
02-27217300
02-27217179
service@siloahtravel.com
Monday ~ Friday 09:00-18:00
14F.-3, No.137, Sec. 1, Fuxing S. Rd., Da’an Dist., Taipei City 106, Taiwan
Representative: Tung-Hua Tai
VAT: 43871553
交觀甲793500 品保北2260 隱私權條款
Copyright © 2025 Siloah Travel Co., Ltd.. All rights reserved.

Seabourn Pursuit
Seabourn


ท่าเรือลาวโทกา (Lautoka) ตั้งอยู่ในประเทศฟิจิ เป็นจุดหมายที่ไม่ควรพลาดสำหรับนักเดินทางที่ต้องการสำรวจความงดงามแห่งมหาสมุทรแปซิฟิก เสน่ห์ของลาวโทกานั้นไม่เพียงแค่ธรรมชาติที่สวยงาม แต่ยังรวมถึงประวัติศาสตร์อันหลากหลายที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของเกษตรกรรมอ้อย โดยที่นี่ถูกขนานนามว่า "เมืองน้ำตาล" มีโรงงานแปรรูปอ้อยที่ใหญ่โตเป็นสัญลักษณ์แห่งความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาค การเดินทางจากนาดี (Nadi) สู่ลาวโทกาใช้เวลาประมาณ 45 นาที โดยจะผ่านไร่อ้อยฟีเจอร์มของภูมิภาค ซึ่งทำให้เราได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวฟิจิอย่างใกล้ชิด ท่าเรือแห่งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางสู่การล่องเรือสำรวจหมู่เกาะเบลูลากูน (Blue Lagoon) และบีชคอมเบอร์ (Beachcomber) ที่มีชื่อเสียง ซึ่งเป็นที่รู้จักในเรื่องของน้ำทะเลใสสะอาดและชายหาดที่ขาวนุ่ม นอกจากนั้น ลาวโทการองรับนักท่องเที่ยวที่มองหาสินค้าเสื้อผ้าในราคาย่อมเยา ด้วยบรรยากาศของเมืองแล้วยังมีร้านรวงจำหน่ายสินค้าจำนวนมาก ที่นี่จึงเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่เหมาะสำหรับการสะสมของฝากกลับบ้าน และสัมผัสกับความมีชีวิตชีวาของวัฒนธรรมฟิจิอย่างแท้จริง

อูซัวอิอา (Ushuaia) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ที่ละติจูด 55 องศาใต้ ซึ่งมีเสน่ห์กลมกลืนระหว่างธรรมชาติและประวัติศาสตร์ ในฐานะเมืองหลวงของทีแอร่า เดล ฟูเอโก (Tierra del Fuego) เมืองนี้ตั้งอยู่ที่ปลายด้ามขวานของประเทศอาร์เจนตินา และมีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก สายลมเย็นจากมหาสมุทรและภูเขาหิมะที่ตั้งตระหง่านประกอบร่วมกันสร้างวิวที่สวยงามทำให้ทุกคนหลงรัก ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสกับกิจกรรมกลางแจ้งมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินป่าผ่านอุทยานแห่งชาติทีแอร่า เดล ฟูเอโก การเที่ยวชมสัตว์ป่า และการตกปลาในแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความตื่นเต้น ยังมีการเล่นสกีที่กลาเซียร์มาร์เชียล (Martial Glacier) ด้วย นอกจากความสวยงามทางธรรมชาติ อูซัวอิอายังมีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ เมืองนี้เคยเป็นสถานที่ตั้งของเรือนจำที่สำคัญ ทำให้มีสภาพแวดล้อมที่เข้มแข็งและเรื่องราวความเป็นมาที่น่าพิสมัย โดยในปัจจุบัน อูซัวอิอากลายเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่รับนักท่องเที่ยวกว่า 120,000 คนต่อปี ไฮไลต์ของการเยี่ยมชมคือคลองบีเกิล (Beagle Channel) ที่สามารถมองเห็นวิวของภูเขาหิมะที่สะท้อนตัวเองในน้ำสีนิ่งสงบในช่วงยามเย็น สร้างบรรยากาศที่แสนโรแมนติกอยู่ตลอดทั้งปี อูซัวอิอา คือการเดินทางที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ และความทรงจำที่ไม่อาจลืมเลือนสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนที่นี่
เกาะคาดาวู (Kadavu Island) เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่มีเสน่ห์ในประเทศฟิจิ ซึ่งเป็นดินแดนที่มีธรรมชาติอันงดงามและวัฒนธรรมที่หลากหลาย การเดินทางมาที่นี่บนเรือสำราญจะนำท่านเข้าสู่โลกแห่งความสงบและความสวยงามของมหาสมุทรแปซิฟิก ท่าเรือคาดาวูเป็นจุดแวะที่นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสกับบรรยากาศที่เงียบสงบของเกาะ ชายหาดที่มีทรายขาวสะอาด และน้ำทะเลใสเหมาะสำหรับการว่ายน้ำและพักผ่อน ท่ามกลางทิวทัศน์ที่งามตา นักท่องเที่ยวสามารถดำดิ่งลงไปสำรวจความงดงามใต้ท้องทะเลที่เป็นที่อยู่อาศัยของปะการังหลากสีสัน และสัตว์ทะเลที่น่าตื่นตาตื่นใจ นอกจากการพักผ่อนบนชายหาดแล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถสัมผัสวัฒนธรรมดั้งเดิมของฟิจิ ด้วยการเข้าร่วมพิธีการต้อนรับจากชาวบ้าน ที่มีการแสดงดนตรีและการเต้นรำแบบดั้งเดิม สร้างประสบการณ์ที่จำไม่รู้ลืม นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ดำน้ำตื้น ท่องเที่ยวในป่า หรือเพียงแค่เดินเล่นเพื่อสำรวจความงามของธรรมชาติ คาดาวูจึงไม่ใช่แค่สถานที่ที่เรือสำราญแวะจอด แต่เป็นจุดหมายที่พร้อมมอบความสุขและความทรงจำที่แสนพิเศษในทุก ๆ การเดินทางของคุณในฟิจิ
ท่าเรือพังงา ตั้งอยู่ในจังหวัดพังงา ประเทศไทย เป็นจุดหมายปลายทางที่ถูกพูดถึงในหมู่นักเดินทางที่หลงใหลในความงามของทะเลอันดามัน จากท่าเรือแห่งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวที่น่าตื่นตาตื่นใจได้อย่างสะดวกสบาย เช่น หมู่เกาะสุรินทร์และหมู่เกาะสิมิลัน ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องของความงามที่น่าอัศจรรย์ของแนวปะการังและสัตว์ทะเลที่หลากหลาย ที่ห่างไปไม่ไกลจากท่าเรือ มีภูเขาและอุทยานแห่งชาติเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสำหรับการเดินป่าและพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติที่เงียบสงบ ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้พบกับความงดงามของน้ำตกและภาพวิวทะเลที่ยากจะลืมเลือน นอกจากนี้ พังงายังมีวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ซึ่งสามารถสัมผัสได้จากการเยี่ยมชมชุมชนต่างๆ และลิ้มลองอาหารท้องถิ่นที่มีชื่อเสียง เช่น แกงพุงปลา ที่จะทำให้คุณรู้สึกถึงความอร่อยและวัฒนธรรมที่หลากหลาย การเดินทางผ่านท่าเรือพังงา จึงไม่ใช่แค่การเข้าออกของเรือสำราญ แต่เป็นประสบการณ์ที่เปิดโลกใหม่ให้กับชีวิตคุณ ที่จะสร้างความทรงจำที่ยั่งยืนและทำให้คุณใฝ่ฝันถึงการเดินทางครั้งต่อไปในดินแดนแห่งทะเลสวยฟ้าใสแห่งนี้
เนียฟู (Neiafu) เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศตองกา แห่งหมู่เกาะโพลีเนเซียนที่มีทั้งหมด 169 เกาะ ตั้งอยู่บนชายฝั่งตอนใต้ของเกาะวาวาอู (Vava’u) เมืองนี้มีประชากรเพียง 6,000 คน แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความงดงามที่รอคอยให้คุณสัมผัส ท่าเรือที่มีชื่อว่า 'Port of Refuge' เป็นจุดหมายหลักสำหรับเรือสำราญ ผู้เดินทางสามารถนั่งเรือชมทิวทัศน์ที่สร้างความประทับใจจากน้ำที่ใสสะอาดในภูมิภาคนี้ ระหว่างเดือนมิถุนายนถึงพฤศจิกายน คุณสามารถพบกับวาฬหลังค่อมที่มาเยือนน้ำสงบแห่งนี้ หนึ่งในสถานที่ที่ไม่ควรพลาดในเนียฟูคือสวนพฤกษศาสตร์เอเนอิโอ (Eneio Botanical Garden) ซึ่งเป็นที่หลบภัยของนกพันธุ์หายากทั้งจากธรรมชาติและต่างแดน พร้อมกับพืชพันธุ์ที่หลากหลาย ทำให้ที่นี่เป็นสวรรค์สำหรับนักท่องเที่ยวที่รักธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังมีร้านกาแฟและร้านอาหารที่คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกมากมาย ที่นี่คือจุดเริ่มต้นแห่งประสบการณ์การเดินทางที่น่าจดจำ เชิญคุณมาสำรวจความมหัศจรรย์ของตองกาในแบบที่ไม่เหมือนใคร!


