
02-27217300
02-27217179
service@siloahtravel.com
Monday ~ Friday 09:00-18:00
14F.-3, No.137, Sec. 1, Fuxing S. Rd., Da’an Dist., Taipei City 106, Taiwan
Representative: Tung-Hua Tai
VAT: 43871553
交觀甲793500 品保北2260 隱私權條款
IATA: 96137764
Copyright © 2025 Siloah Travel Co., Ltd.. All rights reserved.

Oceania Insignia
โอเชียเนีย ครูซส์


สตอกโฮล์ม เมืองหลวงของสวีเดน เป็นจุดหมายปลายทางที่เต็มไปด้วยความน่าหลงใหลและเสน่ห์พิเศษ ที่นี่คือเมืองแห่งนวัตกรรมและวัฒนธรรม ที่มีชีวิตชีวาในรูปแบบที่เป็นสากล ตั้งแต่กลางทศวรรษ 1990 เป็นต้นมา สตอกโฮล์มเริ่มเปิดตีกรอบสู่โลกภายนอก ผ่านประสบการณ์การเจริญเติบโตทางเทคโนโลยีและการพัฒนาเศรษฐกิจที่น่าทึ่ง เมืองที่ตั้งอยู่บน 14 เกาะ ได้รับการเชื่อมโยงด้วยสะพานต่างๆ ยิ่งทำให้การเดินทางรอบเมืองเป็นเรื่องง่าย สตอกโฮล์มยังมีประวัติศาสตร์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ ตั้งแต่อดีตที่เคยเป็นศูนย์กลางการค้า จุดเด่นที่ไม่ควรพลาดคือเมืองเก่าที่คงความสวยงามของสถาปัตยกรรมยุคกลาง รวมทั้งพระราชวังและโบสถ์โบราณ ชีวิตในสตอกโฮล์มเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ประชากรวัยหนุ่มสาวมีแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ ซึ่งทำให้เมืองนี้เป็นแหล่งรวมของแฟชั่น อาหารระดับโลก และการออกแบบ ที่นี่ยังมีร้านอาหารหรูหราและบรรยากาศที่น่าดื่มด่ำกับคาเฟ่ริมทาง มาเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ที่สตอกโฮล์ม และสัมผัสบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์ เพื่อสร้างความทรงจำที่น่าประทับใจในทริปเดินทางของคุณ!

เฮลซิงกิ เมืองหลวงแห่งฟินแลนด์ ตั้งอยู่ริมทะเลบอลติกในอ่าวฟินแลนด์ ออกแบบอย่างสวยงามริมคาบสมุทรและเกาะเล็ก ๆ มีทัศนียภาพสะดุดตาที่มีอาคารสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิก รวมถึงการผสมผสานงานออกแบบสมัยใหม่ของฟินแลนด์ที่น่าหลงใหล ผู้ที่มาเยือนเฮลซิงกิจะได้สัมผัสบรรยากาศของเมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาพร้อมกับสวนสาธารณะมากถึง 400 แห่ง ทำให้ช่วงฤดูร้อนเป็นช่วงเวลาที่เหมาะแก่การพักผ่อนอย่างแท้จริง เมืองนี้มีความเป็นมาที่น่าสนใจ เมื่อถูกเลือกให้เป็นเมืองหลวงในปี 1812 โดยซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 1 ซึ่งเปลี่ยนแปลงสถานะของเฮลซิงกิให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น อาคารใหม่ที่สร้างขึ้นตามความต้องการของเมืองหลวงทำให้เฮลซิงกิมีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว เมื่อเข้ามาในเมืองคุณจะพบกับการถ่ายรูปกับสัญลักษณ์สำคัญอย่างโบสถ์เฮลซิงกิที่มีโดมขาวสะอาด โต้ตอบกับพื้นผิวอาคารที่ทาสีสันสดใส นอกจากนี้ยังมีบาร์และคาเฟ่กลางแจ้งที่เรียกว่า "terrassit" ให้โอกาสคุณนั่งชมผู้คนในวันฤดูร้อน สัมผัสความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว หากคุณกำลังมองหาสถานที่ที่สวยงามและเต็มไปด้วยประสบการณ์ใหม่ ๆ เฮลซิงกิคือจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดในทริปเรือสำราญของคุณในภูมิภาคบอลติกนี้!

ท่าเรือตัลลินน์ ประเทศเอสโตเนีย เป็นจุดเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบสำหรับการสัมผัสเสน่ห์ของประเทศแถบบอลติกที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันหลากหลาย ตั้งแต่อดีตที่ผ่านมาของการถูกปกครองโดยชนชาติต่าง ๆ เช่น เดนมาร์ก เยอรมัน สวีเดน และรัสเซีย ตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 จนกระทั่งได้ประกาศเอกราชในปี 1918 แม้จะต้องเผชิญกับการยึดครองจากโซเวียตและนาซีในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แต่เอสโตเนียได้ฟื้นฟูอิสรภาพและเข้าร่วมสหภาพยุโรปในปี 2004 ในปัจจุบัน ตัลลินน์เป็นเมืองหลวงที่เจริญรุ่งเรืองและเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะในปี 2011 ที่เมืองนี้ได้รับการประกาศให้เป็นเมืองวัฒนธรรมแห่งยุโรป ชวนให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับสถาปัตยกรรมเมืองเก่าที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี รวมถึงบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาของคาเฟ่และแกลเลอรีศิลปะต่าง ๆ เมื่อคุณมายังตัลลินน์ นอกจากการสำรวจตัวเมืองอันงดงามแล้ว ยังสามารถเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวในบริเวณใกล้เคียง เช่น ปราสาทโตนลาห์ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม รองรับการเดินทางโดยเรือสำราญที่มาเยือนให้ความสุขและประสบการณ์ที่น่าจดจำในดินแดนแห่งประวัติศาสตร์นี้


