
02-27217300
02-27217179
service@siloahtravel.com
Monday ~ Friday 09:00-18:00
14F.-3, No.137, Sec. 1, Fuxing S. Rd., Da’an Dist., Taipei City 106, Taiwan
Representative: Tung-Hua Tai
VAT: 43871553
交觀甲793500 品保北2260 隱私權條款
Copyright © 2025 Siloah Travel Co., Ltd.. All rights reserved.

โอเชียนิอามารินา
โอเชียเนีย ครูซส์


ท่าเรือเซาแธมป์ตัน นับเป็นท่าเรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ ตั้งอยู่ที่ปากอ่าวเซาแธมป์ตัน ระหว่างแม่น้ำเทสต์และอิตเชน เมืองแห่งนี้เคยเป็นศูนย์กลางการค้าขายที่สำคัญมาตั้งแต่สมัยกลาง โดยมีการส่งออกขนสัตว์และหนังสัตว์จากพื้นที่รอบ ๆ และนำเข้าผลิตภัณฑ์ไวน์จากบอร์โดซ์ แม้เซาแธมป์ตันจะต้องเผชิญกับการทำลายล้างอย่างหนักในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แต่เมืองนี้ก็ได้ฟื้นฟูและสร้างสรรค์ใหม่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว ด้วยอาคารยุคกลางที่ยังคงเหลืออยู่ เช่น บาร์เกต (Bargate) ที่ถือเป็นหนึ่งในประตูเมืองที่สวยงามที่สุดในอังกฤษ นอกจากท่าเรืออันทันสมัยแล้ว เซาแธมป์ตันยังมีกิจกรรมหลากหลายสำหรับนักเดินทาง ที่สามารถสำรวจเมืองแห่งประวัติศาสตร์และเต็มไปด้วยศิลปะ เช่น พิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ที่นำเสนอผลงานศิลปะระดับโลก และยังเป็นจุดเริ่มต้นที่เหมาะสำหรับการออกไปสัมผัสเสน่ห์ของเมืองใกล้เคียง อย่างบอร์นมัธ และสนามกอล์ฟที่สวยงาม การมาที่เซาแธมป์ตันจึงไม่เพียงแค่การเริ่มต้นการเดินทางด้วยเรือสำราญ แต่ยังเป็นโอกาสในการดื่มด่ำกับความงดงามทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของอังกฤษอย่างไม่รู้จบ


เมืองนิวคาสเซิลอัพพอนไทน์ ประเทศอังกฤษ คือจุดหมายปลายทางที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และวัฒนธรรมอย่างลงตัว ด้วยสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมที่หลากหลาย ทำให้ที่นี่เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยว หากคุณเป็นผู้ที่หลงใหลในศิลปะและการแสดง นิวคาสเซิลมีโรงละครมากที่สุดต่อประชากรในสหราชอาณาจักร ที่สำคัญคือ โรงละคร Royal ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Royal Shakespeare Company อันมีชื่อเสียง นอกจากนี้ หนึ่งในสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของเมืองคือ "Angel of the North" รูปปั้นเหล็กขนาดมหึมาที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางทุ่งหญ้า ซึ่งไม่เพียงแต่จะดึงดูดสายตา ยังสะท้อนถึงนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ของชาวเมืองอีกด้วย สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจด้านวัฒนธรรม นิวคาสเซิลยังมีพิพิธภัณฑ์และแกลอรี่มากมาย รวมถึงพิพิธภัณฑ์ Great North Museum ที่จะพาคุณย้อนกลับไปสู่ประวัติศาสตร์ของภูมิภาค นอกจากนี้ยังมีร้านค้าท้องถิ่นและคาเฟ่ที่พร้อมให้บริการอาหารเลิศรส ทำให้การเยือนนิวคาสเซิลเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำและเติมเต็มความรู้สึกได้เป็นอย่างดี เตรียมตัวให้พร้อม เพื่อพบกับการเดินทางที่น่าทึ่งในเมืองแห่งศิลปะนี้!

เอ็ดินเบอระ (Edinburgh) เมืองหลวงที่งดงามและเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาในสกอตแลนด์ เป็นเมืองที่สร้างขึ้นบนเนินเขาสูงทั้งเจ็ดและมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เต็มไปด้วยเอกลักษณ์และความหลากหลาย อาคารต่างๆ เช่น ปราสาทเอ็ดินเบอระที่ตั้งโดดเด่นบนท้องฟ้าเป็นสัญลักษณ์ของเมือง ความงดงามของสถาปัตยกรรมสไตล์นีโอคลาสสิกและสวนสาธารณะที่เขียวขจีทำให้เมืองนี้มีเสน่ห์ไม่รู้ลืม เอ็ดินเบอระไม่ได้เป็นเพียงแค่เมืองแห่งประวัติศาสตร์ แต่ยังเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมที่จัดเทศกาลนานาชาติเอ็ดินเบอระและเฟรนจ์เฟสติวัลในทุกเดือนสิงหาคม พิพิธภัณฑ์สกอตแลนด์ที่งดงามและแหล่งท่องเที่ยวทางศิลปะต่างๆ ยังเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่น่าสนใจ นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสบรรยากาศที่มีชีวิตชีวา ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน ไม่ว่าจะเป็นการเดินเล่นตามถนนที่มีประวัติศาสตร์หรือลิ้มลองอาหารท้องถิ่นในร้านอาหารหรูหรา การปีนขึ้นไปยังอาเธอร์ ซีท (Arthur's Seat) จะมอบวิวที่งดงามของเมืองและทะเลเหนือ ฟิธ ออฟ ฟอร์ธ (Firth of Forth) ที่สวยงาม ให้เอ็ดินเบอระเป็นจุดหมายในฝันของคุณ สถานที่ที่ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมาบรรจบกันเป็นหนึ่งเดียว เชิญมาสัมผัสประสบการณ์ที่น่าหลงใหลและความตื่นเต้นในการค้นพบเมืองนี้ในทุกมุมมอง!

