
02-27217300
02-27217179
service@siloahtravel.com
Monday ~ Friday 09:00-18:00
14F.-3, No.137, Sec. 1, Fuxing S. Rd., Da’an Dist., Taipei City 106, Taiwan
Representative: Tung-Hua Tai
VAT: 43871553
交觀甲793500 品保北2260 隱私權條款
Copyright © 2025 Siloah Travel Co., Ltd.. All rights reserved.

โอเชียนิอามารินา
โอเชียเนีย ครูซส์


เมื่อคุณเดินทางมาถึงท่าเรือซิวิต้เวคเคียในอิตาลี บรรยากาศสไตล์อิตาเลียนกำลังรอคอยการค้นพบของคุณอยู่ เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของกรุงโรมซึ่งมีอายุกว่า 2,500 ปี ที่ซึ่งมีอาณาจักรจักรพรรดิ พระสันตะปาปา ศิลปิน และผู้คนธรรมดา ได้สร้างมรดกที่ไม่อาจลืมเลือน ตั้งแต่ซากโบราณของกรุงโรมไปจนถึงศิลปะในโบสถ์ที่เต็มไปด้วยความงดงาม และสมบัติอันล้ำค่าของนครวาติกัน ไม่ว่าคุณจะตั้งใจเดินเที่ยวชม Colosseum ที่เป็นสัญลักษณ์ วัด Pantheon อันยิ่งใหญ่ หรือจะใช้เวลาเพลิดเพลินที่ Campo de' Fiori ด้วยกาแฟสักถ้วยในยามสาย การเดินทางนี้จะทำให้คุณรู้สึกเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์อันยาวนาน และสัมผัสบรรยากาศแห่งความมีชีวิตชีวาในทุก ๆ มุมมอง ที่นี่คุณยังสามารถเลือกที่จะผ่อนคลายท่ามกลางความสงบในจัตุรัสที่มีเสน่ห์ ใช้เวลาชมผู้คนและดื่มด่ำกับชัยชนะของการใช้ชีวิตอย่างช้าๆ การสำรวจซิวิต้เวคเคียและกรุงโรมจะเป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน โดยจะเชื่อมโยงคุณกับวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของอิตาลีในทุกย่างก้าวที่คุณเดิน ทุกๆ สนามหญ้าและจุดหมาย เป็นข้อเสนอที่อัดแน่นไปด้วยความงดงามและแรงบันดาลใจที่คิดไม่ถึง

ท่าเรือลาซเปเซีย (La Spezia) เป็นจุดหมายปลายทางที่มีเสน่ห์ซ่อนเร้นอยู่ในอิตาลี นอกเหนือจากการเป็นท่าเรืออุตสาหกรรมที่สำคัญสำหรับการเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังอย่างชิงเคว เทเร่ (Cinque Terre) และปอร์ตอเวเนเร่ (Portovenere) ที่นี่ยังมีบรรยากาศที่เงียบสงบและเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติริมชายฝั่ง โดยเฉพาะในช่วงเช้าของวันจันทร์ถึงเสาร์ คุณจะได้สัมผัสกับความมีชีวิตชีวาของตลาดกลางแจ้งที่จัดขึ้นที่จัตุรัสกาเวอร์ (Piazza Cavour) ซึ่งมีผลิตภัณฑ์สดใหม่ ปลา และชีสท้องถิ่นให้เลือกซื้อหลากหลาย นอกจากนั้น ท่าเรือลาซเปเซียยังมีท่าน้ำมิราเบลโล (Porto Mirabello) แหล่งท่องเที่ยวใหม่ล่าสุดที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งคลับสระว่ายน้ำ ร้านค้า และร้านอาหารที่ให้มุมมองที่สวยงามได้ชื่นชมกับเหล่ายอร์ชสุดหรู ภายในเมืองคุณจะได้พบกับการเดินชมถนนที่เต็มไปด้วยตึกสวยในสไตล์ลิเบอร์ตี้ และสวนส้มที่ให้ความรู้สึกสดชื่น ทั้งหมดนี้ทำให้ลาซเปเซียไม่ใช่เพียงแค่จุดแวะพัก แต่ยังเป็นประตูสู่การค้นพบความงดงามแบบอิตาเลียนแท้ ๆ ที่คุณไม่ควรพลาด

เซนต์-ทรอเปซ หรือ Saint-Tropez เมืองเมดิเตอร์เรเนียนที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ไม่เพียงแค่เป็นท่าเรือที่งดงาม แต่มันยังเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความหรูหราและวัฒนธรรมที่หลากหลาย เมืองนี้ทำให้เราหลงใหลตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้าสู่ท่าเรือ มีร้านกาแฟสวยงามที่เสิร์ฟกาแฟในราคาสูง ถึงแม้จะมีทัศนียภาพของเมืองเก่าที่สวยงาม แต่ก็มีกฎเกณฑ์ที่แตกต่างออกไปที่ทำให้การเดินทางมาที่นี่สุดวิเศษ เซนต์-ทรอเปซเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกเพราะ "บริจิตต์ บาร์โด" ดาราฮอลลีวูดชื่อดังที่เคยมากับโรเจอร์ วาดิม เมื่อปี 1956 จุดเริ่มต้นแห่งความโด่งดังทำให้เมืองนี้กลายเป็นแหล่งรวมของเศรษฐีและคนมีชื่อเสียงจากทั่วทุกมุมโลก ทั้งยังเต็มไปด้วยงานปาร์ตี้สุดหรูและยอมหรูซึ่งผู้คนต่างมารวมตัวกันเพื่อสนุกสนานในบรรยากาศที่มีชีวิตชีวา ที่นี่คุณจะได้สัมผัสกับชายหาดที่งดงาม ร้านขายของที่มีเสน่ห์ และบ้านเรือนไฮโซที่โดดเด่น เช่นเดียวกับนักเขียนและศิลปินชื่อดังที่ในอดีตเคยมาเยือน ที่เซนต์-ทรอเปซเป็นสถานที่ที่มีความลับซ่อนอยู่มากมาย แม้จะมีคนหนาแน่นในฤดูร้อน แต่ความเย้ายวนใจและเสน่ห์ของที่นี่กลับทำให้เราไม่อาจต้านทานได้ และยากที่จะหาเมืองไหนที่สามารถดึงดูดบรรดานักท่องเที่ยวได้เท่านี้อีกแล้ว

บาร์เซโลนา สเปน เมืองที่ไม่เคยหลับใหล เต็มไปด้วยสีสันและชีวิตที่คึกคัก เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด ด้วยเสน่ห์ที่ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมโบราณและทันสมัย บาร์เซโลนาพร้อมให้คุณลิ้มรสประสบการณ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่ทิวทัศน์งดงามของย่านบาร์รี โกธิค (Barri Gòtic) ที่เต็มไปด้วยซอกมุมแห่งประวัติศาสตร์ ไปจนถึงความสวยงามของงานศิลปะและสถาปัตยกรรมแบบนูโวที่ไม่ซ้ำใคร การเดินเล่นเลียบเลาะเลนด์ลาฟลามบลา (La Rambla) และชายหาดบาร์เซโลเนต้า (Barceloneta) จะทำให้คุณได้สัมผัสกับบรรยากาศริมทะเลที่อบอุ่น และการชมโบสถ์ซากราดา ฟามีเลีย (Sagrada Família) ผลงานชิ้นเอกของอันโตนี เกาดี ที่สะท้อนถึงความละเอียดอ่อนทางศิลปะอย่างแท้จริง ไม่เพียงเท่านี้ บาร์เซโลนายังมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่และร้านค้าที่โดดเด่นที่จะทำให้คุณหลงใหลตลอดทั้งวัน สัมผัสวัฒนธรรมและความตื่นเต้นในยามค่ำคืนด้วยการเพลิดเพลินกับไวน์และอาหารท้องถิ่นในบาร์ทาปาสที่มีชีวิตชีวา ขอเชิญคุณมาสำรวจบาร์เซโลนา เมืองที่ดูแลคุณด้วยประสบการณ์ด้านรสชาติและความงามในทุกแง่มุม!


เมื่อคุณขึ้นเรือเข้ามาสู่ท่าเรือมาลาก้า คุณจะรู้สึกได้ถึงความงดงามของเมืองที่ตั้งอยู่ระหว่างชายฝั่งที่มีชื่อเสียงแห่งคอสตา เดล โซล (Costa del Sol) เมืองนี้เต็มไปด้วยสีสันและชีวิตชีวา ตั้งอยู่ในภูมิภาคลาซาร์กวา (La Axarquía) ที่มีกระท่อมประมง หากพูดถึงความเป็นแบบดั้งเดิมของสเปน นอกจากนี้ยังมีหมู่บ้านและทุ่งนา ที่รอให้คุณได้สัมผัสบรรยากาศชวนฝัน มาลาก้ายังเป็นศูนย์กลางการเข้าถึงเมืองต่าง ๆ ของอันดาลูเซียที่มีเสน่ห์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมที่น่าทึ่ง เช่น กรานาดาและเซบีย่า ในขณะที่ภูเขาเพนิเบติกา (Penibética) เป็นฉากหลังที่งดงาม ปกป้องเมืองจากลมหนาวจากทางเหนือ ทำให้ภูมิภาคนี้กลายเป็นสถานที่หลบภัยที่มีเสน่ห์และรักษาความอบอุ่นได้ตลอดทั้งปี มาลาก้าไม่เพียงแค่เป็นสถานที่ที่หยุดพักของเรือสำราญ แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยในสเปน ทั้งการชิมอาหารท้องถิ่นที่แสนอร่อย และการสำรวจความสวยงามของธรรมชาติที่รอให้คุณได้ค้นพบ เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับประสบการณ์ที่น่าจดจำภายใต้แสงแดดของคอสตา เดล โซล!

