
02-27217300
02-27217179
service@siloahtravel.com
Monday ~ Friday 09:00-18:00
14F.-3, No.137, Sec. 1, Fuxing S. Rd., Da’an Dist., Taipei City 106, Taiwan
Representative: Tung-Hua Tai
VAT: 43871553
交觀甲793500 品保北2260 隱私權條款
IATA: 96137764
Copyright © 2025 Siloah Travel Co., Ltd.. All rights reserved.

Oceania Riviera
โอเชียเนีย ครูซส์


ย่านโยโกฮาม่า ตั้งอยู่ในประเทศญี่ปุ่น เป็นท่าเรือที่มีความสำคัญอย่างยิ่งทั้งในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม การเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศญี่ปุ่นกับโลกตะวันตกเกิดขึ้นที่นี่ในปี 1853 เมื่อเรือรบของสหรัฐฯ เข้าท่าและนำพาความท้าทายในการเปิดประเทศ ซึ่งนั้นได้นำไปสู่การพัฒนาอย่างรวดเร็วของโยโกฮาม่า ที่เคยเป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมง ในปี 1859 โยโกฮาม่าได้รับการแต่งตั้งให้เป็นท่าข้ามแดนซึ่งมีการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในฐานะศูนย์กลางการค้าระหว่างประเทศ ในยุคที่ท่าเรือแห่งนี้เติบโตขึ้น โยโกฮาม่าได้เป็นศูนย์กลางแห่งการค้าของเอเชียตะวันออก แต่ในปี 1923 เกิดแผ่นดินไหวที่สร้างความเสียหายอย่างมากก่อนที่เมืองจะฟื้นฟูในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง และกลายเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ ปัจจุบัน โยโกฮาม่าเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ซึ่งเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น ย่านไชน่าทาวน์ อุทยานโยมาชิตะ และลูกค้าสามารถเพลิดเพลินกับบรรยากาศริมทะเลได้อย่างดี นอกจากนี้ ชิน-โยโกฮาม่า สถานีรถไฟที่เชื่อมโยงเมืองแห่งนี้กับโตเกียวเป็นอีกหนึ่งที่ไม่ควรพลาด ทั้งนี้การเดินทางมายังโยโกฮาม่าง่าย สร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นที่คุณจะไม่มีวันลืม


ฮาโกดาเตะ (Hakodate) เป็นท่าเรือที่มีเสน่ห์ในญี่ปุ่น ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างสองอ่าว ทำให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่งดงามและบรรยากาศที่เงียบสงบของเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ในศตวรรษที่ 19 ด้วยอาคารไม้ที่เรียงรายอยู่ริมถนนลาดชัน พื้นที่ริมท่าเรือเป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมที่เดินได้สะดวก พร้อมทั้งรถรางที่ให้บริการบริเวณใจกลางเมือง เมื่อมาถึงฮาโกดาเตะ นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดการเยี่ยมชมยอดเขาฮาโกดาเตะที่สูง 1,100 ฟุต ซึ่งเป็นจุดที่สามารถเห็นวิวรอบเมืองอย่างสวยงาม โดยเฉพาะในยามเย็นเมื่อเมืองถูกประดับประดาด้วยแสงไฟ ปลาทูน่านับเป็นดาวเด่นที่ไม่ควรพลาดในตลาดปลา ซึ่งเปิดให้บริการแต่เช้า นั่นคือจุดเริ่มต้นของมื้อเช้าที่สดใหม่และอร่อย เมืองนี้เคยเป็นหนึ่งในท่าเรือแรกที่รัฐบาลเมจิเปิดให้การค้าอย่างเป็นทางการในปี 1859 ที่นี่คุณจะพบกับร่องรอยทางวัฒนธรรมที่หลากหลายจากหลายชาติ ทั้งรัสเซีย อเมริกา จีน และยุโรป การเดินทางในเมืองนั้นง่ายและสามารถเข้าถึงข้อมูลภาษาอังกฤษได้อย่างสะดวก ฮาโกดาเตะคือจุดหมายที่เต็มไปด้วยแรงดลใจสำหรับนักเดินทางที่แสวงหาความประทับใจในประวัติศาสตร์และรุงเรือง เริ่มต้นแผนการเดินทางของคุณวันนี้!

เมืองโอตารุ (Otaru) ตั้งอยู่ทางตะวันตกของเมืองซัปโปโร (Sapporo) เป็นท่าเรือที่มีความงดงามและหลากหลาย ตั้งแต่ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ไปจนถึงวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เมืองนี้มีชื่อเสียงในด้านเนินเขาที่สวยงามและสกีรีสอร์ทที่ตั้งอยู่ใกล้เคียง นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางการประมงปลาซาร์ดีนที่สำคัญในอดีต ไฮไลท์หลักของโอตารุคือคลองที่ทอดยาวจากท่าเรือไปยังโกดังเก่า ซึ่งได้มีการบูรณะและปรับปรุงให้กลายเป็นร้านอาหารและบูติคสุดเก๋ ที่นี่คุณจะได้สัมผัสบรรยากาศย้อนยุคท่ามกลางสถาปัตยกรรมแบบหินและอิฐที่สวยงาม การเดินเล่นริมคลองในช่วงยามค่ำคืน จะนำคุณเข้าสู่โลกที่มีแสงไฟนวลตาและเสียงดนตรีอันไพเราะ การเยี่ยมชมโอตารุจะเปิดประตูสู่ประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืม ไม่ว่าจะเป็นการชิมซูชิสดใหม่จากตลาดปลา หรือการเรียนรู้เกี่ยวกับศิลปะการผลิตเครื่องแก้วที่มีชื่อเสียง การเดินทางมายังโอตารุจึงเป็นการผสมผสานระหว่างธรรมชาติและวัฒนธรรมที่ล้ำลึกที่สุดในญี่ปุ่น เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนต้องการอิ่มเอมกับความทรงจำอันงดงามที่นี่อย่างแน่นอน

ท่าเรืออาคิตะ ตั้งอยู่ในจังหวัดอาคิตะ ประเทศญี่ปุ่น เดินทางสู่โลกแห่งการสำรวจและประสบการณ์ที่แสนมีเสน่ห์ ที่นี่คือจุดเริ่มต้นของการค้นพบวัฒนธรรมและธรรมชาติอันงดงามของแดนซากุระ ท่าเรือนี้เป็นเป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญสำหรับเรือสำราญ โดยมีบริการขนส่งที่สะดวกสบาย นอกจากนี้ยังมีร้านค้าและคาเฟ่ที่ให้คุณได้สัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างแท้จริง เมืองอาคิตะเป็นที่รู้จักจากการผลิตเบียร์ที่มีคุณภาพ และ "อาคิตะ สึคุมิ" ผลิตภัณฑ์พิเศษที่ควรลิ้มลอง นอกจากท่าเรือแล้ว คุณยังไม่ควรพลาดการเยือนศาลเจ้า "ไออิ-ซาน" ที่ตั้งอยู่ในเขตป่าเขียวของอาคิตะ และภูเขา "ทากะ" ที่มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม อีกทั้งยังมีการประเพณีเทศกาล "อาคิตะ คุจิ" ที่จัดขึ้นในช่วงฤดูร้อน ซึ่งมีการแสดงโคมไฟและการเต้นรำที่สวยงาม ให้ท่าเรืออาคิตะเป็นประตูสู่การผจญภัยในญี่ปุ่น ที่จะเติมเต็มความฝันในการเดินทางของคุณให้เป็นจริง พร้อมสร้างความทรงจำที่น่าประทับใจท่ามกลางความงามอันหลากหลายที่รอคุณอยู่

