
02-27217300
02-27217179
service@siloahtravel.com
Monday ~ Friday 09:00-18:00
14F.-3, No.137, Sec. 1, Fuxing S. Rd., Da’an Dist., Taipei City 106, Taiwan
Representative: Tung-Hua Tai
VAT: 43871553
交觀甲793500 品保北2260 隱私權條款
Copyright © 2025 Siloah Travel Co., Ltd.. All rights reserved.

เซเว่นซีส์เพรสทีจ
เรเจนท์ เซเว่น ซีส์ ครูซส์


ท่าเรือลิสบอนตั้งอยู่ริมน้ำแทกุส สร้างขึ้นบนเนินเขาสูงเจ็ดลูก ซึ่งทำให้ลิสบอนกลายเป็นเมืองที่งดงามและเปล่งประกายด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมที่หลากหลายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พร้อมทั้งรถรางไม้ที่ให้บรรยากาศย้อนยุค อันเป็นเอกลักษณ์ของเมืองแห่งนี้ ท่านจะได้เดินเล่นใน Praça do Comércio ซึ่งคือจัตุรัสอันกว้างใหญ่ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ที่ถูกออกแบบให้สวยงามโดยมาร์คิวสแห่งปอมบาล หลังจากแผ่นดินไหวที่ทำลายล้างในศตวรรษที่ 18 การเยี่ยมชมลิสบอนจึงไม่เพียงแค่ชมความงามพระอาทิตย์ตกแบบโรแมนติกใต้สะพาน 25 Abril แต่ยังมีกิจกรรมช้อปปิ้งและสัมผัสวัฒนธรรมในเมืองเก่า ที่สร้างอยู่บนเนินเขาที่ลาดเอียง การแวะเยือนของเรือสำราญที่ท่าเรือลิสบอนทำให้ท่านมีโอกาสสัมผัสทั้งวัฒนธรรมและความงามของเมืองที่ไม่สิ้นสุด ซึ่งรอให้คุณได้ค้นพบในทุกมุมถนน รับประสบการณ์อันหรูหราจากการเดินทางในครั้งนี้ และสัมผัสความมหัศจรรย์ของลิสบอนที่สามารถทำให้หัวใจคุณเต้นแรงได้ในทุก ๆ ช่วงเวลา

ท่าเรือที่สวยงามและเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอย่าง "โอปอร์ตู" (Oporto) คือเมืองที่สองที่ใหญ่ที่สุดในโปรตุเกส รองจากลิสบอน เมืองนี้มักถูกเรียกสั้นๆ ว่า "ปอร์โต" ซึ่งเป็นชื่อที่ทุกคนนึกถึงเมื่อพูดถึงองุ่นส่งตรงสำหรับผลิตไวน์พอร์ตที่มีชื่อเสียงระดับโลก ท่าเรือโอปอร์ตูตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโดรู และมีบทบาทสำคัญมาตั้งแต่อดีต เมื่อชาวโรมันสร้างป้อมปราการที่นี่ เพื่อควบคุมเส้นทางการค้า ด้วยการที่เมืองนี้คือจุดแวะสำคัญสำหรับเหล่าผู้จาริกแสวงบุญในอดีต ทำให้โอปอร์ตูร่ำรวยจากการค้าและการค้นพบทางทะเลในศตวรรษที่ 15 และ 16 การค้าขายไวน์พอร์ตกับอังกฤษในภายหลังยังทำให้เมืองนี้เกิดการเจริญรุ่งเรืองอย่างไม่หยุดยั้ง จนกระทั่งกลายเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์ ด้วยสะพานที่สวยงามข้ามแม่น้ำโดรู เสน่ห์ของย่านริมน้ำที่มีชีวิตชีวา และโรงไวน์พอร์ตที่มีชื่อเสียง เมืองนี้ไม่ได้เป็นเพียงจุดหมายปลายทาง แต่ยังเป็นศูนย์รวมวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่มีเอกลักษณ์ ออกแบบมาสำหรับผู้ที่มองหาประสบการณ์การเดินทางที่เหนือระดับ เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจในการค้นหาความงามของโลกที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในทุกมุมเมือง

