
02-27217300
02-27217179
service@siloahtravel.com
Monday ~ Friday 09:00-18:00
14F.-3, No.137, Sec. 1, Fuxing S. Rd., Da’an Dist., Taipei City 106, Taiwan
Representative: Tung-Hua Tai
VAT: 43871553
交觀甲793500 品保北2260 隱私權條款
Copyright © 2025 Siloah Travel Co., Ltd.. All rights reserved.

โอเชียนิอามารินา
โอเชียเนีย ครูซส์


เรคยาวิก เมืองหลวงที่มีเสน่ห์และเป็นศูนย์กลางของไอซ์แลนด์ ตั้งอยู่บนอ่าวที่มีภูเขามิท เอสยาเป็นฉากหลัง สะท้อนความเป็นธรรมชาติที่งดงามของประเทศ ด้วยบ้านที่ทาสีสันสดใสและหลังคาแดง น้ำเงิน และเขียว เมืองนี้เป็นการรวมตัวของประชากรเกือบครึ่งหนึ่งของประเทศ ชื่อ "เรคยาวิก" มาจากคำภาษาไอซ์แลนด์ที่หมายถึง "อ่าวของควัน" ซึ่งได้รับการตั้งชื่อตามการค้นพบของนักเดินเรือชาวนอร์สที่มามองเห็นเกาะนี้ในปี ค.ศ. 874 ภายในเมืองมีการทำความร้อนจากน้ำร้อนจากบ่อน้ำร้อน ลดมลพิษทางอากาศและมอบความอบอุ่นให้กับบ้านเรือน การสำรวจเรคยาวิกนั้นง่ายด้วย Reykjavik City Card ซึ่งให้สิทธิ์ในการเดินทางด้วยรถประจำทางไม่จำกัดและเข้าชมสระว่ายน้ำทั้งหมดในเมือง รวมถึงสวนสัตว์และพิพิธภัณฑ์ หลายแห่งเป็นที่รู้จัก การเข้าสู่พิพิธภัณฑ์ศิลปะเช่น Hafnarhús และ Kjarvalsstaðir จะทำให้คุณได้รับบัตรเข้าชมฟรีไปยังพิพิธภัณฑ์อื่น ๆ ในวันเดียวกัน มาเปิดประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นในเรคยาวิก ดื่มด่ำกับวัฒนธรรมและธรรมชาติ พร้อมกับสัมผัสความหลากหลายของกิจกรรมที่มีให้เพื่อเติมเต็มวันหยุดของคุณในดินแดนแห่งไฟและน้ำแข็ง!

ในประเทศไอซ์แลนด์ ท่าเรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ไอซาฟยอร์ดูร์ (Isafjördur) ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าหลงใหล ไม่เพียงแต่เป็นท่าเรือที่น่าประทับใจตั้งอยู่ท่ามกลางวิวทิวทัศน์ของภูเขาหินสูงโปร่งทั้งสองข้าง แต่ยังตั้งอยู่บนคาบสมุทรที่ยื่นออกไปในน้ำฟยอร์ดสีดำลึกอีกด้วย การเดินทางมาที่นี่จะทำให้คุณได้สัมผัสถึงความสดใสและทันสมัยของเมืองเล็กๆ ที่มีชีวิตชีวา พรั่งพร้อมไปด้วยคาเฟ่และร้านอาหารที่เต็มไปด้วยรสชาติอร่อย พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างอบอุ่น ไอซาฟยอร์ดูร์ไม่เพียงแต่มีความสวยงามแบบธรรมชาติ แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยมสำหรับการผจญภัยกลางธรรมชาติที่งดงามของไอซ์แลนด์ ซึ่งกิจกรรมที่ได้รับความนิยมคือการเล่นสกี เดินป่า และกีฬาทางน้ำ ล้วนแต่เป็นกิจกรรมที่ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับความดิบของธรรมชาติอย่างใกล้ชิด อย่าลืมสัมผัสกลิ่นอายแห่งการผจญภัยที่รอให้คุณค้นพบ ณ ท่าเรือแห่งนี้ ซึ่งจะสร้างแรงบันดาลใจและความทรงจำที่ไม่มีวันลืมเลือนในการเดินทางของคุณในไอซ์แลนด์!

อาคูเรย์รีเป็นเมืองหลวงของภาคเหนือของไอซ์แลนด์ และเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวา เป็นเมืองที่มีความเป็นเอกลักษณ์ซึ่งตั้งอยู่ริมฟยอร์ดอันงดงามยาว 60 กิโลเมตร ถูกล้อมรอบด้วยภูเขาทั้งสามด้าน ทำให้ได้รับการปกป้องจากลมทะเลอันรุนแรง สถาปัตยกรรมไม้สไตล์ศตวรรษที่ 19 ยังบอกเล่าเรื่องราวของประวัติศาสตร์ที่นี่ ขณะที่โบสถ์ลูเธอแรนที่มีหอคอยคู่ ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาเขียวข้างริมฟยอร์ด ทำหน้าที่เป็นจุดศูนย์กลางสำคัญของเมือง นอกจากความงามของเมืองแล้ว อาคูเรย์รียังมีภูมิทัศน์ที่น่าทึ่ง ด้านใต้ของเมืองมีภูเขาไรโอลิตที่มีรูปพีระมิดชื่อว่า ซูลูร์ และเสน่ห์ของภูมิภาคนี้ยังไม่จบเพียงเท่านั้น เพราะอีกด้านคือเคอริง ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในเขตเอจาฟยอร์ด คุณจะได้พบกับการเดินป่าและการสำรวจธรรมชาติอันรุ่งโรจน์ในพื้นที่นี้ มาสัมผัสกับมนต์เสน่ห์ของอาคูเรย์รีดื่มด่ำกับประวัติศาสตร์และความงดงามของธรรมชาติ ที่นี่จะทำให้การเดินทางของคุณกลายเป็นประสบการณ์ที่ไม่อาจลืมเลือน และกระตุ้นให้คุณค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ในทุกย่างก้าว

ดิวปิวโกรู (Djúpivogur) เมืองเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในไอซ์แลนด์ เป็นจุดหมายท่องเที่ยวที่น่าอัศจรรย์สำหรับผู้ที่ปรารถนาหาความสงบในบรรยากาศธรรมชาติอันงดงาม รายล้อมไปด้วยภูเขาไฟที่ส่องแสงระยิบระยับและฟยอร์ดที่มีเสน่ห์ ดิวปิวโกรูได้รับการต้อนรับด้วยสถานะ 'Cittaslow' ซึ่งหมายถึง เมืองแห่งความช้าลง หรือเมืองที่ให้คุณค่าแก่ความสงบและคุณภาพชีวิต ในขณะที่เดินชมท่าเรือที่สวยงาม คุณจะได้พบกับชีวิตสัตว์ป่าที่ไม่เหมือนใคร รวมถึงนกทะเลหลากหลายชนิดที่อยู่ในอาณาเขต นอกจากนี้ ดิวปิวโกรูยังเป็นที่รู้จักในเรื่องวรรณกรรมพื้นบ้านและอาหารอร่อยที่ทำจากวัตถุดิบท้องถิ่น โดยเชฟผู้เชี่ยวชาญจะนำเสนอเมนูที่ทำให้คุณได้สัมผัสรสชาติแบบไอซ์แลนด์แท้ ๆ หากคุณรักการสำรวจธรรมชาติ อย่าลืมเดินเล่นไปตามเส้นทางเดินที่นำไปสู่ฟยอร์ดที่น่าทึ่ง สัมผัสความมหัศจรรย์ของน้ำตกและภูเขา ที่จะทำให้คุณเพลิดเพลินไปกับความงดงามในทุกรูปแบบ เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับแรงบันดาลใจในการเดินทางครั้งใหม่ที่ดิวปิวโกรู ประเทศไอซ์แลนด์ ที่รอคุณอยู่!

ท่าเรือเมืองทอร์ชาวน์ (Tórshavn) ประเทศหมู่เกาะแฟโร ไม่เพียงแต่เป็นศูนย์กลางการค้าของภูมิภาค แต่ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจดึงดูดนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลกอีกด้วย ท่าเรือที่งดงามเป็นที่ตั้งของเรือสำราญมากมาย และยังมีเสน่ห์ของเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ในทอร์ชาวน์ คุณจะได้สัมผัสบรรยากาศของบ้านเมืองเล็ก ๆ ที่น่าหลงใหล ปล่องภูเขาไฟรอบด้านและทิวทัศน์อันงดงาม เผยให้เห็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ เมืองนี้มีเสน่ห์ของบ้านไม้สีสันสดใสที่เรียงรายอยู่ริมถนน และการเดินสำรวจโดยรอบยังทำให้เห็นถึงวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างชัดเจน นอกจากการสำรวจท่าเรือและย่านเมืองเก่า นักท่องเที่ยวยังสามารถสัมผัสประสบการณ์ทางธรรมชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจ เช่น การเดินป่าไปยังภูเขานูมูร์หรือนั่งเรือไปชมความงดงามของชั้นภูเขาและน้ำตกที่สวยงามไม่ไกลจากเมือง ทอร์ชาวน์จึงไม่ใช่เพียงแค่จุดหมายในการจอดเรือสำราญ แต่ยังเป็นประตูสู่วัฒนธรรมและการผจญภัยในใจกลางธรรมชาติที่สวยงามอีกด้วย เพลิดเพลินกับการเดินทางที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความทรงจำที่ไม่มีวันลืมเลือนที่นี่เถิด!

เลอร์วิค เมืองเล็กที่มีเสน่ห์ ตั้งอยู่บนหมู่เกาะเชตแลนด์ (Shetland Islands) ของสกอตแลนด์ เป็นจุดหมายอันดับต้น ๆ สำหรับนักท่องเที่ยวที่มุ่งหน้าเข้าสู่ท่าเรือที่มีชีวิตชีวานี้ เมืองนี้ก่อตั้งขึ้นโดยชาวดัตช์ในศตวรรษที่ 17 และยังคงรักษาความงามของอาคารหินที่เรียกว่า "ล๊อดเบอรีส์" ซึ่งเป็นสถานที่ขนส่งสินค้าที่สำคัญในอดีต นี่คือเสน่ห์ที่ดึงดูดผู้คนและสะท้อนถึงความรุ่งเรืองในอดีตของเมืองนี้ เมื่อเดินเรือเข้าท่าเลอร์วิค คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศของท่าเรือที่ปัจจุบันยังมีความคึกคัก ด้วยถนนที่ปูด้วยแผ่นหินและวิวชายฝั่งที่งดงาม ทำให้ที่นี่เป็นเสมือนประตูสู่การสำรวจความงามของเชตแลนด์ สำหรับนักเดินทางที่มาเยือน ยังมีโอกาสได้พบปะกับวัฒนธรรมชาวเซลติก ที่สำคัญ และการชมธรรมชาติที่น่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นชายหาดที่ป่าเขียวขจีหรือสัตว์ป่าในท้องถิ่น ด้วยความเพลิดเพลินและน่าหลงใหลที่เลอร์วิคมอบให้ คุณจะได้สัมผัสกับการเดินทางที่ไม่เหมือนใคร คอยต้อนรับความตื่นเต้นในทุกขั้นตอนของการสำรวจสมบัติที่ซ่อนอยู่ในภูมิภาคนี้