ท่าเรือคานาซาวะ ตั้งอยู่ในจังหวัดอิชิคาวะ เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญ ซึ่งเคยเป็นคู่แข่งทางประวัติศาสตร์กับเกียวโตและเอโดะ (โตเกียว) คานาซาวะได้รับการอนุรักษ์ให้มีสภาพดีจากการทำลายล้างในสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้เขตเมืองเก่าทั้งหลายยังคงอยู่ในสภาพดีและน่าเยี่ยมชม อัญมณีที่สำคัญของเมืองคือ "เคนโระเคน" สวนที่ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสามสวนที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ใกล้กับปราสาทคานาซาวะ สวนนี้มีพื้นที่กว่า 11.4 เฮกตาร์ โดยมีบ่อน้ำตามธรรมชาติ ภูเขา และบ้านต่าง ๆ สมาชิกในสวนและเป็นที่ตั้งของน้ำพุที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่นที่ใช้แรงดันน้ำธรรมชาติ อีกหนึ่งจุดเด่นของคานาซาวะคือย่านฮิงาชิชยะกาย ซึ่งเป็นเขตเกอิชาที่ใหญ่ที่สุด มีบ้านเก่าแก่ที่ยังคงรักษาสถาปัตยกรรมดั้งเดิม และมีร้านค้ามากมายสร้างบรรยากาศย้อนยุค นอกจากนี้ คานาซาวะยังมีชื่อเสียงในด้านงานชั้นยอด เช่น งานเคลือบลายลักษณ์, เครื่องปั้นดินเผาสไตล์คุตานิ และชุดกิโมโนที่ประดับอย่างประณีต คานาซาวะ ขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้รักงานศิลปะและวัฒนธรรมที่แท้จริงของญี่ปุ่น โอกาสนี้เชิญชวนนักท่องเที่ยวมาเปิดโลกใหม่ของประสบการณ์วัฒนธรรมในเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์นี้!


เมื่อคุณก้าวเท้าเข้าสู่เมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ คุณจะได้สัมผัสกับความงดงามที่ผสานระหว่างธรรมชาติและวัฒนธรรมอย่างลงตัว ท่าเรือปูซาน ซึ่งเป็นหนึ่งในท่าเรือที่คึกคักที่สุดในเอเชีย เสนอประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร ด้วยชายหาดทรายขาวอันงดงามและบ่ออนเซ็นที่มอบความผ่อนคลายตลอดทั้งปี ในช่วงฤดูร้อน ชายหาดของปูซานเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวตลอดเพราะความสดชื่นของทรายและน้ำทะเลที่ใส แต่สำหรับคนรักศิลปะและภาพยนตร์ เดือนตุลาคมจะเป็นช่วงเวลาที่พลาดไม่ได้ เนื่องจากการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติปูซาน ที่นี่คุณจะได้สัมผัสความมหัศจรรย์ของภูมิทัศน์ urban ที่รวมตัวกันของภาพยนตร์จากทั่วทุกมุมโลก ิคุมขลังของปูซานยังไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้ การเยี่ยมชมวัดเบอมยอซาน ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและสถาปัตยกรรมน่าทึ่ง เป็นประสบการณ์ที่ทำให้คุณเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมเกาหลีได้อย่างลึกซึ้ง นอกจากนี้ยังมีสปาท้องถิ่นที่นำเสนอการบำบัดด้วยน้ำแร่ที่เป็นเอกลักษณ์ มาสำรวจปูซาน ท่าเรือแห่งความสุขที่เต็มไปด้วยอรรถรสที่คุณไม่ควรพลาด!

นากาซากิ เมืองท่าที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ได้รับการยกย่องว่าเป็นศูนย์กลางการค้าระหว่างประเทศในยุคที่ประเทศญี่ปุ่นปิดประเทศในศตวรรษที่ 17 ซึ่งมีเพียงไม่กี่ท่าเรือที่เปิดให้กับการค้าระหว่างประเทศ เมืองแห่งนี้มีบทบาทสำคัญในความสัมพันธ์ทางการค้ากับฮอลแลนด์ และเป็นที่ตั้งของเกาะเดชิมะ ซึ่งฮอลันดาเป็นเพียงชาติเดียวที่อนุญาตให้อยู่และดำเนินการค้าในเงื่อนไขที่เข้มงวด โดยไม่สามารถติดต่อกับชาวญี่ปุ่นได้อย่างเสรี นอกจากมรดกทางวัฒนธรรมที่หลงเหลือจากชาวดัตช์และจีนแล้ว นากาซากิยังเป็นสถานที่ที่สร้างแรงบันดาลใจในการตระหนักถึงสันติภาพ หลังจากที่ถูกทำลายในเหตุการณ์ระเบิดนิวเคลียร์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งเป็นเมืองที่สองที่ได้รับผลกระทบจากสงครามหลังฮิโรชิมา การเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ระเบิดนิวเคลียร์และอุทยานอนุสรณ์สันติภาพ จะทำให้ท่านสัมผัสถึงเรื่องราวและความเจ็บปวดที่ประชาชนเคยประสบมา นากาซากิจึงไม่เพียงแค่เป็นเมืองท่าสำหรับนักท่องเที่ยว แต่ยังเป็นสถานที่แห่งความหวังและความปรารถนาเพื่อสันติภาพในโลกอีกด้วย สำรวจความงดงามและประวัติศาสตร์ที่ลึกซึ้งของนากาซากิ แล้วพบกับประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืมในระหว่างการเดินทางของคุณ ที่นี่คือปลายทางที่สร้างแรงบันดาลใจและมอบความทรงจำที่ยั่งยืนให้กับผู้มาเยือนทุกคน.