ริกา เมืองหลวงของลัตเวีย ที่นำเสนอความหรูหราในบรรยากาศของเมืองใหญ่ซึ่งไม่มีใครเทียบได้ในภูมิภาคนี้ สถานที่แห่งนี้นับเป็นศูนย์กลางการค้าและธุรกิจที่สำคัญ โดยมีร้านอาหารและโรงแรมระดับสูงที่เป็นที่กล่าวขานในวงการท่องเที่ยวในยุโรปตะวันตก ผู้มาเยือนจะได้รับการต้อนรับด้วยความงดงามของเมืองเก่า (Old Town) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกยูเนสโก หนึ่งในตัวอย่างที่ดีที่สุดของสถาปัตยกรรมอาร์ต นูโว เส้นทางเดินในย่านนี้ จะเต็มไปด้วยบ้านแบบเยอรมันที่มีเสน่ห์ แบ่งป่าทางข้างในของเมืองออกเป็นสองส่วน สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่เรียกว่า Esplanāde รอคอยให้ผู้มาเยือนนั่งพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ ในขณะที่ย่านสถาปัตยกรรมอาร์ต นูโว ที่ได้รับการยกย่องจากยูเนสโก ยังให้ความรู้สึกถึงความหรูหราในทุกซอกทุกมุม ไม่ว่าคุณจะถูกใจที่จะเดินชมบรรยากาศหรือจะเข้าไปสำรวจพิพิธภัณฑ์มากมายของเมือง ริการอุดมไปด้วยประวัติศาสตร์และศิลปะ ที่คุณสามารถสัมผัสได้ตั้งแต่เส้นขอบฟ้าไปจนถึงคาเฟ่เล็กๆ ที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ เตรียมกระเป๋าของคุณแล้วไปสัมผัสกับความงามของริกากันเถอะ!
วิสบี (Visby) เมืองที่มีเสน่ห์บนเกาะก็อตแลนด์ (Gotland) ประเทศสวีเดน เป็นจุดหมายปลายทางอันน่าหลงใหลที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนาน และบรรยากาศที่เป็นกันเองในช่วงฤดูร้อน เกาะนี้มีความยาวถึง 125 กิโลเมตร และกว้าง 52 กิโลเมตร นับว่าเป็นเกาะที่มีชื่อเสียงในฐานะสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนในวันหยุด เมื่อคุณเดินทางมายังท่าเรือวิสบี คุณจะได้พบกับแนวชายทะเลที่สวยงาม ประกอบด้วยหาดทรายขาวละเอียดและกลุ่มหินรูปร่างแปลกตาที่เรียกว่า "ราวการ์" (raukar) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวปะการังที่เกิดขึ้นมาเมื่อกว่า 400 ล้านปีมาแล้ว นอกจากนี้ เกาะก็อตแลนด์ยังเป็นที่ตั้งของฟาร์มแกะ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมการเกษตรของสวีเดน ความหลากหลายทางธรรมชาติของที่นี่ยังไปไกลกว่าที่ตาผู้ชมเห็น โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ผลิที่ 35 ชนิดของกล้วยไม้ป่าจะเบ่งบานอยู่ตามพื้นที่เขียวขจี ดึงดูดนักพฤกษศาสตร์จากทั่วทุกมุมโลก ที่วิสบี คุณยังจะได้สัมผัสกับเมืองเก่าที่มีสถาปัตยกรรมยุคกลางอันน่าตื่นตาตื่นใจ และร่วมสนุกกับกิจกรรมที่หลากหลาย กิจกรรมทั้งอาหารท้องถิ่นและเทศกาลที่มีชีวิตชีวา ยืนยันได้เลยว่า วิสบีในเกาะก็อตแลนด์จะเป็นจุดหมายการเดินทางที่คุณไม่ควรพลาด!

คาร์ลส์ครูน่า (Karlskrona) เมืองท่าที่สวยงามและมีเสน่ห์ในประเทศสวีเดน ตั้งอยู่บนชายฝั่งที่งดงามของทะเลบอลติก เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะที่เป็นเมืองท่าหลักของกองทัพเรือสวีเดน เมื่อเรือสำราญของคุณแวะจอดที่ท่าเรือคาร์ลส์ครูน่า คุณสามารถเดินสำรวจความงามของเมืองนี้ได้อย่างง่ายดาย เมืองนี้ปรากฏอยู่ในรายชื่อมรดกโลกของยูเนสโก ซึ่งเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์บาโรกที่ยังคงสมบูรณ์แบบ ที่คุณไม่ควรพลาดคือการเยี่ยมชม “พิพิธภัณฑ์เรือ” (Maritime Museum) ที่จะพาคุณย้อนเวลากลับไปที่อดีตทางทะเลของประเทศ รวมทั้งสามารถชมวิวทะเลที่สวยงามจาก “ปราสาทคาร์ลส์สตัด” (Carlskrona Naval Base) ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่ต่ำตระหง่านเหนือทะเล นอกจากเกมน้ำที่ยอดเยี่ยม คุณยังสามารถเลือกพักผ่อนที่ร้านกาแฟสุดชิคในย่านเมืองเก่า ชิมอาหารทะเลสดใหม่ หรือเดินชมตลาดท้องถิ่นที่กระตุ้นประสาทสัมผัสของคุณ โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนที่มีการจัดงานเทศกาลที่เต็มไปด้วยสีสันและชีวิตชีวา คาร์ลส์ครูน่าไม่ใช่แค่ท่าเรือที่คุณแวะจอด แต่เป็นประตูสู่ประสบการณ์อันทรงคุณค่า และการเดินทางที่ไม่มีวันลืมในประเทศสวีเดน

ท่าเรือเชชซิน (Szczecin) ตั้งอยู่ในประเทศโปแลนด์ เป็นหนึ่งในท่าเรือที่สำคัญและมีเสน่ห์ที่สุดในยุโรป โดยเฉพาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่รักในการผจญภัยและการค้นพบสิ่งใหม่ ๆ เชชซินเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนาน ที่ได้รับอิทธิพลจากหลากหลายวัฒนธรรม ม่านหน้าที่สวยงามของเมืองนี้ถูกประดับด้วยอาคารแนวโกธิคที่งดงาม และโบสถ์โบราณซึ่งสร้างความรู้สึกเหมือนย้อนเวลาไปยังยุคอดีต เมื่อคุณลงเรือที่เชชซิน คุณจะสามารถสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาของเมืองริมแม่น้ำ Oder ที่มีทิวทัศน์ธรรมชาติอันงดงาม ท่าเรือแห่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสำรวจแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง อาทิเช่น ปราสาท Ducal Castle ซึ่งนับเป็นสัญลักษณ์ของเมืองและสถานที่ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ ยังมีเส้นทางเดินเล่นริมแม่น้ำที่เหมาะสำหรับการเดินเล่นในยามเย็น พรั่งพร้อมด้วยร้านกาแฟและบาร์ที่เชิญชวนให้คุณนั่งพักสะสมความประทับใจจากทริปนี้ หากคุณเป็นคนรักศิลปะ สถานที่จัดแสดงนิทรรศการต่าง ๆ ในเมืองจะทำให้คุณหลงรักวัฒนธรรมที่นี้มากยิ่งขึ้น เชชซินคือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างธรรมชาติ สถาปัตยกรรม และประวัติศาสตร์ สถานที่ที่อัดแน่นไปด้วยแรงบันดาลใจที่รอให้คุณมาเยือนในทุก ๆ เช้า!