เมืองมอลอย (Måløy) ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันตกของนอร์เวย์ เป็นท่าเรือที่ได้รับการยอมรับในฐานะจุดเชื่อมต่อที่สวยงามและเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ที่น่าหลงใหล ที่นี่เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติอันงดงามและวัฒนธรรมท้องถิ่นที่แตกต่างออกไป เมื่อคุณย่างก้าวเข้าสู่มอลอย คุณจะพบกับทัศนียภาพอันน่าทึ่งของภูเขาและทะเลที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว เรือสำราญที่เข้ามาจอดยังเปิดโอกาสให้คุณได้สัมผัสกับการเดินเล่นบนชายฝั่ง พร้อมกับการสำรวจชายหาดที่สะอาดสะอ้านและน้ำทะเลสีฟ้าคราม ที่นี่ไม่เพียงแต่เป็นท่าเรือ แต่ยังเป็นประตูเข้าสู่การสำรวจวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ นอกจากนี้ มอลอยยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นที่น่าสนใจ ซึ่งเป็นสถานที่ที่รวบรวมประวัติศาสตร์การทำประมง รวมถึงเรื่องราวเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่สอง ที่น่าดึงดูดใจไม่แพ้กัน คุณจะได้พบกับความงดงามของธรรมชาติอย่างจริงจัง และชื่นชมในวัฒนธรรมที่ยังคงสดใหม่ในทุกยุคสมัย มอลอยไม่เพียงแต่เป็นจุดแวะพักที่สะดวกสบายสำหรับนักล่าฝันในทะเล แต่ยังเป็นสถานที่ที่ช่วยเติมเต็มความปรารถนาในการออกสำรวจ เปิดโอกาสให้คุณได้สร้างความทรงจำอันยิ่งใหญ่ในโลกแห่งธรรมชาติที่สวยงามของนอร์เวย์ และแน่นอนว่า จะต้องประทับใจกับเสน่ห์ อันน่าหลงใหลที่รอคุณอยู่ในมอลอย!
วิค (Vik) คือประตูสู่ความสวยงามอันยิ่งใหญ่ของฟยอร์ดแลนด์ในนอร์เวย์ สถานที่ที่ถูกขนานนามโดยนิตยสาร National Geographic Traveler ว่าเป็น "จุดหมายปลายทางที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก" นั้นไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย หากคุณเป็นผู้ที่หลงใหลในตำนานและธรรมชาติ วิคจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้เดินเข้าสู่โลกที่ถูกสร้างขึ้นจากจินตนาการของโทลคีน ที่ที่มีหมอกลอยตามภูเขา อากาศเย็นสดชื่น และฟยอร์ดอันเงียบสงบที่ท้าทายให้คุณสำรวจ ในวิค คุณจะพบกับโบสถ์สเตฟที่สวยงามถึงสองแห่ง ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นดินศักดิ์สิทธิ์ของชาวนอร์ส แสดงถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานของวัฒนธรรมไวกิ้งและตำนานสแกนดิเนเวียน องค์ประกอบทางธรรมชาติที่รวมกันอย่างกลมกลืนทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในจุดหมายที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับนักเดินทาง ให้ความสงบและเวทมนตร์แห่งวิคเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางครั้งนี้ แล้วคุณจะได้สัมผัสถึงการผจญภัยที่คุณไม่อาจลืมเลือน พร้อมทั้งเปิดประสบการณ์ใหม่ในที่ซึ่งปรากฏการณ์ธรรมชาติและวัฒนธรรมอันเก่าแก่ผสมผสานกันอย่างอันลึกซึ้ง.

เบอร์เกน เมืองริมชายฝั่งที่โอบล้อมไปด้วยภูเขาและฟยอร์ดสวยงาม เป็นจุดหมายปลายทางที่ผู้รักการท่องเที่ยวต้องไม่พลาด ตั้งอยู่ในนอร์เวย์ เมืองนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่อดีต โดยเฉพาะท่าเรือ Bryggen ที่มีอาคารสีสันสวยงาม ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ ท่าเรือนี้เคยเป็นศูนย์กลางการค้าในยุคกลางและยังคงมีเสน่ห์ดึงดูดนักเดินทางด้วยกลิ่นอายของอดีต เมื่อเยือนเบอร์เกน คุณจะได้สัมผัสบรรยากาศเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยตรอกซอยหินกรวด และตลาดปลาอันมีชื่อเสียงที่แหล่งนี้ยังคงเป็นที่นิยมอยู่อย่างต่อเนื่อง สำหรับผู้ที่ต้องการมุมมองใหม่ สามารถขึ้นไปยังยอดเขา Mt. Fløyen เพื่อชมทัศนียภาพที่งดงามของเมืองจากมุมสูง หรือจะเดินทางไปที่พิพิธภัณฑ์ป้อม Fesningsmuseum ที่อยู่ห่างไปเพียง 300 หลา จากท่าเรือหลัก ซึ่งเป็นแหล่งเก็บสะสมสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับสงครามโลกครั้งที่สอง เบอร์เกนไม่ใช่เพียงแค่เมืองที่สวยงาม แต่ยังเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยประสบการณ์อันน่าประทับใจ รอให้นักท่องเที่ยวได้มาค้นพบเสน่ห์ในสไตล์ยุโรปเหนืออย่างแท้จริง!

ฮาวเกลซุน (Haugesund) หนึ่งในเพชรเม็ดงามของนอร์เวย์ ตั้งอยู่ระหว่างภูเขาและทะเล เป็นท่าเรือที่สำคัญซึ่งมักเป็นจุดแวะพักของเรือสำราญ ที่นี่ไม่เพียงแค่มีทิวทัศน์ที่งดงามของฟยอร์ด แต่ยังมีบรรยากาศที่เปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่ลึกซึ้ง ในช่วงฤดูร้อน นักท่องเที่ยวสามารถสำรวจหมู่เกาะพร้อมเวลาอันมีค่าไปกับกิจกรรมหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการพายเรือแคนูพร้อมชมธรรมชาติอันสวยงาม หรือการเดินชมวิวที่พาโนรามาซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากท่าเรือ ทั้งยังมีโอกาสสัมผัสกับเทศกาลต่างๆ ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาทิเช่น เทศกาลหนังสือพักร้อนที่ดึงดูดนักอ่านจากทั่วทุกมุมโลก การเดินทางไปยังฮาวเกลซุน ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ในการสัมผัสใจกลางของวัฒนกรรมทางทะเลนอร์เวย์ นอกจากนี้ ยังมีร้านกาแฟและร้านอาหารที่เสิร์ฟอาหารทะเลสดใหม่ และเมนูที่อร่อยจนต้องกลับมาลิ้มลองซ้ำ ไม่ว่าคุณจะกำลังมองหาการผจญภัยหรือการพักผ่อนในบรรยากาศที่เงียบสงบ ฮาวเกลซุนพร้อมที่จะทำให้การเดินทางของคุณเป็นอีกหนึ่งความทรงจำที่ไม่มีวันลืมในดินแดนแห่งนี้

สตาวังเงอร์ เมืองท่าเล็กแต่มีเสน่ห์ของนอร์เวย์ ตั้งอยู่ริมมหาสมุทรแอตแลนติก เฟื่องฟูในศตวรรษที่ 19 ในฐานะท่าเรือประมง และห่างไกลจากความซบเซาในอุตสาหกรรมการประมง สตาวังเงอร์ได้เสริมสร้างเศรษฐกิจด้วยการเดินหน้าสู่อุตสาหกรรมการต่อเรือและน้ำมัน ส่งผลให้เมืองนี้มีบรรยากาศที่ทั้งทันสมัยและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สถานที่สำคัญในเมืองคือมหาวิหารสตาวังเงอร์ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1125 ซึ่งเป็นมหาวิหารในยุคกลางแห่งเดียวในนอร์เวย์ที่ยังคงสภาพดั้งเดิม สิ่งที่น่าสนใจรอบๆ เมืองนี้คือฟยอร์ดลิเซฟยอร์ด มีทิวทัศน์อันงดงาม สาภาระรอบด้วยหน้าผาสูงชันและหินรูปทรงแปลกตา นอกจากนี้ คุณยังสามารถเดินทางไปยังฮาฟรส์ฟยอร์ดซึ่งเป็นสถานที่ที่กษัตริย์ฮารัลด์แห่งไวกิ้งเข้าต่อสู้อย่างสำคัญเพื่อเริ่มต้นการรวมชาติของนอร์เวย์ สำหรับผู้ที่มองหาความรู้เพิ่มเติม สามารถแวะชมพิพิธภัณฑ์น้ำมัน ซึ่งจะทำให้คุณเข้าใจถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมนี้ในบริบทของเมืองและประเทศ หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ลงตัวระหว่างวัฒนธรรมและธรรมชาติ สตาวังเงอร์คือจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดในการเดินทางครั้งต่อไปของคุณ!


ท่าเรือเซาแธมป์ตัน นับเป็นท่าเรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ ตั้งอยู่ที่ปากอ่าวเซาแธมป์ตัน ระหว่างแม่น้ำเทสต์และอิตเชน เมืองแห่งนี้เคยเป็นศูนย์กลางการค้าขายที่สำคัญมาตั้งแต่สมัยกลาง โดยมีการส่งออกขนสัตว์และหนังสัตว์จากพื้นที่รอบ ๆ และนำเข้าผลิตภัณฑ์ไวน์จากบอร์โดซ์ แม้เซาแธมป์ตันจะต้องเผชิญกับการทำลายล้างอย่างหนักในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แต่เมืองนี้ก็ได้ฟื้นฟูและสร้างสรรค์ใหม่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว ด้วยอาคารยุคกลางที่ยังคงเหลืออยู่ เช่น บาร์เกต (Bargate) ที่ถือเป็นหนึ่งในประตูเมืองที่สวยงามที่สุดในอังกฤษ นอกจากท่าเรืออันทันสมัยแล้ว เซาแธมป์ตันยังมีกิจกรรมหลากหลายสำหรับนักเดินทาง ที่สามารถสำรวจเมืองแห่งประวัติศาสตร์และเต็มไปด้วยศิลปะ เช่น พิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ที่นำเสนอผลงานศิลปะระดับโลก และยังเป็นจุดเริ่มต้นที่เหมาะสำหรับการออกไปสัมผัสเสน่ห์ของเมืองใกล้เคียง อย่างบอร์นมัธ และสนามกอล์ฟที่สวยงาม การมาที่เซาแธมป์ตันจึงไม่เพียงแค่การเริ่มต้นการเดินทางด้วยเรือสำราญ แต่ยังเป็นโอกาสในการดื่มด่ำกับความงดงามทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของอังกฤษอย่างไม่รู้จบ


