
02-27217300
02-27217179
service@siloahtravel.com
Monday ~ Friday 09:00-18:00
14F.-3, No.137, Sec. 1, Fuxing S. Rd., Da’an Dist., Taipei City 106, Taiwan
Representative: Tung-Hua Tai
VAT: 43871553
交觀甲793500 品保北2260 隱私權條款
Copyright © 2025 Siloah Travel Co., Ltd.. All rights reserved.

โอเชียนิอามารินา
โอเชียเนีย ครูซส์


ท่าเรือที่น่าหลงใหลอย่างท่าเรือเมืองเตรียสเต (Trieste) ตั้งอยู่ในประเทศอิตาลี เป็นซีกหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่ตัดกับความเป็นมาของอาณาจักรออสเตรีย-ฮังการีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ด้วยคุณภาพความเป็นเมืองท่าที่สำคัญและศูนย์กลางการเงินเมื่อหลายทศวรรษก่อน เตรียสเตยังเป็นแหล่งรวมความคิดสร้างสรรค์ที่มีชื่อเสียงในวงการวรรณกรรม โดยนักเขียนชื่อดังอย่างอิตาโล สเวโว (Italo Svevo) และเจมส์ จอยซ์ (James Joyce) ต่างได้รับแรงบันดาลใจจากบรรยากาศอันหลากหลายทางวัฒนธรรมของเมือง คุณจะได้สัมผัสความงามในการผสมผสานของสถาปัตยกรรมสไตล์นีโอคลาสสิกและอาร์ตนูโว ซึ่งสร้างขึ้นในช่วงรุ่งเรืองของเมือง เตรียสเตยังมอบบรรยากาศที่เงียบสงบแต่แฝงไปด้วยความเศร้าสร้อยและงดงาม ในขณะที่คุณเดินชมถนนที่เรียงรายไปด้วยอาคารประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ สามารถสำรวจชายหาดที่มีวิวทะเลสวยงามและสัมผัสกับวัฒนธรรมและอาหารอิตาเลียนอันเลื่องชื่อได้อีกด้วย เตรียสเต คือจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับนักเดินทางที่ต้องการสัมผัสทั้งประวัติศาสตร์และความสวยงามในอิตาลีที่ไม่เหมือนใคร

ท่าเรือโคเปอร์ (Koper) ตั้งอยู่ในประเทศสโลวีเนีย เป็นเมืองท่าที่มีเสน่ห์แม้จะรายล้อมด้วยชุมชนอุตสาหกรรมในปัจจุบัน แต่ความงดงามของประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ในตัวเมืองเก่ากลับดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายในทุกปี ที่นี่เคยเป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐเวนิสในศตวรรษที่ 15 และ 16 ซึ่งสืบทอดกลิ่นอายวัฒนธรรมอันรุ่งโรจน์นี้ไว้จนถึงปัจจุบัน จัตุรัส Titov trg ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของเมือง มีอาคารสำคัญมากมาย เช่น โบสถ์งามที่มีสถาปัตยกรรมแบบโกธิคเวนิส และหอระฆังที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1664 นอกจากนี้ยังมีพระราชวัง Praetor ที่เปรียบเสมือนเครื่องหมายของอำนาจในสมัยนั้น สถาปัตยกรรมของที่นี่เป็นไปตามแบบโกธิคและเรเนซองส์ซึ่งช่วยเสริมเสน่ห์ให้กับเมืองอย่างมาก เดินทอดน่องจากจัตุรัส найдете Kidriceva ulica ที่มีชื่อเสียงเพื่อนำคุณไปสู่ทะเล ซึ่งเป็นสถานที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนและสัมผัสกับลมทะเลที่พัดเย็น นอกจากสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์ที่ร่ำรวย โคเปอร์ยังมีบรรยากาศที่เป็นมิตรและการต้อนรับที่อบอุ่น สถานที่นี้จึงเป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่รักการเดินทางและต้องการสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ในการเดินทางครั้งต่อไปของคุณ

ซาดาร์ (Zadar) เมืองหลวงของดัลมาเชียที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า 1,000 ปี ที่มักถูกมองข้ามโดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปยังสปลิตหรือดูบรอฟนิก แต่ที่นี่คือเมืองที่มอบความสวยงามสดใสและความมีชีวิตชีวาแม้จะมีอดีตที่ซับซ้อน Old Town ของซาดาร์ตั้งอยู่บนแหลมที่ยาวประมาณ 4 กิโลเมตร เป็นสถานที่ที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และประวัติศาสตร์ ประกอบไปด้วยถนนลาดยางหินอ่อนที่เรียงรายไปด้วยซากโรมัน โบสถ์ในยุคกลาง พระราชวังและพิพิธภัณฑ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ ซาดาร์เคยเป็นศูนย์กลางการค้าขายที่สำคัญมาก่อนที่โรมจะเข้าครอบครองในศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสต์ศักราช โดยมรดกทางสถาปัตยกรรมที่งดงามยังคงอยู่ในซากฟอรัมที่สามารถเห็นได้ในปัจจุบัน ช่วงเวลาที่โดดเด่นที่สุดคือการก่อสร้างโบสถ์เซ็นต์โดนัท (St. Donat's Basilica) ในศตวรรษที่ 9 ที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับเมือง แม้ซาดาร์จะเคยเผชิญกับสงครามและการยึดครองในหลายยุคหลายสมัย แต่วันนี้เมืองนี้กลับเปล่งประกายด้วยความสดใสของวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ที่สำคัญยังมีสัญญาณอธิบายภาษาอังกฤษรอบเมืองเก่า ช่วยให้ผู้มาเยือนสามารถสำรวจคัดเลือกความน่าสนใจในที่แห่งนี้ได้อย่างสบายใจ เตรียมพบกับความมหัศจรรย์ของเมืองซาดาร์ที่นี่ ตรงกลางของดัลมาเชียที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และความงดงามรอคอยคุณอยู่!

ท่าเรือโคเตอร์ (Kotor) ในมอนเตเนโกร ตั้งอยู่ในอ่าวโบโค (Bokor Kotorska) ซึ่งเป็นฟยอร์ดที่อยู่ทางใต้ที่สุดในยุโรป ถูกล้อมรอบด้วยภูเขาที่งดงามและมีความลับซึ่งทำให้เมืองนี้มีความมีเสน่ห์อย่างยิ่ง โคเตอร์เป็นเมืองที่ยังคงความดั้งเดิมไว้อย่างครบถ้วน แตกต่างจากเมืองดูบรอฟนิกที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่น เมืองเก่าที่มีรูปลักษณ์อันสวยงามถูกล้อมรอบด้วยกำแพงป้องกันที่สร้างขึ้นระหว่างศตวรรษที่ 9-18 และมีป้อมปราการบนเขาที่เฝ้ามองด้านล่าง ภายในเมืองมีตรอกซอกซอยที่สร้างจากหินเป็นลำดับ ซึ่งนำพาไปสู่จัตุรัสที่เต็มไปด้วยร้านบูติกร้านกาแฟที่ทันสมัย แต่ยังคงมีเสน่ห์จากโครงสร้างโบราณที่สร้างขึ้นจากยุคกลาง โคเตอร์เคยเป็นท่าเรือที่สำคัญในเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของเซอร์เบีย โดยมีทั้งศูนย์เรียนรู้เกี่ยวกับงานปูนและไอคอนนิก นอกจากนี้ ท่าเรือปอร์โต้มอนเตเนโกรซึ่งเปิดในปี 2011 ยังออกแบบมาเพื่อต้อนรับเรือซุปเปอร์ยอชต์ชั้นนำของโลก อีกทั้งยังมีหมู่บ้านชายหาดที่งดงามรอบอ่าว เช่น เมืองเล็กๆ อย่างมูโอ (Muo) และเพอราสต์ (Perast) ที่คุณไม่ควรพลาด แวะชมวิวเบื้องหน้าที่งดงามของอ่าวนี้ทำให้การเดินทางของคุณเติมเต็มด้วยประสบการณ์ที่น่าลุ่มหลงและไม่รู้ลืม

เมื่อคุณก้าวเท้าสู่เมืองโครฟู (Corfu) คุณจะได้สัมผัสกับเสน่ห์ที่มีมาช้านานที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวของหลายวัฒนธรรม เมืองหลวงที่มีชีวิตชีวานี้ตั้งอยู่บริเวณกลางชายฝั่งตะวันออกของเกาะโครฟู เป็นจุดศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและมีใจกลางเมืองที่ได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในปี 2007 ไม่ว่าคุณจะเดินทางมาทางเรือเฟอร์รี่จากแผ่นดินใหญ่หรืออิตาลี หรือบินตรงมายังสนามบิน ณ โครฟู เมืองนี้คือจุดแวะพักที่เต็มไปด้วยความงาม ทางเดินเล็ก ๆ ในเขตคนเดินยกระดับให้คุณเดินชมสถาปัตยกรรมเก่าแก่ของเมือง โดยคุณสามารถผ่อนคลายด้วยการจิบกาแฟหรือไอศกรีมที่ Liston Arcade ที่มีร่มเงา ควรใช้เวลาสำรวจพระราชวังมอน เรโปส (Mon Repos) โดยขึ้นรถไฟท่องเที่ยวที่ให้บริการในช่วงฤดูร้อน และเมื่อถึงเวลาค่ำคืน เมืองนี้จะมีบรรยากาศที่แตกต่างด้วยร้านอาหารท้องถิ่นที่เสิร์ฟอาหารชั้นเลิศของเกาะ การเดินทางในเมืองโครฟูเป็นไปอย่างสะดวกสบาย คุณสามารถเดินเท้าสำรวจได้ทั่วถึง เมืองมีความเล็กพอที่คุณจึงไม่ต้องพึ่งพารถบัสที่ไม่สามารถเข้าถึงในเขตประวัติศาสตร์ หากคุณเดินทางมาทางเฟอร์รี่หรือเครื่องบิน แนะนำให้ใช้แท็กซี่ซึ่งจะพาคุณไปยังโรงแรมได้ในราคาเพียง 10 ยูโร ห้ามพลาด!

ท่าเรืออาร์โกสโตลี ประเทศกรีซ ตั้งอยู่บนเกาะเคฟาลอนีย์ เป็นจุดหมายที่แสนล้ำค่า สำหรับผู้ที่รักการเดินทางด้วยเรือสำราญ แม้เมืองนี้จะต้องเผชิญกับความหายนะในสงครามโลกครั้งที่ 2 และแผ่นดินไหวที่รุนแรง แต่ปัจจุบัน อาร์โกสโตลีนั้นกลับโชว์อัตลักษณ์เอกลักษณ์และความงดงามของธรรมชาติอย่างมีศักดิ์ศรี ท่าเรือขนาดใหญ่ด้านตะวันออกของอาร์โกสโตลี ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่แวะมาเยือนจากทั่วทุกมุมโลก ความมีชีวิตชีวาของเมืองนี้สะท้อนผ่านการเดินเล่นในบางกอกหินริมทะเล ที่มีคาเฟ่ที่พร้อมเสิร์ฟอูโซเหล้าองุ่นที่เลื่องชื่อ และผลไม้สดจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนให้ได้ลิ้มลอง ในตลาดกลางแจ้งที่นักท่องเที่ยวสามารถเลือกสรรสิ่งแปลกใหม่ได้ตามใจชอบ นอกจากบรรยากาศที่รื่นรมย์ ผู้เข้าชมยังสามารถสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวรอบๆ ที่เพียบพร้อมไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม อาทิเช่น ชายหาดที่มีทิวทัศน์อันงดงาม และทัศนียภาพของภูเขาในระยะไกล ท่าเรืออาร์โกสโตลีจะเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความทรงจำที่ไม่มีวันลืมสำหรับการเดินทางในฝันของคุณ.