เมืองวาร์เนมึนเดอ (Warnemünde) ซึ่งเป็นชานเมืองที่งดงามของโรสต็อกในประเทศเยอรมนี เป็นจุดหมายปลายทางที่ถูกใจนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน ด้วยชายหาดทรายขาวกว่าหมื่นสองพันเมตร ที่นี่เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การพักผ่อน และเติมเต็มความสุขให้กับครอบครัวที่มองหาที่หลบหนีจากความวุ่นวาย วาร์เนมึนเดอไม่เพียงแต่มีโรงแรมและร้านอาหารที่ดีที่สุดในพื้นที่ แต่ยังเป็นท่าเรือสำราญที่สำคัญ สำหรับผู้ที่หลงใหลในฤดูกาลของการเดินทาง ทางเมืองจะเต็มไปด้วยชีวิตชีวาเมื่อลงเรือสำราญหลายลำที่จอดอยู่ในท่าพร้อมกัน การเฉลิมฉลองของเมืองจะเปล่งประกายออกมาให้เห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการเฉลิมฉลอง "dreifache Anlauf" ซึ่งมีเรือสามลำจอดพร้อมกัน โดยจะมีการจุดดอกไม้ไฟสร้างบรรยากาศที่น่าตื่นตาตื่นใจ ด้วยความสงบและสวยงาม วาร์เนมึนเดอจึงเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การเติมเต็มจิตวิญญาณของผู้เดินทาง เสริมสร้างประสบการณ์ที่ไม่อาจลืมเลือนในใจคุณ ด้วยภาพภูมิทัศน์ที่สวยงามและอิ่มเอมกับบรรยากาศที่มีชีวิตชีวา นี่คือจุดหมายที่ต้องสัมผัสในทุกการเดินทาง.

ท่าเรือซึ่งเป็นประตูสู่การผจญภัยอันน่าตื่นตาตื่นใจในเดนมาร์กอย่าง "ท่าเรือคาลุนด์บอร์ก" นั้นมีเสน่ห์และความงดงามซ่อนอยู่ในทุกมุมมอง สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน นอกจากจะได้สัมผัสบรรยากาศอันสงบของทะเลเหนือ ยังสามารถสำรวจเกาะต่างๆ ที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงได้อย่างสะดวกสบาย คาลุนด์บอร์กตั้งอยู่ในเขตเซลแลนด์ เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่ล้ำค่า ผู้เยี่ยมชมสามารถชมวิวทิวทัศน์ที่งดงามของฟยอร์ด และเข้าสัมผัสความมีชีวิตชีวาของตลาดท้องถิ่นที่มีสินค้าหัตถกรรมและอาหารพื้นเมืองอันอร่อย ไม่ไกลจากท่าเรือ นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินทางไปสำรวจ "โบสถ์ซานตาอันนา" ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น หรือแวะชม "ปราสาทเกลกอร์ด" ที่ยืนหยัดท่ามกลางภูเขาและธรรมชาติอันสวยงาม นอกจากนี้ วัฒนธรรมเดนมาร์กยังเต็มไปด้วยศิลปะการออกแบบที่เหนือชั้น และกิจกรรมต่างๆ ที่จะหล่อหลอมความทรงจำอันล้ำค่าในทุกการเดินทาง ให้คาลุนด์บอร์กเป็นจุดเริ่มต้นในการค้นพบเสน่ห์ของเดนมาร์ก แล้วร่วมสร้างประสบการณ์อันน่าจดจำที่จะติดตรึงใจคุณตลอดไป

เมืองคีล (Kiel) ตั้งอยู่ในประเทศเยอรมนี เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าหลงใหลสำหรับนักเดินทางที่มีใจรักในวัฒนธรรมทะเล ที่นี่เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องคลองคีล (Kiel Canal) และเทศกาลคีลวีค (Kiel Week) ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ด้วยประวัติศาสตร์ทางทะเลที่สำคัญ คีลจึงเต็มไปด้วยเอกลักษณ์และเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใคร คุณสามารถสำรวจเมืองที่มีชีวิตชีวานี้ได้อย่างง่ายดาย โดยเริ่มต้นจากท่าเรือ ที่นี่มีวิวทะเลที่สวยงาม พร้อมกับโอกาสในการแวะพักหลากหลายร้านค้าและคาเฟ่ที่ตั้งอยู่ริมทะเล หากคุณเป็นแฟนของการช้อปปิ้ง ไม่ควรพลาดแหล่งช็อปปิ้งที่มีสินค้าแฟชั่นทันสมัยและของที่ระลึกอันน่าประทับใจ นอกจากนี้ เทศกาลคีลวีคซึ่งจัดขึ้นในช่วงฤดูร้อน เป็นหนึ่งในเทศกาลเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่นี่ไม่เพียงแต่มีการแข่งเรือ แต่ยังมีกิจกรรมดนตรีและการแสดงมากมายที่ทำให้เมืองนี้มีชีวิตชีวาในช่วงเวลานั้น เป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน และบรรยากาศที่น่าตื่นเต้น คีล คือจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับการพบปะสังสรรค์และสำรวจวัฒนธรรมที่หลากหลาย ขอเชิญคุณมาสัมผัสและสร้างความทรงจำที่ไม่รู้ลืม ณ ที่แห่งนี้

โคเปนเฮเกน เมืองหลวงของเดนมาร์ก เป็นจุดหมายปลายทางที่มีเสน่ห์และเต็มไปด้วยเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ที่นี่เคยเป็นศูนย์การค้าสำคัญในศตวรรษที่ 11 ปัจจุบันจึงเป็นเมืองที่มีความสำคัญทั้งในแง่ของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ทั้งที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับหนึ่งในสแกนดิเนเวีย แต่ก็ยังคงรักษาสถาปัตยกรรมที่ไม่สูงนักให้มีความสง่างามใกล้ชิดธรรมชาติ ห้ามพลาดที่จะไปเยี่ยมชมสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น น้ำพุเกเฟียน (Gefion Fountain) ที่มีความสวยงาม แวะชมพระราชวังอมาเลียนบอร์ก (Amalienborg Palace) ซึ่งเป็นที่ประทับของราชวงศ์เดนมาร์ก และพลาดไม่ได้กับปราสาทโรเซนบอร์ก (Rosenborg Castle) ที่มีการจัดแสดงอัญมณีของราชวงศ์ นอกจากนี้ การนั่งเรือชมทิวทัศน์ในคลองต่างๆ ของโคเปนเฮเกนจะทำให้คุณได้สัมผัสบรรยากาศแบบสแกนดิเนเวียอย่างแท้จริง และหากมีโอกาส ควรไปเยือนหมู่บ้านประมงเก่าแก่ดราเกอร์ (Dragoer) ที่ทำให้ความทรงจำของคุณมีสีสันยิ่งขึ้น โคเปนเฮเกนเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ ไม่น่าแปลกใจที่เมืองนี้เป็นแรงบันดาลใจของนิทานอันเป็นที่รักจากฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน และยกย่องในบทเพลง "Wonderful Copenhagen" อย่างแท้จริง เมื่อเดินทางมายังเมืองนี้ คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืมเลือน


เมืองอาเลซุนด์ (Ålesund) ตั้งอยู่ในเขตมอร์เรอ และ รอมส์ดาล (Møre og Romsdal) เป็นท่าเรือที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และวัฒนธรรม เมืองนี้ได้ชื่อว่าเป็นราชธานีทางการค้าริมชายฝั่ง และเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในความงดงามของสถาปัตยกรรมสไตล์ยูเจนด์สติล (Jugendstil) หรืออาร์ตนูโว ซึ่งบางคนยกให้เมืองนี้เป็นหนึ่งในเมืองที่สวยที่สุดของนอร์เวย์ เมืองอาเลซุนด์ถูกสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมดหลังจากเกิดเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในปี 1904 ซึ่งทำให้มีบ้านเรือนถูกทำลายไปถึง 800 หลัง และประชาชนต้องไร้ที่อยู่อาศัยถึง 10,000 คน การสร้างใหม่ในครั้งนี้ได้แรงบันดาลใจจากสถาปนิกหนุ่มต่างชาติที่นำสไตล์เยอรมันและรากเหง้าของชาวไวกิ้งมาผสมผสานกันอย่างลงตัว ทำให้ถนนแคบๆ ในเมืองเต็มไปด้วยอาคารที่มียอดแหลมต่างๆ พร้อมการตกแต่งรูปหัวมังกรและลวดลายที่งดงาม นอกจากนี้อาเลซุนด์ยังเป็นหนึ่งในเมืองอาร์ตนูโวที่เหลืออยู่ไม่กี่เมืองในโลก และในปี 1998 เมืองนี้ได้รับรางวัล Houens National Memorial Prize เพื่อเป็นการยกย่องความพยายามในการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์แห่งนี้ หากคุณได้มีโอกาสเยี่ยมชมเมืองอาเลซุนด์แล้ว จะรู้สึกถึงความงดงาม และเสน่ห์ที่ไม่ซ้ำใครอย่างแน่นอน

ทรอนด์ไฮม์ (Trondheim) หนึ่งในเมืองเก่าแก่ของสแกนดิเนเวียที่เคยเป็นเมืองหลวงแรกของนอร์เวย์ตั้งแต่ปี ค.ศ. 997 จนถึง 1380 เมืองที่ก่อตั้งโดยราชานอร์เวย์ โอลาฟ ทรียกวาเซน (Olav Tryggvason) นี้เดิมมีชื่อว่า นิดารอส (Nidaros) ซึ่งยังคงเป็นชื่อของมหาวิหารที่มีชื่อเสียง เมืองนี้ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำนิดเอลวา (Nidelva) และปัจจุบันเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภาคกลางของนอร์เวย์และอันดับสามในประเทศ ด้วยประชากรประมาณ 150,000 คน ในใจกลางเมืองแห่งนี้ ถนนถูกจัดเรียงอย่างกว้างขวางไปด้วยบ้านไม้ที่ทาสีสันสดใสและคลังสินค้าที่ล้วนมีเสน่ห์ดึงดูด ตลอดจนสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง พร้อมกันนี้ยังเป็นที่ตั้งของ NTNU (มหาวิทยาลัยนอร์เวย์ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี) ซึ่งทำให้ทรอนด์ไฮม์กลายเป็นเมืองหลวงทางด้านเทคโนโลยีของนอร์เวย์ สัมผัสประวัติศาสตร์ที่มีชีวิตชีวาและสนุกสนานไปกับเสน่ห์ของเมืองศิลปะและนวัตกรรม พร้อมเพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์ที่งดงามจากแม่น้ำและชนบทที่ล้อมรอบ เป็นประสบการณ์ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดในการเดินทางมายังทรอนด์ไฮม์เมืองที่มีทั้งอดีตและอนาคตอันสดใส!

เลคเนส (Leknes) เมืองท่าที่งดงามแห่งหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten) ของนอร์เวย์ เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ความงดงามที่นี่มีมากมาย ตั้งแต่เขาหินสูงชัน ลำธารที่ไหลริน และฟยอร์ดที่เงียบสงบ ไปจนถึงชายหาดทรายขาวสวยสะอาด น้อยนักที่จะมีเมืองใดในนอร์เวย์ที่สามารถเปรียบเทียบกับเลคเนสได้ในการนำเสนอภาพธรรมชาติที่สวยงาม การเยี่ยมชมในช่วงกลางคืนก็จะได้สัมผัสกับแสงอาทิตย์ที่ไม่เคยตกดินตั้งแต่วันที่ 26 พฤษภาคมถึง 17 กรกฎาคม ซึ่งสร้างบรรยากาศที่น่าตื่นตาตื่นใจ ที่นี่มีกิจกรรมหลากหลายให้เลือก เช่น การล่องเรือรอบหมู่เกาะ การตกปลาในทะเลลึก หรือแม้แต่การปั่นจักรยานสำรวจเมืองในแบบที่คุณต้องการ คุณสามารถเช่าจักรยานได้ง่ายดาย และจักรยานไฟฟ้าก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่อาจไม่คุ้นเคยกับการปั่น โดยเฉพาะหลังจากเพลิดเพลินกับอากาศสดชื่น อย่าลืมลิ้มลอง "สกิลลิงโบลเล่" ขนมอบกลิ่นซินนามอนที่อร่อยและฟู นี่คือความแปลกใหม่ที่ศูนย์กลางเมืองเลคเนสจะนำเสนอให้กับคุณ พร้อมเสพความสุขกับคาเฟ่สุดน่ารัก สัมผัสกับบรรยากาศนอร์เวย์และกล่าวขอบคุณสำหรับประสบการณ์ที่คุ้มค่า!

ท่าเรือฮาร์สตัด (Harstad) ตั้งอยู่ในแถบอาร์กติกของนอร์เวย์ เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าหลงใหลและเต็มไปด้วยเสน่ห์จากธรรมชาติอันงดงาม และวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ตัวเมืองตั้งอยู่บนเกาะฮาญาร์ ดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยทิวทัศน์ที่ตระการตาของฟยอร์ดและภูเขาอันงามสง่า เมื่อเรือสำราญของคุณแล่นเข้าเทียบท่า อากาศบริสุทธิ์และวิวทะเลสาบที่ใสสะอาดจะทำให้คุณรู้สึกสดชื่น ส่วนหนึ่งของความน่าสนใจของฮาร์สตัดคือการได้สัมผัสกับประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน และอาคารเก่าแก่ที่เล่าขานถึงอดีตเมืองท่าที่สำคัญ ในช่วงฤดูร้อน นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสกับ “กลางคืนไม่มีวันจบ” ที่พระอาทิตย์ไม่เคยลับขอบฟ้า ในขณะที่ฤดูหนาวจะถือเป็นช่วงเวลาแห่งการชมแสงเหนือที่น่าตื่นตาตื่นใจ นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถสำรวจกรุงฮาร์สตัดด้วยการเดินชิลล์ริมชายฝั่ง ชมศิลปะท้องถิ่น หรือสัมผัสวัฒนธรรมสแกนดิเนเวีย โดยการชิมอาหารทะเลสดใหม่ในร้านอาหารที่มีชื่อเสียง ทั้งหมดนี้สร้างเป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมในดินแดนแห่งฟยอร์ดและความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ ที่รอให้นักเดินทางได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด หลีกหนีจากความวุ่นวายในชีวิตประจำวัน และปล่อยใจให้เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ในทุกย่างก้าวของการเดินทาง.

