
02-27217300
02-27217179
service@siloahtravel.com
Monday ~ Friday 09:00-18:00
14F.-3, No.137, Sec. 1, Fuxing S. Rd., Da’an Dist., Taipei City 106, Taiwan
Representative: Tung-Hua Tai
VAT: 43871553
交觀甲793500 品保北2260 隱私權條款
IATA: 96137764
Copyright © 2025 Siloah Travel Co., Ltd.. All rights reserved.

โอเชียนา วิสต้า
โอเชียเนีย ครูซส์


นิวยอร์ก ซิตี้ เมืองที่ไม่เคยหลับใหล เต็มไปด้วยพลังอันเหลือล้น โดยมีแลนด์มาร์กชื่อดังจากวอลสตรีทสูงตระหง่านไปจนถึงแสงไฟนีออนของไทม์สแควร์ และเส้นทางในเซ็นทรัลพาร์คที่เงียบสงบ เมืองนี้เป็นศูนย์กลางที่หลอมรวมความบันเทิง แฟชั่น สื่อ และการเงินอย่างกลมกลืน มูลนิธิแห่งศิลปะโมม่า (MoMA) และรูปปั้นเทพีเสรีภาพ ล้วนเป็นสัญลักษณ์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก แต่ความงามที่แท้จริงของนิวยอร์กยังคงรอให้คุณค้นพบอยู่ในมุมที่น้อยคนจะรู้จัก สำรวจถิ่นชุมชนทางเชื้อชาติที่หลากหลาย และร้านค้าเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ รวมถึงถนนประวัติศาสตร์ที่มีบ้านสไตล์บราวน์สโตน นักท่องเที่ยวยังสามารถเลือกเพลิดเพลินกับบาร์และร้านอาหารทันสมัยหลายแห่งที่สะท้อนวิถีชีวิตของเมืองนี้ได้อย่างชัดเจน ทุกมุมที่คุณเดินผ่านคือโอกาสที่คุณจะสัมผัสกับวัฒนธรรมที่หลากหลายและประสบการณ์ที่นำคุณเข้าสู่ชีวิตของชาวนิวยอร์กอย่างแท้จริง ตราบใดที่เหนือเมืองมีความฝัน ภายในนิวยอร์ก คุณสามารถค้นพบแรงบันดาลใจใหม่ๆ ที่รอให้คุณไปสัมผัสด้วยตัวเอง สำหรับผู้ที่แสวงหาความหรูหราและประสบการณ์เหนือระดับ นิวยอร์กคือปลายทางที่คุณไม่ควรพลาด.


ฮาลิแฟกซ์ (Halifax) เมืองหลวงแห่งโนวาสโกเชีย (Nova Scotia) คือจุดหมายปลายทางที่เพียงคุณก้าวเท้าเข้ามา จะรู้สึกได้ถึงความมีชีวิตชีวาที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างประวัติศาสตร์อันงดงามและความเป็นสมัยใหม่ เกือบตลอดทั้งปี คุณจะแวดล้อมไปด้วยเทศกาลที่จัดขึ้นอย่างมีสไตล์ บาร์และร้านอาหารที่มีชื่อเสียง รวมถึงแหล่งช้อปปิ้งที่หลากหลาย ฮาลิแฟกซ์ตั้งอยู่ระหว่างทิวทัศน์ทะเลอันสวยงามและท่าเรือธรรมชาติที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ท่าเรือที่เต็มไปด้วยเรือขนส่งจำนวนมาก รวมถึงเรือสำราญ เรือข้ามฟาก และเรือท่องเที่ยว นับเป็นสถานที่ที่ควรเยือนไปสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวอย่างแท้จริง นอกจากนี้ จุดเด่นทางสถาปัตยกรรมสะท้อนให้เห็นถึงการรักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอันยาวนาน เมืองแห่งนี้เป็นฐานที่สมบูรณ์แบบสำหรับการสำรวจจังหวัดแอตแลนติกที่สวยงาม และหากคุณไม่สะดวกเดินทางไปที่อื่นๆ ฮาลิแฟกซ์ก็นำเสนอประสบการณ์ที่ครบถ้วน ซึ่งทำให้คุณสัมผัสได้ถึงเสน่ห์ของภูมิภาคนี้อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการสำรวจโบราณสถาน หรือใช้เวลาเดินเล่นที่ยาวที่สุดในโลกริมท่าเรือ นักท่องเที่ยวจะพลิกฟื้นความฝันในการเดินทางได้ที่นี่อย่างแน่นอน

เมื่อคุณมาถึงซิดนีย์ นอฟสโกเชีย ซึ่งเป็นประตูสู่เกาะเคปเบรตัน ทั้งจากเที่ยวบิน เรือเฟอร์รี่ หรือเรือสำราญ คุณจะพบกับเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ นี่คือเมืองเดียวของเกาะที่ทำให้คุณได้สัมผัสบรรยากาศในแบบเมืองใหญ่ แม้ว่าซิดนีย์จะไม่เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมเหล็กที่รุ่งเรืองเหมือนในอดีต แต่เมืองนี้มีเสน่ห์ด้วยท่าเรือที่ได้รับการปรับปรุงและอาคารสไตล์ลอยัลลิสต์อันมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ นักท่องเที่ยวสามารถสำรวจแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจใกล้เคียงได้อย่างสะดวกสบาย อาทิ พิพิธภัณฑ์คนงานเหมืองในเมืองเกลซเบย์ ซึ่งมีชื่อเสียงจากน้ำแข็งที่เคยปกคลุมท่าเรือในฤดูหนาว และป้อมปราการที่ลุยส์บูร์ก ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวในอดีต รวมถึงทะเลสาบบราซดอร์ที่สวยงาม โดยไม่ว่าจะเป็นการเดินชมธรรมชาติหรือสำรวจประวัติศาสตร์ ซิดนีย์คือเส้นทางที่เต็มไปด้วยการผจญภัยสำหรับผู้รักการเดินทาง คุณจะได้สัมผัสกลิ่นอายของวิถีชีวิตของชาวแคนาดาในบรรยากาศที่น่าหลงใหลและสงบสุขในทุกมุมมอง

ท่าเรือเซนต์ปีเตอร์ในเซนต์ปีแรและมิเกลอน เป็นจุดหมายปลายทางที่มีเสน่ห์และความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ รับรองว่าจะสร้างความประทับใจให้กับนักเดินทางทุกคน ด้วยประชากรเพียง 6,000 คน เซนต์ปีเตอร์นับเป็นอาณาเขตของฝรั่งเศสที่เล็กที่สุดในโลก ซึ่งเต็มไปด้วยบรรยากาศที่อบอุ่นและน่าสนใจ ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ส่วนใหญ่มีเชื้อสายจากชาวนอร์แมน บาสก์ และบริตตัน ภาษาเฟรนช์ที่พูดกันในเกาะนี้ใกล้เคียงกับภาษาฝรั่งเศสในเมโทรโปลิทันมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีพิพิธภัณฑ์มากมายที่แสดงให้เห็นถึงประวัติศาสตร์ที่น่าหลงใหล เช่น Musée Heritage ซึ่งเน้นงานศิลป์ทางการแพทย์ในศตวรรษที่ 19 และ 20 และยังมีการจัดแสดงเกี่ยวกับการห้ามค้าศูนย์รวมสุดแปลกของอเมริกาเหนือ อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจคือหอนาฬิกาที่มีรูปทรงเหมือนพระสงฆ์ซึ่งเป็นที่ตั้งของที่ทำการไปรษณีย์ ทำให้การเดินเที่ยวในหมู่บ้านนี้ง่ายดายและน่าสนุก คุณจะได้สัมผัสทั้งวัฒนธรรมอาหารที่หลากหลายและอุตสาหกรรมการประมงอันเลื่องชื่อ มาสัมผัสเสน่ห์และความแปลกใหม่ของเซนต์ปีเตอร์ในรูปลักษณ์ที่หรูหรากันเถอะ!

เซนต์จอห์นส์ (St. John's) ตั้งอยู่ในจังหวัดนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ของแคนาดา เป็นท่าเรือที่หลอมรวมประวัติศาสตร์และความทันสมัยเข้าด้วยกันอย่างลงตัว เมืองนี้มีประชากรในเขตเมืองประมาณ 200,000 คน และมีบรรยากาศที่เต็มไปด้วยเสน่ห์จากอาคารสถาปัตยกรรมวิคตอเรียและบ้านแถวสีสันสดใสที่ตั้งอยู่เคียงคู่กับอาคารสำนักงานทันสมัย ที่นี่คุณจะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมอังกฤษและไอริชผ่านเสียงเพลงพื้นบ้านและดนตรีร็อคที่บรรเลงในท้องถนน สถานที่ท่องเที่ยวหลักอย่างชายหาดกลุ่มเบย์ (Balong Bay) และอ่าวเซนต์จอห์น (St. John's Harbour) เปิดโอกาสให้คุณสำรวจประวัติศาสตร์ของการค้ามหาสมุทรซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางการส่งออกปลาเกลือในยุคก่อน เซนต์จอห์นส์ยังเป็นแหล่งรวมของศิลปะและความบันเทิงอย่างไม่ขาดสาย นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมแกลเลอรีและร้านค้าหัตถกรรมท้องถิ่นได้อย่างจุใจ นอกจากนี้ ความสงบเงียบและการใช้ชีวิตแบบช้าๆ ของเมืองนี้ ยิ่งทำให้เหล่านักเดินทางปรารถนาที่จะเข้ามาสัมผัสบรรยากาศที่แสนอบอุ่นและเป็นกันเองของเมืองนี้อย่างไม่รู้เบื่อ


