
02-27217300
02-27217179
service@siloahtravel.com
Monday ~ Friday 09:00-18:00
14F.-3, No.137, Sec. 1, Fuxing S. Rd., Da’an Dist., Taipei City 106, Taiwan
Representative: Tung-Hua Tai
VAT: 43871553
交觀甲793500 品保北2260 隱私權條款
Copyright © 2025 Siloah Travel Co., Ltd.. All rights reserved.

Seabourn Encore
Seabourn


ท่าเรือแวนคูเวอร์ในบริติชโคลัมเบีย เป็นจุดหมายที่ลงตัวระหว่างความสง่างามในเมืองและการผจญภัยในธรรมชาติ กลางเมืองที่มีภูเขาและทะเลทำให้แวนคูเวอร์กลายเป็นสนามเด็กเล่นกลางแจ้งสำหรับกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การเดินเขา สกี การพายเรือ และการปั่นจักรยาน พร้อมกันนั้นศิลปะและอาหารที่หลากหลายยังสะท้อนถึงวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองนี้ แวนคูเวอร์ได้รับการจัดอันดับอย่างต่อเนื่องว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก ด้วยบรรยากาศที่สบายและเข้าถึงกิจกรรมกลางแจ้งได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นหาดทรายที่สวยงามหรือสวนสาธารณะที่ร่มรื่น มีนักท่องเที่ยวกว่า 8 ล้านคนเข้ามาสัมผัสความงดงามนี้ในทุกปี ในฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้หลากสีบานสะพรั่งในสวนสาธารณะ ในขณะที่ผู้คนสามารถใช้เวลาพักผ่อนที่ชายหาดในฤดูร้อน นอกจากนี้เมืองยังมีระบบขนส่งที่สะดวกสบาย ทำให้ผู้ที่พักในย่านราคาย่อมเยาสามารถเข้าถึงใจกลางเมืองได้อย่างรวดเร็ว สำหรับผู้ที่ได้สัมผัสการล่องเรืออลาสก้า แวนคูเวอร์เป็นจุดแวะพักที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ และถือเป็นประตูสู่การสำรวจโลกที่งดงามของแคนาดา คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวให้กลับมาเยือนอีกครั้งอย่างไม่รู้ลืม

เคติชกัน (Ketchikan) เมืองเล็กแห่งอลาสก้า เป็นจุดหมายที่มีเอกลักษณ์และดึงดูดผู้เข้าชมด้วยธรรมชาติและวัฒนธรรมที่หลากหลาย เมืองนี้มีชื่อเสียงในเรื่องเสาโทเท็มที่สวยงาม สภาพอากาศที่มีหมอกควัน และถนนที่ชันคล้ายซานฟรานซิสโก ร่วมกับบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาเต็มไปด้วยชาวบ้านที่มีช่วงชีวิตใช้การประมงและการทำไม้ การท่องเที่ยวโดยเรือสำราญหนาแน่นในช่วงฤดูร้อน โดยเรือพาณิชย์และเครื่องบินน้ำมักจะออกจากท่าเรือเพื่อไปยัง Monument Misty Fiords อนาคตของเคติชกันได้เปลี่ยนไปตามยุคสมัย แม้ว่าความเจริญในอุตสาหกรรมการประมงจะลดลง แต่ชุมชนศิลปะที่แอคทีฟยังคงสร้างสรรค์ผลงานที่สวยงามสำหรับนักเดินทางที่แสวงหาเอกลักษณ์พื้นเมือง นักท่องเที่ยวยังสามารถเพลิดเพลินกับการเดินชมร้านค้าต่าง ๆ บริเวณ Creek Street หรือเยี่ยมชมศูนย์มรดกโทเท็ม นอกจากนี้ ยังมีสวนประวัติศาสตร์ Totem Bight และ Saxman Totem Park ที่อยู่ห่างออกไป ซึ่งเป็นสถานที่ที่ช่วยเล่าเรื่องราวของวัฒนธรรมท้องถิ่น ค่ำคืนที่พิเศษในเคติชกันถือเป็นจุดเริ่มต้นของประสบการณ์อันน่าจดจำในดินแดนอลาสก้า ที่ซึ่งธรรมชาติและวัฒนธรรมจะสร้างแรงบันดาลใจให้คุณตลอดไป

ซิตกา (Sitka) ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจที่สุดในอลาสก้า ด้วยบรรยากาศที่ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมชนเผ่าอัลลาสก้า รัสเซีย และอเมริกัน อย่างลงตัว โดยมีสถานที่เด่นในการสำรวจคือ วิหารเซนต์ไมเคิล (St. Michael's Cathedral) และพิพิธภัณฑ์เชลดอน แจ็คสัน (Sheldon Jackson Museum) ที่จะพาคุณย้อนเวลาสู่วิถีชีวิตของชาวท้องถิ่น การเดินเล่นที่สวนสาธารณะประวัติศาสตร์ซิตกา (Sitka National Historical Park) จะทำให้คุณได้สัมผัสกับประวัติศาสตร์และธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ซิตกามีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ เริ่มต้นจากการตั้งถิ่นฐานของชนเผ่าคิกซาดี (Kiksádi) ผู้มีบทบาทในภูมิภาคนี้มาก่อนการมาถึงของชาวรัสเซียในศตวรรษที่ 18 การพัฒนาของเมืองในช่วงเวลานั้นได้สร้างความเจริญรุ่งเรือง โดยในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง ซิตกาได้กลายเป็นฐานการทหารสำคัญ ทำให้เมืองฟื้นตัวอีกครั้ง ปัจจุบัน ซิตกาเป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่หลงใหลในธรรมชาติและประวัติศาสตร์ ที่นี่มีอุตสาหกรรมการตกปลา รัฐบาล และการท่องเที่ยว ทำให้ซิตกายังคงเป็นเมืองที่มีเสน่ห์และน่าค้นหาในภูมิภาคอลาสก้าอย่างไม่เปลี่ยนแปลง

อุทยานแห่งชาติ Glacier Bay ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของอลาสกา ทิศตะวันตกของเมืองหลวง Juneau เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มหัศจรรย์ เต็มไปด้วยภูเขาสูงที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ทะเลสาบน้ำแข็ง และความหลากหลายของสัตว์ป่า ที่นี่คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร ด้วยการล่องเรือชมปลาวาฬที่ยิ่งใหญ่ในน้ำทะเลใส หรือเดินป่าในเส้นทางที่เชื่อมโยงความงามของธรรมชาติ Glacier Bay ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งอนุรักษ์ที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศ แต่ยังเป็นสถานที่ที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้เข้าไปในโลกแห่งความมหัศจรรย์อีกด้วย นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมธารน้ำแข็งที่ใหญ่โตและสง่างาม อันเป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ พร้อมทั้งได้ชมนกอินทรีขี้เหล็กและแมวน้ำในวิถีชีวิตตามธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจนี้ทำให้ Glacier Bay เป็นหนึ่งในประสบการณ์การเดินทางที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่หลงใหลในความงามของธรรมชาติ และต้องการสัมผัสชีวิตที่ใกล้ชิดกับสัตว์ป่าในภูมิประเทศที่อลังการ นับเป็นการเดินทางที่น่าประทับใจและเต็มไปด้วยความทรงจำที่จะอยู่กับคุณตลอดไป

