
02-27217300
02-27217179
service@siloahtravel.com
Monday ~ Friday 09:00-18:00
14F.-3, No.137, Sec. 1, Fuxing S. Rd., Da’an Dist., Taipei City 106, Taiwan
Representative: Tung-Hua Tai
VAT: 43871553
交觀甲793500 品保北2260 隱私權條款
Copyright © 2025 Siloah Travel Co., Ltd.. All rights reserved.

Seabourn Pursuit
Seabourn


กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เป็นเมืองที่ผสมผสานความงดงามและความมีชีวิตชีวาเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ที่นี่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากมรดกวัฒนธรรมที่หลากหลาย สามารถสังเกตได้จาก Plaza de Mayo อันมีเสน่ห์ดุจจัตุรัสใหญ่ในมาดริด และ Teatro Colón ที่สวยงามราวกับว่าได้ย้ายมาจากเวียนนา บัวโนสไอเรสยังมีความเป็นอเมริกาใต้ที่ชัดเจนจากการเดินเล่นในถนนที่ปูด้วยหินและรองเท้าหนังคุณภาพสูงที่วางขายในร้านค้าเล็กๆ แถมยังมีกิจกรรมที่เต็มไปด้วยสีสัน เช่น ขบวนพาเหรดของแฟนฟุตบอลที่แสดงถึงความรักในกีฬานี้ของชาวเมือง นอกจากวัฒนธรรมและศิลปะที่หลากหลาย ชิมประสบการณ์ลิ้มลองไวน์ชั้นดี สเต็กเนื้อฉ่ำ และไอติมรสชาติต่างๆ ที่ได้มาเติมเต็มความอร่อยให้กับทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว ท่าเรือในกรุงบัวโนสไอเรส จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการสำรวจเสน่ห์แห่งเมืองนี้ พร้อมเปิดประสบการณ์การเดินทางที่สุดหรูหรา ในดินแดนที่มีทั้งความคลาสสิกและความทันสมัยรอคุณอยู่

อูซัวอิอา (Ushuaia) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ที่ละติจูด 55 องศาใต้ ซึ่งมีเสน่ห์กลมกลืนระหว่างธรรมชาติและประวัติศาสตร์ ในฐานะเมืองหลวงของทีแอร่า เดล ฟูเอโก (Tierra del Fuego) เมืองนี้ตั้งอยู่ที่ปลายด้ามขวานของประเทศอาร์เจนตินา และมีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก สายลมเย็นจากมหาสมุทรและภูเขาหิมะที่ตั้งตระหง่านประกอบร่วมกันสร้างวิวที่สวยงามทำให้ทุกคนหลงรัก ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสกับกิจกรรมกลางแจ้งมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินป่าผ่านอุทยานแห่งชาติทีแอร่า เดล ฟูเอโก การเที่ยวชมสัตว์ป่า และการตกปลาในแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความตื่นเต้น ยังมีการเล่นสกีที่กลาเซียร์มาร์เชียล (Martial Glacier) ด้วย นอกจากความสวยงามทางธรรมชาติ อูซัวอิอายังมีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ เมืองนี้เคยเป็นสถานที่ตั้งของเรือนจำที่สำคัญ ทำให้มีสภาพแวดล้อมที่เข้มแข็งและเรื่องราวความเป็นมาที่น่าพิสมัย โดยในปัจจุบัน อูซัวอิอากลายเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่รับนักท่องเที่ยวกว่า 120,000 คนต่อปี ไฮไลต์ของการเยี่ยมชมคือคลองบีเกิล (Beagle Channel) ที่สามารถมองเห็นวิวของภูเขาหิมะที่สะท้อนตัวเองในน้ำสีนิ่งสงบในช่วงยามเย็น สร้างบรรยากาศที่แสนโรแมนติกอยู่ตลอดทั้งปี อูซัวอิอา คือการเดินทางที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ และความทรงจำที่ไม่อาจลืมเลือนสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนที่นี่