คาทาเนีย (Catania) คือเมืองท่าสำคัญที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันออกของซิซิลี บริเวณเชิงเขาไฟเอตนา (Mt. Etna) ที่มีชื่อเสียงในเรื่องความงามและสภาพแวดล้อมที่น่าตื่นตาตื่นใจ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปตามเส้นทางขึ้นเขาเพื่อสัมผัสประสบการณ์การปีนเขาที่จะพาไปสู่ยอดเขาที่เต็มไปด้วยมุมมองอันงดงาม ใจกลางเมืองคือจัตุรัสกัวโด ดูโอโม่ (Piazza del Duomo) ที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น โดยมีฟอนตาน่า เดลเลฟานเต้ (Fontana dell'Elefante) ที่ตั้งอยู่เป็นสัญลักษณ์ประจำเมือง และโบสถ์คาทานียาที่มีการตกแต่งอย่างหรูหรา สำหรับผู้ที่ชื่นชอบวัฒนธรรมท้องถิ่น ตลาดปลา "ลาปิเชอเรีย" (La Pescheria) ในมุมตะวันตกเฉียงใต้ของจัตุรัสเป็นแหล่งสนุกสนานที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา คุณจะได้สัมผัสกลิ่นอายของอาหารทะเลสดใหม่ ทั้งยังมีร้านอาหารมากมายที่บริการอาหารอันแสนอร่อย การเยือนคาทาเนียจึงไม่เพียงแค่การสัมผัสความรักในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม แต่ยังเป็นโอกาสในการดื่มด่ำกับความงามของธรรมชาติและลิ้มรสอาหารที่มีเอกลักษณ์ของซิซิลี เตรียมพร้อมให้คุณเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ในการเดินทางครั้งนี้!

ท่าเรือซาเลร์โน (Salerno) ตั้งอยู่บนอ่าวซาเลร์โนในประเทศอิตาลี เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าหลงใหลไม่เพียงแต่ด้วยทิวทัศน์ทะเลที่งดงาม แต่ยังอัดแน่นด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันลึกซึ้ง ซาเลร์โนมีชื่อเสียงเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยการแพทย์แห่งแรกของโลก ส่งผลให้เมืองนี้เป็นศูนย์กลางด้านความรู้และการศึกษาในสมัยโบราณ นักท่องเที่ยวที่แวะมาที่นี่จะได้สัมผัสกับอากาศบริสุทธิ์และแสงแดดอ่อนๆ พร้อมกับการเดินเล่นตามชายหาดที่มีทรายละเอียดทำให้รู้สึกผ่อนคลายใจกลางทัศนียภาพที่สวยงาม ชิมอาหารอิตาเลียนแท้ ๆ ที่หลากหลาย ทั้งพาสต้า วุ้นเส้น และอาหารทะเลสดใหม่ที่ปรุงอย่างพิถีพิถันจากฝีมือเชฟในท้องถิ่น ทำให้ทุกมื้อเป็นประสบการณ์พิเศษ นอกจากนี้ ซาเลร์โนยังเป็นประตูสู่แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอื่น ๆ อาทิเช่น ชายฝั่งอามาลฟี (Amalfi Coast) ที่โด่งดังในเรื่องความสวยงามของธรรมชาติและหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ รวมทั้งเมืองอามาลฟีและโพสิตาโนที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด ด้วยบรรยากาศที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และวัฒนธรรม, ท่าเรือซาเลร์โนคือไม่เพียงแค่จุดแวะที่ครบครัน แต่ยังเป็นสถานที่ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนใฝ่ฝันถึงการเดินทางในอิตาลีที่น่าตื่นเต้นนี้อย่างแท้จริง

เมื่อคุณเดินทางมาถึงท่าเรือซิวิต้เวคเคียในอิตาลี บรรยากาศสไตล์อิตาเลียนกำลังรอคอยการค้นพบของคุณอยู่ เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของกรุงโรมซึ่งมีอายุกว่า 2,500 ปี ที่ซึ่งมีอาณาจักรจักรพรรดิ พระสันตะปาปา ศิลปิน และผู้คนธรรมดา ได้สร้างมรดกที่ไม่อาจลืมเลือน ตั้งแต่ซากโบราณของกรุงโรมไปจนถึงศิลปะในโบสถ์ที่เต็มไปด้วยความงดงาม และสมบัติอันล้ำค่าของนครวาติกัน ไม่ว่าคุณจะตั้งใจเดินเที่ยวชม Colosseum ที่เป็นสัญลักษณ์ วัด Pantheon อันยิ่งใหญ่ หรือจะใช้เวลาเพลิดเพลินที่ Campo de' Fiori ด้วยกาแฟสักถ้วยในยามสาย การเดินทางนี้จะทำให้คุณรู้สึกเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์อันยาวนาน และสัมผัสบรรยากาศแห่งความมีชีวิตชีวาในทุก ๆ มุมมอง ที่นี่คุณยังสามารถเลือกที่จะผ่อนคลายท่ามกลางความสงบในจัตุรัสที่มีเสน่ห์ ใช้เวลาชมผู้คนและดื่มด่ำกับชัยชนะของการใช้ชีวิตอย่างช้าๆ การสำรวจซิวิต้เวคเคียและกรุงโรมจะเป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน โดยจะเชื่อมโยงคุณกับวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของอิตาลีในทุกย่างก้าวที่คุณเดิน ทุกๆ สนามหญ้าและจุดหมาย เป็นข้อเสนอที่อัดแน่นไปด้วยความงดงามและแรงบันดาลใจที่คิดไม่ถึง


ท่าเรือมาร์เซย์ (Marseille) เมืองที่ได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองหลวงวัฒนธรรมแห่งยุโรปในปี 2013 ได้รับการปรับเปลี่ยนอย่างมหาศาล ด้วยการลงทุนกว่า 660 ล้านยูโร เพื่อสร้างศูนย์ศิลป์ใหม่ ๆ มากมาย ท่าเรือได้รับการปรับปรุงอย่างงดงาม ถนนหนทางและย่านต่าง ๆ กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่มีชีวิตชีวา คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวสุดสัปดาห์ มาร์เซย์เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของฝรั่งเศส ซึ่งเต็มไปด้วยสีสันและชีวิตชีวา มีประวัติศาสตร์ที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยวัฒนธรรม ตั้งแต่คราวที่ชาวฟินีเชียนและกรีกมายังท่าเรือในปี 600 ปีก่อนคริสต์ศักราช จนกระทั่งสงครามและการเปลี่ยนแปลงมากมายได้สร้างรูปแบบใหม่ให้กับเมือง วันนี้ มาเยือนที่ท่าเรือเก่า (Vieux Port) คุณจะได้สัมผัสบรรยากาศของเมืองที่มีเสน่ห์และความหลากหลาย ทั้งร้านค้า หอศิลป์และร้านอาหารที่ลงทุนสร้างใหม่อย่างทันสมัย มาร์เซย์จึงไม่ใช่แค่ท่าเรือ แต่เป็นสัญลักษณ์ของการรวมตัวของวัฒนธรรมที่โดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นอาหารท้องถิ่น หรือการแสดงศิลปะที่หลั่งไหลไม่ขาดสาย หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์การเดินทางที่น่าตื่นเต้นและมีเสน่ห์ ต้องไม่พลาดที่จะเยือนมาร์เซย์ซึ่งเต็มไปด้วย charm และ history ที่คุณจะไม่มีวันลืม.

บาร์เซโลนา สเปน เมืองที่ไม่เคยหลับใหล เต็มไปด้วยสีสันและชีวิตที่คึกคัก เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด ด้วยเสน่ห์ที่ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมโบราณและทันสมัย บาร์เซโลนาพร้อมให้คุณลิ้มรสประสบการณ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่ทิวทัศน์งดงามของย่านบาร์รี โกธิค (Barri Gòtic) ที่เต็มไปด้วยซอกมุมแห่งประวัติศาสตร์ ไปจนถึงความสวยงามของงานศิลปะและสถาปัตยกรรมแบบนูโวที่ไม่ซ้ำใคร การเดินเล่นเลียบเลาะเลนด์ลาฟลามบลา (La Rambla) และชายหาดบาร์เซโลเนต้า (Barceloneta) จะทำให้คุณได้สัมผัสกับบรรยากาศริมทะเลที่อบอุ่น และการชมโบสถ์ซากราดา ฟามีเลีย (Sagrada Família) ผลงานชิ้นเอกของอันโตนี เกาดี ที่สะท้อนถึงความละเอียดอ่อนทางศิลปะอย่างแท้จริง ไม่เพียงเท่านี้ บาร์เซโลนายังมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่และร้านค้าที่โดดเด่นที่จะทำให้คุณหลงใหลตลอดทั้งวัน สัมผัสวัฒนธรรมและความตื่นเต้นในยามค่ำคืนด้วยการเพลิดเพลินกับไวน์และอาหารท้องถิ่นในบาร์ทาปาสที่มีชีวิตชีวา ขอเชิญคุณมาสำรวจบาร์เซโลนา เมืองที่ดูแลคุณด้วยประสบการณ์ด้านรสชาติและความงามในทุกแง่มุม!

ปัลม่า เดอ มายอร์กา เมืองหลวงที่มีเสน่ห์ของเกาะมายอร์กาในสเปน เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่หลากหลาย เมื่อเดินทางมาที่ท่าเรือ ปัลม่า คุณจะได้พบกับคาเฟ่และร้านค้าแนวทันสมัยที่ตั้งอยู่ในตัวเมือง การเยี่ยมชมโบสถ์ La Seu ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมือง จะทำให้คุณได้สัมผัสกับความงดงามของสถาปัตยกรรมโกธิคที่ล้ำค่าจริงๆ ไม่ไกลจากนั้น สวนสาธารณะ Parc de la Mar มอบบรรยากาศผ่อนคลาย ท่ามกลางวิวทะเลอันสวยงาม คุณสามารถเดินเล่นไปตามแนวกำแพงเมืองเก่า Ses Voltes ที่ไปตามรอบของโบสถ์พร้อมชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ฉายแสงสะท้อนบนหน้าผาอันงดงาม สำหรับผู้ที่รักการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ให้แวะชม Museu d'Es Baluard ซึ่งจัดแสดงผลงานศิลปะร่วมสมัย ผสมผสานระหว่างศิลปะและวิวทะเลอันน่าหลงใหล เมืองปัลม่าไม่เพียงแค่เป็นที่จอดเรือสำราญ แต่อย่างไรยังเป็นเวทีที่ให้คุณได้ค้นพบความงามและประสบการณ์ใหม่ๆ ในการเดินทางที่ไม่มีวันลืมเลือน สัมผัสชีวิตในสไตล์ที่สุดขีด ณ ปัลม่า เดอ มายอร์กา และให้ความฝันของคุณเป็นจริงในดินแดนแห่งนี้!