ท่าเรือ Inian Islands ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับนักเดินทางที่มองหาความงดงามของธรรมชาติที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ในท่ามกลางมหาสมุทรแปซิฟิกที่เชื่อมต่อกับ Icy Strait กลุ่มเกาะเล็กๆ ที่ประกอบด้วยหินนี้คือที่ตั้งของระบบนิเวศที่หลากหลายและสมบูรณ์ Inian Islands แวดล้อมไปด้วยผู้ช่วยชีวิตที่น่ารัก เช่น ลูกแมวน้ำ Steller, นก Tridactyl, นกนางนวล และแมวน้ำทะเล ซึ่งคุณสามารถสัมผัสประสบการณ์ได้อย่างใกล้ชิดผ่านกิจกรรม Zodiac® ซึ่งช่วยให้คุณสำรวจความงามของเกาะและชีวิตเชิงนิเวศที่มีอักขระพิเศษ นอกจากการชมสัตว์น้ำที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถเพลิดเพลินกับการเดินชมธรรมชาติในบริเวณรอบๆ ซึ่งเป็นที่ตั้งของป่าไม้อันหนาทึบและวิวทะเลอันงดงาม ที่จะทำให้คุณรู้สึกเสมือนว่าได้หลีกหนีจากความวุ่นวายของชีวิตประจำวัน ไม่ควรพลาดการเก็บภาพความทรงจำในวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยงามพร้อมเสียงคลื่นที่กระทบฝั่ง เป็นประสบการณ์ที่จะอยู่ในหัวใจของคุณตลอดไป โอกาสพิเศษนี้รอให้คุณมาสัมผัสที่ Inian Islands สถานที่ที่เป็นจุดรวมของธรรมชาติและความงดงามในทุกมิติ

ท่าเรือไอซี่สเตรตพอยต์ (Icy Strait Point) ตั้งอยู่ในเมืองฮูนา (Hoonah) เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับผู้ที่มาเยือนอลาสก้า โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่มาทางเรือสำราญ ตั้งแต่เปิดให้บริการในปี 2004 ท่าเรือนี้ได้ดึงดูดนักเดินทางมากมาย ด้วยความโดดเด่นที่เป็นศูนย์กลางของโรงงานแปรรูปปลาซึ่งได้รับการบูรณะใหม่ ปัจจุบันที่นี่มีพิพิธภัณฑ์ ร้านงานศิลป์ ตลอดจนร้านอาหารที่จะทำให้คุณได้สัมผัสรสชาติของอาหารทะเลสดใหม่ขณะที่รับชมวิวริมทะเลที่งดงาม หนึ่งในกิจกรรมที่น่าตื่นเต้นคือการนั่งรอกซิปไลน์ที่ยาวที่สุดในโลก ความยาวถึง 5,330 ฟุต พร้อมกับการหล่นลงจากความสูง 1,300 ฟุต ซึ่งจะมอบประสบการณ์ที่หลากหลายและมุมมองที่สวยงามของภูเขาและมหาสมุทรรอบๆ หากคุณต้องการสัมผัสความสงบ สามารถจองเดินทางด้วยกระเช้าลอยฟ้าไปยังเขา เพื่อเพลิดเพลินกับการเดินป่าแบบสบายๆ และชมทิวทัศน์ที่ตระการตา นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจอื่นๆ เช่น การแสดงการเต้นของชาวอะแลสกาที่ถ่ายทอดวัฒนธรรมท้องถิ่น รวมถึงการดูหมีและวาฬ สำหรับนักเดินทางที่สามารถเพลิดเพลินกับธรรมชาติอันงดงามของอลาสกา ไอซี่สเตรตพอยต์คือจุดหมายที่ไม่ควรพลาด!

เมื่อคุณล่องเรือสำราญมาสู่ท่าเรือเฮนส์ (Haines) ในอลาสกา คุณจะได้พบกับเมืองเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในเส้นทางใน (Inside Passage) ที่งดงาม ตั้งอยู่ในแนวเขาเชลคัท (Chilkat Mountains) ที่สูงตระหง่าน รอบๆ เมืองมีภูเขาที่โอบล้อม สร้างบรรยากาศอันน่าทึ่งให้กับนักท่องเที่ยว ด้วยประชากรเพียง 2,200 คน เฮนส์สามารถเข้าถึงได้โดยถนน ส่งผลให้เป็นจุดเชื่อมโยงสำคัญสู่เทอร์ริทอรีของยูคอน (Yukon Territory) และอัลาสกา ภายในเมืองเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ เริ่มต้นจากฐานทัพกองทัพสหรัฐที่ก่อตั้งเมื่อปี 1903 นำไปสู่เส้นทางการค้าในช่วงทองคำคลอนดาเค น้ำตกและการตกปลาที่บริเวณนี้ก็เป็นที่นิยมอย่างมาก ไม่ว่าคุณจะอยากสัมผัสวัฒนธรรมพื้นเมืองอเมริกันที่เซ็นเตอร์ของฟอร์ตเซียวาร์ด (Fort Seward) หรือท่องเที่ยวในธรรมชาติที่สามารถทำกิจกรรมตกปลาและตั้งแคมป์ได้ เฮนส์ยังมีเสน่ห์ที่ไม่ซ้ำใคร ในบรรยากาศที่งามสง่าของภูมิทัศน์ที่โดดเด่น ทำให้เมืองเฮนส์เป็นจุดหมายปลายทางที่คุณไม่ควรพลาด หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์ด้านการเดินทางที่มีความโดดเด่นในทุกช่วงเวลา นี่คือสวรรค์ที่สะท้อนความงามของอลาสกาอันแท้จริง!

จูโน่ (Juneau) เมืองหลวงของรัฐอลาสกา เป็นเพชรเม็ดงามที่ตั้งอยู่บนฝั่งอเมริกาเหนือ ซึ่งนอกจากจะไม่สามารถเดินทางไปยังที่นั่นด้วยถนนได้แล้ว ยังมีภูมิทัศน์ที่งดงามรายล้อมไปด้วยภูเขาสูงและทะเลสาบที่เงียบสงบ เมืองนี้มีขนาดเล็กและมีบรรยากาศเหมือนชุมชนบนเกาะ พร้อมทั้งมีความเป็นเมืองที่ทันสมัย ทั้งพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียง ร้านอาหารชั้นเลิศ และผู้คนที่มีความรู้ความสามารถในด้านต่างๆ ตลอดการเดินทาง นอกจากการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์รัฐอลาสกา ซึ่งกำลังจะเปิดใหม่ในปี 2016 เป็นสถานที่สำคัญสำหรับเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมท้องถิ่น นักท่องยังกระโดดเข้าสู่การสำรวจวรรณกรรมพื้นบ้านของชนเผ่าเฮเคน (Tlingit), ไฮดา (Haida) และซิมเซียน (Tsimshian) ที่ศูนย์วอลเตอร์ โซโบเลฟฟ์ (Walter Soboleff Center) สำหรับผู้ที่รักการผจญภัย สามารถใช้บริการกระเช้าไฟฟ้าที่เขา มอนต์ โรเบิร์ตส์ (Mt. Roberts Tramway) เพื่อชมทิวทัศน์อันงดงามหรือเลือกที่จะพายเรือคายัคในอ่าวเงียบสงบ นอกจากนี้ยังมีธารน้ำแข็งเมนเดนฮอลล์ (Mendenhall Glacier) ที่โด่งดังซึ่งสามารถขับรถเข้าไปถึงได้ นี่คือการเดินทางที่คุณต้องประทับใจตลอดไปในจูโน่ อลาสกา สิ่งที่ซ่อนอยู่ในความสวยงามนี้ รอคอยให้คุณมาค้นพบ!