เกรนดาร์ฟยอร์ดูร์ (Grundarfjörður) คือหนึ่งในท่าเรือที่สวยงามที่สุดในไอซ์แลนด์ ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันตกของเกาะ ให้บรรยากาศสงบเงียบ รายล้อมไปด้วยธรรมชาติที่ยังคงความบริสุทธิ์ และภูเขาสูงตระหง่านที่งดงาม การเดินทางมาที่นี่จะพาคุณเข้าสู่โลกแห่งความมหัศจรรย์ ราวกับหลุดเข้าไปในภาพวาดที่มีชีวิต จุดเด่นที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนเกรนดาร์ฟยอร์ดูร์คือ "ภูเขาสการ์ฟตาเฟล" (Kirkjufell) ซึ่งเป็นภูเขาที่มีลักษณะเฉพาะและได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่สวยที่สุดในไอซ์แลนด์ การขึ้นไปชมวิวจากยอดเขา คือประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ อีกทั้งยังมีน้ำตก Kirchjufellsfoss ที่สวยงามท่ามกลางทิวทัศน์อันงดงาม นอกจากธรรมชาติแล้ว เกรนดาร์ฟยอร์ดูร์ยังเป็นที่รู้จักในด้านวัฒนธรรมท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์ โดยคุณสามารถสัมผัสชีวิตของชาวไอซ์แลนด์ดั้งเดิม ผ่านการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นและบ้านเรือนที่ถูกปรับปรุงให้สวยงาม ทำให้คุณรู้สึกใกล้ชิดกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของประเทศนี้ เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินทางที่แสนพิเศษ ณ เกรนดาร์ฟยอร์ดูร์ ท่าเรือแห่งนี้ไม่เพียงเป็นจุดจอดของเรือสำราญ แต่ยังเป็นประตูสู่อันดับต้น ๆ ของประสบการณ์ที่คุณจะไม่มีวันลืม

อาคูเรย์รีเป็นเมืองหลวงของภาคเหนือของไอซ์แลนด์ และเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวา เป็นเมืองที่มีความเป็นเอกลักษณ์ซึ่งตั้งอยู่ริมฟยอร์ดอันงดงามยาว 60 กิโลเมตร ถูกล้อมรอบด้วยภูเขาทั้งสามด้าน ทำให้ได้รับการปกป้องจากลมทะเลอันรุนแรง สถาปัตยกรรมไม้สไตล์ศตวรรษที่ 19 ยังบอกเล่าเรื่องราวของประวัติศาสตร์ที่นี่ ขณะที่โบสถ์ลูเธอแรนที่มีหอคอยคู่ ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาเขียวข้างริมฟยอร์ด ทำหน้าที่เป็นจุดศูนย์กลางสำคัญของเมือง นอกจากความงามของเมืองแล้ว อาคูเรย์รียังมีภูมิทัศน์ที่น่าทึ่ง ด้านใต้ของเมืองมีภูเขาไรโอลิตที่มีรูปพีระมิดชื่อว่า ซูลูร์ และเสน่ห์ของภูมิภาคนี้ยังไม่จบเพียงเท่านั้น เพราะอีกด้านคือเคอริง ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในเขตเอจาฟยอร์ด คุณจะได้พบกับการเดินป่าและการสำรวจธรรมชาติอันรุ่งโรจน์ในพื้นที่นี้ มาสัมผัสกับมนต์เสน่ห์ของอาคูเรย์รีดื่มด่ำกับประวัติศาสตร์และความงดงามของธรรมชาติ ที่นี่จะทำให้การเดินทางของคุณกลายเป็นประสบการณ์ที่ไม่อาจลืมเลือน และกระตุ้นให้คุณค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ในทุกย่างก้าว
ท่าเรือซิกลูฟยอร์ดูร์ (Siglufjörður) ตั้งอยู่บนชายฝั่งเหนือของไอซ์แลนด์ เป็นจุดหมายปลายทางที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลก ด้วยภูมิประเทศที่งดงาม ทั้งภูเขาสูงตระหง่านและทะเลที่ใสสะอาด ท่าเรือนี้เต็มไปด้วยเสน่ห์และประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ซิกลูฟยอร์ดูร์เคยเป็นศูนย์กลางการประมงปลาทูน่าที่สำคัญในอดีต และปัจจุบันได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นักเดินทางสามารถสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่นได้อย่างเต็มที่ บริเวณท่าเรือ นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมบรรยากาศที่เงียบสงบ หรือลองลิ้มชิมรสอาหารทะเลสดใหม่จากร้านอาหารท้องถิ่นที่มีชื่อเสียง นอกจากนี้ การเดินชมถนนประวัติศาสตร์ที่มีเสน่ห์ และเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์การประมงซิกลูฟยอร์ดูร์ จะเปิดโลกให้กับคุณเกี่ยวกับชีวิตของชาวประมงในอดีต และทำให้คุณหลงใหลในเรื่องราวที่ซ่อนอยู่ของเมืองนี้ เมื่อคุณมาเยือนซิกลูฟยอร์ดูร์ คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร พร้อมสร้างความทรงจำที่ยากจะลืมเลือนในสภาพแวดล้อมที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ซึ่งทําให้ท่าเรือนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางที่คุ้มค่าและน่าประทับใจในไอซ์แลนด์

ในประเทศไอซ์แลนด์ ท่าเรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ไอซาฟยอร์ดูร์ (Isafjördur) ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าหลงใหล ไม่เพียงแต่เป็นท่าเรือที่น่าประทับใจตั้งอยู่ท่ามกลางวิวทิวทัศน์ของภูเขาหินสูงโปร่งทั้งสองข้าง แต่ยังตั้งอยู่บนคาบสมุทรที่ยื่นออกไปในน้ำฟยอร์ดสีดำลึกอีกด้วย การเดินทางมาที่นี่จะทำให้คุณได้สัมผัสถึงความสดใสและทันสมัยของเมืองเล็กๆ ที่มีชีวิตชีวา พรั่งพร้อมไปด้วยคาเฟ่และร้านอาหารที่เต็มไปด้วยรสชาติอร่อย พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างอบอุ่น ไอซาฟยอร์ดูร์ไม่เพียงแต่มีความสวยงามแบบธรรมชาติ แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยมสำหรับการผจญภัยกลางธรรมชาติที่งดงามของไอซ์แลนด์ ซึ่งกิจกรรมที่ได้รับความนิยมคือการเล่นสกี เดินป่า และกีฬาทางน้ำ ล้วนแต่เป็นกิจกรรมที่ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับความดิบของธรรมชาติอย่างใกล้ชิด อย่าลืมสัมผัสกลิ่นอายแห่งการผจญภัยที่รอให้คุณค้นพบ ณ ท่าเรือแห่งนี้ ซึ่งจะสร้างแรงบันดาลใจและความทรงจำที่ไม่มีวันลืมเลือนในการเดินทางของคุณในไอซ์แลนด์!


ฮีมาอี ของไอซ์แลนด์ คือจุดหมายที่น่าตื่นตาตื่นใจที่คุณไม่ควรพลาดเมื่อเดินทางด้วยเรือสำราญ สัมผัสกับบรรยากาศของเกาะที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ สถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของการระเบิดภูเขาไฟที่น่าพิศวงเมื่อกว่า 40 ปีก่อน ซึ่งทำให้เกาะนี้ถูกแปรเปลี่ยนไปอย่างเหลือเชื่อ แต่ด้วยความกล้าหาญของผู้คนบนเกาะที่ได้ใช้น้ำทะเลหยุดยั้งลาวาจากภูเขาไฟเอลด์เฟล ทำให้ท่าเรือยังคงเปิดอยู่และอุตสาหกรรมการประมงที่มีความสำคัญยังคงยืนยาวต่อไป เดินเที่ยวตามถนนที่สวยงามในฮีมาอี ที่รายล้อมไปด้วยบ้านไม้สีขาว เรายังสามารถชมปราสาทหินภูเขาไฟที่ตระการตาที่เสมือนลอยอยู่เหนือน้ำ ส Revealing Nature of Iceland—through its landscapes, wildlife, and the warmth of its people—คุณจะได้สัมผัสความงามที่ไม่มีที่ไหนเหมือน สำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติโดยใกล้ชิด ต้องไม่พลาดไปสำรวจชายฝั่งที่เต็มไปด้วยชีวิตทะเล รวมถึงนกพันธุ์หายากที่อพยพมาที่นี่ นอกจากการเดินชมหรือท่องเที่ยวแบบมีไกด์แล้ว คุณยังสามารถเพลิดเพลินกับวัฒนธรรมและอาหารท้องถิ่นที่ไม่เหมือนใคร ด้วยเหตุนี้ ฮีมาอี จึงเป็นจุดหมายที่ท่องเที่ยวที่ต้องไปให้ถึง สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินทางหาทางออกใหม่ๆ ในชีวิต.

ดิวปิวโกรู (Djúpivogur) เมืองเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในไอซ์แลนด์ เป็นจุดหมายท่องเที่ยวที่น่าอัศจรรย์สำหรับผู้ที่ปรารถนาหาความสงบในบรรยากาศธรรมชาติอันงดงาม รายล้อมไปด้วยภูเขาไฟที่ส่องแสงระยิบระยับและฟยอร์ดที่มีเสน่ห์ ดิวปิวโกรูได้รับการต้อนรับด้วยสถานะ 'Cittaslow' ซึ่งหมายถึง เมืองแห่งความช้าลง หรือเมืองที่ให้คุณค่าแก่ความสงบและคุณภาพชีวิต ในขณะที่เดินชมท่าเรือที่สวยงาม คุณจะได้พบกับชีวิตสัตว์ป่าที่ไม่เหมือนใคร รวมถึงนกทะเลหลากหลายชนิดที่อยู่ในอาณาเขต นอกจากนี้ ดิวปิวโกรูยังเป็นที่รู้จักในเรื่องวรรณกรรมพื้นบ้านและอาหารอร่อยที่ทำจากวัตถุดิบท้องถิ่น โดยเชฟผู้เชี่ยวชาญจะนำเสนอเมนูที่ทำให้คุณได้สัมผัสรสชาติแบบไอซ์แลนด์แท้ ๆ หากคุณรักการสำรวจธรรมชาติ อย่าลืมเดินเล่นไปตามเส้นทางเดินที่นำไปสู่ฟยอร์ดที่น่าทึ่ง สัมผัสความมหัศจรรย์ของน้ำตกและภูเขา ที่จะทำให้คุณเพลิดเพลินไปกับความงดงามในทุกรูปแบบ เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับแรงบันดาลใจในการเดินทางครั้งใหม่ที่ดิวปิวโกรู ประเทศไอซ์แลนด์ ที่รอคุณอยู่!


