
02-27217300
02-27217179
service@siloahtravel.com
Monday ~ Friday 09:00-18:00
14F.-3, No.137, Sec. 1, Fuxing S. Rd., Da’an Dist., Taipei City 106, Taiwan
Representative: Tung-Hua Tai
VAT: 43871553
交觀甲793500 品保北2260 隱私權條款
Copyright © 2025 Siloah Travel Co., Ltd.. All rights reserved.

Scenic Eclipse
Scenic Ocean Cruises


ท่าเรือบริจด์ทาวน์ในบาร์เบโดส เป็นที่ที่ท่านจะได้สัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความหลากหลาย ตั้งอยู่ข้างอ่าวธรรมชาติแห่งเดียวของเกาะ ท่านจะได้พบกับสถาปัตยกรรมที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างสมัยใหม่และยุคล่าอาณานิคม จนสร้างบรรยากาศที่โดดเด่นพร้อมด้วยชายหาดที่เรียงรายไปด้วยต้นปาล์ม ระหว่างการสำรวจเมืองนี้ ท่านจะได้พบกับอาคารรัฐสภาที่จัดสร้างในสไตล์อังกฤษ และประวัติศาสตร์ที่ถูกบันทึกไว้ในโบสถ์แองกลิกัน รวมถึงกองทัพบาร์เบโดสซึ่งมีอายุกว่า 200 ปี ทั้งยังสามารถดื่มด่ำกับวัฒนธรรมที่ผ่อนคลายและชีวิตชายหาดที่คึกคักได้อย่างเต็มที่ การเดินทางจากเรือไปยังยานพาหนะเพื่อเริ่มต้นการท่องเที่ยวอาจมีระยะทางที่แตกต่างกันไป แต่อย่าห่วง เพราะทุกช่วงเวลาในบริจด์ทาวน์แทบจะตื่นเต้นไปด้วยข้อเสนอสุดพิเศษที่รอคอยให้ท่านได้สัมผัส ซึ่งจะทำให้ทริปของท่านเป็นที่น่าจดจำไม่มีวันลืม กลับใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ที่บริจด์ทาวน์ สถานที่แสนประทับใจในบาร์เบโดส

ท่าเรือซูเฟรียร์ (Soufrière) ตั้งอยู่ในเซนต์ลูเชีย เป็นเมืองโบราณซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงอาณานิคมฝรั่งเศสที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1746 เมืองเล็กๆ นี้มีเสน่ห์ในตัวเอง โดยตั้งอยู่ใกล้ภูเขาไฟที่ชื่อเดียวกัน การเดินทางมายังท่าเรือซูเฟรียร์จะนำคุณไปสัมผัสกับมนตร์เสน่ห์ของอดีตที่ยังคงอยู่ ด้วยอาคารไม้ที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมอาณานิคมฝรั่งเศสและสร้างขึ้นล้อมรอบตลาดที่เต็มไปด้วยสีสัน เมื่อเรือสำราญจอดอยู่ในอ่าวซูเฟรียร์ คุณจะรู้สึกถึงความมีชีวิตชีวาที่เกิดขึ้นในตลาด โดยมีภาพวาดสีสันสดใสประดับอยู่ นี่เป็นโอกาสอันยอดเยี่ยมในการสำรวจความงดงามของธรรมชาติที่โดดเด่นของเซนต์ลูเชีย ทั้งภูเขาพิตอง (Pitons) ที่สูงตระหง่านและภูมิทัศน์ที่แสนร่มรื่น เช่น สวนพฤกษศาสตร์ น้ำตกที่สวยงาม รวมถึง "ภูเขาไฟขับรถเข้าได้" ที่ไม่ควรพลาด ซูเฟรียร์จึงเป็นจุดหมายที่ไม่เพียงแต่คุณจะได้ผ่อนคลาย แต่ยังสามารถสัมผัสวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่ลึกซึ้งของเซนต์ลูเชีย สัมผัสถึงความงดงามที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ ทั้งหมดนี้รอคอยให้คุณได้มาเยือนและสร้างความทรงจำใหม่ที่น่าจดจำในทุกมุมมองของการเดินทางของคุณ.