เซบียา หรือที่รู้จักในชื่อ Seville เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์และประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 2,200 ปี ตั้งอยู่ในเขตตะวันออกเฉียงใต้ของสเปน เมืองนี้ไม่เพียงแค่เป็นที่รู้จักในเรื่องฟลาเมงโก้ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ แต่ยังมีมรดกโลกที่ได้รับการยกย่องจากยูเนสโกถึงสามแห่ง ซึ่งทำให้เซบียาเป็นจุดหมายที่นักเดินทางไม่ควรพลาด เมืองนี้ยังเป็นสถานที่ที่เคยเป็นบ้านเกิดของศิลปินชื่อดัง ดิเอโก้ เวลาซเกซ และเป็นที่ฝังศพของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส นอกจากนั้น เซบียายังเป็นแรงบันดาลใจในผลงานของบิซเซต์ "คาร์เมน" และเคยเป็นฉากในซีรีส์ Game of Thrones ที่ได้รับความนิยมอีกด้วย สัมผัสความงดงามของเซบียาในถนนที่มีอายุนับศตวรรษ ที่นำเสนอร้านทาปาสเล็กๆ ที่เสิร์ฟอาหารที่อาจถือได้ว่าอร่อยที่สุดในดินแดนใต้ของมาดริด พร้อมกับความสวยงามของสถาปัตยกรรมมูเดฆาร์และสวนที่เต็มไปด้วยน้ำพุและต้นปาล์ม ที่นี่คือโลกแห่งความฝันที่พร้อมให้คุณสำรวจและดื่มด่ำกับวัฒนธรรมอันหลากหลายของสเปนอย่างแท้จริง

ท่าเรือคาซาบลังกาในโมร็อกโกคือหนึ่งในท่าเรือที่มีชีวิตชีวาที่สุดในโลกที่นักเดินทางหรูหราต้องไม่พลาด เมื่อเรือสำราญจอดเทียบท่าสู่เมืองคาซาบลังกา นอกจากจะได้สัมผัสกับบรรยากาศของท่าเรือแล้ว ยังสามารถลุยสำรวจเสน่ห์ของตัวเมืองที่ผสมผสานวัฒนธรรมยุโรป แอฟริกัน และอาหรับได้อย่างลงตัว การเดินผ่านเมืองท่าที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์อาร์ตเดโคและโคโลเนียลฝรั่งเศส คุณจะรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในภาพยนตร์คลาสสิก ด้วยอาคารเก่าแก่ ราคาเรื่อยๆ ของตลาดซูคที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ผู้ค้าในตลาดเหล่านี้จะส่งเสียงเรียกนักท่องเที่ยวด้วยความกระตือรือร้น สร้างบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาและน่าตื่นตาตื่นใจ แหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งคือเมืองเก่าเมดิน่า ที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ดั้งเดิมไว้ด้วยมัสยิดและบ้านเรือนที่สร้างขึ้นในสมัยของโมฮัมเหม็ด เบน อับดัลลาห์ ซึ่งคุณจะได้พบกับความงดงามของประวัติศาสตร์ ความหลากหลายของวัฒนธรรม และการต้อนรับอันอบอุ่นของชาวโมร็อกโก เมื่อมาเยือนคาซาบลังกาในครั้งนี้ คุณจะได้ค้นพบความมหัศจรรย์ที่ซ่อนอยู่ในมุมต่างๆ ของเมืองนี้ และดื่มด่ำกับประสบการณ์สุดพิเศษที่จะตราตรึงอยู่ในใจตลอดไป

อากาดีร์ เมืองท่าที่ตั้งอยู่ริมชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก สวยงามด้วยแนวชายหาดโค้งมน และถูกล้อมรอบด้วยเทือกเขาแอตลาส ที่นี่มีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ตั้งแต่สมัยปลายศตวรรษที่ 15 เมื่อชาวโปรตุเกสสร้างป้อมขึ้น โดยตั้งชื่อว่า ซานตาครูซ เดอ กีร์ นับตั้งแต่นั้นเมืองนี้ได้เติบโตเป็นท่าเรือที่มีชีวิตชีวาและรุ่งเรือง ในปี 1911 เมืองอากาดีร์กลายเป็นจุดสนใจระดับโลกเมื่อเรือประจัญบานของเยอรมนีเข้ามาในอ่าวเพื่อประท้วงการแบ่งพื้นที่ในแอฟริกาเหนือ ปัจจุบัน เมืองนี้เป็นที่รู้จักมากขึ้นหลังจากการได้รับเอกราชจากฝรั่งเศสในปี 1956 และยังต้องเผชิญกับภัยพิบัติแผ่นดินไหวในปี 1960 แต่ก็ได้ฟื้นตัวได้อย่างสง่างาม เมืองอากาดีร์เติมเต็มด้วยชายหาดทรายขาวละเอียด โรงแรมหรู และร้านอาหารที่มีสไตล์ นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถสัมผัสกับตลาดซุก (souks) ที่เต็มไปด้วยสินค้าท้องถิ่น สามารถทำให้คุณได้ช้อปปิ้งอย่างมีสีสัน ในขณะที่เหล่าพ่อค้าแม่ค้าก็พร้อมที่จะให้บริการคุณตลอดเวลา แค่เพียงก้าวแรก คุณจะได้พบกับมนตร์เสน่ห์ของอากาดีร์ ที่รอให้นักเดินทางอย่างคุณสัมผัสและสัมผัสประสบการณ์ที่น่าจดจำในดินแดนแห่งนี้

ลันซาโรเต (Lanzarote) เป็นเกาะที่มีวิวทิวทัศน์สวยงามแห่งหนึ่งในสเปน ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเขตอนุรักษ์ชีวมณฑลยูเนสโก (UNESCO Biosphere Reserve) เกาะนี้มีภูมิประเทศที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟในอดีต จึงมีลักษณะพื้นผิวที่โดดเด่นและน่าตื่นตาตื่นใจ นอกจากนี้ ตลอดชายหาดที่สวยงามและสภาพอากาศที่แทบไม่มีฝน ทำให้ลันซาโรเตกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก ท่าเรือหลักและเมืองหลวงของเกาะคือ อาเรซีเฟ (Arrecife) นั้นมีบรรยากาศที่น่าหลงใหล เต็มไปด้วยสวนสวยและริมน้ำที่ทันสมัย นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่รอบเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งแอ่งเกลือจานูเบียนที่มีสีขาวสว่างและภูเขาไฟไฟร์ที่มีทิวทัศน์ที่ดึงดูด ขับรถออกไปจากตัวเมืองก็จะพบกับถ้ำโลสเวอร์เดสที่มีบรรยากาศน่าขนลุก รวมถึงหมู่บ้านชาวประมงที่ยังคงสงบเงียบซึ่งถูกประดับแต่งด้วยความงามธรรมชาติ นอกจากนี้ เกาะลันซาโรเตยังเป็นที่รู้จักในด้านอาหารที่มีเอกลักษณ์ ซึ่งรวมถึงถั่วชิกพีสตูว์ (garbanzos compuestos) และมันฝรั่งกับผัก (papas arrugadas) ที่รสชาติสดใส ก่อนออกไปสำรวจ ให้ระวังโปรแกรมทัวร์ เพื่อให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์ที่ไม่ลืมเลือนในเกาะแห่งนี้อย่างเต็มที่

ซานตาครูซ เดอ เทเนริเฟ เป็นท่าเรือที่สำคัญในเกาะเทเนริเฟ ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะคานารี ประเทศสเปน สถานที่นี้มีเสน่ห์โดดเด่นด้วยแสงอาทิตย์ที่สดใสตลอดทั้งปี และมีภูเขาเทอิดที่เป็นไฮไลต์ของเกาะ ตั้งอยู่ใจกลางเกาะ แวดล้อมด้วยหุบเขาเขียวขจีที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ซานตาครูซซึ่งเคยเป็นหมู่บ้านชาวประมงขนาดเล็ก ปัจจุบันได้พัฒนาเป็นเมืองที่ทันสมัย โดยมีสถาปัตยกรรมที่งดงามจากศตวรรษที่ 16 ซึ่งสร้างสรรค์ขึ้นด้วยความพิถีพิถัน ทำให้เมืองนี้เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่น่าสนใจ นอกจากนี้ ยังมีสวนพฤกษศาสตร์ซานตาครูซ ปาเลมตัม ที่มีพื้นที่กว้างขวางถึง 29 เอเคอร์ ซึ่งเต็มไปด้วยต้นปาล์มหลากหลายสายพันธุ์ เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการเดินเล่นและสัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด หากคุณมาที่นี่ อย่าลืมสัมผัสบรรยากาศของเมือง และชื่นชมความงามของภูเขาเทอิดซึ่งเป็นจุดชมวิวที่ไม่ควรพลาด ด้วยประสบการณ์ที่น่าจดจำและความสวยงามแห่งธรรมชาติ ซานตาครูซ เดอ เทเนริเฟ จึงเป็นปลายทางที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวทุกคนที่มองหาการผจญภัยในสเปน

ซานตาครูซ เด ลา ปาลมา หรือที่รู้จักกันในนาม "ลาอิสลาบอนิตา" เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์ที่สุดในสเปน เกาะลา ปาลมามีธรรมชาติที่งดงามและเต็มไปด้วยป่าเขียวขจี รวมถึงป่าสนและไม้ลอเรลที่ตัดกับความยิ่งใหญ่ของอุโมงค์ภูเขาไฟตาบูเรียนเต ซึ่งเป็นจุดเด่นของเกาะนี้ ซานตาครูซ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของเกาะ เป็นสถานที่ที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับการสำรวจ ไม่ว่าจะเป็นการเดินชมความสวยงามของอาคารสถาปัตยกรรมเก่าแก่ในเขตเมืองเก่าหรือการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ ที่นี่มีสินค้าให้เลือกมากมาย ตั้งแต่เครื่องประดับเงินที่มีราคาย่อมเยา ไปจนถึงสินค้าหนังและสิ่งทอที่ได้รับการปักเย็บอย่างประณีต ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของหมู่เกาะคานารี อย่าลืมไปเยี่ยมชมโบสถ์แม่พระซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง เพื่อเพิ่มประสบการณ์การท่องเที่ยวให้หลากหลายยิ่งขึ้น หากคุณมองหาความสุขและความทรงจำที่น่าประทับใจ ซานตาครูซ เด ลา ปาลมาจะเป็นจุดหมายปลายทางที่คุณไม่ควรพลาดในการเดินทางของคุณ

เมื่อพูดถึงการเดินทางไปยังท่าเรือที่น่าตื่นตาตื่นใจในยุโรป ท่าเรือฟุนชาลที่ตั้งอยู่ในมอริกาขอแนะนำให้คุณได้สัมผัสกับความงดงามของเกาะมาเดราที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟ เมืองฟุนชาลเป็นเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และประวัติศาสตร์ ซึ่งถูกค้นพบโดยนักสำรวจชาวโปรตุเกส João Gonçalves Zarco ในปี 1419 และตั้งอยู่ห่างจากแม่น้ำโคปเรซัลในนามของการค้า โดยเกาะนี้ได้รับชื่อว่า 'มาเดรา' ซึ่งแปลว่า 'ไม้' ในภาษาโปรตุเกส นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกมาที่นี่เพื่อเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ที่หลากหลาย ตั้งแต่เนินเขาที่เต็มไปด้วยไร่องุ่นไปจนถึงหมู่บ้านที่สวยงามและดอกไม้ที่บานสะพรั่ง ความงามตามธรรมชาติของเกาะทำให้มันได้รับฉายาอันต่าง ๆ เช่น 'สวนลอยฟ้าบนมหาสมุทรแอตแลนติก' และ 'เกาะแห่งฤดูใบไม้ผลิที่ไม่มีที่สิ้นสุด' การเดินทางสำรวจเกาะนี้ถือเป็นการผจญภัยที่น่าจดจำ พร้อมกิจกรรมมากมายที่จัดเตรียมขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นถึงเสน่ห์และความงดงามของที่นี่ ฟุนชาลไม่เพียงแต่เป็นจุดหมายปลายทางของการล่องเรือสำราญ แต่ยังเป็นประตูที่คุณจะได้สัมผัสกับความงามและอารยธรรมที่หลากหลายของโปรตุเกสอย่างแท้จริง


