
02-27217300
02-27217179
service@siloahtravel.com
Monday ~ Friday 09:00-18:00
14F.-3, No.137, Sec. 1, Fuxing S. Rd., Da’an Dist., Taipei City 106, Taiwan
Representative: Tung-Hua Tai
VAT: 43871553
交觀甲793500 品保北2260 隱私權條款
IATA: 96137764
Copyright © 2025 Siloah Travel Co., Ltd.. All rights reserved.

เรือสำราญเซเว่น ซีส์ มารีเนอร์
เรเจนท์ เซเว่น ซีส์ ครูซส์


ท่าเรือเซาแธมป์ตัน นับเป็นท่าเรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ ตั้งอยู่ที่ปากอ่าวเซาแธมป์ตัน ระหว่างแม่น้ำเทสต์และอิตเชน เมืองแห่งนี้เคยเป็นศูนย์กลางการค้าขายที่สำคัญมาตั้งแต่สมัยกลาง โดยมีการส่งออกขนสัตว์และหนังสัตว์จากพื้นที่รอบ ๆ และนำเข้าผลิตภัณฑ์ไวน์จากบอร์โดซ์ แม้เซาแธมป์ตันจะต้องเผชิญกับการทำลายล้างอย่างหนักในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แต่เมืองนี้ก็ได้ฟื้นฟูและสร้างสรรค์ใหม่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว ด้วยอาคารยุคกลางที่ยังคงเหลืออยู่ เช่น บาร์เกต (Bargate) ที่ถือเป็นหนึ่งในประตูเมืองที่สวยงามที่สุดในอังกฤษ นอกจากท่าเรืออันทันสมัยแล้ว เซาแธมป์ตันยังมีกิจกรรมหลากหลายสำหรับนักเดินทาง ที่สามารถสำรวจเมืองแห่งประวัติศาสตร์และเต็มไปด้วยศิลปะ เช่น พิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ที่นำเสนอผลงานศิลปะระดับโลก และยังเป็นจุดเริ่มต้นที่เหมาะสำหรับการออกไปสัมผัสเสน่ห์ของเมืองใกล้เคียง อย่างบอร์นมัธ และสนามกอล์ฟที่สวยงาม การมาที่เซาแธมป์ตันจึงไม่เพียงแค่การเริ่มต้นการเดินทางด้วยเรือสำราญ แต่ยังเป็นโอกาสในการดื่มด่ำกับความงดงามทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของอังกฤษอย่างไม่รู้จบ

เมืองฮอนฟลอร์ (Honfleur) ตั้งอยู่บนชายฝั่งของ Côte Fleurie ในฝรั่งเศส ถือเป็นหนึ่งในเมืองชายทะเลที่มีความงดงามแบบคลาสสิคที่ไม่เหมือนใคร ด้วยบ้านไม้กึ่งปูนที่เรียงรายอยู่ตามถนนอิฐประดับ ซึ่งสร้างบรรยากาศสวยงามชวนฝัน เมืองนี้ยังคงอนุรักษ์สถาปัตยกรรมสมัยฟื้นฟูที่งดงาม โดยเฉพาะเมืองเก่าฝั่งท่าเรือ Vieux Bassin ซึ่งเปรียบเสมือนแก่นของสังคมตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 17 ที่ท่าเรือแห่งนี้ ใต้บรรยากาศที่เงียบสงบ มีบ้านหินสองชั้นที่มีหลังคาแบบลาดชัน และบ้านสูงที่ตกแต่งด้วยแผ่นหินที่ทำให้ทิวทัศน์รอบด้านมีเสน่ห์เกินบรรยาย นอกจากนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางทางทะเลสำคัญ รวมถึงการเดินทางไปยังแคนาดาในอดีต และยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับศิลปินอิมเพรสชันนิสต์ที่ได้มาเยี่ยมชมและสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ วันนี้ เมืองฮอนฟลอร์ยังคงมีชีวิตชีวา แม้จะมีผู้คนมาเยือนเพิ่มขึ้นนับตั้งแต่เปิดสะพาน Pont de Normandie ในปี 1995 ที่เชื่อมต่อลุ่มน้ำเหนือของนอร์มานดี เป็นสะพานแขวนที่สูงกว่าหอไอเฟล ยิ่งทำให้ฮอนฟลอร์เป็นจุดหมายที่ต้องไปสัมผัสด้วยตนเองในทริปที่หรูหราและเต็มไปด้วยความประทับใจแห่งนี้

ในใจกลางของเกาะเกิร์นซีย์ จะมีท่าเรือที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อย่าง เซนต์ปีเตอร์พอร์ต ท่าเรือที่น่าหลงใหลนี้เป็นจุดหมายปลายทางที่คุณจะประทับใจตั้งแต่ก้าวแรก ด้วยถนนที่ปูด้วยหินและดอกไม้สวยงามที่เบ่งบานตามมุมถนนทุกเส้น รวมถึงโบสถ์เล็กๆ ที่ให้บรรยากาศอบอุ่นและโรแมนติก เป็นเมืองหลวงของเกิร์นซีย์ เซนต์ปีเตอร์พอร์ตมีทุกสิ่งที่คุณต้องการในการสำรวจสัมผัสประวัติศาสตร์ที่น่าทึ่งและชายหาดที่สวยงาม ที่สำคัญคือ ป้อมปราการเก่าแก่ของคาสเซิลคอร์เน็ต ที่มีอายุกว่าร้อยปี ตั้งตระหง่านอยู่เหนือท่าเรือ เป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดที่คุณจะได้เห็นทิวทัศน์อันงดงามของอ่าว และชายฝั่งของเกาะอื่นๆ ในช่องแคบอังกฤษ นอกจากนี้ ภายในคาสเซิลยังมีสวนสวย สถานที่จัดแสดงนิทรรศการทางประวัติศาสตร์ รวมถึงพิพิธภัณฑ์ที่นำเสนอเรื่องราวต่างๆ ของเกิร์นซีย์ ทำให้คุณต้องใช้เวลาสำรวจอย่างเพลิดเพลิน ไม่ว่าคุณจะเป็นนักท่องเที่ยวที่มองหาประสบการณ์การเดินทางที่แตกต่าง หรือผู้ที่ต้องการพักผ่อนในบรรยากาศที่เงียบสงบ เซนต์ปีเตอร์พอร์ตสามารถตอบโจทย์คุณได้อย่างครบถ้วน

เซนต์-มาลโล (Saint-Malo) เมืองท่าแห่งความโรแมนติกที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งเหนือของฝรั่งเศส เป็นจุดหมายที่ต้องไปเยือนสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสกับประวัติศาสตร์แห่งการเดินเรือและความงดงามของทะเล นับตั้งแต่สมัยก่อน เซนต์-มาลโลได้ชื่อว่าเป็นแหล่งกำเนิดของนักเดินเรือที่ยิ่งใหญ่ รวมไปถึงนักสำรวจที่มีชื่อเสียงอย่าง ฌาค คาร์เตียร์ ผู้ซึ่งเคยประกาศสิทธิ์ในแคนาดาให้กับฝรั่งเศสในปี 1534 เมืองนี้เคยถูกเรียกว่า "เมืองโจรสลัด" เนื่องจากมีนักโจรสลัดชื่อก้องอย่าง โรเบิร์ต ซูร์คุฟ และดูเกย์-ทรูอิน ที่ทำให้เซนต์-มาลโลรุ่งเรืองจากการล่าเมืองต่างชาติ แม้ว่าในปี 1944 เซนต์-มาลโลจะได้รับความเสียหายจากไฟไหม้ที่เกิดจากการต่อสู้ในสงคราม แต่เมืองเก่าก็ได้รับการฟื้นฟูให้กลับคืนสู่ความงามเช่นเดิม ปัจจุบัน, นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่นในถนนแคบพอ ๆ กับสัมผัสความงามของบ้านหินแกรนิตในย่าน Vieille Ville และชมปราสาทที่ตั้งตระหง่าน ท่าเรือแห่งนี้ยังคงเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการพักผ่อนริมทะเล หากคุณต้องการหลีกหนีจากฝูงชน ควรมาที่นี่ในฤดูนอกฤดูท่องเที่ยว รอคอยที่จะสัมผัสกับมนต์เสน่ห์ที่ไม่ซ้ำใครของเซนต์-มาลโล สถานที่ที่เก็บรักษาประวัติศาสตร์และการผจญภัยในตำนานไว้อย่างน่าหลงใหล.


ท่าเรือ La Rochelle ในประเทศฝรั่งเศส เป็นจุดหมายปลายทางที่งดงามและยิ่งใหญ่สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศแห่งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่เต็มไปด้วยมนต์ขลัง เรือสำราญที่แวะจอดที่นี่จะให้โอกาสคุณได้สำรวจเมืองเก่าอันมีเสน่ห์ โดยเฉพาะมาร์ชี่จอห์นซิตี้ (Vieux Port) และหอคอยไตร (Tour de la Chaîne) ที่เป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมือง เมื่อคุณเดินชมเมือง จะได้พบกับอาคารสไตล์เรอเนสซองส์และการตกแต่งที่บ่งบอกถึงประวัติศาสตร์อันยาวนาน เป็นสถานที่เหมาะสำหรับการใช้เวลานั่งจิบไวน์ในร้านกาแฟกลางแจ้ง พร้อมกับการดื่มด่ำกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของทะเล แน่นอนว่า La Rochelle ยังเป็นแหล่งรวมของอาหารทะเลสดใหม่ เต็มไปด้วยประสบการณ์การชิมที่คุณไม่ควรพลาด นอกจากนี้ ท่าเรือลา โรเชล ยังตั้งอยู่ใกล้กับเกาะ Ile de Ré ซึ่งเชื่อมต่อกันด้วยสะพานที่งดงาม ทำให้คุณสามารถสัมผัสกับบรรยากาศของเกาะที่สงบสุข และซึมซับความงามของธรรมชาติโดยรอบได้อย่างเต็มที่ สถานที่แห่งนี้ถือเป็นจุดหมายที่สมบูรณ์แบบสำหรับการสร้างความทรงจำอันมีค่าในการเดินทางไปยังแดนฝรั่งเศสที่คุณจะไม่มีวันลืม

เซนต์ฌอง-เดอ-ลูซ (Saint-Jean-de-Luz) เป็นท่าเรือที่สวยงามในเขตบาสก์ของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก เป็นจุดหมายที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นชายหาด ท่าเรือดั้งเดิม หรือบรรยากาศของชุมชนที่เป็นมิตรแห่งนี้ เมื่อคุณเดินทางมายังเซนต์ฌอง-เดอ-ลูซ คุณจะได้สัมผัสกับภูมิทัศน์ที่งดงามและทางเดินเลียบชายหาดที่เต็มไปด้วยความสดชื่น จากการชมเรือประมงที่จับปลาแบบดั้งเดิม คุณยังสามารถเดินเล่นในตรอกซอกซอยที่เต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารที่เสิร์ฟอาหารทะเลสดใหม่ โดยเฉพาะจานที่ทำจากกุ้งและปลาพื้นบ้าน อีกทั้งเซนต์ฌอง-เดอ-ลูซยังมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน หากคุณสนใจในวัฒนธรรม ท่านจะได้เยี่ยมชมโบสถ์เซนต์ฌอง-แบพติสต์ ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามและสำคัญในอดีต การเดินทางมาที่ท่าเรือนี้จึงไม่เพียงแค่การมาหยุดพักบนชายหาด แต่คือการค้นพบความงามและวัฒนธรรมที่ลึกซึ้งของฝรั่งเศสในทุกๆ มุมที่คุณไปเยือน และสร้างสรรค์ความฝันในทุกก้าวเดินของคุณในเมืองแห่งนี้