การเดินทางมายังท่าเรือคาโกชิมะ ประเทศญี่ปุ่น คือการเริ่มต้นค้นพบเสน่ห์อันหลากหลายของเมืองเอกแห่งจังหวัดคาโกชิมะ ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะคิวชู เมืองคาโกชิมะมีภูมิอากาศที่อบอุ่นและมีภาพลักษณ์ที่เปรียบเสมือนกับเมืองเนเปิลส์ในอิตาลี เนื่องจากมีภูเขาไฟซากุระจิม่าที่มีชื่อเสียงและเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดของภูมิภาคนี้ ซากุระจิม่าซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่ ได้มีประวัติศาสตร์การปะทุอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 1914 เคยเป็นเกาะที่แยกตัวออกมาแต่ได้เชื่อมต่อกับคาบสมุทรโอโซมิหลังจากการปะทุ เมื่อมาเยือนที่นี่ คุณอาจจะโชคดีได้เห็นควันพวยพุ่งจากยอดเขาในขณะอากาศเอื้ออำนวย นอกจากซากุระจิม่าที่แสดงถึงความงามของเมืองคาโกชิมะแล้ว สวนเซงังเอนก็ถือเป็นอีกหนึ่งมรดกอันล้ำค่า สร้างขึ้นโดยซามูไรมิตสึฮิสะ ชิมาซุ เพื่อเป็นที่พักอาศัยของเจ้านาย สวนญี่ปุ่นแห่งนี้มีทิวทัศน์ที่งดงามดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เปิดประสบการณ์ในการสำรวจวัฒนธรรมและธรรมชาติที่คาโกชิมะซึ่งจะทำให้คุณหลงใหลในเสน่ห์ของญี่ปุ่นใต้ ไม่ว่าคุณจะชื่นชอบการเดินเล่นในสวน หรือการสำรวจสถานที่ทางประวัติศาสตร์ คาโกชิมะย่อมเปิดโอกาสใหม่ซึ่งคุณไม่ควรพลาด!

ท่าเรือโคจิ (Kochi Port) ในประเทศญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในท่าเรือที่มีเสน่ห์และประวัติศาสตร์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ ตั้งอยู่ในภูมิภาคชิโกะกุ ท่าเรือนี้เป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญสำหรับการเดินเรือสำราญ โดยมีการให้บริการที่สะดวกสบายและบริการต่าง ๆ ที่ครบครัน เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่น่าประทับใจ เมื่อมาถึงโคจิ นักท่องเที่ยวจะได้พบกับสถานที่ท่องเที่ยวเด่น เช่น ปราสาทโคจิที่สวยงามซึ่งสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 โดยยังคงความงดงามในสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นโบราณ อีกทั้งยังมีสวนปราสาทที่ร่มรื่นเหมาะแก่การเดินเล่นและสัมผัสบรรยากาศ นอกจากนี้ ตลาดสดโคจิ (Kochi Sunday Market) เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ไม่ควรพลาด ที่นี่คุณจะได้สัมผัสชีวิตประจำวันของคนท้องถิ่น พร้อมซื้อของฝากที่มีชื่อเสียง เช่น ผลไม้สดและของทำมือที่สร้างจากวัฒนธรรมท้องถิ่น ไม่เพียงแค่ท่าสำหรับการหยุดพักของเรือสำราญ โคจิยังเต็มไปด้วยวัฒนธรรมและธรรมชาติที่น่าหลงใหล นับเป็นจุดหมายที่สมบูรณ์แบบสำหรับการค้นพบประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการเดินทางที่หรูหราและน่าจดจำในประเทศญี่ปุ่น ด้วยเสน่ห์อันยิ่งใหญ่และเอกลักษณ์ที่แตกต่าง ทำให้โคจิเป็นจุดหมายปลายทางที่ต้องไปเยือนสักครั้งในชีวิต

โอซาก้า เมืองที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้ผู้เดินทางรู้สึกถึงชีวิตที่มีสีสันและเต็มไปด้วยบรรยากาศสดใส ตั้งอยู่ในประเทศญี่ปุ่น เป็นศูนย์กลางการค้าและวัฒนธรรมที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดดเด่นด้วยอาหารอันเลิศรสที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น "ครัวของญี่ปุ่น" เอาไว้ให้ผู้มาเยือนได้ชิมความอร่อยไม่รู้จบ จากย่านมินามิที่มีแสงไฟนีออนเจิดจ้า ไปจนถึงย่านคิดะที่เต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้าและร้านค้าโอ่อ่า โอซาก้าเสน่ห์ของเมืองมากมายที่รอให้คุณค้นพบ นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสบรรยากาศที่เป็นกันเองของชาวโอซาก้า ซึ่งพร้อมที่จะสนทนาและแบ่งปันเรื่องราว โดยไม่ต้องกลัวที่จะหลงทางในซอยที่น่าสนใจ อย่าพลาดการเยี่ยมชมสถานที่สำคัญ เช่น วัดเทนโนจิและปราสาทโอซาก้า รวมถึงชื่นชมวรรณกรรมโบราณในโรงละครบุนราคุ นอกจากนี้ ยังมีโอซาก้าอควาเรียมและยูนิเวอร์แซลสตูดิโอญี่ปุ่น ซึ่งทำให้โอซาก้าเป็นจุดหมายปลายทางที่ครบครัน ว่าจะเป็นอาหาร, แฟชั่น, หรือวัฒนธรรมที่ไม่เหมือนใคร โอซาก้ารอคอยให้คุณมาเป็นส่วนหนึ่งในความประทับใจนี้ค่ะ

ท่าเรือนาโกย่า ตั้งอยู่ในภูมิภาคไอจิของประเทศญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในท่าเรือที่สำคัญที่สุดในประเทศ ด้วยการบริการที่มีคุณภาพและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสกับวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อันล้ำค่าของญี่ปุ่น ท่าเรือนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยม เมื่อเรือสำราญจอดที่ท่าเรือนาโกย่า คุณจะได้เพลิดเพลินกับการสำรวจเมืองนาโกย่า ซึ่งเป็นที่ตั้งของปราสาทนาโกย่า อนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ที่ได้รับการอนุรักษ์อย่างดี และยังเป็นเอกลักษณ์ของเมืองนี้ นักท่องเที่ยวสามารถชมสถาปัตยกรรมที่สวยงาม และเดินเล่นในสวนสาธารณะรอบปราสาทที่เขียวขจี อีกทั้งเมืองนาโกย่ายังเป็นที่รู้จักในด้านอาหารอร่อย โดยเฉพาะ ‘เกี๊ยวซ่าทาโกะ’ และ ‘มิโซะคัตสึ’ ซึ่งเป็นเมนูอาหารที่คุณไม่ควรพลาด นอกจากนั้น นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียง เช่น พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชูบุ หรือย่านเมืองเก่าซาคาเอะ ที่เต็มไปด้วยร้านค้าและคาเฟ่น่ารักๆ ในทุกๆ การเดินทางที่นาโกย่า นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับเสน่ห์ที่ลงตัวระหว่างวัฒนธรรมดั้งเดิมและความทันสมัย ทำให้ที่นี่เป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำและรอคอยการกลับมาในครั้งถัดไปอย่างแน่นอน

เมื่อเดินทางมาถึงท่าเรือชิมิสุ ณ ประเทศญี่ปุ่น คุณจะได้พบกับภาพอันน่าทึ่งของภูเขาฟูจิที่ตั้งตระหง่านอยู่เหนือท้องฟ้า ที่นี่เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การถ่ายภาพอย่างยิ่ง เพราะความสมบูรณ์แบบของรูปทรงทำให้ภูเขานี้เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น ตั้งแต่ช่วงเวลาที่เรือสำราญของคุณเทียบท่า คุณจะได้สัมผัสบรรยากาศที่เงียบสงบและมีเสน่ห์ แถวท่าเรือยังมีตลาดปลาให้คุณได้เพลิดเพลินและลิ้มลองอาหารทะเลสดใหม่ ส่วนสวนสนุกที่น่ารักตั้งอยู่ไม่ไกลเพื่อเปิดโอกาสให้คุณได้สนุกสนาน อย่างไรก็ตาม จุดหมายหลักของผู้มาเยือนมักจะเป็นการไปยังจุดชมวิวที่ดีที่สุดของภูเขาฟูจิ และศาลเจ้าคุโนะซังโทโชกุ ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาที่สามารถเดินทางถึงได้โดยกระเช้าไฟฟ้า ที่นี่คุณจะได้สัมผัสกับสถาปัตยกรรมที่สวยงาม พร้อมบรรยากาศที่สงบและทิวทัศน์อันน่าทึ่งของอ่าวสุรุงะและไร่ชาอันเขียวขจี ชิมิสุไม่ได้มีเพียงภูเขาฟูจิ แต่เป็นจุดเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบสำหรับการค้นพบเสน่ห์ของญี่ปุ่นในมิติที่หลากหลาย เชิญคุณมาสัมผัสประสบการณ์ที่น่าจดจำแห่งนี้เถอะ!