แฮมเมอร์เฟสต์ (Hammerfest) เมืองที่ตั้งอยู่เหนือวงกลมอาร์กติกมากกว่า 600 ไมล์ ถือเป็นเมืองที่อยู่เหนือสุดของโลก และเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในภาคเหนือของนอร์เวย์ “แฮมเมอร์เฟสต์” มีความหมายว่า “สถานที่จอดเรือ” ซึ่งอธิบายถึงท่าเรือธรรมชาติที่ปลอดจากน้ำแข็งตลอดปี เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากกระแสน้ำอุ่นของกัลฟ์สตรีม เมืองนี้คือประตูสู่ทะเลบาร์เรนท์และมหาสมุทรอาร์กติก ที่ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการสำรวจในดินแดนอาร์กติก อดีตของแฮมเมอร์เฟสต์คือเมืองที่มีการล่าสัตว์ โดยตราสัญลักษณ์ของเมืองคือหมีขั้วโลก ซึ่งบ่งบอกถึงความเชื่อมโยงกับธรรมชาติอันงดงาม ในปี 1891 ประชาชนในแฮมเมอร์เฟสต์ได้ตัดสินใจซื้อเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจากโธมัส เอดิสัน จนทำให้เมืองนี้กลายเป็นเมืองแรกในยุโรปที่มีไฟถนน โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่มืดมิด นอกจากนี้ ในตัวเมืองยังมีพิพิธภัณฑ์สองแห่งและร้านค้าหลายแห่งที่นำเสนอสินค้าท้องถิ่น รวมถึงตลาดสำหรับของฝากและสินค้าต่างๆ ซึ่งทั้งหมดนี้จะทำให้การเยี่ยมชมแฮมเมอร์เฟสต์เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ พร้อมประทับใจในเสน่ห์ความงามของอาร์กติกที่นี่

ในประเทศนอร์เวย์ ท่าเรือ Honningsvåg เป็นประตูสู่การผจญภัยที่ไม่เหมือนใครบนแผ่นดินยุโรปเหนือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการเยือน Nordkapp หรือ North Cape ซึ่งเป็นจุดที่อยู่เหนือสุดของทวีปยุโรป การเดินทางจาก Honningsvåg ไปยัง Nordkapp ระยะทางประมาณ 35 กิโลเมตร โดยมีทิวทัศน์ที่น่าทึ่งของทุ่งหญ้าทุนดราและกวางเรนเดียร์ที่เดินกินหญ้าในทุ่งที่เป็นหิน ซึ่งจะมีการรวมฝูงกวางเป็นประจำทุกฤดูใบไม้ผลิ Honningsvåg ที่ตั้งอยู่บนเกาะ Magerøya เป็นหมู่บ้านประมงที่ให้บรรยากาศอบอุ่น พร้อมมีจุดชมวิวที่ช่วยให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกับความงามของธรรมชาติ โดยเฉพาะเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นและตก ที่สร้างบรรยากาศที่เหมาะแก่การหลีกหนีจากความวุ่นวายของชีวิตประจำวัน การสำรวจ Nordkapp ไม่เพียงแต่เป็นการสัมผัสพื้นที่ที่ไม่เหมือนใคร แต่ยังเป็นการชวนให้ผู้คนเคารพต่อสิ่งแวดล้อมด้วยการเดินทางตามเส้นทางที่กำหนดและไม่สร้างความเสียหายให้กับธรรมชาติ สำหรับผู้ที่มาฤดูหนาว การเข้าถึง Nordkapp จะต้องใช้รถ Sno-Cat เพื่อย้ายผ่านภูมิประเทศที่ปกคลุมด้วยหิมะ สร้างความทรงจำที่ยากจะลืมเลือนในภายหลัง การเดินทางสู่ Honningsvåg และ Nordkapp จึงเป็นประสบการณ์ที่พร้อมจะเติมเต็มความฝันให้กับนักท่องเที่ยวที่สนใจในความงามและความมหัศจรรย์ของอาร์กติก

อัลต้า (Alta) เมืองที่น่าหลงใหลในนอร์เวย์ ซึ่งตั้งอยู่ที่ปากอ่าวอัลตาฟยอร์ด เป็นจุดหมายปลายทางที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์และประวัติศาสตร์อันยาวนาน นับตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่มีการค้นพบร่องรอยการแกะสลักบนหินในปี 1973 ที่พิพิธภัณฑ์อัลต้า ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมวัฒนธรรมและศิลปะของชาวพื้นเมือง อัลต้าเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การพักผ่อนในธรรมชาติที่สวยงาม โดยมีหุบเขาที่เต็มไปด้วยต้นไม้ และสภาพอากาศที่น่าพอใจตลอดทั้งปี สร้างบรรยากาศที่แตกต่างจากภูมิทัศน์ที่แห้งแล้งของฟินมาร์กซึ่งอยู่ใกล้เคียง ในฤดูหนาว อุณหภูมิลดต่ำ แต่ท้องฟ้าจะสดใส สาดแสงสีสันจากออโรร่า เบอเรลิส นับว่าเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่สวยงามและมีชื่อเสียงที่สุดในภูมิภาคนี้ ไม่เพียงแค่นั้น อัลต้ายังมีหอดูดาวออโรร่าที่แรกของโลก ซึ่งตั้งอยู่ที่ยอดเขาฮัลด์เดอ และเป็นสถานที่ที่สำคัญในการศึกษาเกี่ยวกับการโฟตอน และอุตุนิยมวิทยาในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 นอกจากนี้ สถานที่ที่ตั้งของเรือรบทีร์ปิตซ์ในสงครามโลกครั้งที่สอง ยังเพิ่มความน่าสนใจให้กับเมืองนี้อีกด้วย เยี่ยมชมอัลต้า แล้วคุณจะได้สัมผัสกับทั้งความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติและอรรถรสทางวัฒนธรรมที่ไม่เหมือนใคร เป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่คุณไม่ควรพลาดในการเดินทางหรูหราในนอร์เวย์

ท่าเรือทรอมโซ (Tromsø) ตั้งอยู่บนเกาะทรอมโซ เป็นเมืองที่ใหญ่กว่ากรุงออสโลถึงห้าเท่า และยังเป็นเมืองมหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่เหนือสุดของโลก ที่นี่อยู่ห่างจากวงกลมอาร์กติกเพียง 200 ไมล์ ซึ่งได้รับการขนานนามว่า "ประตูสู่อาร์กติก" ย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 19 เมืองนี้เคยเป็นฐานที่ตั้งสำหรับนักสำรวจในการนำทางล่าสัตว์ในเขตอาร์กติก เช่น หมาป่าทางเหนือ และหมีขั้วโลก ปัจจุบัน ทรอมโซยังสามารถสัมผัสประวัติศาสตร์อันสำคัญนี้ได้ที่พิพิธภัณฑ์โพลาร์ (Polar Museum) ในระหว่างการเยี่ยมชม เราสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมและประเพณีของชาวซามี (Sami) ที่พิพิธภัณฑ์ทรอมโซ (Tromsø Museum) ที่นี่ยังมีความงามของสถาปัตยกรรมทั้งเก่าและใหม่ โดยเฉพาะโบสถ์อาร์กติก (Arctic Cathedral) ที่เป็นเอกลักษณ์ มองออกไปเห็นภูเขาสโตร์สเตน (Mount Storsteinen) ที่มีรถกระเช้าขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์รอบเมืองได้อย่างงดงาม การเดินทางมายังท่าเรือทรอมโซจึงไม่เพียงเป็นการพบปะกับธรรมชาติที่สวยงาม แต่ยังเป็นการสำรวจวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่มีความหมายอย่างลึกซึ้งอีกด้วย มาร่วมเริ่มต้นการผจญภัยที่นี่กันเถอะ!