บิลบาว (Bilbao) เมืองที่ตั้งอยู่ในแคว้นบาสก์ ของประเทศสเปน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางศิลปะและสถาปัตยกรรมได้สร้างความโดดเด่นให้กับเมืองนี้อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน หลังจากการเปิดตัวพิพิธภัณฑ์กุกเกนไฮม์ (Guggenheim Museum) ที่ออกแบบโดย Frank Gehry เมืองนี้ได้กลายเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมแห่งใหม่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างมากมาย นอกจากพิพิธภัณฑ์แล้ว สถานที่สำคัญอื่น ๆ เช่น สถานีรถไฟใต้ดินที่ออกแบบโดย Norman Foster และสวนสาธารณะ Abandoibarra ก็เป็นจุดเด่นที่ไม่ควรพลาดในการเยือนเมืองนี้ อย่าลืมเดินชมย่านเก่าของบิลบาวที่เรียกว่า "คาสโก วิเอโก" (Casco Viejo) ซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารที่มีเสน่ห์ แถมยังมีตลาดกลางแจ้งที่ Plaza Nueva ซึ่งจัดขึ้นทุกเช้าวันอาทิตย์ ในการเดินเล่นริมแม่น้ำเนร์บิโอ (Nervión) คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศอันงดงาม ที่มีความรุ่งเรืองจากอดีตสู่ปัจจุบัน สำหรับผู้หลงใหลในอาหาร บิลบาวมีชื่อเสียงด้านความอร่อย โดยเฉพาะอาหารบาสก์ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง และหากมีโอกาส อย่าลืมขึ้นรถราง Euskotram เพื่อสัมผัสการเดินทางริมแม่น้ำใจกลางเมือง มาร่วมตะลุยและค้นพบความงดงามของบิลบาว ที่คุณจะจดจำไปตลอดชีวิต!

ลาคอรุญ่า คือเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคกาลิเซีย ประเทศสเปน และเป็นหนึ่งในท่าเรือที่คึกคักที่สุดของประเทศ ตั้งอยู่ในมุมตะวันตกเฉียงเหนือของคาบสมุทรไอบีเรีย โดยมีทิวทัศน์ที่เขียวชอุ่มและหมอกลงหนา แตกต่างจากภูมิภาคอื่น ๆ ของสเปน ชื่อ "กาลิเซีย" มีรากศัพท์มาจากภาษาเซลติก ซึ่งเป็นที่อยู่ของเซลติคในช่วงศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์ศักราช ลาคอรุญ่า เคยเป็นท่าเรือที่สำคัญตั้งแต่สมัยโรมัน และพัฒนาเป็นศูนย์กลางการค้าขายที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 15 เมื่อได้รับสิทธิในการค้ากับอเมริกาในปี 1720 ความงดงามของลาคอรุญ่าสะท้อนผ่านอาคารแบบกระจกซึ่งทำให้เมืองนี้ได้รับชื่อว่า "เมืองแห่งคริสตัล" และสถานที่สำคัญอย่างจัตุรัสมาเรียพิทา ซึ่งเป็นเกียรติแก่หญิงผู้กล้าที่เคยปกป้องเมืองในปี 1589 ปัจจุบัน เมืองประกอบด้วยสามเขตที่แตกต่างกัน ได้แก่ เขตกลางเมือง ธุรกิจ และ “เอนซานเช่” ที่มีคลังสินค้าและโรงงาน อย่าพลาดโอกาสในการสำรวจวัฒนธรรมท้องถิ่นและสัมผัสกับประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของเมืองนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยความน่าสนใจและแรงบันดาลใจที่ทำให้ผู้มาเยือนต้องกลับมาอีกครั้ง.


ท่าเรือลิสบอนตั้งอยู่ริมน้ำแทกุส สร้างขึ้นบนเนินเขาสูงเจ็ดลูก ซึ่งทำให้ลิสบอนกลายเป็นเมืองที่งดงามและเปล่งประกายด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมที่หลากหลายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พร้อมทั้งรถรางไม้ที่ให้บรรยากาศย้อนยุค อันเป็นเอกลักษณ์ของเมืองแห่งนี้ ท่านจะได้เดินเล่นใน Praça do Comércio ซึ่งคือจัตุรัสอันกว้างใหญ่ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ที่ถูกออกแบบให้สวยงามโดยมาร์คิวสแห่งปอมบาล หลังจากแผ่นดินไหวที่ทำลายล้างในศตวรรษที่ 18 การเยี่ยมชมลิสบอนจึงไม่เพียงแค่ชมความงามพระอาทิตย์ตกแบบโรแมนติกใต้สะพาน 25 Abril แต่ยังมีกิจกรรมช้อปปิ้งและสัมผัสวัฒนธรรมในเมืองเก่า ที่สร้างอยู่บนเนินเขาที่ลาดเอียง การแวะเยือนของเรือสำราญที่ท่าเรือลิสบอนทำให้ท่านมีโอกาสสัมผัสทั้งวัฒนธรรมและความงามของเมืองที่ไม่สิ้นสุด ซึ่งรอให้คุณได้ค้นพบในทุกมุมถนน รับประสบการณ์อันหรูหราจากการเดินทางในครั้งนี้ และสัมผัสความมหัศจรรย์ของลิสบอนที่สามารถทำให้หัวใจคุณเต้นแรงได้ในทุก ๆ ช่วงเวลา

พอร์ติมาน (Portimão) เมืองท่าสำคัญของโปรตุเกส ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลที่สวยงาม ได้รับการลงทุนอย่างมากในการพัฒนาเป็นท่าเรือสำราญที่น่าสนใจพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก นอกจากจะเป็นศูนย์กลางการประมงที่สำคัญแล้ว พอร์ติมานยังมีเสน่ห์ที่น่าหลงใหล ด้วยถนนช้อปปิ้งที่หลากหลายและบรรยากาศที่กว้างขวางถึงจะมีธุรกิจบางแห่งต้องปิดตัวลงไป แต่ความมีชีวิตชีวาของเมืองนี้ยังคงน่าดึงดูดอยู่ แนะนำให้คุณใช้เวลาสักครู่ในการเดินเล่นที่ริมน้ำ ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างสะพานเก่าและสะพานรถไฟ เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการสำรวจการล่องเรือชมชายฝั่งที่งดงาม และอย่าลืมแวะจิบกาแฟหรือทานอาหารกลางแจ้งที่คาเฟ่ Doca da Sardinha ที่ซึ่งคุณจะได้สัมผัสประสบการณ์อันยอดเยี่ยมของการรับประทานปลาซาร์ดีนย่างบนเตา พร้อมกับขนมปังสดและไวน์ท้องถิ่นที่มีเสน่ห์ ไม่เพียงแต่จะทำให้คุณอิ่มท้อง แต่ยังเป็นการสร้างความทรงจำที่ยากจะลืมอีกด้วย พอร์ติมานจึงไม่ใช่เพียงแค่จุดแวะพักระหว่างการเดินทาง แต่คือแรงบันดาลใจใหม่ในการสำรวจวัฒนธรรม อาหาร และทิวทัศน์ที่สืบทอดต่อกันมาในโปรตุเกส.

เมือง Cádiz ตั้งอยู่บนคาบสมุทรที่สวยงามในแคว้นอันดาลูเซีย คือ หนึ่งในท่าเรือที่มีความสำคัญและมีเสน่ห์ที่สุดในสเปน ด้วยประวัติศาสตร์กว่า 3,000 ปี ทำให้ Cádiz เป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์ด้วยบ้านสีขาวสวยงามและระเบียงที่ตกแต่งด้วยดอกไม้หลากสี สัมผัสบรรยากาศสบายๆ ผ่านการเดินเล่นที่ Plaza de España ซึ่งมีอนุสาวรีย์ที่ระลึกถึงรัฐธรรมนูญสเปนฉบับแรกที่ถูกลงนามในปี 1812 สองข้างทางเดินริมทะเลที่สวยงามเชื่อมโยงกันดึงดูดผู้มาเยือนให้เพลิดเพลินไปกับวิวทะเลแอตแลนติกอันกว้างใหญ่ นอกจากนี้ ยังมีสวนสาธารณะ Parque Genoves ที่ตั้งอยู่ใกล้หาดซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อนที่โดดเด่น มีโรงละครกลางแจ้งและสวนแนวปาล์ม ทำให้ที่นี่เป็นจุดที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนในวันสบายๆ อีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่ไม่ควรพลาดคือมหาวิหารสไตล์นีโอคลาสสิกที่มีโดมทองอร่าม สถานที่แห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นท่าเรือที่มีชื่อเสียง แต่ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่รอให้คุณสัมผัสในทุกๆ หัวใจของการเดินทางในสเปน

ท่าเรือแทนเจียร์ ประเทศโมร็อกโก ตั้งอยู่ ณ จุดกรอบของมหาสมุทรแอตแลนติกและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนาน ตั้งแต่สมัยฟินิเชียนและกรีกโบราณ แทนเจียร์ได้รับชื่อมาจาก Tinge มารดาของฮีราคลิทัส สัญลักษณ์แห่งตำนานที่สะท้อนถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรม ซึ่งปรากฏชัดตั้งแต่อดีตเมื่อเคยเป็นจังหวัดของโรมันและผ่านการปกครองจากหลายประเทศ รวมถึงสเปน โปรตุเกส ฝรั่งเศส และอังกฤษ เมืองแทนเจียร์ตั้งอยู่บนชายฝั่งที่มองเห็นช่องแคบยิบรอลตาร์ และถือเป็นจุดเชื่อมโยงสองทวีป ทำให้เป็นสถานที่ที่มีทัศนียภาพงดงามสุดตระการตา ไม่ว่าคุณจะสำรวจเมืองเก่ากับซุ้มประตูที่สวยงาม หรือเดินเล่นอย่างสบายในย่านใหม่ที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่เก๋ไก๋ คุณจะพบกับศิลปะและวัฒนธรรมที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว สำรวจด้านต่างๆ ของเมืองผ่านกิจกรรมหลากหลาย เช่น ชิมอาหารท้องถิ่นที่อร่อย หรือเยี่ยมชมตลาดพื้นบ้านที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ลงทุนในประสบการณ์ที่ให้คุณเข้าใจลึกซึ้งในจิตวิญญาณของแทนเจียร์ เรียนรู้ที่จะรักในความหลากหลายทางวัฒนธรรมและมิตรภาพที่อบอุ่นของชาวเมือง แล้วคุณจะรู้สึกได้ถึงเสน่ห์ที่ซ่อนเร้นของเมืองนี้ในทุกก้าวที่คุณเดินทาง

เมื่อคุณขึ้นเรือเข้ามาสู่ท่าเรือมาลาก้า คุณจะรู้สึกได้ถึงความงดงามของเมืองที่ตั้งอยู่ระหว่างชายฝั่งที่มีชื่อเสียงแห่งคอสตา เดล โซล (Costa del Sol) เมืองนี้เต็มไปด้วยสีสันและชีวิตชีวา ตั้งอยู่ในภูมิภาคลาซาร์กวา (La Axarquía) ที่มีกระท่อมประมง หากพูดถึงความเป็นแบบดั้งเดิมของสเปน นอกจากนี้ยังมีหมู่บ้านและทุ่งนา ที่รอให้คุณได้สัมผัสบรรยากาศชวนฝัน มาลาก้ายังเป็นศูนย์กลางการเข้าถึงเมืองต่าง ๆ ของอันดาลูเซียที่มีเสน่ห์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมที่น่าทึ่ง เช่น กรานาดาและเซบีย่า ในขณะที่ภูเขาเพนิเบติกา (Penibética) เป็นฉากหลังที่งดงาม ปกป้องเมืองจากลมหนาวจากทางเหนือ ทำให้ภูมิภาคนี้กลายเป็นสถานที่หลบภัยที่มีเสน่ห์และรักษาความอบอุ่นได้ตลอดทั้งปี มาลาก้าไม่เพียงแค่เป็นสถานที่ที่หยุดพักของเรือสำราญ แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยในสเปน ทั้งการชิมอาหารท้องถิ่นที่แสนอร่อย และการสำรวจความสวยงามของธรรมชาติที่รอให้คุณได้ค้นพบ เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับประสบการณ์ที่น่าจดจำภายใต้แสงแดดของคอสตา เดล โซล!