ย่านโยโกฮาม่า ตั้งอยู่ในประเทศญี่ปุ่น เป็นท่าเรือที่มีความสำคัญอย่างยิ่งทั้งในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม การเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศญี่ปุ่นกับโลกตะวันตกเกิดขึ้นที่นี่ในปี 1853 เมื่อเรือรบของสหรัฐฯ เข้าท่าและนำพาความท้าทายในการเปิดประเทศ ซึ่งนั้นได้นำไปสู่การพัฒนาอย่างรวดเร็วของโยโกฮาม่า ที่เคยเป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมง ในปี 1859 โยโกฮาม่าได้รับการแต่งตั้งให้เป็นท่าข้ามแดนซึ่งมีการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในฐานะศูนย์กลางการค้าระหว่างประเทศ ในยุคที่ท่าเรือแห่งนี้เติบโตขึ้น โยโกฮาม่าได้เป็นศูนย์กลางแห่งการค้าของเอเชียตะวันออก แต่ในปี 1923 เกิดแผ่นดินไหวที่สร้างความเสียหายอย่างมากก่อนที่เมืองจะฟื้นฟูในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง และกลายเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ ปัจจุบัน โยโกฮาม่าเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ซึ่งเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น ย่านไชน่าทาวน์ อุทยานโยมาชิตะ และลูกค้าสามารถเพลิดเพลินกับบรรยากาศริมทะเลได้อย่างดี นอกจากนี้ ชิน-โยโกฮาม่า สถานีรถไฟที่เชื่อมโยงเมืองแห่งนี้กับโตเกียวเป็นอีกหนึ่งที่ไม่ควรพลาด ทั้งนี้การเดินทางมายังโยโกฮาม่าง่าย สร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นที่คุณจะไม่มีวันลืม

ท่าเรือฮิตาชินากะ ตั้งอยู่ในจังหวัดอิบารากิ ประเทศญี่ปุ่น เป็นจุดหมายสำคัญที่ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับเสน่ห์ของวัฒนธรรมและธรรมชาติที่ไม่เหมือนใคร เมื่อนำเรือสำราญเข้ามาจอดที่ท่าเรือนี้ ผู้โดยสารจะได้สัมผัสบรรยากาศที่สบายและเป็นมิตร พร้อมทั้งสามารถเดินทางสู่สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าหลงใหลในบริเวณใกล้เคียง หนึ่งในไฮไลท์ของการเยือนฮิตาชินากะ คือ “สวนสนุกฮิตาชิ ซีไซด์” แหล่งท่องเที่ยวที่เย้ายวนใจผู้รักความสนุกสนานและธรรมชาติ ด้วยทัศนียภาพที่งดงามของทะเลและดอกไม้ที่บานสะพรั่งตามฤดู แนะนำให้ไปเยือนในฤดูใบไม้ผลิที่จะได้พบกับดอกเนโมฟิล่าบานเต็มทุ่ง หากคุณต้องการสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นอย่างแท้จริง ตลาดท้องถิ่นที่นี่ถือเป็นทางเลือกที่ดี คุณจะได้ลิ้มลองอาหารพื้นเมืองสดใหม่ เช่น ชาบูชาบุและของหวานชื่อดังอย่างโมจิ ที่ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยว การเยือนฮิตาชินากะ จึงไม่ใช่เพียงการเดินทางด้วยเรือสำราญเท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสให้คุณได้สำรวจและสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ที่จะทำให้ความทรงจำของการเดินทางนี้ยิ่งหอมหวานและน่าจดจำอย่างแน่นอน

ท่าเรือมิยากิ (Miyako) ตั้งอยู่ในจังหวัดอิวาเตะ ประเทศญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวผู้ชื่นชอบความงดงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่ลึกซึ้ง ตั้งอยู่บนชายทะเลของมหาสมุทรแปซิฟิก ท่าเรือนี้มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม พร้อมกับอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี เมื่อเรือสำราญแวะจอดที่ท่าเรือ มิยากิ คุณจะได้สัมผัสกับความงามของชายหาดทรายขาวและน้ำทะเลใส ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่เหมาะสำหรับการเดินเล่นและถ่ายภาพ นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ เช่น ปราสาทมิยากิที่ตั้งอยู่บนเนินเขา และวัดที่มีสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ไม่เพียงแค่ความงดงามของธรรมชาติและวัฒนธรรม ท่าเรือมิยากิยังเป็นศูนย์กลางการชิมอาหารท้องถิ่นที่ยอดเยี่ยม อาทิเช่น ซาชิมิสด ๆ และข้าวปั้นที่ทำจากวัตถุดิบสดใหม่จากทะเล คุณยังสามารถเยี่ยมชมตลาดปลาเพื่อสัมผัสบรรยากาศที่สดชื่นและสนุกสนาน การท่องเที่ยวที่มิยากิคือการเปิดประตูสู่ประสบการณ์ใหม่ ๆ สร้างความทรงจำที่ไม่เหมือนใครในประเทศญี่ปุ่น ที่คุณจะไม่ลืมตลอดไป

ท่าเรือมุโรรัน (Muroran) ตั้งอยู่บนเกาะฮอกไกโดของประเทศญี่ปุ่น เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่หลงใหลในการเดินทางและวัฒนธรรมญี่ปุ่น อัดแน่นไปด้วยธรรมชาติที่งดงามและวิถีชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ ความสามารถในการจัดการเรือสำราญทำให้มุโรรันกลายเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ ไม่เพียงแค่ท่าเรือที่มีความสำคัญ มุโรรันยังมีเสน่ห์จากภูเขาไฟอุสึ (Usu) และทะเลสาบโช (Shō) ที่จะมอบทิวทัศน์ที่สวยงามให้แก่ผู้มาเยือน นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวเช่น พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำมุโรรัน ที่เป็นที่รู้จักในด้านการแสดงชีวิตทะเลที่หลากหลาย ในช่วงฤดูหนาว มุโรรันมีชื่อเสียงจากเทศกาลออนเซ็นที่นักท่องเที่ยวสามารถพบกับบ่อน้ำร้อนธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ย่านฟุราโน่ (Furano) ที่มีบรรยากาศโรแมนติก นอกจากจะได้ผ่อนคลาย ยังสามารถสนุกสนานกับกิจกรรมกีฬาฤดูหนาวต่าง ๆ ได้อีกด้วย หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์ที่จะทำให้หัวใจเต้นแรงและสร้างความทรงจำที่ไม่มีวันลืม ท่าเรือมุโรรันคือทางเลือกที่เพียบพร้อมไปด้วยเสน่ห์ทางธรรมชาติและวัฒนธรรมที่ลึกซึ้ง เปิดโอกาสให้คุณได้สัมผัสและเรียนรู้จากการเดินทางที่ไม่เหมือนใครในดินแดนอาทิตย์อุทัยนี้

ท่าเรืออาโอโมริในประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจ สำหรับผู้ที่หลงใหลในวัฒนธรรมและเทศกาลท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลเนบุตะ มัตสึริ ที่จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 2 ถึง 7 สิงหาคมของทุกปี เทศกาลนี้เป็นหนึ่งในงานเฉลิมฉลองที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น กับขบวนแห่ลอยประดับไฟที่มีขนาดใหญ่ แสดงถึงรูปปั้นซามูไรที่น่าประทับใจ พรั่งพร้อมไปด้วยการเต้นรำที่รื่นเริงจากนักเต้น "เฮเนโต" ที่วิ่งเคียงข้างขบวนลอย คุณจะได้สัมผัสถึงความมหัศจรรย์และพลังแห่งชัยชนะหลังจากการต่อสู้ นอกจากนี้ อาโอโมริยังขึ้นชื่อเรื่องอาหารทะเลสดๆ จากอ่าวอาโอโมริ โดยเฉพาะ "โอมา โน มะกุโร" (ทูน่าจากโอมา) และผลไม้ผักสดใหม่ เช่น กระเทียมที่มีชื่อเสียง ซึ่งนับว่าเป็นความใส่ใจต่อรสชาติและคุณภาพของอาหารท้องถิ่น ไม่ว่าคุณจะเลือกเยี่ยมชมในช่วงฤดูร้อนหรือมาในช่วงเวลาที่แตกต่าง คุณจะต้องการที่จะสัมผัสประสบการณ์ที่เย้ายวนใจในเมืองนี้ และในขณะเดียวกันก็เพลิดเพลินไปกับการเดินทางอันหรูหราที่เป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นตามคาบสมุทรที่มีเสน่ห์นี้




คอเดียค (Kodiak) ในรัฐอลาสก้าเป็นหนึ่งในท่าเรือที่สวยงามและคึกคักที่สุดในสหรัฐฯ ซึ่งมีชื่อเสียงด้านการประมงเชิงพาณิชย์ แม้ว่าจะมีประชากรเพียงประมาณ 6,475 คน กระจายอยู่ในหลายเกาะ แต่ท่าเรือนี้ยังคงเป็นจุดศูนย์กลางสำหรับการจัดหาสินค้าให้กับชุมชนเล็กๆ บนเกาะอะเลอูเตียนและคาบสมุทรอลาสก้า เมื่อเยือนคอเดียค นักท่องเที่ยวสามารถเลือกเพลิดเพลินกับการตกปลา, พายเรือคายัค หรือชมนกหมีในสถานที่ห่างไกล โดยมีบริการเครื่องบินลอยน้ำและเรือเช่าที่พร้อมสรรพ หากคุณต้องการสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวนอกเมือง ควรลองขับรถยนต์ไปตามระบบถนนที่มีอยู่และสัมผัสกับธรรมชาติที่สวยงาม ก่อนที่จะเพิ่มประสบการณ์อีกระดับด้วยการเดินทางไปยังรีสอร์ทห่างไกลหรือจุดเข้าถึงป่า หากคุณชื่นชอบธรรมชาติ คอเดียคยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นอย่าง Kodiak National Wildlife Refuge ซึ่งประกอบด้วยสี่เกาะในอ่าวอลาสก้า ได้แก่ คอเดียค, อาฟ็อคแนค, แบน และอูกานิค สถานที่นี้เป็นสวรรค์ของผู้รักการดูสัตว์และภาพถ่าย ถือเป็นการผสมผสานระหว่างผจญภัยและความสงบในธรรมชาติอย่างแท้จริง รอคอยให้คุณมาสัมผัสประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครได้แล้ววันนี้!

เมืองเล็กๆ อย่างวิทเทียร์ (Whittier) ที่ตั้งอยู่ในรัฐอลาสก้า เป็นจุดหมายปลายทางที่หลบซ่อนตัวและเต็มไปด้วยเสน่ห์แห่งความสงบสุข ที่นี่มีประชากรเพียงกว่า 200 คน และตั้งอยู่ห่างจากเมืองแองเคอเรจประมาณ 58 ไมล์ทางตะวันออกเฉียงใต้ วิทเทียร์เป็นท่าเรือที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม รายล้อมไปด้วยภูเขาและทะเล เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนอย่างแท้จริง ด้วยการเดินทางโดยเรือสำราญ นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสบรรยากาศที่แสนพิเศษ ขณะเทียบท่าสู่วิถีชีวิตของชุมชนที่เงียบสงบ นอกเหนือจากชีวิตในเมืองที่มีเสน่ห์ วิทเทียร์ยังเป็นประตูสู่การสำรวจอุทยานแห่งชาติและพื้นที่อนุรักษ์ธรรมชาติที่มีทิวทัศน์ประทับใจ อันมีทั้งภูเขาน้ำแข็งและระบบนิเวศน์ที่หลากหลาย ความตื่นเต้นยังรอคอยนักผจญภัยที่รักการทำกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น การเดินป่า พายเรือคายัค หรือการชมวาฬในฤดูร้อน การเยือนวิทเทียร์จะเป็นการเติมเต็มประสบการณ์การเดินทางอันหรูหรา ในบรรยากาศที่มอบความสงบ ทั้งจากธรรมชาติและวัฒนธรรมในท้องถิ่น ทำให้ที่นี่ก้าวข้ามคำว่าท่าเรือไปสู่การเป็นสถานที่แห่งความทรงจำอันล้ำค่าในใจนักท่องเที่ยวทุกคน


ซิตกา (Sitka) ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจที่สุดในอลาสก้า ด้วยบรรยากาศที่ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมชนเผ่าอัลลาสก้า รัสเซีย และอเมริกัน อย่างลงตัว โดยมีสถานที่เด่นในการสำรวจคือ วิหารเซนต์ไมเคิล (St. Michael's Cathedral) และพิพิธภัณฑ์เชลดอน แจ็คสัน (Sheldon Jackson Museum) ที่จะพาคุณย้อนเวลาสู่วิถีชีวิตของชาวท้องถิ่น การเดินเล่นที่สวนสาธารณะประวัติศาสตร์ซิตกา (Sitka National Historical Park) จะทำให้คุณได้สัมผัสกับประวัติศาสตร์และธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ซิตกามีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ เริ่มต้นจากการตั้งถิ่นฐานของชนเผ่าคิกซาดี (Kiksádi) ผู้มีบทบาทในภูมิภาคนี้มาก่อนการมาถึงของชาวรัสเซียในศตวรรษที่ 18 การพัฒนาของเมืองในช่วงเวลานั้นได้สร้างความเจริญรุ่งเรือง โดยในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง ซิตกาได้กลายเป็นฐานการทหารสำคัญ ทำให้เมืองฟื้นตัวอีกครั้ง ปัจจุบัน ซิตกาเป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่หลงใหลในธรรมชาติและประวัติศาสตร์ ที่นี่มีอุตสาหกรรมการตกปลา รัฐบาล และการท่องเที่ยว ทำให้ซิตกายังคงเป็นเมืองที่มีเสน่ห์และน่าค้นหาในภูมิภาคอลาสก้าอย่างไม่เปลี่ยนแปลง

