืองหลวงที่มีเสน่ห์ของเกาะมายอร์กาในสเปน เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่หลากหลาย เมื่อเดินทางมาที่ท่าเรือ ปัลม่า คุณจะได้พบกับคาเฟ่และร้านค้าแนวทันสมัยที่ตั้งอยู่ในตัวเมือง การเยี่ยมชมโบสถ์ La Seu ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมือง จะทำให้คุณได้สัมผัสกับความงดงามของสถาปัตยกรรมโกธิคที่ล้ำค่าจริงๆ ไม่ไกลจากนั้น สวนสาธารณะ Parc de la Mar มอบบรรยากาศผ่อนคลาย ท่ามกลางวิวทะเลอันสวยงาม คุณสามารถเดินเล่นไปตามแนวกำแพงเมืองเก่า Ses Voltes ที่ไปตามรอบของโบสถ์พร้อมชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ฉายแสงสะท้อนบนหน้าผาอันงดงาม สำหรับผู้ที่รักการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ให้แวะชม Museu d'Es Baluard ซึ่งจัดแสดงผลงานศิลปะร่วมสมัย ผสมผสานระหว่างศิลปะและวิวทะเลอันน่าหลงใหล เมืองปัลม่าไม่เพียงแค่เป็นที่จอดเรือสำราญ แต่อย่างไรยังเป็นเวทีที่ให้คุณได้ค้นพบความงามและประสบการณ์ใหม่ๆ ในการเดินทางที่ไม่มีวันลืมเลือน สัมผัสชีวิตในสไตล์ที่สุดขีด ณ ปัลม่า เดอ มายอร์กา และให้ความฝันของคุณเป็นจริงในดินแดนแห่งนี้!

บาร์เซโลนา สเปน เมืองที่ไม่เคยหลับใหล เต็มไปด้วยสีสันและชีวิตที่คึกคัก เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด ด้วยเสน่ห์ที่ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมโบราณและทันสมัย บาร์เซโลนาพร้อมให้คุณลิ้มรสประสบการณ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่ทิวทัศน์งดงามของย่านบาร์รี โกธิค (Barri Gòtic) ที่เต็มไปด้วยซอกมุมแห่งประวัติศาสตร์ ไปจนถึงความสวยงามของงานศิลปะและสถาปัตยกรรมแบบนูโวที่ไม่ซ้ำใคร การเดินเล่นเลียบเลาะเลนด์ลาฟลามบลา (La Rambla) และชายหาดบาร์เซโลเนต้า (Barceloneta) จะทำให้คุณได้สัมผัสกับบรรยากาศริมทะเลที่อบอุ่น และการชมโบสถ์ซากราดา ฟามีเลีย (Sagrada Família) ผลงานชิ้นเอกของอันโตนี เกาดี ที่สะท้อนถึงความละเอียดอ่อนทางศิลปะอย่างแท้จริง ไม่เพียงเท่านี้ บาร์เซโลนายังมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่และร้านค้าที่โดดเด่นที่จะทำให้คุณหลงใหลตลอดทั้งวัน สัมผัสวัฒนธรรมและความตื่นเต้นในยามค่ำคืนด้วยการเพลิดเพลินกับไวน์และอาหารท้องถิ่นในบาร์ทาปาสที่มีชีวิตชีวา ขอเชิญคุณมาสำรวจบาร์เซโลนา เมืองที่ดูแลคุณด้วยประสบการณ์ด้านรสชาติและความงามในทุกแง่มุม!

ท่าเรือมาร์เซย์ (Marseille) เมืองที่ได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองหลวงวัฒนธรรมแห่งยุโรปในปี 2013 ได้รับการปรับเปลี่ยนอย่างมหาศาล ด้วยการลงทุนกว่า 660 ล้านยูโร เพื่อสร้างศูนย์ศิลป์ใหม่ ๆ มากมาย ท่าเรือได้รับการปรับปรุงอย่างงดงาม ถนนหนทางและย่านต่าง ๆ กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่มีชีวิตชีวา คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวสุดสัปดาห์ มาร์เซย์เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของฝรั่งเศส ซึ่งเต็มไปด้วยสีสันและชีวิตชีวา มีประวัติศาสตร์ที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยวัฒนธรรม ตั้งแต่คราวที่ชาวฟินีเชียนและกรีกมายังท่าเรือในปี 600 ปีก่อนคริสต์ศักราช จนกระทั่งสงครามและการเปลี่ยนแปลงมากมายได้สร้างรูปแบบใหม่ให้กับเมือง วันนี้ มาเยือนที่ท่าเรือเก่า (Vieux Port) คุณจะได้สัมผัสบรรยากาศของเมืองที่มีเสน่ห์และความหลากหลาย ทั้งร้านค้า หอศิลป์และร้านอาหารที่ลงทุนสร้างใหม่อย่างทันสมัย มาร์เซย์จึงไม่ใช่แค่ท่าเรือ แต่เป็นสัญลักษณ์ของการรวมตัวของวัฒนธรรมที่โดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นอาหารท้องถิ่น หรือการแสดงศิลปะที่หลั่งไหลไม่ขาดสาย หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์การเดินทางที่น่าตื่นเต้นและมีเสน่ห์ ต้องไม่พลาดที่จะเยือนมาร์เซย์ซึ่งเต็มไปด้วย charm และ history ที่คุณจะไม่มีวันลืม.