ท่าเรือพอร์ตสแตนลีย์ ตั้งอยู่ในหมู่เกาะฟอล์คลแลนด์ (หรือที่รู้จักกันในชื่อเกาะมาลวินาส) เป็นจุดหมายที่ซ่อนเร้นในใจกลางมหาสมุทรแอตแลนติก ที่นี่คือเมืองหลวงที่มีเสน่ห์และบรรยากาศที่เหมือนกับหมู่บ้านอังกฤษที่หลุดออกมาใกล้เคียง โดยบ้านเรือนที่มีสีสันสดใสเป็นเอกลักษณ์ช่วยเติมเต็มความงามให้กับทิวทัศน์ที่ถูกตั้งอยู่ในธรรมชาติอันงดงาม นอกจากนี้พอร์ตสแตนลีย์ยังมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ โดยมีซากเรือ Lady Elizabeth ที่จมอยู่ไม่ไกลจากชายฝั่ง เป็นเครื่องเตือนใจถึงสภาพอากาศอันโหดร้ายที่แวดล้อมหมู่เกาะนี้ การเดินทางมายังฟอล์คลแลนด์ไม่ได้มีเพียงการพบกับภาพวิวอันน่าทึ่งเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสที่ได้สัมผัสกับโลกของเพนกวินหลากหลายสายพันธุ์ เช่น เพนกวิน Gentoo, Magellanic และ King ที่มักจะอาศัยอยู่ที่นี่หรือแวะพักระหว่างการเดินทาง สำหรับผู้ที่หลงใหลในธรรมชาติและชีวิตสัตว์ป่า ฟอล์คลแลนด์คือต่อมที่เปิดโอกาสให้คุณได้สำรวจความงามที่ธรรมชาติสร้างสรรค์อย่างลงตัว สร้างประสบการณ์การเดินทางที่น่าจดจำในดินแดนที่ไม่เหมือนใคร

ซอนเดอร์ส ไอแลนด์ (Saunders Island) คือหนึ่งในเกาะที่มีเสน่ห์ที่สุดของหมู่เกาะฟอล์คแลนด์ ด้วยทิวทัศน์ที่งดงามแปลกตา เกาะนี้เป็นเกาะที่ใหญ่เป็นลำดับที่สี่ ซึ่งมีลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่น่าสนใจ ประกอบด้วย 3 แหลมที่เชื่อมต่อกันด้วยคอคอดแคบ และมีภูมิประเทศสูงสามจุดที่มอบทิวทัศน์ที่สวยงาม ในปัจจุบัน ซอนเดอร์ส ไอแลนด์ ถูกบริหารจัดการในรูปแบบฟาร์มแกะ แต่ยังมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในฐานะที่เป็นสถานที่ตั้งของการตั้งถิ่นฐานอังกฤษแห่งแรกในฟอล์คแลนด์ นอกจากประวัติศาสตร์แล้ว เกาะแห่งนี้ยังมีกลุ่มสัตว์ป่าที่หลากหลาย ตั้งแต่เพนกวินเจนตู้ (Gentoo) และเพนกวินคิง (King) ที่สามารถพบเห็นได้ตามชายฝั่งทราย ไปจนถึงเพนกวินร็อคฮ็อปเปอร์ (Rockhopper) และอัลบาทรอสส์ตาเข้ม (Black-browed Albatross) ที่ประจำอยู่บริเวณภูเขาริชาร์ดส์ (Mount Richards) ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของเกาะ ไม่เพียงเท่านี้ เกาะนี้ยังเป็นที่อยู่ของนกชนิดอื่น ๆ เช่น ฟินช์เสื้อดำ (Black-throated Finch) และนกเป็ดน้ำฟอล์คแลนด์ (Falkland Steamer Duck) ที่จะทำให้ความทรงจำของการเดินทางของคุณมีเอกลักษณ์และน่าประทับใจ ขอเชิญคุณมาสำรวจความสวยงามและประวัติศาสตร์แห่งนี้ที่ซอนเดอร์ส ไอแลนด์!