มาทำความรู้จักกับเมืองวาเลนเซีย ประเทศสเปน ซึ่งเป็นเมืองที่มีเสน่ห์และความหลากหลายที่น่าหลงไหล วาเลนเซียเป็นเมืองที่มีขนาดเป็นอันดับสามของสเปน มีชีวิตชีวาด้วยกิจกรรมยามค่ำคืน ร้านอาหารรสเลิศ และพิพิธภัณฑ์ที่มีคุณภาพ เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวหลายคนมุ่งหมายไปเยี่ยมชมตลอดทั้งปี ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนาน วาเลนเซียเคยเป็นที่ตั้งของรัฐบาลผู้ภักดีต่อสาธารณรัฐในช่วงสงครามกลางเมืองสเปน และในปัจจุบันเมืองนี้แสดงถึงความทันสมัยของสเปน ด้วยสถาปัตยกรรมที่แปลกใหม่และการทำอาหารที่มีความคิดสร้างสรรค์ แต่ยังคงรักษาประเพณีที่สำคัญไว้อย่างเกียรติ แม้ว่าวาเลนเซียจะอยู่ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แต่ประวัติศาสตร์ของเมืองนี้ถูกหล่อหลอมจากแม่น้ำทูเรียที่สร้างความอุดมสมบูรณ์ให้กับพื้นที่รอบๆ สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าประทับใจ เช่น Ciutat de les Arts i les Ciències ที่ออกแบบโดยสถาปนิกมีชื่อ ซานติอาโก คาลาตราวา รวมถึงสวนธรรมชาติอัลบูเฟร่าที่เหมาะสำหรับการเยี่ยมชม การเดินทางมาที่วาเลนเซียจึงเป็นการเปิดโลกทัศน์ใหม่ที่ผสมผสานทั้งศิลปะ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมอย่างลงตัว มาเริ่มต้นการเดินทางสุดหรูด้วยตัวคุณเองในเมืองนี้กันเถอะ!

คาร์ตาเฆนา ตั้งอยู่ในภูมิภาคมูร์เซีย ทางตะวันออกเฉียงใต้ของสเปน เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และเป็นท่าเรือสำคัญของกองทัพเรือสเปน จากอ่าวที่เงียบสงบซึ่งเป็นที่พักพิงของเรือสินค้าต่าง ๆ มานานหลายศตวรรษ เมืองนี้ก่อตั้งโดยคาร์เธจในปี 223 ก่อนคริสต์ศักราช และได้รับชื่อว่า "การ์ตาโก โนวา" นอกจากนี้ยังเคยเป็นอาณานิคมโรมันที่เฟื่องฟู จนกระทั่งขึ้นชื่อว่าเป็นศูนย์กลางการค้าของไบเซนไทน์อีกด้วย ในปัจจุบัน คาร์ตาเฆนายังคงมีความสำคัญด้านการทหาร ตั้งแต่สมัยของพระเจ้าเฟลิเป II ซึ่งได้สร้างกำแพงป้องกันเมืองเพื่อคุ้มครองท่าเรือ จนถึงยุคราชวงศ์บูร์บอนในศตวรรษที่ 18 เมืองนี้ยังคงมอบความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวด้วยโบราณสถานที่ฟื้นฟู เช่น โรงละครโรมันที่ได้รับการเปิดเผยและเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ปี 1988 เมื่อคุณมีเวลาว่าง อย่าลืมสัมผัสเสน่ห์ของคาร์ตาเฆนาผ่านการล่องเรือรอบท่าเรือที่มีประวัติศาสตร์ซึ่งให้บริการหลายครั้งต่อวัน ใช้เวลาประมาณ 40 นาที โดยไม่จำเป็นต้องจองล่วงหน้า ความงดงามของเมืองนี้จะทำให้คุณหลงรักและฝันถึงการกลับมาอีกครั้งอย่างแน่นอน

อาลิกันเต้ เมืองหลวงของจังหวัดวัลเลนเซีย เป็นประตูสู่การต้อนรับนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามายังรีสอร์ทในคอสตาบลังก้าทุกปี ด้วยภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียนที่อบอุ่นและชายหาดทรายทองที่ยาวเหยียด อาลิกันเต้เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การพักผ่อนในวันหยุดพักผ่อนอย่างแท้จริง แต่เมืองนี้ยังมีเสน่ห์มากกว่านั้นอีกหลายประการ ริมทะเลที่งดงามของอาลิกันเต้ตัดกับวิวของปราสาทซานตาบาร์บาราที่ตั้งตระหง่านเหนือเมือง ซึ่งสื่อถึงประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและซับซ้อน ชวนให้คุณสำรวจเส้นทางเดินชมวิวที่น่าตื่นตาตื่นใจ พร้อมสัมผัสกับประวัติศาสตร์ของชนชาติและวัฒนธรรมที่ริเริ่มมาจากหลากหลายยุคสมัย เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ชีวิตในอาลิกันเต้ยังคงคึกคักไม่หยุดนิ่ง ด้วยบรรยากาศของไนท์ไลฟ์ที่เต็มไปด้วยสีสันและร้านอาหารที่เสิร์ฟอาหารเมดิเตอร์เรเนียนรสเลิศครบครัน ไม่ว่าคุณจะเป็นนักท่องเที่ยวที่หลงใหลในความสวยงามของธรรมชาติ หรือผู้ที่สนใจในวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ อาลิกันเต้คือจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดในการเดินทางสู่ประเทศสเปนที่เต็มไปด้วยเสน่ห์เหล่านี้!

มอทริล (Motril) เมืองใหญ่ที่สุดบนชายฝั่งคอสต้าโทรปิคัล (Costa Tropical) ในภูมิภาคอันดาลูเซียของสเปน ถือเป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสความงดงามของย่านนี้ เมืองมอทริลตั้งอยู่ห่างจากมาลากาประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง โดยอยู่ระหว่างทะเลและเทือกเขาเซียราเนบาดา (Sierra Nevada) อันยิ่งใหญ่ เมืองนี้ไม่เพียงแต่มีกิจกรรมท่องเที่ยวที่หลากหลาย เช่น ท่าเรือที่คึกคักในด้านการค้า การทำประมง และการพักผ่อน แต่ยังเป็นศูนย์กลางการเกษตรที่อุดมสมบูรณ์ ซึ่งผลิตผลที่รู้จักกันดี ได้แก่ อ้อย ส้ม เลมอน แอปเปิ้ล อะโวคาโด มะม่วง และกล้วย ขึ้นชื่อว่าเป็นภูมิภาคที่มีสภาพอากาศแบบซับทรอปิคัล นักท่องเที่ยวยังสามารถเยี่ยมชมโบสถ์ Nuestra Señora de la Cabeza ซึ่งสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเมือง และอีกทั้งยังสามารถสัมผัสประสบการณ์การเดินชมชายหาดที่งดงามได้อย่างสะดวก ด้วยบรรยากาศสบาย ๆ ที่จะทำให้คุณหลงใหลและอยากกลับมาเยือนอีกครั้ง มอทริลจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดในการสำรวจเสน่ห์ของชายฝั่งอันดาลูเซีย!

ท่าเรือแทนเจียร์ ประเทศโมร็อกโก ตั้งอยู่ ณ จุดกรอบของมหาสมุทรแอตแลนติกและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนาน ตั้งแต่สมัยฟินิเชียนและกรีกโบราณ แทนเจียร์ได้รับชื่อมาจาก Tinge มารดาของฮีราคลิทัส สัญลักษณ์แห่งตำนานที่สะท้อนถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรม ซึ่งปรากฏชัดตั้งแต่อดีตเมื่อเคยเป็นจังหวัดของโรมันและผ่านการปกครองจากหลายประเทศ รวมถึงสเปน โปรตุเกส ฝรั่งเศส และอังกฤษ เมืองแทนเจียร์ตั้งอยู่บนชายฝั่งที่มองเห็นช่องแคบยิบรอลตาร์ และถือเป็นจุดเชื่อมโยงสองทวีป ทำให้เป็นสถานที่ที่มีทัศนียภาพงดงามสุดตระการตา ไม่ว่าคุณจะสำรวจเมืองเก่ากับซุ้มประตูที่สวยงาม หรือเดินเล่นอย่างสบายในย่านใหม่ที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่เก๋ไก๋ คุณจะพบกับศิลปะและวัฒนธรรมที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว สำรวจด้านต่างๆ ของเมืองผ่านกิจกรรมหลากหลาย เช่น ชิมอาหารท้องถิ่นที่อร่อย หรือเยี่ยมชมตลาดพื้นบ้านที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ลงทุนในประสบการณ์ที่ให้คุณเข้าใจลึกซึ้งในจิตวิญญาณของแทนเจียร์ เรียนรู้ที่จะรักในความหลากหลายทางวัฒนธรรมและมิตรภาพที่อบอุ่นของชาวเมือง แล้วคุณจะรู้สึกได้ถึงเสน่ห์ที่ซ่อนเร้นของเมืองนี้ในทุกก้าวที่คุณเดินทาง

เซบียา หรือที่รู้จักในชื่อ Seville เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์และประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 2,200 ปี ตั้งอยู่ในเขตตะวันออกเฉียงใต้ของสเปน เมืองนี้ไม่เพียงแค่เป็นที่รู้จักในเรื่องฟลาเมงโก้ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ แต่ยังมีมรดกโลกที่ได้รับการยกย่องจากยูเนสโกถึงสามแห่ง ซึ่งทำให้เซบียาเป็นจุดหมายที่นักเดินทางไม่ควรพลาด เมืองนี้ยังเป็นสถานที่ที่เคยเป็นบ้านเกิดของศิลปินชื่อดัง ดิเอโก้ เวลาซเกซ และเป็นที่ฝังศพของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส นอกจากนั้น เซบียายังเป็นแรงบันดาลใจในผลงานของบิซเซต์ "คาร์เมน" และเคยเป็นฉากในซีรีส์ Game of Thrones ที่ได้รับความนิยมอีกด้วย สัมผัสความงดงามของเซบียาในถนนที่มีอายุนับศตวรรษ ที่นำเสนอร้านทาปาสเล็กๆ ที่เสิร์ฟอาหารที่อาจถือได้ว่าอร่อยที่สุดในดินแดนใต้ของมาดริด พร้อมกับความสวยงามของสถาปัตยกรรมมูเดฆาร์และสวนที่เต็มไปด้วยน้ำพุและต้นปาล์ม ที่นี่คือโลกแห่งความฝันที่พร้อมให้คุณสำรวจและดื่มด่ำกับวัฒนธรรมอันหลากหลายของสเปนอย่างแท้จริง