ท่าเรืออาเปีย ตั้งอยู่ในซามัว เป็นประตูสู่ความงดงามของเกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกใต้ โดยซามัวประกอบด้วยเกาะทั้งหมดสิบแห่งที่รายล้อมไปด้วยทัศนียภาพอันงดงามและภูมิประเทศที่เกิดจากภูเขาไฟ คลื่นซัดสาดในบริเวณชายฝั่งที่มีหาดทรายขาวสะอาด เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสถึงวัฒนธรรมอันลึกซึ้งของชีวิตความเป็นอยู่แบบฟาอา ซามัว ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 3,000 ปี เมื่อคุณก้าวเข้ามาถึงอาเปีย คุณจะได้พบกับบรรยากาศที่แสดงถึงวัฒนธรรมท้องถิ่น ทั้งการต้อนรับที่อบอุ่นและการนำเสนอสินค้าหัตถกรรมที่มีเอกลักษณ์ นอกจากนี้ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ เช่น ตลาดสดที่เต็มไปด้วยผลไม้สด แหล่งประวัติศาสตร์เช่น น้ำตกปลาคูส หรือพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ที่สะท้อนถึงอัตลักษณ์ของซามัว การเยือนอาเปียไม่เพียงแต่ทำให้คุณได้เชื่อมต่อกับธรรมชาติที่งดงาม แต่ยังช่วยให้คุณสัมผัสถึงวิถีชีวิตที่เรียบง่ายและลึกซึ้งของชาวซามัว ที่จะทำให้การเดินทางของคุณมีความทรงจำที่ยากจะลืมเลือน พร้อมเปิดประสบการณ์การผจญภัยในสวรรค์เขตร้อนแห่งนี้
อายุของความงามในกลุ่มเกาะคุกนั้นไม่อาจเปรียบเทียบได้เมื่อพูดถึง “ไอตูตากิ” (Aitutaki) ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “เกาะที่สวยที่สุดในโลก” โดยโทนี วีลเลอร์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Lonely Planet พระอาทิตย์ตกที่นี่ไม่เพียงแต่สวยงาม แต่ยังมีกลิ่นอายของโรแมนติกที่ทำให้หัวใจคุณเต้นแรงเมื่อสีสันแห่งการสะท้อนในท้องฟ้าตัดกับน้ำทะเลสีฟ้าลึกและหาดทรายขาวบริสุทธิ์ ไอตูตากิไม่เพียงมีความงามตามธรรมชาติ แต่ยังมีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ เริ่มต้นตั้งแต่การเยือนของลูกเรือ HMS Bounty ในปี 1789 ซึ่งต้องพบกับการเปลี่ยนแปลง หลังจากนั้นเมื่อผู้ตั้งถิ่นฐานโพลินีเซียนมาถึงในราวปี 900 และสร้างวัฒนธรรมการร้องเพลงและการเต้นที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา แม้ว่าจะมีการแนะนำศาสนาคริสต์เข้ามา แต่ความรักในการแสดงออกของประชาชนยังคงเหนือกว่ามาโดยตลอด หาดทรายที่นี่ให้คุณได้ผ่อนคลายสุดๆ ขณะที่คุณนอนเหยียดอยู่ในอานม้า ภายในอ่าวไอตูตากิ แหล่งท่องเที่ยวทางน้ำสำคัญที่เต็มไปด้วยปลาทะเลนานาชนิด พร้อมโอกาสในการดำน้ำตื้นที่น่าตื่นตาตื่นใจบนเกาะหนึ่งฟุต ที่คุณจะมีโอกาสได้รับตราประทับอันเป็นเอกลักษณ์จากเกาะนี้ นอกจากนี้ยังมีเกาะมอทูรากาวสวรรค์ของนกและปูที่คอยให้คุณได้สัมผัสกับความงามที่เป็นธรรมชาติที่แท้จริง การเยือนไอตูตากิคือการสัมผัสกับความงามที่ลึกล้ำ ท่ามกลางเกาะอันงดงามที่รอคอยให้คุณได้เข้ามาสร้างความทรงจำอันยั่งยืน

