
02-27217300
02-27217179
service@siloahtravel.com
Monday ~ Friday 09:00-18:00
14F.-3, No.137, Sec. 1, Fuxing S. Rd., Da’an Dist., Taipei City 106, Taiwan
Representative: Tung-Hua Tai
VAT: 43871553
交觀甲793500 品保北2260 隱私權條款
IATA: 96137764
Copyright © 2025 Siloah Travel Co., Ltd.. All rights reserved.

Oceania Insignia
โอเชียเนีย ครูซส์


เฮลซิงกิ เมืองหลวงแห่งฟินแลนด์ ตั้งอยู่ริมทะเลบอลติกในอ่าวฟินแลนด์ ออกแบบอย่างสวยงามริมคาบสมุทรและเกาะเล็ก ๆ มีทัศนียภาพสะดุดตาที่มีอาคารสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิก รวมถึงการผสมผสานงานออกแบบสมัยใหม่ของฟินแลนด์ที่น่าหลงใหล ผู้ที่มาเยือนเฮลซิงกิจะได้สัมผัสบรรยากาศของเมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาพร้อมกับสวนสาธารณะมากถึง 400 แห่ง ทำให้ช่วงฤดูร้อนเป็นช่วงเวลาที่เหมาะแก่การพักผ่อนอย่างแท้จริง เมืองนี้มีความเป็นมาที่น่าสนใจ เมื่อถูกเลือกให้เป็นเมืองหลวงในปี 1812 โดยซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 1 ซึ่งเปลี่ยนแปลงสถานะของเฮลซิงกิให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น อาคารใหม่ที่สร้างขึ้นตามความต้องการของเมืองหลวงทำให้เฮลซิงกิมีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว เมื่อเข้ามาในเมืองคุณจะพบกับการถ่ายรูปกับสัญลักษณ์สำคัญอย่างโบสถ์เฮลซิงกิที่มีโดมขาวสะอาด โต้ตอบกับพื้นผิวอาคารที่ทาสีสันสดใส นอกจากนี้ยังมีบาร์และคาเฟ่กลางแจ้งที่เรียกว่า "terrassit" ให้โอกาสคุณนั่งชมผู้คนในวันฤดูร้อน สัมผัสความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว หากคุณกำลังมองหาสถานที่ที่สวยงามและเต็มไปด้วยประสบการณ์ใหม่ ๆ เฮลซิงกิคือจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดในทริปเรือสำราญของคุณในภูมิภาคบอลติกนี้!

ท่าเรือตัลลินน์ ประเทศเอสโตเนีย เป็นจุดเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบสำหรับการสัมผัสเสน่ห์ของประเทศแถบบอลติกที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันหลากหลาย ตั้งแต่อดีตที่ผ่านมาของการถูกปกครองโดยชนชาติต่าง ๆ เช่น เดนมาร์ก เยอรมัน สวีเดน และรัสเซีย ตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 จนกระทั่งได้ประกาศเอกราชในปี 1918 แม้จะต้องเผชิญกับการยึดครองจากโซเวียตและนาซีในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แต่เอสโตเนียได้ฟื้นฟูอิสรภาพและเข้าร่วมสหภาพยุโรปในปี 2004 ในปัจจุบัน ตัลลินน์เป็นเมืองหลวงที่เจริญรุ่งเรืองและเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะในปี 2011 ที่เมืองนี้ได้รับการประกาศให้เป็นเมืองวัฒนธรรมแห่งยุโรป ชวนให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับสถาปัตยกรรมเมืองเก่าที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี รวมถึงบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาของคาเฟ่และแกลเลอรีศิลปะต่าง ๆ เมื่อคุณมายังตัลลินน์ นอกจากการสำรวจตัวเมืองอันงดงามแล้ว ยังสามารถเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวในบริเวณใกล้เคียง เช่น ปราสาทโตนลาห์ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม รองรับการเดินทางโดยเรือสำราญที่มาเยือนให้ความสุขและประสบการณ์ที่น่าจดจำในดินแดนแห่งประวัติศาสตร์นี้

สตอกโฮล์ม เมืองหลวงของสวีเดน เป็นจุดหมายปลายทางที่เต็มไปด้วยความน่าหลงใหลและเสน่ห์พิเศษ ที่นี่คือเมืองแห่งนวัตกรรมและวัฒนธรรม ที่มีชีวิตชีวาในรูปแบบที่เป็นสากล ตั้งแต่กลางทศวรรษ 1990 เป็นต้นมา สตอกโฮล์มเริ่มเปิดตีกรอบสู่โลกภายนอก ผ่านประสบการณ์การเจริญเติบโตทางเทคโนโลยีและการพัฒนาเศรษฐกิจที่น่าทึ่ง เมืองที่ตั้งอยู่บน 14 เกาะ ได้รับการเชื่อมโยงด้วยสะพานต่างๆ ยิ่งทำให้การเดินทางรอบเมืองเป็นเรื่องง่าย สตอกโฮล์มยังมีประวัติศาสตร์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ ตั้งแต่อดีตที่เคยเป็นศูนย์กลางการค้า จุดเด่นที่ไม่ควรพลาดคือเมืองเก่าที่คงความสวยงามของสถาปัตยกรรมยุคกลาง รวมทั้งพระราชวังและโบสถ์โบราณ ชีวิตในสตอกโฮล์มเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ประชากรวัยหนุ่มสาวมีแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ ซึ่งทำให้เมืองนี้เป็นแหล่งรวมของแฟชั่น อาหารระดับโลก และการออกแบบ ที่นี่ยังมีร้านอาหารหรูหราและบรรยากาศที่น่าดื่มด่ำกับคาเฟ่ริมทาง มาเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ที่สตอกโฮล์ม และสัมผัสบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์ เพื่อสร้างความทรงจำที่น่าประทับใจในทริปเดินทางของคุณ!

ริกา เมืองหลวงของลัตเวีย ที่นำเสนอความหรูหราในบรรยากาศของเมืองใหญ่ซึ่งไม่มีใครเทียบได้ในภูมิภาคนี้ สถานที่แห่งนี้นับเป็นศูนย์กลางการค้าและธุรกิจที่สำคัญ โดยมีร้านอาหารและโรงแรมระดับสูงที่เป็นที่กล่าวขานในวงการท่องเที่ยวในยุโรปตะวันตก ผู้มาเยือนจะได้รับการต้อนรับด้วยความงดงามของเมืองเก่า (Old Town) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกยูเนสโก หนึ่งในตัวอย่างที่ดีที่สุดของสถาปัตยกรรมอาร์ต นูโว เส้นทางเดินในย่านนี้ จะเต็มไปด้วยบ้านแบบเยอรมันที่มีเสน่ห์ แบ่งป่าทางข้างในของเมืองออกเป็นสองส่วน สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่เรียกว่า Esplanāde รอคอยให้ผู้มาเยือนนั่งพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ ในขณะที่ย่านสถาปัตยกรรมอาร์ต นูโว ที่ได้รับการยกย่องจากยูเนสโก ยังให้ความรู้สึกถึงความหรูหราในทุกซอกทุกมุม ไม่ว่าคุณจะถูกใจที่จะเดินชมบรรยากาศหรือจะเข้าไปสำรวจพิพิธภัณฑ์มากมายของเมือง ริการอุดมไปด้วยประวัติศาสตร์และศิลปะ ที่คุณสามารถสัมผัสได้ตั้งแต่เส้นขอบฟ้าไปจนถึงคาเฟ่เล็กๆ ที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ เตรียมกระเป๋าของคุณแล้วไปสัมผัสกับความงามของริกากันเถอะ!

ท่าเรือคลายเปด้า (Klaipeda) ตั้งอยู่ในประเทศลิทัวเนีย เป็นท่าเรือหลักที่มีความสำคัญทั้งทางการค้าการขนส่งและ การท่องเที่ยว ด้วยทำเลที่ตั้งที่โดดเด่นติดทะเลบอลติก เมืองคลายเปด้ายังมีเสน่ห์ที่น่าหลงใหล ทำให้เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เมื่อเยี่ยมชมที่นี่ ผู้เดินทางจะได้สัมผัสกับเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมยุโรปที่ผสมผสานวัฒนธรรมจากยุคต่างๆ โดยเฉพาะบริเวณเมืองเก่าที่ประกอบไปด้วยอาคารสีสันสดใสและถนนที่พลุกพล่านไปด้วยคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว ร้านค้าและร้านอาหารทันสมัยยังทำให้การเดินเล่นในย่านนี้เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ นอกจากนี้ จุดหมายปลายทางที่ใกล้เคียงกันอย่างชายหาดนามาสทา (Nida) และอุทยานแห่งชาติคูริสค์ (Curonian Spit) นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันงดงามที่ไม่ควรพลาด โดยมีวิวทะเลที่น่าทึ่งและธรรมชาติที่น่าอัศจรรย์ นำเสนอวันที่แสนพิเศษสำหรับผู้มาพักผ่อน การเดินทางมาที่คลายเปด้า จึงเปรียบเสมือนการเปิดประสบการณ์ใหม่ใน ดินแดนแห่งวัฒนธรรม เทือกเขาและมหาสมุทรอันงดงามที่รอให้คุณค้นหา พร้อมให้คุณหลงใหลไปกับมนต์เสน่ห์แห่งความเป็นยุโรปที่นี่

การเดินทางมาที่กดังสค์ (Gdańsk) ประเทศโปแลนด์ นับเป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่ล้ำค่า ที่รอต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยความงดงามของธรรมชาติและประวัติศาสตร์ที่มีเสน่ห์ เมื่อเรือสำราญของคุณเทียบท่าในท่าเรือที่มีชื่อเสียง ทำให้คุณสามารถสำรวจเมืองที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่จำลองยุคกลาง วิทยาการทางทะเล และวัฒนธรรมที่หลากหลาย เมืองกดังสค์เป็นที่รู้จักในการเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการค้าทางทะเลที่สำคัญที่สุดในยุโรป ด้วยเสน่ห์ของอาคารเก่าแก่ที่เรียงรายอยู่สองข้างทาง แนะนำให้คุณเดินชมย่านเมืองเก่าที่มีสีสัน และไม่ควรพลาดการเยี่ยมชมโบสถ์เซนต์แมรีที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นหนึ่งในโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์กดังสค์ เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญของเมือง สัมผัสอาหารท้องถิ่นที่อร่อยหลากหลาย เช่น "ผลไม้ทะเล" ที่สดใหม่และเบียร์ท้องถิ่น จะทำให้คุณหลงรักและต้องการกลับมาเยือนกดังสค์อีกครั้ง ความผสานของประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม และการต้อนรับอย่างอบอุ่นของชาวเมือง ทำให้การท่องเที่ยวที่นี่ถูกจารึกลงในความทรงจำที่ไม่รู้ลืมในใจนักเดินทางทุกคน