ท่าเรือลิสบอนตั้งอยู่ริมน้ำแทกุส สร้างขึ้นบนเนินเขาสูงเจ็ดลูก ซึ่งทำให้ลิสบอนกลายเป็นเมืองที่งดงามและเปล่งประกายด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมที่หลากหลายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พร้อมทั้งรถรางไม้ที่ให้บรรยากาศย้อนยุค อันเป็นเอกลักษณ์ของเมืองแห่งนี้ ท่านจะได้เดินเล่นใน Praça do Comércio ซึ่งคือจัตุรัสอันกว้างใหญ่ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ที่ถูกออกแบบให้สวยงามโดยมาร์คิวสแห่งปอมบาล หลังจากแผ่นดินไหวที่ทำลายล้างในศตวรรษที่ 18 การเยี่ยมชมลิสบอนจึงไม่เพียงแค่ชมความงามพระอาทิตย์ตกแบบโรแมนติกใต้สะพาน 25 Abril แต่ยังมีกิจกรรมช้อปปิ้งและสัมผัสวัฒนธรรมในเมืองเก่า ที่สร้างอยู่บนเนินเขาที่ลาดเอียง การแวะเยือนของเรือสำราญที่ท่าเรือลิสบอนทำให้ท่านมีโอกาสสัมผัสทั้งวัฒนธรรมและความงามของเมืองที่ไม่สิ้นสุด ซึ่งรอให้คุณได้ค้นพบในทุกมุมถนน รับประสบการณ์อันหรูหราจากการเดินทางในครั้งนี้ และสัมผัสความมหัศจรรย์ของลิสบอนที่สามารถทำให้หัวใจคุณเต้นแรงได้ในทุก ๆ ช่วงเวลา

ท่าเรือที่สวยงามและเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอย่าง "โอปอร์ตู" (Oporto) คือเมืองที่สองที่ใหญ่ที่สุดในโปรตุเกส รองจากลิสบอน เมืองนี้มักถูกเรียกสั้นๆ ว่า "ปอร์โต" ซึ่งเป็นชื่อที่ทุกคนนึกถึงเมื่อพูดถึงองุ่นส่งตรงสำหรับผลิตไวน์พอร์ตที่มีชื่อเสียงระดับโลก ท่าเรือโอปอร์ตูตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโดรู และมีบทบาทสำคัญมาตั้งแต่อดีต เมื่อชาวโรมันสร้างป้อมปราการที่นี่ เพื่อควบคุมเส้นทางการค้า ด้วยการที่เมืองนี้คือจุดแวะสำคัญสำหรับเหล่าผู้จาริกแสวงบุญในอดีต ทำให้โอปอร์ตูร่ำรวยจากการค้าและการค้นพบทางทะเลในศตวรรษที่ 15 และ 16 การค้าขายไวน์พอร์ตกับอังกฤษในภายหลังยังทำให้เมืองนี้เกิดการเจริญรุ่งเรืองอย่างไม่หยุดยั้ง จนกระทั่งกลายเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์ ด้วยสะพานที่สวยงามข้ามแม่น้ำโดรู เสน่ห์ของย่านริมน้ำที่มีชีวิตชีวา และโรงไวน์พอร์ตที่มีชื่อเสียง เมืองนี้ไม่ได้เป็นเพียงจุดหมายปลายทาง แต่ยังเป็นศูนย์รวมวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่มีเอกลักษณ์ ออกแบบมาสำหรับผู้ที่มองหาประสบการณ์การเดินทางที่เหนือระดับ เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจในการค้นหาความงามของโลกที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในทุกมุมเมือง

ลาคอรุญ่า คือเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคกาลิเซีย ประเทศสเปน และเป็นหนึ่งในท่าเรือที่คึกคักที่สุดของประเทศ ตั้งอยู่ในมุมตะวันตกเฉียงเหนือของคาบสมุทรไอบีเรีย โดยมีทิวทัศน์ที่เขียวชอุ่มและหมอกลงหนา แตกต่างจากภูมิภาคอื่น ๆ ของสเปน ชื่อ "กาลิเซีย" มีรากศัพท์มาจากภาษาเซลติก ซึ่งเป็นที่อยู่ของเซลติคในช่วงศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์ศักราช ลาคอรุญ่า เคยเป็นท่าเรือที่สำคัญตั้งแต่สมัยโรมัน และพัฒนาเป็นศูนย์กลางการค้าขายที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 15 เมื่อได้รับสิทธิในการค้ากับอเมริกาในปี 1720 ความงดงามของลาคอรุญ่าสะท้อนผ่านอาคารแบบกระจกซึ่งทำให้เมืองนี้ได้รับชื่อว่า "เมืองแห่งคริสตัล" และสถานที่สำคัญอย่างจัตุรัสมาเรียพิทา ซึ่งเป็นเกียรติแก่หญิงผู้กล้าที่เคยปกป้องเมืองในปี 1589 ปัจจุบัน เมืองประกอบด้วยสามเขตที่แตกต่างกัน ได้แก่ เขตกลางเมือง ธุรกิจ และ “เอนซานเช่” ที่มีคลังสินค้าและโรงงาน อย่าพลาดโอกาสในการสำรวจวัฒนธรรมท้องถิ่นและสัมผัสกับประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของเมืองนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยความน่าสนใจและแรงบันดาลใจที่ทำให้ผู้มาเยือนต้องกลับมาอีกครั้ง.

ท่าเรือกิฮอน (Gijón) ประเทศสเปน เป็นจุดหมายที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยบรรยากาศที่ผสมผสานระหว่างประวัติศาสตร์และความทันสมัย ตั้งอยู่ริมทะเลในภูมิภาคอAsturias กิฮอนเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ด้วยหลักฐานทางโบราณคดีจากสมัยโรมัน เช่น สปา Campo Valdés ซึ่งมีอายุย้อนกลับไปถึงศตวรรษที่ 1 ที่เป็นจุดเด่นใจกลางเมืองและเป็นตัวแทนของประวัติศาสตร์อันรุ่งเรืองของเมือง ในอดีต กิฮอนเกือบถูกทำลายในศตวรรษที่ 14 แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นท่าเรือและเมืองอุตสาหกรรมที่เจริญรุ่งเรือง พื้นที่เมืองเต็มไปด้วยร้านกาแฟ อาหารท้องถิ่น และ sidrerías ร้านที่ขึ้นชื่อในเรื่องของแอปเปิ้ลซีดรา (Cider) ที่คุณไม่ควรพลาด ยามที่คุณเดินทางมาถึง ท่านยังสามารถพบกับชายหาดที่งดงามซึ่งเหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ เพิ่มเติมด้วยกิจกรรมหลากหลายที่น่าสนใจ ทำให้กิฮอนไม่เพียงแต่เป็นท่าเรือ แต่ยังเป็นจุดหมายที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา รอคอยให้คุณได้สัมผัสและค้นพบเสน่ห์ของเมืองนี้อย่างแท้จริง

บิลบาว (Bilbao) เมืองที่ตั้งอยู่ในแคว้นบาสก์ ของประเทศสเปน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางศิลปะและสถาปัตยกรรมได้สร้างความโดดเด่นให้กับเมืองนี้อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน หลังจากการเปิดตัวพิพิธภัณฑ์กุกเกนไฮม์ (Guggenheim Museum) ที่ออกแบบโดย Frank Gehry เมืองนี้ได้กลายเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมแห่งใหม่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างมากมาย นอกจากพิพิธภัณฑ์แล้ว สถานที่สำคัญอื่น ๆ เช่น สถานีรถไฟใต้ดินที่ออกแบบโดย Norman Foster และสวนสาธารณะ Abandoibarra ก็เป็นจุดเด่นที่ไม่ควรพลาดในการเยือนเมืองนี้ อย่าลืมเดินชมย่านเก่าของบิลบาวที่เรียกว่า "คาสโก วิเอโก" (Casco Viejo) ซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารที่มีเสน่ห์ แถมยังมีตลาดกลางแจ้งที่ Plaza Nueva ซึ่งจัดขึ้นทุกเช้าวันอาทิตย์ ในการเดินเล่นริมแม่น้ำเนร์บิโอ (Nervión) คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศอันงดงาม ที่มีความรุ่งเรืองจากอดีตสู่ปัจจุบัน สำหรับผู้หลงใหลในอาหาร บิลบาวมีชื่อเสียงด้านความอร่อย โดยเฉพาะอาหารบาสก์ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง และหากมีโอกาส อย่าลืมขึ้นรถราง Euskotram เพื่อสัมผัสการเดินทางริมแม่น้ำใจกลางเมือง มาร่วมตะลุยและค้นพบความงดงามของบิลบาว ที่คุณจะจดจำไปตลอดชีวิต!
เซนต์ฌอง-เดอ-ลูซ (Saint-Jean-de-Luz) เป็นท่าเรือที่สวยงามในเขตบาสก์ของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก เป็นจุดหมายที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นชายหาด ท่าเรือดั้งเดิม หรือบรรยากาศของชุมชนที่เป็นมิตรแห่งนี้ เมื่อคุณเดินทางมายังเซนต์ฌอง-เดอ-ลูซ คุณจะได้สัมผัสกับภูมิทัศน์ที่งดงามและทางเดินเลียบชายหาดที่เต็มไปด้วยความสดชื่น จากการชมเรือประมงที่จับปลาแบบดั้งเดิม คุณยังสามารถเดินเล่นในตรอกซอกซอยที่เต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารที่เสิร์ฟอาหารทะเลสดใหม่ โดยเฉพาะจานที่ทำจากกุ้งและปลาพื้นบ้าน อีกทั้งเซนต์ฌอง-เดอ-ลูซยังมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน หากคุณสนใจในวัฒนธรรม ท่านจะได้เยี่ยมชมโบสถ์เซนต์ฌอง-แบพติสต์ ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามและสำคัญในอดีต การเดินทางมาที่ท่าเรือนี้จึงไม่เพียงแค่การมาหยุดพักบนชายหาด แต่คือการค้นพบความงามและวัฒนธรรมที่ลึกซึ้งของฝรั่งเศสในทุกๆ มุมที่คุณไปเยือน และสร้างสรรค์ความฝันในทุกก้าวเดินของคุณในเมืองแห่งนี้



