
02-27217300
02-27217179
service@siloahtravel.com
Monday ~ Friday 09:00-18:00
14F.-3, No.137, Sec. 1, Fuxing S. Rd., Da’an Dist., Taipei City 106, Taiwan
Representative: Tung-Hua Tai
VAT: 43871553
交觀甲793500 品保北2260 隱私權條款
IATA: 96137764
Copyright © 2025 Siloah Travel Co., Ltd.. All rights reserved.

Seabourn Quest
Seabourn


เมื่อพูดถึงเมืองที่มีมนต์เสน่ห์ที่สุดในฝรั่งเศส คงจะไม่สามารถมองข้ามเมืองนีซได้ เมืองนี้ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส เก่าแก่ถึง 230,000 ปี และถือเป็นเพชรเม็ดงามบนโค้งริมหาดสีน้ำเงิน เมืองนีซมีประวัติศาสตร์อันน่าหลงใหล โดยในสมัยโบราณมีชาวกรีกได้จัดตั้งท่าเรือที่นี่ ตั้งชื่อว่า “นิกาเรีย” ซึ่งกลายมาเป็นคู่แข่งสำคัญของเมืองมาร์เซย์ เมืองนีซได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมอิตาเลียนในช่วงที่อยู่ภายใต้การปกครองของบ้านซาวอยติดต่อกันนานถึง 500 ปี ส่งผลให้เมืองนี้มีวัฒนธรรมที่หลากหลายและสวยงาม ดินแดนที่ปัจจุบันถูกกล่าวถึงมากที่สุดคือ "promenade des Anglais" เส้นทางริมทะเลสายงามที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ทุกย่างก้าวจะได้พบกับร้านค้าหรือร้านอาหารที่มีบรรยากาศสุดคลาสสิก นอกจากความสวยงามของชายหาด ท่าเรือนีซยังมีการปรับปรุงให้ทันสมัย ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินมาชมสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของเมืองได้อย่างสะดวกสบาย ที่นี่ยังเหมาะสำหรับครอบครัว เพราะมีป้าย “Family Plus” ที่รองรับผู้ที่มีเด็กเล็กด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย หากคุณกำลังมองหาสถานที่ที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจในการเดินทางอย่างแท้จริง เมืองนีซคือจุดหมายที่ไม่ควรพลาด!

ท่าเรือโพร์โทเวเนเระ (Portovenere) ถือเป็นหมู่บ้านชายทะเลที่งดงามและเป็นเอกลักษณ์ของลิกูเรีย โดยได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก ท่าเรือแห่งนี้เต็มไปด้วยเสน่ห์จากบ้านเรือนโทนสีสันสดใสและรูปแบบการใช้ชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งบ้าน "เทอเรตโต้" เหล่านี้มีอายุกว่า 1,000 ปี เชื่อมต่อกันอย่างแน่นหนาเพื่อป้องกันการโจมตีจากชาวปีซานและโจรสลัดในอดีต เมื่อเดินเข้าไปในซอยเล็กๆ หรือ “คาร์รูกกิ” คุณจะพบกับร้านค้ามากมาย บรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและสวนสวยๆ ที่นำคุณขึ้นไปสู่วิมานที่สูงที่สุด นั่นคือ ปราสาทโดเรีย (Castle Doria) บนเนินเขาที่ปกคลุมด้วยต้นมะกอก วิวทะเลที่สวยงาม ยังมีโบสถ์เซนต์ปีเตอร์ (Chiesa di San Pietro) ซึ่งมีประวัติศาสตร์โดดเด่น เป็นที่ตั้งของวัดโบราณอุทิศให้กับเทพีเวนัส ที่ทำให้ชื่อโพร์โทเวเนเระเกิดขึ้นจากความรักในท้องทะเลนี้ นอกจากนี้ ยังมีถ้ำของไบรอน (Byron's Cave) ที่นักกวีชื่อก้องเคยสนุกสนานกับการว่ายน้ำออกไปในทะเลเพื่อซึมซับกับเสียงคลื่นและธรรมชาติรอบข้าง เตรียมพบกับความงามที่ลงตัวของโพร์โทเวเนเระ แหล่งท่องเที่ยวที่บ่งบอกถึงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมสุดคลาสสิกของอิตาลีที่คุณไม่ควรพลาด!