คาร์ตาเฆนา ตั้งอยู่ในภูมิภาคมูร์เซีย ทางตะวันออกเฉียงใต้ของสเปน เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และเป็นท่าเรือสำคัญของกองทัพเรือสเปน จากอ่าวที่เงียบสงบซึ่งเป็นที่พักพิงของเรือสินค้าต่าง ๆ มานานหลายศตวรรษ เมืองนี้ก่อตั้งโดยคาร์เธจในปี 223 ก่อนคริสต์ศักราช และได้รับชื่อว่า "การ์ตาโก โนวา" นอกจากนี้ยังเคยเป็นอาณานิคมโรมันที่เฟื่องฟู จนกระทั่งขึ้นชื่อว่าเป็นศูนย์กลางการค้าของไบเซนไทน์อีกด้วย ในปัจจุบัน คาร์ตาเฆนายังคงมีความสำคัญด้านการทหาร ตั้งแต่สมัยของพระเจ้าเฟลิเป II ซึ่งได้สร้างกำแพงป้องกันเมืองเพื่อคุ้มครองท่าเรือ จนถึงยุคราชวงศ์บูร์บอนในศตวรรษที่ 18 เมืองนี้ยังคงมอบความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวด้วยโบราณสถานที่ฟื้นฟู เช่น โรงละครโรมันที่ได้รับการเปิดเผยและเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ปี 1988 เมื่อคุณมีเวลาว่าง อย่าลืมสัมผัสเสน่ห์ของคาร์ตาเฆนาผ่านการล่องเรือรอบท่าเรือที่มีประวัติศาสตร์ซึ่งให้บริการหลายครั้งต่อวัน ใช้เวลาประมาณ 40 นาที โดยไม่จำเป็นต้องจองล่วงหน้า ความงดงามของเมืองนี้จะทำให้คุณหลงรักและฝันถึงการกลับมาอีกครั้งอย่างแน่นอน

อาลิกันเต้ เมืองหลวงของจังหวัดวัลเลนเซีย เป็นประตูสู่การต้อนรับนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามายังรีสอร์ทในคอสตาบลังก้าทุกปี ด้วยภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียนที่อบอุ่นและชายหาดทรายทองที่ยาวเหยียด อาลิกันเต้เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การพักผ่อนในวันหยุดพักผ่อนอย่างแท้จริง แต่เมืองนี้ยังมีเสน่ห์มากกว่านั้นอีกหลายประการ ริมทะเลที่งดงามของอาลิกันเต้ตัดกับวิวของปราสาทซานตาบาร์บาราที่ตั้งตระหง่านเหนือเมือง ซึ่งสื่อถึงประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและซับซ้อน ชวนให้คุณสำรวจเส้นทางเดินชมวิวที่น่าตื่นตาตื่นใจ พร้อมสัมผัสกับประวัติศาสตร์ของชนชาติและวัฒนธรรมที่ริเริ่มมาจากหลากหลายยุคสมัย เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ชีวิตในอาลิกันเต้ยังคงคึกคักไม่หยุดนิ่ง ด้วยบรรยากาศของไนท์ไลฟ์ที่เต็มไปด้วยสีสันและร้านอาหารที่เสิร์ฟอาหารเมดิเตอร์เรเนียนรสเลิศครบครัน ไม่ว่าคุณจะเป็นนักท่องเที่ยวที่หลงใหลในความสวยงามของธรรมชาติ หรือผู้ที่สนใจในวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ อาลิกันเต้คือจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดในการเดินทางสู่ประเทศสเปนที่เต็มไปด้วยเสน่ห์เหล่านี้!

อิบิซา (Ibiza) เกาะสุดหรูแห่งประเทศสเปน โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ที่ผสมผสานทั้งความหรูหราของโลกสมัยใหม่กับประวัติศาสตร์อันล้ำค่า อกเหนือท่าเรือคือเมือง Dalt Vila ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกในปี 1999 แวดล้อมไปด้วยกำแพงหินขนาดใหญ่ที่บ่งบอกถึงอารยธรรมโบราณ ภายในยังมีวิหารโกธิคที่สวยงามสะดุดตา การเดินเล่นใน Sa Penya คือประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาด ถนนหินปูนที่แสดงถึงความมีชีวิตชีวาของเมือง เหมาะสำหรับการช้อปปิ้งสินค้าแนวสร้างสรรค์ ลิ้มลองขนมหวานท้องถิ่น และค้นพบรายละเอียดที่ซ่อนอยู่ ไม่ว่าคุณจะเลือกนั่งชิลล์ในคาเฟ่ริมทะเล หรือเพลิดเพลินกับคืนเร้าใจในคลับชื่อดัง ความหลากหลายนี้สร้างเสน่ห์ให้กับอิบิซา การเยือนอิบิซาไม่เพียงแต่เป็นการสัมผัสกับความบันเทิง นอกจากนี้ยังเป็นการเดินทางสู่อดีตที่ทำให้คุณค้นพบความงามและวัฒนธรรมของเกาะแห่งนี้ในทุกมุมมอง เตรียมตัวให้พร้อมเพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครในหัวใจของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน!

ปัลม่า เดอ มายอร์กา เมืองหลวงที่มีเสน่ห์ของเกาะมายอร์กาในสเปน เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่หลากหลาย เมื่อเดินทางมาที่ท่าเรือ ปัลม่า คุณจะได้พบกับคาเฟ่และร้านค้าแนวทันสมัยที่ตั้งอยู่ในตัวเมือง การเยี่ยมชมโบสถ์ La Seu ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมือง จะทำให้คุณได้สัมผัสกับความงดงามของสถาปัตยกรรมโกธิคที่ล้ำค่าจริงๆ ไม่ไกลจากนั้น สวนสาธารณะ Parc de la Mar มอบบรรยากาศผ่อนคลาย ท่ามกลางวิวทะเลอันสวยงาม คุณสามารถเดินเล่นไปตามแนวกำแพงเมืองเก่า Ses Voltes ที่ไปตามรอบของโบสถ์พร้อมชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ฉายแสงสะท้อนบนหน้าผาอันงดงาม สำหรับผู้ที่รักการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ให้แวะชม Museu d'Es Baluard ซึ่งจัดแสดงผลงานศิลปะร่วมสมัย ผสมผสานระหว่างศิลปะและวิวทะเลอันน่าหลงใหล เมืองปัลม่าไม่เพียงแค่เป็นที่จอดเรือสำราญ แต่อย่างไรยังเป็นเวทีที่ให้คุณได้ค้นพบความงามและประสบการณ์ใหม่ๆ ในการเดินทางที่ไม่มีวันลืมเลือน สัมผัสชีวิตในสไตล์ที่สุดขีด ณ ปัลม่า เดอ มายอร์กา และให้ความฝันของคุณเป็นจริงในดินแดนแห่งนี้!


บาร์เซโลนา สเปน เมืองที่ไม่เคยหลับใหล เต็มไปด้วยสีสันและชีวิตที่คึกคัก เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด ด้วยเสน่ห์ที่ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมโบราณและทันสมัย บาร์เซโลนาพร้อมให้คุณลิ้มรสประสบการณ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่ทิวทัศน์งดงามของย่านบาร์รี โกธิค (Barri Gòtic) ที่เต็มไปด้วยซอกมุมแห่งประวัติศาสตร์ ไปจนถึงความสวยงามของงานศิลปะและสถาปัตยกรรมแบบนูโวที่ไม่ซ้ำใคร การเดินเล่นเลียบเลาะเลนด์ลาฟลามบลา (La Rambla) และชายหาดบาร์เซโลเนต้า (Barceloneta) จะทำให้คุณได้สัมผัสกับบรรยากาศริมทะเลที่อบอุ่น และการชมโบสถ์ซากราดา ฟามีเลีย (Sagrada Família) ผลงานชิ้นเอกของอันโตนี เกาดี ที่สะท้อนถึงความละเอียดอ่อนทางศิลปะอย่างแท้จริง ไม่เพียงเท่านี้ บาร์เซโลนายังมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่และร้านค้าที่โดดเด่นที่จะทำให้คุณหลงใหลตลอดทั้งวัน สัมผัสวัฒนธรรมและความตื่นเต้นในยามค่ำคืนด้วยการเพลิดเพลินกับไวน์และอาหารท้องถิ่นในบาร์ทาปาสที่มีชีวิตชีวา ขอเชิญคุณมาสำรวจบาร์เซโลนา เมืองที่ดูแลคุณด้วยประสบการณ์ด้านรสชาติและความงามในทุกแง่มุม!