อเบอร์ดีน เป็นเมืองท่าที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และมีความสำคัญในสกอตแลนด์ โดยมีประชากรประมาณ 220,000 คน ถือเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ เมืองนี้ได้ชื่อว่า "เมืองแกรนิต" หรือ "เมืองเทา" เนื่องจากอาคารหลากหลายหลังสร้างจากแกรนิตสีเทาที่ขุดขึ้นในท้องถิ่น ตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ถึงกลางศตวรรษที่ 20 แกรนิตอเบอร์ดีนยังเคยใช้ในการสร้างอาคารสำคัญๆ อย่างเช่น อาคารรัฐสภาในลอนดอนและสะพานวอเตอร์ลู นอกจากนี้ อเบอร์ดีนยังได้ชื่อว่าเป็น "เมืองหลวงน้ำมันแห่งยุโรป" เนื่องจากมีการค้นพบน้ำมันในทะเลเหนือในช่วงทศวรรษที่ 1970 ทำให้ท่าเรือของเมืองนี้มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจอย่างมาก และสนามบินเฮลิคอปเตอร์ที่เชื่อมต่อไปยังแหล่งน้ำมันในทะเลเหนือ เป็นหนึ่งในสนามบินเฮลิคอปเตอร์ที่คึกคักที่สุดในโลก การเดินทางมายังอเบอร์ดีนจะทำให้คุณได้สัมผัสกับประวัติศาสตร์วรรณกรรมที่ยิ่งใหญ่ และวัฒนธรรมที่น่าหลงใหล อีกทั้งยังมีทิวทัศน์ที่งดงามและทะเลที่สวยงาม ช่วยเติมเต็มประสบการณ์การเดินทางที่หรูหราและน่าจดจำสำหรับนักเดินทางทุกคน

เลอร์วิค เมืองเล็กที่มีเสน่ห์ ตั้งอยู่บนหมู่เกาะเชตแลนด์ (Shetland Islands) ของสกอตแลนด์ เป็นจุดหมายอันดับต้น ๆ สำหรับนักท่องเที่ยวที่มุ่งหน้าเข้าสู่ท่าเรือที่มีชีวิตชีวานี้ เมืองนี้ก่อตั้งขึ้นโดยชาวดัตช์ในศตวรรษที่ 17 และยังคงรักษาความงามของอาคารหินที่เรียกว่า "ล๊อดเบอรีส์" ซึ่งเป็นสถานที่ขนส่งสินค้าที่สำคัญในอดีต นี่คือเสน่ห์ที่ดึงดูดผู้คนและสะท้อนถึงความรุ่งเรืองในอดีตของเมืองนี้ เมื่อเดินเรือเข้าท่าเลอร์วิค คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศของท่าเรือที่ปัจจุบันยังมีความคึกคัก ด้วยถนนที่ปูด้วยแผ่นหินและวิวชายฝั่งที่งดงาม ทำให้ที่นี่เป็นเสมือนประตูสู่การสำรวจความงามของเชตแลนด์ สำหรับนักเดินทางที่มาเยือน ยังมีโอกาสได้พบปะกับวัฒนธรรมชาวเซลติก ที่สำคัญ และการชมธรรมชาติที่น่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นชายหาดที่ป่าเขียวขจีหรือสัตว์ป่าในท้องถิ่น ด้วยความเพลิดเพลินและน่าหลงใหลที่เลอร์วิคมอบให้ คุณจะได้สัมผัสกับการเดินทางที่ไม่เหมือนใคร คอยต้อนรับความตื่นเต้นในทุกขั้นตอนของการสำรวจสมบัติที่ซ่อนอยู่ในภูมิภาคนี้

ยินดีต้อนรับสู่เมืองเคิร์ควอลล์ ซึ่งเป็นเมืองหลักของหมู่เกาะออร์คนีย์ที่สกอตแลนด์ สถานที่ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และเรื่องราวประวัติศาสตร์ในทุกซอกมุม ด้วยถนนเล็ก ๆ ที่คดเคี้ยวและบรรยากาศที่คึกคัก ความประทับใจแรกเมื่อเข้าเมืองคือโบสถ์คันทาร์เบอรี ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่น่าตื่นตาตื่นใจและเป็นสัญลักษณ์ของพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์มากมายที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่ลึกซึ้งของออร์คนีย์ การเดินเล่นในย่านเก่าแก่ของเคิร์ควอลล์จะทำให้คุณได้สัมผัสกับความงามแห่งทัศนียภาพที่ทอดยาวไปยังท่าเรือและท้องทะเลที่สดใส เรือสำราญที่แวะมาที่นี่จะมอบโอกาสให้คุณได้สำรวจร้านค้าและคาเฟ่ท้องถิ่น พร้อมด้วยสิ่งของที่ระลึกที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ นอกจากเคิร์ควอลล์ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น ชายหาดที่สวยงามและแหล่งโบราณคดีที่มีชื่อเสียง ผู้เดินทางสามารถสัมผัสประสบการณ์ที่หลากหลายและน่าจดจำ ในขณะที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่บริสุทธิ์และการต้อนรับที่อบอุ่นจากชาวออร์คนีย์ สัมผัสความมหัศจรรย์นี้ในครั้งต่อไปเมื่อเรือสำราญของคุณจอดที่เคิร์ควอลล์และคอยต้อนรับความฝันแห่งการเดินทาง!

เมื่อเรือสำราญของคุณจอดเทียบท่า ณ เมืองสตอร์โนเวย์ เกาะลูอิส คุณจะได้พบกับมิติใหม่ของการเดินทางซึ่งเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์แห่งธรรมชาติและวัฒนธรรมอันรุ่งเรืองของสก็อตแลนด์ เกาะลูอิสและแฮริส เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะฮีบรีดีนอก ทำให้เมืองสตอร์โนเวย์เป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมและกิจกรรมที่ไม่ควรพลาด ในเมืองนี้ คุณสามารถเพลิดเพลินกับการชิมอาหารท้องถิ่นที่ร้านอาหารคุณภาพสูง รวมทั้งเยี่ยมชมศูนย์ศิลปะ An Lanntair ที่มีนิทรรศการทั้งศิลปะร่วมสมัยและดั้งเดิม นอกจากนี้ยังมีวิหารเซนต์คลีเมนต์ ซึ่งเป็นหนึ่งในโบสถ์ที่มีโครงสร้างสวยงามที่สุดในเขตนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15 สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการสำรวจประวัติศาสตร์ ที่นี่มีแหล่งโบราณคดีที่น่าทึ่ง เช่น กลุ่มหินคาลานิสที่สร้างขึ้นในยุคก่อนประวัติศาสตร์ รวมถึงหอคอย Dun Carloway ที่มีอายุประมาณ 2,000 ปี สัมผัสกับความงามและวัฒนธรรมของสตอร์โนเวย์ในขณะที่สำรวจธรรมชาติสุดอลังการและประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยสีสันของเกาะนี้ อย่าลืมแวะเยี่ยมชมร้านทวีตฮาร์ริสที่เผยแพร่สินค้าทอมือสุดพิเศษและของที่ระลึกที่ไม่เหมือนใครเพื่อบอกเล่าเรื่องราวการเดินทางของคุณในเกาะลูอิสแห่งนี้