เคติชกัน (Ketchikan) เมืองเล็กแห่งอลาสก้า เป็นจุดหมายที่มีเอกลักษณ์และดึงดูดผู้เข้าชมด้วยธรรมชาติและวัฒนธรรมที่หลากหลาย เมืองนี้มีชื่อเสียงในเรื่องเสาโทเท็มที่สวยงาม สภาพอากาศที่มีหมอกควัน และถนนที่ชันคล้ายซานฟรานซิสโก ร่วมกับบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาเต็มไปด้วยชาวบ้านที่มีช่วงชีวิตใช้การประมงและการทำไม้ การท่องเที่ยวโดยเรือสำราญหนาแน่นในช่วงฤดูร้อน โดยเรือพาณิชย์และเครื่องบินน้ำมักจะออกจากท่าเรือเพื่อไปยัง Monument Misty Fiords อนาคตของเคติชกันได้เปลี่ยนไปตามยุคสมัย แม้ว่าความเจริญในอุตสาหกรรมการประมงจะลดลง แต่ชุมชนศิลปะที่แอคทีฟยังคงสร้างสรรค์ผลงานที่สวยงามสำหรับนักเดินทางที่แสวงหาเอกลักษณ์พื้นเมือง นักท่องเที่ยวยังสามารถเพลิดเพลินกับการเดินชมร้านค้าต่าง ๆ บริเวณ Creek Street หรือเยี่ยมชมศูนย์มรดกโทเท็ม นอกจากนี้ ยังมีสวนประวัติศาสตร์ Totem Bight และ Saxman Totem Park ที่อยู่ห่างออกไป ซึ่งเป็นสถานที่ที่ช่วยเล่าเรื่องราวของวัฒนธรรมท้องถิ่น ค่ำคืนที่พิเศษในเคติชกันถือเป็นจุดเริ่มต้นของประสบการณ์อันน่าจดจำในดินแดนอลาสก้า ที่ซึ่งธรรมชาติและวัฒนธรรมจะสร้างแรงบันดาลใจให้คุณตลอดไป


ท่าเรือแวนคูเวอร์ในบริติชโคลัมเบีย เป็นจุดหมายที่ลงตัวระหว่างความสง่างามในเมืองและการผจญภัยในธรรมชาติ กลางเมืองที่มีภูเขาและทะเลทำให้แวนคูเวอร์กลายเป็นสนามเด็กเล่นกลางแจ้งสำหรับกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การเดินเขา สกี การพายเรือ และการปั่นจักรยาน พร้อมกันนั้นศิลปะและอาหารที่หลากหลายยังสะท้อนถึงวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองนี้ แวนคูเวอร์ได้รับการจัดอันดับอย่างต่อเนื่องว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก ด้วยบรรยากาศที่สบายและเข้าถึงกิจกรรมกลางแจ้งได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นหาดทรายที่สวยงามหรือสวนสาธารณะที่ร่มรื่น มีนักท่องเที่ยวกว่า 8 ล้านคนเข้ามาสัมผัสความงดงามนี้ในทุกปี ในฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้หลากสีบานสะพรั่งในสวนสาธารณะ ในขณะที่ผู้คนสามารถใช้เวลาพักผ่อนที่ชายหาดในฤดูร้อน นอกจากนี้เมืองยังมีระบบขนส่งที่สะดวกสบาย ทำให้ผู้ที่พักในย่านราคาย่อมเยาสามารถเข้าถึงใจกลางเมืองได้อย่างรวดเร็ว สำหรับผู้ที่ได้สัมผัสการล่องเรืออลาสก้า แวนคูเวอร์เป็นจุดแวะพักที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ และถือเป็นประตูสู่การสำรวจโลกที่งดงามของแคนาดา คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวให้กลับมาเยือนอีกครั้งอย่างไม่รู้ลืม









เจ้าของสวีทเหมือนกับวิลล่าชายฝั่งที่มีเสน่ห์และมีความหรูหรา โดยมีพื้นที่มากกว่า 2,000 ตารางฟุต ซึ่งประกอบด้วยห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร ห้องนอนหลัก และห้องน้ำสองห้อง ห้องสวีทนี้ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์หรูหราและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ละเอียดประณีต สร้างเป็นโลกส่วนตัวที่มีความสุขบนท้องทะเล ที่นี่มีเฉลียงแยกสำหรับห้องนั่งเล่นและห้องนอน โดยมีหน้าต่างจากพื้นจรดเพดานที่เปิดโลกทัศน์ที่น่าหลงใหลพร้อมทิวทัศน์ที่สวยงามของทะเลรอบด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทุกห้องสวีทยังรวมบริการบัตเลอร์ตลอด 24 ชั่วโมงและขนาดที่กว้างขวางอย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้ประสบการณ์พักผ่อนในห้องสวีทนี้ไม่มีใครเทียบเคียงได้ นอกจากนี้ เจ้าของสวีทยังมีสิทธิพิเศษเพิ่มเติม ซึ่งรวมถึงบริการซักรีดฟรีสูงสุด 3 ถุงต่อห้อง, การขึ้นเรือก่อนเวลา 11 โมงเช้าพร้อมการจัดส่งสัมภาระที่รวดเร็ว, การเข้าใช้เลานจ์ Executive แบบพิเศษที่มีการดูแลจากคอนเซียร์จ, บาร์ในห้องที่มีเครื่องดื่มและไวน์ระดับพรีเมียม, ชาเปญต้อนรับ, และผลไม้สดที่เติมทุกวัน รวมถึงการจองร้านอาหารพิเศษออนไลน์ก่อนใคร และการเข้าถึง Aquamar Spa Terrace อย่างไม่จำกัด นอกจากนี้ยังมีบริการพิเศษต่าง ๆ เพื่อความสะดวกสบายของคุณให้ได้อย่างเต็มที่