ในหมู่เกาะแปซิฟิกใต้ที่เต็มไปด้วยความงดงามและวัฒนธรรมที่หลากหลาย "ไรอาเตา" (Raiatea) คือหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่คุณไม่ควรพลาดเมื่อเดินทางมาถึงเฟรนช์โพลินีเซีย ท่าเรือไรอาเตานั้นเป็นเหมือนประตูสู่สวรรค์เขตร้อน โดยมีกระแสน้ำใสและทิวทัศน์ที่พิสุทธิ์แห่งหน้าผาและป่าฝนเขียวขจีรอบตัว เมื่อเรือสำราญมาถึงท่าเรือ ตั้งแต่อดีตนับร้อยปี ไรอาเตาเป็นสถานที่ซึ่งมีความสำคัญในวัฒนธรรมของชาวโพลีนีเซีย ให้คุณได้สัมผัสบรรยากาศที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการสำรวจธรรมชาติที่งดงาม แหล่งดำน้ำที่เต็มไปด้วยปลาสีสันสดใส หรือการเดินทางไปยังวัดโบราณที่ถูกสร้างขึ้นในเวลาหลายร้อยปี การชิมอาหารท้องถิ่นจะเป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่ยากจะลืมในไรอาเตา จากสมูทตี้มะพร้าวไปจนถึงจานไก่ในซอสสับปะรด ทั้งหมดนี้จะทำให้คุณรู้สึกถึงรสชาติที่แท้จริงของหมู่เกาะแปซิฟิก ไม่ว่าคุณจะเลือกที่จะพักผ่อนริมชายหาด หรือผจญภัยในธรรมชาติ ไรอาเตาต่างมีให้คุณเสมอ สัมผัสความงามที่ไรอาเตาและสร้างความทรงจำที่ไม่มีวันลืมในทริปนี้!

ท่าเรือฮูฮิน่า (Huahine) ตั้งอยู่ในหมู่เกาะเฟรนช์โพลินีเซีย เป็นสถานที่ที่สวยงามและเงียบสงบ ซึ่งมีน้ำทะเลสีฟ้าใสสะท้อนแสงอาทิตย์ พร้อมชายหาดที่มีทรายขาวละเอียด ท่าเรือนี้ถือเป็นประตูสู่ประสบการณ์อันน่าทึ่งในโลกใต้ทะเลที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา เมื่อเรือสำราญจอดเทียบท่า นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านประเพณีโบราณและอาหารที่หลากหลาย พร้อมทั้งการต้อนรับด้วยมิตรไมตรีจากชาวเกาะ ฮูฮิน่ามีกิจกรรมสนุกสนานมากมาย เช่น การดำน้ำตื้นเพื่อสำรวจแนวปะการังที่มีสีสันสดใส หรือการล่องเรือไปตามคลองธรรมชาติที่เงียบสงบ นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น โบราณสถานเอาหา ผู้เป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีอายุมากกว่า 1,000 ปี และภาพวาดสมัยโบราณที่ตั้งอยู่บนหน้าผา ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงอารยธรรมที่รุ่งเรืองในอดีต การเดินทางมาที่ท่าเรือฮูฮิน่าจึงไม่ใช่เพียงแค่การไปเยือน แต่ยังเป็นการเปิดประตูสู่โลกแห่งการค้นพบและแรงบันดาลใจ ที่จะทำให้ใจของคุณเต็มไปด้วยความฝันและคอยกระตุ้นให้คุณหาความสุขในการเดินทางต่อไป

ปาเปตีเต้ (Papeete) คือประตูสู่สวรรค์แห่งทุนดราของโปลินีเซียน ซึ่งเป็นเมืองหลวงของเฟรนช์โปลินีเซีย ที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา นอกจากจะเป็นฐานที่ยอดเยี่ยมในการสำรวจเกาะตาฮิทีแล้ว ยังตั้งอยู่ท่ามกลางทิวทัศน์ที่งดงาม และมหาสมุทรสีฟ้าครามที่เชื้อเชิญให้คุณเข้าไปดำน้ำสำรวจโลกใต้ทะเล ในช่วงเวลาที่คุณใช้เวลาในเมือง คุณจะได้พบกับชายหาดสีดำสุดตระการตาที่บ่งบอกถึงมรดกภูเขาไฟ สถานที่ที่แสดงถึงความสวยงามของธรรมชาติที่งดงามเช่นเดียวกับลากูนที่มีน้ำใสแจ๋ว พร้อมสำหรับการดำน้ำตื้น และสามารถสนุกสนานกับการปีนเขาไปยังยอดเขาสีเขียว โดยการแวะพักในกระท่อมบนเสาไม้ที่ตั้งอยู่เหนือผืนน้ำเจิดจรัส ช่วงเวลาในปาเปตีเต้ จะทำให้คุณรู้สึกสบายและผ่อนคลายในจังหวะชีวิตอันมีเสน่ห์ของโปลินีเซีย สัมผัสประสบการณ์ที่หาที่ไหนไม่ได้ เพียงแค่ก้าวออกจากเรือสำราญเพื่อเริ่มการผจญภัยในดินแดนแห่งธรรมชาติอันงดงามแห่งนี้ รับรองว่าจะเป็นประสบการณ์ที่คุณไม่มีวันลืมเลือน
อนา ท่าเรือสุดหรูในเฟรนช์โปลินีเซีย มอบประสบการณ์การเดินทางที่ไม่อาจลืมเลือนให้แก่ผู้มาเยือน ด้วยความงดงามของทะเลสีฟ้าใส และชายหาดขาวละเอียด ท่าเรือนี้เป็นเสมือนประตูสู่ความฝันของนักท่องเที่ยวที่หลงใหลในธรรมชาติและความสงบ อนาไม่เพียงมีเสน่ห์ที่ทิวทัศน์อันตระการตา แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการสำรวจวัฒนธรรมและประเพณีของชาวโปลินีเซียนอีกด้วย นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยังเกาะต่าง ๆ เช่น เกาะบอราบอร่า ที่ขึ้นชื่อเรื่องภูเขาไฟที่สวยงามและหาดทรายที่เหมาะสำหรับการพักผ่อน นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่จะได้สัมผัสกิจกรรมดำน้ำตื้น ซึ่งจะพาไปสำรวจโลกใต้น้ำที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและปะการังที่สวยงาม ด้วยการบริการที่นำเสนออย่างมีระดับ แพ็คเกจการท่องเที่ยวที่แสนน่าจดจำ และบรรยากาศที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ อนาจึงเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การมอบความสุขให้กับทุกคนที่มาที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นคู่รักที่หวานฉ่ำหรือครอบครัวที่ต้องการสร้างความทรงจำที่มีค่า พร้อมที่จะให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์การเดินทางที่หรูหราท่ามกลางความงดงามของธรรมชาติในที่สุด
ขอต้อนรับสู่ท่าเรือที่งดงามที่สุดในฝรั่งเศสโปลินีเซีย นั่นคือ "ท่ามอารี" ที่ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองตาฮาเนา เป็นจุดหมายปลายทางที่เต็มไปด้วยความงามทางธรรมชาติและวัฒนธรรมอันน่าหลงใหล หากคุณมีโอกาสได้เดินทางมาที่นี่ คุณจะได้สัมผัสบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความเงียบสงบและทิวทัศน์ที่ตระการตาจากทะเลสีฟ้าครามที่กระทบกับชายหาดขาวบริสุทธิ์ การเที่ยวชมที่ท่ามอารียังเป็นจุดเริ่มต้นของการสำรวจเกาะตาฮา และสิ่งที่ไม่ควรพลาดคือการไปเยือนทะเลสาบการ์การ์ และภูเขาโอโรเฮท ที่มีทิวทัศน์ที่งดงามที่ควรค่าแก่การบันทึกภาพ นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่รักกิจกรรมกลางแจ้ง สามารถเดินป่าฝ่าภูเขา หรือดำน้ำตื้นเพื่อสำรวจโลกใต้ทะเลที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยความหลากหลายของชีวิตทะเล สัมผัสวัฒนธรรมอันหลากหลายที่ควรค่าแก่การค้นหา ทั้งการแสดงเต้นรำพื้นเมืองและรายการอาหารท้องถิ่นที่มีรสชาติเยี่ยม ช่วยเติมเต็มประสบการณ์การเดินทางของคุณที่นี่ให้เป็นสิ่งที่ไม่อาจลืมเลือน เพลิดเพลินไปกับประสบการณ์อันเหนือระดับที่ท่ามอารี และทุกย่างก้าวจะยังคงติดอยู่ในความทรงจำของคุณตราบนานเท่านาน!