สกายเวย์ (Skagway) เมืองเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่บริเวณสุดทางเหนือของ Inside Passage ของอลาสก้า เป็นจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับผู้ที่หลงใหลในประวัติศาสตร์และธรรมชาติที่งดงาม ใกล้กันเพียงหนึ่งชั่วโมงจากเมืองเฮนส์ (Haines) ด้วยการเดินทางทางเรือ แต่หากต้องการเดินทางทางรถยนต์จะต้องใช้เวลาและระยะทางที่มากถึง 359 ไมล์ ผ่านเส้นทางที่มีเอกลักษณ์ที่เรียกว่า Golden Horseshoe หรือ Golden Circle ซึ่งเต็มไปด้วยวิวทิวทัศน์ที่น่าตื่นตาตื่นใจของทะเลสาบ ป่าไม้ และภูเขา สกายเวย์ยังเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาแห่งการค้าที่เกิดจากการค้นพบทองคำในอดีต ที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานประวัติศาสตร์แห่งชาติ Klondike Gold Rush ซึ่งเก็บรักษาประวัติศาสตร์การค้นพบทองคำในปี 1897 เอาไว้ให้นักท่องเที่ยวได้สำรวจทุกซอกทุกมุมอย่างใกล้ชิด นักท่องเที่ยวสามารถเดินเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ภายในไม่กี่ช่วงตึกจากท่าเรือสำราญหรือลานจอดเรือเฟอร์รี่มากมาย และรับรู้ถึงความเร่งรีบของชีวิตในเมืองนี้ที่ดำเนินไปอย่างคึกคัก โดยเฉพาะในฤดูร้อน สกายเวย์จึงไม่เพียงแต่เป็นจุดหมายที่ควรตระเวนไป แต่ยังเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับทุกคนที่มาที่นี่อีกด้วย

อุทยานแห่งชาติ Glacier Bay ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของอลาสกา ทิศตะวันตกของเมืองหลวง Juneau เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มหัศจรรย์ เต็มไปด้วยภูเขาสูงที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ทะเลสาบน้ำแข็ง และความหลากหลายของสัตว์ป่า ที่นี่คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร ด้วยการล่องเรือชมปลาวาฬที่ยิ่งใหญ่ในน้ำทะเลใส หรือเดินป่าในเส้นทางที่เชื่อมโยงความงามของธรรมชาติ Glacier Bay ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งอนุรักษ์ที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศ แต่ยังเป็นสถานที่ที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้เข้าไปในโลกแห่งความมหัศจรรย์อีกด้วย นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมธารน้ำแข็งที่ใหญ่โตและสง่างาม อันเป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ พร้อมทั้งได้ชมนกอินทรีขี้เหล็กและแมวน้ำในวิถีชีวิตตามธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจนี้ทำให้ Glacier Bay เป็นหนึ่งในประสบการณ์การเดินทางที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่หลงใหลในความงามของธรรมชาติ และต้องการสัมผัสชีวิตที่ใกล้ชิดกับสัตว์ป่าในภูมิประเทศที่อลังการ นับเป็นการเดินทางที่น่าประทับใจและเต็มไปด้วยความทรงจำที่จะอยู่กับคุณตลอดไป

เมืองแวรังเกล (Wrangell) ตั้งอยู่ที่ปลายสุดเหนือของเกาะแวรังเกลในรัฐอลาสก้า เป็นชุมชนที่มีบรรยากาศสงบเงียบ เรียบง่าย แต่เปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์ของการทำไม้และการประมง ที่สำคัญคือ เป็นที่ตั้งของแม่น้ำสติคีน (Stikine River) ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาเหนือที่ยังไม่ถูกสร้างเขื่อน แม่น้ำแห่งนี้ไม่เพียงแต่สวยงาม แต่ยังเป็นส่วนสำคัญในวิถีชีวิตของชาวเมืองแวรังเกล รวมถึงการเดินทางล่องเรือโดยมัคคุเทศก์ท้องถิ่น ซึ่งแนะนำประสบการณ์อันเป็นเอกลักษณ์ของการใช้ชีวิตแบบอลาสกัน แม้ว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจฐานทรัพยากรจะลดน้อยลง แต่ชาวบ้านที่รักแวรังเกลกำลังพัฒนาการท่องเที่ยว โดยเฉพาะเทศกาล Bearfest ที่เริ่มจัดขึ้นในปี 2010 เพื่อฉลองความใกล้ชิดกับ Anan Creek ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญที่ผู้มาเยือนจะได้เห็นหมีสีน้ำตาลและหมีดำอย่างใกล้ชิด ด้วยความที่แวรังเกลตั้งอยู่นอกเส้นทางเรือสำราญใหญ่ ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถหลีกเลี่ยงความวุ่นวาย ไม่มีร้านขายของที่ระลึกมากมาย แต่ที่นี่มีร้านของขวัญและแกลเลอรีศิลปะที่จำหน่ายงานฝีมือท้องถิ่น ช่วยให้ผู้เดินทางได้สัมผัสกับกลิ่นอายของวัฒนธรรมและความอบอุ่นจากชาวเมืองที่ยินดีต้อนรับทุกคนอย่างใจดี ควรเพิ่มแวรังเกลลงในแผนการเดินทางของคุณเมื่อสำรวจภาคตะวันออกเฉียงใต้ของอลาสก้า เพื่อหลีกหนีจากฝูงชนและค้นพบเสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเมืองนี้ค่ะ

ท่าเรือที่คุณไม่ควรพลาดในการเดินทางสู่อลาสก้าคือ Misty Fjords National Monument ตั้งอยู่ห่างจาก Ketchikan ไปทางตะวันออก 40 ไมล์ นี่คือความงามของธรรมชาติที่คุณจะต้องหลงใหล ด้วยแนวภูเขาสูงชันและผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ที่สวยงามที่สุดของสหรัฐอเมริกา Rudyerd Bay เป็นหนึ่งในจุดเด่นของ Misty Fjords ที่จะทำให้คุณต้องตะลึงกับทิวทัศน์ที่งดงาม โดยฟยอร์ดนี้จะตัดผ่านภูเขาสูงที่มีน้ำตกมหาศาลกว่า 1,000 ฟุต ที่ไหลตกลงสู่ผืนน้ำด้านล่าง สร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวที่มาร่วมสัมผัสกับธรรมชาติที่บริสุทธิ์ การได้เดินทางมาเยือนที่นี่ นอกจากจะได้สัมผัสกับความงามของทิวทัศน์แล้ว คุณยังสามารถลองกิจกรรมต่างๆ เช่น การเดินป่า สำรวจป่าไม้ หรือการล่องเรือเพื่อชมความมหัศจรรย์ของแนวโขดหินและสัตว์ป่าที่หลากหลายและมีชีวิตชีวา Misty Fjords เป็นจุดหมายปลายทางที่จะทำให้การเดินทางของคุณเต็มไปด้วยความทรงจำที่น่าประทับใจและความรู้สึกสงบที่มีค่าจริงๆ ในการสำรวจโลกที่สวยงามนี้
ท่าเรือที่ทรงเสน่ห์แห่งเมือง Prince Rupert ตั้งอยู่บนเกาะ Kaien ริมฝั่งแม่น้ำ Skeena ในบริติชโคลัมเบีย ห่างจากชายแดนอัลลาสกาประมาณ 66 กิโลเมตร เป็นชุมชนที่ใหญ่ที่สุดบนชายฝั่งเหนือของแคนาดา ที่นี้โดดเด่นด้วยธรรมชาติอันงดงามที่ล้อมรอบไปด้วยฟยอร์ดและป่าไม้ฝนเขตร้อน ซึ่งเป็นแหล่งอาศัยของชาว Tsimshian ที่มีวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ยาวนานหลายพันปี Prince Rupert เคยมีศักยภาพที่จะเป็นศูนย์กลางการค้ามหาสมุทรแปซิฟิก เนื่องจากเป็นจุดสิ้นสุดของระบบรถไฟข้ามทวีปแห่งที่สองของแคนาดา แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดทำให้แผนการนี้ต้องหยุดชะงักลง โดยในช่วงระยะเวลาหลังจากการก่อตั้งในปี 1910 เมืองนี้ได้เปลี่ยนมาเน้นด้านการประมงและป่าไม้แทน ในปัจจุบัน Prince Rupert เป็นท่าเรือที่นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการเรือข้ามฟากไปยังบริติชโคลัมเบียและอัลลาสกา และเป็นจุดแวะที่สะดวกสำหรับเรือสำราญผู้มาเยือน ด้วยเสน่ห์ของชีวิตแบบชนบทและการต้อนรับอันอบอุ่น ทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกถึงความสงบและเป็นกันเองในบรรยากาศที่ไม่เร่งรีบ ช่วยเติมเต็มแรงบันดาลใจในการเดินทางที่ไม่เหมือนใครในทุกฤดูกาล