ท่าเรือรอนเนอร์ (Rønne) ตั้งอยู่บนเกาะบอร์นโฮล์ม (Bornholm) ของประเทศเดนมาร์ก เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความงามทางธรรมชาติที่น่าหลงใหล เกาะแห่งนี้มีชื่อเสียงในด้านทิวทัศน์ที่งดงาม หาดทรายขาวสะอาด และน้ำทะเลใส ที่สร้างบรรยากาศของการพักผ่อนอย่างแท้จริง เมื่อคุณเดินทางมาถึงท่าเรือรอนเนอร์ คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศของเมืองที่มีเอกลักษณ์ ตั้งแต่บ้านไม้สีสันสวยงามไปจนถึงบรรยากาศของตลาดท้องถิ่นที่คุณสามารถชิมผลิตภัณฑ์อาหารทะเลสดๆ รวมถึงปลาที่จับได้ในท้องถิ่น เลือกซื้อตะกร้าอาหารแบรนด์ดัง หรือแม้กระทั่งของที่ระลึกที่ทำจากฝีมือชาวบ้าน นอกจากนั้นยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจรอบเกาะ เช่น วัดเซนลุด (Sankt Nikolaj Kirke) ที่มีสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่า และโรงงานทำช็อกโกแลตที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นในการผลิต อิสระในการสำรวจเกาะที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติอันสวยงาม ทำให้การเดินทางนี้กลายเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำอย่างแท้จริง ท่าเรือรอนเนอร์ไม่เพียงแต่ให้บริการเรือสำราญ แต่ยังเป็นจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสความงดงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมของเดนมาร์ก สัมผัสบรรยากาศที่แสนโรแมนติกและให้ความรู้สึกเหมือนเป็นชีวิตในฝันที่คุณควรมีในรายการเดินทางของคุณ
**สำรวจมาลmö: ท่าเรือแห่งความงามและวัฒนธรรมสวีดิช** หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์การเดินทางที่แสนพิเศษ มาลmö เป็นจุดหมายปลายทางอันงดงามที่ควรไม่พลาด ท่าเรือที่สะดวกสบายแห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นจุดเริ่มต้นของการสำรวจ แต่ยังเป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมและความงามของธรรมชาติที่น่าหลงใหล ท่าเรือมาลmö เป็นที่ตั้งของอาคารสถาปัตยกรรมที่งดงาม เช่น Turning Torso ที่สูงที่สุดในสวีเดน และยังมีโครงการ Urban Beach ที่นำเสนอพื้นที่พักผ่อนริมทะเลอันสะดวกสบาย นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่นตามแนวชายหาด ชมทัศนียภาพที่สวยงามของทะเลบอลติก หรือเลือกสัมผัสบรรยากาศเรียบง่ายในร้านกาแฟริมท่าเรือ นอกจากนี้ มาลmö ยังมีตลาดท้องถิ่นที่เต็มไปด้วยผลผลิตสดใหม่ และอาหารอันเลื่องชื่อ เมืองนี้เต็มไปด้วยสวนและพื้นที่สีเขียวเหมาะแก่การพักผ่อน ไม่ว่าจะเป็น Kungsparken หรือตลาด Trelleborg ที่มีของที่ระลึกแปลกใหม่ หากคุณพร้อมที่จะฟินกับประสบการณ์อันมากมาย ที่มาลmö ท่าเรืออันเต็มไปด้วยเสน่ห์นี้คือคำตอบที่คุณจะไม่ผิดหวัง!

เมืองวาร์เนมึนเดอ (Warnemünde) ซึ่งเป็นชานเมืองที่งดงามของโรสต็อกในประเทศเยอรมนี เป็นจุดหมายปลายทางที่ถูกใจนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน ด้วยชายหาดทรายขาวกว่าหมื่นสองพันเมตร ที่นี่เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การพักผ่อน และเติมเต็มความสุขให้กับครอบครัวที่มองหาที่หลบหนีจากความวุ่นวาย วาร์เนมึนเดอไม่เพียงแต่มีโรงแรมและร้านอาหารที่ดีที่สุดในพื้นที่ แต่ยังเป็นท่าเรือสำราญที่สำคัญ สำหรับผู้ที่หลงใหลในฤดูกาลของการเดินทาง ทางเมืองจะเต็มไปด้วยชีวิตชีวาเมื่อลงเรือสำราญหลายลำที่จอดอยู่ในท่าพร้อมกัน การเฉลิมฉลองของเมืองจะเปล่งประกายออกมาให้เห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการเฉลิมฉลอง "dreifache Anlauf" ซึ่งมีเรือสามลำจอดพร้อมกัน โดยจะมีการจุดดอกไม้ไฟสร้างบรรยากาศที่น่าตื่นตาตื่นใจ ด้วยความสงบและสวยงาม วาร์เนมึนเดอจึงเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การเติมเต็มจิตวิญญาณของผู้เดินทาง เสริมสร้างประสบการณ์ที่ไม่อาจลืมเลือนในใจคุณ ด้วยภาพภูมิทัศน์ที่สวยงามและอิ่มเอมกับบรรยากาศที่มีชีวิตชีวา นี่คือจุดหมายที่ต้องสัมผัสในทุกการเดินทาง.

ออร์ฮุส (Aarhus) เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเดนมาร์ก ถือเป็นจุดหมายปลายทางที่มีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร ด้วยวัฒนธรรมที่มีชีวิตชีวาและบรรยากาศที่เป็นกันเอง เมืองนี้โดดเด่นด้วยคลองออร์ฮุส (Århus Å) ที่ตัดผ่านกลางเมือง ซึ่งเมื่อก่อนเคยถูกปิดซ่อนอยู่ใต้ดิน แต่ได้ถูกเปิดเผยให้เห็นอีกครั้งเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ตลอดแนวคลอง คุณจะพบกับบาร์ ร้านกาแฟ และร้านอาหารสมัยใหม่ที่เรียงรายอยู่ริมฝั่ง ผู้คนจะมาใช้เวลานั่งพักผ่อนและเพลิดเพลินกับบรรยากาศที่อบอุ่นในทุกช่วงเวลา ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ นอกจากนี้ ที่สำนักงานการท่องเที่ยว VisitÅrhus ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับ 'Århus Passport' ซึ่งเป็นบัตรที่ช่วยให้คุณสามารถใช้บริการรถบัสได้ฟรี หรือเข้าชมพิพิธภัณฑ์และสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังที่สุดในเมืองได้ในราคาไม่แพง ทั้งนี้ ออร์ฮุสยังเป็นที่ตั้งของแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น พิพิธภัณฑ์ Aros ที่มีงานศิลปะร่วมสมัยที่น่าทึ่งและวิวเมืองที่สวยงามจากจุดชมวิวอีกด้วย เมืองแห่งศิลปะนี้คือจุดที่ต้องไปเยือนสักครั้งในชีวิต หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์การเดินทางที่หลากหลายและน่าจดจำในยุโรป!

โคเปนเฮเกน เมืองหลวงของเดนมาร์ก เป็นจุดหมายปลายทางที่มีเสน่ห์และเต็มไปด้วยเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ที่นี่เคยเป็นศูนย์การค้าสำคัญในศตวรรษที่ 11 ปัจจุบันจึงเป็นเมืองที่มีความสำคัญทั้งในแง่ของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ทั้งที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับหนึ่งในสแกนดิเนเวีย แต่ก็ยังคงรักษาสถาปัตยกรรมที่ไม่สูงนักให้มีความสง่างามใกล้ชิดธรรมชาติ ห้ามพลาดที่จะไปเยี่ยมชมสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น น้ำพุเกเฟียน (Gefion Fountain) ที่มีความสวยงาม แวะชมพระราชวังอมาเลียนบอร์ก (Amalienborg Palace) ซึ่งเป็นที่ประทับของราชวงศ์เดนมาร์ก และพลาดไม่ได้กับปราสาทโรเซนบอร์ก (Rosenborg Castle) ที่มีการจัดแสดงอัญมณีของราชวงศ์ นอกจากนี้ การนั่งเรือชมทิวทัศน์ในคลองต่างๆ ของโคเปนเฮเกนจะทำให้คุณได้สัมผัสบรรยากาศแบบสแกนดิเนเวียอย่างแท้จริง และหากมีโอกาส ควรไปเยือนหมู่บ้านประมงเก่าแก่ดราเกอร์ (Dragoer) ที่ทำให้ความทรงจำของคุณมีสีสันยิ่งขึ้น โคเปนเฮเกนเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ ไม่น่าแปลกใจที่เมืองนี้เป็นแรงบันดาลใจของนิทานอันเป็นที่รักจากฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน และยกย่องในบทเพลง "Wonderful Copenhagen" อย่างแท้จริง เมื่อเดินทางมายังเมืองนี้ คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืมเลือน
เมื่อเรือสำราญของคุณเลื่อนเข้าสู่ท่าเรือ Arendal เมืองเล็กในนอร์เวย์ คุณจะได้สัมผัสกับความงามอันน่าหลงใหลที่อยู่รอบตัว สัมผัสกับบรรยากาศของเกาะเล็กและประภาคารที่ตั้งตระหง่าน โดย Arendal ตั้งอยู่บนชายฝั่งตอนใต้ของนอร์เวย์ ประกอบด้วยเจ็ดเกาะที่ตั้งเรียงรายให้คุณได้สำรวจอย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินเท้าหรือปั่นจักรยานผ่านเส้นทางที่ทอดยาวริมทะเลสาบที่ใสสะอาด เมื่อเรือของคุณเข้าสู่ท่าเรือ คุณจะเห็นประภาคารคู่ที่อวดความสวยงามอย่าง Store Torungen ซึ่งยังคงใช้งานอยู่และส่งสัญญาณเตือนภัยให้กับเรือที่ผ่านไป ในขณะที่คุณก้าวลงจากเรือ คุณจะพบกับคาเฟ่และร้านค้าขายอาหารทะเลที่เรียงรายอยู่ในใจกลางเมือง ซึ่งเรียกชวนให้นักท่องเที่ยวได้ชิมรสชาติท้องถิ่น หากคุณต้องการพักผ่อนอย่างเต็มที่ แนะนำให้คุณสำรวจชนบทที่งดงาม เส้นทางจักรยานที่นำคุณไปยังธรรมชาติอันบริสุทธิ์รออยู่ การได้ใช้เวลาอยู่กลางความสงบเงียบของ Arendal จะทำให้คุณรู้สึกได้ถึงความงามที่แท้จริงของนอร์เวย์และเติมเต็มความฝันในการเดินทางของคุณอย่างมีคุณค่า.


เมืองฮอนฟลอร์ (Honfleur) ตั้งอยู่บนชายฝั่งของ Côte Fleurie ในฝรั่งเศส ถือเป็นหนึ่งในเมืองชายทะเลที่มีความงดงามแบบคลาสสิคที่ไม่เหมือนใคร ด้วยบ้านไม้กึ่งปูนที่เรียงรายอยู่ตามถนนอิฐประดับ ซึ่งสร้างบรรยากาศสวยงามชวนฝัน เมืองนี้ยังคงอนุรักษ์สถาปัตยกรรมสมัยฟื้นฟูที่งดงาม โดยเฉพาะเมืองเก่าฝั่งท่าเรือ Vieux Bassin ซึ่งเปรียบเสมือนแก่นของสังคมตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 17 ที่ท่าเรือแห่งนี้ ใต้บรรยากาศที่เงียบสงบ มีบ้านหินสองชั้นที่มีหลังคาแบบลาดชัน และบ้านสูงที่ตกแต่งด้วยแผ่นหินที่ทำให้ทิวทัศน์รอบด้านมีเสน่ห์เกินบรรยาย นอกจากนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางทางทะเลสำคัญ รวมถึงการเดินทางไปยังแคนาดาในอดีต และยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับศิลปินอิมเพรสชันนิสต์ที่ได้มาเยี่ยมชมและสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ วันนี้ เมืองฮอนฟลอร์ยังคงมีชีวิตชีวา แม้จะมีผู้คนมาเยือนเพิ่มขึ้นนับตั้งแต่เปิดสะพาน Pont de Normandie ในปี 1995 ที่เชื่อมต่อลุ่มน้ำเหนือของนอร์มานดี เป็นสะพานแขวนที่สูงกว่าหอไอเฟล ยิ่งทำให้ฮอนฟลอร์เป็นจุดหมายที่ต้องไปสัมผัสด้วยตนเองในทริปที่หรูหราและเต็มไปด้วยความประทับใจแห่งนี้

ท่าเรือเซาแธมป์ตัน นับเป็นท่าเรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ ตั้งอยู่ที่ปากอ่าวเซาแธมป์ตัน ระหว่างแม่น้ำเทสต์และอิตเชน เมืองแห่งนี้เคยเป็นศูนย์กลางการค้าขายที่สำคัญมาตั้งแต่สมัยกลาง โดยมีการส่งออกขนสัตว์และหนังสัตว์จากพื้นที่รอบ ๆ และนำเข้าผลิตภัณฑ์ไวน์จากบอร์โดซ์ แม้เซาแธมป์ตันจะต้องเผชิญกับการทำลายล้างอย่างหนักในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แต่เมืองนี้ก็ได้ฟื้นฟูและสร้างสรรค์ใหม่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว ด้วยอาคารยุคกลางที่ยังคงเหลืออยู่ เช่น บาร์เกต (Bargate) ที่ถือเป็นหนึ่งในประตูเมืองที่สวยงามที่สุดในอังกฤษ นอกจากท่าเรืออันทันสมัยแล้ว เซาแธมป์ตันยังมีกิจกรรมหลากหลายสำหรับนักเดินทาง ที่สามารถสำรวจเมืองแห่งประวัติศาสตร์และเต็มไปด้วยศิลปะ เช่น พิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ที่นำเสนอผลงานศิลปะระดับโลก และยังเป็นจุดเริ่มต้นที่เหมาะสำหรับการออกไปสัมผัสเสน่ห์ของเมืองใกล้เคียง อย่างบอร์นมัธ และสนามกอล์ฟที่สวยงาม การมาที่เซาแธมป์ตันจึงไม่เพียงแค่การเริ่มต้นการเดินทางด้วยเรือสำราญ แต่ยังเป็นโอกาสในการดื่มด่ำกับความงดงามทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของอังกฤษอย่างไม่รู้จบ