ฟาการาวา (Fakarava) คือหนึ่งในจุดหมายที่ล้ำค่าของเฟรนช์โปลินีเซีย ที่ตั้งอยู่ในแถบหมู่เกาะเวอรีตา ด้วยทิวทัศน์อันงดงามของน้ำทะเลสีฟ้าใสและหาดทรายขาวละเอียด ฟาการาวาจึงเป็นสถานที่เหมาะสำหรับการผ่อนคลายและสัมผัสความงามตามธรรมชาติซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเกาะเขตร้อน ท่าเรือฟาการาวาเป็นสถานที่ที่เรือสำราญชื่อดังหลายลำแวะจอด โดยนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่เงียบสงบและไม่พลุกพล่าน ในขณะเดียวกัน ยังสามารถสำรวจแนวปะการังที่อุดมสมบูรณ์ ดำน้ำตื้นเพื่อตื่นตาตื่นใจกับความหลากหลายของชีวิตใต้ทะเล ทั้งปลาเขตร้อนและปะการังสีสันสดใส ไม่ไกลจากท่าเรือ ยังมีกิจกรรมอันน่าตื่นเต้นมากมาย เช่น การตกปลาในน้ำลึก หรือเดินทางสำรวจเกาะเล็กๆ ที่อยู่รอบๆ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาด ฟาการาวาเป็นสถานที่ที่พร้อมให้คุณได้สัมผัสความงามทางธรรมชาติและวัฒนธรรมที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเยี่ยมชมหมู่บ้านพื้นเมือง หรือการชิมอาหารทะเลสดใหม่ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น หากคุณกำลังมองหาการหลบหนีจากความวุ่นวาย ฟาการาวา จะเป็นท่าเทียบเรือที่เปิดโอกาสให้คุณได้สัมผัสกับความสงบและประสบการณ์อันล้ำค่า สร้างความทรงจำที่แสนพิเศษท่ามกลางความงดงามแห่งมหาสมุทรแปซิฟิก

เกาะพิทเคิร์น หรือที่รู้จักกันในชื่อท่าเรือพิทเคิร์น เป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่เหมือนใครในมหาสมุทรแปซิฟิก อยู่ระหว่างเปรูและนิวซีแลนด์ ท่าเรือแห่งนี้เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านอาดัมส์ทาวน์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านเดียวที่มีประชากรอาศัยอยู่ โดยมีผู้คนเพียง 56 คนเท่านั้น ซึ่งสะท้อนถึงสไตล์การใช้ชีวิตที่เรียบง่ายและใกล้ชิดกับธรรมชาติ พิทเคิร์นมีความเป็นมาที่น่าสนใจ เนื่องจากเป็นที่ตั้งของกลุ่มกบฏจากเรือ HMS Bounty ที่มาหลบซ่อนตัวในช่วงศตวรรษที่ 18 ที่นี่มีพระอาทิตย์ขึ้นที่งดงาม ขณะเดียวกันคุณยังสามารถเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น ซึ่งมีพระคัมภีร์ HMS Bounty และโบสถ์อาดัมส์ทาวน์ที่มีสถาปัตยกรรมแบบคลาสสิกให้คุณได้สัมผัส อย่าลืมสำรวจถ้ำของฟลิตเชอร์ คริสเตียน ซึ่งเป็นที่เก็บความลับในประวัติศาสตร์ หรือค้นหานกพีทเคิร์นรีดวอร์เบลเลอร์ซึ่งเป็นนกพื้นเมืองที่หายาก สัมผัสประสบการณ์ที่หลากหลายและน่าจดจำที่เกาะพิทเคิร์น ท่าเรือที่มอบความสงบสุขและสวยงาม เป็นการเดินทางที่แปลกใหม่และเฉพาะตัวที่จะทำให้คุณได้รับความประทับใจที่ไม่มีวันลืมเลือน

ดุซี่ ไอแลนด์ (Ducie Island) เป็นจุดหมายปลายทางที่แปลกตาและโรแมนติก โดยตั้งอยู่ในเขตของหมู่เกาะพิตแคร์น เมืองที่เงียบสงบนี้ถูกค้นพบในปี 1606 โดยนักสำรวจชาวโปรตุเกส และมีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรือด่วน Acadia ซึ่งประสบอุบัติเหติเสียหายบริเวณเกาะในปี 1881 เนื่องจากผู้เฝ้าดูแลเข้าใจผิดว่าเกาะคือก้อนเมฆจากหาดทรายขาวสะอาด ดุซี่ ไอแลนด์ แม้ว่าจะไม่มีประชากรอาศัยอยู่ แต่กลับเป็นที่อยู่ของนกน้ำกว่า 500,000 ตัวที่มาทำรังอย่างสวยงาม และมีพืชพันธุ์ที่เติบโต เช่น Beach Heliotrope และ Pemphis ที่ปกคลุมพื้นที่กว่า 70% ของเกาะ นักท่องเที่ยวสามารถพบเห็นนกที่น่าตื่นตาตื่นใจ เช่น นกเมอเฟียส (Murphy's Petrels) นกขาว (White Terns) และนกยักษ์ฟริกเกต (Great Frigate birds) สำหรับผู้ที่รักการดำน้ำตื้น สถานที่นี้ยังมีจุดดำน้ำบริเวณซากเรือ Acadia ที่น่าตื่นตาตื่นใจและน้ำในลุ่งของแอตอลล์ให้ได้สำรวจ สิ่งเหล่านี้ทำให้ดุซี่ ไอแลนด์ เป็นสวรรค์สำหรับนักเดินทางที่มองหาประสบการณ์อันเงียบสงบและเต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ การเยือนที่นี่เท่ากับการก้าวเข้าสู่โลกอีกใบที่ไม่มีใครเคยรู้จักมาก่อน