อเลิร์ตเบย์ คือ หมู่บ้านเล็ก ๆ บนเกาะคอร์มอแรนต์ ซึ่งตั้งอยู่ในบริติชโคลัมเบีย แคนาดา ที่นี่มีประชากรประมาณ 1,300 คน โดยกว่าครึ่งหนึ่งเป็นชนพื้นเมืองจากเผ่าคววกวาคา’วาค ถือเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีความสำคัญทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ สำหรับการตั้งถิ่นฐานนี้ ตั้งชื่อขึ้นในปี 1860 เพื่อเป็นเกียรติแก่เรือของกองทัพเรืออังกฤษ HMS Alert ที่เคยสำรวจพื้นที่นี้ ด้วยประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและพบกับความท้าทายจากโรคระบาดต่าง ๆ รวมถึงนโยบายการรวมชาติของรัฐบาลที่ไม่ประสบผลสำเร็จ ชนเผ่าคววกวาคา’วาคได้ฟื้นฟูประเพณีและวัฒนธรรมของตนอีกครั้ง อเลิร์ตเบย์จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ด้วยมีเสาโทเท็มไม้แกะสลักที่มีความสูงถึง 173 ฟุต ซึ่งหลายคนเชื่อว่าเป็นเสาโทเท็มที่สูงที่สุดในโลก การเข้าชมที่นี่ไม่เพียงแต่ได้สัมผัสความสวยงามของศิลปะพื้นเมือง แต่ยังเป็นการเรียนรู้และสัมผัสไปถึงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชนพื้นเมืองของแคนาดา การเดินทางมาที่อเลิร์ตเบย์จะเป็นประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร ที่จะทำให้คุณได้รู้จักกับหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและความมหัศจรรย์ที่รอให้คุณค้นหา หลีกหนีจากความวุ่นวายสู่การพักผ่อนในที่ที่เงียบสงบและมีเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์ของทั้งวัฒนธรรมและธรรมชาติเป็นอย่างดี

ท่าเรือแวนคูเวอร์ในบริติชโคลัมเบีย เป็นจุดหมายที่ลงตัวระหว่างความสง่างามในเมืองและการผจญภัยในธรรมชาติ กลางเมืองที่มีภูเขาและทะเลทำให้แวนคูเวอร์กลายเป็นสนามเด็กเล่นกลางแจ้งสำหรับกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การเดินเขา สกี การพายเรือ และการปั่นจักรยาน พร้อมกันนั้นศิลปะและอาหารที่หลากหลายยังสะท้อนถึงวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองนี้ แวนคูเวอร์ได้รับการจัดอันดับอย่างต่อเนื่องว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก ด้วยบรรยากาศที่สบายและเข้าถึงกิจกรรมกลางแจ้งได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นหาดทรายที่สวยงามหรือสวนสาธารณะที่ร่มรื่น มีนักท่องเที่ยวกว่า 8 ล้านคนเข้ามาสัมผัสความงดงามนี้ในทุกปี ในฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้หลากสีบานสะพรั่งในสวนสาธารณะ ในขณะที่ผู้คนสามารถใช้เวลาพักผ่อนที่ชายหาดในฤดูร้อน นอกจากนี้เมืองยังมีระบบขนส่งที่สะดวกสบาย ทำให้ผู้ที่พักในย่านราคาย่อมเยาสามารถเข้าถึงใจกลางเมืองได้อย่างรวดเร็ว สำหรับผู้ที่ได้สัมผัสการล่องเรืออลาสก้า แวนคูเวอร์เป็นจุดแวะพักที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ และถือเป็นประตูสู่การสำรวจโลกที่งดงามของแคนาดา คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวให้กลับมาเยือนอีกครั้งอย่างไม่รู้ลืม

เคติชกัน (Ketchikan) เมืองเล็กแห่งอลาสก้า เป็นจุดหมายที่มีเอกลักษณ์และดึงดูดผู้เข้าชมด้วยธรรมชาติและวัฒนธรรมที่หลากหลาย เมืองนี้มีชื่อเสียงในเรื่องเสาโทเท็มที่สวยงาม สภาพอากาศที่มีหมอกควัน และถนนที่ชันคล้ายซานฟรานซิสโก ร่วมกับบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาเต็มไปด้วยชาวบ้านที่มีช่วงชีวิตใช้การประมงและการทำไม้ การท่องเที่ยวโดยเรือสำราญหนาแน่นในช่วงฤดูร้อน โดยเรือพาณิชย์และเครื่องบินน้ำมักจะออกจากท่าเรือเพื่อไปยัง Monument Misty Fiords อนาคตของเคติชกันได้เปลี่ยนไปตามยุคสมัย แม้ว่าความเจริญในอุตสาหกรรมการประมงจะลดลง แต่ชุมชนศิลปะที่แอคทีฟยังคงสร้างสรรค์ผลงานที่สวยงามสำหรับนักเดินทางที่แสวงหาเอกลักษณ์พื้นเมือง นักท่องเที่ยวยังสามารถเพลิดเพลินกับการเดินชมร้านค้าต่าง ๆ บริเวณ Creek Street หรือเยี่ยมชมศูนย์มรดกโทเท็ม นอกจากนี้ ยังมีสวนประวัติศาสตร์ Totem Bight และ Saxman Totem Park ที่อยู่ห่างออกไป ซึ่งเป็นสถานที่ที่ช่วยเล่าเรื่องราวของวัฒนธรรมท้องถิ่น ค่ำคืนที่พิเศษในเคติชกันถือเป็นจุดเริ่มต้นของประสบการณ์อันน่าจดจำในดินแดนอลาสก้า ที่ซึ่งธรรมชาติและวัฒนธรรมจะสร้างแรงบันดาลใจให้คุณตลอดไป