ท่าเรือโรซิธ (Rosyth) เป็นจุดเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยมสำหรับการสำรวจเมืองเอดินบะระ เมืองหลวงที่มีเสน่ห์และประวัติศาสตร์อันยาวนานของสก็อตแลนด์ ตั้งอยู่บนเนินเขาทั้งเจ็ด เอดินบะระมีภูมิทัศน์ที่ตระการตา โดยมีปราสาทเอดินบะระเป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ที่เฝ้าดูเมืองนี้ จากถนน Princes Street ที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา สถานที่ท่องเที่ยว เช่น พิพิธภัณฑ์สก็อตแลนด์และสวนขนาดใหญ่ จะทำให้คุณได้สัมผัสกับวัฒนธรรมที่เข้มข้นและศิลปะสมัยใหม่ของเมือง เมื่อคุณสำรวจอดีตและปัจจุบัน คุณจะพบงานเทศกาลที่มีชื่อเสียง เช่น เทศกาลเอดินบะระและเฟรนจ์ ซึ่งจัดขึ้นในเดือนสิงหาคม ทุกๆ ปี ข้อบ่งชี้ถึงความมีชีวิตชีวาของเมืองที่ยังคงรักษาไว้ในชีวิตประจำวัน ทั้งอาหารที่มีเอกลักษณ์และค่ำคืนที่น่าตื่นตาตื่นใจ ไม่ว่าคุณจะเดินเล่นบนเขา Arthur's Seat หรือสำรวจจัตุรัสที่ปูด้วยหญ้า คุณจะได้พบกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงามติดทะเล Firth of Forth แสดงให้เห็นถึงความงามของธรรมชาติที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง โรซิธจึงไม่เพียงเป็นท่าเรือที่มีความสำคัญ แต่ยังเป็นประตูที่เปิดสู่ประสบการณ์ที่น่าจดจำในดินแดนสก็อตแลนด์ ทดลองใช้เวลาในกรุงเอดินบะระ เพื่อให้ได้สัมผัสถึงเสน่ห์และวัฒนธรรมที่สวยงามของเมืองนี้อย่างเต็มที่

ท่าเรืออินเวอร์คอร์ดอน เป็นประตูสู่มหัศจรรย์ของที่ราบใหญ่ หรือ Great Glen ในสก็อตแลนด์ ซึ่งรวมถึงทะเลสาบเนส (Loch Ness) และเมืองอินเวอเนส (Inverness) ที่เป็นเมืองหลวงของไฮแลนด์ มีบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเองจากลมทะเลที่พัดมาจากอ่าวโมเรย์ (Moray Firth) นอกจากจะเป็นที่ตั้งของตำนานสัตว์ประหลาดที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกอย่าง "เนสซี่" (Nessie) ซึ่งกลายเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวไม่รู้จบ ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าประทับใจมากมาย เช่น ทะเลสาบในพื้นที่ การเดินป่าในภูเขาอันสูงชัน ทิวทัศน์ที่ตระการตาในโทนสีม่วงและเขียวของทุ่งหญ้า และป่าไม้ที่เต็มไปด้วยสัตว์ป่าที่แปลกตา เช่น กระต่ายภูเขา กวางแดง และนกอินทรีทอง การเดินทางมาที่อินเวอร์คอร์ดอนจะทำให้คุณได้สัมผัสความงามธรรมชาติที่แท้จริงและตำนานที่ยิ่งใหญ่ของสก็อตแลนด์ ไม่ว่าคุณจะเดินทางเพื่อการผจญภัยหรือเพียงเพื่อสัมผัสกับกิจกรรมในบรรยากาศที่เงียบสงบ ท่าเรือนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบสำหรับประสบการณ์ที่ไม่รู้ลืมในดินแดนแห่งสานสัมพันธ์ระหว่างตัวตนกับธรรมชาติอย่างลงตัว

เมื่อเรือสำราญของคุณจอดเทียบท่า ณ เมืองสตอร์โนเวย์ เกาะลูอิส คุณจะได้พบกับมิติใหม่ของการเดินทางซึ่งเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์แห่งธรรมชาติและวัฒนธรรมอันรุ่งเรืองของสก็อตแลนด์ เกาะลูอิสและแฮริส เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะฮีบรีดีนอก ทำให้เมืองสตอร์โนเวย์เป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมและกิจกรรมที่ไม่ควรพลาด ในเมืองนี้ คุณสามารถเพลิดเพลินกับการชิมอาหารท้องถิ่นที่ร้านอาหารคุณภาพสูง รวมทั้งเยี่ยมชมศูนย์ศิลปะ An Lanntair ที่มีนิทรรศการทั้งศิลปะร่วมสมัยและดั้งเดิม นอกจากนี้ยังมีวิหารเซนต์คลีเมนต์ ซึ่งเป็นหนึ่งในโบสถ์ที่มีโครงสร้างสวยงามที่สุดในเขตนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15 สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการสำรวจประวัติศาสตร์ ที่นี่มีแหล่งโบราณคดีที่น่าทึ่ง เช่น กลุ่มหินคาลานิสที่สร้างขึ้นในยุคก่อนประวัติศาสตร์ รวมถึงหอคอย Dun Carloway ที่มีอายุประมาณ 2,000 ปี สัมผัสกับความงามและวัฒนธรรมของสตอร์โนเวย์ในขณะที่สำรวจธรรมชาติสุดอลังการและประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยสีสันของเกาะนี้ อย่าลืมแวะเยี่ยมชมร้านทวีตฮาร์ริสที่เผยแพร่สินค้าทอมือสุดพิเศษและของที่ระลึกที่ไม่เหมือนใครเพื่อบอกเล่าเรื่องราวการเดินทางของคุณในเกาะลูอิสแห่งนี้

ท่าเรือกรีน็อคในสกอตแลนด์ เป็นประตูสู่เมืองกลาสโกว์ เมืองที่เต็มไปด้วยความน่าตื่นเต้นและวัฒนธรรมที่หลากหลาย หลังจากประสบกับการลดลงในอดีต กลาสโกว์ได้ฟื้นฟูตัวเองอย่างน่าทึ่ง ด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงาม เช่น อาคารที่ออกแบบโดย Charles Rennie Mackintosh และพิพิธภัณฑ์ Riverside ที่ออกแบบโดย Zaha Hadid ที่สะท้อนถึงกิจกรรมการค้าและการต่อเรือในอดีต เมืองกลาสโกว์ มีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 1,500 ปี มีตำนานเกี่ยวกับใจกลางของเมืองที่เกิดจากความไม่ซื่อสัตย์ของพระราชินี ซึ่งประดับด้วยสัญลักษณ์ที่ยังคงอยู่ในตราเมือง ด้วยการเติบโตของอุตสาหกรรมและการค้าในศตวรรษที่ 18 และ 19 กลาสโกว์กลายเป็นศูนย์กลางการต่อเรือและการค้าฝ้ายที่สำคัญ ปัจจุบัน เมืองนี้มีชีวิตชีวาด้วยกิจกรรมทางวัฒนธรรมและร้านค้าทันสมัย เรียกได้ว่าเป็นแหล่งจุดเปลี่ยนสำคัญให้กับผู้ที่แสวงหาประสบการณ์ใหม่ๆ หลังจากการเยี่ยมชมที่นี่ คุณยังสามารถใช้เวลาเพียง 40 นาทีเพื่อไปยังทะเลสาบโลห์โลมอนด์ สถานที่ที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ของสกอตแลนด์ ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้คุณค้นพบโลกใหม่ที่รอคอยอยู่

เบลฟาสต์ เมืองหลวงของไอร์แลนด์เหนือ เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และความเจริญรุ่งเรือง ตั้งอยู่บนริมฝั่งทะเลไอริช โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า Béal Feirste ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านการผลิตผ้าไหมและการสร้างเรือ ที่นี่เคยเป็นบ้านของชัยชนะในการสร้างไททานิค เรือสำราญที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยการพัฒนาที่ก้าวกระโดดในศตวรรษที่ 18 เบลฟาสต์กลายเป็นเมืองอุตสาหกรรมที่สำคัญ มีประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ในช่วงเวลาหนึ่ง เมืองนี้ต้องเผชิญกับความขัดแย้งทางด้านศาสนา จนกระทั่งสงครามที่เรียกว่า “Troubles” สิ้นสุดลงในปี 1994 หลังจากนั้น เมืองได้เริ่มการฟื้นฟู ซึ่งรวมไปถึงการลงทุนในโรงแรมใหม่ ๆ และการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวที่ทำให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลมายังเมือง ปัจจุบัน เบลฟาสต์มีพื้นที่ใจกลางเมืองที่เดินง่าย ประกอบด้วยแหล่งท่องเที่ยวสำคัญมากมาย เช่น หอศิลป์พิพิธภัณฑ์ โบสถ์ และโรงละคร การสำรวจเมืองนี้จะสร้างประสบการณ์ที่น่าหลงใหลและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่รักการเดินทางไปยังดินแดนที่มีเสน่ห์และประวัติศาสตร์อันล้ำค่าดังกล่าว

ดันลาเกียร์ (Dun Laoghaire) เมืองท่าอันงดงามของไอร์แลนด์ ตั้งอยู่ห่างจากดับลินเมืองหลวงเพียงไม่กี่กิโลเมตร เป็นจุดเชื่อมต่อทะเลที่มีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ดันลาเกียร์ไม่เพียงแต่เป็นท่าเรือที่สำคัญสำหรับเรือสำราญ แต่ยังเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจที่ให้คุณสัมผัสบรรยากาศอันสดชื่นของทะเลแอตแลนติก ขณะที่คุณเดินเล่นริมท่าเรือ คุณจะได้พบกับวิวทิวทัศน์ที่งดงาม พร้อมบรรยากาศที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา มีร้านอาหารและคาเฟ่ที่พร้อมบริการอาหารอร่อยและเครื่องดื่มท่ามกลางลมทะเลที่เย็นสบาย นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นอย่างอนุสรณ์สถาน “Eleanor’s” ที่เป็นสัญลักษณ์ในประวัติศาสตร์ท้องถิ่น และหอคอยอันมีเอกลักษณ์ของดันลาเกียร์ที่เฝ้ามองดูทะเลมาช้านาน การเดินทางถึงดันลาเกียร์สะดวกสบายด้วยบริการรถไฟจากดับลิน รวมทั้งการสนับสนุนจากบริการขนส่งสาธารณะที่มีความเป็นระเบียบและครบครัน หากคุณมองหาประสบการณ์การเดินทางหรูหรา สัมผัสธรรมชาติที่สวยงามและวัฒนธรรมอันหลากหลาย ดันลาเกียร์คือตัวเลือกที่ไม่ควรพลาดในการสำรวจไอร์แลนด์ที่มีเสน่ห์นี้

ฮอลีเฮด (Holyhead) เมืองท่าแห่งประวัติศาสตร์ในประเทศเวลส์ เป็นสถานที่ที่มีเสน่ห์ดึงดูดนักเดินทางที่ต้องการสำรวจประวัติศาสตร์และธรรมชาติที่สวยงาม เมืองนี้เคยเป็นฐานป้องกันทางเหนือจากการจู่โจมของผู้บุกรุกชาวไอริช และในปัจจุบันมีชื่อเสียงในฐานะท่าเรือเฟอร์รี่ออกสู่ประเทศไอร์แลนด์ ด้วยบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาบริเวณท่าเรือ นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับความเคลื่อนไหวของการคมนาคมที่คึกคัก แม้ฮอลีเฮดจะมีประชากรเพียงเล็กน้อย แต่กลับเต็มไปด้วยซากโบราณสถานที่บอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์อันยาวนานที่รอให้ค้นพบ คุณสามารถสำรวจสถานที่สำคัญต่าง ๆ ที่มีความเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของพื้นที่ได้อย่างน่าสนใจ นอกจากนี้ บริเวณรอบ ๆ ยังมีเส้นทางเดินป่าที่เป็นมิตรกับนักเดินทาง ที่จะพาคุณไปสัมผัสกับทิวทัศน์ธรรมชาติที่งดงาม ลมทะเลและวิวชายฝั่งจะสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ทุกคน เต็มไปด้วยความสุขที่ทุกคนจะประทับใจ ฮอลีเฮด จึงเป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้รักการผจญภัยและสำรวจความงามของประเทศเวลส์