ท่าเรือลาซเปเซีย (La Spezia) เป็นจุดหมายปลายทางที่มีเสน่ห์ซ่อนเร้นอยู่ในอิตาลี นอกเหนือจากการเป็นท่าเรืออุตสาหกรรมที่สำคัญสำหรับการเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังอย่างชิงเคว เทเร่ (Cinque Terre) และปอร์ตอเวเนเร่ (Portovenere) ที่นี่ยังมีบรรยากาศที่เงียบสงบและเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติริมชายฝั่ง โดยเฉพาะในช่วงเช้าของวันจันทร์ถึงเสาร์ คุณจะได้สัมผัสกับความมีชีวิตชีวาของตลาดกลางแจ้งที่จัดขึ้นที่จัตุรัสกาเวอร์ (Piazza Cavour) ซึ่งมีผลิตภัณฑ์สดใหม่ ปลา และชีสท้องถิ่นให้เลือกซื้อหลากหลาย นอกจากนั้น ท่าเรือลาซเปเซียยังมีท่าน้ำมิราเบลโล (Porto Mirabello) แหล่งท่องเที่ยวใหม่ล่าสุดที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งคลับสระว่ายน้ำ ร้านค้า และร้านอาหารที่ให้มุมมองที่สวยงามได้ชื่นชมกับเหล่ายอร์ชสุดหรู ภายในเมืองคุณจะได้พบกับการเดินชมถนนที่เต็มไปด้วยตึกสวยในสไตล์ลิเบอร์ตี้ และสวนส้มที่ให้ความรู้สึกสดชื่น ทั้งหมดนี้ทำให้ลาซเปเซียไม่ใช่เพียงแค่จุดแวะพัก แต่ยังเป็นประตูสู่การค้นพบความงดงามแบบอิตาเลียนแท้ ๆ ที่คุณไม่ควรพลาด
เมื่อเดินทางมาถึงท่าเรือของอาจักซิโอ (Ajaccio) บนเกาะคอร์ซิกา คุณจะได้สัมผัสกับการหลอมรวมระหว่างประวัติศาสตร์และความงดงามตามธรรมชาติที่อิ่มเอมใจ ท่าเรือแห่งนี้ถือเป็นศูนย์กลางการค้าขายและวัฒนธรรมที่สำคัญที่สุดของคอร์ซิกา โดยตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันตกของเกาะ ห่างจากมาร์แซย์ประมาณ 644 กิโลเมตร เมืองที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1492 นี้มีความเกี่ยวพันกับนโปเลียน โบนาปาร์ต ซึ่งเป็นบุตรชายของเมืองที่มีชื่อเสียง บ้านเกิดของเขา ปัจจุบันคือพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ Maison Bonaparte ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และสูบฉีดแรงบันดาลใจให้ผู้มาเยือน ในย่านเมืองเก่า คุณจะพบกับซากความเป็นอาณานิคมเจนัวอันเก่าแก่ ที่ยังคงยืนหยัดอยู่รอบๆ ป้อมปราการและหอคอยที่โดดเด่น เมืองอาจักซิโอได้ชื่อว่าเป็นเมืองชายทะเลยอดนิยมที่มีทิวทัศน์ที่ร่มรื่นและชายหาดที่งดงาม พร้อมด้วยร้านเช่าเรือ แล่นไปยังท่าเรือ Tino Rossi ที่เป็นที่จอดเรือประมงและเรือใบสำราญที่ส่งความสุขแก่ผู้มาเยือนด้วยร้านอาหารและคาเฟ่ที่บริการอาหารท้องถิ่นที่สดใหม่ สำรวจความหรูหราและเสน่ห์ที่อาจักซิโอ ที่ซึ่งคุณสามารถสัมผัสทั้งความเป็นกระแสสังคมและความงามของธรรมชาติได้ในที่เดียว!

ยินดีต้อนรับสู่ “คากลิอารี” (Cagliari) เมืองหลวงที่มีเสน่ห์ของซาร์ดิเนีย ประเทศอิตาลี ที่ไม่เพียงแต่เพียบพร้อมไปด้วยสถาปัตยกรรมที่หลากหลาย แต่ยังเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่ยาวนาน คากลิอารีมีประชากรประมาณ 160,000 คน มาพร้อมกับถนนที่ลาดชันและอาคารที่งดงามตั้งแต่สมัยกลางไปจนถึงยุคใหม่ เริ่มต้นการสำรวจเมืองที่ Museo Archeologico ซึ่งจัดแสดงโบราณวัตถุที่น่าทึ่ง และไม่ควรพลาดการเดินผ่าน Bastione di Saint Remy ที่มีทิวทัศน์สวยงาม โดยเฉพาะในเวลายามพระอาทิตย์ตกดิน นอกจากนี้ Mercato di San Benedetto ซึ่งเป็นตลาดปลาที่ดีที่สุดในอิตาลี จะทำให้คุณได้สัมผัสกับความสดใหม่ของอาหารทะเลที่คากลิอารีมีชื่อเสียง ถนนโค้งและแหล่งช้อปปิ้งที่มีชีวิตชีวาในย่านการค้ายังเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวสามารถนั่งชิลล์และลิ้มลองของอร่อยจากคาเฟ่และร้านอาหารท้องถิ่น สัมผัสความงดงามของคากลิอารีและความอบอุ่นของวัฒนธรรมซาร์ดิเนียที่จะทำให้การเดินทางของคุณน่าจดจำไปตลอดกาล

ปาแลร์โม เมืองหลวงของซิซิลี เป็นจุดเชื่อมโยงที่สำคัญของอารยธรรมตั้งแต่อดีต โอบล้อมด้วยอ่าวรูปพระจันทร์และภูเขามอนเต้เพลเลกรีโกล่าสุดา เมืองนี้เคยเป็นศูนย์กลางทางปัญญาของยุโรปใต้ และยังคงดึงดูดผู้มาเยือนจากทุกมุมโลก ด้วยเอกลักษณ์ที่ผสมผสานจากหลากหลายวัฒนธรรม ทำให้ปาแลร์โมมีบุคลิกเฉพาะตัวที่โดดเด่น ทั้งอาราบิก คริสเตียน ไบแซนไทน์ และโรมาโน ควรค่าแก่การชมคือสถาปัตยกรรมสไตล์อาหรับ-นอร์แมน ซึ่งเกิดจากการรวมกันของหลายวัฒนธรรม ทำให้เกิดผลงานศิลปะที่งดงาม โดยเฉพาะในเขตประวัติศาสตร์ ที่คุณจะได้พบกับตลาดกลางแจ้งที่มีชีวิตชีวา สแควร์และร้านค้าข้างถนนที่เต็มไปด้วยสีสัน นอกจากนี้ ปาแลร์โมยังเป็นที่รู้จักในเรื่องของ "ปาสเซสซาตา" ซึ่งเป็นการเดินเล่นที่สะท้อนถึงความมีชีวิตชีวาของเมืองได้อย่างดี เมื่อเรือสำราญของคุณจอดที่ท่าเรือปาแลร์โม อย่าลืมสำรวจเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมนี้ เพื่อสัมผัสความงดงามที่ซ่อนอยู่ในทุกมุมมอง และสร้างความทรงจำที่ยากจะลืมเลือนตลอดไป