เมืองอาเลซุนด์ (Ålesund) ตั้งอยู่ในเขตมอร์เรอ และ รอมส์ดาล (Møre og Romsdal) เป็นท่าเรือที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และวัฒนธรรม เมืองนี้ได้ชื่อว่าเป็นราชธานีทางการค้าริมชายฝั่ง และเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในความงดงามของสถาปัตยกรรมสไตล์ยูเจนด์สติล (Jugendstil) หรืออาร์ตนูโว ซึ่งบางคนยกให้เมืองนี้เป็นหนึ่งในเมืองที่สวยที่สุดของนอร์เวย์ เมืองอาเลซุนด์ถูกสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมดหลังจากเกิดเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในปี 1904 ซึ่งทำให้มีบ้านเรือนถูกทำลายไปถึง 800 หลัง และประชาชนต้องไร้ที่อยู่อาศัยถึง 10,000 คน การสร้างใหม่ในครั้งนี้ได้แรงบันดาลใจจากสถาปนิกหนุ่มต่างชาติที่นำสไตล์เยอรมันและรากเหง้าของชาวไวกิ้งมาผสมผสานกันอย่างลงตัว ทำให้ถนนแคบๆ ในเมืองเต็มไปด้วยอาคารที่มียอดแหลมต่างๆ พร้อมการตกแต่งรูปหัวมังกรและลวดลายที่งดงาม นอกจากนี้อาเลซุนด์ยังเป็นหนึ่งในเมืองอาร์ตนูโวที่เหลืออยู่ไม่กี่เมืองในโลก และในปี 1998 เมืองนี้ได้รับรางวัล Houens National Memorial Prize เพื่อเป็นการยกย่องความพยายามในการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์แห่งนี้ หากคุณได้มีโอกาสเยี่ยมชมเมืองอาเลซุนด์แล้ว จะรู้สึกถึงความงดงาม และเสน่ห์ที่ไม่ซ้ำใครอย่างแน่นอน

เมืองมอลอย (Måløy) ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันตกของนอร์เวย์ เป็นท่าเรือที่ได้รับการยอมรับในฐานะจุดเชื่อมต่อที่สวยงามและเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ที่น่าหลงใหล ที่นี่เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติอันงดงามและวัฒนธรรมท้องถิ่นที่แตกต่างออกไป เมื่อคุณย่างก้าวเข้าสู่มอลอย คุณจะพบกับทัศนียภาพอันน่าทึ่งของภูเขาและทะเลที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว เรือสำราญที่เข้ามาจอดยังเปิดโอกาสให้คุณได้สัมผัสกับการเดินเล่นบนชายฝั่ง พร้อมกับการสำรวจชายหาดที่สะอาดสะอ้านและน้ำทะเลสีฟ้าคราม ที่นี่ไม่เพียงแต่เป็นท่าเรือ แต่ยังเป็นประตูเข้าสู่การสำรวจวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ นอกจากนี้ มอลอยยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นที่น่าสนใจ ซึ่งเป็นสถานที่ที่รวบรวมประวัติศาสตร์การทำประมง รวมถึงเรื่องราวเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่สอง ที่น่าดึงดูดใจไม่แพ้กัน คุณจะได้พบกับความงดงามของธรรมชาติอย่างจริงจัง และชื่นชมในวัฒนธรรมที่ยังคงสดใหม่ในทุกยุคสมัย มอลอยไม่เพียงแต่เป็นจุดแวะพักที่สะดวกสบายสำหรับนักล่าฝันในทะเล แต่ยังเป็นสถานที่ที่ช่วยเติมเต็มความปรารถนาในการออกสำรวจ เปิดโอกาสให้คุณได้สร้างความทรงจำอันยิ่งใหญ่ในโลกแห่งธรรมชาติที่สวยงามของนอร์เวย์ และแน่นอนว่า จะต้องประทับใจกับเสน่ห์ อันน่าหลงใหลที่รอคุณอยู่ในมอลอย!

ฮาวเกลซุน (Haugesund) หนึ่งในเพชรเม็ดงามของนอร์เวย์ ตั้งอยู่ระหว่างภูเขาและทะเล เป็นท่าเรือที่สำคัญซึ่งมักเป็นจุดแวะพักของเรือสำราญ ที่นี่ไม่เพียงแค่มีทิวทัศน์ที่งดงามของฟยอร์ด แต่ยังมีบรรยากาศที่เปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่ลึกซึ้ง ในช่วงฤดูร้อน นักท่องเที่ยวสามารถสำรวจหมู่เกาะพร้อมเวลาอันมีค่าไปกับกิจกรรมหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการพายเรือแคนูพร้อมชมธรรมชาติอันสวยงาม หรือการเดินชมวิวที่พาโนรามาซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากท่าเรือ ทั้งยังมีโอกาสสัมผัสกับเทศกาลต่างๆ ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาทิเช่น เทศกาลหนังสือพักร้อนที่ดึงดูดนักอ่านจากทั่วทุกมุมโลก การเดินทางไปยังฮาวเกลซุน ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ในการสัมผัสใจกลางของวัฒนกรรมทางทะเลนอร์เวย์ นอกจากนี้ ยังมีร้านกาแฟและร้านอาหารที่เสิร์ฟอาหารทะเลสดใหม่ และเมนูที่อร่อยจนต้องกลับมาลิ้มลองซ้ำ ไม่ว่าคุณจะกำลังมองหาการผจญภัยหรือการพักผ่อนในบรรยากาศที่เงียบสงบ ฮาวเกลซุนพร้อมที่จะทำให้การเดินทางของคุณเป็นอีกหนึ่งความทรงจำที่ไม่มีวันลืมในดินแดนแห่งนี้


ท่าเรืออัมสเตอร์ดัมตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่สวยงาม เป็นจุดหมายปลายทางที่แสดงถึงความรุ่งเรืองในยุคทองของศตวรรษที่ 17 อัมสเตอร์ดัมเป็นเมืองที่ไม่เหมือนใคร นำเสนอเสน่ห์ที่หลากหลายพร้อมด้วยพิพิธภัณฑ์ชื่อดังและศิลปะอันล้ำค่า เมืองแห่งคลองนี้มีระบบคลองที่ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน สร้างบรรยากาศอันเงียบสงบให้กับนักท่องเที่ยว ในขณะเดียวกันก็มีชีวิตชีวาด้วยร้านค้าสมัยใหม่และแสงสีที่ส่องประกายเต็มถนน นักท่องเที่ยวจะได้ค้นพบอัญมณีที่ซ่อนอยู่ไม่ว่าจะเป็นตรอกเล็กๆ สวนลับที่เงียบสงบ หรือบ้านเรือนลอยน้ำที่สร้างสรรค์อย่างประณีต อัมสเตอร์ดัมมีสะพานกว่า 1,500 แห่ง และมีโบราณสถานถึง 7,000 แห่ง ซึ่งรวมถึงผลงานสำคัญจาก Rembrandt และ Van Gogh เมืองนี้ยังมีวัฒนธรรมที่เข้มข้น พร้อมกิจกรรมทางดนตรี และเทศกาลต่างๆ ตลอดทั้งปี ทำให้การเดินเล่นในเมืองนี้เป็นประสบการณ์ที่น่าหลงใหล ตั้งแต่ซอกซอยเล็กๆ ไปจนถึงการสัมผัสบรรยากาศของพิพิธภัณฑ์ระดับโลก ความมหัศจรรย์ของอัมสเตอร์ดัมคือการผสมผสานระหว่างอดีตและปัจจุบันที่แสนลงตัว ซึ่งรอให้คุณมาสัมผัสในเมืองแห่งคลองนี้

ท่าเรือเซ็บรูเก (Zeebrugge) ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลเหนือของเบลเยียม เป็นท่าเรือที่มีความสำคัญและคึกคักที่สุดในยุโรปในยุคปัจจุบัน โดยก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1895 ความสำคัญของท่าเรือนี้ชัดเจนเมื่อมองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ ซึ่งพยายามถูกทำลายหลายครั้งในช่วงสงครามโลกทั้งสองครั้ง แต่ยังคงยืนหยัดเป็นท่าเรือหลักในการประมงของเบลเยียม การเยี่ยมชมเซ็บรูเกจะเป็นประสบการณ์ที่น่าทึ่ง เมื่อคุณมีโอกาสได้เดินทางไปยังเมืองบรูจ (Bruges) ที่อยู่ใกล้เคียง เมืองนี้ได้รับการออกแบบให้เปล่งประกายด้วยสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์อันล้ำค่า อีกทั้งยังสามารถเดินทางไปยังรีสอร์ทชายทะเลที่มีชายหาดทรายยาวได้อย่างสะดวกสบายโดยใช้รถรางที่วิ่งตลอดแนวชายฝั่งเบลเยียม แต่ควรทราบว่าในเบลเยียมไม่อนุญาตให้นำอาหารลงฝั่ง จึงไม่ควรพลาดในการสัมผัสกับรสชาติท้องถิ่นอันหลากหลายที่มีให้เลือกในเมืองและรอบท่าเรือ ด้วยท่าเรือเซ็บรูเกที่พร้อมจะเป็นจุดเริ่มต้นการผจญภัยใหม่ คุณจะได้รับแรงบันดาลใจให้สำรวจสมบัติทางธรรมชาติและวัฒนธรรมที่ลึกซึ้งของเบลเยียมในทุกก้าวที่เดินทาง

ท่าเรือเซาแธมป์ตัน นับเป็นท่าเรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ ตั้งอยู่ที่ปากอ่าวเซาแธมป์ตัน ระหว่างแม่น้ำเทสต์และอิตเชน เมืองแห่งนี้เคยเป็นศูนย์กลางการค้าขายที่สำคัญมาตั้งแต่สมัยกลาง โดยมีการส่งออกขนสัตว์และหนังสัตว์จากพื้นที่รอบ ๆ และนำเข้าผลิตภัณฑ์ไวน์จากบอร์โดซ์ แม้เซาแธมป์ตันจะต้องเผชิญกับการทำลายล้างอย่างหนักในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แต่เมืองนี้ก็ได้ฟื้นฟูและสร้างสรรค์ใหม่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว ด้วยอาคารยุคกลางที่ยังคงเหลืออยู่ เช่น บาร์เกต (Bargate) ที่ถือเป็นหนึ่งในประตูเมืองที่สวยงามที่สุดในอังกฤษ นอกจากท่าเรืออันทันสมัยแล้ว เซาแธมป์ตันยังมีกิจกรรมหลากหลายสำหรับนักเดินทาง ที่สามารถสำรวจเมืองแห่งประวัติศาสตร์และเต็มไปด้วยศิลปะ เช่น พิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ที่นำเสนอผลงานศิลปะระดับโลก และยังเป็นจุดเริ่มต้นที่เหมาะสำหรับการออกไปสัมผัสเสน่ห์ของเมืองใกล้เคียง อย่างบอร์นมัธ และสนามกอล์ฟที่สวยงาม การมาที่เซาแธมป์ตันจึงไม่เพียงแค่การเริ่มต้นการเดินทางด้วยเรือสำราญ แต่ยังเป็นโอกาสในการดื่มด่ำกับความงดงามทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของอังกฤษอย่างไม่รู้จบ

