
02-27217300
02-27217179
service@siloahtravel.com
Monday ~ Friday 09:00-18:00
14F.-3, No.137, Sec. 1, Fuxing S. Rd., Da’an Dist., Taipei City 106, Taiwan
Representative: Tung-Hua Tai
VAT: 43871553
交觀甲793500 品保北2260 隱私權條款
IATA: 96137764
Copyright © 2025 Siloah Travel Co., Ltd.. All rights reserved.

โอเชียนเนีย ซีเรน่า
โอเชียเนีย ครูซส์


มอนทรีออล เมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความหลากหลาย ได้รับการขนานนามว่าเป็นมหานครที่มีชีวิตชีวาและพิเศษของแคนาดา บนเกาะแห่งนี้ การผสมผสานระหว่างประวัติศาสตร์และความทันสมัยสร้างบรรยากาศที่มีเอกลักษณ์ นำเสนอประสบการณ์ที่จะทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในฝัน หากคุณเดินทางมายังท่าเรือของมอนทรีออล คุณจะได้พบกับความสนุกที่ไม่สิ้นสุดและวัฒนธรรมที่มีชีวิตชีวา เมืองนี้เป็นที่รู้จักในการจัดเทศกาลตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลดนตรีแจ๊ส เทศกาลตลก หรือแม้แต่เทศกาลอาหารที่มีชื่อเสียง ทำให้มอนทรีออลเป็นจุดนัดพบของนักเที่ยวที่แสวงหาความสนุกสนาน เมืองเก่ามอนทรีออลมีเสน่ห์ไม่น้อย โดยมีย่านถนนคดเคี้ยวที่เต็มไปด้วยพิพิธภัณฑ์และโบสถ์ที่สวยงาม เช่น บาแซลิกนอตร์-ดามเดอมอนทรีออล ที่เป็นสถาปัตยกรรมที่ต้องห้ามพลาด นอกจากนี้ ยังมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่มีเอกลักษณ์ในเมืองใต้ดินที่เชื่อมโยงกันอย่างลงตัว หากคุณกำลังมองหาความมีชีวิตชีวาของอาหารและวัฒนธรรมที่สร้างแรงบันดาลใจ มอนทรีออลคือจุดหมายปลายทางที่คุณไม่ควรพลาด สัมผัสความงามของถามสุดคุ้มค่าในทุกเทศกาลบนเกาะแห่งนี้และสร้างความทรงจำที่จะอยู่ในใจไปอีกนาน.

เมืองควิเบกซิตี้ ตั้งอยู่บนยอดเขา Cape Diamond ที่มีการผสมผสานระหว่างประวัติศาสตร์ทหารและการผจญภัยในอดีต ซึ่งเป็นเมืองหลวงที่พูดภาษาฝรั่งเศสแห่งเดียวที่มีกำแพงล้อมรอบทางเหนือของเม็กซิโก ที่นี่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของอาหารอร่อยและสร้างสรรค์ รวมถึงระบบสังคมที่มีชีวิตชีวาของชาวฝรั่งเศสที่ใหญ่นอกประเทศฝรั่งเศส ใจกลางประวัติศาสตร์คือเมืองเก่า (Vieux-Québec) ที่ถูกแบ่งออกเป็นส่วนเมืองบน (Haute-Ville) กับเมืองล่าง (Basse-Ville) โดยมีถนนหินเรียบและรถม้าให้เห็นมากมาย เมืองเก่าได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกในปี 1985 แค่การอนุรักษ์อาคารและสถานที่ที่มีอายุกว่า 400 ปี เป็นหนึ่งในอัตลักษณ์สำคัญ เรือสำราญสามารถจอดที่ท่าเรือควิเบกซิตี้ โดยนักท่องเที่ยวสามารถชม Fairmont Château Frontenac ที่อยู่บนยอดเขาและปราสาท La Citadelle ซึ่งมีประวัติศาสตร์ทหารที่ยาวนานให้สัมผัส นอกจากนี้ยังมีย่าน St-Roch ที่มีร้านค้า ศิลปะ คาเฟ่ และบาร์ที่เป็นที่นิยมให้ได้สำรวจ ควิเบกซิตี้ไม่ได้เป็นแค่เมืองเก่า แต่ยังมีสีสันและบรรยากาศที่ดึงดูดใจของความสนุกสนานในทุกฤดูกาล รอให้คุณมาสร้างประสบการณ์การเดินทางที่น่าจดจำ!

การล่องเรือสำราญมาถึงท่าเรือซากูเนนีในจังหวัดควิเบก ประเทศแคนาดา คือต้นทางของการผจญภัยที่เต็มไปด้วยความงดงามทางธรรมชาติ ท่ามกลางภูมิประเทศที่งดงามของฟยอร์ดและป่าไม้นานาชนิด ซากูเนนีเป็นจุดเชื่อมต่อที่มหัศจรรย์ ระหว่างแม่น้ำซากูเนนีและแม่น้ำเซนต์ลอเรนท์ ซึ่งทอดตัวไปสู่ความสง่างามของทะเลเปิด การสำรวจพื้นที่สวนสาธารณะแห่งชาติฟยอร์ด-ดูซากูเนนีนั้นไม่เพียงแต่ให้ทิวทัศน์ที่น่าหลงใหล แต่ยังเป็นสถานที่ที่เหมาะกับการทำกิจกรรมกลางแจ้งหลากหลาย ทั้งการเดินป่า แคนู และปั่นจักรยาน เพื่อดื่มด่ำกับความงามอันตระการตา หากคุณโชคดี อาจได้เห็นฉลามสีน้ำเงินขนาดใหญ่ลำตัวสีน้ำเงินว่ายน้ำในบริเวณนี้ ที่ปลายจมูกของมันพ่นน้ำพุ่งสูงขึ้นอย่างมีชีวิตชีวา ฤดูใบไม้ร่วงที่ซากูเนนี นับเป็นช่วงเวลาที่ธรรมชาติแสดงความงามที่น่าทึ่ง สร้างบรรยากาศที่น่าหลงใหลด้วยสีสันของใบไม้ที่เปลี่ยนแปลง ทำให้การเดินทางของคุณเต็มไปด้วยเสน่ห์อันยากจะลืมเลือน จุดหมายปลายทางแห่งนี้จึงไม่ใช่เพียงแค่ท่าเรือ แต่คือประสบการณ์ที่เต็มเปี่ยมด้วยความอัศจรรย์และแรงบันดาลใจที่รอคอยคุณไปค้นพบ