ซานอันโตนิโอ (San Antonio) ตั้งอยู่บนชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกของประเทศชิลี เป็นจุดแวะที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักเดินทางที่มาด้วยเรือสำราญ ที่นี่คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่ผสมผสานระหว่างธรรมชาติที่งดงามและวัฒนธรรมที่น่าหลงใหล ซานอันโตนิโอมีท่าจอดเรือที่ทันสมัย ซึ่งสามารถรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ พร้อมบริการที่สะดวกสบายสำหรับนักท่องเที่ยว เมื่อคุณมาถึงที่นี่ คุณจะถูกยั่วยวนด้วยทิวทัศน์ของหน้าผาและชายหาดที่สวยงาม มีโอกาสไปสำรวจพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องราวของประวัติศาสตร์ชิลี และสองเมืองที่น่าพิศวงในบริเวณใกล้เคียงคือ ปอร์ตาแมดริน (Porte Madryn) และวิน่าเดลมาร์ (Viña del Mar) ซึ่งเป็นสุดยอดปลายทางที่มีชีวิตชีวา เต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารที่มีรสชาติอร่อย ในการเดินทางนี้ อย่าลืมชมความงดงามของอุทยานแห่งชาติซานติก้า (Cerro Castillo) และลองชิมไวน์ชิลีที่มีชื่อเสียงในระดับโลก เพียงก้าวออกจากเรือสำราญและคุณจะได้พบกับประสบการณ์ที่ไม่ซ้ำใคร ที่ซานอันโตนิโอ สถานที่ที่สะท้อนถึงความงามทางธรรมชาติและวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ที่รอคุณอยู่!
เมืองปูเออร์โต้ มอนต์ (Puerto Montt) เป็นจุดหมายปลายทางที่ดึงดูดความสนใจอย่างมากในเขตทะเลสาบของชิลี ด้วยบรรยากาศที่มีลมพัดเย็นสบายและวิวทิวทัศน์ที่งดงาม เมืองนี้เคยเป็นจุดสิ้นสุดสำหรับผู้เดินทางที่มุ่งหน้าเข้าสู่เขตนี้ แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมทางประมง สิ่งทอ และการท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดในภูมิภาค ปูเออร์โต้ มอนต์ เป็นเมืองที่เติบโตอย่างรวดเร็ว มีห้างสรรพสินค้า คอนโดมิเนียม และตึกสำนักงานตั้งอยู่ในใจกลางเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณมีโอกาสมาเยือนในวันที่อากาศแจ่มใส คุณจะเพลิดเพลินกับชายหาดที่สวยงาม เช่น พลายา เปลูโก (Playa Pelluco) ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อน หรือสามารถขับรถไปตามชายฝั่งเพื่อสัมผัสกับวิวทิวทัศน์ของเนินเขาที่ล้อมรอบ นอกจากนี้ ปูเออร์โต้ มอนต์ ยังเป็นประตูสู่การสำรวจธรรมชาติอันงดงามของชิลี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติออสตราล ซึ่งเต็มไปด้วยเส้นทางเดินป่าและภูมิทัศน์ที่น่าหลงใหล หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครในชีวิต อย่าลืมวางแผนการเดินทางมายังเมืองนี้ การล่องเรือในท่าเรือที่มีชื่อเสียงจะเป็นการเริ่มต้นการผจญภัยที่น่าจดจำ!

ส่งตรงจากใจกลางแพทาโกเนีย ที่นี่คือ "คาเลตา ทอร์เทล" (Caleta Tortel) ท่าเรือที่ถูกขนานนามว่าเป็น "เมืองสะพานไม้" ด้วยความงดงามของทางเดินไม้ที่สร้างขึ้นจากไม้ไซเปรส เชื่อมต่อที่พักอาศัยและท่าเรือทั่วทั้งเขตด้วยสะพานและบันไดที่ทอดยาวประมาณ 7 กิโลเมตร ล้อมรอบด้วยธรรมชาติอันสวยงามของภูเขา น้ำแข็ง และป่าไม้ที่บริสุทธิ์ แม้จะเป็นหนึ่งในเทศบาลที่มีพื้นที่กว้างขวางมากที่สุดในชิลี แต่คาเลตา ทอร์เทลมีประชากรเพียง 531 คนเท่านั้น ประวัติศาสตร์ของสถานที่แห่งนี้ย้อนกลับไปในปี 1520 เมื่อเคยเป็นที่อยู่อาศัยของชนเผ่าคาวส์การซึ่งไม่มีชีวิตอยู่แล้ว การก่อตั้งอย่างเป็นทางการเกิดขึ้นในปี 1955 ผ่านการพัฒนาสถานที่เพื่อรองรับชุมชน การเดินทางมายังคาเลตา ทอร์เทล คือการสัมผัสกับความสวยงามที่ใกล้ชิดธรรมชาติ การเดินเตาะแตะบนสะพานไม้ท่ามกลางทัศนียภาพอันตระการตาจะสร้างแรงบันดาลใจให้คุณดำดิ่งสู่ความงามของโลกใบนี้ นอกจากนี้ แหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ในภูมิภาคยังพร้อมต้อนรับนักสำรวจที่มองหาประสบการณ์ที่แตกต่างและล้ำค่า คาเลตา ทอร์เทล คือจุดหมายที่ไม่ควรพลาด สำหรับนักเดินทางที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษและเก็บเกี่ยวความทรงจำดีๆ จากมุมที่งดงามของโลกใบนี้