ท่าเรือ Port Elizabeth ใน Bequia คือจุดหมายที่น่าอัศจรรย์ในแถบแคริบเบียน เปรียบเสมือนสวรรค์ของนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสความงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างแท้จริง Bequia ซึ่งแปลว่า "เกาะแห่งหมอก" ได้รับการขนานนามว่าเป็นเกาะที่รุ่งเรืองที่สุดแห่งเกรนาดีนส์ โดยมีชายหาดทรายสีทองที่รอให้คุณค้นพบและเพลิดเพลินไปกับน้ำทะเลใสสะอาด ท่าเรือของ Port Elizabeth เป็นศูนย์กลางการเดินเรือที่สำคัญ นักท่องเที่ยวสามารถมาพักผ่อนและสัมผัสบรรยากาศของบาร์และร้านอาหารริมทะเลที่มีทั้งเมนูอาหารท้องถิ่นและของที่ระลึกทำมือ อาทิ เรือใบจำลองที่มีรายละเอียดปราณีตซึ่งถือเป็นสินค้าเด่นของ Bequia การเดินทางมายัง Bequia ก็แสนสะดวกสบาย มีบริการเรือเฟอรี่จาก St. Vincent และสนามบินที่ให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศ สุดพิเศษในช่วงวันอีสเตอร์ ยังมีการจัดงาน Regatta ที่เต็มไปด้วยสีสัน ด้วยการแข่งเรือ ขบวนพาเหรดอาหาร ดนตรี และการเต้นรำ เรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือน Bequia สถานที่ที่ผสมผสานความสงบสุขกับการผจญภัยได้อย่างลงตัว

เกาะเมย์รู (Mayreau) เป็นเกาะที่มีขนาดเล็กเพียง 1.5 ตารางไมล์ (3.9 ตารางกิโลเมตร) และเป็นเกาะที่มีประชากรอยู่มากที่สุดในหมู่เกาะเกรเนดีนส์ เกาะนี้ตั้งอยู่ในประเทศเซนต์ วินเซนต์ซึ่งตั้งอยู่ในทะเล Caribbean ที่สวยงาม โดยมีสองเกาะที่มีชื่อเสียงที่สุดในกลุ่มเกรเนดีนส์คือ มัสติค (Mustique) และเบคี (Bequia) ผู้มาเยือนส่วนใหญ่จะเดินทางมายังเกาะเมย์รูด้วยเรือสำราญ หรือเรือเฟอร์รี่ และยังมีบริการเรือยอชท์ให้เช่า เกาะนี้ปราศจากถนนหลักและสนามบิน มีเพียงหมู่บ้านชื่อว่า "หมู่บ้านที่ไม่มีชื่อ" แต่สิ่งนี้กลับทำให้บรรยากาศของเกาะนี้มีความสงบและเป็นธรรมชาติอย่างแท้จริง หนึ่งในจุดที่น่าสนใจคืออ่าวซาลีน (Saline Bay) ซึ่งมีชายหาดกว้างขวางที่สวยงาม และผู้ค้าในท้องถิ่นที่ขายเสื้อยืดและงานหัตถกรรมของท้องถิ่น อีกทั้งการเดินขึ้นไปยังหมู่บ้านบนเขาจะมอบทัศนียภาพอันงดงามที่สามารถมองเห็นเกาะเมย์รู ตูบาโกเคย์ (Tobago Cays) และเกาะแครีอากู (Carriacou) ด้วยความงดงามของทิวทัศน์และกิจกรรมดำน้ำตื้นที่นี่ เมย์รูจึงเป็นจุดหมายที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดในทริปนี้