ท่าเรือปาลาโมส ตั้งอยู่บนชายฝั่งคอสตาบราวาในสเปน เป็นจุดหมายที่หลอมรวมความงดงามของธรรมชาติและประวัติศาสตร์อันยาวนาน ตั้งอยู่ห่างจากบาร์เซโลนาประมาณ 36 ไมล์ เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในอ่าวธรรมชาติที่ลึกที่สุดในเมดิเตอร์เรเนียนตะวันตก ทำให้ที่นี่มีความสำคัญทั้งด้านการค้าวรรณกรรมและการประมง ด้วยบรรยากาศที่ยังคงความเป็นหมู่บ้านชาวประมง ปาลาโมสยังมอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครให้กับผู้มาเยือน ทั้งการเดินชมท่าเรือที่คึกคัก ที่นี่ยังมีกิจกรรมการประมูลปลา ซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่น่าสนใจ นอกจากนี้ผู้ที่รักศิลปะไม่ควรพลาดการเยี่ยมชมเมืองฟิกูเรส ที่มีพิพิธภัณฑ์ดาลีชื่อดังซึ่งเป็นสถานที่แห่งแรกที่เชื่อมโยงกับศิลปินเซอร์เรียลลิสต์ ซัลวาดอร์ ดาลี การเดินทางมายังปาลาโมสไม่เพียงแต่เพื่อเพลิดเพลินกับชายหาดที่สวยงาม แต่ยังมีโอกาสที่จะสำรวจเมืองจิโรนา เมืองหลวงของจังหวัดที่ขึ้นชื่อด้านสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมอันร่ำรวย เต็มไปด้วยความหลงใหลในเรื่องราวและศิลปกรรมที่มีมายาวนาน ปาลาโมสจึงเป็นทางเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับการเริ่มต้นการเดินทางอันน่าตื่นเต้นในแคว้นคาตาลูญญา


เซนต์-ทรอเปซ หรือ Saint-Tropez เมืองเมดิเตอร์เรเนียนที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ไม่เพียงแค่เป็นท่าเรือที่งดงาม แต่มันยังเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความหรูหราและวัฒนธรรมที่หลากหลาย เมืองนี้ทำให้เราหลงใหลตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้าสู่ท่าเรือ มีร้านกาแฟสวยงามที่เสิร์ฟกาแฟในราคาสูง ถึงแม้จะมีทัศนียภาพของเมืองเก่าที่สวยงาม แต่ก็มีกฎเกณฑ์ที่แตกต่างออกไปที่ทำให้การเดินทางมาที่นี่สุดวิเศษ เซนต์-ทรอเปซเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกเพราะ "บริจิตต์ บาร์โด" ดาราฮอลลีวูดชื่อดังที่เคยมากับโรเจอร์ วาดิม เมื่อปี 1956 จุดเริ่มต้นแห่งความโด่งดังทำให้เมืองนี้กลายเป็นแหล่งรวมของเศรษฐีและคนมีชื่อเสียงจากทั่วทุกมุมโลก ทั้งยังเต็มไปด้วยงานปาร์ตี้สุดหรูและยอมหรูซึ่งผู้คนต่างมารวมตัวกันเพื่อสนุกสนานในบรรยากาศที่มีชีวิตชีวา ที่นี่คุณจะได้สัมผัสกับชายหาดที่งดงาม ร้านขายของที่มีเสน่ห์ และบ้านเรือนไฮโซที่โดดเด่น เช่นเดียวกับนักเขียนและศิลปินชื่อดังที่ในอดีตเคยมาเยือน ที่เซนต์-ทรอเปซเป็นสถานที่ที่มีความลับซ่อนอยู่มากมาย แม้จะมีคนหนาแน่นในฤดูร้อน แต่ความเย้ายวนใจและเสน่ห์ของที่นี่กลับทำให้เราไม่อาจต้านทานได้ และยากที่จะหาเมืองไหนที่สามารถดึงดูดบรรดานักท่องเที่ยวได้เท่านี้อีกแล้ว

มอนาโก ดินแดนอันเล็กแต่เปี่ยมไปด้วยความหรูหรา เป็นสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยเสน่ห์ระหว่างฝรั่งเศสและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ดินแดนแห่งนี้ที่มีขนาดเพียง 202 เฮกตาร์ เป็นที่รู้จักในฐานะฐานที่มั่งคั่งของเหล่าขุนนางและนักพนัน ด้วยคาสิโนชื่อดังก้องโลกและสนามแข่งม้าอันเลื่องชื่อ เหมาะแก่การสัมผัสบรรยากาศสุดพิเศษที่หาได้จากที่นี่ เมื่อเดินทางมาเพื่อเยี่ยมชมมอนาโก คุณจะพบกับพระราชวังแห่งมอนาโกที่ตั้งอยู่โดดเด่น บรรยากาศที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์อยู่ท่ามกลางวิวทะเลอันงดงาม นอกจากนี้ บริเวณท่าเรือที่ลาดตระเวนด้วยเรือยอชต์หรูยังเป็นจุดที่ยอดเยี่ยมในการเพลิดเพลินกับการรับประทานอาหารหรูหราหรือชื่นชมกับความงามของเมือง มอนาโกยังสามารถเข้าถึงได้ง่ายจากสนามบินนีซ โคต ดาเซอร์ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากดินแดนแห่งนี้เพียง 16 ไมล์ ระเบียงท้องฟ้าอันสดใส รอคอยที่จะเปิดกว้างให้คุณได้สัมผัสกับอารมณ์ของการเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่การเดินทางครั้งนี้ ทำให้มอนาโกเป็นปลายทางที่คุณไม่ควรพลาดในการเดินทางสู่ความงามและความหรูหราที่ดีที่สุดในยุโรป

ท่าเรือปอร์โตฟิโน่ (Portofino) ตั้งอยู่บนชายฝั่งของอิตาลี เป็นหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยความโรแมนติกและความหรูหรา ที่มีชื่อเสียงในการเป็นสถานที่พักผ่อนของคนชั้นสูงและเซเลบริตี้ มันเคยเป็นอาณานิคมโรมันที่ได้รับการปกครองจากหลายชาติ ทั้งฝรั่งเศส อังกฤษ สเปน และออสเตรีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในศตวรรษที่ 16 ซึ่งเป็นยุคของโจรสลัดที่มีชื่อเสียง ถึงแม้ว่าที่นี่จะไม่มีช่วงเวลาที่คึกคักมากนัก แม้ว่านักท่องเที่ยวจะเข้ามาจำนวนมากในช่วงกลางวัน แต่บรรยากาศในตอนเย็นจะกลับกลายเป็นบรรยากาศที่มีเสน่ห์ ด้วยการมองเห็นเรือยอชท์หรูหราที่ทอดอยู่บนผืนน้ำสีฟ้าของทะเลลิกูเรียน สิ่งที่นักท่องเที่ยวทำได้ที่ปอร์โตฟิโน่มักจะเป็นการเดินเล่นรอบท่าเรือ ชมนครที่มีปราสาท และสัมผัสกับสวนสวยที่อยู่เหนือน้ำ หากคุณไม่ต้องการใช้จ่ายมากเกินไป การพักที่เมืองคามอจี (Camogli) หรือซานต้า มาร์เกอรีต้า ลิกูเร่ (Santa Margherita Ligure) อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด อาหารที่นี่ไม่ว่าจะเป็นร้านหรือคาเฟ่ก็มีราคาค่อนข้างสูง ดังนั้นควรเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่มีเสน่ห์และน่าจดจำที่ปอร์โตฟิโน่ แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจแห่งนี้คือแหล่งรวมของความงามตามธรรมชาติและวัฒนธรรมที่หลากหลาย รอให้คุณไปค้นพบ!

ลิเวอร์โน่ (Livorno) เป็นท่าเรือที่นับเป็นเพชรเม็ดงามของอิตาลี และได้เปลี่ยนผ่านประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานตั้งแต่อดีต เมืองนี้เริ่มต้นจากการที่เคยถูกแบ่งเป็นของปิซาและเจนัว ก่อนที่จะถูกซื้อโดยฟลอเรนซ์ในปี 1421 เพื่อเปิดเส้นทางสู่ทะเล คอสิโมที่ 1 ได้เริ่มก่อสร้างท่าเรือในปี 1571 ทำให้เมืองนี้เป็นจุดหมายปลายทางทางทะเลสำคัญ ตลอดศตวรรษที่ 18 ลิเวอร์โน่เจริญรุ่งเรืองเป็นท่าเรือที่สำคัญ โดยเป็นที่ตั้งของกลุ่มคนหลากหลายเชื้อชาติ เช่น ชาวโรมันคาทอลิกจากอังกฤษ และชาวยิวและมอริชจากสเปน นอกจากนี้ยังมีอนุสาวรีย์ Quattro Mori ที่สร้างเพื่อระลึกถึงเฟร์ดินานโดที่ 1 แม้ว่าหลายส่วนของสถาปัตยกรรมในเมืองจะมีอายุหลังสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ลิเวอร์โน่เต็มไปด้วยสีสันของตลาดและวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยเฉพาะ Mercato Nuovo ที่มีสินค้าท้องถิ่นให้เลือกซื้อมากมาย ตั้งแต่อาหารสดจนถึงผลิตภัณฑ์อเมริกัน ที่พบได้จากฐานทัพอเมริกัน Camp Darby ที่ตั้งอยู่ใกล้เคียง หากคุณมีเวลา ลิเวอร์โน่เป็นสถานที่ที่ควรแวะรับประทานอาหารกลางวันหรือมื้อเย็นในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและความหลากหลายแห่งนี้ จะทำให้คุณรู้สึกประทับใจในเอกลักษณ์ของเมืองที่สวยงามและมีชีวิตชีวาเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อเดินทางมาถึงท่าเรือของอาจักซิโอ (Ajaccio) บนเกาะคอร์ซิกา คุณจะได้สัมผัสกับการหลอมรวมระหว่างประวัติศาสตร์และความงดงามตามธรรมชาติที่อิ่มเอมใจ ท่าเรือแห่งนี้ถือเป็นศูนย์กลางการค้าขายและวัฒนธรรมที่สำคัญที่สุดของคอร์ซิกา โดยตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันตกของเกาะ ห่างจากมาร์แซย์ประมาณ 644 กิโลเมตร เมืองที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1492 นี้มีความเกี่ยวพันกับนโปเลียน โบนาปาร์ต ซึ่งเป็นบุตรชายของเมืองที่มีชื่อเสียง บ้านเกิดของเขา ปัจจุบันคือพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ Maison Bonaparte ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และสูบฉีดแรงบันดาลใจให้ผู้มาเยือน ในย่านเมืองเก่า คุณจะพบกับซากความเป็นอาณานิคมเจนัวอันเก่าแก่ ที่ยังคงยืนหยัดอยู่รอบๆ ป้อมปราการและหอคอยที่โดดเด่น เมืองอาจักซิโอได้ชื่อว่าเป็นเมืองชายทะเลยอดนิยมที่มีทิวทัศน์ที่ร่มรื่นและชายหาดที่งดงาม พร้อมด้วยร้านเช่าเรือ แล่นไปยังท่าเรือ Tino Rossi ที่เป็นที่จอดเรือประมงและเรือใบสำราญที่ส่งความสุขแก่ผู้มาเยือนด้วยร้านอาหารและคาเฟ่ที่บริการอาหารท้องถิ่นที่สดใหม่ สำรวจความหรูหราและเสน่ห์ที่อาจักซิโอ ที่ซึ่งคุณสามารถสัมผัสทั้งความเป็นกระแสสังคมและความงามของธรรมชาติได้ในที่เดียว!