เบลฟาสต์ เมืองหลวงของไอร์แลนด์เหนือ เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และความเจริญรุ่งเรือง ตั้งอยู่บนริมฝั่งทะเลไอริช โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า Béal Feirste ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านการผลิตผ้าไหมและการสร้างเรือ ที่นี่เคยเป็นบ้านของชัยชนะในการสร้างไททานิค เรือสำราญที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยการพัฒนาที่ก้าวกระโดดในศตวรรษที่ 18 เบลฟาสต์กลายเป็นเมืองอุตสาหกรรมที่สำคัญ มีประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ในช่วงเวลาหนึ่ง เมืองนี้ต้องเผชิญกับความขัดแย้งทางด้านศาสนา จนกระทั่งสงครามที่เรียกว่า “Troubles” สิ้นสุดลงในปี 1994 หลังจากนั้น เมืองได้เริ่มการฟื้นฟู ซึ่งรวมไปถึงการลงทุนในโรงแรมใหม่ ๆ และการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวที่ทำให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลมายังเมือง ปัจจุบัน เบลฟาสต์มีพื้นที่ใจกลางเมืองที่เดินง่าย ประกอบด้วยแหล่งท่องเที่ยวสำคัญมากมาย เช่น หอศิลป์พิพิธภัณฑ์ โบสถ์ และโรงละคร การสำรวจเมืองนี้จะสร้างประสบการณ์ที่น่าหลงใหลและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่รักการเดินทางไปยังดินแดนที่มีเสน่ห์และประวัติศาสตร์อันล้ำค่าดังกล่าว

ดันลาเกียร์ (Dun Laoghaire) เมืองท่าอันงดงามของไอร์แลนด์ ตั้งอยู่ห่างจากดับลินเมืองหลวงเพียงไม่กี่กิโลเมตร เป็นจุดเชื่อมต่อทะเลที่มีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ดันลาเกียร์ไม่เพียงแต่เป็นท่าเรือที่สำคัญสำหรับเรือสำราญ แต่ยังเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจที่ให้คุณสัมผัสบรรยากาศอันสดชื่นของทะเลแอตแลนติก ขณะที่คุณเดินเล่นริมท่าเรือ คุณจะได้พบกับวิวทิวทัศน์ที่งดงาม พร้อมบรรยากาศที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา มีร้านอาหารและคาเฟ่ที่พร้อมบริการอาหารอร่อยและเครื่องดื่มท่ามกลางลมทะเลที่เย็นสบาย นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นอย่างอนุสรณ์สถาน “Eleanor’s” ที่เป็นสัญลักษณ์ในประวัติศาสตร์ท้องถิ่น และหอคอยอันมีเอกลักษณ์ของดันลาเกียร์ที่เฝ้ามองดูทะเลมาช้านาน การเดินทางถึงดันลาเกียร์สะดวกสบายด้วยบริการรถไฟจากดับลิน รวมทั้งการสนับสนุนจากบริการขนส่งสาธารณะที่มีความเป็นระเบียบและครบครัน หากคุณมองหาประสบการณ์การเดินทางหรูหรา สัมผัสธรรมชาติที่สวยงามและวัฒนธรรมอันหลากหลาย ดันลาเกียร์คือตัวเลือกที่ไม่ควรพลาดในการสำรวจไอร์แลนด์ที่มีเสน่ห์นี้

ท่าเรือโคฟ (Cobh) ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคคอร์ก (Cork) ของไอร์แลนด์ เป็นจุดหมายปลายทางที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และเรื่องราวอันเข้มข้นของประวัติศาสตร์ ท่าเรือแห่งนี้มีบรรยากาศที่งดงามและวิวทิวทัศน์ที่เป็นเอกลักษณ์ โคฟยังเป็นจุดที่เรือสำราญหยุดแวะให้คุณได้สัมผัสเสน่ห์ของความเป็นไอร์แลนด์อย่างแท้จริง หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่คุณไม่ควรพลาดคือเกาะโฟตา (Fota Island) ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เคียง ที่นี่มีสวนพฤกษศาสตร์ที่กว้างใหญ่และสวนสัตว์ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหลากหลายชนิด สำหรับผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์ คฤหาสน์ฟอโต (Fota House) คือสถานที่ที่คุณสามารถสำรวจการใช้ชีวิตของชนชั้นสูงในอดีต นอกจากนี้ โคฟยังมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในฐานะท่าเรือที่ผู้คนต่างเดินทางผ่านมาสู่โลกใหม่ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา การเดินเล่นในย่านเก่าแก่และชมอาคารสถาปัตยกรรมที่มีสีสันจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนหลุดเข้ามาในนิยาย ท่าเรือโคฟจึงเป็นที่ที่เหมาะสมสำหรับนักเดินทางผู้แสวงหาความงามตระการตาและประสบการณ์ที่น่าจดจำ เริ่มต้นการเดินทางที่นี่เพื่อค้นพบทุกเรื่องราวและมนต์เสน่ห์ของไอร์แลนด์ที่รอคุณอยู่!

ฟัลมุธ (Falmouth) เป็นเมืองท่าที่มีเสน่ห์ในอังกฤษ ที่เต็มไปด้วยความคึกคักจากการประมง การแล่นเรือยอชท์ และกิจกรรมทางการค้า ซึ่งล้วนเสริมสร้างบรรยากาศที่น่าสนใจเบื้องหลังภูมิประเทศที่สวยงามของเมือง ในศตวรรษที่ 18 ฟัลมุธเคยเป็นท่าเรือที่สำคัญในการขนส่งจดหมายไปยังอเมริกาเหนือ และคุณสามารถสัมผัสประวัติศาสตร์ได้จากบ้านเรือนที่ปกคลุมด้วยกระเบื้องหิน ซึ่งสร้างโดยกัปตันเรือพัสดุที่ร่ำรวยในหมู่บ้านฟลัชชิง (Flushing) ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับอ่าว การเดินทางระหว่างสองเมืองนี้สามารถทำได้โดยบริการเฟอร์รีที่สะดวกสบาย ที่ท่าจอดเรือ Custom House Quay คุณจะพบกับ King’s Pipe ซึ่งเป็นเตาเผาที่ใช้สำหรับเผาสินค้าผิดกฎหมายที่ถูกยึดไว้ นอกจากประวัติศาสตร์แล้ว ฟัลมุธยังเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการสำรวจชายฝั่งที่สวยงาม คุณสามารถเดินเล่นไปตามชายหาด ชิมอาหารทะเลสดใหม่ หรือสำรวจสถานที่ทางประวัติศาสตร์ต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ ทุกมุมของฟัลมุธล้วนสื่อถึงความงดงามและความมีชีวิตชีวาของการเดินทางที่ไม่ควรพลาดในช่วงชีวิตของคุณ

ท่าเรือเซาแธมป์ตัน นับเป็นท่าเรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ ตั้งอยู่ที่ปากอ่าวเซาแธมป์ตัน ระหว่างแม่น้ำเทสต์และอิตเชน เมืองแห่งนี้เคยเป็นศูนย์กลางการค้าขายที่สำคัญมาตั้งแต่สมัยกลาง โดยมีการส่งออกขนสัตว์และหนังสัตว์จากพื้นที่รอบ ๆ และนำเข้าผลิตภัณฑ์ไวน์จากบอร์โดซ์ แม้เซาแธมป์ตันจะต้องเผชิญกับการทำลายล้างอย่างหนักในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แต่เมืองนี้ก็ได้ฟื้นฟูและสร้างสรรค์ใหม่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว ด้วยอาคารยุคกลางที่ยังคงเหลืออยู่ เช่น บาร์เกต (Bargate) ที่ถือเป็นหนึ่งในประตูเมืองที่สวยงามที่สุดในอังกฤษ นอกจากท่าเรืออันทันสมัยแล้ว เซาแธมป์ตันยังมีกิจกรรมหลากหลายสำหรับนักเดินทาง ที่สามารถสำรวจเมืองแห่งประวัติศาสตร์และเต็มไปด้วยศิลปะ เช่น พิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ที่นำเสนอผลงานศิลปะระดับโลก และยังเป็นจุดเริ่มต้นที่เหมาะสำหรับการออกไปสัมผัสเสน่ห์ของเมืองใกล้เคียง อย่างบอร์นมัธ และสนามกอล์ฟที่สวยงาม การมาที่เซาแธมป์ตันจึงไม่เพียงแค่การเริ่มต้นการเดินทางด้วยเรือสำราญ แต่ยังเป็นโอกาสในการดื่มด่ำกับความงดงามทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของอังกฤษอย่างไม่รู้จบ