ท่าเรือ Baie Comeau ตั้งอยู่ในจังหวัดควิเบก ประเทศแคนาดา เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าตื่นเต้นสำหรับนักเดินทางที่ต้องการสัมผัสกับประสบการณ์แห่งความงดงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมที่หลากหลาย ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว เรือสำราญจากทั่วโลกมักแวะจอดที่ท่าเรือนี้เพื่อให้ผู้โดยสารได้สำรวจความงามของภูมิภาค ท่าเรือ Baie Comeau ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเซนต์ลอว์เรนซ์ โดยมีวิวทิวทัศน์แนวชายฝั่งที่งดงาม นักท่องเที่ยวสามารถไปเยี่ยมชมผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์และอุทยานแห่งชาติซาเกเนย์ที่อยู่ไม่ไกล ซึ่งมีจุดชมวิวที่สวยงามและเส้นทางเดินป่าที่เหมาะแก่การสำรวจ นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมที่หลากหลาย ตั้งแต่การตกปลา การล่องเรือในแม่น้ำ จนถึงการสัมผัสกับวัฒนธรรมและอาหารท้องถิ่นที่น่าตื่นตาตื่นใจ ที่นี่มีร้านอาหารที่นำเสนออาหารแบบแคชั่นที่ปรุงจากวัตถุดิบสดใหม่ โดยเฉพาะอาหารทะเลที่มีชื่อเสียง Baie Comeau ไม่เพียงแต่เป็นจุดแวะพักของเรือสำราญ หากแต่เป็นสถานที่ที่ทำให้คุณสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ และสร้างความทรงจำที่จะอยู่กับคุณตลอดไปในโลกกว้างแห่งการเดินทางที่แสวงหาความงามและวัฒนธรรมที่แตกต่าง.

ฮาฟร์-แซ็ง-ปิแอร์ ตั้งอยู่บนชายฝั่งเหนือของแม่น้ำแซงต์ลอเรนซ์ในควิเบก เป็นท่าเรือเล็กที่มีเสน่ห์และทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ก่อตั้งขึ้นในปี 1857 โดยชาวอาคาเดียนจากเกาะแมกดาลีน ปัจจุบัน ภาษาและวัฒนธรรมของชาวเมืองยังคงสะท้อนถึงรากเหง้าทางวัฒนธรรมนี้ ทำให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกับบรรยากาศอันเป็นเอกลักษณ์ของภูมิภาค นักท่องเที่ยวที่มาเยือนจะได้สำรวจสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม เช่น หมู่เกาะมิงกัน ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่น่าทึ่งที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ตั้งอยู่ใกล้เคียง โดยประกอบด้วยโมนอลิธหินปูนขนาดใหญ่ที่เกิดจากการกัดเซาะของคลื่นและอากาศที่รุนแรง มีรูปทรงที่แปลกตาและงดงาม เหมาะสำหรับการถ่ายรูปและการเดินป่า ในขณะที่เศรษฐกิจของฮาฟร์-แซ็ง-ปิแอร์เคยพึ่งพาการประมงและการทำไม้ ปัจจุบัน เปลี่ยนไปสู่การเป็นท่าเรือส่งผ่านแร่ไทเทเนียม ตลอดทั้งปีผู้เยี่ยมชมสามารถสัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมที่มีชีวิตชีวาได้ที่นี่ ชวนทุกคนมาเปิดประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครในฮาฟร์-แซ็ง-ปิแอร์ ท่าเรือที่มีเสน่ห์และเต็มไปด้วยเรื่องราวให้ค้นหา。


คอร์เนอร์บรูค (Corner Brook) เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ในนิวฟันด์แลนด์และแลบราโดร์ ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันตกของเกาะที่มีความงดงาม โดยมีภูเขาล้อมรอบสามด้านของเมือง มอบทัศนียภาพที่ดื่มด่ำของท่าเรือและอ่าวของเกาะ มนต์เสน่ห์ของที่นี่ไม่เพียงแต่มีในธรรมชาติ แต่ยังมีโรงงานกระดาษขนาดใหญ่และสถาบันการศึกษาของ Memorial University ซึ่งเป็นจุดหมายที่นักศึกษาและนักลงทุนต่างให้ความสนใจ คอร์เนอร์บรูคมีฤดูกาลที่ชัดเจนกว่าที่อื่นในนิวฟันด์แลนด์ โดยเฉพาะในฤดูร้อนที่เมืองจะเต็มไปด้วยสวนสวยที่รายล้อมไปด้วยดอกไม้บานสะพรั่ง นอกจากนี้ คอร์เนอร์บรูคยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยมสำหรับการสำรวจแม่น้ำฮัมเบอร์ (Humber River) แม่น้ำปลาแซลมอนที่มีชื่อเสียงที่สุดในจังหวัด พร้อมกับเส้นทางเดินป่าที่ได้รับการดูแลอย่างดี นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติในทุกฤดูกาล หากคุณมุ่งหน้ามาที่คอร์เนอร์บรูค คุณจะได้สัมผัสการผ่อนคลายพร้อมค้นพบประวัติศาสตร์ที่น่าตื่นเต้น และการผจญภัยที่ไม่มีวันลืม ลักษณะเฉพาะของที่นี่จะสร้างแรงบันดาลใจและสร้างภาพฝันในการเดินทางที่คุณไม่อยากจะพลาด.

เมื่อคุณมาถึงซิดนีย์ นอฟสโกเชีย ซึ่งเป็นประตูสู่เกาะเคปเบรตัน ทั้งจากเที่ยวบิน เรือเฟอร์รี่ หรือเรือสำราญ คุณจะพบกับเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ นี่คือเมืองเดียวของเกาะที่ทำให้คุณได้สัมผัสบรรยากาศในแบบเมืองใหญ่ แม้ว่าซิดนีย์จะไม่เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมเหล็กที่รุ่งเรืองเหมือนในอดีต แต่เมืองนี้มีเสน่ห์ด้วยท่าเรือที่ได้รับการปรับปรุงและอาคารสไตล์ลอยัลลิสต์อันมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ นักท่องเที่ยวสามารถสำรวจแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจใกล้เคียงได้อย่างสะดวกสบาย อาทิ พิพิธภัณฑ์คนงานเหมืองในเมืองเกลซเบย์ ซึ่งมีชื่อเสียงจากน้ำแข็งที่เคยปกคลุมท่าเรือในฤดูหนาว และป้อมปราการที่ลุยส์บูร์ก ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวในอดีต รวมถึงทะเลสาบบราซดอร์ที่สวยงาม โดยไม่ว่าจะเป็นการเดินชมธรรมชาติหรือสำรวจประวัติศาสตร์ ซิดนีย์คือเส้นทางที่เต็มไปด้วยการผจญภัยสำหรับผู้รักการเดินทาง คุณจะได้สัมผัสกลิ่นอายของวิถีชีวิตของชาวแคนาดาในบรรยากาศที่น่าหลงใหลและสงบสุขในทุกมุมมอง