เกาะคาร์กัส (Carcass Island) ในหมู่เกาะฟอล์คแลนด์ (Falkland Islands) เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการพบกับความงดงามของธรรมชาติแบบบริสุทธิ์ ที่นี่มีความเงียบสงบและสวยงามรอบด้าน ทั้งทิวทัศน์ที่มีทะเลอันกว้างใหญ่และภูมิทัศน์ที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งทำให้เกาะนี้เป็นจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับผู้ที่รักในการสำรวจธรรมชาติและสัตว์ป่าโดยเฉพาะ ท่าเรือที่เกาะคาร์กัสมีบรรยากาศที่อบอุ่น และเป็นจุดเริ่มต้นในการสำรวจความมหัศจรรย์ของเกาะ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยังชายหาดที่เงียบสงบ หรือสำรวจเส้นทางเดินป่าที่เต็มไปด้วยพืชพรรณและสัตว์น้ำหายาก นอกจากนี้ คุณยังมีโอกาสพบเห็นนกเพนกวินน่ารัก ๆ ไปจนถึงนกทะเลที่บินอยู่เหนือผืนน้ำ เป็นภาพที่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติในเขตนี้ รวมไปถึงวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ผสมผสานกับชีวิตประจำวัน นี่คือสถานที่ที่ทำให้คุณได้สัมผัสความเรียบง่ายและบริสุทธิ์ นอกจากบรรยากาศที่เงียบสงบแล้ว เกาะคาร์กัสยังเป็นจุดหมายปลายทางที่สะท้อนถึงการเดินทางที่เต็มไปด้วยการค้นพบและความฝันในการเที่ยวชมโลกที่สวยงามอย่างแท้จริง

การเดินทางมาสัมผัสความงามที่ท่าเรือ West Point Island ในหมู่เกาะฟอล์คแลนด์ (Malvinas) คือประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาด ท่าเรือแห่งนี้ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะฟอล์คแลนด์ตะวันตก เป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการทำเกษตรกรรมสัตว์ โดยเฉพาะการเลี้ยงแกะ รวมถึงยังเป็นแหล่งที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับการสังเกตธรรมชาติ น้ำทะเลรอบๆ West Point Island เต็มเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา ที่นี่นักท่องเที่ยวสามารถเห็นปลาโลมาของ Peale และ Commerson ที่มีลวดลายขาวดำอันน่าจดจำได้อย่างง่ายดาย ขณะที่ภูมิประเทศมีความหลากหลาย สลับซับซ้อนระหว่างทุ่งหญ้าเนินสูงและหน้าผา ซึ่งมอบโอกาสถ่ายภาพที่สวยงาม อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือ Devil’s Nose ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของนกอัลบาทรอส Black-browed ที่สร้างรังเคียงคู่กับเพนกวิน Rockhopper ตัวน้อยๆ นอกจากนี้ยังมีเพนกวิน Magellanic และนกคอห่าน Magellanic ที่มักจะเห็นอยู่บนเกาะนี้ ทำให้ West Point Island เป็นท่าเรือที่เปี่ยมไปด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ และมอบประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือนสำหรับนักเดินทาง ทุกคนสามารถดื่มด่ำกับธรรมชาติอันบริสุทธิ์ และสร้างความทรงจำที่มีค่าได้ที่นี่ ความงามที่หลบซ่อนใน West Point Island รอคอยคุณอยู่!

ท่าเรือที่น่าตื่นตาตื่นใจในหมู่เกาะฟอล์คแลนด์ (มาลวินาส) คือ “นิวไอแลนด์” ซึ่งเป็นจุดหมายที่คุณไม่ควรพลาดเมื่อมาถึงเกาะนี้ ที่นี่ที่ตั้งอยู่ไกลและสงบเงียบ เป็นอาณาจักรแห่งสัตว์ป่าและธรรมชาติที่ยังคงความบริสุทธิ์เต็มเปี่ยม ด้วยการอนุรักษ์จากกลุ่มเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม นิวไอแลนด์ได้กลายเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับนกและสัตว์หายาก โดยเฉพาะเพนกวินหน้าผาและนกแก้วตาที่มีเสน่ห์ เมื่อมาเยือน คุณจะได้เห็นการใช้ชีวิตประจำวันของนกอัลบาทรอสส์ที่มีหน้าผากดำ และนกห่านที่บินสูงในท้องฟ้า มีกว่า 40 สายพันธุ์นกที่มาทำรังอยู่ในเกาะนี้ มีกิจกรรมที่น่าสนใจรอบๆ เช่น การเยี่ยมชม “Barnard’s barn” ซึ่งเป็นอาคารหินที่ได้รับการบูรณะอย่างสวยงามจากศตวรรษที่ 19 ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากจุดลงจอด ในส่วนที่อยู่ใกล้โรเบอร์สัน แหล่งซากเรือ Protector III ที่เคยใช้ในการล่าแมวน้ำได้กลายเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของผู้ทำหน้าที่อนุรักษ์ธรรมชาติที่นี่ หากคุณใฝ่ฝันถึงการเดินทางในโลกที่สวยงามและเงียบสงบ นิวไอแลนด์จะเป็นหนึ่งในจุดหมายที่เติมเต็มจินตนาการของคุณได้อย่างแน่นอน