Skagen, เมืองที่ตั้งอยู่เหนือสุดของเดนมาร์ก เป็นท่าเรือที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความงดงามที่ไม่เหมือนใคร ที่นี่คือจุดที่ทะเลสองแห่งพบกัน — จุดบรรจบระหว่างทะเลเหนือและทะเลบอลติก ที่ทำให้ Skagen เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับนักเดินทางที่แสวงหาความงามตามธรรมชาติและประวัติศาสตร์อันลึกซึ้ง ภาพลักษณ์ของ Skagen ถูกครอบคลุมด้วยบ้านหลังคาเหลืองที่มีเอกลักษณ์ พร้อมด้วยบรรยากาศแบบชายทะเลที่อบอุ่น สำหรับผู้ที่รักศิลปะ ในอดีต Skagen เคยเป็นที่ชุมนุมของศิลปินที่มีชื่อเสียงมากมาย ที่นี่คุณสามารถเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ Skagens ที่จัดแสดงผลงานสำคัญจากศิลปินเหล่านั้น นอกจากนี้ ทิวทัศน์อันสวยงามของชายหาดที่ทอดยาวและต้นสนที่เขียวชอุ่ม ถูกเนรมิตให้กลายเป็นพื้นที่ผ่อนคลายสุดพิเศษ ในช่วงฤดูร้อน คุณยังสามารถมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางน้ำที่น่าตื่นเต้น เช่น วินด์เซิร์ฟ และการเดินป่าร่วมด้วย หากท่านมีโอกาสได้เที่ยวมาที่ Skagen อย่าลืมแวะสำรวจประภาคารที่อยู่ในตำนาน และสัมผัสประสบการณ์ดูพระอาทิตย์ขึ้นหรือพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม เป็นความทรงจำที่คุณจะไม่ลืมเลือนอย่างแน่นอน ดินแดนแห่งนี้พร้อมที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับการเดินทางครั้งต่อไปของคุณ!

โคเปนเฮเกน เมืองหลวงของเดนมาร์ก เป็นจุดหมายปลายทางที่มีเสน่ห์และเต็มไปด้วยเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ที่นี่เคยเป็นศูนย์การค้าสำคัญในศตวรรษที่ 11 ปัจจุบันจึงเป็นเมืองที่มีความสำคัญทั้งในแง่ของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ทั้งที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับหนึ่งในสแกนดิเนเวีย แต่ก็ยังคงรักษาสถาปัตยกรรมที่ไม่สูงนักให้มีความสง่างามใกล้ชิดธรรมชาติ ห้ามพลาดที่จะไปเยี่ยมชมสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น น้ำพุเกเฟียน (Gefion Fountain) ที่มีความสวยงาม แวะชมพระราชวังอมาเลียนบอร์ก (Amalienborg Palace) ซึ่งเป็นที่ประทับของราชวงศ์เดนมาร์ก และพลาดไม่ได้กับปราสาทโรเซนบอร์ก (Rosenborg Castle) ที่มีการจัดแสดงอัญมณีของราชวงศ์ นอกจากนี้ การนั่งเรือชมทิวทัศน์ในคลองต่างๆ ของโคเปนเฮเกนจะทำให้คุณได้สัมผัสบรรยากาศแบบสแกนดิเนเวียอย่างแท้จริง และหากมีโอกาส ควรไปเยือนหมู่บ้านประมงเก่าแก่ดราเกอร์ (Dragoer) ที่ทำให้ความทรงจำของคุณมีสีสันยิ่งขึ้น โคเปนเฮเกนเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ ไม่น่าแปลกใจที่เมืองนี้เป็นแรงบันดาลใจของนิทานอันเป็นที่รักจากฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน และยกย่องในบทเพลง "Wonderful Copenhagen" อย่างแท้จริง เมื่อเดินทางมายังเมืองนี้ คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืมเลือน


สตอกโฮล์ม เมืองหลวงของสวีเดน เป็นจุดหมายปลายทางที่เต็มไปด้วยความน่าหลงใหลและเสน่ห์พิเศษ ที่นี่คือเมืองแห่งนวัตกรรมและวัฒนธรรม ที่มีชีวิตชีวาในรูปแบบที่เป็นสากล ตั้งแต่กลางทศวรรษ 1990 เป็นต้นมา สตอกโฮล์มเริ่มเปิดตีกรอบสู่โลกภายนอก ผ่านประสบการณ์การเจริญเติบโตทางเทคโนโลยีและการพัฒนาเศรษฐกิจที่น่าทึ่ง เมืองที่ตั้งอยู่บน 14 เกาะ ได้รับการเชื่อมโยงด้วยสะพานต่างๆ ยิ่งทำให้การเดินทางรอบเมืองเป็นเรื่องง่าย สตอกโฮล์มยังมีประวัติศาสตร์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ ตั้งแต่อดีตที่เคยเป็นศูนย์กลางการค้า จุดเด่นที่ไม่ควรพลาดคือเมืองเก่าที่คงความสวยงามของสถาปัตยกรรมยุคกลาง รวมทั้งพระราชวังและโบสถ์โบราณ ชีวิตในสตอกโฮล์มเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ประชากรวัยหนุ่มสาวมีแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ ซึ่งทำให้เมืองนี้เป็นแหล่งรวมของแฟชั่น อาหารระดับโลก และการออกแบบ ที่นี่ยังมีร้านอาหารหรูหราและบรรยากาศที่น่าดื่มด่ำกับคาเฟ่ริมทาง มาเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ที่สตอกโฮล์ม และสัมผัสบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์ เพื่อสร้างความทรงจำที่น่าประทับใจในทริปเดินทางของคุณ!