เสน่ห์ของไอส์ลอันงดงามที่ "ไอส์ลออฟพอร์ตแลนด์" รอคอยการค้นพบจากนักเดินทาง พบกับเกาะที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และความงดงามแห่งธรรมชาติ ตั้งอยู่ในช่องแคบอังกฤษ ยาว 6 กิโลเมตร และกว้าง 2.7 กิโลเมตร เกาะนี้มีจุดเด่นที่มุมใต้ที่รู้จักกันในชื่อ "พอร์ตแลนด์ บิล" ซึ่งโดดเด่นด้วยประภาคารที่ส่องสว่างมาที่ผืนน้ำของช่องแคบ และเป็นจุดที่อยู่ใต้สุดของมณฑลดอร์เซ็ท การเดินทางมาเยือนพอร์ตแลนด์สามารถเข้าถึงได้ง่ายจากเมืองเวย์มูธ ผ่านชายหาดเชซิล (Chesil Beach) ที่เชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่ เต็มไปด้วยทรายละเอียดและวิวทะเลที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี นอกจากนี้พอร์ตแลนด์ยังมีสถานที่สำคัญอย่าง "กระบวนการหิน" ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ อดีตที่เกี่ยวข้องกับการขุดหินเพื่อใช้ในก่อสร้างสถานที่สำคัญทั้งในอังกฤษและต่างประเทศ อีกทั้งยังมีกิจกรรมมากมายให้เลือกทำ เช่น การเดินป่า ชมวิวที่สวยงาม ชมชีวิตสัตว์น้ำ และอื่น ๆ รอให้คุณมาค้นพบการผจญภัยในทุกมุมของไอส์ลออฟพอร์ตแลนด์กันได้เลย!

ฟัลมุธ (Falmouth) เป็นเมืองท่าที่มีเสน่ห์ในอังกฤษ ที่เต็มไปด้วยความคึกคักจากการประมง การแล่นเรือยอชท์ และกิจกรรมทางการค้า ซึ่งล้วนเสริมสร้างบรรยากาศที่น่าสนใจเบื้องหลังภูมิประเทศที่สวยงามของเมือง ในศตวรรษที่ 18 ฟัลมุธเคยเป็นท่าเรือที่สำคัญในการขนส่งจดหมายไปยังอเมริกาเหนือ และคุณสามารถสัมผัสประวัติศาสตร์ได้จากบ้านเรือนที่ปกคลุมด้วยกระเบื้องหิน ซึ่งสร้างโดยกัปตันเรือพัสดุที่ร่ำรวยในหมู่บ้านฟลัชชิง (Flushing) ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับอ่าว การเดินทางระหว่างสองเมืองนี้สามารถทำได้โดยบริการเฟอร์รีที่สะดวกสบาย ที่ท่าจอดเรือ Custom House Quay คุณจะพบกับ King’s Pipe ซึ่งเป็นเตาเผาที่ใช้สำหรับเผาสินค้าผิดกฎหมายที่ถูกยึดไว้ นอกจากประวัติศาสตร์แล้ว ฟัลมุธยังเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการสำรวจชายฝั่งที่สวยงาม คุณสามารถเดินเล่นไปตามชายหาด ชิมอาหารทะเลสดใหม่ หรือสำรวจสถานที่ทางประวัติศาสตร์ต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ ทุกมุมของฟัลมุธล้วนสื่อถึงความงดงามและความมีชีวิตชีวาของการเดินทางที่ไม่ควรพลาดในช่วงชีวิตของคุณ

ท่าเรือดิ๊งเลย์ (Dingle Port) ถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่น่าหลงใหลในประเทศไอร์แลนด์ ท่าเรือนี้ตั้งอยู่ในภาคตะวันตกเฉียงใต้ที่สวยงาม ประกอบไปด้วยวิวทะเลที่งดงามและแนวชายฝั่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งทำให้เป็นที่นิยมในหมู่นักเดินทางที่ปรารถนาเปิดโลกในยุโรป เมื่อเรือสำราญของท่านเทียบท่าในดิ๊งเลย์ นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับความงดงามของวิถีชีวิตประมงพื้นบ้าน และเสียงคลื่นที่กระทบฝั่ง หากคุณเป็นคนที่รักการผจญภัย ควรไม่พลาดที่จะสำรวจคาบสมุทรดิงเลย์ (Dingle Peninsula) ที่มีเส้นทางเดินป่าที่งดงาม พร้อมทั้งทิวทัศน์ที่สามารถมองเห็นภูเขาและทะเลเป็นฉากหลัง นอกจากนี้ ท่าเรือดิ๊งเลย์ยังเป็นประตูสู่สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจต่างๆ เช่น สวนแห่งชาติและเกาะสกิลลีย์ (Skellig Islands) ที่ได้ชื่อว่าเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก้ ด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และวัฒนธรรมที่ร่ำรวย มาสัมผัสประสบการณ์การเดินทางที่ไม่เหมือนใครในดิ๊งเลย์ และทำให้การสำรวจนี้กลายเป็นความทรงจำที่มิอาจลืมเลือนในหัวใจของคุณ ผ่านท่าเรือแห่งนี้ที่พร้อมจะนำคุณสู่การผจญภัยที่น่าทึ่งในไอร์แลนด์ ที่รอคอยให้คุณมาค้นพบอย่างไม่มีที่สิ้นสุด.

หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์การเดินทางที่ไม่เหมือนใคร ท่าเรือแบนทรี (Bantry) ในไอร์แลนด์อาจเป็นจุดหมายที่สมบูรณ์แบบ ท่าประมงที่น่าหลงใหลนี้ตั้งอยู่ในเวสต์โคร์ค ที่มาพร้อมกับวิวทิวทัศน์ทะเลที่งดงามและภูเขาที่ตั้งตระหง่าน ศูนย์กลางของชีวิตท้องถิ่นและวัฒนธรรม อัดแน่นด้วยประวัติศาสตร์และเสน่ห์ที่ยากจะต้านทาน เมื่อย่างเท้าเข้าสู่แบนทรี คุณจะพบกับบ้านเรือนสไตล์เก่าแก่และร้านค้าเล็กๆ ที่มีเอกลักษณ์ ซึ่งนำเสนอสินค้าท้องถิ่นและงานฝีมือ นอกจากนั้นอ่าวแบนทรียังเป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัย เพื่อสำรวจหมู่เกาะเบลลิเนล (Bere Islands) ซึ่งเต็มไปด้วยมรดกทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย และสามารถเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น เดินป่าและปั่นจักรยาน โดยมีทัศนียภาพที่งดงามรายล้อม การมาเยือนแบนทรีไม่สมบูรณ์หากไม่ได้แวะเยี่ยมชมบ้านกลางน้ำ (Bantry House) ที่เป็นที่ตั้งของสวนอังกฤษ และวิวที่น่าตื่นตาตื่นใจจากยอดเขา ทำให้คุณได้สัมผัสบรรยากาศสุดโรแมนติก ท่าเรือแบนทรีไม่ได้เป็นเพียงจุดจอดเรือสำราญ แต่มันคือประตูสู่การค้นพบไอร์แลนด์ที่แท้จริง สัมผัสประสบการณ์ที่น่าจดจำและเติมเต็มเรือหรูหราของคุณให้เต็มไปด้วยความสุขและแรงบันดาลใจในการเดินทางอีกครั้งหนึ่ง

ท่าเรือโคฟ (Cobh) ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคคอร์ก (Cork) ของไอร์แลนด์ เป็นจุดหมายปลายทางที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และเรื่องราวอันเข้มข้นของประวัติศาสตร์ ท่าเรือแห่งนี้มีบรรยากาศที่งดงามและวิวทิวทัศน์ที่เป็นเอกลักษณ์ โคฟยังเป็นจุดที่เรือสำราญหยุดแวะให้คุณได้สัมผัสเสน่ห์ของความเป็นไอร์แลนด์อย่างแท้จริง หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่คุณไม่ควรพลาดคือเกาะโฟตา (Fota Island) ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เคียง ที่นี่มีสวนพฤกษศาสตร์ที่กว้างใหญ่และสวนสัตว์ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหลากหลายชนิด สำหรับผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์ คฤหาสน์ฟอโต (Fota House) คือสถานที่ที่คุณสามารถสำรวจการใช้ชีวิตของชนชั้นสูงในอดีต นอกจากนี้ โคฟยังมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในฐานะท่าเรือที่ผู้คนต่างเดินทางผ่านมาสู่โลกใหม่ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา การเดินเล่นในย่านเก่าแก่และชมอาคารสถาปัตยกรรมที่มีสีสันจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนหลุดเข้ามาในนิยาย ท่าเรือโคฟจึงเป็นที่ที่เหมาะสมสำหรับนักเดินทางผู้แสวงหาความงามตระการตาและประสบการณ์ที่น่าจดจำ เริ่มต้นการเดินทางที่นี่เพื่อค้นพบทุกเรื่องราวและมนต์เสน่ห์ของไอร์แลนด์ที่รอคุณอยู่!