อูซัวอิอา (Ushuaia) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ที่ละติจูด 55 องศาใต้ ซึ่งมีเสน่ห์กลมกลืนระหว่างธรรมชาติและประวัติศาสตร์ ในฐานะเมืองหลวงของทีแอร่า เดล ฟูเอโก (Tierra del Fuego) เมืองนี้ตั้งอยู่ที่ปลายด้ามขวานของประเทศอาร์เจนตินา และมีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก สายลมเย็นจากมหาสมุทรและภูเขาหิมะที่ตั้งตระหง่านประกอบร่วมกันสร้างวิวที่สวยงามทำให้ทุกคนหลงรัก ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสกับกิจกรรมกลางแจ้งมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินป่าผ่านอุทยานแห่งชาติทีแอร่า เดล ฟูเอโก การเที่ยวชมสัตว์ป่า และการตกปลาในแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความตื่นเต้น ยังมีการเล่นสกีที่กลาเซียร์มาร์เชียล (Martial Glacier) ด้วย นอกจากความสวยงามทางธรรมชาติ อูซัวอิอายังมีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ เมืองนี้เคยเป็นสถานที่ตั้งของเรือนจำที่สำคัญ ทำให้มีสภาพแวดล้อมที่เข้มแข็งและเรื่องราวความเป็นมาที่น่าพิสมัย โดยในปัจจุบัน อูซัวอิอากลายเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่รับนักท่องเที่ยวกว่า 120,000 คนต่อปี ไฮไลต์ของการเยี่ยมชมคือคลองบีเกิล (Beagle Channel) ที่สามารถมองเห็นวิวของภูเขาหิมะที่สะท้อนตัวเองในน้ำสีนิ่งสงบในช่วงยามเย็น สร้างบรรยากาศที่แสนโรแมนติกอยู่ตลอดทั้งปี อูซัวอิอา คือการเดินทางที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ และความทรงจำที่ไม่อาจลืมเลือนสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนที่นี่

Puerto Williams เป็นท่าเรือที่ตั้งอยู่บนเกาะ Navarino ทางตอนใต้ของชิลี ถือเป็นที่ตั้งของเมืองที่อยู่ใกล้สุดกับขั้วโลกใต้ และเป็นจุดเริ่มต้นที่น่าสนใจสำหรับการสำรวจทิวทัศน์ที่งดงามของแอนตาร์กติกาและช่องแคบดราเกนต์ สถานที่แห่งนี้เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับผู้ที่หลงใหลในธรรมชาติและการผจญภัย ท่าเรือ Puerto Williams นอกจากจะมีทิวทัศน์ที่สวยงาม ยังมีความเป็นเอกลักษณ์จากวัฒนธรรมท้องถิ่นที่เก่าแก่และน่าสนใจ คุณสามารถเดินชมรอบเมืองที่จะนำเสนอศิลปะการทำงานของชาวพื้นเมืองหรือสัมผัสบรรยากาศที่เรียบง่ายของชีวิตประมงที่นี่ได้อย่างลึกซึ้ง ไม่เพียงแต่การเดินทางเองเท่านั้น แต่การสัมผัสวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ทำให้การเดินทางนี้มีค่ามากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ Puerto Williams ยังเป็นประตูสู่การผจญภัยในอุทยานแห่งชาติปาราอีซา ซึ่งเต็มไปด้วยเส้นทางเดินป่า ภูเขาที่สูงตระหง่านและน้ำตกที่สวยงาม การสำรวจความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่นี่ จะทำให้คุณได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน ค้นพบ Puerto Williams กับเรา สถานที่ที่ไม่มีวันลืมและทิ้งความประทับใจไว้ในหัวใจของคุณไปตลอดกาล