ท่าเรือบาสเชีย ตั้งอยู่ในเมืองบาสเชีย ซึ่งเป็นเมืองหลวงทางตอนเหนือของเกาะคอร์ซิกา เมืองนี้มีบรรยากาศอิตาเลียนที่โดดเด่น ผสานอุตสาหกรรมและการค้าได้อย่างลงตัว ตลอดจนความน่าสนใจของประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม มีสองย่านที่เป็นที่รู้จัก ได้แก่ เทอรา เวคเชีย ย่านเก่าแก่ที่แสนมีเสน่ห์ และเทอรา โนวา ย่านที่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลากลางเก่าแก่ บาสเชียเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ซึ่งรวมถึงจัตุรัสเซนต์นิโคลัส จุดรวมของเมืองที่เปิดโล่งสู่ทะเล พร้อมกับคาเฟ่และต้นไม้ร่มรื่นที่เหมาะสำหรับการพักผ่อน นอกจากนี้ ย่านโบราณยังมีโบสถ์ประดับประดาอย่างงดงาม และทิวทัศน์อันงดงามของท่าเรือเก่า ที่สะท้อนถึงความรุ่งเรืองในอดีต สำหรับการช็อปปิ้ง ถนน Boulevard Paoli และ Rue Cesar Campinchi อยู่ห่างจากท่าเรือเพียงไม่ถึง 500 เมตร รวมทั้งสามารถลิ้มรสอาหารฝรั่งเศสและคอร์ซิกาได้ที่ร้านอาหารบริเวณท่าเรือ โดยที่นี่ยังมีของฝากน่าสนใจ เช่น น้ำผึ้ง ไวน์ และลิเคียวร์ การเที่ยวชมที่ท่าเรือบาสเชียจะเปิดโอกาสให้คุณดื่มด่ำบรรยากาศของเกาะคอร์ซิกาในแบบที่แท้จริง การเดินเล่นในย่านเก่าและสัมผัสประวัติศาสตร์จะทำให้คุณมีความทรงจำอันล้ำค่า ไม่ควรพลาดสำหรับการเดินทางสุดหรูจากเรือสำราญของคุณ!


ท่าเรือโกลโฟ อารันชี (Golfo Aranci) ตั้งอยู่ในประเทศอิตาลี โดยเฉพาะในแคว้นซาร์ดิเนีย คือต้นกำเนิดที่น่าหลงใหลสำหรับนักเดินทางที่ปรารถนามอบความหวานให้กับการพักผ่อนหย่อนใจและสำรวจความสวยงามของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ที่นี่เป็นจุดหมายที่บูรณาการระหว่างการท่องเที่ยวทางทะเลที่ผ่อนคลายและความน่าตื่นเต้นของการผจญภัยในธรรมชาติ แต่สิ่งที่ทำให้โกลโฟ อารันชีโดดเด่นคือชายหาดที่เก่าแก่และงดงาม เช่น ชายหาดเฟอรี (Spiaggia di Marinella) และชายหาดชาร์ฟาร์โก (Spiaggia di Cala Sassari) ซึ่งด้วยน้ำทะเลใสสะอาด นอกจากนี้ยังมีบริการกิจกรรมทางน้ำที่หลากหลาย อาทิเช่น การดำน้ำตื้นและการพายเรือคายัค ไม่เพียงเท่านั้น โกลโฟ อารันชียังมีเสน่ห์เมืองเล็ก ๆ เต็มไปด้วยร้านอาหารท้องถิ่นที่นำเสนอเมนูอาหารทะเลสดใหม่และไวน์ชั้นเลิศ ทำให้ผู้มาเยือนได้รับประสบการณ์ที่จับต้องได้ในวัฒนธรรมซาร์ดิเนีย อิ่มเอมกับบรรยากาศสบาย ๆ และความเป็นอยู่ที่แสนจะผ่อนคลายที่ท่าเรือนี้ เป็นที่น่าอัศจรรย์ที่จะสัมผัสประสบการณ์การเดินทางที่ไม่เหมือนใครในโกลโฟ อารันชิ เปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์ของอิตาลีที่ไม่มีวันลืมเลือน.

เมื่อคุณเดินทางมาถึงท่าเรือซิวิต้เวคเคียในอิตาลี บรรยากาศสไตล์อิตาเลียนกำลังรอคอยการค้นพบของคุณอยู่ เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของกรุงโรมซึ่งมีอายุกว่า 2,500 ปี ที่ซึ่งมีอาณาจักรจักรพรรดิ พระสันตะปาปา ศิลปิน และผู้คนธรรมดา ได้สร้างมรดกที่ไม่อาจลืมเลือน ตั้งแต่ซากโบราณของกรุงโรมไปจนถึงศิลปะในโบสถ์ที่เต็มไปด้วยความงดงาม และสมบัติอันล้ำค่าของนครวาติกัน ไม่ว่าคุณจะตั้งใจเดินเที่ยวชม Colosseum ที่เป็นสัญลักษณ์ วัด Pantheon อันยิ่งใหญ่ หรือจะใช้เวลาเพลิดเพลินที่ Campo de' Fiori ด้วยกาแฟสักถ้วยในยามสาย การเดินทางนี้จะทำให้คุณรู้สึกเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์อันยาวนาน และสัมผัสบรรยากาศแห่งความมีชีวิตชีวาในทุก ๆ มุมมอง ที่นี่คุณยังสามารถเลือกที่จะผ่อนคลายท่ามกลางความสงบในจัตุรัสที่มีเสน่ห์ ใช้เวลาชมผู้คนและดื่มด่ำกับชัยชนะของการใช้ชีวิตอย่างช้าๆ การสำรวจซิวิต้เวคเคียและกรุงโรมจะเป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน โดยจะเชื่อมโยงคุณกับวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของอิตาลีในทุกย่างก้าวที่คุณเดิน ทุกๆ สนามหญ้าและจุดหมาย เป็นข้อเสนอที่อัดแน่นไปด้วยความงดงามและแรงบันดาลใจที่คิดไม่ถึง

ท่าเรือซาเลร์โน (Salerno) ตั้งอยู่บนอ่าวซาเลร์โนในประเทศอิตาลี เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าหลงใหลไม่เพียงแต่ด้วยทิวทัศน์ทะเลที่งดงาม แต่ยังอัดแน่นด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันลึกซึ้ง ซาเลร์โนมีชื่อเสียงเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยการแพทย์แห่งแรกของโลก ส่งผลให้เมืองนี้เป็นศูนย์กลางด้านความรู้และการศึกษาในสมัยโบราณ นักท่องเที่ยวที่แวะมาที่นี่จะได้สัมผัสกับอากาศบริสุทธิ์และแสงแดดอ่อนๆ พร้อมกับการเดินเล่นตามชายหาดที่มีทรายละเอียดทำให้รู้สึกผ่อนคลายใจกลางทัศนียภาพที่สวยงาม ชิมอาหารอิตาเลียนแท้ ๆ ที่หลากหลาย ทั้งพาสต้า วุ้นเส้น และอาหารทะเลสดใหม่ที่ปรุงอย่างพิถีพิถันจากฝีมือเชฟในท้องถิ่น ทำให้ทุกมื้อเป็นประสบการณ์พิเศษ นอกจากนี้ ซาเลร์โนยังเป็นประตูสู่แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอื่น ๆ อาทิเช่น ชายฝั่งอามาลฟี (Amalfi Coast) ที่โด่งดังในเรื่องความสวยงามของธรรมชาติและหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ รวมทั้งเมืองอามาลฟีและโพสิตาโนที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด ด้วยบรรยากาศที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และวัฒนธรรม, ท่าเรือซาเลร์โนคือไม่เพียงแค่จุดแวะที่ครบครัน แต่ยังเป็นสถานที่ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนใฝ่ฝันถึงการเดินทางในอิตาลีที่น่าตื่นเต้นนี้อย่างแท้จริง

เมืองเมสซินา ตั้งอยู่ในซิซิลี ประเทศอิตาลี เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าหลงใหลสำหรับนักท่องเที่ยวที่แสวงหาประสบการณ์อันน่าทึ่ง เมืองนี้ไม่เพียงแต่เป็นท่าเรือที่สำคัญสำหรับเรือสำราญ แต่ยังเป็นแหล่งรวมศิลปะและประวัติศาสตร์อันล้ำค่าอีกด้วย ที่นี่มี Museo Regionale di Messina ซึ่งจัดแสดงผลงานสองชิ้นอันมีชื่อเสียงของศิลปินระดับโลกอย่าง Caravaggio ซึ่งจะทำให้ทุกคนประทับใจในความสวยงามและความลึกซึ้งของศิลปะสมัยบาโรก นอกจากนี้ เมสซินายังมีเสน่ห์ที่น่าสนใจจากสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ต่าง ๆ โดยเฉพาะโบสถ์คาทอลิกที่งดงามซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมอันน่าทึ่งของเมือง อีกทั้งยังมีวิวทะเลที่งดงาม ชายหาดที่สวยงามและขั้นบันไดจากภูเขานำเสนอทัศนียภาพที่น่าประทับใจ สำหรับผู้ที่มีใจรักในการสำรวจ เมสซินาเป็นจุดเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยมในการเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ของซิซิลี พร้อมทั้งสัมผัสถึงอาหารพื้นเมืองอันเลิศรสที่จะทำให้คุณลืมไม่ลง เพลิดเพลินไปกับเสน่ห์และความอัศจรรย์ของเมสซินาในทุก ๆ การเดินทางที่คุณมาที่นี่!

วัลเลตตา เมืองหลวงสุดหรูของประเทศมอลตา นับเป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้รักการเดินทาง สถาปัตยกรรมที่ประณีตของพระราชวังและพิพิธภัณฑ์ที่ล้อมรอบด้วยป้อมปราการสีครีมอันงดงาม จะทำให้คุณรู้สึกย้อนเวลาไปยังอดีตเมื่อก้าวเข้าสู่อาณาเขตแห่งนี้ การสำรวจเมืองวัลเลตตานั้นไม่จำเป็นต้องใช้รถ ใช้เวลาเพียงไม่นานในการเดินสำรวจถนนสายหลักอย่าง Triq Repubblika ซึ่งเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่คึกคัก พร้อมด้วย Triq Mercante ที่ซึ่งคุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศของตลาดท้องถิ่น ที่เต็มไปด้วยร้านค้าหลากหลายรูปแบบในบรรยากาศที่เป็นกันเอง จุดเริ่มต้นการเดินทางในวัลเลตตาคือ City Gate ซึ่งเป็นประตูเข้าสู่เมือง ใช้เวลาพักผ่อนที่ออฟฟิศข้อมูลนักท่องเที่ยวบน Triq Mercante เพื่อรับแผนที่และข้อมูลสำคัญก่อนการเดินทาง ต่อด้วยการเลือกสำรวจแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ที่กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงอาคารรัฐสภาแห่งใหม่และสถานที่จัดแสดงศิลปะกลางแจ้ง วัลเลตตาไม่เพียงแต่ยังมีเสน่ห์ทางประวัติศาสตร์ แต่ยังเต็มไปด้วยชีวิตชีวาที่รอคอยให้คุณเดินทางมาสัมผัสและสร้างความทรงจำใหม่ในทุกย่างก้าว


