ปุนตาเรนาส (Puntarenas) เป็นท่าเรือที่มีความสำคัญในประเทศ Costa Rica ตั้งอยู่บนแผ่นดินใหญ่ ไม่ไกลจากคาบเกี่ยวกับคาบสมุทรนิโคยา (Nicoya Peninsula) ด้วยภาพลักษณ์ของเมืองที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์และประวัติศาสตร์อันยาวนาน ปุนตาเรนาสยังเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการเดินเรือข้ามฟากไปยังชายฝั่งของนิโคยาและการล่องเรือในอ่าวนิโคยา เมืองนี้มีชื่อเสียงเป็นท่าเรือประมงที่คึกคัก แถมยังมีตลาดปลาให้สัมผัสกับชีวิตในท้องถิ่น นอกจากนั้น ท่าเรือยังมอบความงามของหาดทรายที่ได้รับการดูแลอย่างดี ในชื่อ "Blue Flag Beach" ที่ชวนให้คุณดื่มด่ำบรรยากาศของพระอาทิตย์ตกดินสุดอลังการ นักท่องเที่ยวจะพบกับ Paseo de los Turistas ทางเดินริมทะเลที่ให้ความรู้สึกสดชื่น มีร้านอาหารทะเลและม้านั่งใต้ร่มไม้ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อน ขณะที่ผู้คนในพื้นที่หรือที่เรียกว่า "porteños" มักมาใช้จักรยานเป็นพาหนะหลักในการสำรวจเมือง การเยือนปุนตาเรนาสจึงไม่ใช่เพียงการมาถึงท่าเรือเท่านั้น แต่ยังเป็นการสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่นและเสน่ห์ของเมืองที่ไม่ควรพลาดในทุกการเดินทางของคุณ

ท่าเรือเคอรู (Curú Wildlife Refuge) ตั้งอยู่ที่ปลายสุดทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของคาบสมุทรนิโกย่าในประเทศคอสตาริกา เป็นสถานที่อันแสนสวยงามที่มีชายหาดขาวสะอาดและมีความหลากหลายทางชีวภาพที่ยอดเยี่ยม ตั้งแต่ลิงจนถึงปูทราย ขอบเขตของเขตอนุรักษ์มีพื้นที่รวมกว่า 3,707 เอเคอร์ และชายฝั่งยาวถึง 656 ฟุต นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่จะได้มีโอกาสสัมผัสกับบรรยากาศอันเงียบสงบ ท่ามกลางสัตว์ป่าและสัตว์ทะเลมากมาย โดยมักจะพบเจอผู้คนอยู่ในน้อยนิดเมื่อเทียบกับจำนวนสัตว์ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ เขตอนุรักษ์เคอรูได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลคอสตาริกาเพื่อปกป้องสัตว์ป่าในปี 1981 และได้รับการประกาศให้เป็นเขตอนุรักษ์ในปี 1983 ในปัจจุบัน ถูกดูแลอย่างดีและมีความพิเศษมากกว่าสวนสาธารณะหลายแห่งในประเทศ ที่นี่จึงเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่ห้ามพลาด โดยมีเส้นทางเดินป่า 17 เส้นทางให้เลือกสำรวจความงดงามทางธรรมชาติที่หลากหลาย รวมถึงป่าโกงกางและป่าเขตร้อนทั้งแห้งและชื้น สัมผัสประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือนในใจกลางของความอุดมสมบูรณ์ของคอสตาริกา!