วอเตอร์ฟอร์ด (Waterford) เมืองที่เก่าแก่ที่สุดในไอร์แลนด์และเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงใต้ ก่อตั้งโดยชาวไวกิ้งในศตวรรษที่ 9 เมืองนี้มีประวัติศาสตร์ที่เข้มข้น โดยได้ถูกโจมตีและเข้าครอบครองโดย Strongbow ผู้บุกรุกชาวนอร์มันในปี 1170 ด้วยความรุนแรง อดีตของเมืองนี้ถูกท้าทายด้วยการป้องกันการโจมตีของโครมเวลในปี 1649 แต่ตกอยู่ในอ้อมแขนของศัตรูในปีถัดมา ถึงแม้จะเผชิญกับการต่อสู้มากมาย แต่ความเจริญรุ่งเรืองก็กลับคืนมาในปี 1783 เมื่อ George และ William Penrose เริ่มต้นสร้าง "แก้วธรรมดาและมีลวดลาย" สร้างอุตสาหกรรมการผลิตแก้วที่มีชื่อเสียง สัญลักษณ์ของความประณีตและศิลปะในวัสดุที่เปล่งประกาย อย่างไรก็ตาม โรงงานผลิตแก้ววอเตอร์ฟอร์ดปิดตัวลงในช่วงวิกฤตการเงินปี 2008 แต่ได้ฟื้นตัวขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในปี 2010 ที่ศูนย์การค้าทางเดิน Mall เมื่อสำรวจเมืองนี้ นอกจากการชื่นชมความงามของแก้ววอเตอร์ฟอร์ดแล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถดื่มด่ำกับบรรยากาศของประวัติศาสตร์ที่แฝงตัวอยู่ในทุกมุมถนน เพลิดเพลินไปกับศิลปะท้องถิ่น และสัมผัสกับความอบอุ่นของชาวไอริช เป็นประเดิมที่แสนร่ำรวยที่จะสร้างความทรงจำอันตราตรึงใจเสมอท่ามกลางการเดินทางที่แสนพิเศษนี้

ฮอลีเฮด (Holyhead) เมืองท่าแห่งประวัติศาสตร์ในประเทศเวลส์ เป็นสถานที่ที่มีเสน่ห์ดึงดูดนักเดินทางที่ต้องการสำรวจประวัติศาสตร์และธรรมชาติที่สวยงาม เมืองนี้เคยเป็นฐานป้องกันทางเหนือจากการจู่โจมของผู้บุกรุกชาวไอริช และในปัจจุบันมีชื่อเสียงในฐานะท่าเรือเฟอร์รี่ออกสู่ประเทศไอร์แลนด์ ด้วยบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาบริเวณท่าเรือ นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับความเคลื่อนไหวของการคมนาคมที่คึกคัก แม้ฮอลีเฮดจะมีประชากรเพียงเล็กน้อย แต่กลับเต็มไปด้วยซากโบราณสถานที่บอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์อันยาวนานที่รอให้ค้นพบ คุณสามารถสำรวจสถานที่สำคัญต่าง ๆ ที่มีความเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของพื้นที่ได้อย่างน่าสนใจ นอกจากนี้ บริเวณรอบ ๆ ยังมีเส้นทางเดินป่าที่เป็นมิตรกับนักเดินทาง ที่จะพาคุณไปสัมผัสกับทิวทัศน์ธรรมชาติที่งดงาม ลมทะเลและวิวชายฝั่งจะสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ทุกคน เต็มไปด้วยความสุขที่ทุกคนจะประทับใจ ฮอลีเฮด จึงเป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้รักการผจญภัยและสำรวจความงามของประเทศเวลส์

ลิเวอร์พูล เมืองแห่งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่หลอมรวมความเก่าแก่เข้ากับความทันสมัยอย่างงดงาม เป็นจุดหมายที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสอารมณ์แห่งศิลปะ วรรณกรรม และดนตรี ในเมื่อเรือสำราญแวะจอดที่ท่าเรือลิเวอร์พูล คุณจะได้พบกับมรดกทางวัฒนธรรมที่ถูกสืบทอดมายาวนาน เริ่มต้นการเดินทางของคุณที่พิพิธภัณฑ์ลิเวอร์พูลซึ่งเป็นสถานที่จัดแสดงผลงานศิลปะที่มีชื่อเสียง รวมถึงประวัติศาสตร์ทางทะเลที่สำคัญ หรือจะไปเยือนแถบแอลเบิร์ต ด็อค ที่เต็มไปด้วยร้านอาหารและบาร์ หรืองานแสดงศิลปะหลากหลายรูปแบบ นอกจากนี้ ลิเวอร์พูลยังเป็นที่รู้จักในเรื่องของดนตรี โดยเฉพาะวงดนตรีระดับโลกอย่าง The Beatles ที่คุณสามารถเดินทางไปสัมผัสสถานที่สำคัญหลายแห่ง และสถานที่จัดแสดงสดที่มีชื่อเสียง อาทิ Cavern Club ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของวงดนตรีอันโด่งดัง ขอเชิญทุกท่านสู่อ้อมกอดแห่งความงาม เที่ยวลิเวอร์พูลและเปิดประตูสู่ประสบการณ์ที่สุดพิเศษ ที่จะสร้างความทรงจำอันล้ำค่าในทุกก้าวที่คุณเดินทาง

ดันลาเกียร์ (Dun Laoghaire) เมืองท่าอันงดงามของไอร์แลนด์ ตั้งอยู่ห่างจากดับลินเมืองหลวงเพียงไม่กี่กิโลเมตร เป็นจุดเชื่อมต่อทะเลที่มีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ดันลาเกียร์ไม่เพียงแต่เป็นท่าเรือที่สำคัญสำหรับเรือสำราญ แต่ยังเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจที่ให้คุณสัมผัสบรรยากาศอันสดชื่นของทะเลแอตแลนติก ขณะที่คุณเดินเล่นริมท่าเรือ คุณจะได้พบกับวิวทิวทัศน์ที่งดงาม พร้อมบรรยากาศที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา มีร้านอาหารและคาเฟ่ที่พร้อมบริการอาหารอร่อยและเครื่องดื่มท่ามกลางลมทะเลที่เย็นสบาย นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นอย่างอนุสรณ์สถาน “Eleanor’s” ที่เป็นสัญลักษณ์ในประวัติศาสตร์ท้องถิ่น และหอคอยอันมีเอกลักษณ์ของดันลาเกียร์ที่เฝ้ามองดูทะเลมาช้านาน การเดินทางถึงดันลาเกียร์สะดวกสบายด้วยบริการรถไฟจากดับลิน รวมทั้งการสนับสนุนจากบริการขนส่งสาธารณะที่มีความเป็นระเบียบและครบครัน หากคุณมองหาประสบการณ์การเดินทางหรูหรา สัมผัสธรรมชาติที่สวยงามและวัฒนธรรมอันหลากหลาย ดันลาเกียร์คือตัวเลือกที่ไม่ควรพลาดในการสำรวจไอร์แลนด์ที่มีเสน่ห์นี้

เบลฟาสต์ เมืองหลวงของไอร์แลนด์เหนือ เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และความเจริญรุ่งเรือง ตั้งอยู่บนริมฝั่งทะเลไอริช โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า Béal Feirste ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านการผลิตผ้าไหมและการสร้างเรือ ที่นี่เคยเป็นบ้านของชัยชนะในการสร้างไททานิค เรือสำราญที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยการพัฒนาที่ก้าวกระโดดในศตวรรษที่ 18 เบลฟาสต์กลายเป็นเมืองอุตสาหกรรมที่สำคัญ มีประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ในช่วงเวลาหนึ่ง เมืองนี้ต้องเผชิญกับความขัดแย้งทางด้านศาสนา จนกระทั่งสงครามที่เรียกว่า “Troubles” สิ้นสุดลงในปี 1994 หลังจากนั้น เมืองได้เริ่มการฟื้นฟู ซึ่งรวมไปถึงการลงทุนในโรงแรมใหม่ ๆ และการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวที่ทำให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลมายังเมือง ปัจจุบัน เบลฟาสต์มีพื้นที่ใจกลางเมืองที่เดินง่าย ประกอบด้วยแหล่งท่องเที่ยวสำคัญมากมาย เช่น หอศิลป์พิพิธภัณฑ์ โบสถ์ และโรงละคร การสำรวจเมืองนี้จะสร้างประสบการณ์ที่น่าหลงใหลและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่รักการเดินทางไปยังดินแดนที่มีเสน่ห์และประวัติศาสตร์อันล้ำค่าดังกล่าว

ท่าเรือดั๊กกลาส ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะไอล์ออฟแมน อันงดงามในทะเลไอริช เป็นจุดแวะพักที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่หลงใหลในความงามทางธรรมชาติและประวัติศาสตร์ที่หลากหลายของอังกฤษ เกาะนี้มีขนาดเพียง 30 ไมล์ x 13 ไมล์ แต่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ มีภูมิประเทศที่เป็นภูเขาและหน้าผาสูงชัน ผสมผสานกับบรรยากาศที่เงียบสงบและธรรมชาติที่สมบูรณ์ เกาะไอล์ออฟแมนมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ตั้งแต่ยุคหินใหม่ จนกลายเป็นที่พักอาศัยของนักบวชไอริชในศตวรรษที่ 5 และมีอิทธิพลจากชาวนอร์สในศตวรรษที่ 9 ซึ่งขายเกาะนี้ให้กับสกอตแลนด์ในปี 1266 แต่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 เป็นต้นมา สหราชอาณาจักรได้ครอบครองเกาะนี้ไว้ นอกจากนี้ เกาะยังมีความเฉพาะตัวในเรื่องของภาษาแมนซ์ ซึ่งเป็นภาษาพื้นเมืองที่ยังคงมีผู้พูดอยู่เพียงน้อยนิด การเยี่ยมชมดั๊กกลาสจะเปิดโอกาสให้คุณได้ชมปราสาทที่งดงาม เส้นทางรถไฟเข็มแคบ และสำหรับผู้รักความท้าทาย สามารถเดินป่าสูงถึง 2,036 ฟุตที่ยอดเขาสนาฟเฟล พร้อมวิวทะเลที่งดงามตระการตา เกาะไอล์ออฟแมนจึงเป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาดสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสทั้งธรรมชาติและวัฒนธรรมที่ลึกซึ้ง ซึ่งทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับการเดินทางครั้งถัดไป.