ลาคอรุญ่า คือเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคกาลิเซีย ประเทศสเปน และเป็นหนึ่งในท่าเรือที่คึกคักที่สุดของประเทศ ตั้งอยู่ในมุมตะวันตกเฉียงเหนือของคาบสมุทรไอบีเรีย โดยมีทิวทัศน์ที่เขียวชอุ่มและหมอกลงหนา แตกต่างจากภูมิภาคอื่น ๆ ของสเปน ชื่อ "กาลิเซีย" มีรากศัพท์มาจากภาษาเซลติก ซึ่งเป็นที่อยู่ของเซลติคในช่วงศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์ศักราช ลาคอรุญ่า เคยเป็นท่าเรือที่สำคัญตั้งแต่สมัยโรมัน และพัฒนาเป็นศูนย์กลางการค้าขายที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 15 เมื่อได้รับสิทธิในการค้ากับอเมริกาในปี 1720 ความงดงามของลาคอรุญ่าสะท้อนผ่านอาคารแบบกระจกซึ่งทำให้เมืองนี้ได้รับชื่อว่า "เมืองแห่งคริสตัล" และสถานที่สำคัญอย่างจัตุรัสมาเรียพิทา ซึ่งเป็นเกียรติแก่หญิงผู้กล้าที่เคยปกป้องเมืองในปี 1589 ปัจจุบัน เมืองประกอบด้วยสามเขตที่แตกต่างกัน ได้แก่ เขตกลางเมือง ธุรกิจ และ “เอนซานเช่” ที่มีคลังสินค้าและโรงงาน อย่าพลาดโอกาสในการสำรวจวัฒนธรรมท้องถิ่นและสัมผัสกับประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของเมืองนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยความน่าสนใจและแรงบันดาลใจที่ทำให้ผู้มาเยือนต้องกลับมาอีกครั้ง.

บิลบาว (Bilbao) เมืองที่ตั้งอยู่ในแคว้นบาสก์ ของประเทศสเปน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางศิลปะและสถาปัตยกรรมได้สร้างความโดดเด่นให้กับเมืองนี้อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน หลังจากการเปิดตัวพิพิธภัณฑ์กุกเกนไฮม์ (Guggenheim Museum) ที่ออกแบบโดย Frank Gehry เมืองนี้ได้กลายเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมแห่งใหม่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างมากมาย นอกจากพิพิธภัณฑ์แล้ว สถานที่สำคัญอื่น ๆ เช่น สถานีรถไฟใต้ดินที่ออกแบบโดย Norman Foster และสวนสาธารณะ Abandoibarra ก็เป็นจุดเด่นที่ไม่ควรพลาดในการเยือนเมืองนี้ อย่าลืมเดินชมย่านเก่าของบิลบาวที่เรียกว่า "คาสโก วิเอโก" (Casco Viejo) ซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารที่มีเสน่ห์ แถมยังมีตลาดกลางแจ้งที่ Plaza Nueva ซึ่งจัดขึ้นทุกเช้าวันอาทิตย์ ในการเดินเล่นริมแม่น้ำเนร์บิโอ (Nervión) คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศอันงดงาม ที่มีความรุ่งเรืองจากอดีตสู่ปัจจุบัน สำหรับผู้หลงใหลในอาหาร บิลบาวมีชื่อเสียงด้านความอร่อย โดยเฉพาะอาหารบาสก์ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง และหากมีโอกาส อย่าลืมขึ้นรถราง Euskotram เพื่อสัมผัสการเดินทางริมแม่น้ำใจกลางเมือง มาร่วมตะลุยและค้นพบความงดงามของบิลบาว ที่คุณจะจดจำไปตลอดชีวิต!