บอนไฟซิโอ (Bonifacio) ตั้งอยู่ทางใต้ของเกาะคอร์ซิกา เป็นจุดหมายปลายทางที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งบนเกาะนี้ ไม่ว่าคุณจะมองไปทางไหน คุณจะเห็นความสวยงามของทะเลสีฟ้าครามและหาดทรายสีขาวนวลที่สะท้อนแสงแดด สถานที่นี้นอกจากจะมีทิวทัศน์ที่น่าหลงใหลแล้ว ยังเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองเก่าที่มีป้อมปราการซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เมื่อคุณเข้ามาสัมผัสเมืองบอนไฟซิโอ คุณจะได้สำรวจถนนแคบ ๆ ที่มีเสน่ห์ บ้านเรือนเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ริมหน้าผาที่สูงชัน และเพลิดเพลินกับร้านคาเฟ่และร้านค้าเสน่ห์ที่เสิร์ฟความอร่อยของอาหารท้องถิ่น ให้คุณได้สัมผัสถึงวัฒนธรรมและการใช้ชีวิตของชาวคอร์ซิกาอย่างแท้จริง สำหรับผู้ที่หลงใหลในกิจกรรมกลางแจ้ง บอนไฟซิโอเป็นสวรรค์ที่เหมาะแก่การปั่นจักรยาน เที่ยวน้ำ หรือแม้แต่การล่องเรือไปชมเกาะเล็กๆ ที่งดงามรอบๆ ซึ่งทั้งหมดนี้จะสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำไม่รู้ลืมให้กับทุกคนที่มาเยือน แน่นอนว่า บอนไฟซิโอ คือสถานที่ที่ไม่ควรพลาดสำหรับการเดินทางครั้งสำคัญของคุณในคอร์ซิกา!

ท่าเรือ Porto Cervo ตั้งอยู่บนชายฝั่งอันงดงามของซาร์ดิเนีย ประเทศอิตาลี เป็นจุดหมายปลายทางที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาจากทั่วทุกมุมโลก ชื่อนี้สะท้อนถึงความหรูหราที่ซ่อนอยู่ในความเป็นธรรมชาติ แวดล้อมด้วยทะเลสีฟ้าครามและภูเขาเขียวขจี ทำให้ Porto Cervo เป็นจุดที่น่าสนใจในการหยุดพักและสำรวจประเทศอิตาลี ท่าเรือแห่งนี้ไม่ได้มีแค่เด็กหนุ่มและสาวงามที่มาโชว์ความงาม แต่ยังเป็นจะเป็นสัญลักษณ์ของความสงบนิ่งและความหรูหราที่ซ่อนเร้นอยู่ หลังจากได้สัมผัสความงามของอ่าวอันระยิบระยับแล้ว นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่นไปตามถนนที่ถูกประดับด้วยร้านค้าบูติกที่เสนอสินค้าหรูหราจากแบรนด์ระดับโลก หรือเพลิดเพลินกับการชิมไวน์ชั้นเลิศจากภูมิภาคนี้ สำหรับผู้ที่แสวงหาความตื่นเต้น อย่าพลาดที่จะสำรวจหมู่เกาะเหล่านี้ โดยทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่รวมถึงการดำน้ำหรือการเล่นเรือใบ ซึ่งจะทำให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืม ท่าเรือ Porto Cervo จึงถือเป็นการเปิดประตูสู่ประสบการณ์สุดพิเศษ ที่ผสมผสานระหว่างความหรูหราและธรรมชาติอันงดงาม ในสถานที่ที่เหมาะสำหรับการสร้างความทรงจำในช่วงเวลาพักผ่อนนี้

วัลเลตตา เมืองหลวงสุดหรูของประเทศมอลตา นับเป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้รักการเดินทาง สถาปัตยกรรมที่ประณีตของพระราชวังและพิพิธภัณฑ์ที่ล้อมรอบด้วยป้อมปราการสีครีมอันงดงาม จะทำให้คุณรู้สึกย้อนเวลาไปยังอดีตเมื่อก้าวเข้าสู่อาณาเขตแห่งนี้ การสำรวจเมืองวัลเลตตานั้นไม่จำเป็นต้องใช้รถ ใช้เวลาเพียงไม่นานในการเดินสำรวจถนนสายหลักอย่าง Triq Repubblika ซึ่งเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่คึกคัก พร้อมด้วย Triq Mercante ที่ซึ่งคุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศของตลาดท้องถิ่น ที่เต็มไปด้วยร้านค้าหลากหลายรูปแบบในบรรยากาศที่เป็นกันเอง จุดเริ่มต้นการเดินทางในวัลเลตตาคือ City Gate ซึ่งเป็นประตูเข้าสู่เมือง ใช้เวลาพักผ่อนที่ออฟฟิศข้อมูลนักท่องเที่ยวบน Triq Mercante เพื่อรับแผนที่และข้อมูลสำคัญก่อนการเดินทาง ต่อด้วยการเลือกสำรวจแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ที่กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงอาคารรัฐสภาแห่งใหม่และสถานที่จัดแสดงศิลปะกลางแจ้ง วัลเลตตาไม่เพียงแต่ยังมีเสน่ห์ทางประวัติศาสตร์ แต่ยังเต็มไปด้วยชีวิตชีวาที่รอคอยให้คุณเดินทางมาสัมผัสและสร้างความทรงจำใหม่ในทุกย่างก้าว