ท่าเรือคลอวอก (Klawock) ตั้งอยู่ในรัฐอลาสกา สหรัฐอเมริกา บนชายฝั่งด้านตะวันตกของเกาะพรินซ์ออฟเวลส์ ท่าเรือนี้มีวิวทิวทัศน์ทางธรรมชาติที่งดงามและเป็นจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับนักเดินทางที่ต้องการสัมผัสกับความงามของธรรมชาติในแบบที่แท้จริง จากท่าเรือ คลอวอก นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงกิจกรรมหลากหลาย ทั้งการตกปลา การสำรวจธรรมชาติ หรือแม้แต่การเฝ้าดูสัตว์ป่าในที่อยู่อาศัยที่เป็นธรรมชาติ นอกจากความงามของท่าเรือแล้ว คลอวอกยังมีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ เป็นเมืองเล็กๆ ที่เคยมีการตั้งถิ่นฐานอย่างหนาแน่นในอดีต มีประชากรประมาณ 755 คนในปี 2010 และพบเห็นวัฒนธรรมที่หลากหลายจากชุมชนพื้นเมือง การเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นสามารถเปิดโลกให้คุณได้เรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตของชาวอะลาสกันและวัฒนธรรมดั้งเดิม หากคุณกำลังมองหาสถานที่พักผ่อนในบรรยากาศที่สงบและเต็มไปด้วยธรรมชาติ คลอวอกคือคำตอบที่คุณไม่ควรพลาด ที่นี่จะช่วยให้คุณได้สัมผัสกับความบริสุทธิ์ของธรรมชาติและเสน่ห์ของวัฒนธรรมพื้นเมืองอย่างลึกซึ้ง เพิ่มเติมประสบการณ์การเดินทางของคุณให้เต็มไปด้วยความหมายและแรงบันดาลใจในการสำรวจโลกใหม่!

ซิตกา (Sitka) ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจที่สุดในอลาสก้า ด้วยบรรยากาศที่ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมชนเผ่าอัลลาสก้า รัสเซีย และอเมริกัน อย่างลงตัว โดยมีสถานที่เด่นในการสำรวจคือ วิหารเซนต์ไมเคิล (St. Michael's Cathedral) และพิพิธภัณฑ์เชลดอน แจ็คสัน (Sheldon Jackson Museum) ที่จะพาคุณย้อนเวลาสู่วิถีชีวิตของชาวท้องถิ่น การเดินเล่นที่สวนสาธารณะประวัติศาสตร์ซิตกา (Sitka National Historical Park) จะทำให้คุณได้สัมผัสกับประวัติศาสตร์และธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ซิตกามีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ เริ่มต้นจากการตั้งถิ่นฐานของชนเผ่าคิกซาดี (Kiksádi) ผู้มีบทบาทในภูมิภาคนี้มาก่อนการมาถึงของชาวรัสเซียในศตวรรษที่ 18 การพัฒนาของเมืองในช่วงเวลานั้นได้สร้างความเจริญรุ่งเรือง โดยในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง ซิตกาได้กลายเป็นฐานการทหารสำคัญ ทำให้เมืองฟื้นตัวอีกครั้ง ปัจจุบัน ซิตกาเป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่หลงใหลในธรรมชาติและประวัติศาสตร์ ที่นี่มีอุตสาหกรรมการตกปลา รัฐบาล และการท่องเที่ยว ทำให้ซิตกายังคงเป็นเมืองที่มีเสน่ห์และน่าค้นหาในภูมิภาคอลาสก้าอย่างไม่เปลี่ยนแปลง

อุทยานแห่งชาติ Glacier Bay ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของอลาสกา ทิศตะวันตกของเมืองหลวง Juneau เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มหัศจรรย์ เต็มไปด้วยภูเขาสูงที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ทะเลสาบน้ำแข็ง และความหลากหลายของสัตว์ป่า ที่นี่คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร ด้วยการล่องเรือชมปลาวาฬที่ยิ่งใหญ่ในน้ำทะเลใส หรือเดินป่าในเส้นทางที่เชื่อมโยงความงามของธรรมชาติ Glacier Bay ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งอนุรักษ์ที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศ แต่ยังเป็นสถานที่ที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้เข้าไปในโลกแห่งความมหัศจรรย์อีกด้วย นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมธารน้ำแข็งที่ใหญ่โตและสง่างาม อันเป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ พร้อมทั้งได้ชมนกอินทรีขี้เหล็กและแมวน้ำในวิถีชีวิตตามธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจนี้ทำให้ Glacier Bay เป็นหนึ่งในประสบการณ์การเดินทางที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่หลงใหลในความงามของธรรมชาติ และต้องการสัมผัสชีวิตที่ใกล้ชิดกับสัตว์ป่าในภูมิประเทศที่อลังการ นับเป็นการเดินทางที่น่าประทับใจและเต็มไปด้วยความทรงจำที่จะอยู่กับคุณตลอดไป

คอเดียค (Kodiak) ในรัฐอลาสก้าเป็นหนึ่งในท่าเรือที่สวยงามและคึกคักที่สุดในสหรัฐฯ ซึ่งมีชื่อเสียงด้านการประมงเชิงพาณิชย์ แม้ว่าจะมีประชากรเพียงประมาณ 6,475 คน กระจายอยู่ในหลายเกาะ แต่ท่าเรือนี้ยังคงเป็นจุดศูนย์กลางสำหรับการจัดหาสินค้าให้กับชุมชนเล็กๆ บนเกาะอะเลอูเตียนและคาบสมุทรอลาสก้า เมื่อเยือนคอเดียค นักท่องเที่ยวสามารถเลือกเพลิดเพลินกับการตกปลา, พายเรือคายัค หรือชมนกหมีในสถานที่ห่างไกล โดยมีบริการเครื่องบินลอยน้ำและเรือเช่าที่พร้อมสรรพ หากคุณต้องการสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวนอกเมือง ควรลองขับรถยนต์ไปตามระบบถนนที่มีอยู่และสัมผัสกับธรรมชาติที่สวยงาม ก่อนที่จะเพิ่มประสบการณ์อีกระดับด้วยการเดินทางไปยังรีสอร์ทห่างไกลหรือจุดเข้าถึงป่า หากคุณชื่นชอบธรรมชาติ คอเดียคยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นอย่าง Kodiak National Wildlife Refuge ซึ่งประกอบด้วยสี่เกาะในอ่าวอลาสก้า ได้แก่ คอเดียค, อาฟ็อคแนค, แบน และอูกานิค สถานที่นี้เป็นสวรรค์ของผู้รักการดูสัตว์และภาพถ่าย ถือเป็นการผสมผสานระหว่างผจญภัยและความสงบในธรรมชาติอย่างแท้จริง รอคอยให้คุณมาสัมผัสประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครได้แล้ววันนี้!