ฮาลิแฟกซ์ (Halifax) เมืองหลวงแห่งโนวาสโกเชีย (Nova Scotia) คือจุดหมายปลายทางที่เพียงคุณก้าวเท้าเข้ามา จะรู้สึกได้ถึงความมีชีวิตชีวาที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างประวัติศาสตร์อันงดงามและความเป็นสมัยใหม่ เกือบตลอดทั้งปี คุณจะแวดล้อมไปด้วยเทศกาลที่จัดขึ้นอย่างมีสไตล์ บาร์และร้านอาหารที่มีชื่อเสียง รวมถึงแหล่งช้อปปิ้งที่หลากหลาย ฮาลิแฟกซ์ตั้งอยู่ระหว่างทิวทัศน์ทะเลอันสวยงามและท่าเรือธรรมชาติที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ท่าเรือที่เต็มไปด้วยเรือขนส่งจำนวนมาก รวมถึงเรือสำราญ เรือข้ามฟาก และเรือท่องเที่ยว นับเป็นสถานที่ที่ควรเยือนไปสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวอย่างแท้จริง นอกจากนี้ จุดเด่นทางสถาปัตยกรรมสะท้อนให้เห็นถึงการรักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอันยาวนาน เมืองแห่งนี้เป็นฐานที่สมบูรณ์แบบสำหรับการสำรวจจังหวัดแอตแลนติกที่สวยงาม และหากคุณไม่สะดวกเดินทางไปที่อื่นๆ ฮาลิแฟกซ์ก็นำเสนอประสบการณ์ที่ครบถ้วน ซึ่งทำให้คุณสัมผัสได้ถึงเสน่ห์ของภูมิภาคนี้อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการสำรวจโบราณสถาน หรือใช้เวลาเดินเล่นที่ยาวที่สุดในโลกริมท่าเรือ นักท่องเที่ยวจะพลิกฟื้นความฝันในการเดินทางได้ที่นี่อย่างแน่นอน

เซนต์จอห์น (Saint John) ในจังหวัดนิวบรันสวิค ประเทศแคนาดา เป็นท่าเรือที่ไม่เพียงเเค่ต้อนรับเรือสำราญอย่างอบอุ่น แต่ยังกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่ไฮโซและมีเสน่ห์ เหมาะสมกับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสการเดินทางที่ประทับใจ ในปี 2012 มีการเปิดเทอร์มินัลเรือสำราญแห่งที่สอง เพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ดินแดนแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ที่หลากหลาย นับตั้งแต่ปี 1604 เมื่อชาวพื้นเมืองได้ต้อนรับนักสำรวจชาวฝรั่งเศส จนกระทั่งเมื่อปี 1783 ที่ผู้อพยพชาวอังกฤษหนีสงครามมายังดินแดนแห่งนี้ เซนต์จอห์นได้กลายเป็นเมืองแรกในแคนาดาที่ได้รับการจัดตั้งอย่างเป็นทางการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน เมืองนี้มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่เห็นได้จากแกลเลอรีศิลปะและร้านค้าโบราณริมเขตตัวเมือง จุดเด่นสำคัญอีกอย่างคือแม่น้ำเซนต์จอห์นและน้ำร้อนย้อนกลับ (Reversing Rapids) ที่แบ่งเมืองออกเป็นสองฝั่ง วิวทิวทัศน์ที่งดงามริมฝั่งเป็นที่น่าประทับใจ ขณะที่การเดินเล่นบนทางเดินเชื่อมต่อที่มีการออกแบบสวยงามช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่การสำรวจ เมืองนี้พร้อมต้อนรับคุณด้วยเสน่ห์อันไม่เหมือนใคร สร้างแรงบันดาลใจให้กับนักเดินทางทุกคน

พอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในรัฐโอเรกอน ตั้งอยู่ ณจุดที่แม่น้ำวิลลาเม็ตต์และโคลัมเบียมาบรรจบกัน เมืองนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานซึ่งเคยเป็นที่อยู่อาศัยของชนเผ่าชิโนค ก่อนที่ผู้บุกเบิกชาวอเมริกันจะเข้ามาในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 เมื่อเปิดเส้นทางโอเรกอนในปี 1830 ทำให้มีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาอย่างมากมาย จากชื่อเดิมว่า "Stumptown" ที่มาจากการตัดต้นไม้จำนวนมากเพื่อสร้างเมือง จนกระทั่งมีการเปลี่ยนชื่อเป็นพอร์ตแลนด์โดยการเสี่ยงเหรียญระหว่างสองคนที่ร่วมเป็นเจ้าของที่ดิน วันนี้ พอร์ตแลนด์เป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับที่ 26 ของสหรัฐฯ และมีชื่อเสียงด้านสะพานที่สวยงาม ซึ่งหลายแห่งถือเป็นแลนด์มาร์กทางประวัติศาสตร์ อาทิเช่น สะพาน Hawthorne และสะพาน Steel อย่างที่คุณได้สัมผัสธรรมชาติและวัฒนธรรมท้องถิ่นทั้งที่หอนาฬิกาในย่านจุดศูนย์กลางและสวนสาธารณะในเมือง ที่สร้างแรงดึงดูดให้กับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็นการเดินเล่นตามริมแม่น้ำหรือสำรวจร้านกาแฟและตลาดท้องถิ่น พอร์ตแลนด์ คือจุดหมายปลายทางที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับนักเดินทางที่แสวงหาประสบการณ์อันหลากหลายและความสงบในเมืองที่เต็มไปด้วยศิลปะและการผจญภัย


นิวยอร์ก ซิตี้ เมืองที่ไม่เคยหลับใหล เต็มไปด้วยพลังอันเหลือล้น โดยมีแลนด์มาร์กชื่อดังจากวอลสตรีทสูงตระหง่านไปจนถึงแสงไฟนีออนของไทม์สแควร์ และเส้นทางในเซ็นทรัลพาร์คที่เงียบสงบ เมืองนี้เป็นศูนย์กลางที่หลอมรวมความบันเทิง แฟชั่น สื่อ และการเงินอย่างกลมกลืน มูลนิธิแห่งศิลปะโมม่า (MoMA) และรูปปั้นเทพีเสรีภาพ ล้วนเป็นสัญลักษณ์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก แต่ความงามที่แท้จริงของนิวยอร์กยังคงรอให้คุณค้นพบอยู่ในมุมที่น้อยคนจะรู้จัก สำรวจถิ่นชุมชนทางเชื้อชาติที่หลากหลาย และร้านค้าเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ รวมถึงถนนประวัติศาสตร์ที่มีบ้านสไตล์บราวน์สโตน นักท่องเที่ยวยังสามารถเลือกเพลิดเพลินกับบาร์และร้านอาหารทันสมัยหลายแห่งที่สะท้อนวิถีชีวิตของเมืองนี้ได้อย่างชัดเจน ทุกมุมที่คุณเดินผ่านคือโอกาสที่คุณจะสัมผัสกับวัฒนธรรมที่หลากหลายและประสบการณ์ที่นำคุณเข้าสู่ชีวิตของชาวนิวยอร์กอย่างแท้จริง ตราบใดที่เหนือเมืองมีความฝัน ภายในนิวยอร์ก คุณสามารถค้นพบแรงบันดาลใจใหม่ๆ ที่รอให้คุณไปสัมผัสด้วยตัวเอง สำหรับผู้ที่แสวงหาความหรูหราและประสบการณ์เหนือระดับ นิวยอร์กคือปลายทางที่คุณไม่ควรพลาด.