ท่าเรือโคฟ (Cobh) ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคคอร์ก (Cork) ของไอร์แลนด์ เป็นจุดหมายปลายทางที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และเรื่องราวอันเข้มข้นของประวัติศาสตร์ ท่าเรือแห่งนี้มีบรรยากาศที่งดงามและวิวทิวทัศน์ที่เป็นเอกลักษณ์ โคฟยังเป็นจุดที่เรือสำราญหยุดแวะให้คุณได้สัมผัสเสน่ห์ของความเป็นไอร์แลนด์อย่างแท้จริง หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่คุณไม่ควรพลาดคือเกาะโฟตา (Fota Island) ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เคียง ที่นี่มีสวนพฤกษศาสตร์ที่กว้างใหญ่และสวนสัตว์ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหลากหลายชนิด สำหรับผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์ คฤหาสน์ฟอโต (Fota House) คือสถานที่ที่คุณสามารถสำรวจการใช้ชีวิตของชนชั้นสูงในอดีต นอกจากนี้ โคฟยังมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในฐานะท่าเรือที่ผู้คนต่างเดินทางผ่านมาสู่โลกใหม่ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา การเดินเล่นในย่านเก่าแก่และชมอาคารสถาปัตยกรรมที่มีสีสันจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนหลุดเข้ามาในนิยาย ท่าเรือโคฟจึงเป็นที่ที่เหมาะสมสำหรับนักเดินทางผู้แสวงหาความงามตระการตาและประสบการณ์ที่น่าจดจำ เริ่มต้นการเดินทางที่นี่เพื่อค้นพบทุกเรื่องราวและมนต์เสน่ห์ของไอร์แลนด์ที่รอคุณอยู่!

ฟัลมุธ (Falmouth) เป็นเมืองท่าที่มีเสน่ห์ในอังกฤษ ที่เต็มไปด้วยความคึกคักจากการประมง การแล่นเรือยอชท์ และกิจกรรมทางการค้า ซึ่งล้วนเสริมสร้างบรรยากาศที่น่าสนใจเบื้องหลังภูมิประเทศที่สวยงามของเมือง ในศตวรรษที่ 18 ฟัลมุธเคยเป็นท่าเรือที่สำคัญในการขนส่งจดหมายไปยังอเมริกาเหนือ และคุณสามารถสัมผัสประวัติศาสตร์ได้จากบ้านเรือนที่ปกคลุมด้วยกระเบื้องหิน ซึ่งสร้างโดยกัปตันเรือพัสดุที่ร่ำรวยในหมู่บ้านฟลัชชิง (Flushing) ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับอ่าว การเดินทางระหว่างสองเมืองนี้สามารถทำได้โดยบริการเฟอร์รีที่สะดวกสบาย ที่ท่าจอดเรือ Custom House Quay คุณจะพบกับ King’s Pipe ซึ่งเป็นเตาเผาที่ใช้สำหรับเผาสินค้าผิดกฎหมายที่ถูกยึดไว้ นอกจากประวัติศาสตร์แล้ว ฟัลมุธยังเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการสำรวจชายฝั่งที่สวยงาม คุณสามารถเดินเล่นไปตามชายหาด ชิมอาหารทะเลสดใหม่ หรือสำรวจสถานที่ทางประวัติศาสตร์ต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ ทุกมุมของฟัลมุธล้วนสื่อถึงความงดงามและความมีชีวิตชีวาของการเดินทางที่ไม่ควรพลาดในช่วงชีวิตของคุณ

ท่าเรือเลออาฟร์ (Le Havre) ตั้งอยู่ในนอร์มังดี ประเทศฝรั่งเศส เป็นท่าเรือที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ และมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ตั้งแต่ก่อตั้งโดยกษัตริย์ฟรานซิสที่ 1 ในปี 1517 ที่นี้เคยเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่ถูกพัฒนาขึ้นเมื่อหลายร้อยปีก่อน กลไกการพัฒนาของเมืองเป็นไปตามแผนที่สร้างสรรค์โดยสถาปนิกชื่อดังชาวเบลเยียม ออกุสต์ แปร์เร ซึ่งได้ออกแบบให้เมืองมีความสวยงามและมีเอกลักษณ์ โดยเฉพาะหลังจากที่เมืองต้องเผชิญกับการทำลายล้างในสงครามโลกครั้งที่สอง การฟื้นฟูเมืองเลออาฟร์ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกในปี 2005 ทำให้เมืองนี้กลายเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวที่แสวงหาความงดงามและประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสกับศิลปะและวัฒนธรรมท้องถิ่นในพิพิธภัณฑ์ รวมถึงเยี่ยมชมสถานที่สำคัญต่างๆ อาทิ ท่าเรือเก่าและโบสถ์ที่มีสถาปัตยกรรมที่ลงตัว ร่วมเดินทางไปกับทัวร์หรูที่ทำให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์อันเหลือเชื่อในเมืองเลออาฟร์แห่งนี้ ที่จะทำให้ทุกการเดินทางของคุณน่าจดจำยิ่งขึ้น


ท่าเรือ La Rochelle ในประเทศฝรั่งเศส เป็นจุดหมายปลายทางที่งดงามและยิ่งใหญ่สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศแห่งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่เต็มไปด้วยมนต์ขลัง เรือสำราญที่แวะจอดที่นี่จะให้โอกาสคุณได้สำรวจเมืองเก่าอันมีเสน่ห์ โดยเฉพาะมาร์ชี่จอห์นซิตี้ (Vieux Port) และหอคอยไตร (Tour de la Chaîne) ที่เป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมือง เมื่อคุณเดินชมเมือง จะได้พบกับอาคารสไตล์เรอเนสซองส์และการตกแต่งที่บ่งบอกถึงประวัติศาสตร์อันยาวนาน เป็นสถานที่เหมาะสำหรับการใช้เวลานั่งจิบไวน์ในร้านกาแฟกลางแจ้ง พร้อมกับการดื่มด่ำกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของทะเล แน่นอนว่า La Rochelle ยังเป็นแหล่งรวมของอาหารทะเลสดใหม่ เต็มไปด้วยประสบการณ์การชิมที่คุณไม่ควรพลาด นอกจากนี้ ท่าเรือลา โรเชล ยังตั้งอยู่ใกล้กับเกาะ Ile de Ré ซึ่งเชื่อมต่อกันด้วยสะพานที่งดงาม ทำให้คุณสามารถสัมผัสกับบรรยากาศของเกาะที่สงบสุข และซึมซับความงามของธรรมชาติโดยรอบได้อย่างเต็มที่ สถานที่แห่งนี้ถือเป็นจุดหมายที่สมบูรณ์แบบสำหรับการสร้างความทรงจำอันมีค่าในการเดินทางไปยังแดนฝรั่งเศสที่คุณจะไม่มีวันลืม

ท่าเรือโปยยัค (Pauillac) ตั้งอยู่ในภูมิภาคบอร์โดซ์ (Bordeaux) ของฝรั่งเศส เป็นหมู่บ้านที่มีเสน่ห์และวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม โปยยัคตั้งอยู่ริมแม่น้ำในอ่าวจิโรนเด (Gironde) ซึ่งรู้จักกันดีในด้านไวน์แดงคุณภาพสูง โดยเฉพาะไวน์จากชาตอว์ที่มีชื่อเสียง เช่น ลาฟิท รอธschild (Lafite Rothschild) และ มูตง รอธschild (Mouton Rothschild) เมื่อคุณเดินทางมายังโปยยัค คุณจะได้สัมผัสวิถีชีวิตที่มีเสน่ห์ของชาวเมือง พร้อมกลิ่นอายของประวัติศาสตร์ที่เผยให้เห็นในอาคารโบราณและตลาดสดที่คึกคัก ถ้าคุณหลงรักไวน์ การเยี่ยมชมไร่ไวน์ที่มีชื่อเสียงจะทำให้คุณได้ลิ้มลองรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ในบรรยากาศธรรมชาติที่สวยงาม โปยยัคเป็นจุดหมายที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสความหรูหราและเอกลักษณ์ของบอร์โดซ์ ไม่ว่าจะเป็นการเดินเล่นริมแม่น้ำ ชมวิวอันงดงาม หรือสำรวจมรดกทางวัฒนธรรม ที่นี่คือสวรรค์ของผู้หลงใหลในไวน์และการเดินทางที่เต็มไปด้วยประสบการณ์อันทรงคุณค่า หมายความว่าคุณจะไม่พลาดความงดงามและเสน่ห์เหนือกาลเวลาของมุมที่สวยงามนี้ในฝรั่งเศส
เซนต์ฌอง-เดอ-ลูซ (Saint-Jean-de-Luz) เป็นท่าเรือที่สวยงามในเขตบาสก์ของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก เป็นจุดหมายที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นชายหาด ท่าเรือดั้งเดิม หรือบรรยากาศของชุมชนที่เป็นมิตรแห่งนี้ เมื่อคุณเดินทางมายังเซนต์ฌอง-เดอ-ลูซ คุณจะได้สัมผัสกับภูมิทัศน์ที่งดงามและทางเดินเลียบชายหาดที่เต็มไปด้วยความสดชื่น จากการชมเรือประมงที่จับปลาแบบดั้งเดิม คุณยังสามารถเดินเล่นในตรอกซอกซอยที่เต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารที่เสิร์ฟอาหารทะเลสดใหม่ โดยเฉพาะจานที่ทำจากกุ้งและปลาพื้นบ้าน อีกทั้งเซนต์ฌอง-เดอ-ลูซยังมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน หากคุณสนใจในวัฒนธรรม ท่านจะได้เยี่ยมชมโบสถ์เซนต์ฌอง-แบพติสต์ ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามและสำคัญในอดีต การเดินทางมาที่ท่าเรือนี้จึงไม่เพียงแค่การมาหยุดพักบนชายหาด แต่คือการค้นพบความงามและวัฒนธรรมที่ลึกซึ้งของฝรั่งเศสในทุกๆ มุมที่คุณไปเยือน และสร้างสรรค์ความฝันในทุกก้าวเดินของคุณในเมืองแห่งนี้

บิลบาว (Bilbao) เมืองที่ตั้งอยู่ในแคว้นบาสก์ ของประเทศสเปน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางศิลปะและสถาปัตยกรรมได้สร้างความโดดเด่นให้กับเมืองนี้อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน หลังจากการเปิดตัวพิพิธภัณฑ์กุกเกนไฮม์ (Guggenheim Museum) ที่ออกแบบโดย Frank Gehry เมืองนี้ได้กลายเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมแห่งใหม่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างมากมาย นอกจากพิพิธภัณฑ์แล้ว สถานที่สำคัญอื่น ๆ เช่น สถานีรถไฟใต้ดินที่ออกแบบโดย Norman Foster และสวนสาธารณะ Abandoibarra ก็เป็นจุดเด่นที่ไม่ควรพลาดในการเยือนเมืองนี้ อย่าลืมเดินชมย่านเก่าของบิลบาวที่เรียกว่า "คาสโก วิเอโก" (Casco Viejo) ซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารที่มีเสน่ห์ แถมยังมีตลาดกลางแจ้งที่ Plaza Nueva ซึ่งจัดขึ้นทุกเช้าวันอาทิตย์ ในการเดินเล่นริมแม่น้ำเนร์บิโอ (Nervión) คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศอันงดงาม ที่มีความรุ่งเรืองจากอดีตสู่ปัจจุบัน สำหรับผู้หลงใหลในอาหาร บิลบาวมีชื่อเสียงด้านความอร่อย โดยเฉพาะอาหารบาสก์ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง และหากมีโอกาส อย่าลืมขึ้นรถราง Euskotram เพื่อสัมผัสการเดินทางริมแม่น้ำใจกลางเมือง มาร่วมตะลุยและค้นพบความงดงามของบิลบาว ที่คุณจะจดจำไปตลอดชีวิต!