Dutch Harbor ตั้งอยู่ในรัฐอลาสกา เป็นท่าเรือที่มีเสน่ห์และประวัติศาสตร์ที่น่าตื่นเต้นซึ่งต้องไม่พลาดเมื่อเดินทางมาถึงสหรัฐอเมริกา เมืองเล็ก ๆ นี้เคยเจอการโจมตีโดยตรงจากญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ทำให้กลายเป็นหนึ่งในจุดที่มีความสำคัญทางการทหารของสหรัฐฯ คุณจะได้สัมผัสวิวทัศน์ที่งดงามของภูเขาและทะเลในเขตหมู่เกาะอาลูเชียน ที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและสัตว์ป่านานาชนิด เช่น นกอินทรีหัวล้านที่ลอยตัวอยู่เหนือท้องฟ้า ใน Dutch Harbor คุณยังสามารถเข้าร่วมทริปบนเรือประมงที่กำลังทำงานอยู่ เพื่อสัมผัสประสบการณ์การจับปลาในทะเลเบริงที่อุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นปลาโคดหรือปลาปอล็อค ซึ่งจะถูกจัดส่งไปยังโต๊ะอาหารทั่วประเทศสหรัฐฯ นี้คือโอกาสที่คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับมรดกทางการประมงที่ร่ำรวยของชุมชนท้องถิ่น สภาพแวดล้อมที่น่าหลงใหลของ Dutch Harbor จึงไม่เพียงแต่มีประวัติศาสตร์ที่ลึกซึ้ง แต่ยังเสนอโอกาสในการเดินป่าในภูมิประเทศที่เขียวขจีและเป็นภูเขาไฟ อิ่มเอมไปกับการผจญภัยและสร้างความทรงจำที่สำคัญที่จะยังคงอยู่ในใจคุณตลอดไป


เมืองคุชิโระ ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะฮอกไกโด ได้รับสมญานามว่า "เมืองหมอก" เนื่องจากบรรยากาศที่น่าหลงใหลและลึกลับ ด้วยประชากรประมาณ 200,000 คน คุชิโระคือเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้ และเป็นศูนย์กลางการประมงนานาชาติที่สำคัญ อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ทางทะเลของที่นี่เติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 โดยมีย่านเมืองที่ยังคงอนุรักษ์เสน่ห์จากยุคนั้นไว้ คุชิโระมีท่าเรือที่เป็นน้ำลึกที่ไม่มีน้ำแข็ง ซึ่งส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม โดยมีบรรยากาศศิลปะที่ได้แรงบันดาลใจจาก Takuboku Ishikawa กวีระดับตำนานที่เคยอาศัยอยู่ที่นี่ เหนือของเมือง เป็นที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดในคุชิโระ นั่นคือ คุชิโระ ชิตซูเก็น (Kushiro Shitsugen) พื้นที่ชุ่มน้ำที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ด้วยพื้นที่มากกว่า 60% ของพื้นที่ชุ่มน้ำทั้งหมดของประเทศ คุชิโระ ชิตซูเก็นยังเป็นบ้านของนกเงือกญี่ปุ่น (Tancho) ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ โดยก่อนหน้านี้จำนวนของมันเคยลดลงอย่างมาก แต่ปัจจุบันได้มีการฟื้นฟูอย่างสำเร็จ สัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการเดินทางและสำรวจธรรมชาติอันสวยงามที่รอคอยคุณอยู่ในคุชิโระ ต้องไม่พลาดที่จะมาชมความมหัศจรรย์นี้ด้วยตัวคุณเอง!

มิโยโกะ เป็นหมู่เกาะที่ตั้งอยู่ในทะเลเชียวแจ๋วทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น ซึ่งมีท่าเรือที่สะดวกสบายและเป็นหนึ่งในจุดที่ได้รับความนิยมสำหรับเรือสำราญ ทำให้การเดินทางมาเยือนที่นี่เสมือนการเข้าสู่โลกแห่งความงดงามที่แฝงด้วยวัฒนธรรมญี่ปุ่นอย่างลึกซึ้ง หมู่เกาะนี้ขึ้นชื่อในเรื่องของชายหาดที่สวยงามและน้ำทะเลใสสะอาด ซึ่งมักดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนเพื่อผ่อนคลายและสัมผัสกับธรรมชาติที่สมบูรณ์ นอกจากท่าเรือที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางแล้ว มิโยโกะยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่น่าสนใจ เช่น วัดฐานชินโต ที่มีความสำคัญทางศาสนาและมีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถสัมผัสกับรสชาติอาหารท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์ เช่น ปลาดิบสดๆ และของหวานที่ทำจากมะพร้าว หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์การเดินทางที่เต็มไปด้วยความอัศจรรย์ มิโยโกะ คือจุดหมายที่ไม่ควรพลาด ด้วยทิวทัศน์ที่งดงาม วัฒนธรรมที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน พร้อมกับการต้อนรับจากคนในท้องถิ่นที่จะทำให้คุณรู้สึกอบอุ่นและประทับใจไม่รู้ลืม !
เซนได (Sendai) ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคมิยากิ ถือเป็นหนึ่งในท่าเรือสำคัญที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต่างตั้งตารอเมื่อเดินทางมาญี่ปุ่น ด้วยวิวที่งดงามของมหาสมุทรแปซิฟิกและวัฒนธรรมที่ลุ่มลึก ซิตี้นี้มีเสน่ห์ที่ไม่มีวันเลือนหาย เมื่อเรือสำราญของคุณจอดที่ท่าเรือเซนได คุณจะถูกต้อนรับด้วยบรรยากาศที่สดชื่น และโอกาสในการสำรวจสถานที่สำคัญอย่างปราสาทเซนได (Sendai Castle) ที่มีวิวที่ยอดเยี่ยมของเมือง หรือเดินเล่นไปตามถนนช้อปปิ้งที่คึกคักอย่างโทริโอ (Torigoe) ที่ได้รวบรวมอุปกรณ์และของฝากสุดพิเศษของญี่ปุ่น นอกจากการท่องเที่ยวในเมืองแล้ว เซนไดยังใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่น่าหลงใหล เช่น ชายหาดเส้นทางทะเล (Matsushima Bay) ที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสามอ่าวที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น คุณสามารถล่องเรือสัมผัสความงามของเกาะน้อยน้อยกลางอ่าวที่โด่งดังนี้ เซนไดเป็นจุดหมายที่น่าหลงใหลสำหรับผู้รักการท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และความงดงามของธรรมชาติในประเทศญี่ปุ่นอย่างแท้จริง เตรียมพร้อมสำหรับประสบการณ์การเดินทางที่ไม่เหมือนใครในเซนไดแล้วคุณจะต้องประทับใจอย่างแน่นอน

ท่าเรือฮิตาชินากะ ตั้งอยู่ในจังหวัดอิบารากิ ประเทศญี่ปุ่น เป็นจุดหมายสำคัญที่ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับเสน่ห์ของวัฒนธรรมและธรรมชาติที่ไม่เหมือนใคร เมื่อนำเรือสำราญเข้ามาจอดที่ท่าเรือนี้ ผู้โดยสารจะได้สัมผัสบรรยากาศที่สบายและเป็นมิตร พร้อมทั้งสามารถเดินทางสู่สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าหลงใหลในบริเวณใกล้เคียง หนึ่งในไฮไลท์ของการเยือนฮิตาชินากะ คือ “สวนสนุกฮิตาชิ ซีไซด์” แหล่งท่องเที่ยวที่เย้ายวนใจผู้รักความสนุกสนานและธรรมชาติ ด้วยทัศนียภาพที่งดงามของทะเลและดอกไม้ที่บานสะพรั่งตามฤดู แนะนำให้ไปเยือนในฤดูใบไม้ผลิที่จะได้พบกับดอกเนโมฟิล่าบานเต็มทุ่ง หากคุณต้องการสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นอย่างแท้จริง ตลาดท้องถิ่นที่นี่ถือเป็นทางเลือกที่ดี คุณจะได้ลิ้มลองอาหารพื้นเมืองสดใหม่ เช่น ชาบูชาบุและของหวานชื่อดังอย่างโมจิ ที่ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยว การเยือนฮิตาชินากะ จึงไม่ใช่เพียงการเดินทางด้วยเรือสำราญเท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสให้คุณได้สำรวจและสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ที่จะทำให้ความทรงจำของการเดินทางนี้ยิ่งหอมหวานและน่าจดจำอย่างแน่นอน