ท่าเรือบาเฮีย ดราก้า (Bahía Drake) คือประตูสู่การสำรวจธรรมชาติอันมหัศจรรย์ในประเทศคอสตาริกา เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่อุดมไปด้วยความงามของทรัพยากรธรรมชาติ ความหลากหลายทางชีวภาพ และวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ เพียงแค่ก้าวเท้าลงจากเรือสำราญ นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับการผจญภัยที่น่าตื่นเต้น ทั้งในท้องทะเลและบนผืนดินที่เต็มไปด้วยจินตนาการ บริเวณรอบๆ บาเฮีย ดราก้า คุณจะได้พบกับอุทยานแห่งชาติคอรีโค (Corcovado National Park) ซึ่งเป็นหนึ่งในอุทยานที่มีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดในโลก ที่นี่เป็นบ้านของสัตว์ป่าหายาก เช่น เสือจากัวร์และลิงคาปูชิน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมดำน้ำลึกที่ยอดเยี่ยมซึ่งสามารถชมแนวปะการังสวยงามและสัตว์ทะเลหลากหลายสายพันธุ์ การเดินทางมายังบาเฮีย ดราก้า คือประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่หลงใหลในธรรมชาติและการผจญภัย โอบล้อมไปด้วยวิวทิวทัศน์ที่งดงามและบรรยากาศที่เงียบสงบ ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกถึงการเชื่อมต่อกับธรรมชาติอย่างลึกซึ้งในขณะที่เดินทางสู่โลกใหม่ที่ไร้ขีดจำกัดในคอสตาริกา ประสบการณ์อันน่าประทับใจนี้จะเป็นความทรงจำที่ไม่มีวันลืมเลือน.

เกาะโคอิบา (Coiba Island) ตั้งอยู่ในประเทศปานามา เป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้รักธรรมชาติและการผจญภัยที่มองหาประสบการณ์อันน่าหลงใหล เกาะนี้มีอุทยานแห่งชาติในชื่อเดียวกัน ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก ด้วยความงดงามของทัศนียภาพที่ไม่เหมือนใคร ทั้งหาดทรายขาว น้ำทะเลใสสีฟ้าคราม และความหลากหลายทางชีวภาพที่อุดมสมบูรณ์ การเดินทางมายังเกาะโคอิบาเป็นเรื่องที่ง่ายดายจากท่าเรือท่องเที่ยวที่เรียกว่า "ท่าเรือโคอิบา" ซึ่งเป็นเส้นทางหลักในการเดินเรือสำราญที่เชื่อมต่อกับเกาะแห่งนี้ ท่าเรือดังกล่าวจะพานักท่องเที่ยวเข้าสู่การสำรวจป่าไม้อันเขียวชอุ่มและสัมผัสกับสัตว์ป่าที่หาชมได้ยาก รวมถึงเต่าทะเล ปลาหลากหลายชนิดและนกประจำถิ่น นอกจากการดำน้ำที่น่าตื่นตาตื่นใจแล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถสนุกสนานกับกิจกรรมต่างๆ เช่น การปีนเขา และการสำรวจถ้ำน้ำแข็งที่มีอยู่ในเกาะแห่งนี้ เพลิดเพลินไปกับธรรมชาติที่ยังคงมีความบริสุทธิ์ และสร้างความประทับใจไม่รู้ลืมเมื่อเดินทางมายังเกาะโคอิบา แหล่งท่องเที่ยวที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของปานามา!

ดาร์เคียน เนชันแนลปาร์ค เป็นหนึ่งในจุดหมายที่คุณไม่ควรพลาดเมื่อมาถึงปานามา ด้วยความยิ่งใหญ่ของป่าเขตร้อนที่มีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ดินแดนแห่งนี้เป็นบ้านของนกหายากและมีสีสันไม่ว่าจะเป็น Crimson-collared Tanager ที่สะดุดตา หรือ Chestnut-fronted Macaws และ Snow-bellied Hummingbirds ที่หาชมได้ยาก ในขณะเดียวกัน คุณยังมีโอกาสเห็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น tapirs และ Black-headed Spider Monkeys ที่อาศัยอยู่ในเขตแดนที่ปราศจากถนน การเดินทางเข้าสู่ดาร์เคียนนั้นต้องใช้เรือเป็นหลัก เพราะความหนาแน่นของป่าทำให้การเข้าถึงง่ายขึ้นด้วยทางน้ำ นอกจากนี้ยังมีชุมชนพื้นเมืองอย่าง Embera ที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมไว้อย่างดี เช่น การทำจักสานและแกะสลัก ซึ่งผู้เที่ยวสามารถซื้อเป็นของที่ระลึกได้ ดาร์เคียน เนชันแนลปาร์ค นอกจากจะเป็นสวรรค์ของนักดูนกและนักผจญภัยแล้ว ยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหนีความวุ่นวาย พบกับธรรมชาติในโลกที่เงียบสงบ รดน้ำพลังชีวิตแห่งการสร้างสรรค์ คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการสัมผัสความงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมพื้นเมืองที่นี่อีกแล้ว