ตั้งอยู่ในใจกลางหมู่เกาะบริทิชเวอร์จิน ท่าเรือ Tortola เป็นจุดหมายที่ไม่ควรพลาด สัมผัสความมีชีวิตชีวาของเมืองหลวงที่มองออกไปยัง Road Harbour ซึ่งจะทำให้คุณได้เดินเล่นท่ามกลางเสน่ห์ของอาคารสไตล์เวสต์อินเดียนที่มีสีสันสดใส ทั้งสีพาสเทลและหลังคาเหล็กกล้า คุณจะพบกับช้อปปิ้งใน Main Street และสัมผัสบรรยากาศริมทะเลในบรรยากาศที่น่าเพลิดเพลิน โดยสามารถใช้เวลาเดินเล่นสบาย ๆ เพียงประมาณหนึ่งชั่วโมง ผู้เดินทางสามารถแวะที่สำนักงานการท่องเที่ยว BVI เพื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมท่องเที่ยว ท่องเที่ยวริมทะเล หรือตารางเดินเรือที่มีรูปแบบหลากหลาย นอกจากนี้ คุณยังสามารถได้นั่งพักผ่อนใน Sir Olva Georges Square บน Waterfront Drive เพื่อชื่นชมชีวิตของผู้คนที่เดินผ่านไปมาจากท่าเรือเฟอร์รี่และสำนักงานศุลกากร หากคุณได้มีโอกาสมาเยือน Tortola จะได้สัมผัสทั้งวัฒนธรรมอันหลากหลาย และความงามของธรรมชาติที่ซ่อนอยู่รอบ ๆ ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้ทุก ๆ การเดินทางเป็นประสบการณ์ที่ไ unforgettable. หนีความวุ่นวายไปสัมผัสความสงบกับชีวิตในวิถีเกาะ และให้ท่าเรือ Tortola เป็นบ้านหลังที่สองของคุณในครั้งนี้!

เมื่อคุณมาถึงท่าเรือเซนต์จอห์นส์ในแอนติกาและบาร์บูดา คุณจะได้สัมผัสกับความงดงามที่หลากหลายของเกาะนี้ ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องชายหาดที่สวยงามมากถึง 365 หาด ซึ่งเพียงพอสำหรับทุกวันของปี นอกจากนั้น ยังมีแนวปะการังที่สวยงามและสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์อีกมากมาย เซนต์จอห์นส์ไม่เพียงแต่เป็นเมืองหลวงทางการของเกาะที่ตั้งอยู่ตั้งแต่ปี 1632 แต่ยังคงรักษาภูมิศาสตร์และวัฒนธรรมแบบเวสท์อินดีสเอาไว้ อาทิ สถาปัตยกรรมแบบบ้านขนมปังขิงและบรรยากาศการเฉลิมฉลองในเทศกาลคาลิปโซ คุณสามารถเดินเล่นในย่านเรดคลิฟที่เต็มไปด้วยบ้านไม้เก่าแก่ และแวะชมสินค้าท้องถิ่นที่ Heritage Quay ซึ่งมีร้านค้าหัตถกรรมหลากหลาย เซนต์จอห์นส์ยังมีสถาปัตยกรรมโคโลเนียลที่สวยงาม โดยเฉพาะวิหารที่มีสองยอด ซึ่งได้รับการก่อสร้างเมื่อปี 1845 และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในโบสถ์ที่ดีที่สุดในแคริบเบียน ผู้เยี่ยมชมสามารถเดินทางโดยรถบัสเล็กที่มีคนขับเป็นไกด์ที่จะคอยให้ความรู้และข้อมูลส่วนต่างๆ ของเมือง ทำให้การสำรวจเซนต์จอห์นส์เต็มไปด้วยความน่าตื่นเต้นและประทับใจไม่รู้ลืม

เมื่อเรือล่องเรือสำราญจอดที่ท่าเรือ Basseterre ของเกาะเซนต์คิตส์และเนวิส คุณจะได้สัมผัสกับธรรมชาติที่งดงามและประวัติศาสตร์ที่หลากหลายของหมู่เกาะแห่งนี้ ซึ่งเป็นสถานที่เผยให้เห็นความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติในพื้นที่เพียง 65 ตารางไมล์ ภูมิประเทศที่เป็นภูเขาและทิวทัศน์ที่เขียวขจีของทุ่งอ้อยหลากหลายทำให้ที่นี่ถือเป็นสวรรค์สำหรับผู้ที่รักการสำรวจ คุณจะได้พบกับป่าเขตร้อนที่มีน้ำตกและเส้นทางลับ รวมถึงเทือกเขากลางที่ถูกปกครองโดยยอดเขา Mt. Liamuiga ที่มีความสูงถึง 3,792 ฟุต ที่นี่เคยเป็นภูเขาไฟแต่ปัจจุบันได้ดับสนิทแล้ว ความงดงามของ Brimstone Hill สถานที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 18 ซึ่งถูกเรียกว่า "กิ๊บรอลตาร์แห่งอินเดียตะวันตก" ก็เป็นอีกจุดหมายที่ไม่ควรพลาด ชาวเกาะมีอัธยาศัยดีและพูดภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงตะวันตก อินเทรนด์เรื่องมารยาทในสังคมที่นี่คือควรขออนุญาตก่อนถ่ายภาพ และควรสวมชุดคลุมหรือกางเกงขาสั้นเมื่ออยู่ในสถานที่สาธารณะ สัมผัสกับเสน่ห์ของเซนต์คิตส์และเนวิส แล้วคุณจะหลงรักเมืองนี้ไม่รู้ลืม!