โตเกียว เมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและความหลากหลายอันน่าหลงใหล ตั้งแต่แสงสีเสียงในยามค่ำคืนไปจนถึงความสงบนิ่งของศาลเจ้าและสวนสวย ท่ามกลางความคึกคักของถนนหนทางและอาคารสูงระฟ้า ร้านราเม็งเล็กๆ ที่เปิดให้บริการโดยครอบครัวก็อยู่ร่วมกับร้านอาหารที่มีชื่อเสียงระดับโลกและประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ประณีต ในโลกของการช้อปปิ้ง โตเกียวเสนอทั้งงานหัตถกรรมพื้นบ้านที่มีเสน่ห์และอุปกรณ์เทคโนโลยีล่าสุดที่นำเสนอโดยแบรนด์ชั้นนำ ไม่ว่าคุณจะมองหาของที่ระลึกที่มีเอกลักษณ์หรือสิ่งของที่ตอบโจทย์ความทันสมัย บรรยากาศในเมืองแห่งนี้ย่อมไม่ทำให้คุณผิดหวัง สำหรับคืนวันที่สดใส โตเกียวมีชีวิตชีวาด้วยกิจกรรมต่างๆ เช่น การร้องคาราโอเกะที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสนุกสนาน หรือการเต้นรำในคลับอิเล็กทรอนิกส์ที่มีดนตรีสุดมันส์ ทำให้คุณได้สัมผัสกับปาร์ตี้ที่ไม่มีวันหยุด มาร่วมสร้างประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและลุ่มหลงในเมืองที่ไม่มีวันหลับใหลแห่งนี้กันเถอะ!




ห้องสวีทแกรนด์วินเทอร์การ์เดน ตั้งอยู่บนดาดฟ้า 8 ซึ่งสามารถรวมห้องสวีท 849 และ 851 เพื่อสร้างห้องสวีท 8491 หรือรวมห้องสวีท 846 และ 848 เพื่อสร้างห้องสวีท 8468 โดยมีพื้นที่ภายในทั้งหมด 1,292 ตารางฟุต (120 ตารางเมตร) พร้อมด้วยระเบียงสองแห่งที่มีพื้นที่รวม 244 ตารางฟุต (23 ตารางเมตร) ห้องสวีทนี้มีหน้าต่างขนาดใหญ่ที่เปิดรับแสงธรรมชาติ พร้อมพื้นที่รับประทานอาหารสำหรับสี่คน และโซลาริยมที่มีอ่างอาบน้ำและเตียงกลางวัน ห้องสวีทนี้ประกอบด้วยห้องนอนสองห้องและห้องน้ำสองห้อง (หนึ่งในนั้นมีอ่างอาบน้ำแบบน้ำวน) นอกจากนี้ยังมีโซฟาเบดแบบปรับเปลี่ยนสำหรับรองรับอีกหนึ่งคน ห้องครัวมีพื้นที่ทำงานพร้อมบาร์แบบเปียก ขับเคลื่อนด้วยความบันเทิงจากทีวีแบบจอแบนสองเครื่อง และบริการอินเทอร์เน็ต/ไวไฟฟรีเพื่อการเชื่อมต่ออย่างไม่สะดุด ห้องสวีทแกรนด์วินเทอร์การ์เดนมอบประสบการณ์อันหรูหราและสะดวกสบายในแต่ละการเดินทางของคุณ



วิลล่า Wintergarden ตั้งอยู่บนดาดฟ้า 8 เป็นห้องสวีทกลางเรือที่มีพื้นที่ภายในขนาด 989 ตารางฟุต (92 ตารางเมตร) และมีระเบียงขนาด 197 ตารางฟุต (18 ตารางเมตร) ห้องนี้มีหน้าต่างขนาดใหญ่ที่ทำให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาอย่างเต็มที่ พร้อมพื้นที่รับประทานอาหารสำหรับหกคนและอ่างอาบน้ำแบบสวนน้ำเพื่อการพักผ่อนอย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังมีห้องน้ำสำหรับแขก, โซฟาที่สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับแขกอีกหนึ่งคน, ห้องเก็บของพร้อมบาร์เปียก, และโซลาริอัมที่มีอ่างน้ำและเตียงนอน ซึ่งให้ความรู้สึกผ่อนคลายเป็นพิเศษ ห้องนี้ยังมีตู้เสื้อผ้าสองใบ, ทีวีจอแบนสองเครื่อง, และบริการอินเทอร์เน็ต/Wi-Fi ฟรี เพื่อให้คุณสามารถเชื่อมต่อกับโลกภายนอกได้ตลอดเวลา



ซิกเนเจอร์สวีท ตั้งอยู่บนดาดฟ้า 8 มีพื้นที่ภายในประมาณ 90 ตารางเมตร พร้อมระเบียงขนาด 89 ตารางเมตร ห้องพักนี้นำเสนอวิวมหาสมุทรที่กว้างใหญ่จากหน้าต่างหันหน้าไปข้างหน้า พร้อมพื้นที่รับประทานอาหารที่รองรับได้ 4 ถึง 6 คน นอกจากนี้ยังมีห้องน้ำพร้อมอ่างอาบน้ำแบบจิ Whirlpool และห้องน้ำสำหรับแขก แคบ พานทรีที่มีบาร์น้ำ และโทรทัศน์จอแบนสองเครื่อง พร้อมบริการอินเทอร์เน็ตและ Wi-Fi ฟรีที่จะช่วยทำให้การเข้าพักของคุณมีความสะดวกสบายและหรูหรามากยิ่งขึ้น

ตั้งอยู่บนดาดฟ้า 7, 8, 9 และ 10 เจ้าของสวีทมีพื้นที่ภายในรวมระหว่าง 576 ถึง 597 ตารางฟุต (54 ถึง 55 ตารางเมตร) พร้อมระเบียงที่มีขนาดระหว่าง 142 ถึง 778 ตารางฟุต (13 ถึง 72 ตารางเมตร) สัมผัสกับวิวทะเลอันกว้างขวางจากหน้าต่างที่หันไปข้างหน้า ห้องอาหารสามารถรองรับได้ถึงสี่ถึงหกคน มีห้องน้ำที่มาพร้อมอ่างน้ำวน และห้องน้ำสำหรับผู้เข้าพักเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังมีห้องครัวขนาดเล็กพร้อมบาร์น้ำ ห้องนี้ยังจัดเตรียมโทรทัศน์จอแบนสองเครื่อง และบริการอินเทอร์เน็ต/Wi-Fi ฟรีเพื่อให้คุณเชื่อมต่อได้อย่างสะดวกสบาย สำหรับผู้ใช้รถเข็น สวีทที่เข้าถึงได้จะมีเฉพาะห้องอาบน้ำแบบไร้สิ่งกีดขวางเท่านั้น