เนเปิลส์ เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคแคมปาเนียของอิตาลี และเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ ภูมิประเทศที่งดงามซึ่งมีอ่าวที่ถูกยกย่องว่าอยู่ในทำเลที่สะกดทุกสายตา ตลอดจนภูเขาเอเวอซูสที่มีรูปทรงกรวยสมบูรณ์แบบ เป็นสิ่งดึงดูดสายตานักท่องเที่ยวได้อย่างน่ามหัศจรรย์ นอกจากทิวทัศน์ที่งดงามแล้ว เนเปิลส์ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย เช่น พระราชวังหลวง, โรงอุปรากรซานคาร์โล, พิพิธภัณฑ์โบราณคดีแห่งชาติ และ ปราสาทนูโวซึ่งมีอายุกว่า 700 ปี สถานที่เหล่านี้เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสถึงอดีตอันรุ่งเรือง การเดินสำรวจเมืองเนเปิลส์จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เนื่องจากการจราจรที่ค่อนข้างวุ่นวาย การเริ่มต้นเดินทางจากที่นี่ไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอย่าง โปมเปอี และเกาะคาปรีซึ่งอยู่ใกล้ ใช้เวลาเพียง 45 นาทีโดยเรือเฟอร์รี่ เนเปิลส์ไม่เพียงแต่เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจ แต่ยังเป็นประตูสู่โลกโบราณที่น่าตื่นตาตื่นใจ ช่วยสร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวได้อย่างแท้จริงในระหว่างการเดินทางที่จดจำไม่รู้ลืมในอิตาลี

เมื่อคุณเดินทางมาถึงท่าเรือซิวิต้เวคเคียในอิตาลี บรรยากาศสไตล์อิตาเลียนกำลังรอคอยการค้นพบของคุณอยู่ เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของกรุงโรมซึ่งมีอายุกว่า 2,500 ปี ที่ซึ่งมีอาณาจักรจักรพรรดิ พระสันตะปาปา ศิลปิน และผู้คนธรรมดา ได้สร้างมรดกที่ไม่อาจลืมเลือน ตั้งแต่ซากโบราณของกรุงโรมไปจนถึงศิลปะในโบสถ์ที่เต็มไปด้วยความงดงาม และสมบัติอันล้ำค่าของนครวาติกัน ไม่ว่าคุณจะตั้งใจเดินเที่ยวชม Colosseum ที่เป็นสัญลักษณ์ วัด Pantheon อันยิ่งใหญ่ หรือจะใช้เวลาเพลิดเพลินที่ Campo de' Fiori ด้วยกาแฟสักถ้วยในยามสาย การเดินทางนี้จะทำให้คุณรู้สึกเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์อันยาวนาน และสัมผัสบรรยากาศแห่งความมีชีวิตชีวาในทุก ๆ มุมมอง ที่นี่คุณยังสามารถเลือกที่จะผ่อนคลายท่ามกลางความสงบในจัตุรัสที่มีเสน่ห์ ใช้เวลาชมผู้คนและดื่มด่ำกับชัยชนะของการใช้ชีวิตอย่างช้าๆ การสำรวจซิวิต้เวคเคียและกรุงโรมจะเป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน โดยจะเชื่อมโยงคุณกับวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของอิตาลีในทุกย่างก้าวที่คุณเดิน ทุกๆ สนามหญ้าและจุดหมาย เป็นข้อเสนอที่อัดแน่นไปด้วยความงดงามและแรงบันดาลใจที่คิดไม่ถึง

ซอร์เรนโต (Sorrento) เป็นจุดหมายที่ไม่เพียงแต่เป็นทางผ่านไปยังปอมเปอี (Pompeii), เกาะคาปรี (Capri) และชายฝั่งอามาลฟี (Amalfi) แต่ยังเป็นเมืองที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และความเป็นเอกลักษณ์ในตัวเอง เมืองที่ตั้งอยู่บนหน้าผาหินปูนนี้ได้รับแสงแดดตลอดทั้งวัน ขณะที่ต้นส้มและต้นมะนาวส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ซอร์เรนโตร่ำรวยไปด้วยวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะในย่านประวัติศาสตร์ที่มีถนนเล็ก ๆ ที่ปูด้วยหินแบบโบราณ และอาคารที่มีระเบียงสวยงาม ลมเย็น ๆ ที่พัดมาตลอดระยะทางทำให้คุณรู้สึกสดชื่นเมื่อเดินผ่าน พื้นที่กลางเมืองถูกตั้งชื่อเป็นเกียรติแก่กวีชื่อดังทอร์ควาโต ทัสโซ (Torquato Tasso) ที่เกิดที่นี่ในปี ค.ศ. 1544 นอกจากภูมิทัศน์ที่สวยงามแล้ว ซอร์เรนโตยังมีงานฝีมือที่น่าสนใจให้ชม โดยช่างฝีมือที่ทำงานในร้านค้าต่าง ๆ มักยินดีให้คุณได้เห็นการทำงานของพวกเขา พร้อมกับบาร์และร้านดนตรีมากมายในตรอกซอกซอยใกล้กับเพียซซ่า ทัสโซ (Piazza Tasso) ที่พร้อมจะมอบประสบการณ์ที่น่าจดจำสำหรับนักท่องเที่ยวทุกคน ซอร์เรนโตเป็นส่วนหนึ่งที่ไม่ควรพลาดในการเดินทางไปยังอิตาลี เติมเต็มความฝันด้วยการสำรวจความสวยงามและเสน่ห์ของเมืองนี้ อีกหนึ่งจุดหมายที่อัดแน่นไปด้วยประสบการณ์อันไร้รอยต่อที่คอยต้อนรับคุณออกไปค้นหาโลกใบใหม่!

เมืองเมสซินา ตั้งอยู่ในซิซิลี ประเทศอิตาลี เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าหลงใหลสำหรับนักท่องเที่ยวที่แสวงหาประสบการณ์อันน่าทึ่ง เมืองนี้ไม่เพียงแต่เป็นท่าเรือที่สำคัญสำหรับเรือสำราญ แต่ยังเป็นแหล่งรวมศิลปะและประวัติศาสตร์อันล้ำค่าอีกด้วย ที่นี่มี Museo Regionale di Messina ซึ่งจัดแสดงผลงานสองชิ้นอันมีชื่อเสียงของศิลปินระดับโลกอย่าง Caravaggio ซึ่งจะทำให้ทุกคนประทับใจในความสวยงามและความลึกซึ้งของศิลปะสมัยบาโรก นอกจากนี้ เมสซินายังมีเสน่ห์ที่น่าสนใจจากสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ต่าง ๆ โดยเฉพาะโบสถ์คาทอลิกที่งดงามซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมอันน่าทึ่งของเมือง อีกทั้งยังมีวิวทะเลที่งดงาม ชายหาดที่สวยงามและขั้นบันไดจากภูเขานำเสนอทัศนียภาพที่น่าประทับใจ สำหรับผู้ที่มีใจรักในการสำรวจ เมสซินาเป็นจุดเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยมในการเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ของซิซิลี พร้อมทั้งสัมผัสถึงอาหารพื้นเมืองอันเลิศรสที่จะทำให้คุณลืมไม่ลง เพลิดเพลินไปกับเสน่ห์และความอัศจรรย์ของเมสซินาในทุก ๆ การเดินทางที่คุณมาที่นี่!