ท่าเรือคาซาบลังกาในโมร็อกโกคือหนึ่งในท่าเรือที่มีชีวิตชีวาที่สุดในโลกที่นักเดินทางหรูหราต้องไม่พลาด เมื่อเรือสำราญจอดเทียบท่าสู่เมืองคาซาบลังกา นอกจากจะได้สัมผัสกับบรรยากาศของท่าเรือแล้ว ยังสามารถลุยสำรวจเสน่ห์ของตัวเมืองที่ผสมผสานวัฒนธรรมยุโรป แอฟริกัน และอาหรับได้อย่างลงตัว การเดินผ่านเมืองท่าที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์อาร์ตเดโคและโคโลเนียลฝรั่งเศส คุณจะรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในภาพยนตร์คลาสสิก ด้วยอาคารเก่าแก่ ราคาเรื่อยๆ ของตลาดซูคที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ผู้ค้าในตลาดเหล่านี้จะส่งเสียงเรียกนักท่องเที่ยวด้วยความกระตือรือร้น สร้างบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาและน่าตื่นตาตื่นใจ แหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งคือเมืองเก่าเมดิน่า ที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ดั้งเดิมไว้ด้วยมัสยิดและบ้านเรือนที่สร้างขึ้นในสมัยของโมฮัมเหม็ด เบน อับดัลลาห์ ซึ่งคุณจะได้พบกับความงดงามของประวัติศาสตร์ ความหลากหลายของวัฒนธรรม และการต้อนรับอันอบอุ่นของชาวโมร็อกโก เมื่อมาเยือนคาซาบลังกาในครั้งนี้ คุณจะได้ค้นพบความมหัศจรรย์ที่ซ่อนอยู่ในมุมต่างๆ ของเมืองนี้ และดื่มด่ำกับประสบการณ์สุดพิเศษที่จะตราตรึงอยู่ในใจตลอดไป

พอร์ติมาน (Portimão) เมืองท่าสำคัญของโปรตุเกส ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลที่สวยงาม ได้รับการลงทุนอย่างมากในการพัฒนาเป็นท่าเรือสำราญที่น่าสนใจพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก นอกจากจะเป็นศูนย์กลางการประมงที่สำคัญแล้ว พอร์ติมานยังมีเสน่ห์ที่น่าหลงใหล ด้วยถนนช้อปปิ้งที่หลากหลายและบรรยากาศที่กว้างขวางถึงจะมีธุรกิจบางแห่งต้องปิดตัวลงไป แต่ความมีชีวิตชีวาของเมืองนี้ยังคงน่าดึงดูดอยู่ แนะนำให้คุณใช้เวลาสักครู่ในการเดินเล่นที่ริมน้ำ ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างสะพานเก่าและสะพานรถไฟ เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการสำรวจการล่องเรือชมชายฝั่งที่งดงาม และอย่าลืมแวะจิบกาแฟหรือทานอาหารกลางแจ้งที่คาเฟ่ Doca da Sardinha ที่ซึ่งคุณจะได้สัมผัสประสบการณ์อันยอดเยี่ยมของการรับประทานปลาซาร์ดีนย่างบนเตา พร้อมกับขนมปังสดและไวน์ท้องถิ่นที่มีเสน่ห์ ไม่เพียงแต่จะทำให้คุณอิ่มท้อง แต่ยังเป็นการสร้างความทรงจำที่ยากจะลืมอีกด้วย พอร์ติมานจึงไม่ใช่เพียงแค่จุดแวะพักระหว่างการเดินทาง แต่คือแรงบันดาลใจใหม่ในการสำรวจวัฒนธรรม อาหาร และทิวทัศน์ที่สืบทอดต่อกันมาในโปรตุเกส.


ท่าเรือที่สวยงามและเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอย่าง "โอปอร์ตู" (Oporto) คือเมืองที่สองที่ใหญ่ที่สุดในโปรตุเกส รองจากลิสบอน เมืองนี้มักถูกเรียกสั้นๆ ว่า "ปอร์โต" ซึ่งเป็นชื่อที่ทุกคนนึกถึงเมื่อพูดถึงองุ่นส่งตรงสำหรับผลิตไวน์พอร์ตที่มีชื่อเสียงระดับโลก ท่าเรือโอปอร์ตูตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโดรู และมีบทบาทสำคัญมาตั้งแต่อดีต เมื่อชาวโรมันสร้างป้อมปราการที่นี่ เพื่อควบคุมเส้นทางการค้า ด้วยการที่เมืองนี้คือจุดแวะสำคัญสำหรับเหล่าผู้จาริกแสวงบุญในอดีต ทำให้โอปอร์ตูร่ำรวยจากการค้าและการค้นพบทางทะเลในศตวรรษที่ 15 และ 16 การค้าขายไวน์พอร์ตกับอังกฤษในภายหลังยังทำให้เมืองนี้เกิดการเจริญรุ่งเรืองอย่างไม่หยุดยั้ง จนกระทั่งกลายเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์ ด้วยสะพานที่สวยงามข้ามแม่น้ำโดรู เสน่ห์ของย่านริมน้ำที่มีชีวิตชีวา และโรงไวน์พอร์ตที่มีชื่อเสียง เมืองนี้ไม่ได้เป็นเพียงจุดหมายปลายทาง แต่ยังเป็นศูนย์รวมวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่มีเอกลักษณ์ ออกแบบมาสำหรับผู้ที่มองหาประสบการณ์การเดินทางที่เหนือระดับ เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจในการค้นหาความงามของโลกที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในทุกมุมเมือง

ท่าเรือลิสบอนตั้งอยู่ริมน้ำแทกุส สร้างขึ้นบนเนินเขาสูงเจ็ดลูก ซึ่งทำให้ลิสบอนกลายเป็นเมืองที่งดงามและเปล่งประกายด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมที่หลากหลายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พร้อมทั้งรถรางไม้ที่ให้บรรยากาศย้อนยุค อันเป็นเอกลักษณ์ของเมืองแห่งนี้ ท่านจะได้เดินเล่นใน Praça do Comércio ซึ่งคือจัตุรัสอันกว้างใหญ่ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ที่ถูกออกแบบให้สวยงามโดยมาร์คิวสแห่งปอมบาล หลังจากแผ่นดินไหวที่ทำลายล้างในศตวรรษที่ 18 การเยี่ยมชมลิสบอนจึงไม่เพียงแค่ชมความงามพระอาทิตย์ตกแบบโรแมนติกใต้สะพาน 25 Abril แต่ยังมีกิจกรรมช้อปปิ้งและสัมผัสวัฒนธรรมในเมืองเก่า ที่สร้างอยู่บนเนินเขาที่ลาดเอียง การแวะเยือนของเรือสำราญที่ท่าเรือลิสบอนทำให้ท่านมีโอกาสสัมผัสทั้งวัฒนธรรมและความงามของเมืองที่ไม่สิ้นสุด ซึ่งรอให้คุณได้ค้นพบในทุกมุมถนน รับประสบการณ์อันหรูหราจากการเดินทางในครั้งนี้ และสัมผัสความมหัศจรรย์ของลิสบอนที่สามารถทำให้หัวใจคุณเต้นแรงได้ในทุก ๆ ช่วงเวลา

ท่าเรือที่สวยงามและเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอย่าง "โอปอร์ตู" (Oporto) คือเมืองที่สองที่ใหญ่ที่สุดในโปรตุเกส รองจากลิสบอน เมืองนี้มักถูกเรียกสั้นๆ ว่า "ปอร์โต" ซึ่งเป็นชื่อที่ทุกคนนึกถึงเมื่อพูดถึงองุ่นส่งตรงสำหรับผลิตไวน์พอร์ตที่มีชื่อเสียงระดับโลก ท่าเรือโอปอร์ตูตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโดรู และมีบทบาทสำคัญมาตั้งแต่อดีต เมื่อชาวโรมันสร้างป้อมปราการที่นี่ เพื่อควบคุมเส้นทางการค้า ด้วยการที่เมืองนี้คือจุดแวะสำคัญสำหรับเหล่าผู้จาริกแสวงบุญในอดีต ทำให้โอปอร์ตูร่ำรวยจากการค้าและการค้นพบทางทะเลในศตวรรษที่ 15 และ 16 การค้าขายไวน์พอร์ตกับอังกฤษในภายหลังยังทำให้เมืองนี้เกิดการเจริญรุ่งเรืองอย่างไม่หยุดยั้ง จนกระทั่งกลายเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์ ด้วยสะพานที่สวยงามข้ามแม่น้ำโดรู เสน่ห์ของย่านริมน้ำที่มีชีวิตชีวา และโรงไวน์พอร์ตที่มีชื่อเสียง เมืองนี้ไม่ได้เป็นเพียงจุดหมายปลายทาง แต่ยังเป็นศูนย์รวมวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่มีเอกลักษณ์ ออกแบบมาสำหรับผู้ที่มองหาประสบการณ์การเดินทางที่เหนือระดับ เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจในการค้นหาความงามของโลกที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในทุกมุมเมือง

ท่าเรือที่เมืองวีโก (Vigo) ประเทศสเปน เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดสำหรับนักเดินทางผู้หลงใหลในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เมืองวีโกมีท่าเรือธรรมชาติที่งดงามและถือเป็นท่าเรือประมงที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังมีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ โดยในปี 1702 สถานที่นี้เคยเป็นสมรภูมิที่ฝ่ายอังกฤษและชาวดัตช์สามารถเอาชนะกองเรือฝรั่งเศสและสเปนได้ เมืองวีโกเต็มไปด้วยความหลากหลาย โดยมีท่าเรือที่สวยงามให้คุณได้พักผ่อนและสัมผัสกับบรรยากาศของการประมง ต่อมา การเดินเที่ยวชมเมืองทำให้คุณได้พบกับสถาปัตยกรรมแบบยุคศตวรรษที่ 17 และภูมิประเทศที่สวยงามโดยรอบ เมืองเก่าที่มีเสน่ห์เต็มไปด้วยตรอกซอกซอยที่แคบและจตุรัสที่มีร่มเงาเป็นจุดเด่นที่น่าสนใจ นอกจากนี้ การเดินทางไปยังเมืองทุย (Tui) ซึ่งเป็นที่ตั้งของมหาวิหาร หรือเมืองซานติอาโก เดอ คอมโพสเตลลาที่มีชื่อเสียงในฐานะศูนย์รวมการแสวงบุญเพียง 1 ชั่วโมง 15 นาทีจากวีโก จะเป็นประสบการณ์ที่เติมเต็มความทรงจำในการเดินทางของคุณอย่างแน่นอน อย่าพลาดที่จะค้นหาความงามของวีโกและเสน่ห์ที่รอคอยคุณอยู่ในแต่ละซอกมุมของเมืองนี้!