เฮลซิงกิ เมืองหลวงแห่งฟินแลนด์ ตั้งอยู่ริมทะเลบอลติกในอ่าวฟินแลนด์ ออกแบบอย่างสวยงามริมคาบสมุทรและเกาะเล็ก ๆ มีทัศนียภาพสะดุดตาที่มีอาคารสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิก รวมถึงการผสมผสานงานออกแบบสมัยใหม่ของฟินแลนด์ที่น่าหลงใหล ผู้ที่มาเยือนเฮลซิงกิจะได้สัมผัสบรรยากาศของเมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาพร้อมกับสวนสาธารณะมากถึง 400 แห่ง ทำให้ช่วงฤดูร้อนเป็นช่วงเวลาที่เหมาะแก่การพักผ่อนอย่างแท้จริง เมืองนี้มีความเป็นมาที่น่าสนใจ เมื่อถูกเลือกให้เป็นเมืองหลวงในปี 1812 โดยซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 1 ซึ่งเปลี่ยนแปลงสถานะของเฮลซิงกิให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น อาคารใหม่ที่สร้างขึ้นตามความต้องการของเมืองหลวงทำให้เฮลซิงกิมีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว เมื่อเข้ามาในเมืองคุณจะพบกับการถ่ายรูปกับสัญลักษณ์สำคัญอย่างโบสถ์เฮลซิงกิที่มีโดมขาวสะอาด โต้ตอบกับพื้นผิวอาคารที่ทาสีสันสดใส นอกจากนี้ยังมีบาร์และคาเฟ่กลางแจ้งที่เรียกว่า "terrassit" ให้โอกาสคุณนั่งชมผู้คนในวันฤดูร้อน สัมผัสความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว หากคุณกำลังมองหาสถานที่ที่สวยงามและเต็มไปด้วยประสบการณ์ใหม่ ๆ เฮลซิงกิคือจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดในทริปเรือสำราญของคุณในภูมิภาคบอลติกนี้!

ท่าเรือตัลลินน์ ประเทศเอสโตเนีย เป็นจุดเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบสำหรับการสัมผัสเสน่ห์ของประเทศแถบบอลติกที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันหลากหลาย ตั้งแต่อดีตที่ผ่านมาของการถูกปกครองโดยชนชาติต่าง ๆ เช่น เดนมาร์ก เยอรมัน สวีเดน และรัสเซีย ตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 จนกระทั่งได้ประกาศเอกราชในปี 1918 แม้จะต้องเผชิญกับการยึดครองจากโซเวียตและนาซีในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แต่เอสโตเนียได้ฟื้นฟูอิสรภาพและเข้าร่วมสหภาพยุโรปในปี 2004 ในปัจจุบัน ตัลลินน์เป็นเมืองหลวงที่เจริญรุ่งเรืองและเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะในปี 2011 ที่เมืองนี้ได้รับการประกาศให้เป็นเมืองวัฒนธรรมแห่งยุโรป ชวนให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับสถาปัตยกรรมเมืองเก่าที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี รวมถึงบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาของคาเฟ่และแกลเลอรีศิลปะต่าง ๆ เมื่อคุณมายังตัลลินน์ นอกจากการสำรวจตัวเมืองอันงดงามแล้ว ยังสามารถเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวในบริเวณใกล้เคียง เช่น ปราสาทโตนลาห์ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม รองรับการเดินทางโดยเรือสำราญที่มาเยือนให้ความสุขและประสบการณ์ที่น่าจดจำในดินแดนแห่งประวัติศาสตร์นี้

ริกา เมืองหลวงของลัตเวีย ที่นำเสนอความหรูหราในบรรยากาศของเมืองใหญ่ซึ่งไม่มีใครเทียบได้ในภูมิภาคนี้ สถานที่แห่งนี้นับเป็นศูนย์กลางการค้าและธุรกิจที่สำคัญ โดยมีร้านอาหารและโรงแรมระดับสูงที่เป็นที่กล่าวขานในวงการท่องเที่ยวในยุโรปตะวันตก ผู้มาเยือนจะได้รับการต้อนรับด้วยความงดงามของเมืองเก่า (Old Town) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกยูเนสโก หนึ่งในตัวอย่างที่ดีที่สุดของสถาปัตยกรรมอาร์ต นูโว เส้นทางเดินในย่านนี้ จะเต็มไปด้วยบ้านแบบเยอรมันที่มีเสน่ห์ แบ่งป่าทางข้างในของเมืองออกเป็นสองส่วน สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่เรียกว่า Esplanāde รอคอยให้ผู้มาเยือนนั่งพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ ในขณะที่ย่านสถาปัตยกรรมอาร์ต นูโว ที่ได้รับการยกย่องจากยูเนสโก ยังให้ความรู้สึกถึงความหรูหราในทุกซอกทุกมุม ไม่ว่าคุณจะถูกใจที่จะเดินชมบรรยากาศหรือจะเข้าไปสำรวจพิพิธภัณฑ์มากมายของเมือง ริการอุดมไปด้วยประวัติศาสตร์และศิลปะ ที่คุณสามารถสัมผัสได้ตั้งแต่เส้นขอบฟ้าไปจนถึงคาเฟ่เล็กๆ ที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ เตรียมกระเป๋าของคุณแล้วไปสัมผัสกับความงามของริกากันเถอะ!
วิสบี (Visby) เมืองที่มีเสน่ห์บนเกาะก็อตแลนด์ (Gotland) ประเทศสวีเดน เป็นจุดหมายปลายทางอันน่าหลงใหลที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนาน และบรรยากาศที่เป็นกันเองในช่วงฤดูร้อน เกาะนี้มีความยาวถึง 125 กิโลเมตร และกว้าง 52 กิโลเมตร นับว่าเป็นเกาะที่มีชื่อเสียงในฐานะสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนในวันหยุด เมื่อคุณเดินทางมายังท่าเรือวิสบี คุณจะได้พบกับแนวชายทะเลที่สวยงาม ประกอบด้วยหาดทรายขาวละเอียดและกลุ่มหินรูปร่างแปลกตาที่เรียกว่า "ราวการ์" (raukar) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวปะการังที่เกิดขึ้นมาเมื่อกว่า 400 ล้านปีมาแล้ว นอกจากนี้ เกาะก็อตแลนด์ยังเป็นที่ตั้งของฟาร์มแกะ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมการเกษตรของสวีเดน ความหลากหลายทางธรรมชาติของที่นี่ยังไปไกลกว่าที่ตาผู้ชมเห็น โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ผลิที่ 35 ชนิดของกล้วยไม้ป่าจะเบ่งบานอยู่ตามพื้นที่เขียวขจี ดึงดูดนักพฤกษศาสตร์จากทั่วทุกมุมโลก ที่วิสบี คุณยังจะได้สัมผัสกับเมืองเก่าที่มีสถาปัตยกรรมยุคกลางอันน่าตื่นตาตื่นใจ และร่วมสนุกกับกิจกรรมที่หลากหลาย กิจกรรมทั้งอาหารท้องถิ่นและเทศกาลที่มีชีวิตชีวา ยืนยันได้เลยว่า วิสบีในเกาะก็อตแลนด์จะเป็นจุดหมายการเดินทางที่คุณไม่ควรพลาด!