วัลเลตตา เมืองหลวงสุดหรูของประเทศมอลตา นับเป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้รักการเดินทาง สถาปัตยกรรมที่ประณีตของพระราชวังและพิพิธภัณฑ์ที่ล้อมรอบด้วยป้อมปราการสีครีมอันงดงาม จะทำให้คุณรู้สึกย้อนเวลาไปยังอดีตเมื่อก้าวเข้าสู่อาณาเขตแห่งนี้ การสำรวจเมืองวัลเลตตานั้นไม่จำเป็นต้องใช้รถ ใช้เวลาเพียงไม่นานในการเดินสำรวจถนนสายหลักอย่าง Triq Repubblika ซึ่งเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่คึกคัก พร้อมด้วย Triq Mercante ที่ซึ่งคุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศของตลาดท้องถิ่น ที่เต็มไปด้วยร้านค้าหลากหลายรูปแบบในบรรยากาศที่เป็นกันเอง จุดเริ่มต้นการเดินทางในวัลเลตตาคือ City Gate ซึ่งเป็นประตูเข้าสู่เมือง ใช้เวลาพักผ่อนที่ออฟฟิศข้อมูลนักท่องเที่ยวบน Triq Mercante เพื่อรับแผนที่และข้อมูลสำคัญก่อนการเดินทาง ต่อด้วยการเลือกสำรวจแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ที่กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงอาคารรัฐสภาแห่งใหม่และสถานที่จัดแสดงศิลปะกลางแจ้ง วัลเลตตาไม่เพียงแต่ยังมีเสน่ห์ทางประวัติศาสตร์ แต่ยังเต็มไปด้วยชีวิตชีวาที่รอคอยให้คุณเดินทางมาสัมผัสและสร้างความทรงจำใหม่ในทุกย่างก้าว
เมื่อพูดถึงท่าเรือที่มีเสน่ห์ในประเทศอิตาลี ต้องไม่พลาด "ท่าเรือครอโตเน่" (Crotone) ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคคาลาเบรีย การเดินทางมาที่นี่จะพาคุณย้อนเวลาสู่วัฒนธรรมอันเก่าแก่และธรรมชาติที่งดงาม ริมทะเลอาเดรียติก ท่าเรือแห่งนี้ไม่เพียงเป็นจุดหยุดพักของเรือสำราญ ยังเป็นประตูสู่ประสบการณ์ท่องเที่ยวที่หลากหลาย บรรยากาศรอบท่าเรือเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา คุณจะได้สัมผัสกับบรรดาคาเฟ่และร้านอาหารที่เสิร์ฟอาหารทะเลสดใหม่ รอให้คุณลิ้มลอง นอกจากนั้น ประวัติศาสตร์ที่สำคัญยังสร้างความน่าสนใจให้กับครอโตเน่ ด้วยสถานที่ท่องเที่ยวอย่างปราสาทฟิลิปโป และวัดโบราณที่สวยงาม เหล่านักเดินทางยังสามารถสำรวจชายหาดที่สวยงาม รอบๆ ท่าเรือ ทั้งยังมีกิจกรรมทางน้ำที่หลากหลาย เช่น การดำน้ำตื้น ชมปะการังที่มีชีวิตชีวาในท้องทะเล นอกจากนี้ ทัศนียภาพของภูเขาที่ตั้งอยู่ด้านหลัง ทำให้ทุกมุมมองนี่งดงามอย่างแท้จริง โอกาสที่คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์ที่หรูหราและน่าจดจำ await you ที่ท่าเรือครอโตเน่ ประเทศอิตาลี สถานที่ที่คุณจะหลงรักในเสน่ห์แห่งวัฒนธรรมและธรรมชาติอย่างแท้จริง

เมื่อคุณก้าวเท้าสู่เมืองโครฟู (Corfu) คุณจะได้สัมผัสกับเสน่ห์ที่มีมาช้านานที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวของหลายวัฒนธรรม เมืองหลวงที่มีชีวิตชีวานี้ตั้งอยู่บริเวณกลางชายฝั่งตะวันออกของเกาะโครฟู เป็นจุดศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและมีใจกลางเมืองที่ได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในปี 2007 ไม่ว่าคุณจะเดินทางมาทางเรือเฟอร์รี่จากแผ่นดินใหญ่หรืออิตาลี หรือบินตรงมายังสนามบิน ณ โครฟู เมืองนี้คือจุดแวะพักที่เต็มไปด้วยความงาม ทางเดินเล็ก ๆ ในเขตคนเดินยกระดับให้คุณเดินชมสถาปัตยกรรมเก่าแก่ของเมือง โดยคุณสามารถผ่อนคลายด้วยการจิบกาแฟหรือไอศกรีมที่ Liston Arcade ที่มีร่มเงา ควรใช้เวลาสำรวจพระราชวังมอน เรโปส (Mon Repos) โดยขึ้นรถไฟท่องเที่ยวที่ให้บริการในช่วงฤดูร้อน และเมื่อถึงเวลาค่ำคืน เมืองนี้จะมีบรรยากาศที่แตกต่างด้วยร้านอาหารท้องถิ่นที่เสิร์ฟอาหารชั้นเลิศของเกาะ การเดินทางในเมืองโครฟูเป็นไปอย่างสะดวกสบาย คุณสามารถเดินเท้าสำรวจได้ทั่วถึง เมืองมีความเล็กพอที่คุณจึงไม่ต้องพึ่งพารถบัสที่ไม่สามารถเข้าถึงในเขตประวัติศาสตร์ หากคุณเดินทางมาทางเฟอร์รี่หรือเครื่องบิน แนะนำให้ใช้แท็กซี่ซึ่งจะพาคุณไปยังโรงแรมได้ในราคาเพียง 10 ยูโร ห้ามพลาด!