ในใจกลางแห่งทะเลแคริบเบียน มีเกาะที่ซึ่งความสวยงามธรรมชาติและวัฒนธรรมผสมผสานอย่างลงตัว นั่นคือ บอนแนร์ เกาะเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณท่าเรือคราเลนไดค์ (Kralendijk) ที่เป็นทั้งประตูสู่การผจญภัยใต้ท้องทะเลและแหล่งวัฒนธรรมท้องถิ่นที่น่าค้นพบ เมื่อเรือสำราญของคุณลอยลำถึงท่าเรือคราเลนไดค์ คุณจะได้สัมผัสบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นมิตร เช่นเดียวกับบ้านเรือนที่ถูกทาสีสดใสตามแบบสถาปัตยกรรมดัทช์ เดินเล่นบนถนนที่มีเสน่ห์พร้อมสัมผัสกลิ่นไอของทะเล คุณสามารถเลือกที่จะสำรวจดำน้ำ แหวกว่ายในน้ำใส และชมความงามของแนวปะการังที่โด่งดัง สามารถพบกับสัตว์ทะเลนานาชนิดที่รอคอยให้คุณได้สัมผัส นอกจากนี้ยังมีร้านค้าและร้านอาหารบรรยากาศดีที่เสิร์ฟอาหารท้องถิ่นอร่อยล้ำ ชมงานศิลปะจากศิลปินท้องถิ่น และรับรู้วัฒนธรรมที่หลากหลายของเกาะบอนแนร์ ที่นี่ไม่ใช่เพียงท่าเรือ แต่เป็นจุดเริ่มต้นของความทรงจำและการเดินทางที่ไม่รู้ลืม ล่องเรือมาแล้ว คุณจะรู้สึกว่านี่คือสวรรค์สำหรับผู้ที่รักในการเดินทาง.

เกาะคูราเซา (Curaçao) เป็นจุดหมายปลายทางที่งดงามแห่งหนึ่งในแคริบเบียน โดยเฉพาะที่ท่าเรือวิลเลมสตัด (Willemstad) ที่สะท้อนความงามของสถาปัตยกรรมโคโลเนียลซึ่งมีอายุย้อนกลับไปถึงศตวรรษที่ 17 ที่นี่คุณจะได้พบกับหลังคากระเบื้องสีแดงที่มีเอกลักษณ์ซึ่งสร้างขึ้นจากเรือสำเภา และยังคงความงดงามมาจนถึงปัจจุบัน วิลเลมสตัดแบ่งออกเป็นสองฝั่งหลัก ได้แก่ พุนดา (Punda) ที่เต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหาร รวมถึงพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องราวสีสันของประวัติศาสตร์ในขณะที่อีกฝั่งคือโอทรอแบนดา (Otrobanda) ซึ่งมีถนนแคบ ๆ พร้อมบ้านเรือนที่น่ารักและมีเอกลักษณ์ ส่วนใหญ่กำลังถูกฟื้นฟูให้มีชีวิตชีวาอีกครั้ง ผู้มาเยือนสามารถข้ามซานตาอันนาเบย์ได้หลายวิธี อาทิ ขับรถข้ามสะพานจูเลียนา หรือเดินข้ามสะพานลอยควีนเอ็มมา (Queen Emma) ที่มีชื่อเล่นว่า "โอลด์เลดี้" นอกจากนี้ ยังมีบริการเรือฟรีสำหรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย ด้วยการพัฒนาโรงแรมและร้านอาหารใหม่ ๆ ที่บริเวณริมทะเล ทำให้วิลเลมสตัดเป็นจุดหมายที่ไม่น่าเบื่อในการสัมผัสบรรยากาศที่เปี่ยมไปด้วยวัฒนธรรม ภูมิสถาปัตยกรรม และประวัติศาสตร์ที่น่าหลงใหล เป็นประสบการณ์การเดินทางที่คุณไม่ควรพลาด!

กรุงโอนานจ์สตัด เมืองหลวงของอารูบา เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าหลงใหลและสะดวกสบายสำหรับการสำรวจแบบเดินเท้า สายเดินทางที่มีต้นปาล์มเรียงรายพาคุณผ่านอาคารที่มีสีพาสเทลซึ่งผสมผสานกลิ่นอายของสถาปัตยกรรมดัตช์และสเปน จัดขึ้นในรูปแบบที่น่าชื่นชม คุณจะได้พบกับห้างสรรพสินค้าและร้านค้าต่าง ๆ ที่เต็มไปด้วยสินค้าหรูหราและแฟชั่นออกแบบ รวมถึง Renaissance Mall ที่เป็นจุดเด่น อนาคตของเขตเมืองได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะถนน Main Street (Caya G. F. Betico Croes) ที่ได้รับการปรับปรุง ให้คุณเพลิดเพลินไปกับร้านบูติกและร้านอาหารใหม่ๆ ตรงข้ามกับร้านค้าเก่าแก่ที่ดำเนินกิจการมายาวนาน นอกจากนี้ Linear Park ยังเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของโอนานจ์สตัด ที่จัดแสดงงานจากผู้ค้าและศิลปินท้องถิ่น พร้อมกิจกรรมสนุกๆ ล้อมรอบทางเดินริมน้ำที่คาดว่าจะเชื่อมต่อไปยัง Palm Beach กลายเป็นทางเดินที่ยาวที่สุดในแคริบเบียน การเดินทางในเมืองนี้จะสะดวกยิ่งขึ้นด้วย Eco Trolley แบบไม่คิดค่าใช้จ่าย ทำให้การสำรวจมุมมองที่งดงามของอารูบาเต็มไปด้วยความสะดวกสบายและความสนุกสนาน เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินทางที่สร้างแรงบันดาลใจให้คุณค้นพบโลกใหม่แห่งการผจญภัย!


โอชอเรียส (Ocho Rios) เป็นท่าเรือที่มีความงดงามและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่สวยที่สุดในจาเมกา เมื่อเรือสำราญจอดเทียบท่าที่นี่ ผู้เดินทางจะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของธรรมชาติ ตั้งอยู่ในใจกลางเกาะจาเมกา โอชอเรียสโดดเด่นด้วยชายหาดที่ขาวสะอาด น้ำทะเลใสสะท้อนกับแสงแดด และภูเขาที่ปกคลุมด้วยพืชพรรณเขียวชอุ่ม นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชม "โดนน์ส ริเวอร์ ฟอลส์" ที่มีชื่อเสียง ซึ่งนักเดินทางสามารถปีนป่ายขึ้นไปและเล่นน้ำท่ามกลางน้ำตกที่ไหลลดหลั่น นอกจากนั้นยังมี "บลู ฮอเล่อร์" ที่ให้โอกาสในการดำน้ำตื้นเพื่อสำรวจความหลากหลายของทะเล นอกจากนี้สถานที่ต่าง ๆ ยังมีวัฒนธรรมจาเมกาที่หลากหลาย รอให้ได้สัมผัส เช่น ตลาดเจ้าของท้องถิ่นที่เต็มไปด้วยของฝากและอาหารพื้นเมืองที่อร่อย ไม่เพียงแค่ธรรมชาติ แต่โอชอเรียสยังมีบรรยากาศที่เงียบสงบ เหมาะสำหรับการพักผ่อนอย่างแท้จริง คุณจะได้เพลิดเพลินกับการเดินเล่นริมชายหาดที่งดงาม สัมผัสวัฒนธรรมที่หลากหลาย และสร้างความทรงจำอันมีค่าในทริปที่ท่านไม่ควรพลาด!