ท่าเรือที่สวยงามสุดแห่งหนึ่งในเวสต์อินดีส ซันต์วินเซนต์ แอนด์ เดอะเกรนาไดนส์ นั่นคือ ท่าเรือโทบาโกเคย์ส (Tobago Cays) สถานที่ที่เป็นสวรรค์สำหรับนักท่องเที่ยวผู้หลงใหลในธรรมชาติและทะเลใส โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการดำน้ำดูปะการังและอุทยานทางทะเลที่หลากหลาย ท่าเรือนี้ตั้งอยู่ในเขตทะเลแคริบเบียน มีกลุ่มเกาะเล็ก ๆ ที่รายล้อมไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้าใสและทรายขาวบริสุทธิ์ การเดินทางมายังท่าเรือโทบาโกเคย์สเป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน นักท่องเที่ยวสามารถพายเรือคายัคหรือใช้งานบริการเรือสปีดโบ๊ทเพื่อสำรวจสันทรายและเกาะที่มีเอกลักษณ์ นอกจากนี้ยังมีโอกาสเห็นเต่าทะเลที่ว่ายน้ำผ่านไปมา ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว สำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบาย ท่าเรือโทบาโกเคย์สยังเต็มไปด้วยบริการที่ครบครัน ทั้งร้านอาหารท้องถิ่นที่มีอาหารทะเลสด ๆ พร้อมวิวทะเลที่งดงาม ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับการเดินทาง ครั้งหนึ่งคุณได้เยือนท่าเรือนี้ คุณจะรู้สึกถึงความซาบซึ้งในความงามของธรรมชาติและความผ่อนคลายที่ไม่สามารถหาได้จากที่ไหนในโลก มาร่วมเติมเต็มความฝันในการเดินทางของคุณที่โทบาโกเคย์ส และให้ตัวคุณได้สัมผัสกับความมหัศจรรย์แห่งแคริบเบียน!

เกาะคูราเซา (Curaçao) เป็นจุดหมายปลายทางที่งดงามแห่งหนึ่งในแคริบเบียน โดยเฉพาะที่ท่าเรือวิลเลมสตัด (Willemstad) ที่สะท้อนความงามของสถาปัตยกรรมโคโลเนียลซึ่งมีอายุย้อนกลับไปถึงศตวรรษที่ 17 ที่นี่คุณจะได้พบกับหลังคากระเบื้องสีแดงที่มีเอกลักษณ์ซึ่งสร้างขึ้นจากเรือสำเภา และยังคงความงดงามมาจนถึงปัจจุบัน วิลเลมสตัดแบ่งออกเป็นสองฝั่งหลัก ได้แก่ พุนดา (Punda) ที่เต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหาร รวมถึงพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องราวสีสันของประวัติศาสตร์ในขณะที่อีกฝั่งคือโอทรอแบนดา (Otrobanda) ซึ่งมีถนนแคบ ๆ พร้อมบ้านเรือนที่น่ารักและมีเอกลักษณ์ ส่วนใหญ่กำลังถูกฟื้นฟูให้มีชีวิตชีวาอีกครั้ง ผู้มาเยือนสามารถข้ามซานตาอันนาเบย์ได้หลายวิธี อาทิ ขับรถข้ามสะพานจูเลียนา หรือเดินข้ามสะพานลอยควีนเอ็มมา (Queen Emma) ที่มีชื่อเล่นว่า "โอลด์เลดี้" นอกจากนี้ ยังมีบริการเรือฟรีสำหรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย ด้วยการพัฒนาโรงแรมและร้านอาหารใหม่ ๆ ที่บริเวณริมทะเล ทำให้วิลเลมสตัดเป็นจุดหมายที่ไม่น่าเบื่อในการสัมผัสบรรยากาศที่เปี่ยมไปด้วยวัฒนธรรม ภูมิสถาปัตยกรรม และประวัติศาสตร์ที่น่าหลงใหล เป็นประสบการณ์การเดินทางที่คุณไม่ควรพลาด!
คาบอ เดอ ลา เวล่า (Cabo de la Vela) คือท่าเรือที่สวยงามและมีความเป็นเอกลักษณ์ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศโคลอมเบีย ที่นี่คือสถานที่ที่นักเดินทางสามารถสัมผัสกับทัศนียภาพที่งดงามของชายฝั่งทะเล แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญคือภูเขา "Punta de los Flechas" ที่ถูกยกย่องว่าเป็นจุดที่ดีที่สุดในการชมพระอาทิตย์ตกที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ การเดินทางมายังคาบอ เดอ ลา เวล่าไม่เพียงแต่ส่งคุณสู่ท่าเรือแห่งนี้ แต่ยังเปิดโอกาสให้ได้สัมผัสวัฒนธรรมที่แตกต่างจากหมู่บ้าน Wayuu ซึ่งมีวิถีชีวิตเรียบง่ายและการต้อนรับที่อบอุ่นจากคนในท้องถิ่น นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถสัมผัสกับความงามของทุ่งทะเลทรายที่อยู่ใกล้เคียง และเยือน "Salinas de Roca" ซึ่งเป็นไข่มุกธรรมชาติที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเล การล่องเรือที่คาบอ เดอ ลา เวล่า เป็นประสบการณ์ที่ควรค่าแก่การสัมผัส คุณจะได้พบกับกิจกรรมทางน้ำที่น่าตื่นเต้น ไม่ว่าจะเป็นการโต้คลื่นหรือการเจ็ตสกี ซึ่งทุกการเดินทางที่นี่เต็มไปด้วยความทรงจำที่ไม่อาจลืมเลือน เชิญทุกท่านมาสำรวจเสน่ห์แห่งโคลอมเบียที่คาบอ เดอ ลา เวล่าแล้วให้ใจของคุณติดตามไปกับความงามอันไร้ข้อจำกัดของธรรมชาติที่นี่!