ท่าเรือโปยยัค (Pauillac) ตั้งอยู่ในภูมิภาคบอร์โดซ์ (Bordeaux) ของฝรั่งเศส เป็นหมู่บ้านที่มีเสน่ห์และวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม โปยยัคตั้งอยู่ริมแม่น้ำในอ่าวจิโรนเด (Gironde) ซึ่งรู้จักกันดีในด้านไวน์แดงคุณภาพสูง โดยเฉพาะไวน์จากชาตอว์ที่มีชื่อเสียง เช่น ลาฟิท รอธschild (Lafite Rothschild) และ มูตง รอธschild (Mouton Rothschild) เมื่อคุณเดินทางมายังโปยยัค คุณจะได้สัมผัสวิถีชีวิตที่มีเสน่ห์ของชาวเมือง พร้อมกลิ่นอายของประวัติศาสตร์ที่เผยให้เห็นในอาคารโบราณและตลาดสดที่คึกคัก ถ้าคุณหลงรักไวน์ การเยี่ยมชมไร่ไวน์ที่มีชื่อเสียงจะทำให้คุณได้ลิ้มลองรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ในบรรยากาศธรรมชาติที่สวยงาม โปยยัคเป็นจุดหมายที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสความหรูหราและเอกลักษณ์ของบอร์โดซ์ ไม่ว่าจะเป็นการเดินเล่นริมแม่น้ำ ชมวิวอันงดงาม หรือสำรวจมรดกทางวัฒนธรรม ที่นี่คือสวรรค์ของผู้หลงใหลในไวน์และการเดินทางที่เต็มไปด้วยประสบการณ์อันทรงคุณค่า หมายความว่าคุณจะไม่พลาดความงดงามและเสน่ห์เหนือกาลเวลาของมุมที่สวยงามนี้ในฝรั่งเศส


ท่าเรือเชอร์บูร์ก (Cherbourg) ตั้งอยู่ในภูมิภาคนอร์มังดีของฝรั่งเศส เป็นท่าเรือที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวซึ่งถูกออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดัง วอโบแซง ตั้งแต่เริ่มต้นในอดีตที่เป็นแค่หมู่บ้านชาวประมง เชอร์บูร์กได้เปลี่ยนแปลงไปเป็นท่าเรือเชิงประวัติศาสตร์ที่สำคัญ โดยเฉพาะในช่วงสงครามนโปเลียน ความสวยงามของท่าเรือนี้ยิ่งได้รับการยกระดับเมื่อรวมกับชายฝั่งที่งดงามและทิวทัศน์ของนาใหญ่ที่ล้อมรอบด้วยบ้านช่องครึ่งไม้ที่งดงาม นอกจากท่าเรือที่มีมาตรฐานสูงและท่าเรือยอชต์ขนาดใหญ่แล้ว เชอร์บูร์กยังมีที่เที่ยวชวนให้หลงใหลมากมาย เช่น อบลุกซ์ (Abbeys) และปราสาท (Châteaux) ที่ประกอบไปด้วยเสน่ห์ทางประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ ชายหาดที่รายล้อมด้วยทิวทัศน์ธรรมชาติที่งดงาม เช่น แหลมคาป เดอ ลา ฮาเก (Cap de la Hague) และพอยต์เดอ บาร์เฟอร์ลูร์ (Pointe de Barfleur) ยังช่วยเติมเต็มความสวยงามให้แก่ภูมิภาคนี้ เชอร์บูร์กยังเป็นที่รู้จักในฐานะท่าเรือแรกที่เรือ RMS Titanic แวะจอดหลังออกจากซาวธแธมป์ตัน ประเทศอังกฤษ และยังมีประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ในสงคราม ช่วยทำให้ท่าเรือนี้เป็นสถานที่ที่มีทั้งประวัติศาสตร์และความงดงามรอให้นักเดินทางมาเยี่ยมชมและสัมผัสประสบการณ์ที่น่าพินิจพิเคราะห์
ท่าเรือเซนต์เฮลิเยร์ ตั้งอยู่ในเกาะเจอร์ซีย์ ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะช่องแคบและเป็นดินแดนภายใต้การดูแลของสหราชอาณาจักร เพียง 12 ไมล์จากคาบสมุทรโคเต็นตินในนอร์มังดี ประเทศฝรั่งเศส และห่างจากชายฝั่งทางใต้ของอังกฤษประมาณ 100 ไมล์ ใครที่เคยมีโอกาสเยือนที่นี่ย่อมรู้จักท่าเรืออันงดงามที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของบรรยากาศที่ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมอังกฤษและฝรั่งเศส ท่าเรือเซนต์เฮลิเยร์ไม่เพียงเป็นจุดแวะพักสำหรับเรือสำราญเท่านั้น แต่ยังเป็นประตูสู่ประวัติศาสตร์ที่มีเสน่ห์ ซึ่งรวมถึงเรื่องราวการยึดครองโดยเยอรมันในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง นอกจากนั้น นักท่องเที่ยวยังสามารถสำรวจเมืองที่มีสถาปัตยกรรมสวยงาม และเยี่ยมชมตลาดท้องถิ่นที่เต็มไปด้วยผลผลิตสดใหม่และศิลปหัตถกรรมที่มีเอกลักษณ์ อย่าพลาดการเดินเล่นริมชายหาดที่งดงามและเพลิดเพลินกับอาหารทะเลสดๆ ที่ร้านอาหารท้องถิ่น เพื่อสัมผัสกับรสชาติอันอร่อยของเกาะแห่งนี้ วางแผนการเดินทางที่เซนต์เฮลิเยร์และสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำในใจของคุณตลอดไป!

เมืองฮอนฟลอร์ (Honfleur) ตั้งอยู่บนชายฝั่งของ Côte Fleurie ในฝรั่งเศส ถือเป็นหนึ่งในเมืองชายทะเลที่มีความงดงามแบบคลาสสิคที่ไม่เหมือนใคร ด้วยบ้านไม้กึ่งปูนที่เรียงรายอยู่ตามถนนอิฐประดับ ซึ่งสร้างบรรยากาศสวยงามชวนฝัน เมืองนี้ยังคงอนุรักษ์สถาปัตยกรรมสมัยฟื้นฟูที่งดงาม โดยเฉพาะเมืองเก่าฝั่งท่าเรือ Vieux Bassin ซึ่งเปรียบเสมือนแก่นของสังคมตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 17 ที่ท่าเรือแห่งนี้ ใต้บรรยากาศที่เงียบสงบ มีบ้านหินสองชั้นที่มีหลังคาแบบลาดชัน และบ้านสูงที่ตกแต่งด้วยแผ่นหินที่ทำให้ทิวทัศน์รอบด้านมีเสน่ห์เกินบรรยาย นอกจากนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางทางทะเลสำคัญ รวมถึงการเดินทางไปยังแคนาดาในอดีต และยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับศิลปินอิมเพรสชันนิสต์ที่ได้มาเยี่ยมชมและสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ วันนี้ เมืองฮอนฟลอร์ยังคงมีชีวิตชีวา แม้จะมีผู้คนมาเยือนเพิ่มขึ้นนับตั้งแต่เปิดสะพาน Pont de Normandie ในปี 1995 ที่เชื่อมต่อลุ่มน้ำเหนือของนอร์มานดี เป็นสะพานแขวนที่สูงกว่าหอไอเฟล ยิ่งทำให้ฮอนฟลอร์เป็นจุดหมายที่ต้องไปสัมผัสด้วยตนเองในทริปที่หรูหราและเต็มไปด้วยความประทับใจแห่งนี้