เมืองวาร์เนมึนเดอ (Warnemünde) ซึ่งเป็นชานเมืองที่งดงามของโรสต็อกในประเทศเยอรมนี เป็นจุดหมายปลายทางที่ถูกใจนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน ด้วยชายหาดทรายขาวกว่าหมื่นสองพันเมตร ที่นี่เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การพักผ่อน และเติมเต็มความสุขให้กับครอบครัวที่มองหาที่หลบหนีจากความวุ่นวาย วาร์เนมึนเดอไม่เพียงแต่มีโรงแรมและร้านอาหารที่ดีที่สุดในพื้นที่ แต่ยังเป็นท่าเรือสำราญที่สำคัญ สำหรับผู้ที่หลงใหลในฤดูกาลของการเดินทาง ทางเมืองจะเต็มไปด้วยชีวิตชีวาเมื่อลงเรือสำราญหลายลำที่จอดอยู่ในท่าพร้อมกัน การเฉลิมฉลองของเมืองจะเปล่งประกายออกมาให้เห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการเฉลิมฉลอง "dreifache Anlauf" ซึ่งมีเรือสามลำจอดพร้อมกัน โดยจะมีการจุดดอกไม้ไฟสร้างบรรยากาศที่น่าตื่นตาตื่นใจ ด้วยความสงบและสวยงาม วาร์เนมึนเดอจึงเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การเติมเต็มจิตวิญญาณของผู้เดินทาง เสริมสร้างประสบการณ์ที่ไม่อาจลืมเลือนในใจคุณ ด้วยภาพภูมิทัศน์ที่สวยงามและอิ่มเอมกับบรรยากาศที่มีชีวิตชีวา นี่คือจุดหมายที่ต้องสัมผัสในทุกการเดินทาง.

ออร์ฮุส (Aarhus) เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเดนมาร์ก ถือเป็นจุดหมายปลายทางที่มีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร ด้วยวัฒนธรรมที่มีชีวิตชีวาและบรรยากาศที่เป็นกันเอง เมืองนี้โดดเด่นด้วยคลองออร์ฮุส (Århus Å) ที่ตัดผ่านกลางเมือง ซึ่งเมื่อก่อนเคยถูกปิดซ่อนอยู่ใต้ดิน แต่ได้ถูกเปิดเผยให้เห็นอีกครั้งเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ตลอดแนวคลอง คุณจะพบกับบาร์ ร้านกาแฟ และร้านอาหารสมัยใหม่ที่เรียงรายอยู่ริมฝั่ง ผู้คนจะมาใช้เวลานั่งพักผ่อนและเพลิดเพลินกับบรรยากาศที่อบอุ่นในทุกช่วงเวลา ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ นอกจากนี้ ที่สำนักงานการท่องเที่ยว VisitÅrhus ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับ 'Århus Passport' ซึ่งเป็นบัตรที่ช่วยให้คุณสามารถใช้บริการรถบัสได้ฟรี หรือเข้าชมพิพิธภัณฑ์และสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังที่สุดในเมืองได้ในราคาไม่แพง ทั้งนี้ ออร์ฮุสยังเป็นที่ตั้งของแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น พิพิธภัณฑ์ Aros ที่มีงานศิลปะร่วมสมัยที่น่าทึ่งและวิวเมืองที่สวยงามจากจุดชมวิวอีกด้วย เมืองแห่งศิลปะนี้คือจุดที่ต้องไปเยือนสักครั้งในชีวิต หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์การเดินทางที่หลากหลายและน่าจดจำในยุโรป!


ท่าเรือเซาแธมป์ตัน นับเป็นท่าเรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ ตั้งอยู่ที่ปากอ่าวเซาแธมป์ตัน ระหว่างแม่น้ำเทสต์และอิตเชน เมืองแห่งนี้เคยเป็นศูนย์กลางการค้าขายที่สำคัญมาตั้งแต่สมัยกลาง โดยมีการส่งออกขนสัตว์และหนังสัตว์จากพื้นที่รอบ ๆ และนำเข้าผลิตภัณฑ์ไวน์จากบอร์โดซ์ แม้เซาแธมป์ตันจะต้องเผชิญกับการทำลายล้างอย่างหนักในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แต่เมืองนี้ก็ได้ฟื้นฟูและสร้างสรรค์ใหม่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว ด้วยอาคารยุคกลางที่ยังคงเหลืออยู่ เช่น บาร์เกต (Bargate) ที่ถือเป็นหนึ่งในประตูเมืองที่สวยงามที่สุดในอังกฤษ นอกจากท่าเรืออันทันสมัยแล้ว เซาแธมป์ตันยังมีกิจกรรมหลากหลายสำหรับนักเดินทาง ที่สามารถสำรวจเมืองแห่งประวัติศาสตร์และเต็มไปด้วยศิลปะ เช่น พิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ที่นำเสนอผลงานศิลปะระดับโลก และยังเป็นจุดเริ่มต้นที่เหมาะสำหรับการออกไปสัมผัสเสน่ห์ของเมืองใกล้เคียง อย่างบอร์นมัธ และสนามกอล์ฟที่สวยงาม การมาที่เซาแธมป์ตันจึงไม่เพียงแค่การเริ่มต้นการเดินทางด้วยเรือสำราญ แต่ยังเป็นโอกาสในการดื่มด่ำกับความงดงามทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของอังกฤษอย่างไม่รู้จบ















เจ้าของสวีท (Owner’s Suite) ให้ความรู้สึกหรูหราและมีสไตล์เหมือนวิลล่าตามชายฝั่งที่น่าทึ่ง โดยมีพื้นที่มากกว่า 2,000 ตารางฟุต แต่ละห้องมีพื้นที่นั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร ห้องนอนหลัก และห้องน้ำสองห้อง การตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์เนอร์และการตกแต่งที่งดงามสร้างบรรยากาศที่เงียบสงบกลางทะเล มีเทอเรซแยกสำหรับพื้นที่นั่งเล่นและห้องนอน พร้อมด้วยหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานที่มอบทิวทัศน์ที่น่าหลงใหลให้คุณได้ชมความงามของทะเลรอบตัว ห้องสวีททุกห้องยังรวมบริการบัตเลอร์ตลอด 24 ชั่วโมง และมีพื้นที่กว้างขวางเป็นพิเศษ ทำให้ประสบการณ์การเข้าพักในห้องสวีทนี้ไม่มีใครเปรียบเทียบได้ นอกจากสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องสวีทแล้ว เจ้าของสวีทยังมีสิทธิพิเศษมากมาย เช่น บริการซักรีดฟรีสำหรับกระเป๋าสูงสุด 3 ใบ การขึ้นเรือแบบมีความสำคัญพร้อมการจัดส่งกระเป๋าอย่างรวดเร็ว การเข้าถึงห้องเลาจน์พิเศษที่มีบริการเครื่องดื่มฟรีตลอดทั้งวัน และบาร์ในห้องพักที่จัดเตรียมไว้อย่างดี มีแชมเปญต้อนรับ ผลไม้สดที่เติมได้ทุกวัน การจองร้านอาหารพิเศษออนไลน์ได้ก่อนใคร รวมถึงการเข้าถึง Aquamar Spa Terrace อย่างไม่จำกัด นอกจากนี้ยังมีบริการไอแพดให้ยืมตามคำขอ ระบบความบันเทิงที่ปรับแต่งได้ และชุดของขวัญจาก Bulgari รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ไม่มีใครเหมือน เพื่อให้การเข้าพักของคุณเพียบพร้อมด้วยความสะดวกสบายและความหรูหราอย่างแท้จริง