ท่าเรือโคเตอร์ (Kotor) ในมอนเตเนโกร ตั้งอยู่ในอ่าวโบโค (Bokor Kotorska) ซึ่งเป็นฟยอร์ดที่อยู่ทางใต้ที่สุดในยุโรป ถูกล้อมรอบด้วยภูเขาที่งดงามและมีความลับซึ่งทำให้เมืองนี้มีความมีเสน่ห์อย่างยิ่ง โคเตอร์เป็นเมืองที่ยังคงความดั้งเดิมไว้อย่างครบถ้วน แตกต่างจากเมืองดูบรอฟนิกที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่น เมืองเก่าที่มีรูปลักษณ์อันสวยงามถูกล้อมรอบด้วยกำแพงป้องกันที่สร้างขึ้นระหว่างศตวรรษที่ 9-18 และมีป้อมปราการบนเขาที่เฝ้ามองด้านล่าง ภายในเมืองมีตรอกซอกซอยที่สร้างจากหินเป็นลำดับ ซึ่งนำพาไปสู่จัตุรัสที่เต็มไปด้วยร้านบูติกร้านกาแฟที่ทันสมัย แต่ยังคงมีเสน่ห์จากโครงสร้างโบราณที่สร้างขึ้นจากยุคกลาง โคเตอร์เคยเป็นท่าเรือที่สำคัญในเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของเซอร์เบีย โดยมีทั้งศูนย์เรียนรู้เกี่ยวกับงานปูนและไอคอนนิก นอกจากนี้ ท่าเรือปอร์โต้มอนเตเนโกรซึ่งเปิดในปี 2011 ยังออกแบบมาเพื่อต้อนรับเรือซุปเปอร์ยอชต์ชั้นนำของโลก อีกทั้งยังมีหมู่บ้านชายหาดที่งดงามรอบอ่าว เช่น เมืองเล็กๆ อย่างมูโอ (Muo) และเพอราสต์ (Perast) ที่คุณไม่ควรพลาด แวะชมวิวเบื้องหน้าที่งดงามของอ่าวนี้ทำให้การเดินทางของคุณเติมเต็มด้วยประสบการณ์ที่น่าลุ่มหลงและไม่รู้ลืม

ดุกรมดาติก (Dubrovnik) เมืองแห่งความงามที่ตั้งอยู่ในประเทศโครเอเชีย เป็นหนึ่งในเมืองที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองที่มีเขตป้อมปราการที่งดงามที่สุดในโลก ด้วยทำเลที่ตั้งติดชายฝั่งอย่างน่าทึ่ง ที่ซึ่งคุณจะพบกับกำแพงหินขนาดใหญ่และหอคอยที่งดงามที่โอบล้อมท่าเรือเล็ก ๆ สถาปัตยกรรมของเมืองที่มีหลังคากระเบื้องสีส้มเปล่งประกายใต้แสงแดด เซมมีโดมทองแดง และหอระฆังที่หรูหรา เมืองนี้มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานเริ่มต้นจากการอพยพของประชาชนจากเมืองโรมัน เอปิดาอูรัมในศตวรรษที่ 7 โดยพวกเขาได้ตั้งถิ่นฐานบนเกาะหินขนาดเล็กที่เรียกว่า รากูซา (Ragusa) และสร้างเมืองที่รู้จักกันในชื่อ ดูบรอฟนิก (Dubrovnik) ในศตวรรษที่ 12 เมืองนี้เปลี่ยนแปลงเป็นสาธารณรัฐอิสระที่เจริญรุ่งเรืองในศตวรรษที่ 16 ด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงาม อาคารสุขภาพ และภัตตาคารที่มีเอกลักษณ์ ทำให้ดูบรอฟนิกกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าหลงใหลสำหรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก หากคุณได้เยี่ยมชมเมืองนี้ จะได้สัมผัสถึงความเป็นอัญมณีทางวัฒนธรรมที่ประวัติศาสตร์เกือบสูญเสียไป และเผชิญหน้ากับธรรมชาติที่หยั่งลึกลงไปในใจของทุกคนที่ได้มาเยือน