เมื่อเรือล่องสำราญหยุดพักที่ท่าเรือ Pio X Glacier ในชิลี คุณจะได้สัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติที่ไม่มีใครเทียบเท่า นี่คือจุดหมายปลายทางอันเป็นเอกลักษณ์ที่มีภูเขาน้ำแข็งหลากสีสันตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติที่สวยงาม เข้าชมธารน้ำแข็งที่มีอายุนับพันปี เคลื่อนไหวช้าๆ พร้อมกับเสียงปังของน้ำแข็งที่แตกออก สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวทุกคน ไม่เพียงแต่ธรรมชาติที่ส breathtaking เท่านั้นเช่นเดียวกัน ท่าเรือ Pio X ยังเป็นประตูสู่อาณาจักรแห่งการผจญภัย ซึ่งคุณสามารถสนุกกับกิจกรรมต่างๆ เช่น การเดินป่า, การเดินเรือในน้ำแข็ง และการชมสัตว์ทะเลที่น่าตื่นเต้น เช่น นกเพนกวินและแมวน้ำในถิ่นที่อยู่ตามธรรมชาติ เพิ่มความหลากหลายให้การเดินทางของคุณด้วยการสำรวจศิลปวัฒนธรรมของชิลี ณ เมืองใกล้เคียง ลองชิมอาหารท้องถิ่นที่มีสูตรเฉพาะและมีชื่อเสียงในโทนเรียบง่ายแต่มีเอกลักษณ์ พร้อมกับดื่มด่ำกับบรรยากาศอันอบอุ่นของชาวชิลี ท่าเรือ Pio X Glacier ไม่ใช่เพียงจุดแวะพัก แต่คือประสบการณ์ที่จะครองใจคุณตลอดไป เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินทางที่ทั้งอัศจรรย์และน่าจดจำ!
ท่าเรือ El Brujo Glacier ในประเทศชิลี เป็นหนึ่งในจุดหมายอันน่าเร้าใจสำหรับนักท่องเที่ยวผู้รักธรรมชาติและความงดงามของภูมิประเทศที่ไม่มีใครเทียบเคียงได้ ด้วยการตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งและภูเขา แวดล้อมไปด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบและธรรมชาติอันบริสุทธิ์ El Brujo Glacier ได้นำเสนอภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจจากธารน้ำแข็งที่เปล่งประกายสีฟ้าเข้มตัดกับพื้นน้ำทะเลที่ใสดุจคริสตัล สำหรับผู้เดินทางที่มาที่นี่ คุณจะมีโอกาสสัมผัสกับกิจกรรมกลางแจ้งที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินป่าเพื่อสำรวจธรรมชาติอันงดงาม หรือการนั่งเรือชมวิวทิวทัศน์ของธารน้ำแข็งที่ยิ่งใหญ่ นอกจากนี้ยังมีโอกาสได้เห็นชีวิตสัตว์ทะเลเฉกเช่นเพนกวินและเพื่อนร่วมทางอื่น ๆ ที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ ไม่เพียงแต่ท่าเรือ El Brujo ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ แต่ยังสามารถเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงได้อีกมากมาย อาทิ พื้นที่น้ำแข็งที่มีชื่อเสียงอื่น ๆ และมุมมองที่สวยงามของภูเขาโครงการที่หล่อเลี้ยงความสวยงามของชิลีให้มีความหลากหลายและดึงดูดใจให้กับนักท่องเที่ยวอย่างไม่รู้จบ นี่คือการเดินทางที่ไม่ควรพลาดที่จะเติมเต็มประสบการณ์และความทรงจำตลอดชีวิตของคุณ




กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เป็นเมืองที่ผสมผสานความงดงามและความมีชีวิตชีวาเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ที่นี่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากมรดกวัฒนธรรมที่หลากหลาย สามารถสังเกตได้จาก Plaza de Mayo อันมีเสน่ห์ดุจจัตุรัสใหญ่ในมาดริด และ Teatro Colón ที่สวยงามราวกับว่าได้ย้ายมาจากเวียนนา บัวโนสไอเรสยังมีความเป็นอเมริกาใต้ที่ชัดเจนจากการเดินเล่นในถนนที่ปูด้วยหินและรองเท้าหนังคุณภาพสูงที่วางขายในร้านค้าเล็กๆ แถมยังมีกิจกรรมที่เต็มไปด้วยสีสัน เช่น ขบวนพาเหรดของแฟนฟุตบอลที่แสดงถึงความรักในกีฬานี้ของชาวเมือง นอกจากวัฒนธรรมและศิลปะที่หลากหลาย ชิมประสบการณ์ลิ้มลองไวน์ชั้นดี สเต็กเนื้อฉ่ำ และไอติมรสชาติต่างๆ ที่ได้มาเติมเต็มความอร่อยให้กับทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว ท่าเรือในกรุงบัวโนสไอเรส จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการสำรวจเสน่ห์แห่งเมืองนี้ พร้อมเปิดประสบการณ์การเดินทางที่สุดหรูหรา ในดินแดนที่มีทั้งความคลาสสิกและความทันสมัยรอคุณอยู่


ห้องสวีทแกรนด์วินเทอร์การ์เดนเป็นห้องพักที่กว้างขวางพร้อมหน้าต่างขนาดใหญ่ที่เปิดให้เห็นทัศนียภาพที่งดงาม ห้องนี้มีที่นั่งรับประทานอาหารสำหรับสี่คน และห้องน้ำที่มีอ่างน้ำวนให้คุณได้ผ่อนคลายเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีห้องน้ำสำหรับแขกและโซฟาที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นเตียงสำหรับหนึ่งคน ทำให้ห้องนี้เป็นทางเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับการพักผ่อนอย่างมีระดับในระหว่างการล่องเรือของคุณ

วิลล่า Wintergarden เป็นห้องพักที่กว้างขวางและมอบบรรยากาศแห่งความหรูหรา ภายในห้องมีหน้าต่างบานใหญ่ที่ให้แสงสว่างธรรมชาติเข้ามาอย่างเต็มที่ พร้อมพื้นที่รับประทานอาหารสำหรับสี่คน ที่ช่วยสร้างบรรยากาศดีๆ ในการร่วมรับประทานอาหาร นอกจากนี้ ห้องน้ำยังมีอ่างจากุซซี่เพื่อการผ่อนคลายไปพร้อมกับห้องน้ำสำหรับแขก และโซฟาปรับเปลี่ยนได้ที่สามารถแปลงเป็นเตียงสำหรับหนึ่งคน สำหรับผู้ที่ต้องการพื้นที่เก็บของ ห้องยังมีตู้เสื้อผ้าสองใบและแพนทรีที่มีบาร์เปียก พร้อมด้วยพื้นที่กระจกที่เป็นโซลาริอมซึ่งมาพร้อมกับอ่างและเตียงนอนสำหรับการพักผ่อนในอากาศบริสุทธิ์ ในด้านความบันเทิง ห้องพักยังมีทีวีจอแบนสองเครื่องและบริการอินเทอร์เน็ต/ไวไฟฟรี เพื่อความสะดวกสบายในทุกช่วงเวลาของการพักผ่อนของท่าน