เซนต์-มาลโล (Saint-Malo) เมืองท่าแห่งความโรแมนติกที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งเหนือของฝรั่งเศส เป็นจุดหมายที่ต้องไปเยือนสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสกับประวัติศาสตร์แห่งการเดินเรือและความงดงามของทะเล นับตั้งแต่สมัยก่อน เซนต์-มาลโลได้ชื่อว่าเป็นแหล่งกำเนิดของนักเดินเรือที่ยิ่งใหญ่ รวมไปถึงนักสำรวจที่มีชื่อเสียงอย่าง ฌาค คาร์เตียร์ ผู้ซึ่งเคยประกาศสิทธิ์ในแคนาดาให้กับฝรั่งเศสในปี 1534 เมืองนี้เคยถูกเรียกว่า "เมืองโจรสลัด" เนื่องจากมีนักโจรสลัดชื่อก้องอย่าง โรเบิร์ต ซูร์คุฟ และดูเกย์-ทรูอิน ที่ทำให้เซนต์-มาลโลรุ่งเรืองจากการล่าเมืองต่างชาติ แม้ว่าในปี 1944 เซนต์-มาลโลจะได้รับความเสียหายจากไฟไหม้ที่เกิดจากการต่อสู้ในสงคราม แต่เมืองเก่าก็ได้รับการฟื้นฟูให้กลับคืนสู่ความงามเช่นเดิม ปัจจุบัน, นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่นในถนนแคบพอ ๆ กับสัมผัสความงามของบ้านหินแกรนิตในย่าน Vieille Ville และชมปราสาทที่ตั้งตระหง่าน ท่าเรือแห่งนี้ยังคงเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการพักผ่อนริมทะเล หากคุณต้องการหลีกหนีจากฝูงชน ควรมาที่นี่ในฤดูนอกฤดูท่องเที่ยว รอคอยที่จะสัมผัสกับมนต์เสน่ห์ที่ไม่ซ้ำใครของเซนต์-มาลโล สถานที่ที่เก็บรักษาประวัติศาสตร์และการผจญภัยในตำนานไว้อย่างน่าหลงใหล.

ในใจกลางของเกาะเกิร์นซีย์ จะมีท่าเรือที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อย่าง เซนต์ปีเตอร์พอร์ต ท่าเรือที่น่าหลงใหลนี้เป็นจุดหมายปลายทางที่คุณจะประทับใจตั้งแต่ก้าวแรก ด้วยถนนที่ปูด้วยหินและดอกไม้สวยงามที่เบ่งบานตามมุมถนนทุกเส้น รวมถึงโบสถ์เล็กๆ ที่ให้บรรยากาศอบอุ่นและโรแมนติก เป็นเมืองหลวงของเกิร์นซีย์ เซนต์ปีเตอร์พอร์ตมีทุกสิ่งที่คุณต้องการในการสำรวจสัมผัสประวัติศาสตร์ที่น่าทึ่งและชายหาดที่สวยงาม ที่สำคัญคือ ป้อมปราการเก่าแก่ของคาสเซิลคอร์เน็ต ที่มีอายุกว่าร้อยปี ตั้งตระหง่านอยู่เหนือท่าเรือ เป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดที่คุณจะได้เห็นทิวทัศน์อันงดงามของอ่าว และชายฝั่งของเกาะอื่นๆ ในช่องแคบอังกฤษ นอกจากนี้ ภายในคาสเซิลยังมีสวนสวย สถานที่จัดแสดงนิทรรศการทางประวัติศาสตร์ รวมถึงพิพิธภัณฑ์ที่นำเสนอเรื่องราวต่างๆ ของเกิร์นซีย์ ทำให้คุณต้องใช้เวลาสำรวจอย่างเพลิดเพลิน ไม่ว่าคุณจะเป็นนักท่องเที่ยวที่มองหาประสบการณ์การเดินทางที่แตกต่าง หรือผู้ที่ต้องการพักผ่อนในบรรยากาศที่เงียบสงบ เซนต์ปีเตอร์พอร์ตสามารถตอบโจทย์คุณได้อย่างครบถ้วน

ท่าเรือเลออาฟร์ (Le Havre) ตั้งอยู่ในนอร์มังดี ประเทศฝรั่งเศส เป็นท่าเรือที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ และมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ตั้งแต่ก่อตั้งโดยกษัตริย์ฟรานซิสที่ 1 ในปี 1517 ที่นี้เคยเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่ถูกพัฒนาขึ้นเมื่อหลายร้อยปีก่อน กลไกการพัฒนาของเมืองเป็นไปตามแผนที่สร้างสรรค์โดยสถาปนิกชื่อดังชาวเบลเยียม ออกุสต์ แปร์เร ซึ่งได้ออกแบบให้เมืองมีความสวยงามและมีเอกลักษณ์ โดยเฉพาะหลังจากที่เมืองต้องเผชิญกับการทำลายล้างในสงครามโลกครั้งที่สอง การฟื้นฟูเมืองเลออาฟร์ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกในปี 2005 ทำให้เมืองนี้กลายเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวที่แสวงหาความงดงามและประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสกับศิลปะและวัฒนธรรมท้องถิ่นในพิพิธภัณฑ์ รวมถึงเยี่ยมชมสถานที่สำคัญต่างๆ อาทิ ท่าเรือเก่าและโบสถ์ที่มีสถาปัตยกรรมที่ลงตัว ร่วมเดินทางไปกับทัวร์หรูที่ทำให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์อันเหลือเชื่อในเมืองเลออาฟร์แห่งนี้ ที่จะทำให้ทุกการเดินทางของคุณน่าจดจำยิ่งขึ้น

ท่าเรือเชอร์บูร์ก (Cherbourg) ตั้งอยู่ในภูมิภาคนอร์มังดีของฝรั่งเศส เป็นท่าเรือที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวซึ่งถูกออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดัง วอโบแซง ตั้งแต่เริ่มต้นในอดีตที่เป็นแค่หมู่บ้านชาวประมง เชอร์บูร์กได้เปลี่ยนแปลงไปเป็นท่าเรือเชิงประวัติศาสตร์ที่สำคัญ โดยเฉพาะในช่วงสงครามนโปเลียน ความสวยงามของท่าเรือนี้ยิ่งได้รับการยกระดับเมื่อรวมกับชายฝั่งที่งดงามและทิวทัศน์ของนาใหญ่ที่ล้อมรอบด้วยบ้านช่องครึ่งไม้ที่งดงาม นอกจากท่าเรือที่มีมาตรฐานสูงและท่าเรือยอชต์ขนาดใหญ่แล้ว เชอร์บูร์กยังมีที่เที่ยวชวนให้หลงใหลมากมาย เช่น อบลุกซ์ (Abbeys) และปราสาท (Châteaux) ที่ประกอบไปด้วยเสน่ห์ทางประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ ชายหาดที่รายล้อมด้วยทิวทัศน์ธรรมชาติที่งดงาม เช่น แหลมคาป เดอ ลา ฮาเก (Cap de la Hague) และพอยต์เดอ บาร์เฟอร์ลูร์ (Pointe de Barfleur) ยังช่วยเติมเต็มความสวยงามให้แก่ภูมิภาคนี้ เชอร์บูร์กยังเป็นที่รู้จักในฐานะท่าเรือแรกที่เรือ RMS Titanic แวะจอดหลังออกจากซาวธแธมป์ตัน ประเทศอังกฤษ และยังมีประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ในสงคราม ช่วยทำให้ท่าเรือนี้เป็นสถานที่ที่มีทั้งประวัติศาสตร์และความงดงามรอให้นักเดินทางมาเยี่ยมชมและสัมผัสประสบการณ์ที่น่าพินิจพิเคราะห์

ดันเคิร์ก (Dunkirk) เมืองท่าสำคัญของฝรั่งเศสที่ตั้งอยู่ริมทะเลเหนือ เป็นจุดหมายปลายทางที่เต็มไปด้วยความน่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวที่หลงใหลในประวัติศาสตร์และธรรมชาติ เมืองนี้มีชื่อเสียงในฐานะสถานที่ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการอพยพในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ที่นี่คุณจะได้สัมผัสกับกลิ่นอายของอดีตเมื่อเดินชมตามชายหาดคลาสสิกและป้อมปราการที่ยังคงหลงเหลือให้เห็น นอกจากความสำคัญทางประวัติศาสตร์แล้ว ดันเคิร์กยังเป็นที่ตั้งของแหล่งท่องเที่ยวที่น่าหลงใหล เช่น พิพิธภัณฑ์การต่อสู้ดันเคิร์กที่มีการจัดแสดงเกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญในช่วงสงคราม นอกจากนี้ชายหาดดันเคิร์กยังเป็นสถานที่พักผ่อนที่เหมาะสำหรับการเดินเล่น หรือเพลิดเพลินกับบรรยากาศการรับประทานอาหารฝรั่งเศสเลิศรสที่ร้านอาหารริมทะเล ไม่เพียงเท่านั้น เมืองนี้ยังมีเสน่ห์ของแหล่งช้อปปิ้งและตลาดท้องถิ่นที่คุณไม่ควรพลาด ที่นี่คุณจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตท้องถิ่นและวัฒนธรรมที่แตกต่าง เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความหลงใหลและความทรงจำรอคอยให้คุณได้ค้นพบ มาสัมผัสประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครในดันเคิร์ก เชื่อมต่อกับอดีตและดื่มด่ำกับความงดงามของธรรมชาติอย่างแท้จริง

ท่าเรือเซ็บรูเก (Zeebrugge) ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลเหนือของเบลเยียม เป็นท่าเรือที่มีความสำคัญและคึกคักที่สุดในยุโรปในยุคปัจจุบัน โดยก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1895 ความสำคัญของท่าเรือนี้ชัดเจนเมื่อมองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ ซึ่งพยายามถูกทำลายหลายครั้งในช่วงสงครามโลกทั้งสองครั้ง แต่ยังคงยืนหยัดเป็นท่าเรือหลักในการประมงของเบลเยียม การเยี่ยมชมเซ็บรูเกจะเป็นประสบการณ์ที่น่าทึ่ง เมื่อคุณมีโอกาสได้เดินทางไปยังเมืองบรูจ (Bruges) ที่อยู่ใกล้เคียง เมืองนี้ได้รับการออกแบบให้เปล่งประกายด้วยสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์อันล้ำค่า อีกทั้งยังสามารถเดินทางไปยังรีสอร์ทชายทะเลที่มีชายหาดทรายยาวได้อย่างสะดวกสบายโดยใช้รถรางที่วิ่งตลอดแนวชายฝั่งเบลเยียม แต่ควรทราบว่าในเบลเยียมไม่อนุญาตให้นำอาหารลงฝั่ง จึงไม่ควรพลาดในการสัมผัสกับรสชาติท้องถิ่นอันหลากหลายที่มีให้เลือกในเมืองและรอบท่าเรือ ด้วยท่าเรือเซ็บรูเกที่พร้อมจะเป็นจุดเริ่มต้นการผจญภัยใหม่ คุณจะได้รับแรงบันดาลใจให้สำรวจสมบัติทางธรรมชาติและวัฒนธรรมที่ลึกซึ้งของเบลเยียมในทุกก้าวที่เดินทาง