คาร์ตาเฆน่า เป็นหนึ่งในเมืองที่งดงามที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลของประเทศโคลอมเบีย เมืองเก่าที่ถูกล้อมรอบด้วยกำแพงและป้อมปราการที่ได้รับการรับรองจากยูเนสโกเป็นมรดกโลก เป็นสถานที่ที่มีเสน่ห์และชีวิตชีวาเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ ความงามของจัตุรัส โบสถ์ และพิพิธภัณฑ์ ทำให้เมืองแห่งนี้กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่ผู้เดินทางไม่ควรพลาด เดิมที ก่อตั้งขึ้นในปี 1533 โดยนักล่าขุมทรัพย์ชาวสเปน เปโดร เด เฮรีเดีย คาร์ตาเฆน่าได้กลายเป็นท่าเรือเดียวในแผ่นดินใหญ่ของอเมริกาใต้ ที่นี่เคยเป็นศูนย์กลางการค้าทองคำและเงินที่ถูกปล้นมา สร้างความสนใจแก่โจรสลัด เช่น เซอร์ ฟรานซิส เดรก ที่เคยเข้ามาเผาเมืองในปี 1586 กำแพงที่ล้อมรอบนอกจากจะปกป้องทรัพย์สมบัติแล้ว ยังเป็นเสมือนหลักชัยของมนุษยธรรม ต่อมาเมืองนี้กลายเป็นตลาดทาสอัฟริกันที่สำคัญในยุคอาณานิคม ในปัจจุบัน คาร์ตาเฆน่ายังมีการพัฒนาโรงแรมและร้านอาหารใหม่ ๆ ซึ่งทำให้ย่านเมืองเก่ากลายเป็นสถานที่ที่น่าพักผ่อน สำหรับผู้ที่หลงใหลในวัฒนธรรมแบบโบฮีเมียน ย่านเกตเซมันีเป็นที่นิยมที่มีบรรยากาศจัดจ้าน สัมผัสความงดงามของชายหาดทรายสีเทาในเขตโบคากรานเด และสร้างความทรงจำที่ไม่มีวันลืมในเมืองที่มีเสน่ห์แห่งนี้ได้เลย