ท่าเรือกิฮอน (Gijón) ประเทศสเปน เป็นจุดหมายที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยบรรยากาศที่ผสมผสานระหว่างประวัติศาสตร์และความทันสมัย ตั้งอยู่ริมทะเลในภูมิภาคอAsturias กิฮอนเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ด้วยหลักฐานทางโบราณคดีจากสมัยโรมัน เช่น สปา Campo Valdés ซึ่งมีอายุย้อนกลับไปถึงศตวรรษที่ 1 ที่เป็นจุดเด่นใจกลางเมืองและเป็นตัวแทนของประวัติศาสตร์อันรุ่งเรืองของเมือง ในอดีต กิฮอนเกือบถูกทำลายในศตวรรษที่ 14 แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นท่าเรือและเมืองอุตสาหกรรมที่เจริญรุ่งเรือง พื้นที่เมืองเต็มไปด้วยร้านกาแฟ อาหารท้องถิ่น และ sidrerías ร้านที่ขึ้นชื่อในเรื่องของแอปเปิ้ลซีดรา (Cider) ที่คุณไม่ควรพลาด ยามที่คุณเดินทางมาถึง ท่านยังสามารถพบกับชายหาดที่งดงามซึ่งเหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ เพิ่มเติมด้วยกิจกรรมหลากหลายที่น่าสนใจ ทำให้กิฮอนไม่เพียงแต่เป็นท่าเรือ แต่ยังเป็นจุดหมายที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา รอคอยให้คุณได้สัมผัสและค้นพบเสน่ห์ของเมืองนี้อย่างแท้จริง

ลาคอรุญ่า คือเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคกาลิเซีย ประเทศสเปน และเป็นหนึ่งในท่าเรือที่คึกคักที่สุดของประเทศ ตั้งอยู่ในมุมตะวันตกเฉียงเหนือของคาบสมุทรไอบีเรีย โดยมีทิวทัศน์ที่เขียวชอุ่มและหมอกลงหนา แตกต่างจากภูมิภาคอื่น ๆ ของสเปน ชื่อ "กาลิเซีย" มีรากศัพท์มาจากภาษาเซลติก ซึ่งเป็นที่อยู่ของเซลติคในช่วงศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์ศักราช ลาคอรุญ่า เคยเป็นท่าเรือที่สำคัญตั้งแต่สมัยโรมัน และพัฒนาเป็นศูนย์กลางการค้าขายที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 15 เมื่อได้รับสิทธิในการค้ากับอเมริกาในปี 1720 ความงดงามของลาคอรุญ่าสะท้อนผ่านอาคารแบบกระจกซึ่งทำให้เมืองนี้ได้รับชื่อว่า "เมืองแห่งคริสตัล" และสถานที่สำคัญอย่างจัตุรัสมาเรียพิทา ซึ่งเป็นเกียรติแก่หญิงผู้กล้าที่เคยปกป้องเมืองในปี 1589 ปัจจุบัน เมืองประกอบด้วยสามเขตที่แตกต่างกัน ได้แก่ เขตกลางเมือง ธุรกิจ และ “เอนซานเช่” ที่มีคลังสินค้าและโรงงาน อย่าพลาดโอกาสในการสำรวจวัฒนธรรมท้องถิ่นและสัมผัสกับประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของเมืองนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยความน่าสนใจและแรงบันดาลใจที่ทำให้ผู้มาเยือนต้องกลับมาอีกครั้ง.

ท่าเรือที่สวยงามและเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอย่าง "โอปอร์ตู" (Oporto) คือเมืองที่สองที่ใหญ่ที่สุดในโปรตุเกส รองจากลิสบอน เมืองนี้มักถูกเรียกสั้นๆ ว่า "ปอร์โต" ซึ่งเป็นชื่อที่ทุกคนนึกถึงเมื่อพูดถึงองุ่นส่งตรงสำหรับผลิตไวน์พอร์ตที่มีชื่อเสียงระดับโลก ท่าเรือโอปอร์ตูตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโดรู และมีบทบาทสำคัญมาตั้งแต่อดีต เมื่อชาวโรมันสร้างป้อมปราการที่นี่ เพื่อควบคุมเส้นทางการค้า ด้วยการที่เมืองนี้คือจุดแวะสำคัญสำหรับเหล่าผู้จาริกแสวงบุญในอดีต ทำให้โอปอร์ตูร่ำรวยจากการค้าและการค้นพบทางทะเลในศตวรรษที่ 15 และ 16 การค้าขายไวน์พอร์ตกับอังกฤษในภายหลังยังทำให้เมืองนี้เกิดการเจริญรุ่งเรืองอย่างไม่หยุดยั้ง จนกระทั่งกลายเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์ ด้วยสะพานที่สวยงามข้ามแม่น้ำโดรู เสน่ห์ของย่านริมน้ำที่มีชีวิตชีวา และโรงไวน์พอร์ตที่มีชื่อเสียง เมืองนี้ไม่ได้เป็นเพียงจุดหมายปลายทาง แต่ยังเป็นศูนย์รวมวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่มีเอกลักษณ์ ออกแบบมาสำหรับผู้ที่มองหาประสบการณ์การเดินทางที่เหนือระดับ เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจในการค้นหาความงามของโลกที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในทุกมุมเมือง

ท่าเรือลิสบอนตั้งอยู่ริมน้ำแทกุส สร้างขึ้นบนเนินเขาสูงเจ็ดลูก ซึ่งทำให้ลิสบอนกลายเป็นเมืองที่งดงามและเปล่งประกายด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมที่หลากหลายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พร้อมทั้งรถรางไม้ที่ให้บรรยากาศย้อนยุค อันเป็นเอกลักษณ์ของเมืองแห่งนี้ ท่านจะได้เดินเล่นใน Praça do Comércio ซึ่งคือจัตุรัสอันกว้างใหญ่ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ที่ถูกออกแบบให้สวยงามโดยมาร์คิวสแห่งปอมบาล หลังจากแผ่นดินไหวที่ทำลายล้างในศตวรรษที่ 18 การเยี่ยมชมลิสบอนจึงไม่เพียงแค่ชมความงามพระอาทิตย์ตกแบบโรแมนติกใต้สะพาน 25 Abril แต่ยังมีกิจกรรมช้อปปิ้งและสัมผัสวัฒนธรรมในเมืองเก่า ที่สร้างอยู่บนเนินเขาที่ลาดเอียง การแวะเยือนของเรือสำราญที่ท่าเรือลิสบอนทำให้ท่านมีโอกาสสัมผัสทั้งวัฒนธรรมและความงามของเมืองที่ไม่สิ้นสุด ซึ่งรอให้คุณได้ค้นพบในทุกมุมถนน รับประสบการณ์อันหรูหราจากการเดินทางในครั้งนี้ และสัมผัสความมหัศจรรย์ของลิสบอนที่สามารถทำให้หัวใจคุณเต้นแรงได้ในทุก ๆ ช่วงเวลา


มอทริล (Motril) เมืองใหญ่ที่สุดบนชายฝั่งคอสต้าโทรปิคัล (Costa Tropical) ในภูมิภาคอันดาลูเซียของสเปน ถือเป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสความงดงามของย่านนี้ เมืองมอทริลตั้งอยู่ห่างจากมาลากาประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง โดยอยู่ระหว่างทะเลและเทือกเขาเซียราเนบาดา (Sierra Nevada) อันยิ่งใหญ่ เมืองนี้ไม่เพียงแต่มีกิจกรรมท่องเที่ยวที่หลากหลาย เช่น ท่าเรือที่คึกคักในด้านการค้า การทำประมง และการพักผ่อน แต่ยังเป็นศูนย์กลางการเกษตรที่อุดมสมบูรณ์ ซึ่งผลิตผลที่รู้จักกันดี ได้แก่ อ้อย ส้ม เลมอน แอปเปิ้ล อะโวคาโด มะม่วง และกล้วย ขึ้นชื่อว่าเป็นภูมิภาคที่มีสภาพอากาศแบบซับทรอปิคัล นักท่องเที่ยวยังสามารถเยี่ยมชมโบสถ์ Nuestra Señora de la Cabeza ซึ่งสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเมือง และอีกทั้งยังสามารถสัมผัสประสบการณ์การเดินชมชายหาดที่งดงามได้อย่างสะดวก ด้วยบรรยากาศสบาย ๆ ที่จะทำให้คุณหลงใหลและอยากกลับมาเยือนอีกครั้ง มอทริลจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดในการสำรวจเสน่ห์ของชายฝั่งอันดาลูเซีย!

อาลิกันเต้ เมืองหลวงของจังหวัดวัลเลนเซีย เป็นประตูสู่การต้อนรับนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามายังรีสอร์ทในคอสตาบลังก้าทุกปี ด้วยภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียนที่อบอุ่นและชายหาดทรายทองที่ยาวเหยียด อาลิกันเต้เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การพักผ่อนในวันหยุดพักผ่อนอย่างแท้จริง แต่เมืองนี้ยังมีเสน่ห์มากกว่านั้นอีกหลายประการ ริมทะเลที่งดงามของอาลิกันเต้ตัดกับวิวของปราสาทซานตาบาร์บาราที่ตั้งตระหง่านเหนือเมือง ซึ่งสื่อถึงประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและซับซ้อน ชวนให้คุณสำรวจเส้นทางเดินชมวิวที่น่าตื่นตาตื่นใจ พร้อมสัมผัสกับประวัติศาสตร์ของชนชาติและวัฒนธรรมที่ริเริ่มมาจากหลากหลายยุคสมัย เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ชีวิตในอาลิกันเต้ยังคงคึกคักไม่หยุดนิ่ง ด้วยบรรยากาศของไนท์ไลฟ์ที่เต็มไปด้วยสีสันและร้านอาหารที่เสิร์ฟอาหารเมดิเตอร์เรเนียนรสเลิศครบครัน ไม่ว่าคุณจะเป็นนักท่องเที่ยวที่หลงใหลในความสวยงามของธรรมชาติ หรือผู้ที่สนใจในวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ อาลิกันเต้คือจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดในการเดินทางสู่ประเทศสเปนที่เต็มไปด้วยเสน่ห์เหล่านี้!

เมืองมาฮอน (Mahon) เมืองหลวงของเกาะเมนอร์ก้า (Menorca) ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของสเปน เป็นจุดหมายปลายทางที่มีเสน่ห์และเป็นที่รู้จักกันดีจากท่าเรือที่ลึกและกว้างใหญ่ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและทำเลที่ตั้งที่สำคัญ มาฮอนจึงเคยเป็นที่มั่นของหลายประเทศในอดีต และเป็นสถานที่ที่นักสำรวจระดับโลกเคยมาเยือน จุดเด่นที่ไม่ควรพลาดคือ อุโมงค์เซนต์ร็อค (Arch of Saint Roc) ซึ่งเป็นซากท่ามกลางความเจริญรุ่งเรืองของเมือง มีอาคารสถาปัตยกรรมที่น่าทึ่ง เช่น สไตล์จอร์เจียน (Georgian) ที่แสดงถึงร่องรอยของการปกครองในอดีต รวมทั้งสถาปัตยกรรมสไตล์นีโอคลาสสิก (Neo-Classical), บาร็อค (Baroque) และโรมาเนสก์ (Romanesque) ที่ยังคงสวยงามอยู่ เมืองนี้ไม่เพียงแต่น่าชม แต่ยังเต็มไปด้วยถนนเล็กๆ ที่รอให้คุณค้นพบ และพื้นที่กลางเมืองที่ได้รับการตกแต่งสวยงาม พร้อมร้านกาแฟที่ให้บริการอย่างอบอุ่น ช่วงเวลาที่ดีที่สุดเพื่อเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศคือ ก่อนหรือหลังเวลาซีเอสตา (siesta) ที่ร้านค้าจะหยุดทำการในช่วงบ่าย สัมผัสมนต์เสน่ห์และประวัติศาสตร์ที่มีชีวิตชีวาที่มาฮอน นอกเหนือจากการเยี่ยมชมเทือกเขาหรือชายหาดงดงาม ที่รอคอยให้คุณมาค้นพบความงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมของสเปนในแบบที่คุณไม่เคยลืม

บาร์เซโลนา สเปน เมืองที่ไม่เคยหลับใหล เต็มไปด้วยสีสันและชีวิตที่คึกคัก เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด ด้วยเสน่ห์ที่ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมโบราณและทันสมัย บาร์เซโลนาพร้อมให้คุณลิ้มรสประสบการณ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่ทิวทัศน์งดงามของย่านบาร์รี โกธิค (Barri Gòtic) ที่เต็มไปด้วยซอกมุมแห่งประวัติศาสตร์ ไปจนถึงความสวยงามของงานศิลปะและสถาปัตยกรรมแบบนูโวที่ไม่ซ้ำใคร การเดินเล่นเลียบเลาะเลนด์ลาฟลามบลา (La Rambla) และชายหาดบาร์เซโลเนต้า (Barceloneta) จะทำให้คุณได้สัมผัสกับบรรยากาศริมทะเลที่อบอุ่น และการชมโบสถ์ซากราดา ฟามีเลีย (Sagrada Família) ผลงานชิ้นเอกของอันโตนี เกาดี ที่สะท้อนถึงความละเอียดอ่อนทางศิลปะอย่างแท้จริง ไม่เพียงเท่านี้ บาร์เซโลนายังมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่และร้านค้าที่โดดเด่นที่จะทำให้คุณหลงใหลตลอดทั้งวัน สัมผัสวัฒนธรรมและความตื่นเต้นในยามค่ำคืนด้วยการเพลิดเพลินกับไวน์และอาหารท้องถิ่นในบาร์ทาปาสที่มีชีวิตชีวา ขอเชิญคุณมาสำรวจบาร์เซโลนา เมืองที่ดูแลคุณด้วยประสบการณ์ด้านรสชาติและความงามในทุกแง่มุม!