ท่าเรือการิบัลดี เป็นหนึ่งในท่าเรือที่มีเสน่ห์และความงดงามในประเทศชิลี โดยตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ถูกปกคลุมด้วยภูเขาและน้ำแข็งของอุทยานแห่งชาติ Torres del Paine เพื่อมอบประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ไม่เหมือนใคร ท่าเรือแห่งนี้ไม่เพียงแค่เป็นจุดหยุดพักจากการเดินทางด้วยเรือสำราญ แต่ยังเป็นประตูสู่ความงามของธารน้ำแข็งการิบัลดีที่ตระการตา เมื่อเยือนที่นี่ นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสความงดงามของทะเลสาบสีฟ้าครามที่ล้อมรอบด้วยภูเขา และสามารถชมการละลายของน้ำแข็งที่สร้างภาพลักษณ์ที่น่าหลงใหล นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมต่างๆ ที่น่าสนใจ เช่น การเดินป่าไปยังจุดชมวิวที่ดีที่สุด โดยนักท่องเที่ยวสามารถฟังเสียงของน้ำแข็งที่แตกตัวเมื่อสัมผัสกับอากาศอันหนาวเย็นได้อย่างใกล้ชิด ศิลปะและวัฒนธรรมของชิลียังมีให้ค้นพบในหมู่บ้านชาวประมงใกล้เคียง ที่เป็นที่รู้จักจากอาหารทะเลสดใหม่และการต้อนรับที่อบอุ่น เป็นจุดหมายปลายทางที่เติมเต็มความฝันของการเดินทางสำรวจ และเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ที่มีความประทับใจในใจไม่รู้ลืม ท่าเรือการิบัลดีจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบสำหรับการค้นพบความงดงามของชิลีที่รอบรู้และหลากหลาย.

ปุนตาอาเรนาส เป็นเมืองที่มีเสน่ห์ตั้งอยู่ในเขตปาตาโกเนียของชิลี และเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าตื่นเต้นสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสำนึกถึงธรรมชาติที่งดงามในภูมิภาคนี้ เมืองที่สร้างขึ้นประมาณ 150 ปีที่แล้วนี้ มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน และด้วยความเป็นเมืองแรกในปาตาโกเนีย คุณจะได้เห็นอาคารเก่าแก่ที่สลับสานกับบ้านเรือนที่มีหลังคาโลหะหลายสี เมื่อมองจากมุมสูง เช่น ที่มิโรเดอร์ เซโรลาครูซ ที่นี่ คุณไม่ควรพลาดการเยี่ยมชม Museo Naval y Marítimo ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่นำเสนอประวัติศาสตร์การเดินเรืออันยาวนานของชิลี รวมถึง Museo Regional de Magallanes ซึ่งเคยเป็นบ้านของตระกูลที่มีอำนาจในอดีต นอกจากนี้ ถ้าคุณรักความเป็นธรรมชาติ Parque Nacional Torres del Paine ก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ต้องเยี่ยมชม ซึ่งมีภูเขาไฟสวยงามและสัตว์ป่าอีกหลากหลายชนิด แต่อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดคือการเดินทางไปยัง Isla Magdalena เพื่อชมพวกเพนกวินมาจิลลานิก ซึ่งมีมากกว่า 100,000 ตัวโดยสามารถเดินชมได้โดยสบายๆ อย่าลืมนำน้ำอุ่นไปด้วย เพราะอากาศที่นั่นอาจเย็นสบาย แม้ในช่วงฤดูร้อน ปุนตาอาเรนาสเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ ตั้งแต่ความสวยงามของธรรมชาติ การสำรวจอดีต จนถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรม โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ ทำให้เป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่าและน่าจดจำในทุกช่วงเวลา
ท่าเรือ Karukinka Park ในประเทศชิลี ตั้งอยู่ในภูมิภาค Tierra del Fuego อันโดดเด่นแห่งนี้เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติที่สวยงามและวัฒนธรรมที่มีเสน่ห์ของชิลี การเดินทางมาที่นี่จะนำคุณสู่เกาะที่เต็มไปด้วยภูเขา ป่าทึบ และชายฝั่งที่งดงาม Karukinka Park เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งมีการอนุรักษ์สัตว์ป่าและพืชพันธุ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ การสัมผัสกับธรรมชาติในที่แห่งนี้จะทำให้คุณรู้สึกถึงความสงบและความงดงามของสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศที่ยังคงบริสุทธิ์ นักท่องเที่ยวสามารถเดินป่าสำรวจเส้นทางที่มีวิวทิวทัศน์ที่ตระการตา หรือจะเพลิดเพลินกับกิจกรรมต่างๆ เช่น การปีนเขาและการพายเรือแคนูในทะเลสาบสีฟ้าใส นอกจากธรรมชาติแล้ว Karukinka Park ยังเป็นที่อยู่ของวัฒนธรรมพื้นเมืองที่น่าสนใจ คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และประเพณีของชนเผ่าต่างๆ ในภูมิภาคนี้ และเพลิดเพลินกับอาหารท้องถิ่นที่ปรุงด้วยวัตถุดิบสดใหม่ การเยือน Karukinka Park ในชิลีจะเป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืม ที่ที่จะเติมเต็มความฝันในการเดินทางของคุณ และทำให้คุณได้รับแรงบันดาลใจในการเดินทางไปยังสถานที่ใหม่ ๆ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อันไม่มีที่สิ้นสุด.