ท่าเรือ IJmuiden ตั้งอยู่ในภาคเหนือของเนเธอร์แลนด์ เป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญสู่ทะเลเหนือ โดยมีท่าเรือถึงสี่แห่ง ได้แก่ Vissershaven, Haringhaven, IJmondhaven และ Seaport Marina ที่ใช้สำหรับเรือพาณิชย์และเรือสำราญ ท่าเรือนี้ถือเป็นท่าเรือประมงที่ใหญ่ที่สุดของเนเธอร์แลนด์ แม้ว่าจะเป็นเมืองที่มีอายุยังน้อย แต่ก็เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ IJmuiden ได้รับการพัฒนาขึ้นในช่วงปี 1870 เมื่อมีการเปิดคลองทะเลเหนือ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เมืองนี้ถูกทำลายโดยกองทัพเยอรมัน แต่หลังจากปี 1945 ได้ถูกสร้างขึ้นใหม่โดยสถาปนิก Willem Marinus Dudok ซึ่งออกแบบอาคารที่โดดเด่นอย่าง Stadhuis van Velsen ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาโดยเรือสำราญ IJmuiden คือประตูสู่กรุงอัมสเตอร์ดัม เมืองหลวงของเนเธอร์แลนด์ และเป็นหนึ่งในเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุโรป ที่มีคลองสวยงาม คล้ายคลึงกับภาพวาดที่มีชื่อเสียง นอกจากนั้น ยังมีพิพิธภัณฑ์และแกลเลอรีที่มีงานศิลปะระดับโลก สำหรับการเดินทางจากท่าเรือไปยังใจกลาง IJmuiden มีบริการรถรับส่งฟรี ซึ่งทำให้การเดินทางสะดวกสบายและน่าประทับใจยิ่งขึ้น
ท่าเรือโดเวอร์ (Dover) เป็นประตูสู่ประเทศอังกฤษที่มีชื่อเสียง และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามสำหรับนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลก ท่าเรือแห่งนี้ถือเป็นศูนย์กลางการเดินเรือที่วุ่นวายเป็นอันดับสองในสหราชอาณาจักร โดยมีชื่อเสียงในฐานะเมืองท่าที่สำคัญสำหรับการเดินทางข้ามทะเล เมื่อคุณมาถึงโดเวอร์ คุณจะได้พบกับ "หน้าผาสีขาว" ที่เป็นเอกลักษณ์ ประวัติศาสตร์อันยาวนานของเมืองนี้น่าตื่นเต้นยิ่งขึ้นเมื่อได้สำรวจปราสาทโดเวอร์ที่มีมาแล้วกว่า 2,000 ปี และพิพิธภัณฑ์ที่มีเรือสำราญยุคสำริดของโดเวอร์ ซึ่งเป็นเรือที่เก่าแก่ที่สุดที่รู้จักกันในโลกที่ใช้เดินทะเล นอกจากนี้ หน้าผาเหล่านี้ยังเป็นจุดสังเกตสำคัญในประวัติศาสตร์ เนื่องจากเคยเป็นศูนย์ควบคุมในการอพยพชาวอังกฤษในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองที่ดันเคิร์คในปี 1940 ด้วยความสูงตระหง่านและความงดงามของธรรมชาติ ทำให้ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนักท่องเที่ยวถึงหลงใหลในความสุขที่โดเวอร์เสนอ ท่าเรือแห่งนี้พร้อมให้คุณสัมผัสประสบการณ์อันน่าตื่นเต้น รอคอยการเดินทางที่ยอดเยี่ยม!
ท่าเรือ Torbay ซึ่งตั้งอยู่ในเมือง Paignton แห่งประเทศอังกฤษ เป็นจุดหมายปลายทางที่โดดเด่นสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์การเดินทางด้วยเรือสำราญที่หรูหราและน่าจดจำ ที่นี่คุณจะได้ดื่มด่ำกับวิวทะเลที่งดงาม รายล้อมไปด้วยชายหาดสวยงามและทิวทัศน์ของท้องทะเลอังกฤษ ขอบอกเลยว่านี่คือสวรรค์บนดินสำหรับนักท่องเที่ยวที่หลงใหลในธรรมชาติและความสงบ นอกจากการเพลิดเพลินบนเรือ เรายังขอแนะนำให้คุณสำรวจความงดงามของแหลม Torbay ด้วยการเดินชมพื้นที่กลางเมือง Paignton ที่มีร้านค้าอาหารท้องถิ่นและตลาดนัดที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมอังกฤษอย่างแท้จริง ทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอย่างสวนสัตว์ Paignton Zoo ที่เป็นที่นิยมสำหรับครอบครัว และการเดินป่าในพื้นที่กิจกรรมกลางแจ้งที่ยอดเยี่ยม Torbay ยังเป็นศูนย์กลางสำหรับกีฬาทางน้ำและกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นพายเรือคายัค ดำน้ำ หรือแม้แต่การล่องเรือชมความงามของชายฝั่งที่ตระการตา ที่นี่คืออีกหนึ่งจุดหมายที่ไม่ควรพลาดสำหรับนักท่องเที่ยวที่มองหาประสบการณ์อันน่าจดจำในอังกฤษ ด้วยเสน่ห์ของธรรมชาติและวัฒนธรรมที่แตกต่าง คุณจะเห็นว่า Torbay คือ ที่หมายปลายทางที่เปี่ยมไปด้วยความหลากหลายและน่าสนใจที่รอให้คุณค้นพบ!

ท่าเรือเซาแธมป์ตัน นับเป็นท่าเรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ ตั้งอยู่ที่ปากอ่าวเซาแธมป์ตัน ระหว่างแม่น้ำเทสต์และอิตเชน เมืองแห่งนี้เคยเป็นศูนย์กลางการค้าขายที่สำคัญมาตั้งแต่สมัยกลาง โดยมีการส่งออกขนสัตว์และหนังสัตว์จากพื้นที่รอบ ๆ และนำเข้าผลิตภัณฑ์ไวน์จากบอร์โดซ์ แม้เซาแธมป์ตันจะต้องเผชิญกับการทำลายล้างอย่างหนักในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แต่เมืองนี้ก็ได้ฟื้นฟูและสร้างสรรค์ใหม่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว ด้วยอาคารยุคกลางที่ยังคงเหลืออยู่ เช่น บาร์เกต (Bargate) ที่ถือเป็นหนึ่งในประตูเมืองที่สวยงามที่สุดในอังกฤษ นอกจากท่าเรืออันทันสมัยแล้ว เซาแธมป์ตันยังมีกิจกรรมหลากหลายสำหรับนักเดินทาง ที่สามารถสำรวจเมืองแห่งประวัติศาสตร์และเต็มไปด้วยศิลปะ เช่น พิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ที่นำเสนอผลงานศิลปะระดับโลก และยังเป็นจุดเริ่มต้นที่เหมาะสำหรับการออกไปสัมผัสเสน่ห์ของเมืองใกล้เคียง อย่างบอร์นมัธ และสนามกอล์ฟที่สวยงาม การมาที่เซาแธมป์ตันจึงไม่เพียงแค่การเริ่มต้นการเดินทางด้วยเรือสำราญ แต่ยังเป็นโอกาสในการดื่มด่ำกับความงดงามทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของอังกฤษอย่างไม่รู้จบ


เอ็ดินเบอระ (Edinburgh) เมืองหลวงที่งดงามและเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาในสกอตแลนด์ เป็นเมืองที่สร้างขึ้นบนเนินเขาสูงทั้งเจ็ดและมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เต็มไปด้วยเอกลักษณ์และความหลากหลาย อาคารต่างๆ เช่น ปราสาทเอ็ดินเบอระที่ตั้งโดดเด่นบนท้องฟ้าเป็นสัญลักษณ์ของเมือง ความงดงามของสถาปัตยกรรมสไตล์นีโอคลาสสิกและสวนสาธารณะที่เขียวขจีทำให้เมืองนี้มีเสน่ห์ไม่รู้ลืม เอ็ดินเบอระไม่ได้เป็นเพียงแค่เมืองแห่งประวัติศาสตร์ แต่ยังเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมที่จัดเทศกาลนานาชาติเอ็ดินเบอระและเฟรนจ์เฟสติวัลในทุกเดือนสิงหาคม พิพิธภัณฑ์สกอตแลนด์ที่งดงามและแหล่งท่องเที่ยวทางศิลปะต่างๆ ยังเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่น่าสนใจ นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสบรรยากาศที่มีชีวิตชีวา ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน ไม่ว่าจะเป็นการเดินเล่นตามถนนที่มีประวัติศาสตร์หรือลิ้มลองอาหารท้องถิ่นในร้านอาหารหรูหรา การปีนขึ้นไปยังอาเธอร์ ซีท (Arthur's Seat) จะมอบวิวที่งดงามของเมืองและทะเลเหนือ ฟิธ ออฟ ฟอร์ธ (Firth of Forth) ที่สวยงาม ให้เอ็ดินเบอระเป็นจุดหมายในฝันของคุณ สถานที่ที่ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมาบรรจบกันเป็นหนึ่งเดียว เชิญมาสัมผัสประสบการณ์ที่น่าหลงใหลและความตื่นเต้นในการค้นพบเมืองนี้ในทุกมุมมอง!
เมืองสแครบสเตอร์ (Scrabster) ตั้งอยู่ทางเหนือของประเทศสกอตแลนด์ เป็นท่าเรือที่มีเสน่ห์และดึงดูดใจนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมท้องถิ่น จุดเด่นของสแครบสเตอร์คือท่าเรือที่เปิดโอกาสให้สัมผัสกับทะเลเหนืออันกว้างใหญ่และช่วงเวลาที่สำคัญในการสำรวจเกาะชานนอกและอ่าวออคเนย์ (Orkney). ที่นี่คุณจะค้นพบบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเงียบสงบ โดยรอบล้อมไปด้วยภูเขาและชายหาดที่งดงาม เช่น ชายหาดของโนซ์คาบ (Norse) ที่เหมาะแก่การเดินเล่นหรือการพักผ่อนในวันที่สดใส พร้อมกันนี้ สแครบสเตอร์ยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสำรวจเกาะออคเนย์ มีการเดินทางเรือที่ริเริ่มจากท่าเรือท้องถิ่นนำคุณไปยังประวัติศาสตร์อันล้ำค่าของเกาะและโบราณสถานต่างๆ ที่น่าประทับใจ หากคุณเป็นคนรักธรรมชาติ สแครบสเตอร์มีกิจกรรมหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินป่า ดูนก หรือแม้แต่ชิมอาหารทะเลสดๆ โดยเฉพาะอาหารที่มาจากการจับได้ในทะเลเหนือ ในทุกมิติของการเดินทาง มันจะเป็นประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครและยากที่จะลืมเลือน.