วิสตา สวีทเป็นห้องสูทสุดหรูที่ได้รับการออกแบบภายในอย่างประณีต เหมือนกับบ้านสุดหรูในย่านปาร์คอเวนิว บนเรือสำราญและตั้งอยู่ในทำเลที่ดีที่สุด มองเห็นด้านหน้าเรือ ห้องสูทขนาด 1,200 ถึง 1,500 ตารางฟุตนี้มาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน เช่น ห้องโคลเซตขนาดใหญ่ เตียงคิงไซส์ ห้องน้ำที่สองสำหรับผู้มาเยือน สปาในและกลางแจ้ง รวมถึงห้องฟิตเนสส่วนตัว นอกจากนี้ผู้เข้าพักยังสามารถใช้บริการห้องเลานจ์พิเศษที่มีบัตเลอร์บริการ 24 ชั่วโมง โดยในห้องจะมีบาร์ส่วนตัวที่จัดตั้งเครื่องดื่มคุณภาพสูงและไวน์ไว้ พร้อมด้วยขนม และผลไม้สดที่เติมให้ทุกวัน อีกทั้งยังมีสิทธิประโยชน์ในการสำรองร้านอาหารพิเศษอย่างรวดเร็ว พร้อมการเข้าถึงแอควอมา สปา เทอเรซ อย่างไม่จำกัด อิ่มเอมไปกับความสะดวกสบายที่ไม่มีที่สิ้นสุดในวิสตา สวีท

โอเชียนเนียสวีทเป็นห้องสวีทที่หรูหราของเรือสำราญ ซึ่งมีพื้นที่มากกว่า 1,000 ตารางฟุต ทุกห้องมีการออกแบบอย่างมีระดับและเฟอร์นิเจอร์ที่มีสไตล์ ห้องสวีทนี้ประกอบไปด้วยห้องนั่งเล่น, ห้องรับประทานอาหาร, ห้องสื่อที่มีอุปกรณ์ครบครัน, ห้องเสื้อผ้าขนาดใหญ่, เตียงขนาดคิงไซส์, ระเบียงส่วนตัวขนาดกว้าง, สปาน้ำวนทั้งในบ้านและกลางแจ้ง รวมถึงห้องน้ำอีกห้องสำหรับแขก พร้อมด้วยการเข้าถึงเลานจ์ส่วนตัวสำหรับผู้บริหารที่มีนิตยสาร, หนังสือพิมพ์, เครื่องดื่มและขนมกลางวันให้บริการ นอกจากนี้ยังมีบริการพิเศษเช่น บริการซักรีดฟรี, การขึ้นเรือในเวลา 11:00 น. ด้วยลำดับความสำคัญ, บริการบัตเลอร์ตลอด 24 ชั่วโมง, บาร์ในห้องพักพร้อมเครื่องดื่มนำเข้าคุณภาพสูง, และบริการต่างๆ ที่ปรับให้เหมาะกับความต้องการของแขก เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีบริการจองห้องอาหารพิเศษออนไลน์ล่วงหน้า, การเข้าถึงสปา Aquamar Terrace อย่างไม่จำกัด, พร้อมด้วยของขวัญจาก Bulgari, ผ้าห่มขนแคชเมียร์และตัวเลือกหมอนพิเศษ โอเชียนเนียสวีทจึงเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสการเดินทางสุดหรูและความสะดวกสบายอย่างแท้จริงบนเรือสำราญของเรา
เพนท์เฮาส์สวีทเป็นความงามแห่งการตกแต่งที่ลงตัวและหรูหรา ขนาดกว้างขวางถึง 440 ตารางฟุต ภายในห้องมีฟีเจอร์ที่น่าทึ่งมากมาย เช่น ระบบไฟที่ปรับแต่งได้ โต๊ะรับประทานอาหาร มุมพักผ่อนที่แยกออกจากกัน ตู้เสื้อผ้าแบบวอล์คอิน ระเบียงไม้สักส่วนตัว และห้องน้ำที่ตกแต่งด้วยหินอ่อนซึ่งมีพื้นที่เก็บของเพิ่มเติมและฝักบัวที่ขยายเพื่อมอบประสบการณ์การพักผ่อนอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ผู้เข้าพักยังสามารถเพลิดเพลินกับการบริการจากพนักงานคอนเซียร์จที่ม dedicated และเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกในเลานจ์พิเศษสำหรับผู้บริหารได้โดยตรง สำหรับผู้เข้าพักในเพนท์เฮาส์สวีท ยังได้รับสิทธิพิเศษมากมาย เช่น บริการซักรีดฟรีสูงสุดถึง 3 ถุงต่อห้อง บัตรเข้าถึงเลานจ์พิเศษที่มีกาแฟและขนมขบเคี้ยวตลอดทั้งวัน การบริการคนรับใช้ตลอด 24 ชั่วโมง ขวดแชมเปญต้อนรับที่มีให้ฟรี และการจองร้านอาหารพิเศษออนไลน์ล่วงหน้า นอกจากนี้ยังสามารถเข้าถึง Aquamar Spa Terrace ได้ไม่จำกัด พร้อมผ้าห่มขนแคชเมียร์ และบริการขัดรองเท้าฟรี เพนท์เฮาส์สวีทจึงไม่ใช่แค่ที่พัก แต่เป็นประสบการณ์ที่เหนือระดับสำหรับการเดินทางอันเป็นเอกลักษณ์บนเรือสำราญที่หรูหรา.