ดันดี หรือ Dundee เป็นท่าเรือที่มีเสน่ห์ในสกอตแลนด์ ที่ไม่เพียงแต่นำเสนอทัศนียภาพสวยงาม แต่ยังเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันหลากหลาย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำฟอร์ท ทางตอนเหนือของอังกฤษ แห่งนี้ ได้รับการขนานนามว่าเป็น “เมืองแห่งการสร้างสรรค์” และเป็นศูนย์กลางการศึกษาอันมีชื่อเสียงในระดับโลก เมื่อเรือสำราญของคุณจอดเทียบท่าที่ดันดี คุณจะมีโอกาสได้สำรวจแหล่งท่องเที่ยวที่น่าตื่นตาตื่นใจ เช่น มหาวิทยาลัยดันดีซึ่งมีสถาปัตยกรรมสวยงาม หรือพิพิธภัณฑ์ V&A Dundee ที่เป็นศูนย์กลางด้านการออกแบบที่โดดเด่น ซึ่งออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดัง Kengo Kuma นอกจากนี้ ดันดียังมีบริเวณชายทะเลที่เหมาะสมสำหรับการเดินเล่นและชมวิวทะเลเหนือ จนถึงทางเดินที่งดงามริมแม่น้ำฟอร์ท ที่คุณสามารถสัมผัสถึงบรรยากาศสดชื่นและอากาศที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของทะเล นอกจากนี้ คุณยังสามารถลิ้มลองอาหารทะเลสดใหม่จากร้านอาหารท้องถิ่น ที่นำเสนอเมนูอร่อยแบบสกอตแลนด์ ดันดีจึงเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าตื่นเต้นสำหรับนักเดินทางที่มองหาประสบการณ์ที่หลากหลายและน่าจดจำในสกอตแลนด์ เพลิดเพลินกับวัฒนธรรมและความงดงามของเมืองนี้ในช่วงเวลาที่คุณได้เยี่ยมชม

ท่าเรืออินเวอร์คอร์ดอน เป็นประตูสู่มหัศจรรย์ของที่ราบใหญ่ หรือ Great Glen ในสก็อตแลนด์ ซึ่งรวมถึงทะเลสาบเนส (Loch Ness) และเมืองอินเวอเนส (Inverness) ที่เป็นเมืองหลวงของไฮแลนด์ มีบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเองจากลมทะเลที่พัดมาจากอ่าวโมเรย์ (Moray Firth) นอกจากจะเป็นที่ตั้งของตำนานสัตว์ประหลาดที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกอย่าง "เนสซี่" (Nessie) ซึ่งกลายเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวไม่รู้จบ ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าประทับใจมากมาย เช่น ทะเลสาบในพื้นที่ การเดินป่าในภูเขาอันสูงชัน ทิวทัศน์ที่ตระการตาในโทนสีม่วงและเขียวของทุ่งหญ้า และป่าไม้ที่เต็มไปด้วยสัตว์ป่าที่แปลกตา เช่น กระต่ายภูเขา กวางแดง และนกอินทรีทอง การเดินทางมาที่อินเวอร์คอร์ดอนจะทำให้คุณได้สัมผัสความงามธรรมชาติที่แท้จริงและตำนานที่ยิ่งใหญ่ของสก็อตแลนด์ ไม่ว่าคุณจะเดินทางเพื่อการผจญภัยหรือเพียงเพื่อสัมผัสกับกิจกรรมในบรรยากาศที่เงียบสงบ ท่าเรือนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบสำหรับประสบการณ์ที่ไม่รู้ลืมในดินแดนแห่งสานสัมพันธ์ระหว่างตัวตนกับธรรมชาติอย่างลงตัว

เมื่อเรือสำราญของคุณจอดเทียบท่า ณ เมืองสตอร์โนเวย์ เกาะลูอิส คุณจะได้พบกับมิติใหม่ของการเดินทางซึ่งเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์แห่งธรรมชาติและวัฒนธรรมอันรุ่งเรืองของสก็อตแลนด์ เกาะลูอิสและแฮริส เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะฮีบรีดีนอก ทำให้เมืองสตอร์โนเวย์เป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมและกิจกรรมที่ไม่ควรพลาด ในเมืองนี้ คุณสามารถเพลิดเพลินกับการชิมอาหารท้องถิ่นที่ร้านอาหารคุณภาพสูง รวมทั้งเยี่ยมชมศูนย์ศิลปะ An Lanntair ที่มีนิทรรศการทั้งศิลปะร่วมสมัยและดั้งเดิม นอกจากนี้ยังมีวิหารเซนต์คลีเมนต์ ซึ่งเป็นหนึ่งในโบสถ์ที่มีโครงสร้างสวยงามที่สุดในเขตนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15 สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการสำรวจประวัติศาสตร์ ที่นี่มีแหล่งโบราณคดีที่น่าทึ่ง เช่น กลุ่มหินคาลานิสที่สร้างขึ้นในยุคก่อนประวัติศาสตร์ รวมถึงหอคอย Dun Carloway ที่มีอายุประมาณ 2,000 ปี สัมผัสกับความงามและวัฒนธรรมของสตอร์โนเวย์ในขณะที่สำรวจธรรมชาติสุดอลังการและประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยสีสันของเกาะนี้ อย่าลืมแวะเยี่ยมชมร้านทวีตฮาร์ริสที่เผยแพร่สินค้าทอมือสุดพิเศษและของที่ระลึกที่ไม่เหมือนใครเพื่อบอกเล่าเรื่องราวการเดินทางของคุณในเกาะลูอิสแห่งนี้
Killybegs เมืองชายฝั่งที่เงียบสงบในแคว้น Donegal ของไอร์แลนด์ เป็นเมืองตกปลาอันดับหนึ่งของประเทศ ที่นี่เต็มไปด้วยบรรยากาศสดชื่นและอากาศทะเลที่เย็นสบาย ซึ่งดึงดูดให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกับเสน่ห์ของการใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแต่เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา เรือประมงที่เรียงรายอยู่ริมท่าเรือพร้อมล่องไปในรุ่งเช้า เป็นภาพที่สร้างแรงบันดาลใจในช่วงต้นวัน Killybegs ยังเป็นประตูสู่ทัศนียภาพชายฝั่งที่งดงาม ไม่ว่าจะเป็นการชมประภาคารขาวสะอาดที่คอยเตือนภัยแก่เรือในทะเล หรือการเดินเล่นไปตามชายฝั่งอันตื่นตาตื่นใจ ขึ้นไปชมความงามของ Slieve League ที่ตั้งตระหง่าน ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในยุโรปตะวันตก ตรงนี้นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสความตื่นเต้นเมื่อได้มองเหล่าผาสูงชันที่ดิ่งลงสู่ทะเล ใน Killybegs คุณจะได้พบกับประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร ตั้งแต่บรรยากาศการตกปลาจริง ไปจนถึงการสำรวจธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ หากคุณกำลังมองหาจุดหมายที่น่าพิสูจน์ และสัมผัสการเดินทางที่ไม่ธรรมดา Killybegs คือคำตอบสำหรับคุณในการผจญภัยครั้งหน้าในไอร์แลนด์

เบลฟาสต์ เมืองหลวงของไอร์แลนด์เหนือ เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และความเจริญรุ่งเรือง ตั้งอยู่บนริมฝั่งทะเลไอริช โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า Béal Feirste ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านการผลิตผ้าไหมและการสร้างเรือ ที่นี่เคยเป็นบ้านของชัยชนะในการสร้างไททานิค เรือสำราญที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยการพัฒนาที่ก้าวกระโดดในศตวรรษที่ 18 เบลฟาสต์กลายเป็นเมืองอุตสาหกรรมที่สำคัญ มีประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ในช่วงเวลาหนึ่ง เมืองนี้ต้องเผชิญกับความขัดแย้งทางด้านศาสนา จนกระทั่งสงครามที่เรียกว่า “Troubles” สิ้นสุดลงในปี 1994 หลังจากนั้น เมืองได้เริ่มการฟื้นฟู ซึ่งรวมไปถึงการลงทุนในโรงแรมใหม่ ๆ และการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวที่ทำให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลมายังเมือง ปัจจุบัน เบลฟาสต์มีพื้นที่ใจกลางเมืองที่เดินง่าย ประกอบด้วยแหล่งท่องเที่ยวสำคัญมากมาย เช่น หอศิลป์พิพิธภัณฑ์ โบสถ์ และโรงละคร การสำรวจเมืองนี้จะสร้างประสบการณ์ที่น่าหลงใหลและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่รักการเดินทางไปยังดินแดนที่มีเสน่ห์และประวัติศาสตร์อันล้ำค่าดังกล่าว

ท่าเรือกรีน็อคในสกอตแลนด์ เป็นประตูสู่เมืองกลาสโกว์ เมืองที่เต็มไปด้วยความน่าตื่นเต้นและวัฒนธรรมที่หลากหลาย หลังจากประสบกับการลดลงในอดีต กลาสโกว์ได้ฟื้นฟูตัวเองอย่างน่าทึ่ง ด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงาม เช่น อาคารที่ออกแบบโดย Charles Rennie Mackintosh และพิพิธภัณฑ์ Riverside ที่ออกแบบโดย Zaha Hadid ที่สะท้อนถึงกิจกรรมการค้าและการต่อเรือในอดีต เมืองกลาสโกว์ มีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 1,500 ปี มีตำนานเกี่ยวกับใจกลางของเมืองที่เกิดจากความไม่ซื่อสัตย์ของพระราชินี ซึ่งประดับด้วยสัญลักษณ์ที่ยังคงอยู่ในตราเมือง ด้วยการเติบโตของอุตสาหกรรมและการค้าในศตวรรษที่ 18 และ 19 กลาสโกว์กลายเป็นศูนย์กลางการต่อเรือและการค้าฝ้ายที่สำคัญ ปัจจุบัน เมืองนี้มีชีวิตชีวาด้วยกิจกรรมทางวัฒนธรรมและร้านค้าทันสมัย เรียกได้ว่าเป็นแหล่งจุดเปลี่ยนสำคัญให้กับผู้ที่แสวงหาประสบการณ์ใหม่ๆ หลังจากการเยี่ยมชมที่นี่ คุณยังสามารถใช้เวลาเพียง 40 นาทีเพื่อไปยังทะเลสาบโลห์โลมอนด์ สถานที่ที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ของสกอตแลนด์ ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้คุณค้นพบโลกใหม่ที่รอคอยอยู่

ดันลาเกียร์ (Dun Laoghaire) เมืองท่าอันงดงามของไอร์แลนด์ ตั้งอยู่ห่างจากดับลินเมืองหลวงเพียงไม่กี่กิโลเมตร เป็นจุดเชื่อมต่อทะเลที่มีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ดันลาเกียร์ไม่เพียงแต่เป็นท่าเรือที่สำคัญสำหรับเรือสำราญ แต่ยังเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจที่ให้คุณสัมผัสบรรยากาศอันสดชื่นของทะเลแอตแลนติก ขณะที่คุณเดินเล่นริมท่าเรือ คุณจะได้พบกับวิวทิวทัศน์ที่งดงาม พร้อมบรรยากาศที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา มีร้านอาหารและคาเฟ่ที่พร้อมบริการอาหารอร่อยและเครื่องดื่มท่ามกลางลมทะเลที่เย็นสบาย นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นอย่างอนุสรณ์สถาน “Eleanor’s” ที่เป็นสัญลักษณ์ในประวัติศาสตร์ท้องถิ่น และหอคอยอันมีเอกลักษณ์ของดันลาเกียร์ที่เฝ้ามองดูทะเลมาช้านาน การเดินทางถึงดันลาเกียร์สะดวกสบายด้วยบริการรถไฟจากดับลิน รวมทั้งการสนับสนุนจากบริการขนส่งสาธารณะที่มีความเป็นระเบียบและครบครัน หากคุณมองหาประสบการณ์การเดินทางหรูหรา สัมผัสธรรมชาติที่สวยงามและวัฒนธรรมอันหลากหลาย ดันลาเกียร์คือตัวเลือกที่ไม่ควรพลาดในการสำรวจไอร์แลนด์ที่มีเสน่ห์นี้