ท่าเรือโคเตอร์ (Kotor) ในมอนเตเนโกร ตั้งอยู่ในอ่าวโบโค (Bokor Kotorska) ซึ่งเป็นฟยอร์ดที่อยู่ทางใต้ที่สุดในยุโรป ถูกล้อมรอบด้วยภูเขาที่งดงามและมีความลับซึ่งทำให้เมืองนี้มีความมีเสน่ห์อย่างยิ่ง โคเตอร์เป็นเมืองที่ยังคงความดั้งเดิมไว้อย่างครบถ้วน แตกต่างจากเมืองดูบรอฟนิกที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่น เมืองเก่าที่มีรูปลักษณ์อันสวยงามถูกล้อมรอบด้วยกำแพงป้องกันที่สร้างขึ้นระหว่างศตวรรษที่ 9-18 และมีป้อมปราการบนเขาที่เฝ้ามองด้านล่าง ภายในเมืองมีตรอกซอกซอยที่สร้างจากหินเป็นลำดับ ซึ่งนำพาไปสู่จัตุรัสที่เต็มไปด้วยร้านบูติกร้านกาแฟที่ทันสมัย แต่ยังคงมีเสน่ห์จากโครงสร้างโบราณที่สร้างขึ้นจากยุคกลาง โคเตอร์เคยเป็นท่าเรือที่สำคัญในเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของเซอร์เบีย โดยมีทั้งศูนย์เรียนรู้เกี่ยวกับงานปูนและไอคอนนิก นอกจากนี้ ท่าเรือปอร์โต้มอนเตเนโกรซึ่งเปิดในปี 2011 ยังออกแบบมาเพื่อต้อนรับเรือซุปเปอร์ยอชต์ชั้นนำของโลก อีกทั้งยังมีหมู่บ้านชายหาดที่งดงามรอบอ่าว เช่น เมืองเล็กๆ อย่างมูโอ (Muo) และเพอราสต์ (Perast) ที่คุณไม่ควรพลาด แวะชมวิวเบื้องหน้าที่งดงามของอ่าวนี้ทำให้การเดินทางของคุณเติมเต็มด้วยประสบการณ์ที่น่าลุ่มหลงและไม่รู้ลืม

ดุกรมดาติก (Dubrovnik) เมืองแห่งความงามที่ตั้งอยู่ในประเทศโครเอเชีย เป็นหนึ่งในเมืองที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองที่มีเขตป้อมปราการที่งดงามที่สุดในโลก ด้วยทำเลที่ตั้งติดชายฝั่งอย่างน่าทึ่ง ที่ซึ่งคุณจะพบกับกำแพงหินขนาดใหญ่และหอคอยที่งดงามที่โอบล้อมท่าเรือเล็ก ๆ สถาปัตยกรรมของเมืองที่มีหลังคากระเบื้องสีส้มเปล่งประกายใต้แสงแดด เซมมีโดมทองแดง และหอระฆังที่หรูหรา เมืองนี้มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานเริ่มต้นจากการอพยพของประชาชนจากเมืองโรมัน เอปิดาอูรัมในศตวรรษที่ 7 โดยพวกเขาได้ตั้งถิ่นฐานบนเกาะหินขนาดเล็กที่เรียกว่า รากูซา (Ragusa) และสร้างเมืองที่รู้จักกันในชื่อ ดูบรอฟนิก (Dubrovnik) ในศตวรรษที่ 12 เมืองนี้เปลี่ยนแปลงเป็นสาธารณรัฐอิสระที่เจริญรุ่งเรืองในศตวรรษที่ 16 ด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงาม อาคารสุขภาพ และภัตตาคารที่มีเอกลักษณ์ ทำให้ดูบรอฟนิกกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าหลงใหลสำหรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก หากคุณได้เยี่ยมชมเมืองนี้ จะได้สัมผัสถึงความเป็นอัญมณีทางวัฒนธรรมที่ประวัติศาสตร์เกือบสูญเสียไป และเผชิญหน้ากับธรรมชาติที่หยั่งลึกลงไปในใจของทุกคนที่ได้มาเยือน

ซาดาร์ (Zadar) เมืองหลวงของดัลมาเชียที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า 1,000 ปี ที่มักถูกมองข้ามโดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปยังสปลิตหรือดูบรอฟนิก แต่ที่นี่คือเมืองที่มอบความสวยงามสดใสและความมีชีวิตชีวาแม้จะมีอดีตที่ซับซ้อน Old Town ของซาดาร์ตั้งอยู่บนแหลมที่ยาวประมาณ 4 กิโลเมตร เป็นสถานที่ที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และประวัติศาสตร์ ประกอบไปด้วยถนนลาดยางหินอ่อนที่เรียงรายไปด้วยซากโรมัน โบสถ์ในยุคกลาง พระราชวังและพิพิธภัณฑ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ ซาดาร์เคยเป็นศูนย์กลางการค้าขายที่สำคัญมาก่อนที่โรมจะเข้าครอบครองในศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสต์ศักราช โดยมรดกทางสถาปัตยกรรมที่งดงามยังคงอยู่ในซากฟอรัมที่สามารถเห็นได้ในปัจจุบัน ช่วงเวลาที่โดดเด่นที่สุดคือการก่อสร้างโบสถ์เซ็นต์โดนัท (St. Donat's Basilica) ในศตวรรษที่ 9 ที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับเมือง แม้ซาดาร์จะเคยเผชิญกับสงครามและการยึดครองในหลายยุคหลายสมัย แต่วันนี้เมืองนี้กลับเปล่งประกายด้วยความสดใสของวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ที่สำคัญยังมีสัญญาณอธิบายภาษาอังกฤษรอบเมืองเก่า ช่วยให้ผู้มาเยือนสามารถสำรวจคัดเลือกความน่าสนใจในที่แห่งนี้ได้อย่างสบายใจ เตรียมพบกับความมหัศจรรย์ของเมืองซาดาร์ที่นี่ ตรงกลางของดัลมาเชียที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และความงดงามรอคอยคุณอยู่!