ท่าเรือเกาะ Korčula ตั้งอยู่ในทะเลเอเดรียติกทางใต้ของโครเอเชีย เป็นหนึ่งในเกาะที่มีความงดงามซึ่งมักถูกเปรียบเทียบกับสวนอีเดนสมัยใหม่ ด้วยแสงแดดที่ส่องสว่างเฉลี่ยถึง 3,000 ชั่วโมงต่อปี เกาะ Korčula มอบความหลากหลายของพืชพรรณแบบเมดิเตอร์เรเนียนอันมีเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์ เมืองหลักของเกาะชื่อเดียวกับเกาะ Korčula มีสถาปัตยกรรมสไตล์ยุคกลางที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี ถือเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยวของเกาะ ความโดดเด่นของ Korčula มาจากการที่ตั้งอยู่ในเส้นทางการค้าทางทะเล ทำให้มีการเข้ามาของผู้คนจากหลายวัฒนธรรม ตั้งแต่ชาวกรีก คาบสมุทรอิลลิรีน โรมัน จนถึงชาวโครแอต นอกจากนี้ Korčula ยังเป็นบ้านเกิดของมาร์โก โปโล นักเดินทางชื่อดัง จากบ้านที่กล่าวกันว่าเป็นสถานที่เกิดของเขา ซึ่งอยู่ในเมือง คุณจะได้สัมผัสประเพณีต่างๆ เช่น การแสดงมอเรสก้าสุดตระการตา ซึ่งมีการแสดงมานานกว่า 400 ปี สำหรับผู้มาเยือนที่ท่าเรือ Korčula สิ่งที่น่าสนใจรอให้คุณสำรวจมากมาย เช่น พิพิธภัณฑ์เมือง และคลังศาสนาของบิชอป ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความงดงามตามธรรมชาติและบรรยากาศยุคกลางของเกาะ ที่ทำให้ทุกการเดินทางของคุณเป็นความทรงจำอันล้ำค่า

เมื่อคุณเดินทางมาถึงท่าเรือ Brindisi ในอิตาลี ประสบการณ์ที่รอคุณอยู่จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้หลุดเข้าไปในโลกแห่งความงดงามที่ไม่ได้รับผลกระทบจากกาลเวลา ที่นี่ มรดกทางประวัติศาสตร์และทิวทัศน์อันงดงามของแผ่นดินอิตาลีจะต้อนรับคุณด้วยความอบอุ่นของหมู่บ้านที่ตั้งอยู่บนยอดเขา กระจายตัวอยู่ในทุ่งมะกอกและไร่องุ่นที่เขียวขจี ในแนวชายฝั่งที่สวยงาม จะพบ cliffs ที่ยิ่งใหญ่และถ้ำลึกลับที่ถูกสร้างขึ้นจากธรรมชาติร่วมกับชายหาดยาวขาวสะอาด ซึ่งให้ความรู้สึกสงบเงียบ Brindisi นั้นไม่เพียงแต่เป็นจุดหมายที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนเท่านั้น แต่ยังเป็นสวรรค์สำหรับคนรักอาหารอีกด้วย ไม่ว่าคุณจะหลงใหลในพาสต้าเส้นสดในซอสสุดคลาสสิค หรือ Caprese salad ที่ทำจากมะเขือเทศและโมซาเรลล่าชีสท้องถิ่น นอกจากนี้ยังมีเค้กเลมอนและสปาเก็ตตี้อัลวอโกเล้ ที่ทำให้คุณได้สัมผัสรสชาติของท้องถิ่นอย่างแท้จริง ด้วยความงามที่ซ่อนเร้นนี้ Brindisi จึงเป็นปลายทางที่ห้ามพลาดในการเดินทางครั้งต่อไปของคุณ มาพบกับโลกใหม่ที่เต็มไปด้วยความหลากหลายและแรงบันดาลใจจากอิตาลีที่ไม่เหมือนใครกันเถอะ!