ปุนตาอาเรนาส เป็นเมืองที่มีเสน่ห์ตั้งอยู่ในเขตปาตาโกเนียของชิลี และเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าตื่นเต้นสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสำนึกถึงธรรมชาติที่งดงามในภูมิภาคนี้ เมืองที่สร้างขึ้นประมาณ 150 ปีที่แล้วนี้ มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน และด้วยความเป็นเมืองแรกในปาตาโกเนีย คุณจะได้เห็นอาคารเก่าแก่ที่สลับสานกับบ้านเรือนที่มีหลังคาโลหะหลายสี เมื่อมองจากมุมสูง เช่น ที่มิโรเดอร์ เซโรลาครูซ ที่นี่ คุณไม่ควรพลาดการเยี่ยมชม Museo Naval y Marítimo ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่นำเสนอประวัติศาสตร์การเดินเรืออันยาวนานของชิลี รวมถึง Museo Regional de Magallanes ซึ่งเคยเป็นบ้านของตระกูลที่มีอำนาจในอดีต นอกจากนี้ ถ้าคุณรักความเป็นธรรมชาติ Parque Nacional Torres del Paine ก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ต้องเยี่ยมชม ซึ่งมีภูเขาไฟสวยงามและสัตว์ป่าอีกหลากหลายชนิด แต่อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดคือการเดินทางไปยัง Isla Magdalena เพื่อชมพวกเพนกวินมาจิลลานิก ซึ่งมีมากกว่า 100,000 ตัวโดยสามารถเดินชมได้โดยสบายๆ อย่าลืมนำน้ำอุ่นไปด้วย เพราะอากาศที่นั่นอาจเย็นสบาย แม้ในช่วงฤดูร้อน ปุนตาอาเรนาสเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ ตั้งแต่ความสวยงามของธรรมชาติ การสำรวจอดีต จนถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรม โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ ทำให้เป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่าและน่าจดจำในทุกช่วงเวลา
ฟยอร์ดของชิลี คือ หนึ่งในจุดหมายปลายทางที่เปล่งประกายในสายตานักเดินทางผู้รักธรรมชาติ ความงามช้างเหนือของฟยอร์ดแห่งนี้เป็นประจักษ์พยานให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของภูมิประเทศที่เกิดจากการกระทำของธารน้ำแข็ง ซึ่งสร้างเป็นผืนน้ำสีฟ้าสดใส พร้อมภูเขาที่ตั้งตระหง่านอยู่รายล้อม ทำให้แต่ละช่วงเวลาที่มองจะรู้สึกถึงความสงบและอารมณ์ที่หลุดพ้นจากความวุ่นวาย เมื่อเรือสำราญของคุณเข้าเทียบท่า คุณจะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากกลิ่นอายของธรรมชาติ ที่ซึ่งคุณสามารถเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการนั่งเรือคายัคเพื่อสำรวจอีกฟากฝั่งที่เต็มไปด้วยสัตว์ทะเลน้ำลึก หรือการเดินป่าเพื่อชมวิวทิวทัศน์ที่ตระการตา ในฤดูร้อน คุณยังสามารถพบเห็นนกเพนกวินที่น่ารักคอยรอให้คุณเก็บภาพความทรงจำสุดประทับใจเช่นกัน นอกจากนี้ ควรพูดถึงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของชิลี ที่ซึ่งมีพิพิธภัณฑ์และตลาดท้องถิ่นที่เต็มไปด้วยศิลปะและอาหารพื้นเมืองอันหลากหลาย ถือเป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน มาร่วมสัมผัสกับมนต์เสน่ห์ของฟยอร์ดชิลี แล้วคุณจะค้นพบว่า ชีวิตคือการเดินทางที่ยิ่งใหญ่และมีความหมายไม่รู้จบ