ท่าเรือเซาแธมป์ตัน นับเป็นท่าเรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ ตั้งอยู่ที่ปากอ่าวเซาแธมป์ตัน ระหว่างแม่น้ำเทสต์และอิตเชน เมืองแห่งนี้เคยเป็นศูนย์กลางการค้าขายที่สำคัญมาตั้งแต่สมัยกลาง โดยมีการส่งออกขนสัตว์และหนังสัตว์จากพื้นที่รอบ ๆ และนำเข้าผลิตภัณฑ์ไวน์จากบอร์โดซ์ แม้เซาแธมป์ตันจะต้องเผชิญกับการทำลายล้างอย่างหนักในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แต่เมืองนี้ก็ได้ฟื้นฟูและสร้างสรรค์ใหม่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว ด้วยอาคารยุคกลางที่ยังคงเหลืออยู่ เช่น บาร์เกต (Bargate) ที่ถือเป็นหนึ่งในประตูเมืองที่สวยงามที่สุดในอังกฤษ นอกจากท่าเรืออันทันสมัยแล้ว เซาแธมป์ตันยังมีกิจกรรมหลากหลายสำหรับนักเดินทาง ที่สามารถสำรวจเมืองแห่งประวัติศาสตร์และเต็มไปด้วยศิลปะ เช่น พิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ที่นำเสนอผลงานศิลปะระดับโลก และยังเป็นจุดเริ่มต้นที่เหมาะสำหรับการออกไปสัมผัสเสน่ห์ของเมืองใกล้เคียง อย่างบอร์นมัธ และสนามกอล์ฟที่สวยงาม การมาที่เซาแธมป์ตันจึงไม่เพียงแค่การเริ่มต้นการเดินทางด้วยเรือสำราญ แต่ยังเป็นโอกาสในการดื่มด่ำกับความงดงามทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของอังกฤษอย่างไม่รู้จบ





สกายวิว เรเจนท์ สวีท คือพื้นที่หรูหราเกือบ 9,000 ตารางฟุตที่ล่องเรืออยู่กลางมหาสมุทร มอบทัศนียภาพที่ไม่มีใครเทียบได้ของท้องทะเล พร้อมด้วยห้องน้ำแบบสปา ฟิตเนสส่วนตัว และลิฟต์ภายในห้อง อีกทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่มากมายที่จะทำให้การเข้าพักของคุณเป็นประสบการณ์ที่เหนือระดับกว่าใคร ออกแบบมาเพื่อให้ผู้เข้าพักได้สัมผัสความหรูหราแบบไม่ซ้ำใคร สกายวิว เรเจนท์ สวีท จึงเป็นทางเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับการพักผ่อนในบรรยากาศที่สงบและหรูหราในระหว่างที่คุณล่องเรือเหนือท้องทะเล.











ขอแนะนำห้องสวีทสกายวิว ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบสองประเภทที่พักและมีรูปแบบที่แตกต่างกันสามแบบ ได้แก่ ออร่าร์, ลูน่า และโซล่า ห้องสวีทที่ออกแบบเฉพาะนี้มีลิฟต์ส่วนตัวในห้อง, ระเบียงส่วนตัวชั้นสอง, บริการจากบัตเลอร์ส่วนตัว และอีกมากมาย ห้องสวีทสกายวิวมีทั้งหมด 6 ห้อง ได้แก่ ห้องสกายวิวออร่าร์ (ขนาด 2,024 ตารางฟุต), ห้องสกายวิวลูน่า (ขนาด 1,728 ตารางฟุต) และห้องสกายวิวโซล่า (ขนาด 1,325 ตารางฟุต) สถานที่ตั้งอยู่บนดาดฟ้า 14 และ 15 ที่มอบบรรยากาศที่สง่างามและความรู้สึกเหมือนอยู่ในที่พักระดับสูง ลิฟต์ภายในห้องจะนำผู้เข้าพักไปยังระเบียงที่เงียบสงบ พร้อมพื้นที่ร่มและอ่างน้ำวนที่มีวิวที่สวยงาม พร้อมด้วยโอกาสในการรับประทานอาหารกลางแจ้ง สร้างประสบการณ์ที่หรูหราและเหนือกาลเวลา ห้องสวีทแต่ละห้องมีรูปแบบและลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ การออกแบบประกอบด้วยการตกแต่งแบบคลาสสิก, โทนสีเทาเย็นพร้อมขอบสีดำและจุดสีแดงทับทิม, เส้นที่สะอาด, รวมถึงวัสดุที่หรูหรา พื้นที่นั่งเล่นตกแต่งด้วยโทนสีที่ละเอียดอ่อนในขณะที่พื้นที่รับประทานอาหารมีงานไม้ที่ออกแบบมาเฉพาะและเฟอร์นิเจอร์ที่ออกแบบอย่างประติมากรรม