ตั้งอยู่ภายในกำแพงเมืองที่สูงตระหง่าน ลอนดอนเดอรีเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ เป็นจุดหมายปลายทางที่มีชื่อเสียงขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากได้รับการประกาศให้เป็นเมืองวัฒนธรรมของสหราชอาณาจักรในปี 2013 และติดอันดับหนึ่งในห้าแหล่งท่องเที่ยวที่ควรไปเยือนจาก Lonely Planet กำแพงเมืองที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี เป็นเสน่ห์ที่ยิ่งใหญ่ของลอนดอนเดอรี ซึ่งล้อมรอบประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 1,450 ปี กำแพงเหล่านี้เคยเป็นจุดสำคัญในเหตุการณ์การล้อมเมืองในปี 1688 โดยทหารของพระเจ้าเจมส์ ซึ่งทำให้เมืองประสบปัญหาความอดอยากในช่วง 105 วัน นักท่องเที่ยวสามารถใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงในการเดินรอบกำแพงและสำรวจประตูทั้งเจ็ด พร้อมกับเรียนรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจตลอดช่วงเส้นทาง หนึ่งในจุดเด่นที่ไม่ควรพลาดคือมหาวิหารเซนต์โคลัมบ์ ซึ่งสร้างขึ้นในปี 1633 ตั้งตระหง่านเหนือเมือง มีหอระฆังที่เก่าแก่ที่สุดในไอร์แลนด์ ซึ่งมีเสียงระฆังดังก้องมายาวนานตั้งแต่ปี 1638 เรียกว่าทำให้การเยี่ยมชมลอนดอนเดอรีเป็นประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครและยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง

ท่าเรือ Portree บนเกาะ Skye ในสกอตแลนด์ เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าหลงใหลซึ่งเต็มไปด้วยเสน่ห์อันโรแมนติกและวิวทิวทัศน์ที่งดงาม เกาะ Skye เป็นที่รู้จักในเรื่องของภูเขา Cuillin ที่มายืมความสวยงามแบบธรรมชาติ ตั้งอยู่ใกล้กับแผ่นดินใหญ่ ทำให้เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวที่ต้องการค้นหาความลึกลับและมนต์เสน่ห์ของภูเขาและทะเล การได้ชมพระอาทิตย์ตกดินที่นี่ เป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน โดยเฉพาะแสงสีทองที่สาดส่องจนค่อนคืน นักท่องเที่ยวสามารถสำรวจเกาะได้อย่างง่ายดายด้วยถนนสายหลักที่ห้อมล้อมขึ้นทางเหนือและใต้ของเกาะ ประเด็นเด่นคือบ้านเก่าแก่ที่บางหลังยังมีผู้อาศัย ซึ่งมีผนังหินหนาและหลังคาหญ้าตามที่เห็นในภาพถ่ายที่หลากหลาย สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินทาง มีเส้นทางที่สวยงามของ Sleat Peninsula ที่เชื่อมโยงทิวทัศน์อันสะกดตา จนท่านต้องเพลิดเพลินไปกับการขับรถไปทั่วทั้งเกาะ Portree ไม่เพียงแต่เป็นท่าเรือที่สำคัญ ยังเป็นประตูสู่การผจญภัยในธรรมชาติที่แท้จริง ที่จะเติมเต็มจิตวิญญาณของนักเดินทางทุกคน ด้วยบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสงบและความงามที่น่าอัศจรรย์ เกาะ Skye คือจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดในชีวิตของคุณ
เมืองสแครบสเตอร์ (Scrabster) ตั้งอยู่ทางเหนือของประเทศสกอตแลนด์ เป็นท่าเรือที่มีเสน่ห์และดึงดูดใจนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมท้องถิ่น จุดเด่นของสแครบสเตอร์คือท่าเรือที่เปิดโอกาสให้สัมผัสกับทะเลเหนืออันกว้างใหญ่และช่วงเวลาที่สำคัญในการสำรวจเกาะชานนอกและอ่าวออคเนย์ (Orkney). ที่นี่คุณจะค้นพบบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเงียบสงบ โดยรอบล้อมไปด้วยภูเขาและชายหาดที่งดงาม เช่น ชายหาดของโนซ์คาบ (Norse) ที่เหมาะแก่การเดินเล่นหรือการพักผ่อนในวันที่สดใส พร้อมกันนี้ สแครบสเตอร์ยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสำรวจเกาะออคเนย์ มีการเดินทางเรือที่ริเริ่มจากท่าเรือท้องถิ่นนำคุณไปยังประวัติศาสตร์อันล้ำค่าของเกาะและโบราณสถานต่างๆ ที่น่าประทับใจ หากคุณเป็นคนรักธรรมชาติ สแครบสเตอร์มีกิจกรรมหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินป่า ดูนก หรือแม้แต่ชิมอาหารทะเลสดๆ โดยเฉพาะอาหารที่มาจากการจับได้ในทะเลเหนือ ในทุกมิติของการเดินทาง มันจะเป็นประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครและยากที่จะลืมเลือน.

ท่าเรืออินเวอร์คอร์ดอน เป็นประตูสู่มหัศจรรย์ของที่ราบใหญ่ หรือ Great Glen ในสก็อตแลนด์ ซึ่งรวมถึงทะเลสาบเนส (Loch Ness) และเมืองอินเวอเนส (Inverness) ที่เป็นเมืองหลวงของไฮแลนด์ มีบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเองจากลมทะเลที่พัดมาจากอ่าวโมเรย์ (Moray Firth) นอกจากจะเป็นที่ตั้งของตำนานสัตว์ประหลาดที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกอย่าง "เนสซี่" (Nessie) ซึ่งกลายเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวไม่รู้จบ ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าประทับใจมากมาย เช่น ทะเลสาบในพื้นที่ การเดินป่าในภูเขาอันสูงชัน ทิวทัศน์ที่ตระการตาในโทนสีม่วงและเขียวของทุ่งหญ้า และป่าไม้ที่เต็มไปด้วยสัตว์ป่าที่แปลกตา เช่น กระต่ายภูเขา กวางแดง และนกอินทรีทอง การเดินทางมาที่อินเวอร์คอร์ดอนจะทำให้คุณได้สัมผัสความงามธรรมชาติที่แท้จริงและตำนานที่ยิ่งใหญ่ของสก็อตแลนด์ ไม่ว่าคุณจะเดินทางเพื่อการผจญภัยหรือเพียงเพื่อสัมผัสกับกิจกรรมในบรรยากาศที่เงียบสงบ ท่าเรือนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบสำหรับประสบการณ์ที่ไม่รู้ลืมในดินแดนแห่งสานสัมพันธ์ระหว่างตัวตนกับธรรมชาติอย่างลงตัว

คริสเตียนซัน (Kristiansand) เมืองที่มีเสน่ห์ในนอร์เวย์ ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อ "Sommerbyen" หรือ "เมืองร้อนแห่งฤดูร้อน" สถานที่แห่งนี้เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับห้าของนอร์เวย์ มีประชากรราว 78,000 คน ที่เดินทางเข้ามาที่นี่เพื่อสัมผัสกับชายหาดที่เปล่งประกายจากแสงแดดและท่าเรือที่งดงาม ในเดือนกรกฎาคมของทุกปี คริสเตียนซันยังก้าวสู่เวทีโลกด้วยเทศกาล Quart Festival ซึ่งนำเสนอดนตรีจากวงร็อคทั้งของท้องถิ่นและนานาชาติ สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้มาเยือน เมืองนี้มีประวัติศาสตร์ที่น่าหลงใหลตามตำนานที่ว่าในปี 1641 พระเจ้า Christian IV ได้ใช้ง่ามเดินของพระองค์ทำเครื่องหมายสี่มุมของเมือง และจากนั้นได้วางแผนถนนในรูปแบบตาราง ซึ่งจุดศูนย์กลางของเมืองที่เรียกว่า Kvadraturen ยังคงมีรูปแบบนี้แม้จะประสบกับเหตุไฟไหม้หลายครั้ง นอกจากนั้น ยังมี Posebyen ซึ่งเป็นชุมชนบ้านไม้ที่เชื่อมต่อกันที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปเหนือ และมีตลาดในวันเสาร์ในฤดูร้อนที่คึกคัก นอกจากนี้ ตลาดปลา Fisketorvet ที่ตั้งอยู่ใกล้กับมุมใต้ของตารางเมืองก็พร้อมที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ทะเลสดใหม่ ตั้งแต่กุ้งหอยปูปลา ให้คุณเต็มอิ่มกับรสชาติท้องถิ่นที่คุณไม่ควรพลาด เติมเต็มความฝันในการเดินทางของคุณที่คริสเตียนซัน สัมผัสวัฒนธรรมและประสบการณ์ที่จะอยู่ในความทรงจำตลอดไป!


เมืองวาร์เนมึนเดอ (Warnemünde) ซึ่งเป็นชานเมืองที่งดงามของโรสต็อกในประเทศเยอรมนี เป็นจุดหมายปลายทางที่ถูกใจนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน ด้วยชายหาดทรายขาวกว่าหมื่นสองพันเมตร ที่นี่เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การพักผ่อน และเติมเต็มความสุขให้กับครอบครัวที่มองหาที่หลบหนีจากความวุ่นวาย วาร์เนมึนเดอไม่เพียงแต่มีโรงแรมและร้านอาหารที่ดีที่สุดในพื้นที่ แต่ยังเป็นท่าเรือสำราญที่สำคัญ สำหรับผู้ที่หลงใหลในฤดูกาลของการเดินทาง ทางเมืองจะเต็มไปด้วยชีวิตชีวาเมื่อลงเรือสำราญหลายลำที่จอดอยู่ในท่าพร้อมกัน การเฉลิมฉลองของเมืองจะเปล่งประกายออกมาให้เห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการเฉลิมฉลอง "dreifache Anlauf" ซึ่งมีเรือสามลำจอดพร้อมกัน โดยจะมีการจุดดอกไม้ไฟสร้างบรรยากาศที่น่าตื่นตาตื่นใจ ด้วยความสงบและสวยงาม วาร์เนมึนเดอจึงเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การเติมเต็มจิตวิญญาณของผู้เดินทาง เสริมสร้างประสบการณ์ที่ไม่อาจลืมเลือนในใจคุณ ด้วยภาพภูมิทัศน์ที่สวยงามและอิ่มเอมกับบรรยากาศที่มีชีวิตชีวา นี่คือจุดหมายที่ต้องสัมผัสในทุกการเดินทาง.