ลาคอรุญ่า คือเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคกาลิเซีย ประเทศสเปน และเป็นหนึ่งในท่าเรือที่คึกคักที่สุดของประเทศ ตั้งอยู่ในมุมตะวันตกเฉียงเหนือของคาบสมุทรไอบีเรีย โดยมีทิวทัศน์ที่เขียวชอุ่มและหมอกลงหนา แตกต่างจากภูมิภาคอื่น ๆ ของสเปน ชื่อ "กาลิเซีย" มีรากศัพท์มาจากภาษาเซลติก ซึ่งเป็นที่อยู่ของเซลติคในช่วงศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์ศักราช ลาคอรุญ่า เคยเป็นท่าเรือที่สำคัญตั้งแต่สมัยโรมัน และพัฒนาเป็นศูนย์กลางการค้าขายที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 15 เมื่อได้รับสิทธิในการค้ากับอเมริกาในปี 1720 ความงดงามของลาคอรุญ่าสะท้อนผ่านอาคารแบบกระจกซึ่งทำให้เมืองนี้ได้รับชื่อว่า "เมืองแห่งคริสตัล" และสถานที่สำคัญอย่างจัตุรัสมาเรียพิทา ซึ่งเป็นเกียรติแก่หญิงผู้กล้าที่เคยปกป้องเมืองในปี 1589 ปัจจุบัน เมืองประกอบด้วยสามเขตที่แตกต่างกัน ได้แก่ เขตกลางเมือง ธุรกิจ และ “เอนซานเช่” ที่มีคลังสินค้าและโรงงาน อย่าพลาดโอกาสในการสำรวจวัฒนธรรมท้องถิ่นและสัมผัสกับประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของเมืองนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยความน่าสนใจและแรงบันดาลใจที่ทำให้ผู้มาเยือนต้องกลับมาอีกครั้ง.

ท่าเรือกิฮอน (Gijón) ประเทศสเปน เป็นจุดหมายที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยบรรยากาศที่ผสมผสานระหว่างประวัติศาสตร์และความทันสมัย ตั้งอยู่ริมทะเลในภูมิภาคอAsturias กิฮอนเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ด้วยหลักฐานทางโบราณคดีจากสมัยโรมัน เช่น สปา Campo Valdés ซึ่งมีอายุย้อนกลับไปถึงศตวรรษที่ 1 ที่เป็นจุดเด่นใจกลางเมืองและเป็นตัวแทนของประวัติศาสตร์อันรุ่งเรืองของเมือง ในอดีต กิฮอนเกือบถูกทำลายในศตวรรษที่ 14 แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นท่าเรือและเมืองอุตสาหกรรมที่เจริญรุ่งเรือง พื้นที่เมืองเต็มไปด้วยร้านกาแฟ อาหารท้องถิ่น และ sidrerías ร้านที่ขึ้นชื่อในเรื่องของแอปเปิ้ลซีดรา (Cider) ที่คุณไม่ควรพลาด ยามที่คุณเดินทางมาถึง ท่านยังสามารถพบกับชายหาดที่งดงามซึ่งเหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ เพิ่มเติมด้วยกิจกรรมหลากหลายที่น่าสนใจ ทำให้กิฮอนไม่เพียงแต่เป็นท่าเรือ แต่ยังเป็นจุดหมายที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา รอคอยให้คุณได้สัมผัสและค้นพบเสน่ห์ของเมืองนี้อย่างแท้จริง

บิลบาว (Bilbao) เมืองที่ตั้งอยู่ในแคว้นบาสก์ ของประเทศสเปน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางศิลปะและสถาปัตยกรรมได้สร้างความโดดเด่นให้กับเมืองนี้อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน หลังจากการเปิดตัวพิพิธภัณฑ์กุกเกนไฮม์ (Guggenheim Museum) ที่ออกแบบโดย Frank Gehry เมืองนี้ได้กลายเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมแห่งใหม่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างมากมาย นอกจากพิพิธภัณฑ์แล้ว สถานที่สำคัญอื่น ๆ เช่น สถานีรถไฟใต้ดินที่ออกแบบโดย Norman Foster และสวนสาธารณะ Abandoibarra ก็เป็นจุดเด่นที่ไม่ควรพลาดในการเยือนเมืองนี้ อย่าลืมเดินชมย่านเก่าของบิลบาวที่เรียกว่า "คาสโก วิเอโก" (Casco Viejo) ซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารที่มีเสน่ห์ แถมยังมีตลาดกลางแจ้งที่ Plaza Nueva ซึ่งจัดขึ้นทุกเช้าวันอาทิตย์ ในการเดินเล่นริมแม่น้ำเนร์บิโอ (Nervión) คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศอันงดงาม ที่มีความรุ่งเรืองจากอดีตสู่ปัจจุบัน สำหรับผู้หลงใหลในอาหาร บิลบาวมีชื่อเสียงด้านความอร่อย โดยเฉพาะอาหารบาสก์ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง และหากมีโอกาส อย่าลืมขึ้นรถราง Euskotram เพื่อสัมผัสการเดินทางริมแม่น้ำใจกลางเมือง มาร่วมตะลุยและค้นพบความงดงามของบิลบาว ที่คุณจะจดจำไปตลอดชีวิต!



ในใจกลางของเกาะเกิร์นซีย์ จะมีท่าเรือที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อย่าง เซนต์ปีเตอร์พอร์ต ท่าเรือที่น่าหลงใหลนี้เป็นจุดหมายปลายทางที่คุณจะประทับใจตั้งแต่ก้าวแรก ด้วยถนนที่ปูด้วยหินและดอกไม้สวยงามที่เบ่งบานตามมุมถนนทุกเส้น รวมถึงโบสถ์เล็กๆ ที่ให้บรรยากาศอบอุ่นและโรแมนติก เป็นเมืองหลวงของเกิร์นซีย์ เซนต์ปีเตอร์พอร์ตมีทุกสิ่งที่คุณต้องการในการสำรวจสัมผัสประวัติศาสตร์ที่น่าทึ่งและชายหาดที่สวยงาม ที่สำคัญคือ ป้อมปราการเก่าแก่ของคาสเซิลคอร์เน็ต ที่มีอายุกว่าร้อยปี ตั้งตระหง่านอยู่เหนือท่าเรือ เป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดที่คุณจะได้เห็นทิวทัศน์อันงดงามของอ่าว และชายฝั่งของเกาะอื่นๆ ในช่องแคบอังกฤษ นอกจากนี้ ภายในคาสเซิลยังมีสวนสวย สถานที่จัดแสดงนิทรรศการทางประวัติศาสตร์ รวมถึงพิพิธภัณฑ์ที่นำเสนอเรื่องราวต่างๆ ของเกิร์นซีย์ ทำให้คุณต้องใช้เวลาสำรวจอย่างเพลิดเพลิน ไม่ว่าคุณจะเป็นนักท่องเที่ยวที่มองหาประสบการณ์การเดินทางที่แตกต่าง หรือผู้ที่ต้องการพักผ่อนในบรรยากาศที่เงียบสงบ เซนต์ปีเตอร์พอร์ตสามารถตอบโจทย์คุณได้อย่างครบถ้วน

ท่าเรือเลออาฟร์ (Le Havre) ตั้งอยู่ในนอร์มังดี ประเทศฝรั่งเศส เป็นท่าเรือที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ และมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ตั้งแต่ก่อตั้งโดยกษัตริย์ฟรานซิสที่ 1 ในปี 1517 ที่นี้เคยเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่ถูกพัฒนาขึ้นเมื่อหลายร้อยปีก่อน กลไกการพัฒนาของเมืองเป็นไปตามแผนที่สร้างสรรค์โดยสถาปนิกชื่อดังชาวเบลเยียม ออกุสต์ แปร์เร ซึ่งได้ออกแบบให้เมืองมีความสวยงามและมีเอกลักษณ์ โดยเฉพาะหลังจากที่เมืองต้องเผชิญกับการทำลายล้างในสงครามโลกครั้งที่สอง การฟื้นฟูเมืองเลออาฟร์ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกในปี 2005 ทำให้เมืองนี้กลายเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวที่แสวงหาความงดงามและประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสกับศิลปะและวัฒนธรรมท้องถิ่นในพิพิธภัณฑ์ รวมถึงเยี่ยมชมสถานที่สำคัญต่างๆ อาทิ ท่าเรือเก่าและโบสถ์ที่มีสถาปัตยกรรมที่ลงตัว ร่วมเดินทางไปกับทัวร์หรูที่ทำให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์อันเหลือเชื่อในเมืองเลออาฟร์แห่งนี้ ที่จะทำให้ทุกการเดินทางของคุณน่าจดจำยิ่งขึ้น

เมื่อพูดถึงประเทศเนเธอร์แลนด์ หลายคนอาจนึกถึงภาพของคลองสวยงามและมิลล์ลที่เคลื่อนตัวไปตามลม แต่ถ้าคุณเยี่ยมชมที่ท่าเรือรอตเตอร์ดัม คุณจะได้สัมผัสกับอีกด้านหนึ่งของความงดงามและเสน่ห์ที่แตกต่างไปจากเดิม รอตเตอร์ดัมคือเมืองที่รวมเอาความทันสมัยเข้ากับวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า ตั้งอยู่เป็นหนึ่งในท่าเรือที่วุ่นวายที่สุดในโลก เมื่อคุณเดินทางมายังรอตเตอร์ดัม นอกจากการสำรวจท่าเรืออันกว้างใหญ่แล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายให้คุณได้สัมผัส เริ่มจากสถาปัตยกรรมอันล้ำสมัย ที่สามารถพบเห็นได้ตามตึกสูงต่างๆ เช่น 'Euromast' ที่เปิดโอกาสให้คุณได้ชมวิวเมืองจากมุมสูง นอกจากนี้ ยังมีพิพิธภัณฑ์ Boijmans Van Beuningen ที่นำเสนอผลงานศิลปะจากศิลปินชื่อดัง นอกจากเรื่องวัฒนธรรมแล้ว รอตเตอร์ดัมยังเป็นสวรรค์สำหรับนักชิม ด้วยร้านอาหารและคาเฟ่มากมายที่เสิร์ฟเมนูต้นตำรับจากเนเธอร์แลนด์และนานาชาติ คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์ชิมที่หลากหลาย พร้อมกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา เยี่ยมชมรอตเตอร์ดัม เพื่อค้นพบความงามในรูปแบบใหม่ๆ เสพสุขไปกับการเดินทางที่น่าจดจำในเมืองที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจนี้

ท่าเรือ IJmuiden ตั้งอยู่ในภาคเหนือของเนเธอร์แลนด์ เป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญสู่ทะเลเหนือ โดยมีท่าเรือถึงสี่แห่ง ได้แก่ Vissershaven, Haringhaven, IJmondhaven และ Seaport Marina ที่ใช้สำหรับเรือพาณิชย์และเรือสำราญ ท่าเรือนี้ถือเป็นท่าเรือประมงที่ใหญ่ที่สุดของเนเธอร์แลนด์ แม้ว่าจะเป็นเมืองที่มีอายุยังน้อย แต่ก็เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ IJmuiden ได้รับการพัฒนาขึ้นในช่วงปี 1870 เมื่อมีการเปิดคลองทะเลเหนือ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เมืองนี้ถูกทำลายโดยกองทัพเยอรมัน แต่หลังจากปี 1945 ได้ถูกสร้างขึ้นใหม่โดยสถาปนิก Willem Marinus Dudok ซึ่งออกแบบอาคารที่โดดเด่นอย่าง Stadhuis van Velsen ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาโดยเรือสำราญ IJmuiden คือประตูสู่กรุงอัมสเตอร์ดัม เมืองหลวงของเนเธอร์แลนด์ และเป็นหนึ่งในเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุโรป ที่มีคลองสวยงาม คล้ายคลึงกับภาพวาดที่มีชื่อเสียง นอกจากนั้น ยังมีพิพิธภัณฑ์และแกลเลอรีที่มีงานศิลปะระดับโลก สำหรับการเดินทางจากท่าเรือไปยังใจกลาง IJmuiden มีบริการรถรับส่งฟรี ซึ่งทำให้การเดินทางสะดวกสบายและน่าประทับใจยิ่งขึ้น