ท่าเรือโคเปอร์ (Koper) ตั้งอยู่ในประเทศสโลวีเนีย เป็นเมืองท่าที่มีเสน่ห์แม้จะรายล้อมด้วยชุมชนอุตสาหกรรมในปัจจุบัน แต่ความงดงามของประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ในตัวเมืองเก่ากลับดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายในทุกปี ที่นี่เคยเป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐเวนิสในศตวรรษที่ 15 และ 16 ซึ่งสืบทอดกลิ่นอายวัฒนธรรมอันรุ่งโรจน์นี้ไว้จนถึงปัจจุบัน จัตุรัส Titov trg ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของเมือง มีอาคารสำคัญมากมาย เช่น โบสถ์งามที่มีสถาปัตยกรรมแบบโกธิคเวนิส และหอระฆังที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1664 นอกจากนี้ยังมีพระราชวัง Praetor ที่เปรียบเสมือนเครื่องหมายของอำนาจในสมัยนั้น สถาปัตยกรรมของที่นี่เป็นไปตามแบบโกธิคและเรเนซองส์ซึ่งช่วยเสริมเสน่ห์ให้กับเมืองอย่างมาก เดินทอดน่องจากจัตุรัส найдете Kidriceva ulica ที่มีชื่อเสียงเพื่อนำคุณไปสู่ทะเล ซึ่งเป็นสถานที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนและสัมผัสกับลมทะเลที่พัดเย็น นอกจากสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์ที่ร่ำรวย โคเปอร์ยังมีบรรยากาศที่เป็นมิตรและการต้อนรับที่อบอุ่น สถานที่นี้จึงเป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่รักการเดินทางและต้องการสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ในการเดินทางครั้งต่อไปของคุณ

เวนิส แคลิฟอร์เนีย คือหนึ่งในจุดหมายที่ไม่ควรพลาดสำหรับนักเดินทางที่รักการผจญภัยและความสวยงามของธรรมชาติ ตั้งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย เมืองเวนิสเป็นที่รู้จักในฐานะ "Venice of America" ด้วยทิวทัศน์ของคลองที่สวยงามและชายหาดที่น่าตื่นตาตื่นใจ ที่นี่ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งชมวิวที่งดงาม ยังมีกิจกรรมหลากหลายที่ให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์ที่น่าจดจำ เมื่อมาถึงท่าเรือเวนิส คุณสามารถเริ่มต้นการเดินทางของคุณด้วยการสัมผัสบรรยากาศที่ไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะการเดินเล่นริมน้ำ ผ่านสะพานที่สวยงามและชมการกระทำของนักเล่นเซิร์ฟ ที่คลื่นทะเล บริเวณชายหาดคุณยังสามารถสนุกสนานไปกับกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน หรือแม้แต่เล่นวอลเลย์บอลริมชายหาด นอกจากชายหาดแล้ว เวนิสยังเต็มไปด้วยศิลปวัฒนธรรมที่โดดเด่น เช่น งานศิลปะข้างถนน และตลาดสุดชิค ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้สูดลมแห่งความสร้างสรรค์ นอกจากนี้ยังมีร้านค้าและคาเฟ่ที่น่าสนใจรอให้คุณได้สัมผัสความอร่อยและบรรยากาศที่แสนอบอุ่น ดังนั้น หากคุณต้องการหนีจากความวุ่นวายในเมืองใหญ่ จงมุ่งหน้าสู่เวนิส แคลิฟอร์เนีย ท่าเรือสุดหรูแห่งนี้จะทำให้คุณหลงไหลและพร้อมกลับมาอีกครั้งอย่างแน่นอน












เจ้าของสวีทใหม่ที่มีการออกแบบอย่างหรูหราและเฟอร์นิเจอร์ที่มีเอกลักษณ์จำนวนหกห้อง เป็นห้องที่มักถูกจองอย่างรวดเร็ว สวีทเหล่านี้กว้างใหญ่ถึงประมาณ 1,000 ตารางฟุต และเป็นโอเอซิสแห่งความเงียบสงบและการผ่อนคลาย เพลิดเพลินกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน โดยมีห้องน้ำที่ได้รับการออกแบบใหม่สุดหรูซึ่งมีฝักบัวขนาดใหญ่ สวีทยังมีระเบียงไม้สักส่วนตัว และโทรทัศน์จอแบนสองเครื่องเพื่อความสะดวกสบายที่สุด นอกจากนี้ ผู้เข้าพักยังได้รับสิทธิพิเศษมากมาย อาทิ บริการซักรีดฟรีสูงสุดสามกระเป๋าต่อห้อง บริการผู้ช่วยส่วนตัว 24 ชั่วโมง และการเข้าถึงสปา Aquamar Terrace อย่างไม่จำกัด ทั้งนี้ยังมีการต้อนรับด้วยแชมเปญฟรีและชุดของขวัญจากบุลการี รวมทั้งสิทธิพิเศษในการจองร้านอาหารและบริการอื่นๆ เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่ไม่เหมือนใครในทุกมิติของความหรูหราในเจ้าของสวีทแห่งนี้







ห้องพักชื่อว่า วิสตา สวีท มอบวิวที่งดงามไปยังส่วนหน้าเรือ คุณจะพบกับสีสันที่สงบซึ่งสื่อถึงทะเลที่เงียบสงบและท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ ห้องพักแต่ละห้องมีขนาดกว้างถึง 786 ตารางฟุต พร้อมทุกความสะดวกสบายที่คาดหวัง รวมถึงห้องน้ำที่สองสำหรับแขก และห้องน้ำหลักที่ตกแต่งด้วยหินออนิกซ์ หินอ่อนคารารา และหินแกรนิต พร้อมฝักบัวอาบน้ำสุดหรู คุณสามารถนั่งพักผ่อนบนระเบียงไม้ทีคหรือชมภาพยนตร์ผ่านระบบบันเทิงที่ปรับแต่งตามความต้องการของคุณ นอกจากนี้ ห้อง วิสตา สวีท ยังมีบริการพิเศษเพิ่มเติม เช่น บริการซักรีดฟรีสูงสุด 3 ถุงต่อห้องพัก การลงทะเบียนขึ้นเรือเวลา 11.00 น. ด้วยความสำคัญ รวมถึงบริการผู้ช่วยส่วนตัวตลอด 24 ชั่วโมง บาร์ในห้องพักที่มีเครื่องดื่มคุณภาพสูงและไวน์ 6 ขวดฟรี น้ำผลไม้สดที่เติมวันต่อวัน และการสำรองที่นั่งในร้านอาหารพิเศษออนไลน์ล่วงหน้า นอกจากนี้ยังมีการเข้าถึง Aquamar Spa Terrace แบบไม่จำกัด ไอแพดให้บริการตามคำขอ และชุดของขวัญจากแบรนด์บูร์การิ สิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลาย รวมถึงผ้าห่มแคชเมียร์และตัวเลือกของหมอนจากคอลเลกชันสุดหรู โปรดทราบว่าสูบบุหรี่ในห้องพัก ห้องสเตเตอร์รูมและบนระเบียงเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างเคร่งครัด