หมู่เกาะซานบลาส (San Blas Islands) ตั้งอยู่ท่ามกลางทะเลแคริบเบียน บริเวณชายฝั่งตะวันออกของโคลอน โดยประกอบไปด้วยเกาะเล็กและใหญ่ถึง 365 เกาะ มีเฉพาะประมาณ 50 เกาะที่มีผู้คนอาศัยอยู่ เรียกได้ว่าเป็นสรวงสวรรค์ที่ยังคงความบริสุทธิ์และวัฒนธรรมดั้งเดิมเต็มเปี่ยม ชาวคูนา (Kuna) ซึ่งเป็นชนเผ่าที่ปกครองดินแดนซานบลาส มีความภาคภูมิใจในประเพณีและภาษาท้องถิ่นของตน แม้จะได้รับอิทธิพลจากยุโรป หนึ่งในเกาะที่สำคัญคือเอล ปอร์เวนีร์ (El Porvenir) ซึ่งเป็นที่ตั้งของรัฐบาลของชาวคูนา ที่นี่คุณจะได้พบกับศิลปะและงานฝีมือดั้งเดิม โดยเฉพาะ “โมลา” (Mola) ซึ่งเป็นงานปักที่มีลวดลายสวยงาม และเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวเป็นของฝากที่ไม่ควรพลาด หญิงสาวในชุมชนสวมใส่เสื้อผ้าที่มีลวดลายพื้นบ้าน มีความโดดเด่นด้วยลวดลายเรขาคณิตและธรรมชาติ การมาเยือนหมู่เกาะซานบลาส นอกจากจะได้สัมผัสกับความสวยงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมที่หลากหลายแล้ว คุณยังสามารถเยี่ยมชมวิถีชีวิตที่แตกต่างและดื่มด่ำกับอารมณ์ของการเดินทางที่น่าจดจำ ที่นี่คือประตูสู่ประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ไม่เหมือนใครในโลกแห่งการเดินเรือสำราญ.






















ห้องสวีทเพนท์เฮาส์เจ้าของถือเป็นความหรูหราที่เหนือระดับอย่างแท้จริง ขนาดกว้างถึง 195 ตารางเมตร ตั้งอยู่บนดาดฟ้าที่ 9 ห้องนี้ให้คุณได้สัมผัสวิวที่ดีที่สุดจากบนเรือ พร้อมทั้งมีระเบียงส่วนตัวที่มีอ่างสปาและพื้นที่นั่งเล่นเพื่อความผ่อนคลาย ห้องนอนและห้องนั่งเล่นแยกออกจากกัน มีพื้นที่รับประทานอาหารที่สามารถรองรับแขกได้ถึงแปดคน ซึ่งจะทำให้การพักผ่อนของคุณเต็มไปด้วยความสะดวกสบาย อีกทั้งยังมีบริการบัตเลอร์ส่วนตัวที่คอยดูแลทุกความต้องการของคุณ ห้องน้ำขนาดใหญ่มีการออกแบบเพื่อความผ่อนคลายโดยเฉพาะ พร้อมฝักบัวไอน้ำคู่และอ่างสปาบำบัดที่จะช่วยให้คุณรู้สึกมีชีวิตชีวา นอกจากนี้ คุณจะได้รับสิทธิพิเศษในการจองร้านอาหารและกิจกรรมที่น่าสนใจ อีกทั้งการขึ้นเรือและลงเรือจะมีการดูแลเป็นพิเศษเพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการเดินทาง ห้องสวีทเพนท์เฮาส์เจ้าของยังมาพร้อมกับพื้นที่ระเบียงที่มีที่นั่งอาบแดด และสามารถเปลี่ยนเป็นที่นอนสำหรับการพักผ่อนอย่างแท้จริง สินค้าภายในห้องมีบริการไวน์ แชมเปญ และเครื่องดื่มอื่นๆ ตามความชอบของแขก พร้อมของว่างและขนมที่ถูกจัดส่งถึงห้อง มอบความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านอย่างแท้จริงสำหรับการเดินทางอันหรูหราในครั้งนี้










สัมผัสประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครในพานอรามา & แกรนด์พานอรามาสวีท บนเรือสำราญ Scenic Eclipse ซึ่งตั้งอยู่ที่ดาดฟ้าที่ 6 และ 8 ของเรือ สวีทที่งดงามเหล่านี้มีระเบียงโค้งที่กว้างขวาง เหมาะสำหรับการชมทัศนียภาพของสัตว์ป่าและภูมิทัศน์ที่น่าทึ่ง เมื่ออยู่ภายในสวีทขนาด 105-110 ตารางเมตร นี้ บรรยากาศของความหรูหราและสไตล์จะถูกยกระดับไปอีกขั้น สวีทนี้ประกอบด้วยห้องนั่งเล่นแยกและห้องนอนที่มีการออกแบบอย่างมีเอกลักษณ์ พร้อมบริการบัตเลอร์ที่คอยจัดเตรียมเครื่องดื่มและอาหารในสวีทของคุณ มีสถานที่ให้พักผ่อนภายในห้องนั่งเล่นที่คุณสามารถอ่านอีบุ๊กจากห้องสมุดในสวีท ขณะที่ยังได้สัมผัสการรับประทานอาหารในบรรยากาศที่เป็นส่วนตัว ภายในห้องนอนคุณยังสามารถเข้าถึงวิวด้านนอกผ่านหน้าต่างระเบียงที่สามารถลดลงได้ ด้วยการกดปุ่มเพียงปุ่มเดียว ห้องน้ำที่หรูหราในพานอรามาสวีทมีเครื่องอาบน้ำแบบหมอกมีสีสัน อ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ และอ่างคู่พร้อมอุปกรณ์วีไอพี สำหรับความสะดวกสบายที่เหนือระดับ พิเศษยิ่งขึ้นคือการบริการด้านการจองและการเข้าถึงที่สะดวกสบายในร้านอาหารรวมถึงการเลือกกิจกรรมสำรวจที่สามารถทำได้ที่ท่าเรือ รองรับประสบการณ์การพักผ่อนที่ดีที่สุด พร้อมด้วยระเบียงที่กว้างขวางและการบริการที่เป็นส่วนตัว สัมผัสความพิเศษในพานอรามา & แกรนด์พานอรามาสวีท เพื่อการเดินทางที่เต็มไปด้วยความทรงจำอันหรูหรา














สปาสวีทของเราเป็นที่พักที่ให้ความหรูหราและความสงบสุขอย่างสูงสุด หลังจากวันที่เต็มไปด้วยกิจกรรมที่น่าตื่นเต้น คุณจะได้กลับมาผ่อนคลายที่ห้องส่วนตัวของคุณ ซึ่งมีพื้นที่ขนาด 46-50 ตารางเมตร ตั้งอยู่บนดาดฟ้า 8 และ 9 ห้องนี้ประกอบไปด้วยพื้นที่นอนที่แยกต่างหากพร้อมเตียงขนาดคิงไซส์ชนิดสลัมเบอร์ที่ออกแบบมาอย่างดี มีพื้นที่นั่งเล่นและระเบียงส่วนตัวเพื่อให้คุณได้เพลิดเพลินกับวิวที่งดงาม ในพื้นที่สปา คุณสามารถสัมผัสความหรูหราของอ่างอาบน้ำที่ออกแบบโดย Philippe Starck หรืออ่างอาบน้ำทรงกลมที่มองเห็นจากระเบียงให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับสายลมทะเล พร้อมน้ำอุ่นที่เตรียมโดยบัตเลอร์ส่วนตัวและแก้วแชมเปญในมือ เพลิดเพลินกับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ ระเบียงส่วนตัวของคุณเป็นสถานที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนและเชื่อมต่อกับธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการชมสัตว์ป่าหรือละลานตากับทิวทัศน์อันงดงาม ห้องพักยังมีบริการพิเศษมากมาย เช่น บัตเลอร์ส่วนตัว บริการซักรีดฟรี และบริการจัดสำรองโต๊ะอาหาร พร้อมทั้งระบบควบคุมอุณหภูมิที่ทันสมัย ทำให้คุณได้รับอากาศสดชื่นเต็มที่ สปาสวีท เป็นที่พักในฝันของนักท่องเที่ยวที่แสวงหาความหรูหราและความสะดวกสบายในการเดินทางทางทะเล