ท่าเรือเซ็บรูเก (Zeebrugge) ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลเหนือของเบลเยียม เป็นท่าเรือที่มีความสำคัญและคึกคักที่สุดในยุโรปในยุคปัจจุบัน โดยก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1895 ความสำคัญของท่าเรือนี้ชัดเจนเมื่อมองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ ซึ่งพยายามถูกทำลายหลายครั้งในช่วงสงครามโลกทั้งสองครั้ง แต่ยังคงยืนหยัดเป็นท่าเรือหลักในการประมงของเบลเยียม การเยี่ยมชมเซ็บรูเกจะเป็นประสบการณ์ที่น่าทึ่ง เมื่อคุณมีโอกาสได้เดินทางไปยังเมืองบรูจ (Bruges) ที่อยู่ใกล้เคียง เมืองนี้ได้รับการออกแบบให้เปล่งประกายด้วยสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์อันล้ำค่า อีกทั้งยังสามารถเดินทางไปยังรีสอร์ทชายทะเลที่มีชายหาดทรายยาวได้อย่างสะดวกสบายโดยใช้รถรางที่วิ่งตลอดแนวชายฝั่งเบลเยียม แต่ควรทราบว่าในเบลเยียมไม่อนุญาตให้นำอาหารลงฝั่ง จึงไม่ควรพลาดในการสัมผัสกับรสชาติท้องถิ่นอันหลากหลายที่มีให้เลือกในเมืองและรอบท่าเรือ ด้วยท่าเรือเซ็บรูเกที่พร้อมจะเป็นจุดเริ่มต้นการผจญภัยใหม่ คุณจะได้รับแรงบันดาลใจให้สำรวจสมบัติทางธรรมชาติและวัฒนธรรมที่ลึกซึ้งของเบลเยียมในทุกก้าวที่เดินทาง

ท่าเรือเซาแธมป์ตัน นับเป็นท่าเรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ ตั้งอยู่ที่ปากอ่าวเซาแธมป์ตัน ระหว่างแม่น้ำเทสต์และอิตเชน เมืองแห่งนี้เคยเป็นศูนย์กลางการค้าขายที่สำคัญมาตั้งแต่สมัยกลาง โดยมีการส่งออกขนสัตว์และหนังสัตว์จากพื้นที่รอบ ๆ และนำเข้าผลิตภัณฑ์ไวน์จากบอร์โดซ์ แม้เซาแธมป์ตันจะต้องเผชิญกับการทำลายล้างอย่างหนักในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แต่เมืองนี้ก็ได้ฟื้นฟูและสร้างสรรค์ใหม่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว ด้วยอาคารยุคกลางที่ยังคงเหลืออยู่ เช่น บาร์เกต (Bargate) ที่ถือเป็นหนึ่งในประตูเมืองที่สวยงามที่สุดในอังกฤษ นอกจากท่าเรืออันทันสมัยแล้ว เซาแธมป์ตันยังมีกิจกรรมหลากหลายสำหรับนักเดินทาง ที่สามารถสำรวจเมืองแห่งประวัติศาสตร์และเต็มไปด้วยศิลปะ เช่น พิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ที่นำเสนอผลงานศิลปะระดับโลก และยังเป็นจุดเริ่มต้นที่เหมาะสำหรับการออกไปสัมผัสเสน่ห์ของเมืองใกล้เคียง อย่างบอร์นมัธ และสนามกอล์ฟที่สวยงาม การมาที่เซาแธมป์ตันจึงไม่เพียงแค่การเริ่มต้นการเดินทางด้วยเรือสำราญ แต่ยังเป็นโอกาสในการดื่มด่ำกับความงดงามทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของอังกฤษอย่างไม่รู้จบ


เมืองนิวคาสเซิลอัพพอนไทน์ ประเทศอังกฤษ คือจุดหมายปลายทางที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และวัฒนธรรมอย่างลงตัว ด้วยสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมที่หลากหลาย ทำให้ที่นี่เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยว หากคุณเป็นผู้ที่หลงใหลในศิลปะและการแสดง นิวคาสเซิลมีโรงละครมากที่สุดต่อประชากรในสหราชอาณาจักร ที่สำคัญคือ โรงละคร Royal ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Royal Shakespeare Company อันมีชื่อเสียง นอกจากนี้ หนึ่งในสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของเมืองคือ "Angel of the North" รูปปั้นเหล็กขนาดมหึมาที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางทุ่งหญ้า ซึ่งไม่เพียงแต่จะดึงดูดสายตา ยังสะท้อนถึงนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ของชาวเมืองอีกด้วย สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจด้านวัฒนธรรม นิวคาสเซิลยังมีพิพิธภัณฑ์และแกลอรี่มากมาย รวมถึงพิพิธภัณฑ์ Great North Museum ที่จะพาคุณย้อนกลับไปสู่ประวัติศาสตร์ของภูมิภาค นอกจากนี้ยังมีร้านค้าท้องถิ่นและคาเฟ่ที่พร้อมให้บริการอาหารเลิศรส ทำให้การเยือนนิวคาสเซิลเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำและเติมเต็มความรู้สึกได้เป็นอย่างดี เตรียมตัวให้พร้อม เพื่อพบกับการเดินทางที่น่าทึ่งในเมืองแห่งศิลปะนี้!

เอ็ดินเบอระ (Edinburgh) เมืองหลวงที่งดงามและเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาในสกอตแลนด์ เป็นเมืองที่สร้างขึ้นบนเนินเขาสูงทั้งเจ็ดและมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เต็มไปด้วยเอกลักษณ์และความหลากหลาย อาคารต่างๆ เช่น ปราสาทเอ็ดินเบอระที่ตั้งโดดเด่นบนท้องฟ้าเป็นสัญลักษณ์ของเมือง ความงดงามของสถาปัตยกรรมสไตล์นีโอคลาสสิกและสวนสาธารณะที่เขียวขจีทำให้เมืองนี้มีเสน่ห์ไม่รู้ลืม เอ็ดินเบอระไม่ได้เป็นเพียงแค่เมืองแห่งประวัติศาสตร์ แต่ยังเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมที่จัดเทศกาลนานาชาติเอ็ดินเบอระและเฟรนจ์เฟสติวัลในทุกเดือนสิงหาคม พิพิธภัณฑ์สกอตแลนด์ที่งดงามและแหล่งท่องเที่ยวทางศิลปะต่างๆ ยังเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่น่าสนใจ นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสบรรยากาศที่มีชีวิตชีวา ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน ไม่ว่าจะเป็นการเดินเล่นตามถนนที่มีประวัติศาสตร์หรือลิ้มลองอาหารท้องถิ่นในร้านอาหารหรูหรา การปีนขึ้นไปยังอาเธอร์ ซีท (Arthur's Seat) จะมอบวิวที่งดงามของเมืองและทะเลเหนือ ฟิธ ออฟ ฟอร์ธ (Firth of Forth) ที่สวยงาม ให้เอ็ดินเบอระเป็นจุดหมายในฝันของคุณ สถานที่ที่ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมาบรรจบกันเป็นหนึ่งเดียว เชิญมาสัมผัสประสบการณ์ที่น่าหลงใหลและความตื่นเต้นในการค้นพบเมืองนี้ในทุกมุมมอง!

อเบอร์ดีน เป็นเมืองท่าที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และมีความสำคัญในสกอตแลนด์ โดยมีประชากรประมาณ 220,000 คน ถือเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ เมืองนี้ได้ชื่อว่า "เมืองแกรนิต" หรือ "เมืองเทา" เนื่องจากอาคารหลากหลายหลังสร้างจากแกรนิตสีเทาที่ขุดขึ้นในท้องถิ่น ตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ถึงกลางศตวรรษที่ 20 แกรนิตอเบอร์ดีนยังเคยใช้ในการสร้างอาคารสำคัญๆ อย่างเช่น อาคารรัฐสภาในลอนดอนและสะพานวอเตอร์ลู นอกจากนี้ อเบอร์ดีนยังได้ชื่อว่าเป็น "เมืองหลวงน้ำมันแห่งยุโรป" เนื่องจากมีการค้นพบน้ำมันในทะเลเหนือในช่วงทศวรรษที่ 1970 ทำให้ท่าเรือของเมืองนี้มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจอย่างมาก และสนามบินเฮลิคอปเตอร์ที่เชื่อมต่อไปยังแหล่งน้ำมันในทะเลเหนือ เป็นหนึ่งในสนามบินเฮลิคอปเตอร์ที่คึกคักที่สุดในโลก การเดินทางมายังอเบอร์ดีนจะทำให้คุณได้สัมผัสกับประวัติศาสตร์วรรณกรรมที่ยิ่งใหญ่ และวัฒนธรรมที่น่าหลงใหล อีกทั้งยังมีทิวทัศน์ที่งดงามและทะเลที่สวยงาม ช่วยเติมเต็มประสบการณ์การเดินทางที่หรูหราและน่าจดจำสำหรับนักเดินทางทุกคน

เลอร์วิค เมืองเล็กที่มีเสน่ห์ ตั้งอยู่บนหมู่เกาะเชตแลนด์ (Shetland Islands) ของสกอตแลนด์ เป็นจุดหมายอันดับต้น ๆ สำหรับนักท่องเที่ยวที่มุ่งหน้าเข้าสู่ท่าเรือที่มีชีวิตชีวานี้ เมืองนี้ก่อตั้งขึ้นโดยชาวดัตช์ในศตวรรษที่ 17 และยังคงรักษาความงามของอาคารหินที่เรียกว่า "ล๊อดเบอรีส์" ซึ่งเป็นสถานที่ขนส่งสินค้าที่สำคัญในอดีต นี่คือเสน่ห์ที่ดึงดูดผู้คนและสะท้อนถึงความรุ่งเรืองในอดีตของเมืองนี้ เมื่อเดินเรือเข้าท่าเลอร์วิค คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศของท่าเรือที่ปัจจุบันยังมีความคึกคัก ด้วยถนนที่ปูด้วยแผ่นหินและวิวชายฝั่งที่งดงาม ทำให้ที่นี่เป็นเสมือนประตูสู่การสำรวจความงามของเชตแลนด์ สำหรับนักเดินทางที่มาเยือน ยังมีโอกาสได้พบปะกับวัฒนธรรมชาวเซลติก ที่สำคัญ และการชมธรรมชาติที่น่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นชายหาดที่ป่าเขียวขจีหรือสัตว์ป่าในท้องถิ่น ด้วยความเพลิดเพลินและน่าหลงใหลที่เลอร์วิคมอบให้ คุณจะได้สัมผัสกับการเดินทางที่ไม่เหมือนใคร คอยต้อนรับความตื่นเต้นในทุกขั้นตอนของการสำรวจสมบัติที่ซ่อนอยู่ในภูมิภาคนี้

ยินดีต้อนรับสู่เมืองเคิร์ควอลล์ ซึ่งเป็นเมืองหลักของหมู่เกาะออร์คนีย์ที่สกอตแลนด์ สถานที่ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และเรื่องราวประวัติศาสตร์ในทุกซอกมุม ด้วยถนนเล็ก ๆ ที่คดเคี้ยวและบรรยากาศที่คึกคัก ความประทับใจแรกเมื่อเข้าเมืองคือโบสถ์คันทาร์เบอรี ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่น่าตื่นตาตื่นใจและเป็นสัญลักษณ์ของพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์มากมายที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่ลึกซึ้งของออร์คนีย์ การเดินเล่นในย่านเก่าแก่ของเคิร์ควอลล์จะทำให้คุณได้สัมผัสกับความงามแห่งทัศนียภาพที่ทอดยาวไปยังท่าเรือและท้องทะเลที่สดใส เรือสำราญที่แวะมาที่นี่จะมอบโอกาสให้คุณได้สำรวจร้านค้าและคาเฟ่ท้องถิ่น พร้อมด้วยสิ่งของที่ระลึกที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ นอกจากเคิร์ควอลล์ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น ชายหาดที่สวยงามและแหล่งโบราณคดีที่มีชื่อเสียง ผู้เดินทางสามารถสัมผัสประสบการณ์ที่หลากหลายและน่าจดจำ ในขณะที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่บริสุทธิ์และการต้อนรับที่อบอุ่นจากชาวออร์คนีย์ สัมผัสความมหัศจรรย์นี้ในครั้งต่อไปเมื่อเรือสำราญของคุณจอดที่เคิร์ควอลล์และคอยต้อนรับความฝันแห่งการเดินทาง!