เพนท์เฮาส์สวีทของเราเป็นห้องขนาด 322 ตารางฟุตที่ประดับประดาด้วยผ้าหรูหราและเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์ในโทนสีสงบสุขของทะเลและท้องฟ้า ห้องนี้กว้างขวางพอสำหรับการรับประทานอาหารในห้องส่วนตัว พื้นที่นั่งเล่นมีมินิบาร์เย็นๆ และโต๊ะเครื่องแป้ง ในขณะที่ห้องน้ำได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อให้มีการตกแต่งด้วยหินหรูหราและฝักบัวอาบน้ำที่ทันสมัย เพนท์เฮาส์สวีทยังมอบสิทธิประโยชน์มากมาย เช่น บริการซักรีดฟรีสูงสุด 3 ถุงต่อห้อง, การขึ้นเรือในเวลา 11.00 น. โดยมีการจัดส่งกระเป๋าอย่างเร่งด่วน, การบริการบัตเลอร์ตลอด 24 ชั่วโมง, แชมเปญต้อนรับฟรี, การจองร้านอาหารพิเศษออนไลน์ลำดับความสำคัญ, การเข้าถึง Aquamar Spa Terrace อย่างไม่จำกัด, iPad® สำหรับความบันเทิงขณะอยู่บนเรือตามคำขอ, ถุงผ้าสะพายแบรนด์ Oceania Cruises และกระดาษจดหมายส่วนตัว, ผ้าห่มแคชเมียร์สำหรับการพักผ่อนบนระเบียง, บริการขัดรองเท้าฟรี และบริการรีดผ้าฟรีเมื่อขึ้นเรือ โปรดทราบว่าการสูบบุหรี่ในห้องสวีท, ห้องพัก และบนระเบียงเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างเคร่งครัด



ระดับห้องพักคอนเซียร์จพร้อมระเบียง (Category A Concierge Level Veranda Staterooms) ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ต้องการมากที่สุดบนเรือ นำเสนอการผสมผสานระหว่างคุณค่าและความหรูหราอย่างลงตัว ห้องพักขนาด 216 ตารางฟุตนี้ได้รับการออกแบบใหม่อย่างทันสมัย มอบสิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นที่ต้องการและสิทธิพิเศษเฉพาะ เช่น บริการซักรีดฟรี ทำให้การเข้าพักของคุณไร้กังวลยิ่งขึ้น การตกแต่งใหม่ที่สดใส เตียง Tranquility ที่นุ่มสบาย และระเบียงที่ได้รับแรงบันดาลใจใหม่พร้อมเฟอร์นิเจอร์ที่มีสไตล์ ครบครันประสบการณ์คอนเซียร์จอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ยังมีสิทธิพิเศษเฉพาะสำหรับผู้เข้าพักในห้องคอนเซียร์จ เช่น บริการซักรีดฟรีสูงสุดถึง 3 ถุงต่อห้องพัก เมนูบริการอาหารกลางวันและอาหารเย็นที่ขยายออกจากห้องอาหารหลัก การขึ้นเรือในช่วงกลางวันอย่างมีลำดับความสำคัญ ขวดแชมเปญต้อนรับฟรี การจองร้านอาหารพิเศษออนไลน์ล่วงหน้าอย่างมีลำดับความสำคัญ การเข้าถึง Aquamar Spa Terrace ได้ไม่จำกัด iPad® ที่สามารถขอใช้ได้เมื่ออยู่บนเรือ กระเป๋าผ้าลาย Oceania Cruises ฟรี ผ้าห่มแคชเมียร์ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนบนระเบียง และบริการรีดเสื้อผ้าฟรีเมื่อขึ้นเรือ โดยห้ามสูบบุหรี่ในห้องและบริเวณระเบียงโดยเด็ดขาด ไม่ว่าคุณจะมองหาความสะดวกสบายหรือหรูหรา ห้องพักนี้ตอบสนองความต้องการของคุณได้อย่างครบถ้วน




ระเบียง客艙 ขนาด 216 ตารางฟุต ถูกออกแบบอย่างหรูหราด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ปรับแต่งเฉพาะตัว, การตกแต่งด้วยหินที่แปลกใหม่, เตียงหัวนุ่ม และโคมไฟที่มีสไตล์ ทำให้คุณได้สัมผัสความหรูหราแบบไม่ซ้ำใคร นอกเหนือจากการชมวิวที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาแล้ว ห้องพักยังมีระเบียงไม้สักส่วนตัว ซึ่งคือความสะดวกสบายที่ผู้เข้าพักประทับใจมากที่สุด สะดวกสบายในแต่ละห้องพักประกอบไปด้วยโต๊ะแต่งตัว, มินิบาร์ที่มีความเย็น, โต๊ะสำหรับรับประทานอาหารเช้า และพื้นที่นั่งเล่นที่กว้างขวาง สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกพิเศษในระเบียง客艙 ได้แก่ เตียง Tranquility Bed ที่เป็นเอกสิทธิ์ของ Oceania Cruises ปลอกผ้าปูที่นอนด้าย 1,000 เส้น, เครื่องดื่มอ่อนที่เติมฟรีทุกวันในมินิบาร์, น้ำ Vero ทั้งแบบธรรมดาและแบบซ้ำ, อุปกรณ์บูลการิ, บริการรูมเซอร์วิสตลอด 24 ชั่วโมง, บริการทำความสะอาดวันละสองครั้ง, ช็อกโกแลตเบลเยียมในช่วงคืน, ระบบทีวีแบบอินเตอร์แอคทีฟพร้อมภาพยนตร์ตามสั่ง, การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตไร้สายและบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่, โต๊ะเขียนหนังสือพร้อมเอกสาร, ผ้าขนหนูฝ้ายเนื้อนุ่ม, เสื้อคลุมและรองเท้าใส่ในบ้านที่หนา, ไดร์เป่าผมแบบพกพา, ตู้นิรภัยเพื่อความปลอดภัย ห้ามสูบบุหรี่ในห้องสวีท ห้องพัก และบนระเบียงโดยเด็ดขาด