วอเตอร์ฟอร์ด (Waterford) เมืองที่เก่าแก่ที่สุดในไอร์แลนด์และเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงใต้ ก่อตั้งโดยชาวไวกิ้งในศตวรรษที่ 9 เมืองนี้มีประวัติศาสตร์ที่เข้มข้น โดยได้ถูกโจมตีและเข้าครอบครองโดย Strongbow ผู้บุกรุกชาวนอร์มันในปี 1170 ด้วยความรุนแรง อดีตของเมืองนี้ถูกท้าทายด้วยการป้องกันการโจมตีของโครมเวลในปี 1649 แต่ตกอยู่ในอ้อมแขนของศัตรูในปีถัดมา ถึงแม้จะเผชิญกับการต่อสู้มากมาย แต่ความเจริญรุ่งเรืองก็กลับคืนมาในปี 1783 เมื่อ George และ William Penrose เริ่มต้นสร้าง "แก้วธรรมดาและมีลวดลาย" สร้างอุตสาหกรรมการผลิตแก้วที่มีชื่อเสียง สัญลักษณ์ของความประณีตและศิลปะในวัสดุที่เปล่งประกาย อย่างไรก็ตาม โรงงานผลิตแก้ววอเตอร์ฟอร์ดปิดตัวลงในช่วงวิกฤตการเงินปี 2008 แต่ได้ฟื้นตัวขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในปี 2010 ที่ศูนย์การค้าทางเดิน Mall เมื่อสำรวจเมืองนี้ นอกจากการชื่นชมความงามของแก้ววอเตอร์ฟอร์ดแล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถดื่มด่ำกับบรรยากาศของประวัติศาสตร์ที่แฝงตัวอยู่ในทุกมุมถนน เพลิดเพลินไปกับศิลปะท้องถิ่น และสัมผัสกับความอบอุ่นของชาวไอริช เป็นประเดิมที่แสนร่ำรวยที่จะสร้างความทรงจำอันตราตรึงใจเสมอท่ามกลางการเดินทางที่แสนพิเศษนี้

ฟาวี (Fowey) เมืองท่าสไตล์อังกฤษที่ตั้งอยู่ในปากแม่น้ำท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงาม เรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางการนำเข้าดินเหนียวและเป็นจุดนัดพบของผู้ที่หลงใหลในกีฬาทางทะเล ที่นี่เป็นที่นิยมสำหรับดาราและคนมีชื่อเสียงที่ต้องการหลีกหนีจากความวุ่นวายของชีวิตประจำวัน ซึ่งคุณจะได้สัมผัสบรรยากาศอันสงบและอบอุ่นจากร้านอาหารและที่พักที่มีให้เลือกหลากหลาย มาชมความงามในช่วง Regatta Week ณ กลางถึงปลายเดือนสิงหาคม หรืองาน Fowey Festival of Words and Music ในกลางเดือนพฤษภาคม ที่จะช่วยเติมเต็มความสุขให้แก่ผู้ที่มาเยือน ฟาวีเชื่อมต่อกับเมืองอื่น ๆ ผ่านบริการเรือข้ามฟาก Bodinnick และ Polruan ที่รองรับทั้งรถยนต์และผู้โดยสาร อีกทั้งหากคุณเดินทางไปทางตะวันตกประมาณไม่กี่ไมล์ จะพบกับสวนที่แตกต่างกันสองแห่ง ได้แก่ Eden Project สวนพฤกษศาสตร์สุดล้ำจากทั่วโลก และ Lost Gardens of Heligan ที่ได้รับการฟื้นฟูให้มีชีวิตชีวาในยุควิกตอเรีย ช่วยเปิดประสบการณ์การเดินทางที่น่าตื่นตาตื่นใจ เมื่อคุณมาเยือนฟาวี คุณจะได้สัมผัสความงามที่ไม่เหมือนใครและสร้างแรงบันดาลใจในการเดินทางอีกครั้ง.

ท่าเรือเซาแธมป์ตัน นับเป็นท่าเรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ ตั้งอยู่ที่ปากอ่าวเซาแธมป์ตัน ระหว่างแม่น้ำเทสต์และอิตเชน เมืองแห่งนี้เคยเป็นศูนย์กลางการค้าขายที่สำคัญมาตั้งแต่สมัยกลาง โดยมีการส่งออกขนสัตว์และหนังสัตว์จากพื้นที่รอบ ๆ และนำเข้าผลิตภัณฑ์ไวน์จากบอร์โดซ์ แม้เซาแธมป์ตันจะต้องเผชิญกับการทำลายล้างอย่างหนักในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แต่เมืองนี้ก็ได้ฟื้นฟูและสร้างสรรค์ใหม่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว ด้วยอาคารยุคกลางที่ยังคงเหลืออยู่ เช่น บาร์เกต (Bargate) ที่ถือเป็นหนึ่งในประตูเมืองที่สวยงามที่สุดในอังกฤษ นอกจากท่าเรืออันทันสมัยแล้ว เซาแธมป์ตันยังมีกิจกรรมหลากหลายสำหรับนักเดินทาง ที่สามารถสำรวจเมืองแห่งประวัติศาสตร์และเต็มไปด้วยศิลปะ เช่น พิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ที่นำเสนอผลงานศิลปะระดับโลก และยังเป็นจุดเริ่มต้นที่เหมาะสำหรับการออกไปสัมผัสเสน่ห์ของเมืองใกล้เคียง อย่างบอร์นมัธ และสนามกอล์ฟที่สวยงาม การมาที่เซาแธมป์ตันจึงไม่เพียงแค่การเริ่มต้นการเดินทางด้วยเรือสำราญ แต่ยังเป็นโอกาสในการดื่มด่ำกับความงดงามทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของอังกฤษอย่างไม่รู้จบ

ท่าเรือเซ็บรูเก (Zeebrugge) ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลเหนือของเบลเยียม เป็นท่าเรือที่มีความสำคัญและคึกคักที่สุดในยุโรปในยุคปัจจุบัน โดยก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1895 ความสำคัญของท่าเรือนี้ชัดเจนเมื่อมองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ ซึ่งพยายามถูกทำลายหลายครั้งในช่วงสงครามโลกทั้งสองครั้ง แต่ยังคงยืนหยัดเป็นท่าเรือหลักในการประมงของเบลเยียม การเยี่ยมชมเซ็บรูเกจะเป็นประสบการณ์ที่น่าทึ่ง เมื่อคุณมีโอกาสได้เดินทางไปยังเมืองบรูจ (Bruges) ที่อยู่ใกล้เคียง เมืองนี้ได้รับการออกแบบให้เปล่งประกายด้วยสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์อันล้ำค่า อีกทั้งยังสามารถเดินทางไปยังรีสอร์ทชายทะเลที่มีชายหาดทรายยาวได้อย่างสะดวกสบายโดยใช้รถรางที่วิ่งตลอดแนวชายฝั่งเบลเยียม แต่ควรทราบว่าในเบลเยียมไม่อนุญาตให้นำอาหารลงฝั่ง จึงไม่ควรพลาดในการสัมผัสกับรสชาติท้องถิ่นอันหลากหลายที่มีให้เลือกในเมืองและรอบท่าเรือ ด้วยท่าเรือเซ็บรูเกที่พร้อมจะเป็นจุดเริ่มต้นการผจญภัยใหม่ คุณจะได้รับแรงบันดาลใจให้สำรวจสมบัติทางธรรมชาติและวัฒนธรรมที่ลึกซึ้งของเบลเยียมในทุกก้าวที่เดินทาง

เมื่อพูดถึงประเทศเนเธอร์แลนด์ หลายคนอาจนึกถึงภาพของคลองสวยงามและมิลล์ลที่เคลื่อนตัวไปตามลม แต่ถ้าคุณเยี่ยมชมที่ท่าเรือรอตเตอร์ดัม คุณจะได้สัมผัสกับอีกด้านหนึ่งของความงดงามและเสน่ห์ที่แตกต่างไปจากเดิม รอตเตอร์ดัมคือเมืองที่รวมเอาความทันสมัยเข้ากับวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า ตั้งอยู่เป็นหนึ่งในท่าเรือที่วุ่นวายที่สุดในโลก เมื่อคุณเดินทางมายังรอตเตอร์ดัม นอกจากการสำรวจท่าเรืออันกว้างใหญ่แล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายให้คุณได้สัมผัส เริ่มจากสถาปัตยกรรมอันล้ำสมัย ที่สามารถพบเห็นได้ตามตึกสูงต่างๆ เช่น 'Euromast' ที่เปิดโอกาสให้คุณได้ชมวิวเมืองจากมุมสูง นอกจากนี้ ยังมีพิพิธภัณฑ์ Boijmans Van Beuningen ที่นำเสนอผลงานศิลปะจากศิลปินชื่อดัง นอกจากเรื่องวัฒนธรรมแล้ว รอตเตอร์ดัมยังเป็นสวรรค์สำหรับนักชิม ด้วยร้านอาหารและคาเฟ่มากมายที่เสิร์ฟเมนูต้นตำรับจากเนเธอร์แลนด์และนานาชาติ คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์ชิมที่หลากหลาย พร้อมกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา เยี่ยมชมรอตเตอร์ดัม เพื่อค้นพบความงามในรูปแบบใหม่ๆ เสพสุขไปกับการเดินทางที่น่าจดจำในเมืองที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจนี้

ท่าเรือ IJmuiden ตั้งอยู่ในภาคเหนือของเนเธอร์แลนด์ เป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญสู่ทะเลเหนือ โดยมีท่าเรือถึงสี่แห่ง ได้แก่ Vissershaven, Haringhaven, IJmondhaven และ Seaport Marina ที่ใช้สำหรับเรือพาณิชย์และเรือสำราญ ท่าเรือนี้ถือเป็นท่าเรือประมงที่ใหญ่ที่สุดของเนเธอร์แลนด์ แม้ว่าจะเป็นเมืองที่มีอายุยังน้อย แต่ก็เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ IJmuiden ได้รับการพัฒนาขึ้นในช่วงปี 1870 เมื่อมีการเปิดคลองทะเลเหนือ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เมืองนี้ถูกทำลายโดยกองทัพเยอรมัน แต่หลังจากปี 1945 ได้ถูกสร้างขึ้นใหม่โดยสถาปนิก Willem Marinus Dudok ซึ่งออกแบบอาคารที่โดดเด่นอย่าง Stadhuis van Velsen ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาโดยเรือสำราญ IJmuiden คือประตูสู่กรุงอัมสเตอร์ดัม เมืองหลวงของเนเธอร์แลนด์ และเป็นหนึ่งในเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุโรป ที่มีคลองสวยงาม คล้ายคลึงกับภาพวาดที่มีชื่อเสียง นอกจากนั้น ยังมีพิพิธภัณฑ์และแกลเลอรีที่มีงานศิลปะระดับโลก สำหรับการเดินทางจากท่าเรือไปยังใจกลาง IJmuiden มีบริการรถรับส่งฟรี ซึ่งทำให้การเดินทางสะดวกสบายและน่าประทับใจยิ่งขึ้น