ห้องสวีทแกรนด์ลอฟท์เป็นห้องสวีทที่มีการออกแบบร่วมสมัย ขนาด 856 ตารางฟุต มอบบรรยากาศเหมือนที่พักหรูหราในย่านแมนแฮตตันล่าง ภายในมีพื้นที่ชั้นสองที่สูงโปร่ง และผนังกระจกขนาดใหญ่มอบทิวทัศน์ที่งดงามจากเตียงบนชั้นสองที่หันหน้าไปทางขอบฟ้า เพื่อให้คุณได้เห็นวิวที่ทำให้คุณต้องตะลึง ทุกส่วนของห้องถูกออกแบบมาอย่างมีศิลปะ แต่ควรทราบว่าการออกแบบและการตกแต่งอาจแตกต่างกันไปตามชั้นและตำแหน่งที่ตั้งในเรือ.



ห้องชุดเพนท์เฮาส์ฮอไรซอนประกอบด้วยห้องนอนที่ตกแต่งอย่างมีระดับ, ห้องน้ำเต็มรูปแบบ และพื้นที่นั่งเล่นที่กว้างขวาง พร้อมด้วยระเบียงขนาดใหญ่ 182-263 ตารางฟุต ที่มีพื้นที่สำหรับรับประทานอาหารกลางแจ้ง, โซฟานุ่มสบาย และเก้าอี้อาบแดด ห้องชุดที่มีจำนวนจำกัดเพียง 15 ห้องนี้มอบโอกาสในการสัมผัสความหรูหราในร่มและการพักผ่อนกลางแจ้งอย่างลงตัวอย่างไม่มีที่ติ.




ห้องสไตล์ซิกเนเจอร์มีพื้นที่รวม 2,037 ตารางฟุต มาพร้อมกับการตกแต่งที่มีสีสันและผ้าคุณภาพสูง ที่ประกอบด้วยห้องนอนกว้างขวางสองห้องและห้องน้ำสองห้อง พร้อมกับห้องนั่งเล่นที่กว้างขวางอีกหนึ่งห้อง นอกจากนี้ยังมีระเบียงล้อมรอบส่วนตัวซึ่งเป็นหนึ่งในระเบียงที่ใหญ่ที่สุดในทะเล ขนาด 1,023 ตารางฟุต ซึ่งช่วยขยายพื้นที่ใช้สอยไปยังภายนอก เหมาะสำหรับการจัดงานสังสรรค์หรือเพียงแค่ผ่อนคลายชมวิวสวยงาม ณ ที่นี่



ห้องสวีทแกรนด์มาพร้อมกับเส้นสายที่เรียบง่าย เฟอร์นิเจอร์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากกลางศตวรรษ และเฉดสีที่เป็นกลางผสมผสานกับสีเขียว สไตล์การออกแบบเน้นไปที่ศิลปะอิตาลีด้วยผ้าทอมีเท็กซ์เจอร์และหนังทอสร้างบรรยากาศที่สวยงามและหรูหรา ห้องพักขนาด 1,214-1,417 ตารางฟุต มีเฉลียงส่วนตัวและห้องรับประทานอาหารสำหรับรับประทานอาหารในห้องพักอย่างสะดวกสบาย



เพรสตีจ สวีทส์ ขนาด 75-125 ตารางเมตร นับเป็นการออกแบบที่คำนึงถึงความหรูหราในการใช้ชีวิตบนทะเลอย่างแท้จริง ห้องนอนหนึ่งห้องพร้อมห้องน้ำหนึ่งใบและห้องน้ำสำหรับแขกหนึ่งใบถูกตกแต่งด้วยโทนสีที่เงียบสงบ เช่น ครีม เทา และน้ำตาล ภายในห้องมีโต๊ะอาหารสำหรับบริการในห้องพัก ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ และห้องน้ำที่มีความสง่างาม มอบประสบการณ์การพักผ่อนที่เหมาะสมกับการใช้ชีวิตระดับสูงอย่างแท้จริง