เมื่อเรือล่องสำราญหยุดพักที่ท่าเรือ Pio X Glacier ในชิลี คุณจะได้สัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติที่ไม่มีใครเทียบเท่า นี่คือจุดหมายปลายทางอันเป็นเอกลักษณ์ที่มีภูเขาน้ำแข็งหลากสีสันตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติที่สวยงาม เข้าชมธารน้ำแข็งที่มีอายุนับพันปี เคลื่อนไหวช้าๆ พร้อมกับเสียงปังของน้ำแข็งที่แตกออก สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวทุกคน ไม่เพียงแต่ธรรมชาติที่ส breathtaking เท่านั้นเช่นเดียวกัน ท่าเรือ Pio X ยังเป็นประตูสู่อาณาจักรแห่งการผจญภัย ซึ่งคุณสามารถสนุกกับกิจกรรมต่างๆ เช่น การเดินป่า, การเดินเรือในน้ำแข็ง และการชมสัตว์ทะเลที่น่าตื่นเต้น เช่น นกเพนกวินและแมวน้ำในถิ่นที่อยู่ตามธรรมชาติ เพิ่มความหลากหลายให้การเดินทางของคุณด้วยการสำรวจศิลปวัฒนธรรมของชิลี ณ เมืองใกล้เคียง ลองชิมอาหารท้องถิ่นที่มีสูตรเฉพาะและมีชื่อเสียงในโทนเรียบง่ายแต่มีเอกลักษณ์ พร้อมกับดื่มด่ำกับบรรยากาศอันอบอุ่นของชาวชิลี ท่าเรือ Pio X Glacier ไม่ใช่เพียงจุดแวะพัก แต่คือประสบการณ์ที่จะครองใจคุณตลอดไป เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินทางที่ทั้งอัศจรรย์และน่าจดจำ!

ส่งตรงจากใจกลางแพทาโกเนีย ที่นี่คือ "คาเลตา ทอร์เทล" (Caleta Tortel) ท่าเรือที่ถูกขนานนามว่าเป็น "เมืองสะพานไม้" ด้วยความงดงามของทางเดินไม้ที่สร้างขึ้นจากไม้ไซเปรส เชื่อมต่อที่พักอาศัยและท่าเรือทั่วทั้งเขตด้วยสะพานและบันไดที่ทอดยาวประมาณ 7 กิโลเมตร ล้อมรอบด้วยธรรมชาติอันสวยงามของภูเขา น้ำแข็ง และป่าไม้ที่บริสุทธิ์ แม้จะเป็นหนึ่งในเทศบาลที่มีพื้นที่กว้างขวางมากที่สุดในชิลี แต่คาเลตา ทอร์เทลมีประชากรเพียง 531 คนเท่านั้น ประวัติศาสตร์ของสถานที่แห่งนี้ย้อนกลับไปในปี 1520 เมื่อเคยเป็นที่อยู่อาศัยของชนเผ่าคาวส์การซึ่งไม่มีชีวิตอยู่แล้ว การก่อตั้งอย่างเป็นทางการเกิดขึ้นในปี 1955 ผ่านการพัฒนาสถานที่เพื่อรองรับชุมชน การเดินทางมายังคาเลตา ทอร์เทล คือการสัมผัสกับความสวยงามที่ใกล้ชิดธรรมชาติ การเดินเตาะแตะบนสะพานไม้ท่ามกลางทัศนียภาพอันตระการตาจะสร้างแรงบันดาลใจให้คุณดำดิ่งสู่ความงามของโลกใบนี้ นอกจากนี้ แหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ในภูมิภาคยังพร้อมต้อนรับนักสำรวจที่มองหาประสบการณ์ที่แตกต่างและล้ำค่า คาเลตา ทอร์เทล คือจุดหมายที่ไม่ควรพลาด สำหรับนักเดินทางที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษและเก็บเกี่ยวความทรงจำดีๆ จากมุมที่งดงามของโลกใบนี้
เมืองคัสโตร (Castro) ประเทศชิลี เป็นจุดหมายที่น่าตื่นตาตื่นใจซึ่งตั้งอยู่บนเกาะชิลัว (Chiloe) ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และสีสันแห่งวัฒนธรรม โดยเฉพาะบ้านไม้สีสันสดใสที่ตั้งอยู่บนเสาเรียงรายริมแม่น้ำ การเดินชมในย่านนี้จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในภาพฝันที่เปล่งประกาย ด้วยบ้านทรงปาลาฟิโต (palafitos) ที่ทำให้บรรยากาศอบอวลไปด้วยความอบอุ่นและความมีชีวิตชีวาของชาวชิลี คัสโตรไม่ได้เป็นเพียงท่าเรือที่น่าเยี่ยมชม แต่ยังเป็นประตูสู่การสำรวจหมู่เกาะอันงดงามรอบข้าง ทั้งธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ เมืองนี้ได้รับการฟื้นฟูจากผลกระทบของแผ่นดินไหวและไฟไหม้ในอดีต โดยเฉพาะแผ่นดินไหวที่ร้ายแรงในปี 1960 แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของชุมชนที่นี่ และตอนนี้คัสโตรได้กลายเป็นศูนย์กลางท่องเที่ยวที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับผู้ที่แสวงหาประสบการณ์ที่น่าจดจำ หากคุณกำลังมองหาสถานที่ในการเฉลิมฉลองความงามและวัฒนธรรม บรรดาเมนูอาหารทะเลสดใหม่ และวิวธรรมชาติที่งดงาม คัสโตร คือจุดหมายที่ไม่ควรพลาดในการเดินทางมายังชิลีของคุณ
เมืองปูเออร์โต้ มอนต์ (Puerto Montt) เป็นจุดหมายปลายทางที่ดึงดูดความสนใจอย่างมากในเขตทะเลสาบของชิลี ด้วยบรรยากาศที่มีลมพัดเย็นสบายและวิวทิวทัศน์ที่งดงาม เมืองนี้เคยเป็นจุดสิ้นสุดสำหรับผู้เดินทางที่มุ่งหน้าเข้าสู่เขตนี้ แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมทางประมง สิ่งทอ และการท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดในภูมิภาค ปูเออร์โต้ มอนต์ เป็นเมืองที่เติบโตอย่างรวดเร็ว มีห้างสรรพสินค้า คอนโดมิเนียม และตึกสำนักงานตั้งอยู่ในใจกลางเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณมีโอกาสมาเยือนในวันที่อากาศแจ่มใส คุณจะเพลิดเพลินกับชายหาดที่สวยงาม เช่น พลายา เปลูโก (Playa Pelluco) ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อน หรือสามารถขับรถไปตามชายฝั่งเพื่อสัมผัสกับวิวทิวทัศน์ของเนินเขาที่ล้อมรอบ นอกจากนี้ ปูเออร์โต้ มอนต์ ยังเป็นประตูสู่การสำรวจธรรมชาติอันงดงามของชิลี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติออสตราล ซึ่งเต็มไปด้วยเส้นทางเดินป่าและภูมิทัศน์ที่น่าหลงใหล หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครในชีวิต อย่าลืมวางแผนการเดินทางมายังเมืองนี้ การล่องเรือในท่าเรือที่มีชื่อเสียงจะเป็นการเริ่มต้นการผจญภัยที่น่าจดจำ!