ท่าเรือโคเตอร์ (Kotor) ในมอนเตเนโกร ตั้งอยู่ในอ่าวโบโค (Bokor Kotorska) ซึ่งเป็นฟยอร์ดที่อยู่ทางใต้ที่สุดในยุโรป ถูกล้อมรอบด้วยภูเขาที่งดงามและมีความลับซึ่งทำให้เมืองนี้มีความมีเสน่ห์อย่างยิ่ง โคเตอร์เป็นเมืองที่ยังคงความดั้งเดิมไว้อย่างครบถ้วน แตกต่างจากเมืองดูบรอฟนิกที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่น เมืองเก่าที่มีรูปลักษณ์อันสวยงามถูกล้อมรอบด้วยกำแพงป้องกันที่สร้างขึ้นระหว่างศตวรรษที่ 9-18 และมีป้อมปราการบนเขาที่เฝ้ามองด้านล่าง ภายในเมืองมีตรอกซอกซอยที่สร้างจากหินเป็นลำดับ ซึ่งนำพาไปสู่จัตุรัสที่เต็มไปด้วยร้านบูติกร้านกาแฟที่ทันสมัย แต่ยังคงมีเสน่ห์จากโครงสร้างโบราณที่สร้างขึ้นจากยุคกลาง โคเตอร์เคยเป็นท่าเรือที่สำคัญในเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของเซอร์เบีย โดยมีทั้งศูนย์เรียนรู้เกี่ยวกับงานปูนและไอคอนนิก นอกจากนี้ ท่าเรือปอร์โต้มอนเตเนโกรซึ่งเปิดในปี 2011 ยังออกแบบมาเพื่อต้อนรับเรือซุปเปอร์ยอชต์ชั้นนำของโลก อีกทั้งยังมีหมู่บ้านชายหาดที่งดงามรอบอ่าว เช่น เมืองเล็กๆ อย่างมูโอ (Muo) และเพอราสต์ (Perast) ที่คุณไม่ควรพลาด แวะชมวิวเบื้องหน้าที่งดงามของอ่าวนี้ทำให้การเดินทางของคุณเติมเต็มด้วยประสบการณ์ที่น่าลุ่มหลงและไม่รู้ลืม

ดุกรมดาติก (Dubrovnik) เมืองแห่งความงามที่ตั้งอยู่ในประเทศโครเอเชีย เป็นหนึ่งในเมืองที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองที่มีเขตป้อมปราการที่งดงามที่สุดในโลก ด้วยทำเลที่ตั้งติดชายฝั่งอย่างน่าทึ่ง ที่ซึ่งคุณจะพบกับกำแพงหินขนาดใหญ่และหอคอยที่งดงามที่โอบล้อมท่าเรือเล็ก ๆ สถาปัตยกรรมของเมืองที่มีหลังคากระเบื้องสีส้มเปล่งประกายใต้แสงแดด เซมมีโดมทองแดง และหอระฆังที่หรูหรา เมืองนี้มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานเริ่มต้นจากการอพยพของประชาชนจากเมืองโรมัน เอปิดาอูรัมในศตวรรษที่ 7 โดยพวกเขาได้ตั้งถิ่นฐานบนเกาะหินขนาดเล็กที่เรียกว่า รากูซา (Ragusa) และสร้างเมืองที่รู้จักกันในชื่อ ดูบรอฟนิก (Dubrovnik) ในศตวรรษที่ 12 เมืองนี้เปลี่ยนแปลงเป็นสาธารณรัฐอิสระที่เจริญรุ่งเรืองในศตวรรษที่ 16 ด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงาม อาคารสุขภาพ และภัตตาคารที่มีเอกลักษณ์ ทำให้ดูบรอฟนิกกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าหลงใหลสำหรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก หากคุณได้เยี่ยมชมเมืองนี้ จะได้สัมผัสถึงความเป็นอัญมณีทางวัฒนธรรมที่ประวัติศาสตร์เกือบสูญเสียไป และเผชิญหน้ากับธรรมชาติที่หยั่งลึกลงไปในใจของทุกคนที่ได้มาเยือน

ริเยกา เมืองท่าหลักของโครเอเชีย ตั้งอยู่ในภูมิภาคควาเนอร์ ซึ่งมีน้ำเป็นหัวใจสำคัญของชีวิตและวัฒนธรรมที่นี่ ได้ชื่อว่า "ฟิอูเม" ในภาษาอิตาลี เทียบเท่ากับความหมายในภาษาอังกฤษว่า "แม่น้ำ" ริเยกามีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่สมัยโรมันและพัฒนาขึ้นมากในยุคออสเตรีย-ฮังการี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นศูนย์กลางการค้าและการส่งออกสู่ทะเลเอเดรียติก ไม่เพียงแต่ความสำคัญในอดีต ริเยกายังเป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ซึ่งมีอุตสาหกรรมหนัก เช่น โรงกลั่นน้ำมันและอู่ต่อเรือที่ได้ชื่อเสียง แต่หลังจากการแยกตัวของยูโกสลาเวีย อุตสาหกรรมการขนส่งของเมืองเริ่มลดลง แม้ว่าจะมีการฟื้นตัวเล็กน้อย แต่ปริมาณการค้าก็ยังคงต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของสมัยปี 1980 สิ่งที่น่าดึงดูดในริเยกานั้นไม่ได้มีเพียงแค่ท่าเรือและอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่คุณสามารถสำรวจสถาปัตยกรรมอันงดงามและวัฒนธรรมที่หลากหลาย เช่น โบสถ์เซนต์วิตัสที่โดดเด่น ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความรุ่งเรืองของเมือง ร่วมสัมผัสประสบการณ์ที่น่าประทับใจและสัมผัสบรรยากาศที่มีเอกลักษณ์ในริเยกาเพื่อสร้างความทรงจำที่ไม่มีวันลืมในทริปของคุณ

ฟูซินา (Fusina) คือท่าเรือที่มีเสน่ห์อยู่ในภูมิภาคแวนีเซีย (Venice) ของประเทศอิตาลี โดยตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำพอ (Po River) ที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงได้อย่างสะดวกสบาย ด้วยบรรยากาศที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์และวิวที่งดงามของเมืองเวนิส ท่าเรือฟูซินานับว่าเป็นประตูเปิดสู่การสำรวจและสัมผัสวัฒนธรรมอันสลับซับซ้อนของอิตาลี เมื่อเรือสำราญเข้าเทียบท่าที่ฟูซินา นักท่องเที่ยวจะได้ยินเสียงคลื่นซัดกับเรือ บรรยากาศที่เย็นสบาย และกลิ่นอายของอาหารทะเลสดใหม่ ที่รอคอยให้คุณได้ลิ้มรส ทั้งนี้ฟูซินาเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเข้าชมอัญมณีทางสถาปัตยกรรมของเวนิส เช่น โบสถ์ซานมาร์โก (St. Mark’s Basilica) และ Palazzo Ducale โดยสามารถเดินทางด้วยเรือกอนโดล่าหรือแม้กระทั่งเดินชมบริเวณรอบ ๆ นอกจากความงามของเมือง ยังมีอาหารอิตาเลียนอันโดดเด่น พร้อมไวน์ยอดนิยมที่พร้อมให้คุณสัมผัสประสบการณ์การทานอาหารที่ไม่เหมือนใครในบรรยากาศโรแมนติก ฟูซินานับว่าเป็นจุดหมายปลายทางที่ทำให้นักท่องเที่ยวมีความทรงจำที่จะไม่ลืมเลือนในชีวิต


ริเยกา เมืองท่าหลักของโครเอเชีย ตั้งอยู่ในภูมิภาคควาเนอร์ ซึ่งมีน้ำเป็นหัวใจสำคัญของชีวิตและวัฒนธรรมที่นี่ ได้ชื่อว่า "ฟิอูเม" ในภาษาอิตาลี เทียบเท่ากับความหมายในภาษาอังกฤษว่า "แม่น้ำ" ริเยกามีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่สมัยโรมันและพัฒนาขึ้นมากในยุคออสเตรีย-ฮังการี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นศูนย์กลางการค้าและการส่งออกสู่ทะเลเอเดรียติก ไม่เพียงแต่ความสำคัญในอดีต ริเยกายังเป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ซึ่งมีอุตสาหกรรมหนัก เช่น โรงกลั่นน้ำมันและอู่ต่อเรือที่ได้ชื่อเสียง แต่หลังจากการแยกตัวของยูโกสลาเวีย อุตสาหกรรมการขนส่งของเมืองเริ่มลดลง แม้ว่าจะมีการฟื้นตัวเล็กน้อย แต่ปริมาณการค้าก็ยังคงต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของสมัยปี 1980 สิ่งที่น่าดึงดูดในริเยกานั้นไม่ได้มีเพียงแค่ท่าเรือและอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่คุณสามารถสำรวจสถาปัตยกรรมอันงดงามและวัฒนธรรมที่หลากหลาย เช่น โบสถ์เซนต์วิตัสที่โดดเด่น ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความรุ่งเรืองของเมือง ร่วมสัมผัสประสบการณ์ที่น่าประทับใจและสัมผัสบรรยากาศที่มีเอกลักษณ์ในริเยกาเพื่อสร้างความทรงจำที่ไม่มีวันลืมในทริปของคุณ

สปลิต (Split) เมืองโบราณที่ตั้งอยู่ในประเทศโครเอเชีย เต็มไปด้วยเสน่ห์และเอกลักษณ์ที่ยากจะเลือนลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกล่าวถึงพระราชวังของจักรพรรดิไดโอกลีเชียน ซึ่งสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 3 เป็นผลงานอันงดงามที่ทุกคนไม่ควรพลาด ภายในกำแพงของพระราชวังนี้ มีความยิ่งใหญ่ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี เมื่อผู้เข้าชมเดินผ่านประตูสู่ประวัติศาสตร์ จะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของอดีตที่ยาวนาน เดิมที เมืองนี้เป็นที่หลบภัยของผู้คนจากการรุกรานในสมัยที่ซาลอนนา (Salona) ถูกโจมตี ชาวเมืองสร้างบ้านเรือนใหม่ภายในวัง จนกลายเป็นศูนย์กลางความเจริญรุ่งเรือง โดยเฉพาะในยุคที่เวนิสเข้าครอบครอง สปลิตกลายเป็นหนึ่งในท่าเรือการค้าหลักของทะเลอดริยาติก วันนี้ สปลิต ถือเป็นเมืองที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้เดินทางได้สัมผัสความงดงามของสถาปัตยกรรมเรอเนสซองส์และแรงบันดาลใจจากประวัติศาสตร์ที่มีความหมาย ทั้งยังมีทิวทัศน์ที่งดงามจากทะเลที่อยู่ใกล้เคียง สปลิตจึงไม่ใช่แค่จุดหมายปลายทาง แต่ยังเป็นประสบการณ์ที่จะตราตรึงในความทรงจำอย่างไม่มีวันลืม