วิสตา สวีท เป็นห้องสวีทที่มีการออกแบบภายในที่หรูหราราวกับอพาร์ตเมนต์สุดหรูในย่านปาร์ค อเวนิว แถมยังตั้งอยู่ในทำเลที่ดีเยี่ยม โดยสามารถมองเห็นด้านหน้าเรือ ห้องสวีททั้งแปดห้องนี้มีขนาดตั้งแต่ 1,200 ถึง 1,500 ตารางฟุต โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น ตู้เสื้อผ้าเดินเข้าใหญ่ เตียงขนาดคิงไซส์ ห้องน้ำสำหรับแขก ห้องสปาภายในและภายนอก และห้องฟิตเนสส่วนตัว นอกจากนี้ วิสตา สวีท ยังมอบสิทธิประโยชน์พิเศษ เช่น บริการซักรีดฟรีสูงสุด 3 ถุงต่อห้อง, การขึ้นเรือโดยมีลำดับสิทธิ์ในเวลา 11 โมงเช้า พร้อมการส่งสัมภาระอย่างรวดเร็ว, การเข้าถึงห้องรับรองส่วนบุคคลที่มีคอนเซียร์จดูแลตลอด, บริการบัตเลอร์ 24 ชั่วโมง, การตั้งบาร์ในห้องพักฟรีมีเครื่องดื่มระดับพรีเมียม, แชมเปญต้อนรับ, ผลไม้สดที่เติมใหม่ทุกวัน, การจองร้านอาหารพิเศษออนไลน์ลำดับสิทธิ์, การเข้าถึงสปาที่ยินดีต้อนรับไม่จำกัด, พร้อมทั้ง iPad สำหรับความบันเทิงบนเรือ และชุดของขวัญจากบูลการี เข้ามาใช้ประสบการณ์การล่องเรือที่หลากหลายและน่าตื่นเต้นที่วิสตา สวีท ที่คุณจะได้สัมผัสถึงความหรูหราที่ไม่เหมือนใคร





โอเชียนเนียสวีทเป็นห้องสวีทสุดหรูที่มีการออกแบบและตกแต่งอย่างมีสไตล์ มีขนาดพื้นที่มากกว่า 1,000 ตารางฟุต สร้างสรรค์ขึ้นจากความสะดวกสบายแบบที่พักอาศัย ห้องสวีท 12 ห้องนี้ประกอบด้วยห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร ห้องสื่อที่มีอุปกรณ์ครบครัน ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ เตียงคิงไซส์ และอ่างจากุซซี่ พร้อมระเบียงส่วนตัวขนาดกว้างและห้องน้ำเพิ่มเติมสำหรับแขกอีกหนึ่งห้อง นอกจากนี้ยังมีการเข้าถึงเลานจ์พิเศษที่ให้บริการหนังสือพิมพ์รายวัน เครื่องดื่ม และขนมขบเคี้ยวตลอดทั้งวันโดยเฉพาะสำหรับผู้เข้าพักในสวีท ห้องสวีทโอเชียนเนียยังมาพร้อมกับสิทธิพิเศษที่มากมาย เช่น บริการซักรีดฟรีสูงสุดถึง 3 กระเป๋าต่อห้อง พื้นที่เข้ายูสเซอร์เฉพาะในเลานจ์ที่มีพนักงานคอยดูแลตลอดวัน รวมถึงการบริการบัตเลอร์ตลอด 24 ชั่วโมง บาร์ในสวีทที่ตั้งเตรียมเครื่องดื่มพรีเมียม 6 ขวด และไวน์จากเมนูเครื่องดื่มสวีท นอกจากนี้ยังมีการต้อนรับด้วยแชมเปญ และผลไม้สดที่เติมใหม่ทุกวัน การจองร้านอาหารพิเศษออนไลน์และการเข้าถึง Aquamar Spa Terrace อย่างไม่จำกัด สำหรับการบริการเพิ่มเติมยังรวมถึงการเลือกหมอนจากคอลเลคชันสุดหรู และบริการทำความสะอาดรองเท้าฟรี โดยทั้งหมดนี้เติมเต็มประสบการณ์การพักผ่อนของท่านให้น่าจดจำในทุกๆ การเดินทาง





เพนท์เฮาส์สวีทคือความงดงามที่บ่งบอกถึงการตกแต่งที่กลมกลืนและฟินิชที่หรูหรา ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวางถึง 440 ตารางฟุต ภายในห้องมีฟีเจอร์ที่ได้รับการพัฒนาอย่างสมบูรณ์ เช่น ระบบไฟที่ออกแบบเฉพาะ โต๊ะรับประทานอาหาร มุมนั่งเล่นที่แยกต่างหาก ห้องเก็บเสื้อผ้าแบบวอล์คอิน ระเบียงไม้เทียมส่วนตัว และห้องน้ำที่ตกแต่งด้วยหินอ่อนซึ่งมีพื้นที่เก็บของเพิ่มเติมและฝักบัวขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาอย่างชาญฉลาดเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย นอกจากนี้ ผู้เข้าพักยังจะได้เพลิดเพลินกับการบริการของคอนเซียสที่ทุ่มเทและการเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกในเลานจ์ระดับเอกสิทธิ์ เมื่อพักในเพนท์เฮาส์สวีทนี้ นอกจากสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องพักและห้องสวีทแล้ว ยังมีสิทธิประโยชน์พิเศษต่าง ๆ เช่น บริการซักรีดฟรีสำหรับกระเป๋าซักถึง 3 ใบ การเข้าเลานจ์เอกสิทธิ์ที่มีเจ้าหน้าที่บริการที่คอยดูแลตลอดวันให้เสิร์ฟเครื่องดื่ม น้ำอัดลม และของว่าง บริการบัตเลอร์ตลอด 24 ชั่วโมง ขวดแชมเปญต้อนรับฟรี การจองร้านอาหารเฉพาะกิจออนไลน์ล่วงหน้า การเข้าถึง Aquamar Spa Terrace อย่างไม่จำกัด ผ้าห่มแคชเมียร์ บริการขัดรองเท้าฟรี และบริการรีดเสื้อผ้าฟรีเมื่อเริ่มต้นการเดินทาง หมายเหตุ: ห้ามสูบบุหรี่ภายในห้องสวีท ห้องพัก และบนระเบียงโดยเด็ดขาด




ห้องสวีทระเบียงระดับคอนเซียร์จที่ได้รับการปรับปรุงใหม่นี้ สะท้อนความหรูหราสไตล์คอนติเนนทัลอย่างแท้จริง โดยมีพื้นที่ขนาด 291 ตารางฟุต พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงระเบียงไม้ทีคส่วนตัว พื้นที่นั่งเล่นที่กว้างขวาง มินิบาร์ที่มีความเย็นสบาย และห้องน้ำขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่จัดเก็บใหม่และฝักบัวแบบ Walk-in ขนาดใหญ่ ท่านจะได้สัมผัสบริการจากคอนเซียร์จที่มีความตั้งใจ ร่วมเพลิดเพลินกับเครื่องดื่ม อาหารว่างรายวัน และนิตยสารจากทั่วโลกในเลานจ์คอนเซียร์จส่วนตัว ทั้งนี้ ห้องสวีทนี้ยังมอบสิทธิพิเศษต่างๆ เช่น เมนูบริการห้องอาหารกลางวันและเย็นที่ขยายออกจากห้องอาหารหลัก, บริการซักรีดฟรีสูงสุด 3 ถุงต่อห้องพัก, การเข้าถึงเลานจ์คอนเซียร์จที่ให้บริการเครื่องดื่มฟรีตลอดวัน, ขวดแชมเปญต้อนรับฟรี, สิทธิ์จองร้านอาหารพิเศษออนไลน์ล่วงหน้า รวมถึงการเข้าถึงไร่สปา Aquamar อย่างไม่จำกัด พร้อมทั้งกระเป๋าใบเล็กจาก Oceania Cruises ห้องนี้ยังมีผ้าห่มผ้าขนสัตว์แคชเมียร์สำหรับใช้พักผ่อนบนระเบียงของท่าน และบริการรีดผ้าเมื่อขึ้นเรืออีกด้วย นอกจากนี้ยังมีบริการเช็ดรองเท้า และการสูบบุหรี่ในห้องพักและระเบียงนั้นเป็นสิ่งต้องห้ามโดยเด็ดขาด