ท่าเรือเซ็ต (Sète) ตั้งอยู่บนชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียนของฝรั่งเศส เป็นหมู่บ้านชาวประมงที่มีเสน่ห์ดึงดูดผู้มาเยือน เช่นเดียวกับการเป็นประตูสู่เมืองมงเปลลิเยร์ (Montpellier) ที่อยู่ใกล้เคียง ท่าเรือแห่งนี้ยังเปิดโอกาสให้คุณได้สำรวจแหล่งท่องเที่ยวที่น่าหลงใหลอื่น ๆ ในภูมิภาค เช่น ปราสาทการ์กาซอน (Carcassonne) เมืองโบราณอายุกว่าศตวรรษ ที่มีความสวยงามและเป็นเอกลักษณ์ รวมถึงอาเกส มอร์ตส์ (Aigues Mortes) และอ๊บบาย เดอ ฟองฟรอยด์ (Abbaye de Fontfroide) ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ใจกลางทุ่งป่า เซ็ตยังเป็นท่าเรือประมงที่ใหญ่ที่สุดในเมดิเตอร์เรเนียน ทำให้คุณได้สัมผัสวิถีชีวิตของชาวประมงในบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์ ใจกลางเมืองที่มีคลองทอดยาวทำให้การเดินเล่นเป็นเรื่องสนุกสนาน และหากคุณต้องการผ่อนคลาย ชายหาดพลาจ เดอ คอร์นีช (Plage de la Corniche) จะเป็นสถานที่ที่เหมาะกับการว่ายน้ำในน้ำทะเลใสสะอาด สำหรับการมองเห็นทิวทัศน์รอบท่าเรือให้ชัดเจน สามารถขึ้นไปยังเขามองต์ เซนต์แคลร์ (Mont St-Clair) หรือเลส์ เปียร์เรส บลันช์ (Les Pierres Blanches) และเลือกชายหาดที่ต้องการนั่งพักผ่อน สัมผัสความสุขและเสน่ห์ของเซ็ตแล้วจะรู้ว่าที่นี่คือจุดหมายที่คุณไม่ควรพลาดในการเดินทางสู่ฝรั่งเศส!

ท่าเรือแห่งเมืองทูลอน ประเทศฝรั่งเศส เป็นจุดหมายที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ อัดแน่นไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่ลึกซึ้ง ตั้งอยู่ในภูมิภาคโปรวองซ์-อัลป์-โคตดาซูร์ ท่านจะได้สัมผัสกับธรรมชาติที่สวยงามของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน รายล้อมด้วยเทือกเขาหินที่เป็นเอกลักษณ์ ท่ามกลางความสวยงามทางธรรมชาติ เมืองทูลอนยังคงรักษาความเป็นเมืองท่าหลักที่สำคัญของฝรั่งเศส โดยมีท่าจอดเรือที่ทันสมัยและสะดวกสบาย สร้างบรรยากาศที่ เหมาะเจาะสำหรับการเริ่มต้นการผจญภัยในดินแดนอันหลากหลาย เมื่อมายังทูลอน อย่าพลาดที่จะเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญเช่น ป้อมคาโรลส์ที่มีอายุนับศตวรรษ ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาและมอบวิวทิวทัศน์อันงดงามของทะเลสีน้ำเงิน นอกจากนี้ยังมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามของนครหลวงการเดินเรือที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ทำให้คุณรู้สึกถึงการผสมผสานระหว่างประวัติศาสตร์และความทันสมัย ดื่มด่ำกับความอร่อยของอาหารพื้นเมือง ตั้งแต่ซีฟู้ดสดใหม่จนถึงไวน์ชั้นเลิศ ที่สามารถพบได้ในร้านอาหารที่ตั้งอยู่ชายทะเล สัมผัสถึงมิตรไมตรีและความอ่อนโยนของวิถีชีวิตที่เมืองทูลอนเป็นที่รู้จัก พร้อมที่จะออกเดินทาง สู่ประสบการณ์นี้ที่ท่าเรือทูลอน ที่จะทำให้คุณตกหลุมรักในความงดงามและความหลากหลายของฝรั่งเศสอย่างแน่นอน

มอนาโก ดินแดนอันเล็กแต่เปี่ยมไปด้วยความหรูหรา เป็นสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยเสน่ห์ระหว่างฝรั่งเศสและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ดินแดนแห่งนี้ที่มีขนาดเพียง 202 เฮกตาร์ เป็นที่รู้จักในฐานะฐานที่มั่งคั่งของเหล่าขุนนางและนักพนัน ด้วยคาสิโนชื่อดังก้องโลกและสนามแข่งม้าอันเลื่องชื่อ เหมาะแก่การสัมผัสบรรยากาศสุดพิเศษที่หาได้จากที่นี่ เมื่อเดินทางมาเพื่อเยี่ยมชมมอนาโก คุณจะพบกับพระราชวังแห่งมอนาโกที่ตั้งอยู่โดดเด่น บรรยากาศที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์อยู่ท่ามกลางวิวทะเลอันงดงาม นอกจากนี้ บริเวณท่าเรือที่ลาดตระเวนด้วยเรือยอชต์หรูยังเป็นจุดที่ยอดเยี่ยมในการเพลิดเพลินกับการรับประทานอาหารหรูหราหรือชื่นชมกับความงามของเมือง มอนาโกยังสามารถเข้าถึงได้ง่ายจากสนามบินนีซ โคต ดาเซอร์ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากดินแดนแห่งนี้เพียง 16 ไมล์ ระเบียงท้องฟ้าอันสดใส รอคอยที่จะเปิดกว้างให้คุณได้สัมผัสกับอารมณ์ของการเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่การเดินทางครั้งนี้ ทำให้มอนาโกเป็นปลายทางที่คุณไม่ควรพลาดในการเดินทางสู่ความงามและความหรูหราที่ดีที่สุดในยุโรป

ท่าเรือลาซเปเซีย (La Spezia) เป็นจุดหมายปลายทางที่มีเสน่ห์ซ่อนเร้นอยู่ในอิตาลี นอกเหนือจากการเป็นท่าเรืออุตสาหกรรมที่สำคัญสำหรับการเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังอย่างชิงเคว เทเร่ (Cinque Terre) และปอร์ตอเวเนเร่ (Portovenere) ที่นี่ยังมีบรรยากาศที่เงียบสงบและเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติริมชายฝั่ง โดยเฉพาะในช่วงเช้าของวันจันทร์ถึงเสาร์ คุณจะได้สัมผัสกับความมีชีวิตชีวาของตลาดกลางแจ้งที่จัดขึ้นที่จัตุรัสกาเวอร์ (Piazza Cavour) ซึ่งมีผลิตภัณฑ์สดใหม่ ปลา และชีสท้องถิ่นให้เลือกซื้อหลากหลาย นอกจากนั้น ท่าเรือลาซเปเซียยังมีท่าน้ำมิราเบลโล (Porto Mirabello) แหล่งท่องเที่ยวใหม่ล่าสุดที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งคลับสระว่ายน้ำ ร้านค้า และร้านอาหารที่ให้มุมมองที่สวยงามได้ชื่นชมกับเหล่ายอร์ชสุดหรู ภายในเมืองคุณจะได้พบกับการเดินชมถนนที่เต็มไปด้วยตึกสวยในสไตล์ลิเบอร์ตี้ และสวนส้มที่ให้ความรู้สึกสดชื่น ทั้งหมดนี้ทำให้ลาซเปเซียไม่ใช่เพียงแค่จุดแวะพัก แต่ยังเป็นประตูสู่การค้นพบความงดงามแบบอิตาเลียนแท้ ๆ ที่คุณไม่ควรพลาด

ลิเวอร์โน่ (Livorno) เป็นท่าเรือที่นับเป็นเพชรเม็ดงามของอิตาลี และได้เปลี่ยนผ่านประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานตั้งแต่อดีต เมืองนี้เริ่มต้นจากการที่เคยถูกแบ่งเป็นของปิซาและเจนัว ก่อนที่จะถูกซื้อโดยฟลอเรนซ์ในปี 1421 เพื่อเปิดเส้นทางสู่ทะเล คอสิโมที่ 1 ได้เริ่มก่อสร้างท่าเรือในปี 1571 ทำให้เมืองนี้เป็นจุดหมายปลายทางทางทะเลสำคัญ ตลอดศตวรรษที่ 18 ลิเวอร์โน่เจริญรุ่งเรืองเป็นท่าเรือที่สำคัญ โดยเป็นที่ตั้งของกลุ่มคนหลากหลายเชื้อชาติ เช่น ชาวโรมันคาทอลิกจากอังกฤษ และชาวยิวและมอริชจากสเปน นอกจากนี้ยังมีอนุสาวรีย์ Quattro Mori ที่สร้างเพื่อระลึกถึงเฟร์ดินานโดที่ 1 แม้ว่าหลายส่วนของสถาปัตยกรรมในเมืองจะมีอายุหลังสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ลิเวอร์โน่เต็มไปด้วยสีสันของตลาดและวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยเฉพาะ Mercato Nuovo ที่มีสินค้าท้องถิ่นให้เลือกซื้อมากมาย ตั้งแต่อาหารสดจนถึงผลิตภัณฑ์อเมริกัน ที่พบได้จากฐานทัพอเมริกัน Camp Darby ที่ตั้งอยู่ใกล้เคียง หากคุณมีเวลา ลิเวอร์โน่เป็นสถานที่ที่ควรแวะรับประทานอาหารกลางวันหรือมื้อเย็นในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและความหลากหลายแห่งนี้ จะทำให้คุณรู้สึกประทับใจในเอกลักษณ์ของเมืองที่สวยงามและมีชีวิตชีวาเป็นอย่างยิ่ง
ท่าเรือปิโอมบิโนเป็นหนึ่งในจุดหมายที่สวยงามในอิตาลี ซึ่งตั้งอยู่ในแคว้นทัสคานี บริเวณชายฝั่งทะเลลีเกอร์จากอ่าวปิโอมบิโน ท่าเรือแห่งนี้เป็นประตูสู่การเดินทางขึ้นเรือสำราญที่เชื่อมโยงกับทุกความงามของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน พร้อมขั้นตอนการเดินทางที่สะดวกสบายที่สุด ท่าเรือปิโอมบิโนไม่เพียงเป็นศูนย์กลางการขนส่งที่สำคัญ ยังเป็นจุดเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบในการสำรวจเกาะที่มีชื่อเสียงในอิตาลี เช่น เกาะเอลบา ซึ่งนับเป็นหนึ่งในจุดหมายยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติที่บริสุทธิ์ และชายหาดที่งดงาม นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถสนุกสนานไปกับการเดินชมเมืองและทดลองชิมไวน์ท้องถิ่นในศูนย์ประวัติศาสตร์ของปิโอมบิโน ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และประวัติศาสตร์ที่หลากหลาย ด้วยการบริการที่หรูหราและทิวทัศน์ที่งดงาม การเดินทางมายังท่าเรือปิโอมบิโนไม่เพียงแค่การเริ่มต้นของการผจญภัยทางทะเล แต่ยังเป็นโอกาสในการสร้างความทรงจำอันแสนประทับใจ ที่จะทำให้คุณอยากกลับมาอีกครั้ง นี่คือสถานที่ที่คุณจะได้พบกับการเดินทางที่เหนือระดับและประสบการณ์อันยากจะลืมเลือนในทุกๆ ครั้งที่มาเยือน.