เมืองนิวคาสเซิลอัพพอนไทน์ ประเทศอังกฤษ คือจุดหมายปลายทางที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และวัฒนธรรมอย่างลงตัว ด้วยสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมที่หลากหลาย ทำให้ที่นี่เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยว หากคุณเป็นผู้ที่หลงใหลในศิลปะและการแสดง นิวคาสเซิลมีโรงละครมากที่สุดต่อประชากรในสหราชอาณาจักร ที่สำคัญคือ โรงละคร Royal ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Royal Shakespeare Company อันมีชื่อเสียง นอกจากนี้ หนึ่งในสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของเมืองคือ "Angel of the North" รูปปั้นเหล็กขนาดมหึมาที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางทุ่งหญ้า ซึ่งไม่เพียงแต่จะดึงดูดสายตา ยังสะท้อนถึงนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ของชาวเมืองอีกด้วย สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจด้านวัฒนธรรม นิวคาสเซิลยังมีพิพิธภัณฑ์และแกลอรี่มากมาย รวมถึงพิพิธภัณฑ์ Great North Museum ที่จะพาคุณย้อนกลับไปสู่ประวัติศาสตร์ของภูมิภาค นอกจากนี้ยังมีร้านค้าท้องถิ่นและคาเฟ่ที่พร้อมให้บริการอาหารเลิศรส ทำให้การเยือนนิวคาสเซิลเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำและเติมเต็มความรู้สึกได้เป็นอย่างดี เตรียมตัวให้พร้อม เพื่อพบกับการเดินทางที่น่าทึ่งในเมืองแห่งศิลปะนี้!

ท่าเรือ Newhaven ในเอดินบะระ สกอตแลนด์ ตั้งอยู่ระหว่าง Leith และ Granton ห่างจากใจกลางเมืองประมาณ 2 ไมล์ ท่าเรือแห่งนี้ถูกพัฒนาเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่น่าหลงใหล ที่นำเสนอประสบการณ์การเดินทางสุดหรูท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามและวัฒนธรรมที่มีเสน่ห์ของเมือง Newhaven เคยเป็นหมู่บ้านและท่าเรือน้อยที่ตั้งอยู่ริม Firth of Forth ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นจุดเชื่อมต่อที่สะดวกสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสำรวจความงามของเมืองเอดินบะระแสนมีชีวิตชีวา เมื่อเดินทางมาที่นี่ นักท่องเที่ยวจะได้พบกับทัศนียภาพที่น่าประทับใจของท่าเรือและเรือดอกไม้สวยที่ลอยอยู่ในทะเล รวมทั้งมีกิจกรรมต่างๆ ให้เลือกมากมาย เช่น การล่องเรือชมวิวและการปั่นจักรยานตามแนวชายฝั่ง หากคุณหลงใหลในประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม เพียงไม่นานหลังจากนั้นคุณจะถูกพาไปยังเอดินบะระที่อัดแน่นไปด้วยสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น ปราสาทเอดินบะระและ Royal Mile เพื่อให้คุณได้สัมผัสกับพลังของประวัติศาสตร์ที่มีชีวิตชีวาของสกอตแลนด์ Newhaven ไม่ได้เป็นเพียงท่าเรือที่น่าประทับใจ แต่ยังเป็นประตูสู่การสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ และการหลงใหลในบรรยากาศอันอบอุ่นของเมืองเอดินบะระ อย่าพลาดโอกาสนี้ที่จะสัมผัสประสบการณ์ที่แสนพิเศษและสร้างความทรงจำที่ไม่รู้ลืมในดินแดนแห่งความฝันนี้




ท่าเรือเลออาฟร์ (Le Havre) ตั้งอยู่ในนอร์มังดี ประเทศฝรั่งเศส เป็นท่าเรือที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ และมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ตั้งแต่ก่อตั้งโดยกษัตริย์ฟรานซิสที่ 1 ในปี 1517 ที่นี้เคยเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่ถูกพัฒนาขึ้นเมื่อหลายร้อยปีก่อน กลไกการพัฒนาของเมืองเป็นไปตามแผนที่สร้างสรรค์โดยสถาปนิกชื่อดังชาวเบลเยียม ออกุสต์ แปร์เร ซึ่งได้ออกแบบให้เมืองมีความสวยงามและมีเอกลักษณ์ โดยเฉพาะหลังจากที่เมืองต้องเผชิญกับการทำลายล้างในสงครามโลกครั้งที่สอง การฟื้นฟูเมืองเลออาฟร์ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกในปี 2005 ทำให้เมืองนี้กลายเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวที่แสวงหาความงดงามและประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสกับศิลปะและวัฒนธรรมท้องถิ่นในพิพิธภัณฑ์ รวมถึงเยี่ยมชมสถานที่สำคัญต่างๆ อาทิ ท่าเรือเก่าและโบสถ์ที่มีสถาปัตยกรรมที่ลงตัว ร่วมเดินทางไปกับทัวร์หรูที่ทำให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์อันเหลือเชื่อในเมืองเลออาฟร์แห่งนี้ ที่จะทำให้ทุกการเดินทางของคุณน่าจดจำยิ่งขึ้น


ท่าเรือ La Rochelle ในประเทศฝรั่งเศส เป็นจุดหมายปลายทางที่งดงามและยิ่งใหญ่สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศแห่งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่เต็มไปด้วยมนต์ขลัง เรือสำราญที่แวะจอดที่นี่จะให้โอกาสคุณได้สำรวจเมืองเก่าอันมีเสน่ห์ โดยเฉพาะมาร์ชี่จอห์นซิตี้ (Vieux Port) และหอคอยไตร (Tour de la Chaîne) ที่เป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมือง เมื่อคุณเดินชมเมือง จะได้พบกับอาคารสไตล์เรอเนสซองส์และการตกแต่งที่บ่งบอกถึงประวัติศาสตร์อันยาวนาน เป็นสถานที่เหมาะสำหรับการใช้เวลานั่งจิบไวน์ในร้านกาแฟกลางแจ้ง พร้อมกับการดื่มด่ำกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของทะเล แน่นอนว่า La Rochelle ยังเป็นแหล่งรวมของอาหารทะเลสดใหม่ เต็มไปด้วยประสบการณ์การชิมที่คุณไม่ควรพลาด นอกจากนี้ ท่าเรือลา โรเชล ยังตั้งอยู่ใกล้กับเกาะ Ile de Ré ซึ่งเชื่อมต่อกันด้วยสะพานที่งดงาม ทำให้คุณสามารถสัมผัสกับบรรยากาศของเกาะที่สงบสุข และซึมซับความงามของธรรมชาติโดยรอบได้อย่างเต็มที่ สถานที่แห่งนี้ถือเป็นจุดหมายที่สมบูรณ์แบบสำหรับการสร้างความทรงจำอันมีค่าในการเดินทางไปยังแดนฝรั่งเศสที่คุณจะไม่มีวันลืม

ท่าเรือโปยยัค (Pauillac) ตั้งอยู่ในภูมิภาคบอร์โดซ์ (Bordeaux) ของฝรั่งเศส เป็นหมู่บ้านที่มีเสน่ห์และวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม โปยยัคตั้งอยู่ริมแม่น้ำในอ่าวจิโรนเด (Gironde) ซึ่งรู้จักกันดีในด้านไวน์แดงคุณภาพสูง โดยเฉพาะไวน์จากชาตอว์ที่มีชื่อเสียง เช่น ลาฟิท รอธschild (Lafite Rothschild) และ มูตง รอธschild (Mouton Rothschild) เมื่อคุณเดินทางมายังโปยยัค คุณจะได้สัมผัสวิถีชีวิตที่มีเสน่ห์ของชาวเมือง พร้อมกลิ่นอายของประวัติศาสตร์ที่เผยให้เห็นในอาคารโบราณและตลาดสดที่คึกคัก ถ้าคุณหลงรักไวน์ การเยี่ยมชมไร่ไวน์ที่มีชื่อเสียงจะทำให้คุณได้ลิ้มลองรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ในบรรยากาศธรรมชาติที่สวยงาม โปยยัคเป็นจุดหมายที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสความหรูหราและเอกลักษณ์ของบอร์โดซ์ ไม่ว่าจะเป็นการเดินเล่นริมแม่น้ำ ชมวิวอันงดงาม หรือสำรวจมรดกทางวัฒนธรรม ที่นี่คือสวรรค์ของผู้หลงใหลในไวน์และการเดินทางที่เต็มไปด้วยประสบการณ์อันทรงคุณค่า หมายความว่าคุณจะไม่พลาดความงดงามและเสน่ห์เหนือกาลเวลาของมุมที่สวยงามนี้ในฝรั่งเศส

บิลบาว (Bilbao) เมืองที่ตั้งอยู่ในแคว้นบาสก์ ของประเทศสเปน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางศิลปะและสถาปัตยกรรมได้สร้างความโดดเด่นให้กับเมืองนี้อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน หลังจากการเปิดตัวพิพิธภัณฑ์กุกเกนไฮม์ (Guggenheim Museum) ที่ออกแบบโดย Frank Gehry เมืองนี้ได้กลายเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมแห่งใหม่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างมากมาย นอกจากพิพิธภัณฑ์แล้ว สถานที่สำคัญอื่น ๆ เช่น สถานีรถไฟใต้ดินที่ออกแบบโดย Norman Foster และสวนสาธารณะ Abandoibarra ก็เป็นจุดเด่นที่ไม่ควรพลาดในการเยือนเมืองนี้ อย่าลืมเดินชมย่านเก่าของบิลบาวที่เรียกว่า "คาสโก วิเอโก" (Casco Viejo) ซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารที่มีเสน่ห์ แถมยังมีตลาดกลางแจ้งที่ Plaza Nueva ซึ่งจัดขึ้นทุกเช้าวันอาทิตย์ ในการเดินเล่นริมแม่น้ำเนร์บิโอ (Nervión) คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศอันงดงาม ที่มีความรุ่งเรืองจากอดีตสู่ปัจจุบัน สำหรับผู้หลงใหลในอาหาร บิลบาวมีชื่อเสียงด้านความอร่อย โดยเฉพาะอาหารบาสก์ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง และหากมีโอกาส อย่าลืมขึ้นรถราง Euskotram เพื่อสัมผัสการเดินทางริมแม่น้ำใจกลางเมือง มาร่วมตะลุยและค้นพบความงดงามของบิลบาว ที่คุณจะจดจำไปตลอดชีวิต!