ห้องพักเดลักซ์วิวทะเลขนาด 165 ตารางฟุตได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อให้รู้สึกกว้างขวางยิ่งขึ้น ด้วยพื้นที่นั่งเล่นที่กว้างขวาง โต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เย็นขนาดเล็ก และโต๊ะสำหรับรับประทานอาหารที่ได้รับการตกแต่งด้วยเฉดสีที่นุ่มนวลและวัสดุที่มีสไตล์ การตกแต่งที่ทันสมัยช่วยให้ผู้เข้าพักรู้สึกผ่อนคลายและหรูหราทุกครั้งที่เข้าพัก ห้องพักนี้มีบริการฟรีต่างๆ อาทิ เครื่องดื่มอัดลมที่เติมให้ทุกวัน น้ำ Vero ที่ให้บริการทั้งแบบไม่มีอากาศและแบบมีอากาศ ตลอดจนบริการรูมเซอร์วิสตลอด 24 ชั่วโมง ที่นี่ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่คัดสรรมาสำหรับคุณ อาทิเช่น เตียง Tranquility ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Oceania Cruises ชุดอุปกรณ์ Bulgari การทำความสะอาดห้องสองครั้งต่อวัน และระบบโทรทัศน์แบบอินเตอร์แอคทีฟที่มีภาพยนตร์ตามสั่ง นอกจากนี้ยังมีบริการอินเตอร์เน็ตแบบไร้สายและการเข้าถึงเครือข่ายมือถือ โต๊ะเขียนหนังสือและอุปกรณ์การเขียน ผ้าขนหนู ฝาโรบิน และรองเท้าอาบน้ำที่นุ่มสบาย ไดร์เป่าผมแบบมือถือ ตู้นิรภัย และช็อกโกแลตเบลเยี่ยมในบริการนอนเสริม โดยเฉพาะสำหรับห้องพักที่มีความต้องการพิเศษ จะมีการจัดเตรียมให้มีพื้นที่สำหรับอุปกรณ์ช่วยยก ชุดประตูห้องน้ำขนาดใหญ่ ราวจับในห้องน้ำ และห้องน้ำที่ออกแบบให้เข้าถึงได้สะดวกแบบไม่มีรอบสูง รวมถึงอ่างอาบน้ำ วางแผนการพักผ่อนหรูหราของคุณได้แล้ววันนี้ในห้องพักเดลักซ์วิวทะเลที่รอให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์อันน่าประทับใจนี้!


ห้องพัก客艙วิวทะเล (D) ขนาด 165 ตารางฟุตที่ได้รับการออกแบบอย่างมีเสน่ห์ นำเสนอการตกแต่งที่ทันสมัยและสะดวกสบาย ซึ่งคิดค้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พื้นที่และความสะดวกสบาย ห้องพักนี้มีมุมพักผ่อนที่สะดวกสบาย พร้อมโซฟาที่ให้คุณยืดตัวออกได้, โต๊ะทำงาน, โต๊ะสำหรับรับประทานอาหารเช้า และมินิบาร์ที่มีตู้เย็น ภายในห้องยังมีบริการสิ่งอำนวยความสะดวกฟรี เช่น น้ำอัดลมเติมให้รายวันในมินิบาร์, น้ำ Vero ที่เป็นทั้งน้ำเปล่าและน้ำอัดลมฟรี และบริการรูมเซอร์วิสตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้คุณยังจะได้สัมผัสกับเตียง Tranquility ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Oceania Cruises, สินค้าอาบน้ำ Bulgari, บริการทำความสะอาดห้องพักวันละสองครั้ง, ระบบโทรทัศน์อินเตอร์แอคทีฟที่มีภาพยนตร์ตามสั่ง และการบริการอินเทอร์เน็ตไร้สาย พร้อมการบริการของเจ้าหน้าที่ ที่จัดเตรียมผ้าขนหนู, เสื้อคลุม, และรองเท้าอาบน้ำที่ทำจากผ้าฝ้ายคุณภาพสูง พร้อมบริการเปลี่ยนให้ตื่นขึ้นมาพร้อมช็อกโกแลตเบลเจียน นอกจากนี้ยังมีเครื่องเป่าผม, ตู้นิรภัย, และการบริการที่ไม่อนุญาตให้สูบบุหรี่ในห้องพักหรือระเบียงทางเดินอีกด้วย


ห้องพักมองเห็นทะเล (E) ตั้งอยู่ใจกลางชั้น 6 ขนาด 143 ตารางฟุต โดยมีการออกแบบที่สดใหม่พร้อมหน้าต่างพาโนรามาที่มองเห็นวิวสวยงาม แม้จะมีมุมมองที่ถูกบังบางส่วน ห้องพักนี้มีโต๊ะเครื่องแป้ง มินิบาร์แบบเย็น โต๊ะสำหรับทานอาหารเช้า และตู้เสื้อผ้าที่กว้างขวาง สิ่งอำนวยความสะดวกได้แก่ เตียง Ultra Tranquility ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Oceania Cruises, ผลิตภัณฑ์ดูแลจาก Bulgari, ช็อกโกแลตเบลเยี่ยมสุดพิเศษพร้อมบริการจัดเตียงประจำทุกคืน, บริการห้องพักตลอด 24 ชั่วโมงฟรี, โทรทัศน์จอแบนพร้อมเครื่องเล่น DVD และสื่อมากมาย รวมถึงการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตไร้สายและบริการโทรศัพท์มือถือ ห้องพักยังมีโต๊ะเขียนหนังสือพร้อมอุปกรณ์ต่างๆ, ผ้าขนหนู ผ้านวม และรองเท้าอาบน้ำที่นุ่มสบาย, ไดร์เป่าผมแบบพกพา, และตู้นิรภัยเพื่อความปลอดภัย โดยห้องพักทั้งหมดและห้องชุดจะปลอดบุหรี่。


重新設計的ห้องพักภายใน以現代風格為特色,擁有160平方英尺的奢華空間。這個愉悅的私人度假空間包括舒適的座位區、化妝台、冰箱迷你酒吧及充足的儲物空間,而巧妙的空間利用更襯托出全新的裝飾風格。 這個房型的住客可享受多項免費設施,包括每日補充的飲料、靜水與氣泡水以及24小時房務菜單。房內配備了專屬的Tranquility床、Bulgari洗浴用品、每日兩次的客房清潔服務,以及互動電視系統,提供隨需應變的電影和天氣資訊。無線網絡及行動電話服務隨時可用,還配有書寫桌和文具、柔軟的棉質毛巾、浴袍及拖鞋,並提供手持吹風機、安全保險箱及晚間服務的比利時巧克力。您在此的放鬆經歷將無與倫比,然而請注意,所有套房和客艙均禁止吸煙。

ห้องพักริมทะเลสำหรับเดี่ยว ขนาด 143 ตารางฟุต เป็นพื้นที่พักผ่อนที่สมบูรณ์แบบสำหรับนักเดินทางคนเดียว ตั้งอยู่ในทำเลที่สะดวกสบายบนชั้น 6 ห้องพักทุกห้องมีเตียง Tranquility Bed ที่หลับสบายอย่างยิ่ง มินิบาร์ที่มีความเย็น และโต๊ะเขียนหนังสือ พร้อมด้วยพื้นที่เก็บของที่กว้างขวาง ทำให้คุณรู้สึกสะดวกสบายตลอดการเข้าพัก.