เมื่อพูดถึงการเดินทางสู่หมู่เกาะเคย์แมน ท่าเรือจอร์จทาวน์ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่หลงใหลในการสำรวจวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของเกาะสวรรค์แห่งนี้ อาทิ การเดินเล่นไปตามเส้นทางที่มีวิวน้ำอันงดงามในซอยฮาร์เบอร์ไดรฟ์ ที่คุณจะได้พบกับโบสถ์เอล์มสลี่ย์ เมมอเรียล ยูนิตด์ ซึ่งได้รับการตั้งชื่อตามมิชชันนารีผู้แรกที่เข้ามาสอนศาสนาในพื้นที่ โบสถ์นี้มีเพดานซึ่งมีโครงไม้ที่สวยงาม สื่อถึงความเชื่อมโยงของประชาชนต่อศาสนา ไม่ไกลจากนั้น คุณจะเห็นอนุสาวรีย์ประวัติศาสตร์ที่จัดเก็บชื่อเสียงของชนชาติเคย์มัน บน "กำแพงประวัติศาสตร์" ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวันครบรอบ 500 ปีของเกาะในปี 2003 นอกจากนี้ยังมีอาคารสภานิติบัญญัติของหมู่เกาะเคย์แมนและอาคารสงบ สันติภาพที่สร้างขึ้นในปี 1919 ในย่านการเงิน นอกจากนี้ไม่ควรพลาดที่จะแวะไปที่สำนักงานไปรษณีย์ใหญ่ที่สร้างขึ้นในปี 1939 เพลิดเพลินไปกับการถ่ายภาพกับรูปปั้นของอิกวน่าสีฟ้า เพื่อเป็นที่ระลึกของการเดินทางสุดพิเศษในครั้งนี้ ที่นี่คือความงดงามและเสน่ห์ที่รอให้คุณมาตักตวงความประทับใจอย่างไม่มีวันลืม


ไมอามี่ เมืองพักผ่อนระดับโลกที่ไม่มีวันลืม มอบประสบการณ์หลากหลายไม่ว่าจะเป็นทิวทัศน์ชายหาดอันงดงาม มรดกทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย และแหล่งช้อปปิ้งที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะศูนย์กลางของวัฒนธรรมลาติน ซึ่งมีร้านอาหารคิวบาอร่อยๆ และคาเฟ่ที่น่าสนใจให้คุณได้สัมผัสรสชาติอันอร่อย เมื่อเรือสำราญแวะจอดที่ท่าเรือไมอามี่ คุณสามารถเริ่มต้นการเดินทางอันน่าจดจำได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นการเดินเล่นตามชายหาดที่มีชื่อเสียง เช่น ไซด์บีช หรือสำรวจพิพิธภัณฑสถานที่มีชื่อเสียงซึ่งจัดแสดงศิลปะจากทั่วทุกมุมโลก ที่นี่ยังมีสปารีสอร์ทให้คุณได้ผ่อนคลาย พร้อมกับกิจกรรมต่างๆ ที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน ไมอามี่จึงเป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดสำหรับนักเดินทางที่ต้องการให้ชีวิตมีสีสันและสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ มาเปิดประตูสู่การผจญภัยที่ไร้ขีดจำกัด ในเมืองที่มีเสน่ห์แห่งนี้กันเถอะ!





เจ้าของสวีทใหม่ที่ถูกตกแต่งด้วยผ้าคุณภาพสูงและเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์อันหรูหรา มีจำนวน 6 ห้อง ซึ่งมักจะถูกจองก่อนเสมอ ห้องสวีทเหล่านี้มีพื้นที่กว้างใหญ่เกือบ 1,000 ตารางฟุต เป็นโอเอซิสแห่งความเงียบสงบและการพักผ่อนที่ยอดเยี่ยม อีกทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ครบครัน โดยเฉพาะห้องน้ำที่ได้รับการออกแบบใหม่อย่างหรูหรา มีฝักบัวขนาดใหญ่ ระเบียงไม้เทียมส่วนตัว และโทรทัศน์จอแบน 2 เครื่อง ผู้เข้าพักในเจ้าของสวีทจะได้รับสิทธิพิเศษมากมาย เช่น บริการซักรีดฟรีสูงสุด 3 กระเป๋า การขึ้นเรือก่อนเวลา 11.00 น. พร้อมบริการจัดส่งสัมภาระอย่างรวดเร็ว บริการบัตเลอร์ 24 ชั่วโมง อาหารกลางวันในห้องสวีทในวันขึ้นเรือแบบส่วนตัว และมีบาร์เครื่องดื่มครบชุดฟรีที่มีสุราและไวน์ระดับพรีเมียม นอกจากนี้ยังมีแชมเปญต้อนรับ ผลไม้สดที่เติมให้ใหม่ทุกวัน การจองเข้าร้านอาหารพิเศษออนไลน์อย่างรวดเร็ว และการเข้าถึงอควอมา สปา เทอเรซ ได้ไม่จำกัด โดยยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการอาบน้ำระดับหรู ผ้าห่มแคชเมียร์สำหรับการนั่งพักผ่อนบนระเบียง และการบริการทำความสะอาดรองเท้าฟรี รวมถึงการรีดผ้าฟรีเมื่อขึ้นเรือ ทางเราขอเรียนให้ทราบว่า การสูบบุหรี่ในห้องสวีท ห้องพัก และบนระเบียงนั้นได้รับการห้ามอย่างเคร่งครัด




ชื่อห้อง "วิสตา สวีท" ที่ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่สามารถมองเห็นวิวสวยงามจากด้านหน้าของเรือ ห้องสวีทนี้มีพื้นที่กว้างขวางถึง 786 ตารางฟุต พร้อมให้ความสะดวกสบายที่สามารถจินตนาการได้ครบครัน รวมถึงห้องน้ำที่สองสำหรับแขก และห้องน้ำหลักซึ่งตกแต่งด้วยหินออนิกซ์, หินอ่อนคาราร่า และหินแกรนิต สัมผัสความหรูหราจากการอาบน้ำในฝักบัวที่ออกแบบอย่างพิถีพิถัน นอกจากนี้ ยังสามารถเพลิดเพลินกับการนั่งพักผ่อนบนระเบียงไม้ทีคหรือชมภาพยนตร์ผ่านระบบบันเทิงที่ปรับแต่งเฉพาะสำหรับคุณ เมื่อเข้าพักใน "วิสตา สวีท" คุณจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่มากมาย เช่น บริการซักรีดฟรีสูงสุดถึง 3 ถุงต่อห้องพัก, การขึ้นเรือในเวลา 11.00 น. โดยมีการจัดส่งกระเป๋าเดินทางลำดับความสำคัญ, บริการบัตเลอร์ตลอด 24 ชั่วโมง, และบาร์ในห้องพักที่มีเครื่องดื่มระดับพรีเมียม นอกจากนี้ยังมีขวดแชมเปญต้อนรับและผลไม้สดที่เติมเต็มทุกวัน หรือแม้กระทั่งสิทธิ์ในการจองร้านอาหารพิเศษออนไลน์อย่างรวดเร็ว และการเข้าใช้ Aquamar Spa Terrace อย่างไม่มีข้อจำกัด อีกทั้งยังมีอุปกรณ์อาบน้ำสุดหรู ทุกเช้าเลือกอ่านหนังสือพิมพ์ตามที่คุณต้องการ พร้อมกระเป๋าผ้าที่มีโลโก้ Oceania Cruises และเครื่องเขียนส่วนตัวให้คุณอีกด้วย ห้องสวีทนี้จะทำให้การพักผ่อนของคุณเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ โดยการใช้ผ้าห่มแคชเมียร์ในการนั่งพักผ่อนบนระเบียง และเลือกหมอนจากคอลเลกชันที่หรูหราได้ตามใจชอบ หากคุณต้องการสร้างความทรงจำที่ไม่มีวันลืมในสภาพแวดล้อมที่หรูหรา วิสตา สวีท คือทางเลือกที่ไม่ควรพลาด