คอนเซียร์จเวอเรนด้าเสตเตอร์รูม ของเรามีขนาด 282 ตารางฟุต เต็มไปด้วยการตกแต่งที่สวยงามและสิ่งอำนวยความสะดวกอันหรูหราที่สามารถพบได้ในเพนท์เฮาส์สวีท ซึ่งรวมถึงระเบียงส่วนตัว, โซฟานุ่มสบาย, มินิบาร์ที่มีเครื่องดื่มเย็น, และห้องน้ำขนาดใหญ่ที่หุ้มด้วยหินอ่อนและแกรนิต พร้อมฝักบัวที่กว้างขวาง นอกจากนี้แขกผู้เข้าพักยังสามารถเข้าถึงเลานจ์คอนเซียร์จส่วนตัวที่มีคอนเซียร์จประจำตัวให้บริการ พร้อมด้วยนิตยสาร, หนังสือพิมพ์ประจำวัน, เครื่องดื่ม, และขนมขบเคี้ยวตลอดทั้งวัน การเข้าถึงสิทธิพิเศษสำหรับคอนเซียร์จนั้นเพิ่มเติมจากสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องพัก ซึ่งรวมถึงเมนูบริการรูมเซอร์วิสสำหรับมื้อกลางวันและมื้อเย็นที่ขยายออกจาก The Grand Dining Room, บริการซักรีดฟรีสูงสุด 3 ถุงต่อห้องพัก, การขึ้นเรือในช่วงเที่ยงด้วยสิทธิพิเศษ, การเข้าถึงเลานจ์คอนเซียร์จที่มีบริการเครื่องดื่มฟรีตลอดวัน, ขวดแชมเปญต้อนรับฟรี, การจองร้านอาหารพิเศษออนไลน์ลำดับความสำคัญ, การเข้าถึง Aquamar Spa Terrace ได้ไม่จำกัด และบริการอื่นๆ ซึ่งรวมถึงการให้ iPad ประกอบความบันเทิงระหว่างการเดินทาง ตามคำขอเป็นต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสูบบุหรี่ในห้องพักและระเบียงเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ทุกการเข้าพักเป็นไปอย่างราบรื่นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความสะดวกสบายในระหว่างที่อยู่บนเรือของเรา




ห้องสเตเตอร์รูมระเบียงขนาด 291 ตารางฟุตของเราเป็นห้องพักขนาดใหญ่ที่สุดในทะเล ภายในห้องมีระเบียงส่วนตัวที่ตกแต่งอย่างสะดวกสบาย ซึ่งถือเป็นความหรูหราที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ห้องพักทุกห้องมาพร้อมพื้นที่นั่งเล่นที่มีความสะดวกสบาย มินิบาร์ที่มีการรีเฟรชเครื่องดื่มอัดลมฟรีทุกวัน ตู้เสื้อผ้าขนาดกว้างขวาง และห้องน้ำที่ประดับด้วยหินอ่อนและหินแกรนิตซึ่งมีอ่างอาบน้ำและฝักบัว ห้องสเตเตอร์รูมระเบียงยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ไม่เหมือนใคร เช่น เตียงทรanquility ที่มีผ้าลินิน 1,000 เส้นด้าย บริการรูมเซอร์วิสตลอด 24 ชั่วโมง บริการทำความสะอาดสองครั้งต่อวัน และช็อคโกแลตเบลเยียมในช่วงเวลาปิดเตียง นอกจากนี้ยังมีระบบโทรทัศน์แบบโต้ตอบที่สามารถรับชมภาพยนตร์ตามความต้องการ รวมถึงการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตไร้สายและการบริการโทรศัพท์มือถือ คุณสามารถเพลิดเพลินกับผ้าขนหนูที่ทำจากผ้าฝ้ายเนื้อดีและเสื้อคลุมอาบน้ำที่หนานุ่ม รวมถึงปลอกผ้าขนหนูและเครื่องเป่าผมที่สามารถใช้ได้สะดวก ใส่ใจในความปลอดภัย ห้องพักยังมีเซฟส่วนตัวให้ด้วย อย่างไรก็ตาม การสูบบุหรี่ในห้องพัก ระเบียง และห้องสวีทถูกห้ามโดยเด็ดขาด

ห้องพักดูทะเลแบบหรูมีขนาด 242 ตารางฟุต โดดเด่นด้วยหน้าต่างแบบพาโนรามาขนาดใหญ่จากพื้นจรดเพดานที่สามารถเปิดเพื่อชมวิวทะเลอันงดงามได้อย่างเต็มตา ห้องพักนี้มีพื้นที่นั่งเล่นกว้างขวาง โต๊ะเครื่องแป้ง โต๊ะอาหารเช้า มินิบาร์ที่มีเครื่องดื่มเย็น และห้องน้ำที่ตกแต่งด้วยหินอ่อนและหินแกรนิตพร้อมฝักบัว ห้องพักมีการบริการที่หลากหลายเพื่อความสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มที่เติมให้ฟรีทุกวันในมินิบาร์ บริการรูมเซอร์วิสตลอด 24 ชั่วโมง เตียง Tranquility Bed ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Oceania Cruises อุปกรณ์ Bulgari บริการทำความสะอาด 2 ครั้งต่อวัน และระบบโทรทัศน์แบบอินเตอร์แอคทีฟที่มีภาพยนตร์ตามต้องการ นอกจากนี้ยังมีอินเทอร์เน็ตไร้สายและบริการโทรศัพท์มือถือ โต๊ะเขียนหนังสือพร้อมอุปกรณ์เขียน ผ้าขนหนู ผ้าชุดนอน และรองเท้าสำหรับใช้ในห้องพักเพื่อความสะดวกสบาย นอกจากนี้ยังมีตู้นิรภัยและช็อคโกแลตพรีเมี่ยมในเวลาปิดเตียงเพื่อเพิ่มสัมผัสหรูหรา ห้องพักนี้ยังมีคุณสมบัติการเข้าถึงที่ตอบสนองต่อความต้องการ โดยมีห้องน้ำที่ออกแบบให้เข้าถึงได้ง่ายและมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ。การสูบบุหรี่ในห้องพักและระเบียงถือเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างเคร่งครัด


ห้องพักภายในนี้มีพื้นที่กว้างขวางถึง 174 ตารางฟุต ซึ่งออกแบบอย่างหรูหราและตกแต่งอย่างมีสไตล์เพื่อเพิ่มความเงียบสงบและสันติสุขในระหว่างการเดินทางของคุณ ภายในห้องมีห้องน้ำที่มีการตกแต่งด้วยหินอ่อนและหินแกรนิต มีอ่างอาบน้ำ และช่องอาบน้ำกว้างขวาง พร้อมทั้งมีมุมทำงาน โต๊ะอาหารเช้า และมินิบาร์เย็นที่มีเครื่องดื่มซอฟต์ดริงค์เติมให้อย่างฟรีทุกวัน นอกจากนี้ยังมีน้ำดื่มสะอาดและน้ำอัดลม Vero Water ให้บริการฟรี ท่านจะได้รับการบริการห้องพักตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกับเตียง Tranquility Bed ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Oceania Cruises และยังมีผลิตภัณฑ์อาบน้ำสุดหรูให้ใช้บริการอีกด้วย การบริการทำความสะอาดห้องพักมีถึงวันละสองครั้ง ระบบทีวีแบบอินเทอร์แอกทีฟมีภาพยนตร์ให้เลือกชม Weather และอีกมากมาย นอกจากนี้ยังสามารถเข้าใช้อินเทอร์เน็ตไร้สายและบริการโทรศัพท์มือถือได้อีกด้วย ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีมุมเขียนงานพร้อมอุปกรณ์เขียน ใหญ่หรูอย่างผ้าขนหนู ผ้าปู และรองเท้าสลิปเปอร์ที่ทำจากผ้าฝ้ายคุณภาพสูง เครื่องอบผม และตู้นิรภัยเพื่อความปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีช็อคโกแลตชั้นดีบริการในช่วงเย็น ทำให้ท่านได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่ในห้องพักอันสวยงามนี้