ในประเทศไอซ์แลนด์ ท่าเรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ไอซาฟยอร์ดูร์ (Isafjördur) ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าหลงใหล ไม่เพียงแต่เป็นท่าเรือที่น่าประทับใจตั้งอยู่ท่ามกลางวิวทิวทัศน์ของภูเขาหินสูงโปร่งทั้งสองข้าง แต่ยังตั้งอยู่บนคาบสมุทรที่ยื่นออกไปในน้ำฟยอร์ดสีดำลึกอีกด้วย การเดินทางมาที่นี่จะทำให้คุณได้สัมผัสถึงความสดใสและทันสมัยของเมืองเล็กๆ ที่มีชีวิตชีวา พรั่งพร้อมไปด้วยคาเฟ่และร้านอาหารที่เต็มไปด้วยรสชาติอร่อย พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างอบอุ่น ไอซาฟยอร์ดูร์ไม่เพียงแต่มีความสวยงามแบบธรรมชาติ แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยมสำหรับการผจญภัยกลางธรรมชาติที่งดงามของไอซ์แลนด์ ซึ่งกิจกรรมที่ได้รับความนิยมคือการเล่นสกี เดินป่า และกีฬาทางน้ำ ล้วนแต่เป็นกิจกรรมที่ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับความดิบของธรรมชาติอย่างใกล้ชิด อย่าลืมสัมผัสกลิ่นอายแห่งการผจญภัยที่รอให้คุณค้นพบ ณ ท่าเรือแห่งนี้ ซึ่งจะสร้างแรงบันดาลใจและความทรงจำที่ไม่มีวันลืมเลือนในการเดินทางของคุณในไอซ์แลนด์!

เรคยาวิก เมืองหลวงที่มีเสน่ห์และเป็นศูนย์กลางของไอซ์แลนด์ ตั้งอยู่บนอ่าวที่มีภูเขามิท เอสยาเป็นฉากหลัง สะท้อนความเป็นธรรมชาติที่งดงามของประเทศ ด้วยบ้านที่ทาสีสันสดใสและหลังคาแดง น้ำเงิน และเขียว เมืองนี้เป็นการรวมตัวของประชากรเกือบครึ่งหนึ่งของประเทศ ชื่อ "เรคยาวิก" มาจากคำภาษาไอซ์แลนด์ที่หมายถึง "อ่าวของควัน" ซึ่งได้รับการตั้งชื่อตามการค้นพบของนักเดินเรือชาวนอร์สที่มามองเห็นเกาะนี้ในปี ค.ศ. 874 ภายในเมืองมีการทำความร้อนจากน้ำร้อนจากบ่อน้ำร้อน ลดมลพิษทางอากาศและมอบความอบอุ่นให้กับบ้านเรือน การสำรวจเรคยาวิกนั้นง่ายด้วย Reykjavik City Card ซึ่งให้สิทธิ์ในการเดินทางด้วยรถประจำทางไม่จำกัดและเข้าชมสระว่ายน้ำทั้งหมดในเมือง รวมถึงสวนสัตว์และพิพิธภัณฑ์ หลายแห่งเป็นที่รู้จัก การเข้าสู่พิพิธภัณฑ์ศิลปะเช่น Hafnarhús และ Kjarvalsstaðir จะทำให้คุณได้รับบัตรเข้าชมฟรีไปยังพิพิธภัณฑ์อื่น ๆ ในวันเดียวกัน มาเปิดประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นในเรคยาวิก ดื่มด่ำกับวัฒนธรรมและธรรมชาติ พร้อมกับสัมผัสความหลากหลายของกิจกรรมที่มีให้เพื่อเติมเต็มวันหยุดของคุณในดินแดนแห่งไฟและน้ำแข็ง!












เจ้าของสวีทใหม่ที่มีการออกแบบอย่างหรูหราและเฟอร์นิเจอร์ที่มีเอกลักษณ์จำนวนหกห้อง เป็นห้องที่มักถูกจองอย่างรวดเร็ว สวีทเหล่านี้กว้างใหญ่ถึงประมาณ 1,000 ตารางฟุต และเป็นโอเอซิสแห่งความเงียบสงบและการผ่อนคลาย เพลิดเพลินกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน โดยมีห้องน้ำที่ได้รับการออกแบบใหม่สุดหรูซึ่งมีฝักบัวขนาดใหญ่ สวีทยังมีระเบียงไม้สักส่วนตัว และโทรทัศน์จอแบนสองเครื่องเพื่อความสะดวกสบายที่สุด นอกจากนี้ ผู้เข้าพักยังได้รับสิทธิพิเศษมากมาย อาทิ บริการซักรีดฟรีสูงสุดสามกระเป๋าต่อห้อง บริการผู้ช่วยส่วนตัว 24 ชั่วโมง และการเข้าถึงสปา Aquamar Terrace อย่างไม่จำกัด ทั้งนี้ยังมีการต้อนรับด้วยแชมเปญฟรีและชุดของขวัญจากบุลการี รวมทั้งสิทธิพิเศษในการจองร้านอาหารและบริการอื่นๆ เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่ไม่เหมือนใครในทุกมิติของความหรูหราในเจ้าของสวีทแห่งนี้







ห้องพักชื่อว่า วิสตา สวีท มอบวิวที่งดงามไปยังส่วนหน้าเรือ คุณจะพบกับสีสันที่สงบซึ่งสื่อถึงทะเลที่เงียบสงบและท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ ห้องพักแต่ละห้องมีขนาดกว้างถึง 786 ตารางฟุต พร้อมทุกความสะดวกสบายที่คาดหวัง รวมถึงห้องน้ำที่สองสำหรับแขก และห้องน้ำหลักที่ตกแต่งด้วยหินออนิกซ์ หินอ่อนคารารา และหินแกรนิต พร้อมฝักบัวอาบน้ำสุดหรู คุณสามารถนั่งพักผ่อนบนระเบียงไม้ทีคหรือชมภาพยนตร์ผ่านระบบบันเทิงที่ปรับแต่งตามความต้องการของคุณ นอกจากนี้ ห้อง วิสตา สวีท ยังมีบริการพิเศษเพิ่มเติม เช่น บริการซักรีดฟรีสูงสุด 3 ถุงต่อห้องพัก การลงทะเบียนขึ้นเรือเวลา 11.00 น. ด้วยความสำคัญ รวมถึงบริการผู้ช่วยส่วนตัวตลอด 24 ชั่วโมง บาร์ในห้องพักที่มีเครื่องดื่มคุณภาพสูงและไวน์ 6 ขวดฟรี น้ำผลไม้สดที่เติมวันต่อวัน และการสำรองที่นั่งในร้านอาหารพิเศษออนไลน์ล่วงหน้า นอกจากนี้ยังมีการเข้าถึง Aquamar Spa Terrace แบบไม่จำกัด ไอแพดให้บริการตามคำขอ และชุดของขวัญจากแบรนด์บูร์การิ สิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลาย รวมถึงผ้าห่มแคชเมียร์และตัวเลือกของหมอนจากคอลเลกชันสุดหรู โปรดทราบว่าสูบบุหรี่ในห้องพัก ห้องสเตเตอร์รูมและบนระเบียงเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างเคร่งครัด