ซารันด์ (Sarandë) เป็นเมืองชายทะเลที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคใต้ของประเทศแอลเบเนีย บนชายฝั่งของทะเลไอออนิอัน ซึ่งสามารถเดินทางมาจากเกาะคอร์ฟูของกรีซได้อย่างสะดวกสบาย ด้วยเรือเฟอร์รี่ เมืองซารันด์ได้ชื่อมาจากอารามคริสต์นิกายแรกซึ่งอุทิศให้กับนักบุญ 40 องค์ ความมหัศจรรย์ของซารันด์นั้นไม่เพียงแต่ในประวัติศาสตร์ แต่ยังรวมไปถึงบรรยากาศที่มีชีวิตชีวา จากการพัฒนาในช่วงหลังผ่านสถาปัตยกรรมคอมมิวนิสต์ที่เริ่มจะจางหาย มีร้านค้าขนาดเล็กและบาร์มากมายที่เพิ่มเสน่ห์แบบเมดิเตอร์เรเนียนให้กับเมือง ท่าเรือซารันด์ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นท่าเรือโบราณของออนเคสมัส (Onchesmos) ขึ้นชื่อในเรื่องอากาศที่อบอุ่นและซากโบราณสถานที่ใกล้เคียงอย่างบูตรินต์ (Butrint) ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอย่างสปริงน้ำตาอีฟ (Blue Eye Spring) ที่มีน้ำใสเป็นประกายอันน่าหลงใหล และใกล้เคียงมีสุสานใต้ดินของโบสถ์นักบุญ 40 ที่เพิ่งค้นพบ เมื่อคุณเยือนซารันด์ อย่าลืมชิมอาหารท้องถิ่น เช่น ชีสเคบับ (shisqubap) และไอศกรีมแสนอร่อย (akullore) ที่จะทำให้คุณได้รับประสบการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ในดินแดนแห่งนี้อย่างแน่นอน!

ท่าเรือซาคินโทส (Zakynthos) หนึ่งในเพชรน้ำงามแห่งทะเลอีเจียน คือนิยามของความงามที่แท้จริงซึ่งรอคอยให้คุณได้สัมผัส ตัวเมืองท่าเรือที่มีสถาปัตยกรรมคลาสสิกและทิวทัศน์อันงดงามเป็นพยานแห่งประวัติศาสตร์ยาวนานของกรีซ เมื่อเดินทางมาถึงซาคินโทส คุณจะได้พบกับชายหาดที่โอบล้อมด้วยท้องทะเลสีฟ้าคราม นํ้าสะอาดใสในอ่าวนาบี (Navagio Beach) ที่ถูกล้อมรอบด้วยหน้าผาสูง เป็นที่รู้จักจากเรืออับปางซึ่งเติมเต็มบรรยากาศอันตื่นตาตื่นใจ การเรียบริมชายหาดแห่งนี้ให้คุณได้สัมผัสความงามของธรรมชาติในแบบที่ไม่มีใครเหมือน นอกจากนี้ซาคินโทสยังเต็มไปด้วยเสน่ห์ของวัฒนธรรมและประเพณีที่ยังคงเก็บรักษาไว้อย่างดี เยือนเมืองโบราณโค่ซปุส (Keri Cave) และสำรวจการทำงานของชาวประมงท้องถิ่น ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่คุณไม่ควรพลาด ด้วยบรรยากาศที่น่าหลงใหลและวัฒนธรรมที่หลากหลาย ท่าเรือซาคินโทสจึงเป็นสวรรค์แห่งการเดินทางที่รอคุณมาเยือน พร้อมที่จะมอบประสบการณ์ที่ไม่อาจลืมเลือนให้กับทุกคนที่ลงเรือที่นี่ เพิ่มเติมให้การเดินทางของคุณเป็นการเติมเต็มฝันได้อย่างงดงามในหนึ่งในจุดหมายที่ยอดเยี่ยมของกรีซค่ะ

ที่ท่าเรือนาฟพลิโอน (Náfplion) ประเทศกรีซ เมืองเล็ก ๆ ที่เรียกว่า “โอเรีย” หรือ “สวยงาม” เป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่หลงใหลในวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ โดยตั้งอยู่บนคาบสมุทรที่โอบล้อมอ่าวอาร์กอส ตัวเมืองเป็นการผสมผสานอย่างลงตัวของสถาปัตยกรรมแบบกรีก เวเนเชียน และตุรกี ถนนเล็ก ๆ ที่บางครั้งเปิดให้เดินขึ้นลงเส้นทางที่มีบันไดหิน ล้วนเสริมสร้างบรรยากาศที่มีเสน่ห์ในเมืองนี้ หากคุณต้องการสัมผัสความงามของนาฟพลิโอน ควรใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งวันในการสำรวจและดื่มด่ำกับวัฒนธรรมท้องถิ่น ในขณะเดียวกัน คุณอาจพบว่าการใช้เวลาหลายวันหรือสัปดาห์ที่นี่จะช่วยให้คุณมีโอกาสสำรวจสถานที่โบราณโดยรอบได้อย่างสมบูรณ์แบบ จุดเด่นที่ไม่ควรพลาดคือ ปราสาทปาลามิดี (Palamidi) ที่ตั้งตระหง่านอยู่เหนือเมือง เป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ในสมัยเวเนเชียนที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 18 การขึ้นไปชมวิวจากปราสาทแห่งนี้จะทำให้คุณมีมุมมองที่งดงามของเมืองและทะเลอันสงบ นาฟพลิโอนคือเสน่ห์แห่งประวัติศาสตร์ที่จะทำให้คุณหลงใหลและอยากกลับมาอีกครั้งอย่างแน่นอน