อูลลาปูล (Ullapool) เมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมชายฝั่งของทะเลสาบโลช บรูม (Loch Broom) ในสกอตแลนด์ ถือเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับผู้รักการเดินป่าและการสำรวจธรรมชาติ โดยเฉพาะการล่องเรือไปยังหมู่เกาะซัมเมอร์ (Summer Isles) ที่สวยงาม เริ่มก่อตั้งขึ้นในปี 1788 ในฐานะสถานีประมงเพื่อจับปลาเฮอริ่ง ปัจจุบันอูลลาปูลยังคงรักษาความเป็นเมืองประมงที่มีเรือประมงและเรือยอชต์จากต่างประเทศที่มาเยือน เมื่อมีเรือเฟอรีจากลีวิส (Lewis) มาถึง ท่าเรือของอูลลาปูลจะมีชีวิตชีวา คับคั่งไปด้วยผู้คนและบรรยากาศที่หลากหลาย ซึ่งทำให้เมืองนี้มีความรู้สึกเหมือนเป็นหมู่บ้านนานาชาติ การเดินทางมาที่อูลลาปูลไม่เพียงแต่เป็นการสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่น แต่ยังเป็นโอกาสในการเปิดโลกให้กว้างขึ้นผ่านกิจกรรมการสำรวจธรรมชาติอันตระการตา หากคุณต้องการผจญภัยในทิวทัศน์ที่งดงามของสกอตแลนด์ ไม่ควรพลาดที่จะตั้งใจเยี่ยมชมอูลลาปูล เมืองแห่งความฝันที่รอการค้นพบจากนักเดินทางเช่นคุณ.
เกรนแคสเทิล (Greencastle) คือท่าเรือที่งดงามตั้งอยู่ริมชายฝั่งของไอร์แลนด์เหนือ เป็นจุดพักผ่อนอันสมบูรณ์แบบสำหรับนักเดินทางที่แสวงหาความสงบและความสวยงามทางธรรมชาติที่โดดเด่นที่นี่ เกรนแคสเทิลตั้งอยู่ใกล้กับอ่าวลอนส์เดล (Lough Foyle) สถานที่นี้ไม่เพียงแค่เป็นท่าเรือที่เปิดรับเรือสำราญที่มีระดับ แต่ยังเป็นประตูสู่การสำรวจประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันหลากหลายของไอร์แลนด์ การสำรวจเกรนแคสเทิล คุณจะได้พบกับปราสาทเก่าแก่ สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญที่สื่อถึงประวัติศาสตร์อันยาวนาน รวมถึงการเดินทางชมวิวทิวทัศน์ที่งดงามของภูเขาและทะเล สิ่งที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดคือการลิ้มรสอาหารทะเลสดใหม่จากท้องถิ่น ที่มีทั้งรสชาติอร่อยและคุณภาพดี นอกจากนี้ เกรนแคสเทิลยังอยู่ใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ เช่น คาร์ริกฟิน (Carrick-a-Rede) และถ้ำดันลูซ (Dunluce Castle) ซึ่งทั้งสองสถานที่นี้เติมเต็มประสบการณ์การเดินทางที่ไม่รู้ลืมให้กับคุณ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักผจญภัยหรือผู้รักศิลปวัฒนธรรม ที่เกรนแคสเทิลมีทุกอย่างที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจและความทรงจำตลอดไป เชิญสัมผัสประสบการณ์ใหม่ในดินแดนแห่งเวทมนตร์นี้กันเถอะ!

ดันลาเกียร์ (Dun Laoghaire) เมืองท่าอันงดงามของไอร์แลนด์ ตั้งอยู่ห่างจากดับลินเมืองหลวงเพียงไม่กี่กิโลเมตร เป็นจุดเชื่อมต่อทะเลที่มีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ดันลาเกียร์ไม่เพียงแต่เป็นท่าเรือที่สำคัญสำหรับเรือสำราญ แต่ยังเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจที่ให้คุณสัมผัสบรรยากาศอันสดชื่นของทะเลแอตแลนติก ขณะที่คุณเดินเล่นริมท่าเรือ คุณจะได้พบกับวิวทิวทัศน์ที่งดงาม พร้อมบรรยากาศที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา มีร้านอาหารและคาเฟ่ที่พร้อมบริการอาหารอร่อยและเครื่องดื่มท่ามกลางลมทะเลที่เย็นสบาย นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นอย่างอนุสรณ์สถาน “Eleanor’s” ที่เป็นสัญลักษณ์ในประวัติศาสตร์ท้องถิ่น และหอคอยอันมีเอกลักษณ์ของดันลาเกียร์ที่เฝ้ามองดูทะเลมาช้านาน การเดินทางถึงดันลาเกียร์สะดวกสบายด้วยบริการรถไฟจากดับลิน รวมทั้งการสนับสนุนจากบริการขนส่งสาธารณะที่มีความเป็นระเบียบและครบครัน หากคุณมองหาประสบการณ์การเดินทางหรูหรา สัมผัสธรรมชาติที่สวยงามและวัฒนธรรมอันหลากหลาย ดันลาเกียร์คือตัวเลือกที่ไม่ควรพลาดในการสำรวจไอร์แลนด์ที่มีเสน่ห์นี้

ฮอลีเฮด (Holyhead) เมืองท่าแห่งประวัติศาสตร์ในประเทศเวลส์ เป็นสถานที่ที่มีเสน่ห์ดึงดูดนักเดินทางที่ต้องการสำรวจประวัติศาสตร์และธรรมชาติที่สวยงาม เมืองนี้เคยเป็นฐานป้องกันทางเหนือจากการจู่โจมของผู้บุกรุกชาวไอริช และในปัจจุบันมีชื่อเสียงในฐานะท่าเรือเฟอร์รี่ออกสู่ประเทศไอร์แลนด์ ด้วยบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาบริเวณท่าเรือ นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับความเคลื่อนไหวของการคมนาคมที่คึกคัก แม้ฮอลีเฮดจะมีประชากรเพียงเล็กน้อย แต่กลับเต็มไปด้วยซากโบราณสถานที่บอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์อันยาวนานที่รอให้ค้นพบ คุณสามารถสำรวจสถานที่สำคัญต่าง ๆ ที่มีความเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของพื้นที่ได้อย่างน่าสนใจ นอกจากนี้ บริเวณรอบ ๆ ยังมีเส้นทางเดินป่าที่เป็นมิตรกับนักเดินทาง ที่จะพาคุณไปสัมผัสกับทิวทัศน์ธรรมชาติที่งดงาม ลมทะเลและวิวชายฝั่งจะสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ทุกคน เต็มไปด้วยความสุขที่ทุกคนจะประทับใจ ฮอลีเฮด จึงเป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้รักการผจญภัยและสำรวจความงามของประเทศเวลส์

ฟิชการ์ด (Fishguard) เมืองท่าเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในแคว้นเวลส์ ที่ตอบโจทย์นักเดินทางที่หลงใหลในวัฒนธรรมและธรรมชาติอันสวยงาม โดยท่าเรือฟิชการ์ดเป็นจุดเริ่มต้นที่สามารถเชื่อมต่อไปยังยุโรปได้อย่างง่ายดาย ผ่านการเดินทางโดยเรือสำราญหรือเรือเฟอร์รี่ อีกทั้งยังมีบรรยากาศที่เงียบสงบและเป็นกันเอง เมื่อเรือสำราญของคุณเทียบท่า คุณจะได้สัมผัสกับทิวทัศน์ที่เกินจินตนาการ ทั้งคลื่นทะเลที่กระทบกับหินและภูมิทัศน์เขียวขจีที่เผยให้เห็นถึงความเป็นธรรมชาติที่สวยงาม นักท่องเที่ยวสามารถสำรวจร้านค้าเล็ก ๆ ที่จำหน่ายของทำมือ และร้านอาหารท้องถิ่นที่เสิร์ฟชาวประมงสดใหม่ ไม่ไกลจากท่าเรือคือชายหาดหาดพลาย (Pwllgwaelod) ที่มีน้ำทะเลใส ถูกล้อมรอบด้วยภูเขาเขียวขจี เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การพักผ่อนและสัมผัสความเงียบสงบ พร้อมทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินป่าไปยังเส้นทาง Coastal Path ยิ่งไปกว่านั้น ฟิชการ์ดยังมีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ โดยสามารถเยี่ยมชมพื้นที่อย่าง Castell Henllys ซึ่งเป็นซากปราสาทยุคโบราณ ที่สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมและวิถีชีวิตชาวเวลส์ในอดีต สัมผัสประสบการณ์ที่ไม่สามารถหาได้จากที่ไหน กับการเดินทางไปฟิชการ์ด ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และเรื่องราวรอให้คุณค้นหา