เพนท์เฮาส์สวีทของเรามีพื้นที่กว้าง 30 ตารางเมตร ตกแต่งด้วยผ้าหรูหราและเฟอร์นิเจอร์ที่สวยงามในเฉดสีที่เงียบสงบและให้ความรู้สึกเหมือนทะเลและท้องฟ้า ห้องนอนกว้างขวางเหมาะสำหรับการรับประทานอาหารในห้อง พร้อมด้วยบริเวณนั่งเล่นที่มีมินิบาร์เย็นและโต๊ะเครื่องแป้ง ห้องน้ำได้รับการปรับปรุงใหม่อย่างหรูหราด้วยการตกแต่งหินและฝักบัวที่สวยงาม นอกจากนี้ยังมีสิทธิพิเศษสำหรับเพนท์เฮาส์สวีท เช่น บริการซักรีดฟรีสำหรับกระเป๋าถึง 3 ใบ รวมทั้งบริการผู้ช่วยส่วนตัวตลอด 24 ชั่วโมง และขวดแชมเปญต้อนรับฟรี บริการจองร้านอาหารพิเศษออนไลน์เป็นลำดับความสำคัญ และการเข้าถึง Aquamar Spa Terrace อย่างไม่จำกัด รวมถึงผ้าห่มแคชเมียร์สำหรับการพักผ่อนที่ระเบียง และบริการเงา รองเท้าและการรีดเสื้อผ้าฟรีเมื่อขึ้นเรือ นอกจากนี้ยังเป็นสิ่งสำคัญที่ห้ามสูบบุหรี่ในห้องสวีท ห้องพัก และระเบียงเพื่อให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับการพักผ่อนอย่างเต็มที่


ห้องพักระดับคอนเซียร์จพร้อมระเบียง ประเภท A ตั้งอยู่ในทำเลที่ต้องการมากที่สุดบนเรือ ทั้งยังมอบความหรูหราและความคุ้มค่าอย่างลงตัว ห้องพักที่ถูกปรับแต่งใหม่อย่างทันสมัยขนาด 216 ตารางฟุตนี้ มอบสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทรงคุณค่าและความเป็นเอกสิทธิ์ เช่น การบริการซักรีดฟรีที่ทำให้การเข้าพักของคุณราบรื่นยิ่งขึ้น การตกแต่งใหม่ที่สดใส เตียงที่นุ่มสบายและระเบียงที่ได้รับการออกแบบใหม่พร้อมกับเฟอร์นิเจอร์ที่มีสไตล์ ล้วนแต่เติมเต็มประสบการณ์คอนเซียร์จอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ห้องพักยังมาพร้อมกับสิทธิพิเศษเฉพาะสำหรับคอนเซียร์จ ซึ่งรวมถึงบริการซักรีดฟรีสูงสุด 3 ถุงต่อห้องพัก, เมนูรูมเซอร์วิสที่ขยายจาก The Grand Dining Room, ขวดแชมเปญตอนต้อนรับฟรี, การจองร้านอาหารพิเศษล่วงหน้าแบบมีลำดับความสำคัญ, การเข้าถึง Aquamar Spa Terrace อย่างไม่จำกัด, กระเป๋าผ้าลาย Oceania Cruises ฟรี, ผ้าห่มขนสัตว์ที่เหมาะสำหรับการนั่งพักผ่อนบนระเบียง, การบริการรีดผ้าฟรีเมื่อขึ้นเรือ และบริการขัดรองเท้าฟรี ห้องพักประเภทนี้คือทางเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่มองหาความสะดวกสบายและความหรูหราในการเดินทางทางทะเล


ระเบียง客艙ขนาด 216 ตารางฟุตนี้ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ออกแบบเฉพาะ ซึ่งมาพร้อมกับพื้นหินแปลกตาและหัวเตียงที่บุด้วยวัสดุอ่อนนุ่ม ตลอดจนโคมไฟเก๋ไก๋ การสร้างสรรค์เหล่านี้เพิ่มเสน่ห์ให้กับห้องพัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีระเบียงไม้สักส่วนตัวซึ่งคุณสามารถชมทิวทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาได้อย่างสะดวกสบาย ภายในห้องประกอบไปด้วยโต๊ะเครื่องแป้ง, มินิบาร์ที่มีเครื่องดื่มเย็น, โต๊ะสำหรับรับประทานอาหารเช้า และพื้นที่นั่งเล่นที่กว้างขวาง ห้องระเบียงนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น เตียง Tranquility Bed ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Oceania Cruises พร้อมด้วยผ้าปูที่นอน 1,000 เส้นใย, เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ที่เติมฟรีทุกวันในมินิบาร์, น้ำ Vero ทั้งธรรมชาติและแตกฟองจัดส่งฟรี และของใช้ในห้องน้ำจาก Bulgari นอกจากนี้ยังมีบริการรูมเซอร์วิสตลอด 24 ชั่วโมง, การทำความสะอาดห้องสองครั้งต่อวัน, ช็อกโกแลตเบลเยี่ยมตอนจัดเตียง, ระบบโทรทัศน์แบบอินเทอร์แอคทีฟที่มีภาพยนตร์ออนดีมานด์, การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตไร้สาย และบริการโทรศัพท์มือถือ ด้วยการออกแบบที่หรูหราและอำนวยความสะดวกอย่างเต็มรูปแบบ การพักผ่อนในระเบียง客艙นี้ จึงเป็นทางเลือกที่ไม่ควรพลาดสำหรับการเดินทางสุดพิเศษของคุณ