Bari เมืองหลวงของจังหวัดอาปูเลีย ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลอเดรียติกของอิตาลีตอนใต้ เป็นท่าเรือที่มีความคึกคักและสำคัญทั้งด้านการค้าและอุตสาหกรรม รวมถึงเป็นจุดเชื่อมต่อสำหรับนักเดินทางที่ต้องการข้ามฟากไปยังประเทศกรีซ เมือง Bari ประกอบไปด้วยสองส่วนที่โดดเด่นคือเมืองใหม่และเมืองเก่า โดยเมืองเก่า หรือ Citta Vecchia ตั้งอยู่บนแหลมระหว่างท่าเรือเก่าและท่าเรือใหม่ มีเส้นทางคดเคี้ยวและแคบ สร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของประวัติศาสตร์ ในขณะที่เมืองใหม่ที่มีการวางผังอย่างเป็นระเบียบ สวยงามและทันสมัยขึ้นตั้งแต่ปี 1930 หัวใจของเมืองใหม่คือ Piazza della Liberta และถนน Corso Vittorio Emanuele II ที่เชื่อมเมืองเก่าและเมืองใหม่เข้าด้วยกัน ถัดไปที่ปลายสุดของ Corso คือ Lungomare Nazario Sauro ทางเดินเลียบชายทะเลซึ่งมีทิวทัศน์ที่งดงามมองเห็นท่าเรือเก่า สัมผัสกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่หลอมรวมกันมาอย่างลงตัวใน Bari ซึ่งถูกครอบครองโดยหลากหลายอารยธรรมตั้งแต่อดีต เช่น นอร์แมน มอริส และสเปน ปัจจุบัน Bari จึงเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การสำรวจและดื่มด่ำไปกับความงามที่หลากหลายของอิตาลีอย่างแท้จริง สร้างแรงบันดาลใจให้คุณใฝ่ฝันอยากเดินทางมาสัมผัสประสบการณ์นี้สักครั้งในชีวิต
เมื่อเรือสำราญล่องลอยสู่ท่าเรืออิกู เมนิตซา (Igoumenitsa) สถานที่แห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นจุดแวะพักกลางทะเลอีเจียนเท่านั้น แต่ยังเป็นประตูสู่ประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่น่าตื่นเต้นในกรีซอีกด้วย ท่าเรือที่มีศักยภาพและมีบริการสะดวกสบายแห่งนี้ ได้ตั้งอยู่ในภูมิภาคเทสปรอทียา ซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านทิวทัศน์สวยงาม และความหลากหลายของวัฒนธรรม การเดินทางจากอิกู เมนิตซา จะเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสความงดงามของเมืองโบราณซอฟีอา (Sofia) และใกล้เคียงกับเกาะปากอส (Paxos) ที่เป็นที่ขึ้นชื่อเรื่องทะเลสีฟ้าครามและที่พักสุดหรู นอกจากนี้ยังมีเมืองโบราณเทสปรอทียา (Thesprotia) ที่คราคร่ำไปด้วยประวัติศาสตร์ การเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นสามารถเปิดมุมมองใหม่ของวัฒนธรรมในการใช้ชีวิตของผู้คนในอดีตได้อย่างน่าหลงใหล ท่าเรืออิกู เมนิตซา ไม่เพียงแต่เป็นท่าเรือที่สะดวกสำหรับนักเดินทางแต่ยังเป็นแหล่งรวมความสวยงามทางธรรมชาติและวัฒนธรรมที่น่าสนใจ ทำให้ทุกการเดินทางที่เริ่มต้นที่นี่ ได้รับการเติมเต็มด้วยความประทับใจอันล้ำค่า การเข้ามาเยือนอิกู เมนิตซา เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้คุณต้องเดินทางเพื่อตอบสนองความใฝ่ฝันในการสำรวจโลกใบนี้!

ท่าเรือคาทากอลอน ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันตกของเพโลพอเนซ ทำหน้าที่เป็นประตูสู่ความมหัศจรรย์แห่งประวัติศาสตร์ที่คอยดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มาเยือน ด้วยความใกล้ชิดกับโอลิมเปีย เมืองโบราณที่เคยเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมและการแข่งขันกีฬาโอlympic ครานั้น นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่เงียบสงบ แต่เมื่อเรือสำราญจอดที่นี่ สถานที่นี้จะเต็มไปด้วยชีวิตชีวา โอลิมเปียซึ่งตั้งอยู่ห่างจากคาทากอลอนไม่ไกลนัก เป็นที่ตั้งของอัฒจันทร์กีฬาแห่งแรกของโลก เต็มไปด้วยเรื่องราวและตำนานที่สะท้อนถึงความยิ่งใหญ่ของกรีซโบราณ นักท่องเที่ยวสามารถเดินตามรอยเท้าของนักกีฬาโบราณ และชื่นชมซากปรักหักพังของวิหารซุสที่เคยดึงดูดผู้แสวงบุญจากทั่วทุกมุมเมดิเตอร์เรเนียน หากคุณไม่ต้องการเดินทางไปโอลิมเปีย คาทากอลอนก็เป็นสถานที่เหมาะสำหรับการนั่งพักผ่อนและรับประทานอาหารกลางวันสไตล์กรีก ขณะชมชาวประมงที่ก้าวข้ามมาทำงานในทะเล เหมาะสำหรับการพักผ่อนในบรรยากาศที่งดงามและไม่รีบร้อน คาทากอลอน พร้อมมอบทั้งความสงบและประสบการณ์ที่แสนน่าหลงใหล ในการสำรวจวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของกรีซ โดยไม่ต้องมีอะไรให้ต้องรีบเร่ง




บนเรือ Seven Seas Mariner® ห้องซิกเนเจอร์สวีทมอบความหรูหราในแบบฉบับของ Park Avenue ที่ชวนให้หลงใหล ด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้โรสวูด ผ้าทอระดับหรู และโคมระย้าคริสตัลเพื่อสร้างบรรยากาศที่ผสมผสานระหว่างความสวยงามและความสะดวกสบาย พร้อมบริการบัตเลอร์ส่วนตัวที่จะตอบสนองทุกความต้องการของคุณ ห้องพักประกอบด้วยห้องนอน 2 ห้อง ห้องน้ำหินอ่อน 2 ห้องครึ่ง ห้องนั่งเล่นขนาดกว้างขวาง และระเบียงส่วนตัว 2 แห่ง เหมาะสำหรับการต้อนรับเพื่อนใหม่ในบรรยากาศอันหรูหรา ขนาดของห้องลงตัว รองรับได้สูงสุดถึง 5 ท่าน โดยมาพร้อมกับเตียงคิงไซส์ Elite Slumber™ ระเบียงส่วนตัวเพื่อชมวิวทะเลอย่างใกล้ชิด และห้องนั่งเล่นที่กว้างขวางทำให้คุณรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน ในห้องนี้ยังมีระบบความปลอดภัยในรูปแบบของตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ที่มีเซฟ และบริการที่หลากหลายเพื่อเติมเต็มการเข้าพักของคุณอย่างแท้จริง ทุกความสะดวกสบายที่ซิกเนเจอร์สวีทนำเสนอเกินกว่าคำบรรยาย โดยรวมถึงบริการเช็คอินลำดับความสำคัญที่จะทำให้คุณสะดวกสบายตั้งแต่วันแรกด้วยการเข้าถึงห้องพักตั้งแต่เที่ยงวัน พร้อมด้วยการต้อนรับด้วยแชมเปญคุณภาพ และบริการทำความสะอาดทันทีในคืนแรก อีกทั้งยังมีโอกาสได้สัมผัสประสบการณ์การรับประทานอาหารร่วมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูง รวมถึงสิทธิพิเศษในเรื่องการจองร้านอาหารและกิจกรรมชายฝั่งต่างๆ ที่จะทำให้การเดินทางของคุณเต็มไปด้วยความประทับใจ




สัมผัสความร่ำรวยของการรับประทานอาหารในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยศิลปะในห้องนั่งเล่นขนาดกว้างขวาง บริเวณนอกเป็นระเบียงส่วนตัวที่มีโต๊ะและเก้าอี้ พร้อมให้คุณเพลิดเพลินกับอาหารเช้าสุดพิเศษในห้องพัก ห้องนอนส่วนตัวขนาดใหญ่มีบรรยากาศที่ชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเตียงขนาดคิงไซส์ Elite Slumber™ ที่ทำให้คุณมีคืนที่นอนหลับอย่างเต็มอิ่ม ทั้งยังมีห้องน้ำหินอ่อนถึงสองห้องและผลิตภัณฑ์อาบน้ำชั้นเลิศที่เชื้อเชิญให้คุณได้สัมผัสช่วงเวลาส่วนตัวอย่างเต็มที่ ห้องสวีทใหญ่มีขนาดกว้างขวาง พื้นที่ใช้สอยเชื่อมโยงกันอย่างลงตัว พร้อมตู้เสื้อผ้าแบบวอล์คอินที่มีเซฟ ห้องพักนี้รองรับแขกได้ถึง 3 ท่านและแสดงถึงความหรูหราของการล่องเรือที่ไม่เหมือนใคร


มาริเนอร์ สวีทคือห้องสวีทที่มอบมุมมองสุดพิเศษพร้อมวิวระดับพาโนรามาที่จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนถูกสร้างขึ้นมาเพื่อคุณโดยเฉพาะ ห้องนี้มีตำแหน่งที่สะดวกสบายอยู่กลางเรือ ประกอบไปด้วยห้องนอนขนาดใหญ่แยกต่างหากที่มีเตียงคิงไซส์ Elite Slumber™ ขนาดยุโรป และห้องน้ำหินอ่อน 1.5 ห้อง สำหรับการเข้าพักถึง 3 ท่าน ห้องนี้มาพร้อมกับตู้เสื้อผ้าแบบวอล์กอินขนาดกว้างที่มีลิ้นชักเก็บของเพื่อความสะดวกเพิ่มขึ้น สำหรับการยกระดับประสบการณ์การเข้าพักของคุณให้ดียิ่งขึ้น บัตเลอร์ส่วนตัวของคุณจะอยู่เคียงข้างเพื่อช่วยให้ความปรารถนาในระหว่างการล่องเรือของคุณเป็นจริง นอกจากนี้ ห้องยังมีระเบียงส่วนตัวที่จะให้คุณผ่อนคลายกับทัศนียภาพอันงดงาม คุณจะได้เพลิดเพลินกับบริการต่างๆ เช่น บริการซักรีด วีไอพี และแชมเปญต้อนรับ รวมถึงความสะดวกสบายในการเข้าถึงบริการเสริมอีกมากมาย ทำให้การเข้าพักในมาริเนอร์ สวีทเป็นประสบการณ์ที่ไม่อาจลืมเลือน




เซเว่นซีสสวีท ให้การต้อนรับคุณด้วยสีสันที่สงบเรียบง่าย, ผลงานศิลปะที่น่าพอใจและเฟอร์นิเจอร์ที่สะดวกสบาย คุณสามารถผ่อนคลายในพื้นที่นั่งเล่นหลังจากวันที่น่าตื่นเต้นบนแผ่นดิน และเพลิดเพลินกับขนมที่สดใหม่ซึ่งจะถูกนำเสนอโดยผู้ดูแลส่วนตัวของคุณ จากนั้นคุณสามารถหลบไปยังระเบียงส่วนตัวเพื่อชมวิวที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอและคิดถึงจุดหมายปลายทางถัดไป ห้องสวีทนี้มีขนาดกว้างขวางประกอบไปด้วยห้องนอนที่มีเตียงขนาดคิงไซส์แบบยุโรป 1 ห้องน้ำหินอ่อน 1 คู่ และพื้นที่นั่งเล่นที่มาพร้อมตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ที่มีเซฟ ห้องสามารถรองรับแขกได้สูงสุดถึง 3 คน นอกจากนี้ คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์บริการระดับพรีเมียมต่างๆ เช่น บริการซักรีด, แพ็คเกจโรงแรมก่อนการล่องเรือที่รวมการขนส่งพื้นดินและอาหารเช้า, อินเทอร์เน็ตไร้สายไม่จำกัด, เวลาพูดคุยทางโทรศัพท์ 15 นาทีจากเรือไปยังฝั่ง, และการเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลรักษาผิวจากแบรนด์ชั้นนำ นอกจากนี้ ยังมีการบริการห้องพัก 24 ชั่วโมง, ระบบโทรทัศน์จอแบนแบบโต้ตอบที่มีภาพยนตร์ตามสั่ง, อุปกรณ์เสริมมากมายเช่นลำโพงบลูทูธ BOSE® และชุดอุปกรณ์ดูแลส่วนบุคคลที่ให้ความสะดวกสบายสำหรับการพักผ่อนของคุณ ให้คุณเพลิดเพลินไปกับการเดินทางอย่างสมบูรณ์แบบในเซเว่นซีสสวีท