ท่าเรือบาสเชีย ตั้งอยู่ในเมืองบาสเชีย ซึ่งเป็นเมืองหลวงทางตอนเหนือของเกาะคอร์ซิกา เมืองนี้มีบรรยากาศอิตาเลียนที่โดดเด่น ผสานอุตสาหกรรมและการค้าได้อย่างลงตัว ตลอดจนความน่าสนใจของประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม มีสองย่านที่เป็นที่รู้จัก ได้แก่ เทอรา เวคเชีย ย่านเก่าแก่ที่แสนมีเสน่ห์ และเทอรา โนวา ย่านที่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลากลางเก่าแก่ บาสเชียเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ซึ่งรวมถึงจัตุรัสเซนต์นิโคลัส จุดรวมของเมืองที่เปิดโล่งสู่ทะเล พร้อมกับคาเฟ่และต้นไม้ร่มรื่นที่เหมาะสำหรับการพักผ่อน นอกจากนี้ ย่านโบราณยังมีโบสถ์ประดับประดาอย่างงดงาม และทิวทัศน์อันงดงามของท่าเรือเก่า ที่สะท้อนถึงความรุ่งเรืองในอดีต สำหรับการช็อปปิ้ง ถนน Boulevard Paoli และ Rue Cesar Campinchi อยู่ห่างจากท่าเรือเพียงไม่ถึง 500 เมตร รวมทั้งสามารถลิ้มรสอาหารฝรั่งเศสและคอร์ซิกาได้ที่ร้านอาหารบริเวณท่าเรือ โดยที่นี่ยังมีของฝากน่าสนใจ เช่น น้ำผึ้ง ไวน์ และลิเคียวร์ การเที่ยวชมที่ท่าเรือบาสเชียจะเปิดโอกาสให้คุณดื่มด่ำบรรยากาศของเกาะคอร์ซิกาในแบบที่แท้จริง การเดินเล่นในย่านเก่าและสัมผัสประวัติศาสตร์จะทำให้คุณมีความทรงจำอันล้ำค่า ไม่ควรพลาดสำหรับการเดินทางสุดหรูจากเรือสำราญของคุณ!

โอลเบีย (Olbia) ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของซาร์ดิเนีย เป็นท่าเรือที่มีบรรยากาศคึกคักและเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญสำหรับเรือเฟอร์รี่จากแผ่นดินใหญ่ที่เข้าเทียบท่าในอ่าวที่กว้างใหญ่และสวยงาม ท่ามกลางรีสอร์ทหรูหราและชายหาดที่งดงาม ท่านจะได้สัมผัสความมีชีวิตชีวาของเมืองที่มีประชากรประมาณ 60,000 คน ไม่ควรพลาดการเยี่ยมชมโบสถ์ซานซิมปลิซิโอ (San Simplicio) ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากโคร์โซ อุมแบร์โต (Corso Umberto) และสถานีรถไฟ โบสถ์นี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 11 เป็นส่วนหนึ่งของโครงการก่อสร้างโบสถ์ของชาวปีซา โดยมีการใช้หลักการสร้างจากอาคารโรมันในอดีต ภายในมีบรรยากาศที่เงียบสงบ สร้างความรู้สึกสงบเย็นด้วยซุ้มประตูที่เรียบง่ายและเสาหินที่ดูน่าทึ่ง ด้วยความสวยงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมที่หลากหลาย โอลเบียจึงเป็นจุดหมายปลายทางที่นักเดินทางไม่ควรพลาด โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบการสำรวจประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น เต็มไปด้วยเสน่ห์และกลิ่นอายของซาร์ดิเนีย ให้คุณหลงใหลในเส้นทางการเดินทางนี้ไปตลอดกาล.

เมื่อคุณเดินทางมาถึงท่าเรือซิวิต้เวคเคียในอิตาลี บรรยากาศสไตล์อิตาเลียนกำลังรอคอยการค้นพบของคุณอยู่ เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของกรุงโรมซึ่งมีอายุกว่า 2,500 ปี ที่ซึ่งมีอาณาจักรจักรพรรดิ พระสันตะปาปา ศิลปิน และผู้คนธรรมดา ได้สร้างมรดกที่ไม่อาจลืมเลือน ตั้งแต่ซากโบราณของกรุงโรมไปจนถึงศิลปะในโบสถ์ที่เต็มไปด้วยความงดงาม และสมบัติอันล้ำค่าของนครวาติกัน ไม่ว่าคุณจะตั้งใจเดินเที่ยวชม Colosseum ที่เป็นสัญลักษณ์ วัด Pantheon อันยิ่งใหญ่ หรือจะใช้เวลาเพลิดเพลินที่ Campo de' Fiori ด้วยกาแฟสักถ้วยในยามสาย การเดินทางนี้จะทำให้คุณรู้สึกเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์อันยาวนาน และสัมผัสบรรยากาศแห่งความมีชีวิตชีวาในทุก ๆ มุมมอง ที่นี่คุณยังสามารถเลือกที่จะผ่อนคลายท่ามกลางความสงบในจัตุรัสที่มีเสน่ห์ ใช้เวลาชมผู้คนและดื่มด่ำกับชัยชนะของการใช้ชีวิตอย่างช้าๆ การสำรวจซิวิต้เวคเคียและกรุงโรมจะเป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน โดยจะเชื่อมโยงคุณกับวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของอิตาลีในทุกย่างก้าวที่คุณเดิน ทุกๆ สนามหญ้าและจุดหมาย เป็นข้อเสนอที่อัดแน่นไปด้วยความงดงามและแรงบันดาลใจที่คิดไม่ถึง

ท่าเรือซาเลร์โน (Salerno) ตั้งอยู่บนอ่าวซาเลร์โนในประเทศอิตาลี เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าหลงใหลไม่เพียงแต่ด้วยทิวทัศน์ทะเลที่งดงาม แต่ยังอัดแน่นด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันลึกซึ้ง ซาเลร์โนมีชื่อเสียงเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยการแพทย์แห่งแรกของโลก ส่งผลให้เมืองนี้เป็นศูนย์กลางด้านความรู้และการศึกษาในสมัยโบราณ นักท่องเที่ยวที่แวะมาที่นี่จะได้สัมผัสกับอากาศบริสุทธิ์และแสงแดดอ่อนๆ พร้อมกับการเดินเล่นตามชายหาดที่มีทรายละเอียดทำให้รู้สึกผ่อนคลายใจกลางทัศนียภาพที่สวยงาม ชิมอาหารอิตาเลียนแท้ ๆ ที่หลากหลาย ทั้งพาสต้า วุ้นเส้น และอาหารทะเลสดใหม่ที่ปรุงอย่างพิถีพิถันจากฝีมือเชฟในท้องถิ่น ทำให้ทุกมื้อเป็นประสบการณ์พิเศษ นอกจากนี้ ซาเลร์โนยังเป็นประตูสู่แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอื่น ๆ อาทิเช่น ชายฝั่งอามาลฟี (Amalfi Coast) ที่โด่งดังในเรื่องความสวยงามของธรรมชาติและหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ รวมทั้งเมืองอามาลฟีและโพสิตาโนที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด ด้วยบรรยากาศที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และวัฒนธรรม, ท่าเรือซาเลร์โนคือไม่เพียงแค่จุดแวะที่ครบครัน แต่ยังเป็นสถานที่ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนใฝ่ฝันถึงการเดินทางในอิตาลีที่น่าตื่นเต้นนี้อย่างแท้จริง












เจ้าของสวีทใหม่ที่มีการออกแบบอย่างหรูหราและเฟอร์นิเจอร์ที่มีเอกลักษณ์จำนวนหกห้อง เป็นห้องที่มักถูกจองอย่างรวดเร็ว สวีทเหล่านี้กว้างใหญ่ถึงประมาณ 1,000 ตารางฟุต และเป็นโอเอซิสแห่งความเงียบสงบและการผ่อนคลาย เพลิดเพลินกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน โดยมีห้องน้ำที่ได้รับการออกแบบใหม่สุดหรูซึ่งมีฝักบัวขนาดใหญ่ สวีทยังมีระเบียงไม้สักส่วนตัว และโทรทัศน์จอแบนสองเครื่องเพื่อความสะดวกสบายที่สุด นอกจากนี้ ผู้เข้าพักยังได้รับสิทธิพิเศษมากมาย อาทิ บริการซักรีดฟรีสูงสุดสามกระเป๋าต่อห้อง บริการผู้ช่วยส่วนตัว 24 ชั่วโมง และการเข้าถึงสปา Aquamar Terrace อย่างไม่จำกัด ทั้งนี้ยังมีการต้อนรับด้วยแชมเปญฟรีและชุดของขวัญจากบุลการี รวมทั้งสิทธิพิเศษในการจองร้านอาหารและบริการอื่นๆ เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่ไม่เหมือนใครในทุกมิติของความหรูหราในเจ้าของสวีทแห่งนี้







ห้องพักชื่อว่า วิสตา สวีท มอบวิวที่งดงามไปยังส่วนหน้าเรือ คุณจะพบกับสีสันที่สงบซึ่งสื่อถึงทะเลที่เงียบสงบและท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ ห้องพักแต่ละห้องมีขนาดกว้างถึง 786 ตารางฟุต พร้อมทุกความสะดวกสบายที่คาดหวัง รวมถึงห้องน้ำที่สองสำหรับแขก และห้องน้ำหลักที่ตกแต่งด้วยหินออนิกซ์ หินอ่อนคารารา และหินแกรนิต พร้อมฝักบัวอาบน้ำสุดหรู คุณสามารถนั่งพักผ่อนบนระเบียงไม้ทีคหรือชมภาพยนตร์ผ่านระบบบันเทิงที่ปรับแต่งตามความต้องการของคุณ นอกจากนี้ ห้อง วิสตา สวีท ยังมีบริการพิเศษเพิ่มเติม เช่น บริการซักรีดฟรีสูงสุด 3 ถุงต่อห้องพัก การลงทะเบียนขึ้นเรือเวลา 11.00 น. ด้วยความสำคัญ รวมถึงบริการผู้ช่วยส่วนตัวตลอด 24 ชั่วโมง บาร์ในห้องพักที่มีเครื่องดื่มคุณภาพสูงและไวน์ 6 ขวดฟรี น้ำผลไม้สดที่เติมวันต่อวัน และการสำรองที่นั่งในร้านอาหารพิเศษออนไลน์ล่วงหน้า นอกจากนี้ยังมีการเข้าถึง Aquamar Spa Terrace แบบไม่จำกัด ไอแพดให้บริการตามคำขอ และชุดของขวัญจากแบรนด์บูร์การิ สิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลาย รวมถึงผ้าห่มแคชเมียร์และตัวเลือกของหมอนจากคอลเลกชันสุดหรู โปรดทราบว่าสูบบุหรี่ในห้องพัก ห้องสเตเตอร์รูมและบนระเบียงเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างเคร่งครัด




เพนท์เฮาส์สวีทของเราเป็นห้องขนาด 322 ตารางฟุตที่ประดับประดาด้วยผ้าหรูหราและเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์ในโทนสีสงบสุขของทะเลและท้องฟ้า ห้องนี้กว้างขวางพอสำหรับการรับประทานอาหารในห้องส่วนตัว พื้นที่นั่งเล่นมีมินิบาร์เย็นๆ และโต๊ะเครื่องแป้ง ในขณะที่ห้องน้ำได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อให้มีการตกแต่งด้วยหินหรูหราและฝักบัวอาบน้ำที่ทันสมัย เพนท์เฮาส์สวีทยังมอบสิทธิประโยชน์มากมาย เช่น บริการซักรีดฟรีสูงสุด 3 ถุงต่อห้อง, การขึ้นเรือในเวลา 11.00 น. โดยมีการจัดส่งกระเป๋าอย่างเร่งด่วน, การบริการบัตเลอร์ตลอด 24 ชั่วโมง, แชมเปญต้อนรับฟรี, การจองร้านอาหารพิเศษออนไลน์ลำดับความสำคัญ, การเข้าถึง Aquamar Spa Terrace อย่างไม่จำกัด, iPad® สำหรับความบันเทิงขณะอยู่บนเรือตามคำขอ, ถุงผ้าสะพายแบรนด์ Oceania Cruises และกระดาษจดหมายส่วนตัว, ผ้าห่มแคชเมียร์สำหรับการพักผ่อนบนระเบียง, บริการขัดรองเท้าฟรี และบริการรีดผ้าฟรีเมื่อขึ้นเรือ โปรดทราบว่าการสูบบุหรี่ในห้องสวีท, ห้องพัก และบนระเบียงเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างเคร่งครัด