ซิกเนเจอร์สวีทเป็นห้องพักที่กว้างขวางพร้อมทิวทัศน์มหาสมุทรที่ตระการตา สามารถมองเห็นวิวทะเลได้อย่างชัดเจนจากหน้าต่างที่หันไปทางด้านหน้า ห้องพักนี้เหมาะสำหรับการรับประทานอาหารสำหรับ 4-6 คน มีห้องน้ำที่มีอ่างน้ำวนเพื่อการผ่อนคลายเต็มที่ นอกจากนี้ยังมีห้องน้ำสำหรับแขก แผนกครัวพร้อมบาร์แบบเปียก และทีวีจอแบนจำนวนสองเครื่อง สำหรับความสะดวกสบายเพิ่มเติม มีบริการอินเทอร์เน็ตและไวไฟฟรี ตอบโจทย์ทุกความต้องการสำหรับการเข้าพักที่หรูหราและสะดวกสบายบนเรือสำราญ

เจ้าของสวีทเป็นห้องพักที่มอบสัมผัสอันหรูหราและสะดวกสบาย ด้วยมุมมองทะเลที่กว้างขวางและหน้าต่างที่หันหน้าไปทางด้านหน้า ท่านจะสามารถเพลิดเพลินกับวิวทะเลที่งดงามจากภายในห้องพัก ห้องนี้มีพื้นที่นั่งเล่นที่กว้างขวางและยังมีระเบียงส่วนตัวที่ให้ความเป็นส่วนตัว เหมาะสำหรับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ โดยมีเตียงขนาดควีนไซส์หรือเตียงคู่ ความสะดวกสบายยังมีมากขึ้นด้วยตู้เก็บของขนาดใหญ่สำหรับเก็บเสื้อผ้าและอุปกรณ์การเดินทาง ตลอดจนมีตู้นิรภัยส่วนตัวสำหรับเก็บของมีค่า เจ้าของสวีทยังมีทีวีจอแบนสองเครื่อง เพื่อตอบสนองความบันเทิงของท่าน มีบาร์และตู้เย็นที่เต็มไปด้วยเครื่องดื่ม สำหรับการรับประทานอาหารสามารถจัดโต๊ะสำหรับสี่ถึงหกคนได้ นอกจากนี้ยังมีห้องน้ำที่กว้างขวางพร้อมอ่างอาบน้ำแบบวนและฝักบัว รวมถึงเสื้อคลุมอาบน้ำและรองเท้าอาบน้ำเพื่อเพิ่มความผ่อนคลาย ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการบริการอินเทอร์เน็ตและ Wi-Fi ฟรี เพื่อให้ท่านสามารถเชื่อมต่อกับโลกภายนอกได้ทุกเมื่อ

เพนท์เฮาส์สปาสวีทบนเรือ Seabourn Venture นำเสนอพื้นที่การใช้ชีวิตที่สะดวกสบาย พร้อมด้วยระเบียงส่วนตัวที่กว้างขวาง ห้องนอนสามารถเลือกได้ระหว่างเตียงควีนไซส์หรือเตียงคู่ พร้อมการออกแบบที่หรูหราและผ่อนคลาย ห้องเสื้อผ้าขนาดใหญ่, ตู้นิรภัยส่วนตัว, และทีวีระบบอินเตอร์แอคทีฟที่มีเพลงและภาพยนตร์ให้เลือกสรร นอกจากนี้ยังมีบาร์และตู้เย็นที่มีเครื่องดื่มที่จัดเตรียมไว้ครบครัน รวมถึงโต๊ะเขียนหนังสือที่มีเครื่องเขียนที่มีชื่อของท่าน และโต๊ะแต่งหน้า ห้องน้ำขนาดกว้างขวางมีอ่างอาบน้ำแยกจากห้องอาบน้ำ robe ฟูฟ่องและรองเท้าแตะ อุปกรณ์เสริมเพื่อสุขภาพและความงามสุดหรู ไดร์เป่าผม และปลั๊กไฟ 110/220V ที่ตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดี ขนาดห้องรวมประมาณ 527 ตารางฟุต (49 ตารางเมตร) ซึ่งรวมระเบียงขนาด 97 ตารางฟุต (9 ตารางเมตร) นับว่าเป็นประสบการณ์การพักผ่อนที่ไม่ควรพลาดในทุกๆ การเดินทาง.



เพนท์เฮาส์แพนโทน ร่า เป็นห้องสวีทที่กว้างขวาง มีพื้นที่ทั้งหมด 417 ตารางฟุต (39 ตารางเมตร) รวมถึงระเบียงกว้าง 85 ตารางฟุต (8 ตารางเมตร) ห้องนี้ประกอบไปด้วยพื้นที่นั่งเล่นที่สะดวกสบาย พร้อมทั้งห้องนอนแยกเป็นสัดส่วน ที่สามารถเลือกได้ระหว่างเตียงขนาดคิงไซส์หรือเตียงคู่ ห้องนี้ยังมีตู้เสื้อผ้าแบบวอล์คอินที่กว้างขวาง และมีเซฟส่วนตัวเพื่อความปลอดภัยของสิ่งของมีค่า นอกจากนี้ คุณจะพบกับโทรทัศน์จอแบน 2 เครื่อง ระบบทีวีที่สามารถเชื่อมต่อกับดนตรีและภาพยนตร์ รวมถึงมินิบาร์ที่เตรียมไว้เป็นอย่างดีและตู้เย็น ห้องน้ำขนาดใหญ่มีอ่างอาบน้ำและฝักบัวแยกต่างหาก พร้อมด้วยผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพและความงามระดับหรู เสื้อคลุมอาบน้ำและรองเท้าแตะเพื่อความสะดวกสบาย และปลั๊กไฟที่รองรับทั้ง 110V และ 220V เพลิดเพลินกับการเขียนหรือทำงานที่โต๊ะเขียนหนังสือพร้อมกระดาษจดหมายพิเศษเพื่อความเป็นส่วนตัว เพื่อให้แน่ใจว่าการเข้าพักของคุณที่เพนท์เฮาส์แพนโทน ร่า เป็นประสบการณ์ที่หรูหราและไม่เหมือนใคร