เมื่อเรือสำราญของคุณจอดเทียบท่า ณ เมืองสตอร์โนเวย์ เกาะลูอิส คุณจะได้พบกับมิติใหม่ของการเดินทางซึ่งเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์แห่งธรรมชาติและวัฒนธรรมอันรุ่งเรืองของสก็อตแลนด์ เกาะลูอิสและแฮริส เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะฮีบรีดีนอก ทำให้เมืองสตอร์โนเวย์เป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมและกิจกรรมที่ไม่ควรพลาด ในเมืองนี้ คุณสามารถเพลิดเพลินกับการชิมอาหารท้องถิ่นที่ร้านอาหารคุณภาพสูง รวมทั้งเยี่ยมชมศูนย์ศิลปะ An Lanntair ที่มีนิทรรศการทั้งศิลปะร่วมสมัยและดั้งเดิม นอกจากนี้ยังมีวิหารเซนต์คลีเมนต์ ซึ่งเป็นหนึ่งในโบสถ์ที่มีโครงสร้างสวยงามที่สุดในเขตนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15 สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการสำรวจประวัติศาสตร์ ที่นี่มีแหล่งโบราณคดีที่น่าทึ่ง เช่น กลุ่มหินคาลานิสที่สร้างขึ้นในยุคก่อนประวัติศาสตร์ รวมถึงหอคอย Dun Carloway ที่มีอายุประมาณ 2,000 ปี สัมผัสกับความงามและวัฒนธรรมของสตอร์โนเวย์ในขณะที่สำรวจธรรมชาติสุดอลังการและประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยสีสันของเกาะนี้ อย่าลืมแวะเยี่ยมชมร้านทวีตฮาร์ริสที่เผยแพร่สินค้าทอมือสุดพิเศษและของที่ระลึกที่ไม่เหมือนใครเพื่อบอกเล่าเรื่องราวการเดินทางของคุณในเกาะลูอิสแห่งนี้

เบลฟาสต์ เมืองหลวงของไอร์แลนด์เหนือ เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และความเจริญรุ่งเรือง ตั้งอยู่บนริมฝั่งทะเลไอริช โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า Béal Feirste ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านการผลิตผ้าไหมและการสร้างเรือ ที่นี่เคยเป็นบ้านของชัยชนะในการสร้างไททานิค เรือสำราญที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยการพัฒนาที่ก้าวกระโดดในศตวรรษที่ 18 เบลฟาสต์กลายเป็นเมืองอุตสาหกรรมที่สำคัญ มีประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ในช่วงเวลาหนึ่ง เมืองนี้ต้องเผชิญกับความขัดแย้งทางด้านศาสนา จนกระทั่งสงครามที่เรียกว่า “Troubles” สิ้นสุดลงในปี 1994 หลังจากนั้น เมืองได้เริ่มการฟื้นฟู ซึ่งรวมไปถึงการลงทุนในโรงแรมใหม่ ๆ และการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวที่ทำให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลมายังเมือง ปัจจุบัน เบลฟาสต์มีพื้นที่ใจกลางเมืองที่เดินง่าย ประกอบด้วยแหล่งท่องเที่ยวสำคัญมากมาย เช่น หอศิลป์พิพิธภัณฑ์ โบสถ์ และโรงละคร การสำรวจเมืองนี้จะสร้างประสบการณ์ที่น่าหลงใหลและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่รักการเดินทางไปยังดินแดนที่มีเสน่ห์และประวัติศาสตร์อันล้ำค่าดังกล่าว

ดันลาเกียร์ (Dun Laoghaire) เมืองท่าอันงดงามของไอร์แลนด์ ตั้งอยู่ห่างจากดับลินเมืองหลวงเพียงไม่กี่กิโลเมตร เป็นจุดเชื่อมต่อทะเลที่มีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ดันลาเกียร์ไม่เพียงแต่เป็นท่าเรือที่สำคัญสำหรับเรือสำราญ แต่ยังเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจที่ให้คุณสัมผัสบรรยากาศอันสดชื่นของทะเลแอตแลนติก ขณะที่คุณเดินเล่นริมท่าเรือ คุณจะได้พบกับวิวทิวทัศน์ที่งดงาม พร้อมบรรยากาศที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา มีร้านอาหารและคาเฟ่ที่พร้อมบริการอาหารอร่อยและเครื่องดื่มท่ามกลางลมทะเลที่เย็นสบาย นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นอย่างอนุสรณ์สถาน “Eleanor’s” ที่เป็นสัญลักษณ์ในประวัติศาสตร์ท้องถิ่น และหอคอยอันมีเอกลักษณ์ของดันลาเกียร์ที่เฝ้ามองดูทะเลมาช้านาน การเดินทางถึงดันลาเกียร์สะดวกสบายด้วยบริการรถไฟจากดับลิน รวมทั้งการสนับสนุนจากบริการขนส่งสาธารณะที่มีความเป็นระเบียบและครบครัน หากคุณมองหาประสบการณ์การเดินทางหรูหรา สัมผัสธรรมชาติที่สวยงามและวัฒนธรรมอันหลากหลาย ดันลาเกียร์คือตัวเลือกที่ไม่ควรพลาดในการสำรวจไอร์แลนด์ที่มีเสน่ห์นี้















เจ้าของสวีท (Owner’s Suite) ให้ความรู้สึกหรูหราและมีสไตล์เหมือนวิลล่าตามชายฝั่งที่น่าทึ่ง โดยมีพื้นที่มากกว่า 2,000 ตารางฟุต แต่ละห้องมีพื้นที่นั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร ห้องนอนหลัก และห้องน้ำสองห้อง การตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์เนอร์และการตกแต่งที่งดงามสร้างบรรยากาศที่เงียบสงบกลางทะเล มีเทอเรซแยกสำหรับพื้นที่นั่งเล่นและห้องนอน พร้อมด้วยหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานที่มอบทิวทัศน์ที่น่าหลงใหลให้คุณได้ชมความงามของทะเลรอบตัว ห้องสวีททุกห้องยังรวมบริการบัตเลอร์ตลอด 24 ชั่วโมง และมีพื้นที่กว้างขวางเป็นพิเศษ ทำให้ประสบการณ์การเข้าพักในห้องสวีทนี้ไม่มีใครเปรียบเทียบได้ นอกจากสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องสวีทแล้ว เจ้าของสวีทยังมีสิทธิพิเศษมากมาย เช่น บริการซักรีดฟรีสำหรับกระเป๋าสูงสุด 3 ใบ การขึ้นเรือแบบมีความสำคัญพร้อมการจัดส่งกระเป๋าอย่างรวดเร็ว การเข้าถึงห้องเลาจน์พิเศษที่มีบริการเครื่องดื่มฟรีตลอดทั้งวัน และบาร์ในห้องพักที่จัดเตรียมไว้อย่างดี มีแชมเปญต้อนรับ ผลไม้สดที่เติมได้ทุกวัน การจองร้านอาหารพิเศษออนไลน์ได้ก่อนใคร รวมถึงการเข้าถึง Aquamar Spa Terrace อย่างไม่จำกัด นอกจากนี้ยังมีบริการไอแพดให้ยืมตามคำขอ ระบบความบันเทิงที่ปรับแต่งได้ และชุดของขวัญจาก Bulgari รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ไม่มีใครเหมือน เพื่อให้การเข้าพักของคุณเพียบพร้อมด้วยความสะดวกสบายและความหรูหราอย่างแท้จริง








วิสตา สวีทเป็นห้องสูทสุดหรูที่ได้รับการออกแบบภายในอย่างประณีต เหมือนกับบ้านสุดหรูในย่านปาร์คอเวนิว บนเรือสำราญและตั้งอยู่ในทำเลที่ดีที่สุด มองเห็นด้านหน้าเรือ ห้องสูทขนาด 1,200 ถึง 1,500 ตารางฟุตนี้มาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน เช่น ห้องโคลเซตขนาดใหญ่ เตียงคิงไซส์ ห้องน้ำที่สองสำหรับผู้มาเยือน สปาในและกลางแจ้ง รวมถึงห้องฟิตเนสส่วนตัว นอกจากนี้ผู้เข้าพักยังสามารถใช้บริการห้องเลานจ์พิเศษที่มีบัตเลอร์บริการ 24 ชั่วโมง โดยในห้องจะมีบาร์ส่วนตัวที่จัดตั้งเครื่องดื่มคุณภาพสูงและไวน์ไว้ พร้อมด้วยขนม และผลไม้สดที่เติมให้ทุกวัน อีกทั้งยังมีสิทธิประโยชน์ในการสำรองร้านอาหารพิเศษอย่างรวดเร็ว พร้อมการเข้าถึงแอควอมา สปา เทอเรซ อย่างไม่จำกัด อิ่มเอมไปกับความสะดวกสบายที่ไม่มีที่สิ้นสุดในวิสตา สวีท