เซเว่นซีสสวีทส์ เป็นห้องสวีทหรูขนาด 66 ตารางเมตรที่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อความสะดวกสบายและผ่อนคลาย โทนสีที่นุ่มนวลจับคู่กับเฟอร์นิเจอร์ที่นุ่มสบาย ห้องนี้เชื่อมต่อแบบไร้รอยต่อจากพื้นที่นั่งเล่นไปยังพื้นที่รับประทานอาหาร และห้องนอน โดยมีประตูแก้วเลื่อนที่นำออกสู่ระเบียงส่วนตัวขนาดกว้างขวาง ห้องน้ำขนาดใหญ่ตั้งอยู่ข้างๆ ห้องนอนที่มีขนาดใหญ่พิเศษ พร้อมด้วยตู้เสื้อผ้าแบบวอล์คอิน ให้ความเอื้ออำนวยที่ไม่เหมือนใครแก่คุณในระหว่างการเข้าพัก


เพนท์เฮาส์สูทนี้ถูกออกแบบอย่างหรูหราเพื่อเพิ่มพื้นที่และความสะดวกสบาย โดยมีขนาดพื้นที่มากกว่า 600 ตารางฟุต ตั้งแต่ประตูจนถึงระเบียง เมื่อคุณเดินเข้าไปจะพบกับห้องนั่งเล่นและห้องนอนที่แยกจากกัน คุณสามารถเลือกที่จะปิดพื้นที่ด้วยประตูแบบพ็อกเก็ตเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว นอกจากนี้ เพนท์เฮาส์ยังมีตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ที่สามารถเดินผ่านได้ ซึ่งให้พื้นที่เก็บของมากมายสำหรับการเดินทางของคุณ


ห้องสวีทคอนเซียร์จบนเรือ Seven Seas Prestige ขนาดพื้นที่ตั้งแต่ 440 ถึง 485 ตารางฟุต มอบการพักผ่อนที่มีระดับพร้อมห้องน้ำส่วนตัวและระเบียงขนาดกว้างที่มีเฟอร์นิเจอร์ให้ความสบายแก่ผู้เข้าพัก นอกจากนี้ แขกยังสามารถสัมผัสประสบการณ์พิเศษอย่างการจองบริการรับประทานอาหารออนไลน์และทัศนเสน่ห์ชายฝั่งล่วงหน้า รวมถึงแพ็คเกจที่พักในโรงแรมหนึ่งคืนก่อนการล่องเรืออีกด้วย การพักในห้องสวีทคอนเซียร์จจึงเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายและการบริการที่เหนือระดับในระหว่างการเดินทาง.


เซเรนิตี้ สวีท ขนาด 440 ตารางฟุต ตกแต่งด้วยโทนสีฟ้าครามที่อบอุ่น พร้อมด้วยมินิบาร์ที่ติดตั้งในห้องและองค์ประกอบการแยกพื้นที่ระหว่างห้องนอนและห้องน้ำ การออกแบบที่มีเส้นสายที่สะอาดตาและรายละเอียดทันสมัย ช่วยสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและเชิญชวนให้รู้สึกสบายทุกครั้งที่เข้าพัก ตอบโจทย์การพักผ่อนอย่างแท้จริงในทุกการเดินทางของคุณ.


ห้องสวีทแบบระเบียงดีลักซ์บนเรือ Seven Seas Prestige มอบความสะดวกสบายที่มีระดับในพื้นที่ขนาด 285-440 ตารางฟุต โดยทุกห้องจะมีระเบียงส่วนตัวให้คุณได้สัมผัสกับทิวทัศน์ที่งดงาม พร้อมกับเตียงขนาดคิงไซส์ Elite Slumber® จากยุโรป ที่ออกแบบมาเพื่อให้คุณพักผ่อนอย่างเต็มที่และผ่อนคลายตลอดการเดินทางของคุณ