ท่าเรือรอนเนอร์ (Rønne) ตั้งอยู่บนเกาะบอร์นโฮล์ม (Bornholm) ของประเทศเดนมาร์ก เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความงามทางธรรมชาติที่น่าหลงใหล เกาะแห่งนี้มีชื่อเสียงในด้านทิวทัศน์ที่งดงาม หาดทรายขาวสะอาด และน้ำทะเลใส ที่สร้างบรรยากาศของการพักผ่อนอย่างแท้จริง เมื่อคุณเดินทางมาถึงท่าเรือรอนเนอร์ คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศของเมืองที่มีเอกลักษณ์ ตั้งแต่บ้านไม้สีสันสวยงามไปจนถึงบรรยากาศของตลาดท้องถิ่นที่คุณสามารถชิมผลิตภัณฑ์อาหารทะเลสดๆ รวมถึงปลาที่จับได้ในท้องถิ่น เลือกซื้อตะกร้าอาหารแบรนด์ดัง หรือแม้กระทั่งของที่ระลึกที่ทำจากฝีมือชาวบ้าน นอกจากนั้นยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจรอบเกาะ เช่น วัดเซนลุด (Sankt Nikolaj Kirke) ที่มีสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่า และโรงงานทำช็อกโกแลตที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นในการผลิต อิสระในการสำรวจเกาะที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติอันสวยงาม ทำให้การเดินทางนี้กลายเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำอย่างแท้จริง ท่าเรือรอนเนอร์ไม่เพียงแต่ให้บริการเรือสำราญ แต่ยังเป็นจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสความงดงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมของเดนมาร์ก สัมผัสบรรยากาศที่แสนโรแมนติกและให้ความรู้สึกเหมือนเป็นชีวิตในฝันที่คุณควรมีในรายการเดินทางของคุณ

คาร์ลส์ครูน่า (Karlskrona) เมืองท่าที่สวยงามและมีเสน่ห์ในประเทศสวีเดน ตั้งอยู่บนชายฝั่งที่งดงามของทะเลบอลติก เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะที่เป็นเมืองท่าหลักของกองทัพเรือสวีเดน เมื่อเรือสำราญของคุณแวะจอดที่ท่าเรือคาร์ลส์ครูน่า คุณสามารถเดินสำรวจความงามของเมืองนี้ได้อย่างง่ายดาย เมืองนี้ปรากฏอยู่ในรายชื่อมรดกโลกของยูเนสโก ซึ่งเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์บาโรกที่ยังคงสมบูรณ์แบบ ที่คุณไม่ควรพลาดคือการเยี่ยมชม “พิพิธภัณฑ์เรือ” (Maritime Museum) ที่จะพาคุณย้อนเวลากลับไปที่อดีตทางทะเลของประเทศ รวมทั้งสามารถชมวิวทะเลที่สวยงามจาก “ปราสาทคาร์ลส์สตัด” (Carlskrona Naval Base) ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่ต่ำตระหง่านเหนือทะเล นอกจากเกมน้ำที่ยอดเยี่ยม คุณยังสามารถเลือกพักผ่อนที่ร้านกาแฟสุดชิคในย่านเมืองเก่า ชิมอาหารทะเลสดใหม่ หรือเดินชมตลาดท้องถิ่นที่กระตุ้นประสาทสัมผัสของคุณ โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนที่มีการจัดงานเทศกาลที่เต็มไปด้วยสีสันและชีวิตชีวา คาร์ลส์ครูน่าไม่ใช่แค่ท่าเรือที่คุณแวะจอด แต่เป็นประตูสู่ประสบการณ์อันทรงคุณค่า และการเดินทางที่ไม่มีวันลืมในประเทศสวีเดน


ท่าเรือเซาแธมป์ตัน นับเป็นท่าเรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ ตั้งอยู่ที่ปากอ่าวเซาแธมป์ตัน ระหว่างแม่น้ำเทสต์และอิตเชน เมืองแห่งนี้เคยเป็นศูนย์กลางการค้าขายที่สำคัญมาตั้งแต่สมัยกลาง โดยมีการส่งออกขนสัตว์และหนังสัตว์จากพื้นที่รอบ ๆ และนำเข้าผลิตภัณฑ์ไวน์จากบอร์โดซ์ แม้เซาแธมป์ตันจะต้องเผชิญกับการทำลายล้างอย่างหนักในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แต่เมืองนี้ก็ได้ฟื้นฟูและสร้างสรรค์ใหม่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว ด้วยอาคารยุคกลางที่ยังคงเหลืออยู่ เช่น บาร์เกต (Bargate) ที่ถือเป็นหนึ่งในประตูเมืองที่สวยงามที่สุดในอังกฤษ นอกจากท่าเรืออันทันสมัยแล้ว เซาแธมป์ตันยังมีกิจกรรมหลากหลายสำหรับนักเดินทาง ที่สามารถสำรวจเมืองแห่งประวัติศาสตร์และเต็มไปด้วยศิลปะ เช่น พิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ที่นำเสนอผลงานศิลปะระดับโลก และยังเป็นจุดเริ่มต้นที่เหมาะสำหรับการออกไปสัมผัสเสน่ห์ของเมืองใกล้เคียง อย่างบอร์นมัธ และสนามกอล์ฟที่สวยงาม การมาที่เซาแธมป์ตันจึงไม่เพียงแค่การเริ่มต้นการเดินทางด้วยเรือสำราญ แต่ยังเป็นโอกาสในการดื่มด่ำกับความงดงามทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของอังกฤษอย่างไม่รู้จบ










เจ้าของสวีทของ Oceania Vista เป็นห้องที่กว้างขวางและตั้งอยู่กลางเรือ ซึ่งนำเสนอวิวทะเลที่สวยงามด้วยผนังกระจกสูงโปร่ง ห้องพักที่เต็มไปด้วยแสงแดดนี้ตกแต่งด้วยผ้าหรูและเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์ ที่สร้างบรรยากาศหรูหราในขณะยังคงมอบความรู้สึกเหมือนบ้าน ห้องรับประทานอาหารที่โดดเด่นสามารถจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำในห้อง และพื้นที่นั่งเล่นที่มีสไตล์จะทำให้คุณเพลิดเพลินไปกับการสนทนาอย่างสบาย ๆ ห้องนอนหลักที่กว้างขวางมอบความผ่อนคลายอย่างถึงที่สุดด้วยเตียงขนาดคิงไซส์ที่นุ่มสบาย และห้องน้ำมาสเตอร์ซึ่งมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมือนสปา อย่างไรก็ตาม เทอเรซขนาดใหญ่ที่มีตั้งอยู่ทั้งในห้องนั่งเล่นและห้องนอนหลักจะเปิดโอกาสให้คุณได้สัมผัสกับความเป็นส่วนตัว และชมวิวโลกจากจุดสูงสุดของการใช้ชีวิตอย่างหรูหรา เจ้าของสวีทยังมอบสิทธิพิเศษมากมาย เช่น บริการซักรีดฟรี รวมถึงวิธีการเข้าขึ้นเรืออย่างเร็วที่สุดในเวลา 11.00 น. พร้อมทั้งบริการโหลดกระเป๋าที่รีบเร่ง บริการบัตเลอร์ตลอด 24 ชั่วโมง และบริการบาร์ภายในห้องพร้อมทุกข์เต็มขนาดจากเมนูเครื่องดื่มพรีเมี่ยม เป็นต้น นอกจากนี้ยังได้รับขนม ชา หรือกาแฟฟรีในเลานจ์ส่วนตัวที่อยู่ในการเข้าถึงของผู้ถือบัตรเฉพาะ ซึ่งดูแลโดยคอนเซียร์จ การเข้าถึง Aquamar Spa Terrace ฟรี และสิทธิพิเศษในการจองร้านอาหารออนไลน์ รวมถึงของขวัญต้อนรับเป็นแชมเปญมากมาย อย่างไรก็ตาม ควรทราบว่าการสูบบุหรี่ในห้องพัก ห้องสวีท และบนเทอเรซนั้นเป็นสิ่งต้องห้ามเด็ดขาด เพื่อให้ความสงบและความสุขของแขกในทุก ๆ คน









วิสตา สวีท เป็นห้องพักที่ตั้งอยู่ในตำแหน่งสูงสุดซึ่งมอบทัศนียภาพแบบ 180 องศา พร้อมพื้นที่ใช้สอยระหว่าง 1,450 ถึง 1,850 ตารางฟุต ออกแบบมาเพื่อเป็นวิลล่าชายทะเลที่ดีที่สุด ห้องพักตกแต่งด้วยโทนสีเบา ที่สะท้อนถึงทะเลและท้องฟ้า พร้อมกับรายละเอียดที่สร้างสรรค์ด้วยหินอ่อน, แกรนิต และไม้โอ๊คที่ผ่านการใช้งานแล้ว ทุกห้องเป็นสถานที่ที่แท้จริงสำหรับการพักผ่อน ที่พักนี้มีห้องนั่งเล่นโปร่งสบายที่มีห้องรับประทานอาหารและบาร์อยู่ข้างเคียง ซึ่งให้วิวที่น่าทึ่งและเปิดออกสู่ระเบียงไม้สักขนาดใหญ่ ห้องพักหลักอันหรูหรามีพื้นที่จัดเก็บเสื้อผ้าขนาดกว้างขวาง และพื้นที่เตรียมตัวที่อยู่ติดกับห้องน้ำขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยแสงธรรมชาติ พร้อมอ่างอาบน้ำเซรามิก วิสตา สวีท มอบความสะดวกสบายเพิ่มเติมด้วยบริการบัตเลอร์ตลอด 24 ชั่วโมงและการเข้าถึงเลานจ์สำหรับแขกผู้พักในห้องสวีทเท่านั้น.