ลาคอรุญ่า คือเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคกาลิเซีย ประเทศสเปน และเป็นหนึ่งในท่าเรือที่คึกคักที่สุดของประเทศ ตั้งอยู่ในมุมตะวันตกเฉียงเหนือของคาบสมุทรไอบีเรีย โดยมีทิวทัศน์ที่เขียวชอุ่มและหมอกลงหนา แตกต่างจากภูมิภาคอื่น ๆ ของสเปน ชื่อ "กาลิเซีย" มีรากศัพท์มาจากภาษาเซลติก ซึ่งเป็นที่อยู่ของเซลติคในช่วงศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์ศักราช ลาคอรุญ่า เคยเป็นท่าเรือที่สำคัญตั้งแต่สมัยโรมัน และพัฒนาเป็นศูนย์กลางการค้าขายที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 15 เมื่อได้รับสิทธิในการค้ากับอเมริกาในปี 1720 ความงดงามของลาคอรุญ่าสะท้อนผ่านอาคารแบบกระจกซึ่งทำให้เมืองนี้ได้รับชื่อว่า "เมืองแห่งคริสตัล" และสถานที่สำคัญอย่างจัตุรัสมาเรียพิทา ซึ่งเป็นเกียรติแก่หญิงผู้กล้าที่เคยปกป้องเมืองในปี 1589 ปัจจุบัน เมืองประกอบด้วยสามเขตที่แตกต่างกัน ได้แก่ เขตกลางเมือง ธุรกิจ และ “เอนซานเช่” ที่มีคลังสินค้าและโรงงาน อย่าพลาดโอกาสในการสำรวจวัฒนธรรมท้องถิ่นและสัมผัสกับประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของเมืองนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยความน่าสนใจและแรงบันดาลใจที่ทำให้ผู้มาเยือนต้องกลับมาอีกครั้ง.

ท่าเรือที่เมืองวีโก (Vigo) ประเทศสเปน เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดสำหรับนักเดินทางผู้หลงใหลในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เมืองวีโกมีท่าเรือธรรมชาติที่งดงามและถือเป็นท่าเรือประมงที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังมีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ โดยในปี 1702 สถานที่นี้เคยเป็นสมรภูมิที่ฝ่ายอังกฤษและชาวดัตช์สามารถเอาชนะกองเรือฝรั่งเศสและสเปนได้ เมืองวีโกเต็มไปด้วยความหลากหลาย โดยมีท่าเรือที่สวยงามให้คุณได้พักผ่อนและสัมผัสกับบรรยากาศของการประมง ต่อมา การเดินเที่ยวชมเมืองทำให้คุณได้พบกับสถาปัตยกรรมแบบยุคศตวรรษที่ 17 และภูมิประเทศที่สวยงามโดยรอบ เมืองเก่าที่มีเสน่ห์เต็มไปด้วยตรอกซอกซอยที่แคบและจตุรัสที่มีร่มเงาเป็นจุดเด่นที่น่าสนใจ นอกจากนี้ การเดินทางไปยังเมืองทุย (Tui) ซึ่งเป็นที่ตั้งของมหาวิหาร หรือเมืองซานติอาโก เดอ คอมโพสเตลลาที่มีชื่อเสียงในฐานะศูนย์รวมการแสวงบุญเพียง 1 ชั่วโมง 15 นาทีจากวีโก จะเป็นประสบการณ์ที่เติมเต็มความทรงจำในการเดินทางของคุณอย่างแน่นอน อย่าพลาดที่จะค้นหาความงามของวีโกและเสน่ห์ที่รอคอยคุณอยู่ในแต่ละซอกมุมของเมืองนี้!

ท่าเรือที่สวยงามและเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอย่าง "โอปอร์ตู" (Oporto) คือเมืองที่สองที่ใหญ่ที่สุดในโปรตุเกส รองจากลิสบอน เมืองนี้มักถูกเรียกสั้นๆ ว่า "ปอร์โต" ซึ่งเป็นชื่อที่ทุกคนนึกถึงเมื่อพูดถึงองุ่นส่งตรงสำหรับผลิตไวน์พอร์ตที่มีชื่อเสียงระดับโลก ท่าเรือโอปอร์ตูตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโดรู และมีบทบาทสำคัญมาตั้งแต่อดีต เมื่อชาวโรมันสร้างป้อมปราการที่นี่ เพื่อควบคุมเส้นทางการค้า ด้วยการที่เมืองนี้คือจุดแวะสำคัญสำหรับเหล่าผู้จาริกแสวงบุญในอดีต ทำให้โอปอร์ตูร่ำรวยจากการค้าและการค้นพบทางทะเลในศตวรรษที่ 15 และ 16 การค้าขายไวน์พอร์ตกับอังกฤษในภายหลังยังทำให้เมืองนี้เกิดการเจริญรุ่งเรืองอย่างไม่หยุดยั้ง จนกระทั่งกลายเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์ ด้วยสะพานที่สวยงามข้ามแม่น้ำโดรู เสน่ห์ของย่านริมน้ำที่มีชีวิตชีวา และโรงไวน์พอร์ตที่มีชื่อเสียง เมืองนี้ไม่ได้เป็นเพียงจุดหมายปลายทาง แต่ยังเป็นศูนย์รวมวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่มีเอกลักษณ์ ออกแบบมาสำหรับผู้ที่มองหาประสบการณ์การเดินทางที่เหนือระดับ เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจในการค้นหาความงามของโลกที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในทุกมุมเมือง

ท่าเรือลิสบอนตั้งอยู่ริมน้ำแทกุส สร้างขึ้นบนเนินเขาสูงเจ็ดลูก ซึ่งทำให้ลิสบอนกลายเป็นเมืองที่งดงามและเปล่งประกายด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมที่หลากหลายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พร้อมทั้งรถรางไม้ที่ให้บรรยากาศย้อนยุค อันเป็นเอกลักษณ์ของเมืองแห่งนี้ ท่านจะได้เดินเล่นใน Praça do Comércio ซึ่งคือจัตุรัสอันกว้างใหญ่ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ที่ถูกออกแบบให้สวยงามโดยมาร์คิวสแห่งปอมบาล หลังจากแผ่นดินไหวที่ทำลายล้างในศตวรรษที่ 18 การเยี่ยมชมลิสบอนจึงไม่เพียงแค่ชมความงามพระอาทิตย์ตกแบบโรแมนติกใต้สะพาน 25 Abril แต่ยังมีกิจกรรมช้อปปิ้งและสัมผัสวัฒนธรรมในเมืองเก่า ที่สร้างอยู่บนเนินเขาที่ลาดเอียง การแวะเยือนของเรือสำราญที่ท่าเรือลิสบอนทำให้ท่านมีโอกาสสัมผัสทั้งวัฒนธรรมและความงามของเมืองที่ไม่สิ้นสุด ซึ่งรอให้คุณได้ค้นพบในทุกมุมถนน รับประสบการณ์อันหรูหราจากการเดินทางในครั้งนี้ และสัมผัสความมหัศจรรย์ของลิสบอนที่สามารถทำให้หัวใจคุณเต้นแรงได้ในทุก ๆ ช่วงเวลา


อากาดีร์ เมืองท่าที่ตั้งอยู่ริมชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก สวยงามด้วยแนวชายหาดโค้งมน และถูกล้อมรอบด้วยเทือกเขาแอตลาส ที่นี่มีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ตั้งแต่สมัยปลายศตวรรษที่ 15 เมื่อชาวโปรตุเกสสร้างป้อมขึ้น โดยตั้งชื่อว่า ซานตาครูซ เดอ กีร์ นับตั้งแต่นั้นเมืองนี้ได้เติบโตเป็นท่าเรือที่มีชีวิตชีวาและรุ่งเรือง ในปี 1911 เมืองอากาดีร์กลายเป็นจุดสนใจระดับโลกเมื่อเรือประจัญบานของเยอรมนีเข้ามาในอ่าวเพื่อประท้วงการแบ่งพื้นที่ในแอฟริกาเหนือ ปัจจุบัน เมืองนี้เป็นที่รู้จักมากขึ้นหลังจากการได้รับเอกราชจากฝรั่งเศสในปี 1956 และยังต้องเผชิญกับภัยพิบัติแผ่นดินไหวในปี 1960 แต่ก็ได้ฟื้นตัวได้อย่างสง่างาม เมืองอากาดีร์เติมเต็มด้วยชายหาดทรายขาวละเอียด โรงแรมหรู และร้านอาหารที่มีสไตล์ นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถสัมผัสกับตลาดซุก (souks) ที่เต็มไปด้วยสินค้าท้องถิ่น สามารถทำให้คุณได้ช้อปปิ้งอย่างมีสีสัน ในขณะที่เหล่าพ่อค้าแม่ค้าก็พร้อมที่จะให้บริการคุณตลอดเวลา แค่เพียงก้าวแรก คุณจะได้พบกับมนตร์เสน่ห์ของอากาดีร์ ที่รอให้นักเดินทางอย่างคุณสัมผัสและสัมผัสประสบการณ์ที่น่าจดจำในดินแดนแห่งนี้

ท่าเรือคาซาบลังกาในโมร็อกโกคือหนึ่งในท่าเรือที่มีชีวิตชีวาที่สุดในโลกที่นักเดินทางหรูหราต้องไม่พลาด เมื่อเรือสำราญจอดเทียบท่าสู่เมืองคาซาบลังกา นอกจากจะได้สัมผัสกับบรรยากาศของท่าเรือแล้ว ยังสามารถลุยสำรวจเสน่ห์ของตัวเมืองที่ผสมผสานวัฒนธรรมยุโรป แอฟริกัน และอาหรับได้อย่างลงตัว การเดินผ่านเมืองท่าที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์อาร์ตเดโคและโคโลเนียลฝรั่งเศส คุณจะรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในภาพยนตร์คลาสสิก ด้วยอาคารเก่าแก่ ราคาเรื่อยๆ ของตลาดซูคที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ผู้ค้าในตลาดเหล่านี้จะส่งเสียงเรียกนักท่องเที่ยวด้วยความกระตือรือร้น สร้างบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาและน่าตื่นตาตื่นใจ แหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งคือเมืองเก่าเมดิน่า ที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ดั้งเดิมไว้ด้วยมัสยิดและบ้านเรือนที่สร้างขึ้นในสมัยของโมฮัมเหม็ด เบน อับดัลลาห์ ซึ่งคุณจะได้พบกับความงดงามของประวัติศาสตร์ ความหลากหลายของวัฒนธรรม และการต้อนรับอันอบอุ่นของชาวโมร็อกโก เมื่อมาเยือนคาซาบลังกาในครั้งนี้ คุณจะได้ค้นพบความมหัศจรรย์ที่ซ่อนอยู่ในมุมต่างๆ ของเมืองนี้ และดื่มด่ำกับประสบการณ์สุดพิเศษที่จะตราตรึงอยู่ในใจตลอดไป


เมื่อคุณขึ้นเรือเข้ามาสู่ท่าเรือมาลาก้า คุณจะรู้สึกได้ถึงความงดงามของเมืองที่ตั้งอยู่ระหว่างชายฝั่งที่มีชื่อเสียงแห่งคอสตา เดล โซล (Costa del Sol) เมืองนี้เต็มไปด้วยสีสันและชีวิตชีวา ตั้งอยู่ในภูมิภาคลาซาร์กวา (La Axarquía) ที่มีกระท่อมประมง หากพูดถึงความเป็นแบบดั้งเดิมของสเปน นอกจากนี้ยังมีหมู่บ้านและทุ่งนา ที่รอให้คุณได้สัมผัสบรรยากาศชวนฝัน มาลาก้ายังเป็นศูนย์กลางการเข้าถึงเมืองต่าง ๆ ของอันดาลูเซียที่มีเสน่ห์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมที่น่าทึ่ง เช่น กรานาดาและเซบีย่า ในขณะที่ภูเขาเพนิเบติกา (Penibética) เป็นฉากหลังที่งดงาม ปกป้องเมืองจากลมหนาวจากทางเหนือ ทำให้ภูมิภาคนี้กลายเป็นสถานที่หลบภัยที่มีเสน่ห์และรักษาความอบอุ่นได้ตลอดทั้งปี มาลาก้าไม่เพียงแค่เป็นสถานที่ที่หยุดพักของเรือสำราญ แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยในสเปน ทั้งการชิมอาหารท้องถิ่นที่แสนอร่อย และการสำรวจความสวยงามของธรรมชาติที่รอให้คุณได้ค้นพบ เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับประสบการณ์ที่น่าจดจำภายใต้แสงแดดของคอสตา เดล โซล!