ท่าเรือพิราอีอัส (Piraeus) ตั้งอยู่ใกล้กับกรุงเอเธนส์ เป็นจุดเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยมสำหรับการสำรวจความงามและประวัติศาสตร์ของกรีซ สถานที่แห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นท่าเรือที่วุ่นวาย แต่ยังเป็นประตูสู่การเดินทางที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น สัมผัสเสน่ห์ของพิราอีอัสกับภาพวิวทะเลสวยและร้านอาหารทะเลที่มีชื่อเสียง ลองชิมอาหารซีฟู้ดสดๆ ริมน้ำในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา หลังจากนั้นเดินทางต่อไปยังกรุงเอเธนส์ เพื่อชมมนต์ขลังของอะโครโพลิส แหล่งมรดกโลกที่มีเสาหินอ่อนสีทองเป็นสัญลักษณ์ของความสวยงามแบบศิลปะกรีกโบราณ ในขณะที่สำรวจเมือง คุณจะได้พบกับย่านต่างๆ เช่น พลาคา ที่มีถนนแคบๆ และบ้านเรือนสีสันสดใส นอกจากนี้ คุณยังสามารถแวะชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่รวบรวมวัตถุโบราณต่างๆ เพื่อรู้จักกับประวัติศาสตร์หลายพันปีของกรีซได้อีกด้วย การเดินเที่ยวในพิราอีอัสและเอเธนส์จะเป็นการสัมผัสถึงเสน่ห์ที่เน้นความหลากหลายของวัฒนธรรม ซึ่งทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่คู่ควรแก่การสำรวจ ความคลาสสิกพบกับความทันสมัยในวิถีชีวิตประจำวันของชาวกรีก รอให้คุณได้มาเปิดประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครในดินแดนแห่งนี้.

กีธีโอ (Gythio) เป็นท่าเรือที่สวยงามในประเทศกรีซ ตั้งอยู่ทางชายฝั่ง Peloponnese เป็นประตูสู่ความงามทางธรรมชาติและวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ เปิดประตูให้คุณได้สัมผัสกับความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยวที่น่าหลงใหล ที่นี่คุณจะได้พบกับชายหาดที่มีทรายขาวละเอียด และน้ำทะเลสีฟ้าครามใส ซึ่งเป็นจุดที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนในวันหยุด นอกจากนี้ยังมีโอกาสได้สำรวจประวัติศาสตร์อันยาวนานในเมืองโบราณของเมือง Sparta และโรงละครโรมันที่อยู่ใกล้เคียง เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้รักประวัติศาสตร์ ทางเข้าท่าเรือตกแต่งด้วยภูมิทัศน์ที่สวยงาม มีร้านค้าขายของที่ระลึกและร้านอาหารท้องถิ่นที่เสิร์ฟอาหารกรีกจานเด็ด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ซูฟลากิ (Souvlaki) และมาซาเลน (Moussaka) ที่คุณไม่ควรพลาด การเที่ยวที่กีธีโอนั้นไม่เพียงแต่เติมเต็มความสุขให้กับจิตใจ แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจในทุกการเดินทาง อนาคตและอดีตที่ผสมผสานอย่างลงตัว รอคอยคุณอยู่ที่ท่าเรือแห่งนี้ที่จะทำให้การเดินทางของคุณน่าประทับใจตลอดไป

ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอันงดงามแห่งนี้ มีเมืองหนึ่งที่โดดเด่นด้วยประวัติศาสตร์และเสน่ห์แห่งความสำคัญอย่าง “คานิอา” (Chania) ที่ตั้งอยู่ในเกาะครีต (Crete) ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของเกาะและเป็นหลวงของจังหวัดที่มีชื่อเดียวกัน เมืองคานิอา แบ่งออกเป็นสองส่วน ได้แก่ “เมืองเก่า” ที่มีการก่อสร้างตามสถาปัตยกรรมแบบเวนิสที่สวยงาม และ “เมืองใหม่” ที่ทันสมัยมากขึ้น ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของเมืองเก่า เมืองเก่าของคานิอามีการผสมผสานระหว่างอาคารอันมีคุณค่าจากยุคเวนิสและอิทธิพลจากตุรกี ที่ให้ความรู้สึกย้อนยุคและสวยงามที่สุด โดยมีท่าเรือเวนิสที่สร้างขึ้นเมื่อหลายศตวรรษก่อน สัมผัสมนต์ขลังของสถาปัตยกรรมที่หยิบยกประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมไว้ในอาคารเดียวกัน นอกจากนี้ยังสามารถสำรวจเพลิดเพลินได้ในเวลาเพียงวันเดียว ด้วยความสะดวกและขนาดที่กะทัดรัดของเมือง ทำให้คานิอาเป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดของนักท่องเที่ยวที่ต้องการสำรวจความงดงามแห่งครีตในทุกแง่มุม แวะมาแล้วจะเป็นประสบการณ์ที่เลิกไม่ลงสำหรับการเดินทางแดนดินแห่งประวัติศาสตร์นี้!

ไมโคนอส (Mykonos) เป็นหนึ่งในเกาะอันสวยงามของกรีซที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความหรูหราและบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งในปัจจุบันแลนด์มาร์คของที่นี่ได้แก่ เมืองไมโคนอส (Hora) ที่ได้ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ด้วยลักษณะสถาปัตยกรรมที่งดงามในแบบไซคลาดิก หากคุณได้สำรวจตามถนนแคบ ๆ ที่ปูด้วยหิน คุณจะพบว่ามุมต่าง ๆ ของเมืองนี้เต็มไปด้วยเสน่ห์และความเป็นเอกลักษณ์ เช่น ลิตเติลเวนิซ (Little Venice) ที่สวยงาม พร้อมบ้านเรือนสีขาวที่มีประตูและโดมสีแดงหรือสีน้ำเงินโดดเด่นอย่างมีเสน่ห์ การเดินชมเมืองในยามเช้าจะมีความคึกคักกับนักท่องเที่ยวที่มุ่งหน้าสู่ท่าเรือหลัก สถานที่ที่คุณจะได้สัมผัสการส่งสินค้าและบรรยากาศที่มีชีวิตชีวา เมื่อถึงเวลาช่วงบ่าย ร้านอาหารและคาเฟ่ต่าง ๆ จะเต็มไปด้วยผู้คนที่มาเพลิดเพลินกับอาหารท้องถิ่นและบรรยากาศที่อบอุ่น ขณะที่ยามค่ำคืนจะเป็นช่วงเวลาที่ไมโคนอสแสดงออกถึงความมีชีวิตชีวาที่แท้จริง ร้านค้าและบาร์หลายแห่งจะเปิดให้บริการจนถึงดึก พร้อมดนตรีที่กระตุ้นบรรยากาศให้มีชีวิตชีวา ไมโคนอสจึงไม่เพียงแต่เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ แต่ยังเป็นจุดหมายปลายทางที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ที่หรูหราและวัฒนธรรมที่หลากหลาย รอคุณมาสัมผัสประสบการณ์ที่ไม่อาจลืมเลือน!

**เสน่ห์ของท่าเรือเชสเมในตุรกี: จุดหมายที่น่าหลงใหล** ท่าเรือเชสเม (Çeşme) ตั้งอยู่ในภาคตะวันตกของตุรกี เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่มีชื่อเสียงในหมู่นักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสกับความงดงามของทะเลเอเจียนและวัฒนธรรมที่หลากหลาย เชสเมมีชายหาดที่งดงามที่สุดในตุรกี พร้อมด้วยน้ำทะเลสีฟ้าครามใสสะอาด เหมาะแก่การว่ายน้ำและกีฬาทางน้ำหลายประเภท ไม่เพียงแต่ท่าเรือที่มีเสน่ห์ เชสเมยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญมากมาย เช่น ปราสาทเชสเม ซึ่งสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15 โดยจักรวรรดิออตโตมัน ตัวปราสาทตั้งอยู่บนเนินเขา ให้วิวที่สวยงามมองออกไปเห็นทะเล นอกจากนี้ยังมีบ่อน้ำพุร้อนที่ส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วเมือง รวมถึงตลาดท้องถิ่นที่เต็มไปด้วยผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน สำรวจตลาดอาหารทะเลสดใหม่ และอย่าลืมลิ้มลองอาหารท้องถิ่นที่อร่อยสุดขีด เช่น พิซซ่าแบบตุรกีหรือ "ชายลาซาน" อาหารทะเลที่มีชื่อเสียง ทำให้การเดินทางมาที่นี่ไม่เพียงแค่การพักผ่อน แต่ยังเป็นการสัมผัสกับรสชาติและวัฒนธรรมที่ไม่เหมือนใคร หากคุณใฝ่ฝันที่จะสัมผัสบรรยากาศของชายทะเลที่สวยงามและประวัติศาสตร์ที่น่าหลงใหล เชสเมคือปลายทางที่ไม่ควรพลาดในการเดินทางครั้งต่อไปของคุณ!