เพนท์เฮาส์สปาสวีทเป็นห้องพักที่มีความสะดวกสบาย โดยมาพร้อมกับพื้นที่นั่งเล่นที่กว้างขวาง และประตูบานกระจกที่เปิดออกสู่ระเบียงส่วนตัว ซึ่งติดตั้งเตียงคิงไซส์หรือเตียงคู่ขนาดทวินและตู้เสื้อผ้าแบบ Walk-in พร้อมตู้นิรภัยส่วนตัว ห้องพักมีทีวีจอแบนสองเครื่องที่มีเพลงและภาพยนตร์ให้บริการ บาร์และตู้เย็นที่จัดเตรียมมาอย่างเต็มที่ และโต๊ะทำงานที่มาพร้อมกับอุปกรณ์ stationary ส่วนตัว นอกจากนี้ยังมีโต๊ะรับประทานอาหารสำหรับสองถึงสี่คน และห้องน้ำขนาดกว้างที่แยกส่วนอาบน้ำและอ่างอาบน้ำ พร้อมด้วยชุดเสื้อคลุมอาบน้ำ รองเท้าแตะ ไดร์เป่าผม และเต้าเสียบไฟฟ้า 110/220V เพื่อความสะดวกสบายในทุกการพักผ่อนของคุณ

เพนท์เฮาส์สวีทบนเรือสำราญทุกห้องมีพื้นที่นั่งเล่นที่สะดวกสบาย เปิดประตูแก้วสู่ระเบียงส่วนตัว พร้อมเตียงขนาดควีนไซส์หรือเตียงคู่ Walk-in closet ที่มีตู้นิรภัยส่วนตัว ทีวีจอโทรทัศน์แบบแบนสองเครื่องที่มีเพลงและภาพยนตร์ บาร์และตู้เย็นที่มีเครื่องดื่มและขนมจัดเตรียมไว้ครบครัน โต๊ะเขียนหนังสือพร้อมเครื่องเขียนส่วนตัว โต๊ะแต่งหน้า ห้องน้ำกว้างขวางพร้อมอ่างอาบน้ำและฝักบัว ผ้าเช็ดตัวนุ่ม สลิปเปอร์ และเครื่องเป่าผม รวมถึงปลั๊กไฟ 110/220V อีกด้วย เพนท์เฮาส์สวีทนี้ยังมีโต๊ะอาหารสำหรับสองถึงสี่คน ห้องนอนแยกต่างหาก และการตกแต่งที่ทันสมัย สร้างบรรยากาศที่หรูหราสำหรับการพักผ่อนของคุณระหว่างการเดินทางบนเรือสำราญที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

เพนท์เฮาส์สวีทการันตี เป็นห้องพักที่ออกแบบมาเพื่อความหรูหราและสะดวกสบาย ด้วยพื้นที่ที่กว้างขวาง เหมาะสำหรับการนั่งทานอาหารระหว่างสองถึงสี่คน ห้องนอนที่แยกเป็นสัดส่วนช่วยให้คุณมีความเป็นส่วนตัว พร้อมประตูบานกระจกที่เปิดออกสู่วานารญาเสมือนเป็นมุมผ่อนคลายส่วนตัว นอกจากนี้ยังมีทีวีจอแบนสองเครื่องที่ให้ความบันเทิงตลอดเวลา และบาร์ที่มีเครื่องดื่มครบครัน สำหรับห้องน้ำก็กว้างขวาง มีอ่างอาบน้ำ ฝักบัว และโต๊ะเครื่องแป้งขนาดใหญ่ที่จะทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและสะดวกสบายตลอดการเข้าพักของคุณ

ห้องสวีทระเบียง (Veranda Suites) ทุกห้องมาพร้อมกับหน้าต่างบานใหญ่เต็มความสูงและประตูแบบกระจกสู่ระเบียงส่วนตัว ที่นี่คุณจะได้สัมผัสกับพื้นที่นั่งเล่นที่สะดวกสบาย พร้อมเตียงขนาดควีนไซส์หรือเตียงคู่ ขณะเดียวกันยังมีโต๊ะอาหารสำหรับสองคน และตู้เสื้อผ้าแบบกว้างขวาง ห้องน้ำกว้างขวางมีอ่างอาบน้ำและฝักบัวแยกต่างหาก นอกจากนี้ยังมีโทรทัศน์จอแบนแบบโต้ตอบที่สามารถรับชมเพลงและภาพยนตร์ พร้อมทั้งบาร์และตู้เย็นที่เต็มไปด้วยเครื่องดื่มเพื่อความสะดวกสบายของคุณ และโต๊ะเครื่องแป้งสำหรับการแต่งตัวเรียบร้อย ห้องสวีททุกห้องมีการออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การพักผ่อนที่หรูหราและสะดวกสบายในทุกด้าน.

การรับประกันระเบียงเป็นห้องสวีทที่ออกแบบมาอย่างหรูหราและสะดวกสบาย โดยมีหน้าต่างและประตูขนาดเต็มยาวสู่ระเบียงส่วนตัว เพื่อให้คุณได้สัมผัสกับวิวที่สวยงามจากห้องพัก ห้องมีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวางประกอบด้วยมุมพักผ่อนที่สะดวกสบาย มีเตียงคู่ขนาดใหญ่หรือเตียงแฝดสองเตียง พร้อมโต๊ะรับประทานอาหารสำหรับสองคน และตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังมีโทรทัศน์จอแบนที่ให้ความบันเทิงกับเพลงและภาพยนตร์ รวมถึงบาร์และตู้เย็นที่จัดเตรียมไว้อย่างครบครัน อีกทั้งยังมีโต๊ะเครื่องแป้งและห้องน้ำขนาดกว้างที่มีอ่างอาบน้ำและฝักบัวแยกต่างหาก เพื่อให้คุณได้สัมผัสกับความหรูหราและความสะดวกสบายในทุกๆ การเดินทาง

ห้องชุด "การรับประกันห้องชุด" เป็นทางเลือกที่หรูหราและสบายสำหรับผู้ท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์การล่องเรืออย่างแท้จริง ขนาดห้องชุดกว้างขวางพร้อมให้บริการความสะดวกสบายในทุกช่วงการเดินทาง ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมภายในเรือทำให้ผู้เข้าพักสามารถเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก ห้องชุดนี้ได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน พร้อมอุปกรณ์ครบครันที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัย ทั้งเตียงขนาดใหญ่ แอร์คอนดิชั่น และพื้นที่นั่งเล่นที่สบาย ทำให้ท่านสามารถพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ในช่วงล่องเรือในมหาสมุทร.

ห้องรับประกันด้านนอกแบบเดี่ยว คือห้องพักที่มอบประสบการณ์การเข้าพักที่ไม่มีใครเหมือน ด้วยขนาด ห้องที่กว้างขวางและการออกแบบที่หรูหรา ห้องนี้ตั้งอยู่ในทำเลที่ยอดเยี่ยม พร้อมวิวทะเลที่งดงาม เน้นความเป็นส่วนตัวที่จะทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจตลอดการเข้าพัก ภายในห้องประกอบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน เพื่อความสะดวกในการพักผ่อน ไม่ว่าจะเป็นเตียงนอนขนาดใหญ่ ผ้าปูที่นอนเนื้อละเอียด และการตกแต่งทันสมัย ที่จะทำให้ทุกช่วงเวลาของคุณที่นี่เป็นที่น่าจดจำ ห้องรับประกันด้านนอกแบบเดี่ยว ยังมีหน้าต่างขนาดใหญ่ที่ให้คุณได้สัมผัสกับแสงธรรมชาติอันอบอุ่น เสริมสร้างบรรยากาศที่น่าหลงใหลและเติมเต็มวันพักผ่อนของคุณอย่างสมบูรณ์แบบ