ห้องพักเดลักซ์วิวทะเลขนาด 165 ตารางฟุต ถูกออกแบบใหม่ให้มีความกว้างขวางมากยิ่งขึ้น ด้วยตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง และเฟอร์นิเจอร์ที่ให้ความสะดวกสบาย โดยมุมพักผ่อนที่กว้างขวาง โต๊ะเครื่องแป้ง และมินิบาร์ที่มีเครื่องดื่มเย็น ๆ รวมถึงโต๊ะสำหรับทานอาหารเช้า รังสรรค์ด้วยสีสันที่ผ่อนคลายและผ้าสไตล์หรูหรา ทำให้ห้องนี้โดดเด่นอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ห้องพักยังมอบสิทธิพิเศษต่าง ๆ เช่น น้ำอัดลมเติมฟรีทุกวันในมินิบาร์, น้ำ Vero ทั้งแบบเปล่าและแบบมีฟองฟรี, และบริการรูมเซอร์วิสตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งเตียง Tranquility Bed ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Oceania Cruises และผลิตภัณฑ์ Bulgari คุณภาพสูง บริการแม่บ้านจะทำความสะอาดห้องพักถึงสองครั้งต่อวัน พร้อมทั้งระบบโทรทัศน์ที่ให้บริการภาพยนตร์ตามสั่งและข้อมูลสภาพอากาศ รวมถึงการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตไร้สายและบริการโทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์ตกแต่งภายในเช่นโต๊ะเขียนหนังสือและเครื่องเขียน รวมถึงผ้าขนหนูและเสื้อคลุมที่ทำจากผ้าฝ้ายเนื้อนุ่ม ที่สำคัญยังมีช็อกโกแลตเบลเยียมจัดเตรียมไว้บริการในช่วงเปิดเตียงอีกด้วย สำหรับห้องพักที่มีคุณสมบัติสำหรับผู้พิการ จะมีพื้นที่ที่สามารถเข้าถึงได้อย่างสะดวก ห้องน้ำขนาดใหญ่พร้อมราวจับ และห้องน้ำที่ออกแบบให้สูงต่ำรวมกันด้วยระบบระบายน้ำที่มีอยู่ ในห้องยังมีอ่างอาบน้ำเพื่อความสะดวกสบายอีกด้วย *หมายเหตุ: ห้ามสูบบุหรี่ในห้องพักและพื้นที่บนระเบียงอย่างเคร่งครัด*


ห้องพักแบบมองเห็นทะเลมีขนาด 165 ตารางฟุต ซึ่งได้รับการตกแต่งอย่างหรูหราด้วยดีไซน์ทันสมัยที่ทำให้การใช้พื้นที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ภายในห้องคุณจะได้พบกับพื้นที่นั่งเล่นที่สะดวกสบาย พร้อมโซฟาที่สามารถนอนเหยียดได้, โต๊ะเขียนหนังสือ, โต๊ะอาหารเช้า และมินิบาร์ที่มีตู้เย็นเย็นสดชื่น ห้องพักนี้ยังมีประตูหน้าต่างที่สามารถมองเห็นวิวทะเลสวยงามได้อีกด้วย ในห้องพักแบบมองเห็นทะเล คุณจะได้เพลิดเพลินกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่ไม่ซ้ำใคร เช่น เตียง Tranquility ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์ของ Oceania Cruises, อุปกรณ์ Bulgari, บริการทำความสะอาดห้องพักสองครั้งต่อวัน, ระบบโทรทัศน์ดิจิทัลที่มีภาพยนตร์ตามสั่ง และการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตไร้สายและบริการโทรศัพท์มือถือ นอกจากนี้ยังมีชุดเครื่องนอนผ้าฝ้ายชั้นดี เสื้อคลุมและรองเท้าแตะ, ไดร์เป่าผมแบบมือถือ, ตู้นิรภัยสำหรับเก็บของสำคัญ พร้อมทั้งช็อกโกแลตเบลเยียมที่ได้รับในบริการนอนเตียง ผู้เข้าพักโปรดทราบว่าการสูบบุหรี่ในห้องพัก, สวีท และระเบียงเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างเคร่งครัด


ห้องพักริมทะเลสำหรับเดี่ยวขนาด 143 ตารางฟุต เป็นที่พักที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักเดินทางเดี่ยว ซึ่งตั้งอยู่ในตำแหน่งที่สะดวกสบายบนดาดฟ้า 6 โดยแต่ละห้องมีเตียง Tranquility Bed ที่นุ่มสบาย พร้อมด้วยมินิบาร์ที่สามารถเก็บเครื่องดื่มเย็น ๆ โต๊ะทำงาน และพื้นที่เก็บของที่เพียงพอ เพื่อให้คุณได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ในห้องพักริมทะเลสำหรับเดี่ยวยังมีบริการฟรีที่รวมไว้ เช่น เครื่องดื่มอัดลมที่ถูกเติมเต็มทุกวันในมินิบาร์, น้ำ Vero ทั้งแบบธรรมดาและแบบมีฟอง, และบริการรูมเซอร์วิสตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่รวมไว้ในห้องพัก อาทิเช่น ชุดอุปกรณ์ Bulgari การบริการทำความสะอาดห้องพักสองครั้งต่อวัน ระบบโทรทัศน์อินเตอร์แอคทีฟพร้อมภาพยนตร์ตามสั่ง และบริการอินเทอร์เน็ตไร้สาย รวมถึงการโทรศัพท์มือถือ คุณยังจะได้พบกับโต๊ะทำงานและเครื่องเขียน ผ้าขนหนูและเสื้อคลุมจากผ้าฝ้ายที่นุ่มสบาย เครื่องเป่าผม และตู้นิรภัยสำหรับความปลอดภัย พร้อมด้วยช็อกโกแลตเบลเยี่ยมในบริการคืนห้อง แม้ว่าในห้องพักจะห้ามสูบบุหรี่โดยเด็ดขาด แต่ห้องพักริมทะเลสำหรับเดี่ยวนี้ยังคงมอบความหรูหราและความสะดวกสบายสำหรับการพักผ่อนอย่างเต็มที่สำหรับคุณ


客艙內部是為追求奢華與舒適的旅客量身打造的理想空間。這個房型提供了多種免費設施,包括每日補充的冷飲、純淨的靜水與氣泡水,以及全天候的客房服務選單,讓您在旅途中隨時都能享受便利。房間內配有獨特的Tranquility床鋪,是Oceania Cruises的專屬設計,確保您擁有極致的睡眠體驗。此外,房內還配有Bulgari品牌的盥洗用品,讓您的每一次清洗都充滿奢華感。 在客艙內,您可以享受每日兩次的清潔服務以及互動電視系統,這能讓您隨時觀看隨選的電影、查詢天氣等資訊。無論是工作還是休閒,無線網路及行動服務隨時可用,並配備了書寫桌與文具。此外,您還能享受柔軟的棉質毛巾、浴袍和拖鞋,以及手持式吹風機。安全方面,房內設有安全保險箱,並在夜晚服務中提供比利時巧克力,增添入住的愉悅體驗。請留意,客艙內及陽台上嚴禁吸煙,以確保每位旅客均能享受舒適且清新的環境。