ท่าเรือคูซาดาซี (Kusadasi) เป็นจุดหมายที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสความสวยงามของประเทศตุรกี เมืองตากอากาศแสนคึกคักนี้มีทั้งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร และชีวิตชายหาดที่น่าตื่นตา แต่สิ่งที่สะดุดตาที่สุดก็คือเมืองโบราณเอเฟซุส (Ephesus) ที่ถูกขุดค้นมาเพียง 20% ของทั้งหมด ทำให้ที่นี่ได้รับการยกย่องว่าเป็นมหานครโบราณที่สมบูรณ์ที่สุดในยุโรป เอเฟซุส ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 10 ก่อนคริสตกาล เป็นมรดกโลกของยูเนสโกและมีความงดงามที่น่าตื่นตาตื่นใจ แม้ว่าสถาปัตยกรรมอย่างวิหารอาร์เทมิสซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกจะเหลือเพียงเศษซาก แต่ห้องสมุดเซลซัสยังคงยืนหยัดอย่างน่าประทับใจ ส่งเสริมให้ผู้เข้าเยี่ยมชมได้สัมผัสประสบการณ์ที่มีค่า นอกจากนี้ ยังมีบ้านของพระแม่มารีอยู่ใกล้เคียงบนเขานกไนท์เกล ซึ่งมีตำนานเล่าขานว่าเป็นสถานที่ที่พระแม่มารีได้ใช้ชีวิตในช่วงท้ายของชีวิต เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่ซับซ้อนนี้สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้เยี่ยมชมทุกคน สำหรับผู้ที่ไม่สนใจประวัติศาสตร์ คูซาดาซีก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ด้วยชายหาดที่สวยงามอย่างชายหาดเลดี้ส (Ladies’ Beach) และร้านอาหารที่เสิร์ฟเคบับตุรกีอร่อย ๆ อีกมากมาย การเดินทางไปยังชายหาดที่ใสสะอาดของกูเซลคัมลิ (Guzelcamli) และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ปามุคคาเล (Pamukkale) ก็จะทำให้ความฝันในการสำรวจโลกของคุณเป็นจริงได้อย่างง่ายดาย

อิสตันบูล เมืองมหัศจรรย์ที่ตั้งอยู่ระหว่างสองทวีป เป็นจุดหมายที่ไม่ควรพลาดของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ด้วยประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและความเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรม อิสตันบูลเคยเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิไบแซนไทน์และออตโตมัน ได้รวบรวมสถาปัตยกรรมที่งดงาม อย่างเช่น โบสถ์อายา โซเฟีย (Aya Sofya) และมัสยิดที่ออกแบบโดยสถาปนิกชั้นยอดอย่างซินาน (Sinan) เมื่อเดินทางไปยังย่านเก่า (Old City) นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับความลงตัวระหว่างอดีตและปัจจุบัน ตึกระฟ้าพุ่งสูงอยู่ใกล้กับพระราชวังโบราณ และการเดินทอดน่องในตลาดใหญ่ (Grand Bazaar) จะทำให้คุณต้องเข้ามาร่วมสนุกกับการช้อปปิ้งหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่สินค้าท้องถิ่นไปจนถึงแบรนด์หรู อิสตันบูลยังมีชีวิตชีวากับแสงสีแห่งคืนอันสดใส และวัฒนธรรมการแสดงที่กำลังได้รับความนิยมในระดับสากล หลังจากได้สำรวจประวัติศาสตร์แล้ว อย่าลืมสัมผัสบรรยากาศสมัยใหม่ของเมืองนี้ กับผู้คนที่เป็นมิตรและเต็มไปด้วยข้อเสนอของประสบการณ์ใหม่ ๆ สร้างความทรงจำที่จะอยู่ในใจคุณตราบนานเท่านาน