เปิดประตูสู่ความงามแห่งแผ่นดินกลางของปานามา ณ ท่าเรือเพิร์ล ไอส์แลนด์ส (Pearl Islands) ที่จะนำพาคุณสู่ทัศนียภาพอันงดงามและประสบการณ์อันรื่นรมย์จากการสำรวจหมู่เกาะและชายหาดที่ไม่เหมือนใคร ที่นี่เคยเป็นที่ตั้งของการถ่ายทำรายการเรียลลิตี้ชื่อดัง ซึ่งได้สร้างชื่อเสียงให้กับสถานที่ทางธรรมชาติแห่งนี้ การเดินทางมาถึงเพิร์ล ไอส์แลนด์ส เป็นการเปิดโอกาสให้คุณได้สัมผัสกับน้ำทะเลใสแจ๋วและชายหาดที่ขาวละเอียดราวกับผงแป้ง มีความหลากหลายของกิจกรรมสำหรับผู้รักการผจญภัย ทั้งการดำน้ำสน็อกเกิลที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาใต้ทะเล การเดินชมธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ หรือแม้แต่การพักผ่อนบนชายหาดอย่างสงบเงียบ พร้อมทั้งมีบริการอันหรูหราจากรีสอร์ตชั้นนำที่นี่ ท่าเรือเพิร์ล ไอส์แลนด์ส ไม่ได้เป็นเพียงจุดแวะจอดเรือสำราญ แต่เป็นประตูสู่การค้นพบอัญมณีที่ซ่อนอยู่ของปานามา สัมผัสความเงียบสงบอันแสนสุขบนเกาะเล็กๆ และผ่อนคลายไปกับบรรยากาศที่ถูกล้อมรอบไปด้วยความงามอันน่าหลงใหล รอให้คุณมาสัมผัสด้วยตัวคุณเองในครั้งถัดไปที่เรือสำราญเปิดเปลือกกล่องแห่งความสุขนี้ให้คุณ explorer ในโลกที่ไม่มีที่สิ้นสุด.

หมู่เกาะซานบลาส (San Blas Islands) ตั้งอยู่ท่ามกลางทะเลแคริบเบียน บริเวณชายฝั่งตะวันออกของโคลอน โดยประกอบไปด้วยเกาะเล็กและใหญ่ถึง 365 เกาะ มีเฉพาะประมาณ 50 เกาะที่มีผู้คนอาศัยอยู่ เรียกได้ว่าเป็นสรวงสวรรค์ที่ยังคงความบริสุทธิ์และวัฒนธรรมดั้งเดิมเต็มเปี่ยม ชาวคูนา (Kuna) ซึ่งเป็นชนเผ่าที่ปกครองดินแดนซานบลาส มีความภาคภูมิใจในประเพณีและภาษาท้องถิ่นของตน แม้จะได้รับอิทธิพลจากยุโรป หนึ่งในเกาะที่สำคัญคือเอล ปอร์เวนีร์ (El Porvenir) ซึ่งเป็นที่ตั้งของรัฐบาลของชาวคูนา ที่นี่คุณจะได้พบกับศิลปะและงานฝีมือดั้งเดิม โดยเฉพาะ “โมลา” (Mola) ซึ่งเป็นงานปักที่มีลวดลายสวยงาม และเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวเป็นของฝากที่ไม่ควรพลาด หญิงสาวในชุมชนสวมใส่เสื้อผ้าที่มีลวดลายพื้นบ้าน มีความโดดเด่นด้วยลวดลายเรขาคณิตและธรรมชาติ การมาเยือนหมู่เกาะซานบลาส นอกจากจะได้สัมผัสกับความสวยงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมที่หลากหลายแล้ว คุณยังสามารถเยี่ยมชมวิถีชีวิตที่แตกต่างและดื่มด่ำกับอารมณ์ของการเดินทางที่น่าจดจำ ที่นี่คือประตูสู่ประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ไม่เหมือนใครในโลกแห่งการเดินเรือสำราญ.