วอเตอร์ฟอร์ด (Waterford) เมืองที่เก่าแก่ที่สุดในไอร์แลนด์และเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงใต้ ก่อตั้งโดยชาวไวกิ้งในศตวรรษที่ 9 เมืองนี้มีประวัติศาสตร์ที่เข้มข้น โดยได้ถูกโจมตีและเข้าครอบครองโดย Strongbow ผู้บุกรุกชาวนอร์มันในปี 1170 ด้วยความรุนแรง อดีตของเมืองนี้ถูกท้าทายด้วยการป้องกันการโจมตีของโครมเวลในปี 1649 แต่ตกอยู่ในอ้อมแขนของศัตรูในปีถัดมา ถึงแม้จะเผชิญกับการต่อสู้มากมาย แต่ความเจริญรุ่งเรืองก็กลับคืนมาในปี 1783 เมื่อ George และ William Penrose เริ่มต้นสร้าง "แก้วธรรมดาและมีลวดลาย" สร้างอุตสาหกรรมการผลิตแก้วที่มีชื่อเสียง สัญลักษณ์ของความประณีตและศิลปะในวัสดุที่เปล่งประกาย อย่างไรก็ตาม โรงงานผลิตแก้ววอเตอร์ฟอร์ดปิดตัวลงในช่วงวิกฤตการเงินปี 2008 แต่ได้ฟื้นตัวขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในปี 2010 ที่ศูนย์การค้าทางเดิน Mall เมื่อสำรวจเมืองนี้ นอกจากการชื่นชมความงามของแก้ววอเตอร์ฟอร์ดแล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถดื่มด่ำกับบรรยากาศของประวัติศาสตร์ที่แฝงตัวอยู่ในทุกมุมถนน เพลิดเพลินไปกับศิลปะท้องถิ่น และสัมผัสกับความอบอุ่นของชาวไอริช เป็นประเดิมที่แสนร่ำรวยที่จะสร้างความทรงจำอันตราตรึงใจเสมอท่ามกลางการเดินทางที่แสนพิเศษนี้
ท่าเรือริงกาสกิดดี้ (Ringaskiddy) เป็นหนึ่งในจุดหมายที่น่าสนใจในประเทศไอร์แลนด์ ที่นี่มีบรรยากาศที่เงียบสงบและสวยงาม สถานที่ที่เหมาะสำหรับการหยุดพักในระหว่างการล่องเรือสำราญ เพลิดเพลินกับการชมวิวทะเลที่งดงาม รวมทั้งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่ลึกซึ้ง เมื่อเรือสำราญแวะจอดที่ริงกาสกิดดี้ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าไปสำรวจเมืองโกร์ก (Cork) เมืองที่มีเสน่ห์และเต็มไปด้วยวัฒนธรรม โดยเฉพาะถนนที่มีร้านค้าหลากหลายและตลาดท้องถิ่น ที่คุณจะได้สัมผัสกับสินค้าท้องถิ่นและอาหารเลื่องชื่อ เช่น ชอปปิ้งที่ตลาดอังกฤษ (English Market) หรือชิมอาหารทะเลสดๆ จากชายฝั่งทะเลไอร์แลนด์ นอกจากนี้ บริเวณใกล้เคียงยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง เช่น ปราสาทบลาร์นีย์ (Blarney Castle) ที่โด่งดังในเรื่องของหินที่เชื่อว่าจะทำให้ผู้ที่จุมพิตได้รับพรในการพูด การท่องเที่ยวในริเวอร์สวลาดมียังพบกับธรรมชาติที่สวยงาม และเส้นทางเดินป่าที่น่าตื่นตาตื่นใจ ขอเชิญนักท่องเที่ยวมาสัมผัสประสบการณ์ที่น่าหลงใหล ณ ท่าเรือริงกาสกิดดี้ สถานที่ที่จะเติมเต็มการเดินทางให้เป็นความทรงจำที่ไม่มีวันลืมเลือน

เสน่ห์ของไอส์ลอันงดงามที่ "ไอส์ลออฟพอร์ตแลนด์" รอคอยการค้นพบจากนักเดินทาง พบกับเกาะที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และความงดงามแห่งธรรมชาติ ตั้งอยู่ในช่องแคบอังกฤษ ยาว 6 กิโลเมตร และกว้าง 2.7 กิโลเมตร เกาะนี้มีจุดเด่นที่มุมใต้ที่รู้จักกันในชื่อ "พอร์ตแลนด์ บิล" ซึ่งโดดเด่นด้วยประภาคารที่ส่องสว่างมาที่ผืนน้ำของช่องแคบ และเป็นจุดที่อยู่ใต้สุดของมณฑลดอร์เซ็ท การเดินทางมาเยือนพอร์ตแลนด์สามารถเข้าถึงได้ง่ายจากเมืองเวย์มูธ ผ่านชายหาดเชซิล (Chesil Beach) ที่เชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่ เต็มไปด้วยทรายละเอียดและวิวทะเลที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี นอกจากนี้พอร์ตแลนด์ยังมีสถานที่สำคัญอย่าง "กระบวนการหิน" ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ อดีตที่เกี่ยวข้องกับการขุดหินเพื่อใช้ในก่อสร้างสถานที่สำคัญทั้งในอังกฤษและต่างประเทศ อีกทั้งยังมีกิจกรรมมากมายให้เลือกทำ เช่น การเดินป่า ชมวิวที่สวยงาม ชมชีวิตสัตว์น้ำ และอื่น ๆ รอให้คุณมาค้นพบการผจญภัยในทุกมุมของไอส์ลออฟพอร์ตแลนด์กันได้เลย!

ท่าเรือเซาแธมป์ตัน นับเป็นท่าเรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ ตั้งอยู่ที่ปากอ่าวเซาแธมป์ตัน ระหว่างแม่น้ำเทสต์และอิตเชน เมืองแห่งนี้เคยเป็นศูนย์กลางการค้าขายที่สำคัญมาตั้งแต่สมัยกลาง โดยมีการส่งออกขนสัตว์และหนังสัตว์จากพื้นที่รอบ ๆ และนำเข้าผลิตภัณฑ์ไวน์จากบอร์โดซ์ แม้เซาแธมป์ตันจะต้องเผชิญกับการทำลายล้างอย่างหนักในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แต่เมืองนี้ก็ได้ฟื้นฟูและสร้างสรรค์ใหม่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว ด้วยอาคารยุคกลางที่ยังคงเหลืออยู่ เช่น บาร์เกต (Bargate) ที่ถือเป็นหนึ่งในประตูเมืองที่สวยงามที่สุดในอังกฤษ นอกจากท่าเรืออันทันสมัยแล้ว เซาแธมป์ตันยังมีกิจกรรมหลากหลายสำหรับนักเดินทาง ที่สามารถสำรวจเมืองแห่งประวัติศาสตร์และเต็มไปด้วยศิลปะ เช่น พิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ที่นำเสนอผลงานศิลปะระดับโลก และยังเป็นจุดเริ่มต้นที่เหมาะสำหรับการออกไปสัมผัสเสน่ห์ของเมืองใกล้เคียง อย่างบอร์นมัธ และสนามกอล์ฟที่สวยงาม การมาที่เซาแธมป์ตันจึงไม่เพียงแค่การเริ่มต้นการเดินทางด้วยเรือสำราญ แต่ยังเป็นโอกาสในการดื่มด่ำกับความงดงามทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของอังกฤษอย่างไม่รู้จบ















เจ้าของสวีท (Owner’s Suite) ให้ความรู้สึกหรูหราและมีสไตล์เหมือนวิลล่าตามชายฝั่งที่น่าทึ่ง โดยมีพื้นที่มากกว่า 2,000 ตารางฟุต แต่ละห้องมีพื้นที่นั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร ห้องนอนหลัก และห้องน้ำสองห้อง การตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์เนอร์และการตกแต่งที่งดงามสร้างบรรยากาศที่เงียบสงบกลางทะเล มีเทอเรซแยกสำหรับพื้นที่นั่งเล่นและห้องนอน พร้อมด้วยหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานที่มอบทิวทัศน์ที่น่าหลงใหลให้คุณได้ชมความงามของทะเลรอบตัว ห้องสวีททุกห้องยังรวมบริการบัตเลอร์ตลอด 24 ชั่วโมง และมีพื้นที่กว้างขวางเป็นพิเศษ ทำให้ประสบการณ์การเข้าพักในห้องสวีทนี้ไม่มีใครเปรียบเทียบได้ นอกจากสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องสวีทแล้ว เจ้าของสวีทยังมีสิทธิพิเศษมากมาย เช่น บริการซักรีดฟรีสำหรับกระเป๋าสูงสุด 3 ใบ การขึ้นเรือแบบมีความสำคัญพร้อมการจัดส่งกระเป๋าอย่างรวดเร็ว การเข้าถึงห้องเลาจน์พิเศษที่มีบริการเครื่องดื่มฟรีตลอดทั้งวัน และบาร์ในห้องพักที่จัดเตรียมไว้อย่างดี มีแชมเปญต้อนรับ ผลไม้สดที่เติมได้ทุกวัน การจองร้านอาหารพิเศษออนไลน์ได้ก่อนใคร รวมถึงการเข้าถึง Aquamar Spa Terrace อย่างไม่จำกัด นอกจากนี้ยังมีบริการไอแพดให้ยืมตามคำขอ ระบบความบันเทิงที่ปรับแต่งได้ และชุดของขวัญจาก Bulgari รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ไม่มีใครเหมือน เพื่อให้การเข้าพักของคุณเพียบพร้อมด้วยความสะดวกสบายและความหรูหราอย่างแท้จริง








วิสตา สวีทเป็นห้องสูทสุดหรูที่ได้รับการออกแบบภายในอย่างประณีต เหมือนกับบ้านสุดหรูในย่านปาร์คอเวนิว บนเรือสำราญและตั้งอยู่ในทำเลที่ดีที่สุด มองเห็นด้านหน้าเรือ ห้องสูทขนาด 1,200 ถึง 1,500 ตารางฟุตนี้มาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน เช่น ห้องโคลเซตขนาดใหญ่ เตียงคิงไซส์ ห้องน้ำที่สองสำหรับผู้มาเยือน สปาในและกลางแจ้ง รวมถึงห้องฟิตเนสส่วนตัว นอกจากนี้ผู้เข้าพักยังสามารถใช้บริการห้องเลานจ์พิเศษที่มีบัตเลอร์บริการ 24 ชั่วโมง โดยในห้องจะมีบาร์ส่วนตัวที่จัดตั้งเครื่องดื่มคุณภาพสูงและไวน์ไว้ พร้อมด้วยขนม และผลไม้สดที่เติมให้ทุกวัน อีกทั้งยังมีสิทธิประโยชน์ในการสำรองร้านอาหารพิเศษอย่างรวดเร็ว พร้อมการเข้าถึงแอควอมา สปา เทอเรซ อย่างไม่จำกัด อิ่มเอมไปกับความสะดวกสบายที่ไม่มีที่สิ้นสุดในวิสตา สวีท