ซานอันโตนิโอ (San Antonio) ตั้งอยู่บนชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกของประเทศชิลี เป็นจุดแวะที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักเดินทางที่มาด้วยเรือสำราญ ที่นี่คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่ผสมผสานระหว่างธรรมชาติที่งดงามและวัฒนธรรมที่น่าหลงใหล ซานอันโตนิโอมีท่าจอดเรือที่ทันสมัย ซึ่งสามารถรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ พร้อมบริการที่สะดวกสบายสำหรับนักท่องเที่ยว เมื่อคุณมาถึงที่นี่ คุณจะถูกยั่วยวนด้วยทิวทัศน์ของหน้าผาและชายหาดที่สวยงาม มีโอกาสไปสำรวจพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องราวของประวัติศาสตร์ชิลี และสองเมืองที่น่าพิศวงในบริเวณใกล้เคียงคือ ปอร์ตาแมดริน (Porte Madryn) และวิน่าเดลมาร์ (Viña del Mar) ซึ่งเป็นสุดยอดปลายทางที่มีชีวิตชีวา เต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารที่มีรสชาติอร่อย ในการเดินทางนี้ อย่าลืมชมความงดงามของอุทยานแห่งชาติซานติก้า (Cerro Castillo) และลองชิมไวน์ชิลีที่มีชื่อเสียงในระดับโลก เพียงก้าวออกจากเรือสำราญและคุณจะได้พบกับประสบการณ์ที่ไม่ซ้ำใคร ที่ซานอันโตนิโอ สถานที่ที่สะท้อนถึงความงามทางธรรมชาติและวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ที่รอคุณอยู่!