เพนท์เฮาส์สวีทของเราเป็นห้องขนาด 322 ตารางฟุตที่ประดับประดาด้วยผ้าหรูหราและเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์ในโทนสีสงบสุขของทะเลและท้องฟ้า ห้องนี้กว้างขวางพอสำหรับการรับประทานอาหารในห้องส่วนตัว พื้นที่นั่งเล่นมีมินิบาร์เย็นๆ และโต๊ะเครื่องแป้ง ในขณะที่ห้องน้ำได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อให้มีการตกแต่งด้วยหินหรูหราและฝักบัวอาบน้ำที่ทันสมัย เพนท์เฮาส์สวีทยังมอบสิทธิประโยชน์มากมาย เช่น บริการซักรีดฟรีสูงสุด 3 ถุงต่อห้อง, การขึ้นเรือในเวลา 11.00 น. โดยมีการจัดส่งกระเป๋าอย่างเร่งด่วน, การบริการบัตเลอร์ตลอด 24 ชั่วโมง, แชมเปญต้อนรับฟรี, การจองร้านอาหารพิเศษออนไลน์ลำดับความสำคัญ, การเข้าถึง Aquamar Spa Terrace อย่างไม่จำกัด, iPad® สำหรับความบันเทิงขณะอยู่บนเรือตามคำขอ, ถุงผ้าสะพายแบรนด์ Oceania Cruises และกระดาษจดหมายส่วนตัว, ผ้าห่มแคชเมียร์สำหรับการพักผ่อนบนระเบียง, บริการขัดรองเท้าฟรี และบริการรีดผ้าฟรีเมื่อขึ้นเรือ โปรดทราบว่าการสูบบุหรี่ในห้องสวีท, ห้องพัก และบนระเบียงเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างเคร่งครัด



ระดับห้องพักคอนเซียร์จพร้อมระเบียง (Category A Concierge Level Veranda Staterooms) ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ต้องการมากที่สุดบนเรือ นำเสนอการผสมผสานระหว่างคุณค่าและความหรูหราอย่างลงตัว ห้องพักขนาด 216 ตารางฟุตนี้ได้รับการออกแบบใหม่อย่างทันสมัย มอบสิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นที่ต้องการและสิทธิพิเศษเฉพาะ เช่น บริการซักรีดฟรี ทำให้การเข้าพักของคุณไร้กังวลยิ่งขึ้น การตกแต่งใหม่ที่สดใส เตียง Tranquility ที่นุ่มสบาย และระเบียงที่ได้รับแรงบันดาลใจใหม่พร้อมเฟอร์นิเจอร์ที่มีสไตล์ ครบครันประสบการณ์คอนเซียร์จอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ยังมีสิทธิพิเศษเฉพาะสำหรับผู้เข้าพักในห้องคอนเซียร์จ เช่น บริการซักรีดฟรีสูงสุดถึง 3 ถุงต่อห้องพัก เมนูบริการอาหารกลางวันและอาหารเย็นที่ขยายออกจากห้องอาหารหลัก การขึ้นเรือในช่วงกลางวันอย่างมีลำดับความสำคัญ ขวดแชมเปญต้อนรับฟรี การจองร้านอาหารพิเศษออนไลน์ล่วงหน้าอย่างมีลำดับความสำคัญ การเข้าถึง Aquamar Spa Terrace ได้ไม่จำกัด iPad® ที่สามารถขอใช้ได้เมื่ออยู่บนเรือ กระเป๋าผ้าลาย Oceania Cruises ฟรี ผ้าห่มแคชเมียร์ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนบนระเบียง และบริการรีดเสื้อผ้าฟรีเมื่อขึ้นเรือ โดยห้ามสูบบุหรี่ในห้องและบริเวณระเบียงโดยเด็ดขาด ไม่ว่าคุณจะมองหาความสะดวกสบายหรือหรูหรา ห้องพักนี้ตอบสนองความต้องการของคุณได้อย่างครบถ้วน




ระเบียง客艙 ขนาด 216 ตารางฟุต ถูกออกแบบอย่างหรูหราด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ปรับแต่งเฉพาะตัว, การตกแต่งด้วยหินที่แปลกใหม่, เตียงหัวนุ่ม และโคมไฟที่มีสไตล์ ทำให้คุณได้สัมผัสความหรูหราแบบไม่ซ้ำใคร นอกเหนือจากการชมวิวที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาแล้ว ห้องพักยังมีระเบียงไม้สักส่วนตัว ซึ่งคือความสะดวกสบายที่ผู้เข้าพักประทับใจมากที่สุด สะดวกสบายในแต่ละห้องพักประกอบไปด้วยโต๊ะแต่งตัว, มินิบาร์ที่มีความเย็น, โต๊ะสำหรับรับประทานอาหารเช้า และพื้นที่นั่งเล่นที่กว้างขวาง สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกพิเศษในระเบียง客艙 ได้แก่ เตียง Tranquility Bed ที่เป็นเอกสิทธิ์ของ Oceania Cruises ปลอกผ้าปูที่นอนด้าย 1,000 เส้น, เครื่องดื่มอ่อนที่เติมฟรีทุกวันในมินิบาร์, น้ำ Vero ทั้งแบบธรรมดาและแบบซ้ำ, อุปกรณ์บูลการิ, บริการรูมเซอร์วิสตลอด 24 ชั่วโมง, บริการทำความสะอาดวันละสองครั้ง, ช็อกโกแลตเบลเยียมในช่วงคืน, ระบบทีวีแบบอินเตอร์แอคทีฟพร้อมภาพยนตร์ตามสั่ง, การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตไร้สายและบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่, โต๊ะเขียนหนังสือพร้อมเอกสาร, ผ้าขนหนูฝ้ายเนื้อนุ่ม, เสื้อคลุมและรองเท้าใส่ในบ้านที่หนา, ไดร์เป่าผมแบบพกพา, ตู้นิรภัยเพื่อความปลอดภัย ห้ามสูบบุหรี่ในห้องสวีท ห้องพัก และบนระเบียงโดยเด็ดขาด