ขอแนะนำฮอไรซอน วิว สวีท ห้องพักที่ตั้งอยู่บริเวณด้านท้ายของเรือ Seven Seas Mariner® ซึ่งมอบทิวทัศน์ที่กว้างขวางและระเบียงส่วนตัวขนาดกว้างที่เพียงพอสำหรับเก้าอี้อาบแดดแบบนุ่มสองตัว พร้อมเก้าอี้และโต๊ะอีกสองตัว ภายในห้องพักมีพื้นที่นอนที่แยกออกจากพื้นที่นั่งเล่นที่ตกแต่งอย่างมีเสน่ห์ด้วยผ้าม่าน ช่วยให้คุณสามารถควบคุมแสงแดดที่ส่องเข้ามาในแต่ละเช้าได้ตามต้องการ ห้องนี้มีขนาดกว้างขวางพร้อมเตียงขนาดคิงไซส์ Elite Slumber™ ขนาดใหญ่ ห้องน้ำหินอ่อน และพื้นที่นั่งเล่นที่สบายสบาย อีกทั้งยังมีตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ที่มีเซฟซึ่งรองรับการเข้าพักได้สูงสุดถึง 3 ท่าน เพื่อความสะดวกสบายอย่างแท้จริง คุณยังมีบัตเลอร์ส่วนตัวคอยดูแลความต้องการของคุณ พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกหรูหรามากมาย เช่น บริการซักรีด, แพคเกจโรงแรมก่อนการล่องเรือ รวมทั้งการขนส่งและอาหารเช้า, WiFi ไม่จำกัด, โทรศัพท์จากเรือสู่ฝั่ง 15 นาที, สบู่และโลชั่นจาก Guerlain และ L'Occitane®, และการเข้าถึงห้องพักของคุณตั้งแต่เวลา 13:00 น. ของวันขึ้นเรือ ซึ่งนอกจากนี้ยังมีขวดแชมเปญต้อนรับ, การจัดดอกไม้สด, และบริการอื่น ๆ ที่จะทำให้การพักผ่อนของคุณเหนือระดับมากที่สุด



เพนท์เฮาส์สวีท ห้องพักสุดหรูที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถันเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและพื้นที่สำหรับการพักผ่อนของคุณ โดยคุณสามารถนั่งชมวิวสบายๆ บนระเบียงส่วนตัวหรือเพลิดเพลินกับอุปกรณ์อาบน้ำที่หรูหราในขณะคุณเติมพลังให้ตัวเองก่อนมุ่งหน้าสู่การผจญภัยครั้งใหม่ในท่าเรือต่อไป นอกจากนี้ ห้องพักยังมีบริการจองออนไลน์ล่วงหน้าสำหรับกิจกรรมและการรับประทานอาหารบนฝั่ง พร้อมทั้งแนะนำให้ติดต่อผู้ให้บริการพิเศษของเราเพื่อขอความช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ ห้องเพนท์เฮาส์สวีทประกอบไปด้วยเตียงใหญ่ขนาดคิงไซส์แบบยุโรป ห้องน้ำหินอ่อน พื้นที่นั่งเล่นที่ใกล้ชิด ระเบียงส่วนตัว และตู้เสื้อผ้าแบบวอล์กอินพร้อมเซฟ โดยสามารถรองรับแขกได้สูงสุดถึง 3 ท่าน ห้องพักยังมาพร้อมกับบริการซักรีด วางแผนโรงแรมทันทีในคืนก่อนเริ่มการล่องเรือ ซึ่งรวมบริการขนส่งและอาหารเช้า รวมทั้งการดื่มด่ำกับไวไฟไม่จำกัดสำหรับสูงสุด 4 ท่าน พิเศษด้วยการโทรศัพท์จากเรือสู่ฝั่ง 15 นาที คุณจะได้พบกับผลิตภัณฑ์จาก Guerlain และ L’Occitane รวมถึงแชมพูและโลชั่น รวมไปถึงขวดแชมเปญต้อนรับพร้อมการจัดเรียงผลไม้สด รวมถึงบริการรูมเซอร์วิส 24 ชั่วโมง การจองออนไลน์ที่มีลำดับความสำคัญสำหรับกิจกรรมที่ท่าเรือและอาหารอันละเอียดอ่อน ทั้งนี้ ยังมีส่วนลดพิเศษสำหรับไวน์และสุรา รวมถึงโปรแกรมที่พักหรือการเดินทางก่อนและหลังล่องเรือ และยังมีสุดยอดประสบการณ์ที่มีให้ที่นี่ เช่น หมอนหลากหลายรูปแบบ เสื้อคลุมและรองเท้าสนิกเกอร์สำหรับการพักผ่อน พร้อมพูดเสียงจากลำโพงบลูทูธ BOSE® SoundLink Mini II สนุกสนานไปกับการดูทีวีแบบอินเตอร์แอคทีฟและภาพยนตร์ตามคำขอ และรับบริการทำความสะอาดรองเท้า รวมถึงอุปกรณ์เสริมต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการเดินทาง คุณจะได้รับกระเป๋าผ้าที่เป็นของขวัญ เพื่อการท่องเที่ยวอย่างสะดวกสบายในทุกๆ การเดินทางของคุณ

ในห้องสวีทที่ออกแบบอย่างยอดเยี่ยมนี้ คุณจะได้สัมผัสความสะดวกสบายจากการตกแต่งที่หรูหรา พร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกพิเศษที่มีเฉพาะในห้องสวีทระดับคอนเซียร์จและสูงกว่า ห้องคอนเซียร์จสวีทประกอบด้วยเครื่องทำเอสเปรสโซ่ illy® และผ้าห่มจากแคชเมียร์ เหมาะสำหรับการนั่งจิบกาแฟและเพลิดเพลินกับอาหารเช้าในห้องบนระเบียงส่วนตัวของคุณ นอกจากนี้ยังมีบริการรูมเซอร์วิสตลอด 24 ชั่วโมงที่คุณสามารถใช้เมื่อใดก็ได้ตามใจต้องการ ห้องสวีทนี้มีเตียงขนาด King-Sized ที่สะดวกสบาย ห้องน้ำหินอ่อน 1 ห้อง พื้นที่นั่งเล่นที่อบอุ่น และระเบียงส่วนตัว สถานที่จัดเก็บที่กว้างขวางพร้อมตู้นิรภัย และรองรับผู้เข้าพักได้สูงสุด 3 คน โดยห้องคอนเซียร์จสวีทนี้ยังมีตัวเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกในการเข้าถึงในห้องหมายเลข 1012 และ 1013 อีกด้วย สิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมที่รวมอยู่ในห้องนี้ ได้แก่ บริการซักรีดแบบวาเลต์ แพ็คเกจโรงแรมก่อนเริ่มล่องเรือ เป็นเวลา 1 คืน ซึ่งรวมบริการขนส่ง อาหารเช้า และการดูแลสัมภาระ การใช้ Wi-Fi อย่างไม่จำกัดสำหรับผู้เข้าพัก 4 คนต่อห้อง และ 15 นาทีในการโทรออกระหว่างเรือถึงฝั่ง นอกจากนี้ยังมีสบู่ แชมพู และโลชั่นจาก L’Occitane® รวมถึงขวดแชมเปญต้อนรับพร้อมผลไม้สดที่จัดเรียง อุปกรณ์ในมินิบาร์ภายในห้องพร้อมบริการเติมเต็ม บริการรูมเซอร์วิสตลอด 24 ชั่วโมง การจองทัวร์และห้องอาหารออนไลน์แบบมีลำดับความสำคัญ ส่วนลด 10% สำหรับไวน์และสุราแบบพรีเมียม และส่วนลดเพิ่มเติมสำหรับโปรแกรมโรงแรมก่อนหรือตั้งหลังการล่องเรือ ทุกอย่างในห้องคอนเซียร์จสวีทถูกออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์ที่สะดวกสบายและหรูหราให้แก่คุณในระหว่างการเดินทางที่น่าจดจำ.

ห้องสวีทระเบียงดีลักซ์นี้ออกแบบมาอย่างพิถีพิถันเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยภายในและให้คุณได้สัมผัสกับวิวทิวทัศน์ที่งดงามจากธรรมชาติ ในพื้นที่นั่งเล่น ท่านสามารถเพลิดเพลินกับการชมวิวทะเลผ่านหน้าต่างบานใหญ่ที่สูงจากพื้นจรดเพดาน หรือจะเลือกนั่งพักผ่อนบนระเบียงส่วนตัวเพื่อชมบรรยากาศอันงดงามก็ได้ สิ่งอำนวยความสะดวกที่หรูหรา เช่น เตียงนอนขนาดคิงไซซ์สุดสบาย และห้องน้ำที่ตกแต่งด้วยหินอ่อน ยังช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับคุณตลอดการเข้าพัก ห้องสวีทนี้ประกอบด้วยห้องน้ำหินอ่อนหนึ่งห้อง พื้นที่นั่งเล่นที่อบอุ่น ระเบียงส่วนตัว และตู้เสื้อผ้ามีเซฟเพื่อความปลอดภัย รองรับผู้เข้าพักสูงสุดถึง 3 ท่าน นอกจากนี้ยังมีการบริการซักผ้าราคาเหมาจ่าย WiFi ไม่จำกัดสำหรับการใช้งาน 2 เครื่อง ต่อห้องสวีท เป็นต้น ที่สำคัญยังมีการต้อนรับพิเศษด้วยแชมเปญและผลไม้สด ตลอดจนบริการรูมเซอร์วิสตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อมอบความสะดวกสบายที่ดีที่สุดในทุกช่วงเวลา

เรเจนท์ สวีทนำเสนอความหรูหราที่ไม่มีใครเทียบเคียง โดยสามารถสัมผัสได้จากการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์และความใส่ใจในรายละเอียดที่ปรากฏในทุกมุมของห้องพัก อาทิเช่น ผลงานศิลปะที่หายากและฟีเจอร์ที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างสปาภายในห้องและเปียโนสไตน์เวย์ ห้องสวีทนี้ประกอบด้วยห้องนอนที่กว้างขวางสองห้อง และสามารถเพลิดเพลินกับวิวทะเลอันงดงามจากระเบียงส่วนตัวที่มาพร้อมกับ Tresse Minipool ที่ตั้งอยู่สูงบนเรือ การพักผ่อนในเรเจนท์ สวีท จะมอบประสบการณ์การเดินทางที่หรูหราจนไม่อาจลืมเลือน