โอเชียนเนียสวีทคือห้องพักที่กว้างขวางและมีความชาญฉลาด ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ยอดเยี่ยมบนเรือเพื่อให้ทัศนียภาพที่ไม่มีใครเทียบได้ โดยห้องพักแต่ละห้องมีพื้นที่เฉลี่ยประมาณ 1,000 ถึง 1,200 ตารางฟุต มอบบรรยากาศที่หรูหราเหมือนอยู่บ้าน มีพื้นที่นั่งเล่นและรับประทานอาหารที่ได้รับการจัดเตรียมอย่างดี รวมถึงระเบียงส่วนตัวที่ทำจากไม้ทีคขนาดใหญ่ ที่เชื้อเชิญให้มีการสังสรรค์อย่างสง่างาม ห้องนอนหลักนั้นเป็นสถานที่พักผ่อนที่สมบูรณ์แบบด้วยเตียงคิงไซส์ที่โอ่อ่า ห้องแต่งตัว และห้องน้ำที่มีการตกแต่งด้วยหินอ่อนขนาดใหญ่ อีกทั้งยังมีพื้นที่ทำงานหรือห้องสตูดิโอสำหรับแขกและห้องน้ำสำหรับแขก ในทุก ๆ ห้องมีผู้ช่วยบริการเป็นพิเศษและการเข้าถึงล๊อบบี้ Executive Lounge สำหรับเฉพาะลูกค้าห้องชุดเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีบริการและสิทธิพิเศษต่าง ๆ เช่น บริการทำความสะอาดเสื้อผ้าฟรี (สูงสุด 3 ถุงต่อห้อง), การขึ้นเรือในลำดับความสำคัญ, การเข้าถึงล๊อบบี้บริการพิเศษพร้อมคอนเซียร์จ, บริการผู้ช่วยตลอด 24 ชั่วโมง, บาร์ในห้องฟรีพร้อมเครื่องดื่มพรีเมียม 6 ขวด, แชมเปญต้อนรับฟรี, และผลไม้สดที่เติมเต็มทุกวัน รวมถึงการเข้าร่วมสปา Aquamar Spa Terrace โดยไม่จำกัด นอกจากนี้ยังมีระบบบันเทิงที่กำหนดเอง และอุปกรณ์อาบน้ำที่หรูหรา เสื้อคลุม Cashmere, ผ้านวม และแน่นอนว่าเลือกหมอนจากตัวเลือกที่หรูหราได้ และบริการทำความสะอาดรองเท้าฟรี โดยห้ามสูบบุหรี่ในห้องสวีท ห้องพัก และบนระเบียงโดยเด็ดขาด




เพนท์เฮาส์สวีทเป็นประสบการณ์หรูหราที่สุดในห้องพักบนเรือสำราญ ขนาด 440 ตารางฟุต ด้วยการออกแบบที่ชาญฉลาดและเฟอร์นิเจอร์ที่มีระดับ ห้องนี้ตกแต่งด้วยผ้าทอหรูหรา หนังเกรดพรีเมียม และงานศิลปะที่น่าตื่นตาตื่นใจ พร้อมด้วยตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ ห้องน้ำที่มีอ่างล้างหน้าคู่ และระเบียงส่วนตัวขนาดใหญ่ที่มองเห็นท้องทะเล อิสระในการใช้บริการสปาแบบ Aquamar Spa Terrace และบริการบัตเลอร์ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงการเข้าใช้ Executive Lounge ที่สงวนไว้เฉพาะสำหรับผู้ที่เข้าพักในเพนท์เฮาส์ พร้อมพนักงานคอนเซียร์จที่คอยให้บริการ ทำให้ผู้เข้าพักได้สัมผัสประสบการณ์การเดินทางที่เหนือระดับยิ่งขึ้น ไม่เพียงแต่จะมอบความสะดวกสบายมากมาย ยังมีการบริการซักรีดฟรีสูงสุดถึง 3 ถุงต่อห้อง และบริการอื่นๆ เช่นการจองร้านอาหารแบบพิเศษออนไลน์ล่วงหน้า ทำให้การเข้าพักในเพนท์เฮาส์สวีทนี้เต็มไปด้วยความสะดวกสบายและความพิเศษที่ไม่เหมือนใคร


ระดับห้องพักคอนเซียร์จพร้อมระเบียงของ Vista มอบความสะดวกสบายอันหรูหราแก่ผู้เข้าพัก ด้วยการตกแต่งโทนสีครีมและน้ำตาลอ่อนนำมาสู่การพักผ่อนที่เต็มไปด้วยการเอาใจใส่ ห้องพักนี้มีเตียงขนาดควีนไซส์ Tranquility Bed ที่แต่งอย่างหรูหรา พื้นที่นั่งเล่นที่สะดวกสบาย และระเบียงส่วนตัวที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์อันงดงามของทะเลรอบด้าน นอกจากนี้ ห้องพักยังมีพื้นที่เก็บของและตู้เสื้อผ้าที่กว้างขวาง พร้อมด้วยห้องน้ำที่ตกแต่งด้วยหินอ่อนและฝักบัวแบบเรนฟอเรสต์ การบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น เลาจน์คอนเซียร์จที่มีเจ้าหน้าที่ดูแล บริการรูมเซอร์วิสจากห้องอาหาร The Grand Dining Room และบริการซักรีดฟรี ทำให้ประสบการณ์ของคุณยิ่งสูงขึ้นไปอีกขั้น เพื่อเพิ่มความสุขในวันหยุดของคุณ ห้องพักนี้มอบสิทธิพิเศษสำหรับคอนเซียร์จ เช่น เมนูรูมเซอร์วิสสำหรับอาหารกลางวันและเย็นที่ขยายออกจาก The Grand Dining Room การบริการซักรีดฟรีสูงสุดถึง 3 ถุงต่อห้องพัก บริการเลาจน์คอนเซียร์จที่เปิดให้เฉพาะผู้ถือบัตร พร้อมเครื่องดื่มและของว่างฟรีตลอดทั้งวัน ขวดแชมเปญต้อนรับ บริการจองร้านอาหารพิเศษออนไลน์ล่วงหน้า และการเข้าถึง Aquamar Spa Terrace แบบไม่จำกัด นอกจากนี้ยังมีผ้าห่ม cashmere สำหรับนั่งพักผ่อนบนระเบียง และบริการเคลือบรองเท้าฟรี สัมผัสประสบการณ์ชีวิตสุดหรูในระดับห้องพักคอนเซียร์จพร้อมระเบียงแห่งนี้ และจงเพลิดเพลินไปกับทุกช่วงเวลาของการเดินทางของคุณ

ห้องสเตเทอรูมระเบียงเดี่ยวระดับคอนเซียร์จ เป็นห้องพักที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะสำหรับนักเดินทางคนเดียวโดยเฉพาะ นอกจากจะโปร่งสบายแล้วยังอบอุ่นอีกด้วย ห้องพักแต่ละห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกและความหรูหราที่สมควรได้รับจากนักเดินทางทั่วโลก ห้องสเตเทอรูมนี้มีบริเวณนั่งเล่นที่มองเห็นระเบียงส่วนตัว แยกพื้นที่นอนที่มีเตียง Tranquility Bed สุดสบายและมีพื้นที่เก็บของมากมาย สำหรับแขกคนเดียวที่เข้าพักในระดับคอนเซียร์จ จะได้รับสิทธิพิเศษมากมาย อาทิ บริการซักรีดฟรี การเข้าถึงล็อบบี้คอนเซียร์จที่มีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการและการเข้าถึง Aquamar Spa Terrace อย่างไม่จำกัด นอกจากนี้ ยังมีบริการที่พิเศษมากมาย เช่น เมนูรูมเซอร์วิสสำหรับมื้อกลางวันและมื้อค่ำที่ขยายจาก Grand Dining Room การขึ้นเรือแบบมีลำดับความสำคัญในช่วงเที่ยง และการเข้าถึงล็อบบี้คอนเซียร์จที่มีโปรแกรมอาหารและเครื่องดื่มฟรีตลอดทั้งวัน รวมไปถึงการต้อนรับด้วยขวดแชมเปญฟรี และการจองโต๊ะในร้านอาหารพิเศษทางออนไลน์ก่อนใคร การเข้าถึง Aquamar Spa Terrace แบบไม่จำกัด การแจกถุงผ้าโลโก้ของ Oceania Cruises และผ้าห่มแคชเมียร์สำหรับการพักผ่อนบนระเบียง ห้องนี้เหมาะสำหรับนักเดินทางที่ต้องการความหรูหราและการบริการที่เหนือระดับในขณะเดินทาง


在奧西亞維斯塔號郵輪的ระเบียง客艙中,您將體驗到如同經典小黑裙般的恆久優雅。這間面積達290平方英尺的客艙,傳遞著居家般的溫馨氛圍,設計採用柔和的中性色調,並點綴著細膩的錫耶納色彩。高科技的便利設施與寬敞的衣櫃空間,為您的舒適提供了充足的保障。奢華的皇后尺寸床鋪,搭配設有大梳妝台及壯觀雨林淋浴的浴室,無疑是放鬆身心的理想之選。而客艙內的舒適休息區,更是享受私人露台的完美前奏,讓您能觀賞到世界在您眼前靜靜滑過的美好景象。

ห้องพักระเบียงแบบฝรั่งเศส เป็นห้องที่ออกแบบมาเพื่อให้คุณได้สัมผัสความสุขจากการอยู่ใกล้ทะเล โดยคุณสามารถเปิดประตูบานกระจกสูงจากพื้นจรดเพดาน เพื่อสัมผัสกับลมทะเลและวิวที่สวยงามภายนอก ซึ่งทำให้ห้องของคุณกลายเป็นระเบียงแบบเปิดโล่ง เพียบพร้อมไปด้วยบรรยากาศที่น่ารื่นรมย์เสมือนคุณพักอยู่ในวิลล่าหรูที่ Côte d’Azur ห้องพักกว้างขวางตกแต่งอย่างมีสไตล์ ประกอบไปด้วยเตียงขนาดควีนไซส์ และพื้นที่นั่งเล่นที่ให้ความสะดวกสบาย ซึ่งหลอมรวมความผ่อนคลายและความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน ห้องน้ำกว้างขวางพร้อมด้วยฝักบัวฝนที่สร้างความรู้สึกหรูหรา สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องพักนี้ ท่านจะได้รับการบริการที่สะดวกสบายไม่ว่าจะเป็นเตียง Tranquility Bed ที่มีผ้าปูที่นอนคุณภาพสูงถึง 1,000 เส้นไหม น้ำอัดลมฟรีที่เติมใหม่ทุกวันในมินิบาร์ของท่าน น้ำ Vero ทั้งแบบธรรมดาและแบบอัดฟอง ดูแลโดยบริการแม่บ้านที่ให้บริการสองครั้งต่อวัน พร้อมบริการรูมเซอร์วิสตลอด 24 ชั่วโมง ภายในห้องมีโทรทัศน์ระบบอินเทอร์แอคทีฟและการใช้งานอินเทอร์เน็ตไร้สาย ซึ่งทำให้คุณเชื่อมต่อโลกภายนอกได้อย่างง่ายดาย โดยนอกจากนี้ยังมีเสื้อคลุมและรองเท้าอาบน้ำ รวมถึงอุปกรณ์ที่ช่วยให้คุณรู้สึกสบายในห้องพักสุดพิเศษแห่งนี้โดยไม่ตกหล่นแม้แต่รายละเอียดเล็กน้อย.