ระเบียง客艙ขนาด 291 ตารางฟุต ถือเป็นหนึ่งในห้องพักที่กว้างขวางที่สุดในทะเล ได้รับการออกแบบใหม่อย่างหรูหราโดยใช้สีที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เพื่อสร้างเป็นสถานที่หลบภัยที่สมบูรณ์แบบ มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการพักผ่อนอย่างสบายใจ รวมถึงระเบียงไม้สักส่วนตัวที่ตกแต่งอย่างมีสไตล์ สิ่งอำนวยความสะดวกชั้นเลิศมีให้เลือกมากมาย ส่องสว่างด้วยไฟที่ทันสมัย มีมุมพักผ่อนที่น่าสบาย มินิบาร์ที่มีความเย็น ช่องเก็บของขนาดใหญ่ และห้องน้ำที่ปูด้วยหินอ่อนและหินแกรนิตพร้อมพื้นที่เก็บของเพิ่มเติมและฝักบัวที่กว้างขวาง ห้องระเบียง客艙 นำเสนอที่นอน Tranquility Bed ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Oceania Cruises พร้อมผ้าปูที่นอน 1,000 เส้นด้าย และน้ำดื่มอัดลมฟรีเติมทุกวันในมินิบาร์ เครื่องดื่มน้ำดื่ม Vero Water ที่มีทั้งแบบมีและไม่มีฟอง บริการรูมเซอร์วิสตลอด 24 ชั่วโมง การทำความสะอาดห้องพักวันละสองครั้ง และช็อกโกแลตเบลเยียมในช่วงบริการเตรียมเตียง นอกจากนี้ยังมีระบบโทรทัศน์แบบโต้ตอบที่มีภาพยนตร์ตามสั่ง บริการอินเทอร์เน็ตไร้สาย และบริการโทรศัพท์มือถือ โต๊ะเขียนหนังสือและเครื่องเขียน ผ้าขนหนูฝ้ายเนื้อนุ่ม เสื้อคลุมและรองเท้าแตะจากฝ้ายหนา เครื่องเป่าผมแบบพกพา และตู้นิรภัยเพื่อความปลอดภัย ห้ามสูบบุหรี่ในห้องสวีท ห้องพัก และบนระเบียงโดยเด็ดขาด

ห้องพักวิวทะเลเดลักซ์ได้รับการปรับปรุงใหม่อย่างละเอียด พร้อมด้วยหน้าต่างพาโนรามาขนาดใหญ่จากพื้นจรดเพดาน ซึ่งให้ความรู้สึกหรูหราขนาด 240 ตารางฟุต แสงธรรมชาติจะส่องสว่างภายในห้องพัก โดยเฉพาะบริเวณเตียง Tranquility Bed ที่นุ่มสบาย พื้นที่นั่งเล่น โต๊ะทำงาน โต๊ะอาหารเช้า และมินิบาร์ที่มีตู้เย็น แสงสว่างจากภายนอกจะสามารถสร้างบรรยากาศที่สดชื่นและเป็นกันเองในทุกครั้งที่พักผ่อน ในห้องน้ำที่ตกแต่งด้วยหินอ่อนและหินแกรนิต คุณจะพบกับฝักบัวที่ขยายตัวเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย ห้องพักนี้มาพร้อมกับบริการที่ครบครัน เช่น น้ำอัดลมฟรีที่เติมใหม่ทุกวันในมินิบาร์ของคุณ ระบบทีวีที่ให้บริการภาพยนตร์ตามต้องการ การเข้าถึงอินเตอร์เน็ตไร้สายและสัญญาณโทรศัพท์ รวมถึงบริการรูมเซอร์วิสตลอด 24 ชั่วโมง และชุดอุปกรณ์จากแบรนด์ Bulgari นอกจากนี้ยังมีบริการทำความสะอาดห้องพักสองครั้งต่อวัน เพื่อมอบความสะดวกสบายอย่างเต็มที่ให้กับคุณ ห้องพักวิวทะเลเดลักซ์ยังมีฟีเจอร์สำหรับผู้มีความต้องการพิเศษ เช่น เตียงที่มีพื้นที่สำหรับอุปกรณ์ที่จำเป็นประจำ และห้องน้ำที่ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อความสะดวกในการเข้าถึง ทั้งหมดนี้จะทำให้การพักผ่อนของคุณในห้องพักนี้เป็นไปอย่างราบรื่นและหรูหรา นอกจากนี้ยังมอบขนมช็อกโกแลตเบลเยียมในช่วงค่ำคืนเพื่อให้การพักผ่อนมีความพิเศษยิ่งขึ้น ไม่อนุญาตให้สูบบุหรี่ในห้องและระเบียงของห้องพักนี้

ห้องพักภายในของเรามีขนาด 174 ตารางฟุต พร้อมความสงบและความงดงามที่มีเสน่ห์ ห้องที่ถูกออกแบบใหม่อย่างมีสไตล์นี้ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ทันสมัยและโทนสีที่สร้างความผ่อนคลาย ซึ่งรวมถึงอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น โต๊ะเครื่องแป้ง โต๊ะทานอาหาร มินิบาร์ที่มีความเย็น และห้องน้ำที่หรูหราหุ้มด้วยหินจากยุโรปพร้อมฝักบัว ห้องพักยังมีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มอบความสะดวกสบาย ได้แก่ น้ำอัดลมที่เติมทุกวันในมินิบาร์ เครื่องดื่มน้ำบริสุทธิ์และน้ำแร่ บริการรูมเซอร์วิสตลอด 24 ชั่วโมง เตียง Tranquility Bed ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Oceania Cruises อุปกรณ์จาก Bulgari บริการทำความสะอาดห้องสองครั้งต่อวัน ระบบโทรทัศน์อินเทอร์แอคทีฟที่มีภาพยนตร์ตามความต้องการ การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตไร้สายและการบริการโทรศัพท์มือถือ โต๊ะเขียนหนังสือและเครื่องเขียน ผ้าขนหนู นวม และรองเท้าอาบน้ำผ้าฝ้ายคุณภาพสูง เครื่องเป่าผมแบบมือถือตู้เซฟรักษาความปลอดภัย และช็อกโกแลตเบลเยียมในบริการการจัดเตียง *การสูบยาสูบในห้องสวีท, ห้องพักและระเบียง ถือเป็นสิ่งต้องห้ามโดยเด็ดขาด*