ห้องพักเดลักซ์วิวทะเลขนาด 165 ตารางฟุตได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อให้รู้สึกกว้างขวางยิ่งขึ้น ด้วยพื้นที่นั่งเล่นที่กว้างขวาง โต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เย็นขนาดเล็ก และโต๊ะสำหรับรับประทานอาหารที่ได้รับการตกแต่งด้วยเฉดสีที่นุ่มนวลและวัสดุที่มีสไตล์ การตกแต่งที่ทันสมัยช่วยให้ผู้เข้าพักรู้สึกผ่อนคลายและหรูหราทุกครั้งที่เข้าพัก ห้องพักนี้มีบริการฟรีต่างๆ อาทิ เครื่องดื่มอัดลมที่เติมให้ทุกวัน น้ำ Vero ที่ให้บริการทั้งแบบไม่มีอากาศและแบบมีอากาศ ตลอดจนบริการรูมเซอร์วิสตลอด 24 ชั่วโมง ที่นี่ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่คัดสรรมาสำหรับคุณ อาทิเช่น เตียง Tranquility ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Oceania Cruises ชุดอุปกรณ์ Bulgari การทำความสะอาดห้องสองครั้งต่อวัน และระบบโทรทัศน์แบบอินเตอร์แอคทีฟที่มีภาพยนตร์ตามสั่ง นอกจากนี้ยังมีบริการอินเตอร์เน็ตแบบไร้สายและการเข้าถึงเครือข่ายมือถือ โต๊ะเขียนหนังสือและอุปกรณ์การเขียน ผ้าขนหนู ฝาโรบิน และรองเท้าอาบน้ำที่นุ่มสบาย ไดร์เป่าผมแบบมือถือ ตู้นิรภัย และช็อกโกแลตเบลเยี่ยมในบริการนอนเสริม โดยเฉพาะสำหรับห้องพักที่มีความต้องการพิเศษ จะมีการจัดเตรียมให้มีพื้นที่สำหรับอุปกรณ์ช่วยยก ชุดประตูห้องน้ำขนาดใหญ่ ราวจับในห้องน้ำ และห้องน้ำที่ออกแบบให้เข้าถึงได้สะดวกแบบไม่มีรอบสูง รวมถึงอ่างอาบน้ำ วางแผนการพักผ่อนหรูหราของคุณได้แล้ววันนี้ในห้องพักเดลักซ์วิวทะเลที่รอให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์อันน่าประทับใจนี้!


ห้องพัก客艙วิวทะเล (D) ขนาด 165 ตารางฟุตที่ได้รับการออกแบบอย่างมีเสน่ห์ นำเสนอการตกแต่งที่ทันสมัยและสะดวกสบาย ซึ่งคิดค้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พื้นที่และความสะดวกสบาย ห้องพักนี้มีมุมพักผ่อนที่สะดวกสบาย พร้อมโซฟาที่ให้คุณยืดตัวออกได้, โต๊ะทำงาน, โต๊ะสำหรับรับประทานอาหารเช้า และมินิบาร์ที่มีตู้เย็น ภายในห้องยังมีบริการสิ่งอำนวยความสะดวกฟรี เช่น น้ำอัดลมเติมให้รายวันในมินิบาร์, น้ำ Vero ที่เป็นทั้งน้ำเปล่าและน้ำอัดลมฟรี และบริการรูมเซอร์วิสตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้คุณยังจะได้สัมผัสกับเตียง Tranquility ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Oceania Cruises, สินค้าอาบน้ำ Bulgari, บริการทำความสะอาดห้องพักวันละสองครั้ง, ระบบโทรทัศน์อินเตอร์แอคทีฟที่มีภาพยนตร์ตามสั่ง และการบริการอินเทอร์เน็ตไร้สาย พร้อมการบริการของเจ้าหน้าที่ ที่จัดเตรียมผ้าขนหนู, เสื้อคลุม, และรองเท้าอาบน้ำที่ทำจากผ้าฝ้ายคุณภาพสูง พร้อมบริการเปลี่ยนให้ตื่นขึ้นมาพร้อมช็อกโกแลตเบลเจียน นอกจากนี้ยังมีเครื่องเป่าผม, ตู้นิรภัย, และการบริการที่ไม่อนุญาตให้สูบบุหรี่ในห้องพักหรือระเบียงทางเดินอีกด้วย


ห้องพักมองเห็นทะเล (E) ตั้งอยู่ใจกลางชั้น 6 ขนาด 143 ตารางฟุต โดยมีการออกแบบที่สดใหม่พร้อมหน้าต่างพาโนรามาที่มองเห็นวิวสวยงาม แม้จะมีมุมมองที่ถูกบังบางส่วน ห้องพักนี้มีโต๊ะเครื่องแป้ง มินิบาร์แบบเย็น โต๊ะสำหรับทานอาหารเช้า และตู้เสื้อผ้าที่กว้างขวาง สิ่งอำนวยความสะดวกได้แก่ เตียง Ultra Tranquility ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Oceania Cruises, ผลิตภัณฑ์ดูแลจาก Bulgari, ช็อกโกแลตเบลเยี่ยมสุดพิเศษพร้อมบริการจัดเตียงประจำทุกคืน, บริการห้องพักตลอด 24 ชั่วโมงฟรี, โทรทัศน์จอแบนพร้อมเครื่องเล่น DVD และสื่อมากมาย รวมถึงการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตไร้สายและบริการโทรศัพท์มือถือ ห้องพักยังมีโต๊ะเขียนหนังสือพร้อมอุปกรณ์ต่างๆ, ผ้าขนหนู ผ้านวม และรองเท้าอาบน้ำที่นุ่มสบาย, ไดร์เป่าผมแบบพกพา, และตู้นิรภัยเพื่อความปลอดภัย โดยห้องพักทั้งหมดและห้องชุดจะปลอดบุหรี่。


重新設計的ห้องพักภายใน以現代風格為特色,擁有160平方英尺的奢華空間。這個愉悅的私人度假空間包括舒適的座位區、化妝台、冰箱迷你酒吧及充足的儲物空間,而巧妙的空間利用更襯托出全新的裝飾風格。 這個房型的住客可享受多項免費設施,包括每日補充的飲料、靜水與氣泡水以及24小時房務菜單。房內配備了專屬的Tranquility床、Bulgari洗浴用品、每日兩次的客房清潔服務,以及互動電視系統,提供隨需應變的電影和天氣資訊。無線網絡及行動電話服務隨時可用,還配有書寫桌和文具、柔軟的棉質毛巾、浴袍及拖鞋,並提供手持吹風機、安全保險箱及晚間服務的比利時巧克力。您在此的放鬆經歷將無與倫比,然而請注意,所有套房和客艙均禁止吸煙。

ห้องพักริมทะเลสำหรับเดี่ยว ขนาด 143 ตารางฟุต เป็นพื้นที่พักผ่อนที่สมบูรณ์แบบสำหรับนักเดินทางคนเดียว ตั้งอยู่ในทำเลที่สะดวกสบายบนชั้น 6 ห้องพักทุกห้องมีเตียง Tranquility Bed ที่หลับสบายอย่างยิ่ง มินิบาร์ที่มีความเย็น และโต๊ะเขียนหนังสือ พร้อมด้วยพื้นที่เก็บของที่กว้างขวาง ทำให้คุณรู้สึกสะดวกสบายตลอดการเข้าพัก.