โอเชียนเนียสวีทเป็นห้องสวีทที่หรูหราของเรือสำราญ ซึ่งมีพื้นที่มากกว่า 1,000 ตารางฟุต ทุกห้องมีการออกแบบอย่างมีระดับและเฟอร์นิเจอร์ที่มีสไตล์ ห้องสวีทนี้ประกอบไปด้วยห้องนั่งเล่น, ห้องรับประทานอาหาร, ห้องสื่อที่มีอุปกรณ์ครบครัน, ห้องเสื้อผ้าขนาดใหญ่, เตียงขนาดคิงไซส์, ระเบียงส่วนตัวขนาดกว้าง, สปาน้ำวนทั้งในบ้านและกลางแจ้ง รวมถึงห้องน้ำอีกห้องสำหรับแขก พร้อมด้วยการเข้าถึงเลานจ์ส่วนตัวสำหรับผู้บริหารที่มีนิตยสาร, หนังสือพิมพ์, เครื่องดื่มและขนมกลางวันให้บริการ นอกจากนี้ยังมีบริการพิเศษเช่น บริการซักรีดฟรี, การขึ้นเรือในเวลา 11:00 น. ด้วยลำดับความสำคัญ, บริการบัตเลอร์ตลอด 24 ชั่วโมง, บาร์ในห้องพักพร้อมเครื่องดื่มนำเข้าคุณภาพสูง, และบริการต่างๆ ที่ปรับให้เหมาะกับความต้องการของแขก เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีบริการจองห้องอาหารพิเศษออนไลน์ล่วงหน้า, การเข้าถึงสปา Aquamar Terrace อย่างไม่จำกัด, พร้อมด้วยของขวัญจาก Bulgari, ผ้าห่มขนแคชเมียร์และตัวเลือกหมอนพิเศษ โอเชียนเนียสวีทจึงเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสการเดินทางสุดหรูและความสะดวกสบายอย่างแท้จริงบนเรือสำราญของเรา
เพนท์เฮาส์สวีทเป็นความงามแห่งการตกแต่งที่ลงตัวและหรูหรา ขนาดกว้างขวางถึง 440 ตารางฟุต ภายในห้องมีฟีเจอร์ที่น่าทึ่งมากมาย เช่น ระบบไฟที่ปรับแต่งได้ โต๊ะรับประทานอาหาร มุมพักผ่อนที่แยกออกจากกัน ตู้เสื้อผ้าแบบวอล์คอิน ระเบียงไม้สักส่วนตัว และห้องน้ำที่ตกแต่งด้วยหินอ่อนซึ่งมีพื้นที่เก็บของเพิ่มเติมและฝักบัวที่ขยายเพื่อมอบประสบการณ์การพักผ่อนอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ผู้เข้าพักยังสามารถเพลิดเพลินกับการบริการจากพนักงานคอนเซียร์จที่ม dedicated และเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกในเลานจ์พิเศษสำหรับผู้บริหารได้โดยตรง สำหรับผู้เข้าพักในเพนท์เฮาส์สวีท ยังได้รับสิทธิพิเศษมากมาย เช่น บริการซักรีดฟรีสูงสุดถึง 3 ถุงต่อห้อง บัตรเข้าถึงเลานจ์พิเศษที่มีกาแฟและขนมขบเคี้ยวตลอดทั้งวัน การบริการคนรับใช้ตลอด 24 ชั่วโมง ขวดแชมเปญต้อนรับที่มีให้ฟรี และการจองร้านอาหารพิเศษออนไลน์ล่วงหน้า นอกจากนี้ยังสามารถเข้าถึง Aquamar Spa Terrace ได้ไม่จำกัด พร้อมผ้าห่มขนแคชเมียร์ และบริการขัดรองเท้าฟรี เพนท์เฮาส์สวีทจึงไม่ใช่แค่ที่พัก แต่เป็นประสบการณ์ที่เหนือระดับสำหรับการเดินทางอันเป็นเอกลักษณ์บนเรือสำราญที่หรูหรา.




คอนเซียร์จเวอเรนด้าเสตเตอร์รูม ของเรามีขนาด 282 ตารางฟุต เต็มไปด้วยการตกแต่งที่สวยงามและสิ่งอำนวยความสะดวกอันหรูหราที่สามารถพบได้ในเพนท์เฮาส์สวีท ซึ่งรวมถึงระเบียงส่วนตัว, โซฟานุ่มสบาย, มินิบาร์ที่มีเครื่องดื่มเย็น, และห้องน้ำขนาดใหญ่ที่หุ้มด้วยหินอ่อนและแกรนิต พร้อมฝักบัวที่กว้างขวาง นอกจากนี้แขกผู้เข้าพักยังสามารถเข้าถึงเลานจ์คอนเซียร์จส่วนตัวที่มีคอนเซียร์จประจำตัวให้บริการ พร้อมด้วยนิตยสาร, หนังสือพิมพ์ประจำวัน, เครื่องดื่ม, และขนมขบเคี้ยวตลอดทั้งวัน การเข้าถึงสิทธิพิเศษสำหรับคอนเซียร์จนั้นเพิ่มเติมจากสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องพัก ซึ่งรวมถึงเมนูบริการรูมเซอร์วิสสำหรับมื้อกลางวันและมื้อเย็นที่ขยายออกจาก The Grand Dining Room, บริการซักรีดฟรีสูงสุด 3 ถุงต่อห้องพัก, การขึ้นเรือในช่วงเที่ยงด้วยสิทธิพิเศษ, การเข้าถึงเลานจ์คอนเซียร์จที่มีบริการเครื่องดื่มฟรีตลอดวัน, ขวดแชมเปญต้อนรับฟรี, การจองร้านอาหารพิเศษออนไลน์ลำดับความสำคัญ, การเข้าถึง Aquamar Spa Terrace ได้ไม่จำกัด และบริการอื่นๆ ซึ่งรวมถึงการให้ iPad ประกอบความบันเทิงระหว่างการเดินทาง ตามคำขอเป็นต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสูบบุหรี่ในห้องพักและระเบียงเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ทุกการเข้าพักเป็นไปอย่างราบรื่นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความสะดวกสบายในระหว่างที่อยู่บนเรือของเรา




ห้องสเตเตอร์รูมระเบียงขนาด 291 ตารางฟุตของเราเป็นห้องพักขนาดใหญ่ที่สุดในทะเล ภายในห้องมีระเบียงส่วนตัวที่ตกแต่งอย่างสะดวกสบาย ซึ่งถือเป็นความหรูหราที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ห้องพักทุกห้องมาพร้อมพื้นที่นั่งเล่นที่มีความสะดวกสบาย มินิบาร์ที่มีการรีเฟรชเครื่องดื่มอัดลมฟรีทุกวัน ตู้เสื้อผ้าขนาดกว้างขวาง และห้องน้ำที่ประดับด้วยหินอ่อนและหินแกรนิตซึ่งมีอ่างอาบน้ำและฝักบัว ห้องสเตเตอร์รูมระเบียงยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ไม่เหมือนใคร เช่น เตียงทรanquility ที่มีผ้าลินิน 1,000 เส้นด้าย บริการรูมเซอร์วิสตลอด 24 ชั่วโมง บริการทำความสะอาดสองครั้งต่อวัน และช็อคโกแลตเบลเยียมในช่วงเวลาปิดเตียง นอกจากนี้ยังมีระบบโทรทัศน์แบบโต้ตอบที่สามารถรับชมภาพยนตร์ตามความต้องการ รวมถึงการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตไร้สายและการบริการโทรศัพท์มือถือ คุณสามารถเพลิดเพลินกับผ้าขนหนูที่ทำจากผ้าฝ้ายเนื้อดีและเสื้อคลุมอาบน้ำที่หนานุ่ม รวมถึงปลอกผ้าขนหนูและเครื่องเป่าผมที่สามารถใช้ได้สะดวก ใส่ใจในความปลอดภัย ห้องพักยังมีเซฟส่วนตัวให้ด้วย อย่างไรก็ตาม การสูบบุหรี่ในห้องพัก ระเบียง และห้องสวีทถูกห้ามโดยเด็ดขาด

ห้องพักดูทะเลแบบหรูมีขนาด 242 ตารางฟุต โดดเด่นด้วยหน้าต่างแบบพาโนรามาขนาดใหญ่จากพื้นจรดเพดานที่สามารถเปิดเพื่อชมวิวทะเลอันงดงามได้อย่างเต็มตา ห้องพักนี้มีพื้นที่นั่งเล่นกว้างขวาง โต๊ะเครื่องแป้ง โต๊ะอาหารเช้า มินิบาร์ที่มีเครื่องดื่มเย็น และห้องน้ำที่ตกแต่งด้วยหินอ่อนและหินแกรนิตพร้อมฝักบัว ห้องพักมีการบริการที่หลากหลายเพื่อความสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มที่เติมให้ฟรีทุกวันในมินิบาร์ บริการรูมเซอร์วิสตลอด 24 ชั่วโมง เตียง Tranquility Bed ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Oceania Cruises อุปกรณ์ Bulgari บริการทำความสะอาด 2 ครั้งต่อวัน และระบบโทรทัศน์แบบอินเตอร์แอคทีฟที่มีภาพยนตร์ตามต้องการ นอกจากนี้ยังมีอินเทอร์เน็ตไร้สายและบริการโทรศัพท์มือถือ โต๊ะเขียนหนังสือพร้อมอุปกรณ์เขียน ผ้าขนหนู ผ้าชุดนอน และรองเท้าสำหรับใช้ในห้องพักเพื่อความสะดวกสบาย นอกจากนี้ยังมีตู้นิรภัยและช็อคโกแลตพรีเมี่ยมในเวลาปิดเตียงเพื่อเพิ่มสัมผัสหรูหรา ห้องพักนี้ยังมีคุณสมบัติการเข้าถึงที่ตอบสนองต่อความต้องการ โดยมีห้องน้ำที่ออกแบบให้เข้าถึงได้ง่ายและมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ。การสูบบุหรี่ในห้องพักและระเบียงถือเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างเคร่งครัด


ห้องพักภายในนี้มีพื้นที่กว้างขวางถึง 174 ตารางฟุต ซึ่งออกแบบอย่างหรูหราและตกแต่งอย่างมีสไตล์เพื่อเพิ่มความเงียบสงบและสันติสุขในระหว่างการเดินทางของคุณ ภายในห้องมีห้องน้ำที่มีการตกแต่งด้วยหินอ่อนและหินแกรนิต มีอ่างอาบน้ำ และช่องอาบน้ำกว้างขวาง พร้อมทั้งมีมุมทำงาน โต๊ะอาหารเช้า และมินิบาร์เย็นที่มีเครื่องดื่มซอฟต์ดริงค์เติมให้อย่างฟรีทุกวัน นอกจากนี้ยังมีน้ำดื่มสะอาดและน้ำอัดลม Vero Water ให้บริการฟรี ท่านจะได้รับการบริการห้องพักตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกับเตียง Tranquility Bed ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Oceania Cruises และยังมีผลิตภัณฑ์อาบน้ำสุดหรูให้ใช้บริการอีกด้วย การบริการทำความสะอาดห้องพักมีถึงวันละสองครั้ง ระบบทีวีแบบอินเทอร์แอกทีฟมีภาพยนตร์ให้เลือกชม Weather และอีกมากมาย นอกจากนี้ยังสามารถเข้าใช้อินเทอร์เน็ตไร้สายและบริการโทรศัพท์มือถือได้อีกด้วย ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีมุมเขียนงานพร้อมอุปกรณ์เขียน ใหญ่หรูอย่างผ้าขนหนู ผ้าปู และรองเท้าสลิปเปอร์ที่ทำจากผ้าฝ้ายคุณภาพสูง เครื่องอบผม และตู้นิรภัยเพื่อความปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีช็อคโกแลตชั้นดีบริการในช่วงเย็น ทำให้ท่านได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่ในห้องพักอันสวยงามนี้