ท่าเรือฟวยร์เต ซาน โลเรนโซ (Fuerte San Lorenzo) ตั้งอยู่ที่ประเทศปานามา เป็นสถานที่ที่เติมเต็มประสบการณ์การเดินทางด้วยเสน่ห์แห่งประวัติศาสตร์และธรรมชาติที่งดงาม ท่าเรือแห่งนี้ไม่เพียงเป็นจุดแวะพักของเรือสำราญ แต่ยังเป็นประตูสู่ความงดงามของทะเลแคริบเบียนที่รายล้อมไปด้วยทัศนียภาพที่สดใสและอุดมสมบูรณ์ ฟวยร์เต ซาน โลเรนโซ ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 เพื่อป้องกันการโจมตีจากโจรสลัดและชนเผ่าต่างๆ ปัจจุบันที่นี่ได้กลายเป็นมรดกโลกของยูเนสโก โดยมีโครงสร้างป้อมปราการที่แสดงถึงศิลปวัฒนธรรมเก่าแก่ นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมและสัมผัสประวัติศาสตร์ได้อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ยังสามารถสำรวจอุทยานแห่งชาติของปานามา ซึ่งเต็มไปด้วยพืชพรรณและสัตว์ป่าที่หาชมได้ยาก อาทิเช่น นกหายากและสัตว์ทะเลที่มีชีวิตชีวา ท่าเรือฟวยร์เต ซาน โลเรนโซ ยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเดินทางไปสัมผัสวัฒนธรรมที่หลากหลาย และพบปะผู้คนท้องถิ่นที่มีความอบอุ่น ซึ่งจะทำให้ทริปของคุณเป็นที่ประทับใจและไม่รู้ลืม หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์ที่ลงตัวระหว่างประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ และวัฒนธรรม ฟวยร์เต ซาน โลเรนโซ จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง เริ่มต้นการผจญภัยที่อบอวลไปด้วยความสงบและความงดงาม ณ ประเทศปานามาได้แล้ววันนี้!

ท่าเรือโคลอน (Colón) ตั้งอยู่ที่ปลายสุดของคลองปานามา ฝั่งทะเลแอตแลนติก เป็นศูนย์กลางที่สำคัญไม่เพียงแต่ในฐานะท่าเรือที่ยุ่งเหยิง แต่ยังเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และเสน่ห์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว ในอดีตชื่อเมืองนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงมาจาก Aspinwall ซึ่งตั้งชื่อตามวิศวกรรถไฟชาวอเมริกันสมัยศตวรรษที่ 19 แต่ในปัจจุบันโคลอนได้กลายเป็นที่รู้จักในนามของคริสโตเฟอร์โคลัมบัส เมืองนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 1850 และเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วหลังจากการสร้างรถไฟข้ามปานามา การพัฒนาเพิ่มเติมได้รับแรงกระตุ้นจากความพยายามในการสร้างคลองโดยฝรั่งเศส แต่ด้วยเหตุการณ์ไฟไหม้รุนแรงในปี 1885 เมืองนี้ต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้งในสไตล์สถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลจากฝรั่งเศส ในด้านการค้า โคลอนมีโซนปลอดภาษีที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก หรือที่เรียกกันว่า ซูนา ลิเบร ซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้าขนาดยักษ์และสินค้าหลากหลายประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าขายส่งที่กลายเป็นแรงดึงดูดสำหรับนักธุรกิจและนักท่องเที่ยว สัมผัสกับวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อันลึกล้ำที่โคลอน เปิดประตูสู่การผจญภัยใหม่ ๆ ที่รอคอยคุณอยู่บนเส้นทางการเดินทางครั้งต่อไป!