โอเชียนเนียสวีทเป็นห้องสวีทที่หรูหราของเรือสำราญ ซึ่งมีพื้นที่มากกว่า 1,000 ตารางฟุต ทุกห้องมีการออกแบบอย่างมีระดับและเฟอร์นิเจอร์ที่มีสไตล์ ห้องสวีทนี้ประกอบไปด้วยห้องนั่งเล่น, ห้องรับประทานอาหาร, ห้องสื่อที่มีอุปกรณ์ครบครัน, ห้องเสื้อผ้าขนาดใหญ่, เตียงขนาดคิงไซส์, ระเบียงส่วนตัวขนาดกว้าง, สปาน้ำวนทั้งในบ้านและกลางแจ้ง รวมถึงห้องน้ำอีกห้องสำหรับแขก พร้อมด้วยการเข้าถึงเลานจ์ส่วนตัวสำหรับผู้บริหารที่มีนิตยสาร, หนังสือพิมพ์, เครื่องดื่มและขนมกลางวันให้บริการ นอกจากนี้ยังมีบริการพิเศษเช่น บริการซักรีดฟรี, การขึ้นเรือในเวลา 11:00 น. ด้วยลำดับความสำคัญ, บริการบัตเลอร์ตลอด 24 ชั่วโมง, บาร์ในห้องพักพร้อมเครื่องดื่มนำเข้าคุณภาพสูง, และบริการต่างๆ ที่ปรับให้เหมาะกับความต้องการของแขก เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีบริการจองห้องอาหารพิเศษออนไลน์ล่วงหน้า, การเข้าถึงสปา Aquamar Terrace อย่างไม่จำกัด, พร้อมด้วยของขวัญจาก Bulgari, ผ้าห่มขนแคชเมียร์และตัวเลือกหมอนพิเศษ โอเชียนเนียสวีทจึงเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสการเดินทางสุดหรูและความสะดวกสบายอย่างแท้จริงบนเรือสำราญของเรา
เพนท์เฮาส์สวีทเป็นความงามแห่งการตกแต่งที่ลงตัวและหรูหรา ขนาดกว้างขวางถึง 440 ตารางฟุต ภายในห้องมีฟีเจอร์ที่น่าทึ่งมากมาย เช่น ระบบไฟที่ปรับแต่งได้ โต๊ะรับประทานอาหาร มุมพักผ่อนที่แยกออกจากกัน ตู้เสื้อผ้าแบบวอล์คอิน ระเบียงไม้สักส่วนตัว และห้องน้ำที่ตกแต่งด้วยหินอ่อนซึ่งมีพื้นที่เก็บของเพิ่มเติมและฝักบัวที่ขยายเพื่อมอบประสบการณ์การพักผ่อนอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ผู้เข้าพักยังสามารถเพลิดเพลินกับการบริการจากพนักงานคอนเซียร์จที่ม dedicated และเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกในเลานจ์พิเศษสำหรับผู้บริหารได้โดยตรง สำหรับผู้เข้าพักในเพนท์เฮาส์สวีท ยังได้รับสิทธิพิเศษมากมาย เช่น บริการซักรีดฟรีสูงสุดถึง 3 ถุงต่อห้อง บัตรเข้าถึงเลานจ์พิเศษที่มีกาแฟและขนมขบเคี้ยวตลอดทั้งวัน การบริการคนรับใช้ตลอด 24 ชั่วโมง ขวดแชมเปญต้อนรับที่มีให้ฟรี และการจองร้านอาหารพิเศษออนไลน์ล่วงหน้า นอกจากนี้ยังสามารถเข้าถึง Aquamar Spa Terrace ได้ไม่จำกัด พร้อมผ้าห่มขนแคชเมียร์ และบริการขัดรองเท้าฟรี เพนท์เฮาส์สวีทจึงไม่ใช่แค่ที่พัก แต่เป็นประสบการณ์ที่เหนือระดับสำหรับการเดินทางอันเป็นเอกลักษณ์บนเรือสำราญที่หรูหรา.




คอนเซียร์จเวอเรนด้าเสตเตอร์รูม ของเรามีขนาด 282 ตารางฟุต เต็มไปด้วยการตกแต่งที่สวยงามและสิ่งอำนวยความสะดวกอันหรูหราที่สามารถพบได้ในเพนท์เฮาส์สวีท ซึ่งรวมถึงระเบียงส่วนตัว, โซฟานุ่มสบาย, มินิบาร์ที่มีเครื่องดื่มเย็น, และห้องน้ำขนาดใหญ่ที่หุ้มด้วยหินอ่อนและแกรนิต พร้อมฝักบัวที่กว้างขวาง นอกจากนี้แขกผู้เข้าพักยังสามารถเข้าถึงเลานจ์คอนเซียร์จส่วนตัวที่มีคอนเซียร์จประจำตัวให้บริการ พร้อมด้วยนิตยสาร, หนังสือพิมพ์ประจำวัน, เครื่องดื่ม, และขนมขบเคี้ยวตลอดทั้งวัน การเข้าถึงสิทธิพิเศษสำหรับคอนเซียร์จนั้นเพิ่มเติมจากสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องพัก ซึ่งรวมถึงเมนูบริการรูมเซอร์วิสสำหรับมื้อกลางวันและมื้อเย็นที่ขยายออกจาก The Grand Dining Room, บริการซักรีดฟรีสูงสุด 3 ถุงต่อห้องพัก, การขึ้นเรือในช่วงเที่ยงด้วยสิทธิพิเศษ, การเข้าถึงเลานจ์คอนเซียร์จที่มีบริการเครื่องดื่มฟรีตลอดวัน, ขวดแชมเปญต้อนรับฟรี, การจองร้านอาหารพิเศษออนไลน์ลำดับความสำคัญ, การเข้าถึง Aquamar Spa Terrace ได้ไม่จำกัด และบริการอื่นๆ ซึ่งรวมถึงการให้ iPad ประกอบความบันเทิงระหว่างการเดินทาง ตามคำขอเป็นต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสูบบุหรี่ในห้องพักและระเบียงเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ทุกการเข้าพักเป็นไปอย่างราบรื่นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความสะดวกสบายในระหว่างที่อยู่บนเรือของเรา




ห้องสเตเตอร์รูมระเบียงขนาด 291 ตารางฟุตของเราเป็นห้องพักขนาดใหญ่ที่สุดในทะเล ภายในห้องมีระเบียงส่วนตัวที่ตกแต่งอย่างสะดวกสบาย ซึ่งถือเป็นความหรูหราที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ห้องพักทุกห้องมาพร้อมพื้นที่นั่งเล่นที่มีความสะดวกสบาย มินิบาร์ที่มีการรีเฟรชเครื่องดื่มอัดลมฟรีทุกวัน ตู้เสื้อผ้าขนาดกว้างขวาง และห้องน้ำที่ประดับด้วยหินอ่อนและหินแกรนิตซึ่งมีอ่างอาบน้ำและฝักบัว ห้องสเตเตอร์รูมระเบียงยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ไม่เหมือนใคร เช่น เตียงทรanquility ที่มีผ้าลินิน 1,000 เส้นด้าย บริการรูมเซอร์วิสตลอด 24 ชั่วโมง บริการทำความสะอาดสองครั้งต่อวัน และช็อคโกแลตเบลเยียมในช่วงเวลาปิดเตียง นอกจากนี้ยังมีระบบโทรทัศน์แบบโต้ตอบที่สามารถรับชมภาพยนตร์ตามความต้องการ รวมถึงการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตไร้สายและการบริการโทรศัพท์มือถือ คุณสามารถเพลิดเพลินกับผ้าขนหนูที่ทำจากผ้าฝ้ายเนื้อดีและเสื้อคลุมอาบน้ำที่หนานุ่ม รวมถึงปลอกผ้าขนหนูและเครื่องเป่าผมที่สามารถใช้ได้สะดวก ใส่ใจในความปลอดภัย ห้องพักยังมีเซฟส่วนตัวให้ด้วย อย่างไรก็ตาม การสูบบุหรี่ในห้องพัก ระเบียง และห้องสวีทถูกห้ามโดยเด็ดขาด

ห้องพักดูทะเลแบบหรูมีขนาด 242 ตารางฟุต โดดเด่นด้วยหน้าต่างแบบพาโนรามาขนาดใหญ่จากพื้นจรดเพดานที่สามารถเปิดเพื่อชมวิวทะเลอันงดงามได้อย่างเต็มตา ห้องพักนี้มีพื้นที่นั่งเล่นกว้างขวาง โต๊ะเครื่องแป้ง โต๊ะอาหารเช้า มินิบาร์ที่มีเครื่องดื่มเย็น และห้องน้ำที่ตกแต่งด้วยหินอ่อนและหินแกรนิตพร้อมฝักบัว ห้องพักมีการบริการที่หลากหลายเพื่อความสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มที่เติมให้ฟรีทุกวันในมินิบาร์ บริการรูมเซอร์วิสตลอด 24 ชั่วโมง เตียง Tranquility Bed ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Oceania Cruises อุปกรณ์ Bulgari บริการทำความสะอาด 2 ครั้งต่อวัน และระบบโทรทัศน์แบบอินเตอร์แอคทีฟที่มีภาพยนตร์ตามต้องการ นอกจากนี้ยังมีอินเทอร์เน็ตไร้สายและบริการโทรศัพท์มือถือ โต๊ะเขียนหนังสือพร้อมอุปกรณ์เขียน ผ้าขนหนู ผ้าชุดนอน และรองเท้าสำหรับใช้ในห้องพักเพื่อความสะดวกสบาย นอกจากนี้ยังมีตู้นิรภัยและช็อคโกแลตพรีเมี่ยมในเวลาปิดเตียงเพื่อเพิ่มสัมผัสหรูหรา ห้องพักนี้ยังมีคุณสมบัติการเข้าถึงที่ตอบสนองต่อความต้องการ โดยมีห้องน้ำที่ออกแบบให้เข้าถึงได้ง่ายและมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ。การสูบบุหรี่ในห้องพักและระเบียงถือเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างเคร่งครัด


ห้องพักภายในนี้มีพื้นที่กว้างขวางถึง 174 ตารางฟุต ซึ่งออกแบบอย่างหรูหราและตกแต่งอย่างมีสไตล์เพื่อเพิ่มความเงียบสงบและสันติสุขในระหว่างการเดินทางของคุณ ภายในห้องมีห้องน้ำที่มีการตกแต่งด้วยหินอ่อนและหินแกรนิต มีอ่างอาบน้ำ และช่องอาบน้ำกว้างขวาง พร้อมทั้งมีมุมทำงาน โต๊ะอาหารเช้า และมินิบาร์เย็นที่มีเครื่องดื่มซอฟต์ดริงค์เติมให้อย่างฟรีทุกวัน นอกจากนี้ยังมีน้ำดื่มสะอาดและน้ำอัดลม Vero Water ให้บริการฟรี ท่านจะได้รับการบริการห้องพักตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกับเตียง Tranquility Bed ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Oceania Cruises และยังมีผลิตภัณฑ์อาบน้ำสุดหรูให้ใช้บริการอีกด้วย การบริการทำความสะอาดห้องพักมีถึงวันละสองครั้ง ระบบทีวีแบบอินเทอร์แอกทีฟมีภาพยนตร์ให้เลือกชม Weather และอีกมากมาย นอกจากนี้ยังสามารถเข้าใช้อินเทอร์เน็ตไร้สายและบริการโทรศัพท์มือถือได้อีกด้วย ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีมุมเขียนงานพร้อมอุปกรณ์เขียน ใหญ่หรูอย่างผ้าขนหนู ผ้าปู และรองเท้าสลิปเปอร์ที่ทำจากผ้าฝ้ายคุณภาพสูง เครื่องอบผม และตู้นิรภัยเพื่อความปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีช็อคโกแลตชั้นดีบริการในช่วงเย็น ทำให้ท่านได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่ในห้องพักอันสวยงามนี้