เพนท์เฮาส์สวีทมีพื้นที่รวมประมาณ 527 ตารางฟุต (49 ตารางเมตร) รวมระเบียงขนาด 97 ตารางฟุต (9 ตารางเมตร) ห้องพักประกอบด้วยพื้นที่นั่งเล่นที่สะดวกสบายและระเบียงส่วนตัว พร้อมเตียงควีนไซส์หรือเตียงคู่ ห้องนอนแยกต่างหากมีตู้เสื้อผ้าแบบวอล์คอินและเซฟส่วนตัว ห้องน้ำกว้างขวางมีอ่างอาบน้ำและฝักบัวแยก พร้อมอ่างล้างหน้าใหญ่และผลิตภัณฑ์สุขภาพชั้นเลิศ สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องรวมถึงทีวีจอแบน 2 เครื่อง บาร์น้ำดื่มที่เต็มไปด้วยเครื่องดื่ม พร้อมตู้เย็น ที่ทำงานพร้อมเครื่องเขียนส่วนตัว เครื่องแต่งหน้า ชุดคลุมอาบน้ำ ฟองน้ำ และปลั๊กไฟ 110/220V นอกจากนี้ยังมีทีวีแบบอินเตอร์แอคทีฟ ที่มีเพลงและภาพยนตร์ให้เลือกชม ห้องเพนท์เฮาส์สวีทนี้จึงเป็นการหลีกหนีสู่ความหรูหราและสะดวกสบายในทุกๆ การเดินทางของคุณ

เพนท์เฮาส์สวีทการันตีเป็นห้องพักหรูที่ออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบายและความหรูหรา ภายในห้องมีพื้นที่กว้างขวางและแยกส่วนที่นอนอย่างมีสไตล์ พร้อมทั้งโต๊ะอาหารที่สามารถนั่งได้สองถึงสี่คน สำหรับการรับประทานอาหารที่มีเสน่ห์ นอกจากนี้ยังมีประตูแก้วที่เปิดสู่ระเบียง ซึ่งทำให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับวิวทะเลได้อย่างเต็มที่ ห้องพักนี้มาพร้อมกับทีวีจอแบนสองเครื่องเพื่อความบันเทิงอย่างต่อเนื่อง และบาร์ที่มีส่วนผสมครบครัน เพื่อให้คุณสามารถทำเครื่องดื่มในยามว่างได้ ห้องน้ำขนาดกว้างนั้นมีอ่างอาบน้ำ ห้องอาบน้ำ และโต๊ะเครื่องแป้งขนาดใหญ่ ที่ทำให้มั่นใจว่าจะได้รับประสบการณ์การเข้าพักที่น่าประทับใจและสะดวกสบายอย่างแท้จริง

ห้องสวีทระเบียงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการพักผ่อนในเรือสำราญ ขนาดห้องรวมประมาณ 355 ตารางฟุต (ประมาณ 33 ตารางเมตร) รวมระเบียงขนาด 75 ตารางฟุต (ประมาณ 7 ตารางเมตร) ห้องนี้มีพื้นที่นั่งเล่นที่สะดวกสบาย พร้อมเตียงขนาดควีนไซส์หรือเตียงเดี่ยวสองเตียง ห้องมีตู้เสื้อผ้าแบบ walk-in ขนาดใหญ่เพื่อเก็บสัมภาระการเดินทาง พร้อมทั้งตู้นิรภัยส่วนตัว และทีวีจอแบนที่สามารถเข้าถึงเพลงและภาพยนตร์ได้ นอกจากนี้ยังมีบาร์และตู้เย็นที่มีของเต็ม ตัวอย่างเช่น โต๊ะเขียนหนังสือที่มีเครื่องเขียนส่วนตัว และโต๊ะเครื่องแป้ง รวมถึงห้องน้ำกว้างขวางที่มีอ่างอาบน้ำและฝักบัว พร้อมด้วยอ่างล้างหน้าคู่ ชุดเสื้อคลุมอาบน้ำ รองเท้าแตะ และเต้ารับไฟฟ้าที่รองรับ 110/220V ห้องสวีทระเบียงจึงเป็นที่พักอันหรูหราที่มอบความสะดวกสบายและความเป็นส่วนตัวให้กับผู้เข้าพักในทุกการเดินทาง.

ห้องพักเวอรันดา สปาสวีทบนเรือ Seabourn Venture มอบประสบการณ์การเข้าพักที่แสนสะดวกสบายด้วยพื้นที่นั่งเล่นที่กว้างขวางและระเบียงส่วนตัว ชุดเตียงขนาดคิงไซส์หรือเตียงคู่ขนาดใหญ่ พร้อมตู้เสื้อผ้าแบบ walk-in และตู้นิรภัยส่วนตัว นอกจากนี้ยังมีโทรทัศน์ระบบอินเตอร์แอคทีฟที่ให้บริการเพลงและภาพยนตร์, บาร์และตู้เย็นที่จัดเตรียมอย่างเต็มที่, โต๊ะทำงานพร้อมอุปกรณ์เครื่องเขียนที่มีชื่อส่วนบุคคล, โต๊ะเครื่องแป้ง, ห้องน้ำขนาดใหญ่ที่มีอ่างอาบน้ำและฝักบัวแยก, เสื้อคลุมอาบน้ำและรองเท้าแตะเนื้อนุ่ม, ผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงามระดับหรู รวมถึงไดร์เป่าผมและปลั๊กไฟ 110/220V ห้องพักบนดาดฟ้า 7 ได้แก่ ห้อง 741 และ 743 โดยมีพื้นที่รวมประมาณ 355 ตารางฟุต (33 ตารางเมตร) รวมถึงระเบียงขนาด 75 ตารางฟุต (7 ตารางเมตร) ที่จะทำให้การพักผ่อนของคุณมีความพิเศษยิ่งขึ้น.

พื้นที่โดยประมาณ: 33 ตารางเมตร รวมระเบียงขนาด 7 ตารางเมตร ห้องชุดการรับประกันระเบียงบน Seabourn Venture มีพื้นที่นั่งเล่นที่สะดวกสบาย พร้อมระเบียงส่วนตัว มีเตียงขนาดควีนไซส์หรือเตียงคู่ขนาดทวิน ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่พิเศษที่เหมาะสำหรับอุปกรณ์การเดินทาง ตู้เซฟส่วนตัว ทีวีแบบฟลาตสกรีนที่มีเพลงและภาพยนตร์ บาร์และตู้เย็นที่จัดเตรียมไว้อย่างครบครัน โต๊ะเขียนหนังสือพร้อมอุปกรณ์เครื่องเขียนที่เป็นเอกลักษณ์ โต๊ะสำหรับแต่งหน้า ห้องน้ำขนาดกว้างขวางพร้อมอ่างอาบน้ำและฝักบัว เสื้อคลุมอาบน้ำฟูนุ่ม รองเท้าแตะ ไดร์เป่าผม และช่องไฟฟ้า 110/220V สำหรับการใช้งานต่างๆ ห้องชุดนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสความหรูหราและความสะดวกสบายระหว่างการเดินทาง.

ขออภัย ฉันไม่สามารถให้ข้อมูลที่คุณต้องการได้ในขณะนี้