คาร์ตาเฆนา ตั้งอยู่ในภูมิภาคมูร์เซีย ทางตะวันออกเฉียงใต้ของสเปน เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และเป็นท่าเรือสำคัญของกองทัพเรือสเปน จากอ่าวที่เงียบสงบซึ่งเป็นที่พักพิงของเรือสินค้าต่าง ๆ มานานหลายศตวรรษ เมืองนี้ก่อตั้งโดยคาร์เธจในปี 223 ก่อนคริสต์ศักราช และได้รับชื่อว่า "การ์ตาโก โนวา" นอกจากนี้ยังเคยเป็นอาณานิคมโรมันที่เฟื่องฟู จนกระทั่งขึ้นชื่อว่าเป็นศูนย์กลางการค้าของไบเซนไทน์อีกด้วย ในปัจจุบัน คาร์ตาเฆนายังคงมีความสำคัญด้านการทหาร ตั้งแต่สมัยของพระเจ้าเฟลิเป II ซึ่งได้สร้างกำแพงป้องกันเมืองเพื่อคุ้มครองท่าเรือ จนถึงยุคราชวงศ์บูร์บอนในศตวรรษที่ 18 เมืองนี้ยังคงมอบความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวด้วยโบราณสถานที่ฟื้นฟู เช่น โรงละครโรมันที่ได้รับการเปิดเผยและเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ปี 1988 เมื่อคุณมีเวลาว่าง อย่าลืมสัมผัสเสน่ห์ของคาร์ตาเฆนาผ่านการล่องเรือรอบท่าเรือที่มีประวัติศาสตร์ซึ่งให้บริการหลายครั้งต่อวัน ใช้เวลาประมาณ 40 นาที โดยไม่จำเป็นต้องจองล่วงหน้า ความงดงามของเมืองนี้จะทำให้คุณหลงรักและฝันถึงการกลับมาอีกครั้งอย่างแน่นอน

อิบิซา (Ibiza) เกาะสุดหรูแห่งประเทศสเปน โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ที่ผสมผสานทั้งความหรูหราของโลกสมัยใหม่กับประวัติศาสตร์อันล้ำค่า อกเหนือท่าเรือคือเมือง Dalt Vila ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกในปี 1999 แวดล้อมไปด้วยกำแพงหินขนาดใหญ่ที่บ่งบอกถึงอารยธรรมโบราณ ภายในยังมีวิหารโกธิคที่สวยงามสะดุดตา การเดินเล่นใน Sa Penya คือประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาด ถนนหินปูนที่แสดงถึงความมีชีวิตชีวาของเมือง เหมาะสำหรับการช้อปปิ้งสินค้าแนวสร้างสรรค์ ลิ้มลองขนมหวานท้องถิ่น และค้นพบรายละเอียดที่ซ่อนอยู่ ไม่ว่าคุณจะเลือกนั่งชิลล์ในคาเฟ่ริมทะเล หรือเพลิดเพลินกับคืนเร้าใจในคลับชื่อดัง ความหลากหลายนี้สร้างเสน่ห์ให้กับอิบิซา การเยือนอิบิซาไม่เพียงแต่เป็นการสัมผัสกับความบันเทิง นอกจากนี้ยังเป็นการเดินทางสู่อดีตที่ทำให้คุณค้นพบความงามและวัฒนธรรมของเกาะแห่งนี้ในทุกมุมมอง เตรียมตัวให้พร้อมเพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครในหัวใจของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน!

เมืองมาฮอน (Mahon) เมืองหลวงของเกาะเมนอร์ก้า (Menorca) ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของสเปน เป็นจุดหมายปลายทางที่มีเสน่ห์และเป็นที่รู้จักกันดีจากท่าเรือที่ลึกและกว้างใหญ่ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและทำเลที่ตั้งที่สำคัญ มาฮอนจึงเคยเป็นที่มั่นของหลายประเทศในอดีต และเป็นสถานที่ที่นักสำรวจระดับโลกเคยมาเยือน จุดเด่นที่ไม่ควรพลาดคือ อุโมงค์เซนต์ร็อค (Arch of Saint Roc) ซึ่งเป็นซากท่ามกลางความเจริญรุ่งเรืองของเมือง มีอาคารสถาปัตยกรรมที่น่าทึ่ง เช่น สไตล์จอร์เจียน (Georgian) ที่แสดงถึงร่องรอยของการปกครองในอดีต รวมทั้งสถาปัตยกรรมสไตล์นีโอคลาสสิก (Neo-Classical), บาร็อค (Baroque) และโรมาเนสก์ (Romanesque) ที่ยังคงสวยงามอยู่ เมืองนี้ไม่เพียงแต่น่าชม แต่ยังเต็มไปด้วยถนนเล็กๆ ที่รอให้คุณค้นพบ และพื้นที่กลางเมืองที่ได้รับการตกแต่งสวยงาม พร้อมร้านกาแฟที่ให้บริการอย่างอบอุ่น ช่วงเวลาที่ดีที่สุดเพื่อเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศคือ ก่อนหรือหลังเวลาซีเอสตา (siesta) ที่ร้านค้าจะหยุดทำการในช่วงบ่าย สัมผัสมนต์เสน่ห์และประวัติศาสตร์ที่มีชีวิตชีวาที่มาฮอน นอกเหนือจากการเยี่ยมชมเทือกเขาหรือชายหาดงดงาม ที่รอคอยให้คุณมาค้นพบความงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมของสเปนในแบบที่คุณไม่เคยลืม















เจ้าของสวีท (Owner’s Suite) ให้ความรู้สึกหรูหราและมีสไตล์เหมือนวิลล่าตามชายฝั่งที่น่าทึ่ง โดยมีพื้นที่มากกว่า 2,000 ตารางฟุต แต่ละห้องมีพื้นที่นั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร ห้องนอนหลัก และห้องน้ำสองห้อง การตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์เนอร์และการตกแต่งที่งดงามสร้างบรรยากาศที่เงียบสงบกลางทะเล มีเทอเรซแยกสำหรับพื้นที่นั่งเล่นและห้องนอน พร้อมด้วยหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานที่มอบทิวทัศน์ที่น่าหลงใหลให้คุณได้ชมความงามของทะเลรอบตัว ห้องสวีททุกห้องยังรวมบริการบัตเลอร์ตลอด 24 ชั่วโมง และมีพื้นที่กว้างขวางเป็นพิเศษ ทำให้ประสบการณ์การเข้าพักในห้องสวีทนี้ไม่มีใครเปรียบเทียบได้ นอกจากสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องสวีทแล้ว เจ้าของสวีทยังมีสิทธิพิเศษมากมาย เช่น บริการซักรีดฟรีสำหรับกระเป๋าสูงสุด 3 ใบ การขึ้นเรือแบบมีความสำคัญพร้อมการจัดส่งกระเป๋าอย่างรวดเร็ว การเข้าถึงห้องเลาจน์พิเศษที่มีบริการเครื่องดื่มฟรีตลอดทั้งวัน และบาร์ในห้องพักที่จัดเตรียมไว้อย่างดี มีแชมเปญต้อนรับ ผลไม้สดที่เติมได้ทุกวัน การจองร้านอาหารพิเศษออนไลน์ได้ก่อนใคร รวมถึงการเข้าถึง Aquamar Spa Terrace อย่างไม่จำกัด นอกจากนี้ยังมีบริการไอแพดให้ยืมตามคำขอ ระบบความบันเทิงที่ปรับแต่งได้ และชุดของขวัญจาก Bulgari รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ไม่มีใครเหมือน เพื่อให้การเข้าพักของคุณเพียบพร้อมด้วยความสะดวกสบายและความหรูหราอย่างแท้จริง








วิสตา สวีทเป็นห้องสูทสุดหรูที่ได้รับการออกแบบภายในอย่างประณีต เหมือนกับบ้านสุดหรูในย่านปาร์คอเวนิว บนเรือสำราญและตั้งอยู่ในทำเลที่ดีที่สุด มองเห็นด้านหน้าเรือ ห้องสูทขนาด 1,200 ถึง 1,500 ตารางฟุตนี้มาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน เช่น ห้องโคลเซตขนาดใหญ่ เตียงคิงไซส์ ห้องน้ำที่สองสำหรับผู้มาเยือน สปาในและกลางแจ้ง รวมถึงห้องฟิตเนสส่วนตัว นอกจากนี้ผู้เข้าพักยังสามารถใช้บริการห้องเลานจ์พิเศษที่มีบัตเลอร์บริการ 24 ชั่วโมง โดยในห้องจะมีบาร์ส่วนตัวที่จัดตั้งเครื่องดื่มคุณภาพสูงและไวน์ไว้ พร้อมด้วยขนม และผลไม้สดที่เติมให้ทุกวัน อีกทั้งยังมีสิทธิประโยชน์ในการสำรองร้านอาหารพิเศษอย่างรวดเร็ว พร้อมการเข้าถึงแอควอมา สปา เทอเรซ อย่างไม่จำกัด อิ่มเอมไปกับความสะดวกสบายที่ไม่มีที่สิ้นสุดในวิสตา สวีท