ระดับห้องพักคอนเซียร์จพร้อมระเบียง (Category A Concierge Level Veranda Staterooms) ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ต้องการมากที่สุดบนเรือ นำเสนอการผสมผสานระหว่างคุณค่าและความหรูหราอย่างลงตัว ห้องพักขนาด 216 ตารางฟุตนี้ได้รับการออกแบบใหม่อย่างทันสมัย มอบสิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นที่ต้องการและสิทธิพิเศษเฉพาะ เช่น บริการซักรีดฟรี ทำให้การเข้าพักของคุณไร้กังวลยิ่งขึ้น การตกแต่งใหม่ที่สดใส เตียง Tranquility ที่นุ่มสบาย และระเบียงที่ได้รับแรงบันดาลใจใหม่พร้อมเฟอร์นิเจอร์ที่มีสไตล์ ครบครันประสบการณ์คอนเซียร์จอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ยังมีสิทธิพิเศษเฉพาะสำหรับผู้เข้าพักในห้องคอนเซียร์จ เช่น บริการซักรีดฟรีสูงสุดถึง 3 ถุงต่อห้องพัก เมนูบริการอาหารกลางวันและอาหารเย็นที่ขยายออกจากห้องอาหารหลัก การขึ้นเรือในช่วงกลางวันอย่างมีลำดับความสำคัญ ขวดแชมเปญต้อนรับฟรี การจองร้านอาหารพิเศษออนไลน์ล่วงหน้าอย่างมีลำดับความสำคัญ การเข้าถึง Aquamar Spa Terrace ได้ไม่จำกัด iPad® ที่สามารถขอใช้ได้เมื่ออยู่บนเรือ กระเป๋าผ้าลาย Oceania Cruises ฟรี ผ้าห่มแคชเมียร์ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนบนระเบียง และบริการรีดเสื้อผ้าฟรีเมื่อขึ้นเรือ โดยห้ามสูบบุหรี่ในห้องและบริเวณระเบียงโดยเด็ดขาด ไม่ว่าคุณจะมองหาความสะดวกสบายหรือหรูหรา ห้องพักนี้ตอบสนองความต้องการของคุณได้อย่างครบถ้วน




ระเบียง客艙 ขนาด 216 ตารางฟุต ถูกออกแบบอย่างหรูหราด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ปรับแต่งเฉพาะตัว, การตกแต่งด้วยหินที่แปลกใหม่, เตียงหัวนุ่ม และโคมไฟที่มีสไตล์ ทำให้คุณได้สัมผัสความหรูหราแบบไม่ซ้ำใคร นอกเหนือจากการชมวิวที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาแล้ว ห้องพักยังมีระเบียงไม้สักส่วนตัว ซึ่งคือความสะดวกสบายที่ผู้เข้าพักประทับใจมากที่สุด สะดวกสบายในแต่ละห้องพักประกอบไปด้วยโต๊ะแต่งตัว, มินิบาร์ที่มีความเย็น, โต๊ะสำหรับรับประทานอาหารเช้า และพื้นที่นั่งเล่นที่กว้างขวาง สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกพิเศษในระเบียง客艙 ได้แก่ เตียง Tranquility Bed ที่เป็นเอกสิทธิ์ของ Oceania Cruises ปลอกผ้าปูที่นอนด้าย 1,000 เส้น, เครื่องดื่มอ่อนที่เติมฟรีทุกวันในมินิบาร์, น้ำ Vero ทั้งแบบธรรมดาและแบบซ้ำ, อุปกรณ์บูลการิ, บริการรูมเซอร์วิสตลอด 24 ชั่วโมง, บริการทำความสะอาดวันละสองครั้ง, ช็อกโกแลตเบลเยียมในช่วงคืน, ระบบทีวีแบบอินเตอร์แอคทีฟพร้อมภาพยนตร์ตามสั่ง, การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตไร้สายและบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่, โต๊ะเขียนหนังสือพร้อมเอกสาร, ผ้าขนหนูฝ้ายเนื้อนุ่ม, เสื้อคลุมและรองเท้าใส่ในบ้านที่หนา, ไดร์เป่าผมแบบพกพา, ตู้นิรภัยเพื่อความปลอดภัย ห้ามสูบบุหรี่ในห้องสวีท ห้องพัก และบนระเบียงโดยเด็ดขาด


ห้องพักเดลักซ์วิวทะเลขนาด 165 ตารางฟุตได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อให้รู้สึกกว้างขวางยิ่งขึ้น ด้วยพื้นที่นั่งเล่นที่กว้างขวาง โต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เย็นขนาดเล็ก และโต๊ะสำหรับรับประทานอาหารที่ได้รับการตกแต่งด้วยเฉดสีที่นุ่มนวลและวัสดุที่มีสไตล์ การตกแต่งที่ทันสมัยช่วยให้ผู้เข้าพักรู้สึกผ่อนคลายและหรูหราทุกครั้งที่เข้าพัก ห้องพักนี้มีบริการฟรีต่างๆ อาทิ เครื่องดื่มอัดลมที่เติมให้ทุกวัน น้ำ Vero ที่ให้บริการทั้งแบบไม่มีอากาศและแบบมีอากาศ ตลอดจนบริการรูมเซอร์วิสตลอด 24 ชั่วโมง ที่นี่ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่คัดสรรมาสำหรับคุณ อาทิเช่น เตียง Tranquility ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Oceania Cruises ชุดอุปกรณ์ Bulgari การทำความสะอาดห้องสองครั้งต่อวัน และระบบโทรทัศน์แบบอินเตอร์แอคทีฟที่มีภาพยนตร์ตามสั่ง นอกจากนี้ยังมีบริการอินเตอร์เน็ตแบบไร้สายและการเข้าถึงเครือข่ายมือถือ โต๊ะเขียนหนังสือและอุปกรณ์การเขียน ผ้าขนหนู ฝาโรบิน และรองเท้าอาบน้ำที่นุ่มสบาย ไดร์เป่าผมแบบมือถือ ตู้นิรภัย และช็อกโกแลตเบลเยี่ยมในบริการนอนเสริม โดยเฉพาะสำหรับห้องพักที่มีความต้องการพิเศษ จะมีการจัดเตรียมให้มีพื้นที่สำหรับอุปกรณ์ช่วยยก ชุดประตูห้องน้ำขนาดใหญ่ ราวจับในห้องน้ำ และห้องน้ำที่ออกแบบให้เข้าถึงได้สะดวกแบบไม่มีรอบสูง รวมถึงอ่างอาบน้ำ วางแผนการพักผ่อนหรูหราของคุณได้แล้ววันนี้ในห้องพักเดลักซ์วิวทะเลที่รอให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์อันน่าประทับใจนี้!


ห้องพัก客艙วิวทะเล (D) ขนาด 165 ตารางฟุตที่ได้รับการออกแบบอย่างมีเสน่ห์ นำเสนอการตกแต่งที่ทันสมัยและสะดวกสบาย ซึ่งคิดค้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พื้นที่และความสะดวกสบาย ห้องพักนี้มีมุมพักผ่อนที่สะดวกสบาย พร้อมโซฟาที่ให้คุณยืดตัวออกได้, โต๊ะทำงาน, โต๊ะสำหรับรับประทานอาหารเช้า และมินิบาร์ที่มีตู้เย็น ภายในห้องยังมีบริการสิ่งอำนวยความสะดวกฟรี เช่น น้ำอัดลมเติมให้รายวันในมินิบาร์, น้ำ Vero ที่เป็นทั้งน้ำเปล่าและน้ำอัดลมฟรี และบริการรูมเซอร์วิสตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้คุณยังจะได้สัมผัสกับเตียง Tranquility ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Oceania Cruises, สินค้าอาบน้ำ Bulgari, บริการทำความสะอาดห้องพักวันละสองครั้ง, ระบบโทรทัศน์อินเตอร์แอคทีฟที่มีภาพยนตร์ตามสั่ง และการบริการอินเทอร์เน็ตไร้สาย พร้อมการบริการของเจ้าหน้าที่ ที่จัดเตรียมผ้าขนหนู, เสื้อคลุม, และรองเท้าอาบน้ำที่ทำจากผ้าฝ้ายคุณภาพสูง พร้อมบริการเปลี่ยนให้ตื่นขึ้นมาพร้อมช็อกโกแลตเบลเจียน นอกจากนี้ยังมีเครื่องเป่าผม, ตู้นิรภัย, และการบริการที่ไม่อนุญาตให้สูบบุหรี่ในห้องพักหรือระเบียงทางเดินอีกด้วย


ห้องพักมองเห็นทะเล (E) ตั้งอยู่ใจกลางชั้น 6 ขนาด 143 ตารางฟุต โดยมีการออกแบบที่สดใหม่พร้อมหน้าต่างพาโนรามาที่มองเห็นวิวสวยงาม แม้จะมีมุมมองที่ถูกบังบางส่วน ห้องพักนี้มีโต๊ะเครื่องแป้ง มินิบาร์แบบเย็น โต๊ะสำหรับทานอาหารเช้า และตู้เสื้อผ้าที่กว้างขวาง สิ่งอำนวยความสะดวกได้แก่ เตียง Ultra Tranquility ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Oceania Cruises, ผลิตภัณฑ์ดูแลจาก Bulgari, ช็อกโกแลตเบลเยี่ยมสุดพิเศษพร้อมบริการจัดเตียงประจำทุกคืน, บริการห้องพักตลอด 24 ชั่วโมงฟรี, โทรทัศน์จอแบนพร้อมเครื่องเล่น DVD และสื่อมากมาย รวมถึงการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตไร้สายและบริการโทรศัพท์มือถือ ห้องพักยังมีโต๊ะเขียนหนังสือพร้อมอุปกรณ์ต่างๆ, ผ้าขนหนู ผ้านวม และรองเท้าอาบน้ำที่นุ่มสบาย, ไดร์เป่าผมแบบพกพา, และตู้นิรภัยเพื่อความปลอดภัย โดยห้องพักทั้งหมดและห้องชุดจะปลอดบุหรี่。


重新設計的ห้องพักภายใน以現代風格為特色,擁有160平方英尺的奢華空間。這個愉悅的私人度假空間包括舒適的座位區、化妝台、冰箱迷你酒吧及充足的儲物空間,而巧妙的空間利用更襯托出全新的裝飾風格。 這個房型的住客可享受多項免費設施,包括每日補充的飲料、靜水與氣泡水以及24小時房務菜單。房內配備了專屬的Tranquility床、Bulgari洗浴用品、每日兩次的客房清潔服務,以及互動電視系統,提供隨需應變的電影和天氣資訊。無線網絡及行動電話服務隨時可用,還配有書寫桌和文具、柔軟的棉質毛巾、浴袍及拖鞋,並提供手持吹風機、安全保險箱及晚間服務的比利時巧克力。您在此的放鬆經歷將無與倫比,然而請注意,所有套房和客艙均禁止吸煙。

ห้องพักริมทะเลสำหรับเดี่ยว ขนาด 143 ตารางฟุต เป็นพื้นที่พักผ่อนที่สมบูรณ์แบบสำหรับนักเดินทางคนเดียว ตั้งอยู่ในทำเลที่สะดวกสบายบนชั้น 6 ห้องพักทุกห้องมีเตียง Tranquility Bed ที่หลับสบายอย่างยิ่ง มินิบาร์ที่มีความเย็น และโต๊ะเขียนหนังสือ พร้อมด้วยพื้นที่เก็บของที่กว้างขวาง ทำให้คุณรู้สึกสะดวกสบายตลอดการเข้าพัก.