ห้องสวีทแกรนด์ดีลักซ์ระเบียงเป็นที่ซ่อนตัวส่วนตัวของคุณที่มีขนาดกว้างขวาง ตั้งอยู่บนดาดฟ้า 5 ถึง 8 มีขนาดตั้งแต่ 32 ถึง 34 ตารางเมตร ตกแต่งด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสุดหรู อาทิเช่น เตียงคิงไซส์นุ่มสบาย พร้อมเมนูหมอน เลานจ์สำหรับพักผ่อนหลังจากการสำรวจโลกใหม่ๆ ในแต่ละวัน คุณจะได้สัมผัสวิวที่งดงามจากระเบียงส่วนตัวที่เปิดออกด้วยประตูกระจกบานเลื่อนสูงจากพื้นจดเพดาน ให้คุณได้ชมวิวทะเลและโลกใต้น้ำที่น่าประทับใจ สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องประกอบด้วย ห้องน้ำส่วนตัวที่มีฝักบัวและอ่างล้างหน้า พร้อมด้วยผลิตภัณฑ์ในห้องน้ำสุดหรู เครื่องอบผม Dyson ระบบควบคุมอุณหภูมิและการระบายอากาศที่ทันสมัย เพื่อให้อากาศสดใหม่ 100% และความเงียบสงบสูงสุดตามมาตรฐานของสถาบัน Bureau Veritas นอกจากนี้ ห้องสวีทยังมีบริการบัตเลอร์ส่วนตัว บาร์ขนาดเล็กฟรีที่มีไวน์ แชมเปญ และเครื่องดื่มตามที่คุณชอบ รวมถึงกาแฟ illy และชาสูตรพิเศษที่เติมเต็มทุกวัน สร้างประสบการณ์การพักผ่อนที่เหนือกว่าให้กับคุณในทุกๆ ช่วงเวลา.









ระเบียงและห้องสวีทระเบียงแบบหรูที่กว้างขวางของเราได้รับการออกแบบอย่างรอบคอบโดยมีประตูบานเลื่อนกระจกจากพื้นถึงเพดานที่เปิดออกสู่ระเบียงหรือเฉลียงส่วนตัว ให้คุณได้ผ่อนคลายในพื้นที่นั่งเล่นแยกต่างหากพร้อมด้วยเครื่องดื่มที่คุณเลือก ขนาดห้องอยู่ระหว่าง 32 - 34 ตารางเมตร ตั้งอยู่บนดาดฟ้าที่ 5 ถึง 8 ทุกห้องสวีทมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่หรูหราที่สุด เช่น เตียงคิงไซส์ที่นุ่มสบาย, เมนูหมอน และพื้นที่นั่งเล่นที่ให้คุณได้พักผ่อนหลังจากวันแห่งการค้นพบ ดื่มด่ำกับการชมวิวจากหน้าต่างสู่โลกกว้าง ห้องสวีทที่กว้างขวางและออกแบบอย่างมีสไตล์นี้มีประตูบานเลื่อนกระจกที่เปิดออกสู่ทิวทัศน์ที่สวยงามงดงามของทะเลและชีวิตทางทะเล ระเบียงหรือเฉลียงส่วนตัวของคุณคือสถานที่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับการผ่อนคลายในขณะที่คุณสังเกตโลกใหม่ที่เคลื่อนที่ไป ห้องสวีทนี้ยังมาพร้อมกับบริการผู้ช่วยส่วนตัว, มินิบาร์ที่มีไวน์, แชมเปญ และสุราที่เติมให้ตรงตามความชอบของคุณ รวมถึงกาแฟอิลลี่และชาเฉพาะที่เติมให้ใหม่ทุกวัน, ระบบเสียง HDTV และลำโพง Bose® นอกจากนี้ยังมีระบบเครื่องปรับอากาศที่ทันสมัยเพื่อให้คุณได้รับอากาศบริสุทธิ์ 100% และการป้องกันเสียงที่ดีที่สุดตามมาตรฐานเกรดของสังคมทางทะเล Bureau Veritas ครบครันด้วยบริการที่เหนือระดับเพื่อการพักผ่อนที่ไม่มีที่สิ้นสุด