โอเชียนเนียสวีทเป็นห้องสวีทที่หรูหราของเรือสำราญ ซึ่งมีพื้นที่มากกว่า 1,000 ตารางฟุต ทุกห้องมีการออกแบบอย่างมีระดับและเฟอร์นิเจอร์ที่มีสไตล์ ห้องสวีทนี้ประกอบไปด้วยห้องนั่งเล่น, ห้องรับประทานอาหาร, ห้องสื่อที่มีอุปกรณ์ครบครัน, ห้องเสื้อผ้าขนาดใหญ่, เตียงขนาดคิงไซส์, ระเบียงส่วนตัวขนาดกว้าง, สปาน้ำวนทั้งในบ้านและกลางแจ้ง รวมถึงห้องน้ำอีกห้องสำหรับแขก พร้อมด้วยการเข้าถึงเลานจ์ส่วนตัวสำหรับผู้บริหารที่มีนิตยสาร, หนังสือพิมพ์, เครื่องดื่มและขนมกลางวันให้บริการ นอกจากนี้ยังมีบริการพิเศษเช่น บริการซักรีดฟรี, การขึ้นเรือในเวลา 11:00 น. ด้วยลำดับความสำคัญ, บริการบัตเลอร์ตลอด 24 ชั่วโมง, บาร์ในห้องพักพร้อมเครื่องดื่มนำเข้าคุณภาพสูง, และบริการต่างๆ ที่ปรับให้เหมาะกับความต้องการของแขก เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีบริการจองห้องอาหารพิเศษออนไลน์ล่วงหน้า, การเข้าถึงสปา Aquamar Terrace อย่างไม่จำกัด, พร้อมด้วยของขวัญจาก Bulgari, ผ้าห่มขนแคชเมียร์และตัวเลือกหมอนพิเศษ โอเชียนเนียสวีทจึงเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสการเดินทางสุดหรูและความสะดวกสบายอย่างแท้จริงบนเรือสำราญของเรา
เพนท์เฮาส์สวีทเป็นความงามแห่งการตกแต่งที่ลงตัวและหรูหรา ขนาดกว้างขวางถึง 440 ตารางฟุต ภายในห้องมีฟีเจอร์ที่น่าทึ่งมากมาย เช่น ระบบไฟที่ปรับแต่งได้ โต๊ะรับประทานอาหาร มุมพักผ่อนที่แยกออกจากกัน ตู้เสื้อผ้าแบบวอล์คอิน ระเบียงไม้สักส่วนตัว และห้องน้ำที่ตกแต่งด้วยหินอ่อนซึ่งมีพื้นที่เก็บของเพิ่มเติมและฝักบัวที่ขยายเพื่อมอบประสบการณ์การพักผ่อนอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ผู้เข้าพักยังสามารถเพลิดเพลินกับการบริการจากพนักงานคอนเซียร์จที่ม dedicated และเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกในเลานจ์พิเศษสำหรับผู้บริหารได้โดยตรง สำหรับผู้เข้าพักในเพนท์เฮาส์สวีท ยังได้รับสิทธิพิเศษมากมาย เช่น บริการซักรีดฟรีสูงสุดถึง 3 ถุงต่อห้อง บัตรเข้าถึงเลานจ์พิเศษที่มีกาแฟและขนมขบเคี้ยวตลอดทั้งวัน การบริการคนรับใช้ตลอด 24 ชั่วโมง ขวดแชมเปญต้อนรับที่มีให้ฟรี และการจองร้านอาหารพิเศษออนไลน์ล่วงหน้า นอกจากนี้ยังสามารถเข้าถึง Aquamar Spa Terrace ได้ไม่จำกัด พร้อมผ้าห่มขนแคชเมียร์ และบริการขัดรองเท้าฟรี เพนท์เฮาส์สวีทจึงไม่ใช่แค่ที่พัก แต่เป็นประสบการณ์ที่เหนือระดับสำหรับการเดินทางอันเป็นเอกลักษณ์บนเรือสำราญที่หรูหรา.




คอนเซียร์จเวอเรนด้าเสตเตอร์รูม ของเรามีขนาด 282 ตารางฟุต เต็มไปด้วยการตกแต่งที่สวยงามและสิ่งอำนวยความสะดวกอันหรูหราที่สามารถพบได้ในเพนท์เฮาส์สวีท ซึ่งรวมถึงระเบียงส่วนตัว, โซฟานุ่มสบาย, มินิบาร์ที่มีเครื่องดื่มเย็น, และห้องน้ำขนาดใหญ่ที่หุ้มด้วยหินอ่อนและแกรนิต พร้อมฝักบัวที่กว้างขวาง นอกจากนี้แขกผู้เข้าพักยังสามารถเข้าถึงเลานจ์คอนเซียร์จส่วนตัวที่มีคอนเซียร์จประจำตัวให้บริการ พร้อมด้วยนิตยสาร, หนังสือพิมพ์ประจำวัน, เครื่องดื่ม, และขนมขบเคี้ยวตลอดทั้งวัน การเข้าถึงสิทธิพิเศษสำหรับคอนเซียร์จนั้นเพิ่มเติมจากสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องพัก ซึ่งรวมถึงเมนูบริการรูมเซอร์วิสสำหรับมื้อกลางวันและมื้อเย็นที่ขยายออกจาก The Grand Dining Room, บริการซักรีดฟรีสูงสุด 3 ถุงต่อห้องพัก, การขึ้นเรือในช่วงเที่ยงด้วยสิทธิพิเศษ, การเข้าถึงเลานจ์คอนเซียร์จที่มีบริการเครื่องดื่มฟรีตลอดวัน, ขวดแชมเปญต้อนรับฟรี, การจองร้านอาหารพิเศษออนไลน์ลำดับความสำคัญ, การเข้าถึง Aquamar Spa Terrace ได้ไม่จำกัด และบริการอื่นๆ ซึ่งรวมถึงการให้ iPad ประกอบความบันเทิงระหว่างการเดินทาง ตามคำขอเป็นต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสูบบุหรี่ในห้องพักและระเบียงเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ทุกการเข้าพักเป็นไปอย่างราบรื่นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความสะดวกสบายในระหว่างที่อยู่บนเรือของเรา




ห้องสเตเตอร์รูมระเบียงขนาด 291 ตารางฟุตของเราเป็นห้องพักขนาดใหญ่ที่สุดในทะเล ภายในห้องมีระเบียงส่วนตัวที่ตกแต่งอย่างสะดวกสบาย ซึ่งถือเป็นความหรูหราที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ห้องพักทุกห้องมาพร้อมพื้นที่นั่งเล่นที่มีความสะดวกสบาย มินิบาร์ที่มีการรีเฟรชเครื่องดื่มอัดลมฟรีทุกวัน ตู้เสื้อผ้าขนาดกว้างขวาง และห้องน้ำที่ประดับด้วยหินอ่อนและหินแกรนิตซึ่งมีอ่างอาบน้ำและฝักบัว ห้องสเตเตอร์รูมระเบียงยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ไม่เหมือนใคร เช่น เตียงทรanquility ที่มีผ้าลินิน 1,000 เส้นด้าย บริการรูมเซอร์วิสตลอด 24 ชั่วโมง บริการทำความสะอาดสองครั้งต่อวัน และช็อคโกแลตเบลเยียมในช่วงเวลาปิดเตียง นอกจากนี้ยังมีระบบโทรทัศน์แบบโต้ตอบที่สามารถรับชมภาพยนตร์ตามความต้องการ รวมถึงการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตไร้สายและการบริการโทรศัพท์มือถือ คุณสามารถเพลิดเพลินกับผ้าขนหนูที่ทำจากผ้าฝ้ายเนื้อดีและเสื้อคลุมอาบน้ำที่หนานุ่ม รวมถึงปลอกผ้าขนหนูและเครื่องเป่าผมที่สามารถใช้ได้สะดวก ใส่ใจในความปลอดภัย ห้องพักยังมีเซฟส่วนตัวให้ด้วย อย่างไรก็ตาม การสูบบุหรี่ในห้องพัก ระเบียง และห้องสวีทถูกห้ามโดยเด็ดขาด

ห้องพักดูทะเลแบบหรูมีขนาด 242 ตารางฟุต โดดเด่นด้วยหน้าต่างแบบพาโนรามาขนาดใหญ่จากพื้นจรดเพดานที่สามารถเปิดเพื่อชมวิวทะเลอันงดงามได้อย่างเต็มตา ห้องพักนี้มีพื้นที่นั่งเล่นกว้างขวาง โต๊ะเครื่องแป้ง โต๊ะอาหารเช้า มินิบาร์ที่มีเครื่องดื่มเย็น และห้องน้ำที่ตกแต่งด้วยหินอ่อนและหินแกรนิตพร้อมฝักบัว ห้องพักมีการบริการที่หลากหลายเพื่อความสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มที่เติมให้ฟรีทุกวันในมินิบาร์ บริการรูมเซอร์วิสตลอด 24 ชั่วโมง เตียง Tranquility Bed ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Oceania Cruises อุปกรณ์ Bulgari บริการทำความสะอาด 2 ครั้งต่อวัน และระบบโทรทัศน์แบบอินเตอร์แอคทีฟที่มีภาพยนตร์ตามต้องการ นอกจากนี้ยังมีอินเทอร์เน็ตไร้สายและบริการโทรศัพท์มือถือ โต๊ะเขียนหนังสือพร้อมอุปกรณ์เขียน ผ้าขนหนู ผ้าชุดนอน และรองเท้าสำหรับใช้ในห้องพักเพื่อความสะดวกสบาย นอกจากนี้ยังมีตู้นิรภัยและช็อคโกแลตพรีเมี่ยมในเวลาปิดเตียงเพื่อเพิ่มสัมผัสหรูหรา ห้องพักนี้ยังมีคุณสมบัติการเข้าถึงที่ตอบสนองต่อความต้องการ โดยมีห้องน้ำที่ออกแบบให้เข้าถึงได้ง่ายและมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ。การสูบบุหรี่ในห้องพักและระเบียงถือเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างเคร่งครัด


ห้องพักภายในนี้มีพื้นที่กว้างขวางถึง 174 ตารางฟุต ซึ่งออกแบบอย่างหรูหราและตกแต่งอย่างมีสไตล์เพื่อเพิ่มความเงียบสงบและสันติสุขในระหว่างการเดินทางของคุณ ภายในห้องมีห้องน้ำที่มีการตกแต่งด้วยหินอ่อนและหินแกรนิต มีอ่างอาบน้ำ และช่องอาบน้ำกว้างขวาง พร้อมทั้งมีมุมทำงาน โต๊ะอาหารเช้า และมินิบาร์เย็นที่มีเครื่องดื่มซอฟต์ดริงค์เติมให้อย่างฟรีทุกวัน นอกจากนี้ยังมีน้ำดื่มสะอาดและน้ำอัดลม Vero Water ให้บริการฟรี ท่านจะได้รับการบริการห้องพักตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกับเตียง Tranquility Bed ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Oceania Cruises และยังมีผลิตภัณฑ์อาบน้ำสุดหรูให้ใช้บริการอีกด้วย การบริการทำความสะอาดห้องพักมีถึงวันละสองครั้ง ระบบทีวีแบบอินเทอร์แอกทีฟมีภาพยนตร์ให้เลือกชม Weather และอีกมากมาย นอกจากนี้ยังสามารถเข้าใช้อินเทอร์เน็ตไร้สายและบริการโทรศัพท์มือถือได้อีกด้วย ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีมุมเขียนงานพร้อมอุปกรณ์เขียน ใหญ่หรูอย่างผ้าขนหนู ผ้าปู และรองเท้าสลิปเปอร์ที่ทำจากผ้าฝ้ายคุณภาพสูง เครื่องอบผม และตู้นิรภัยเพื่อความปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีช็อคโกแลตชั้นดีบริการในช่วงเย็น ทำให้ท่านได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่ในห้องพักอันสวยงามนี้