
02-27217300
02-27217179
service@siloahtravel.com
Monday ~ Friday 09:00-18:00
14F.-3, No.137, Sec. 1, Fuxing S. Rd., Da’an Dist., Taipei City 106, Taiwan
Representative: Tung-Hua Tai
VAT: 43871553
交觀甲793500 品保北2260 隱私權條款
Copyright © 2025 Siloah Travel Co., Ltd.. All rights reserved.

เรือสำราญ Scenic Jewel
Scenic



โคโลญ (Cologne) เป็นเมืองที่มีเสน่ห์และประวัติศาสตร์อันยาวนานในเยอรมัน ตั้งอยู่ริมแม่น้ำไรน์ และเป็นหนึ่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศนี้ มีอายุกว่า 2,000 ปี และถือเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมที่สำคัญของภูมิภาค เมืองโคโลญเป็นที่รู้จักกันดีจากสัญลักษณ์ที่เด่นชัดที่สุดคือมหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral) ที่ตั้งตระหง่านคู่ระหว่างตึกเก่าในย่านเก่า (Old Town) เมื่อมาเยือนย่านเก่า นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดที่จะสัมผัสประสบการณ์เยี่ยมชมศาลากลางเก่า (Old Town Hall) และโบสถ์โรมันเซนต์มาร์ติน (Great St Martin) นอกจากนี้ยังมีตำแหน่งอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น โมเสคดีโอโนซัส (Roman Dionysus mosaic) และบ้านโอเวอร์สโทลเซน (Overstolzenhaus) ซึ่งเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ที่ควรค่าแก่การค้นหาด้วย อีกหนึ่งจุดหมายที่โดดเด่นในโคโลญคือสะพานโฮเฮนโซลเลิร์น (Hohenzollern Bridge) ที่ซึ่งคู่รักทั้งจากในเมืองและนักท่องเที่ยวต่างนิยมมาทำพิธีผูกสัมพันธ์โดยการติดล็อกที่ราวสะพาน แล้วทิ้งกุญแจลงสู่แม่น้ำไรน์ เพื่อหวังความรักที่ยืนยาวอย่างมั่นคง การแสดงคาบาเร่ต์และวัฒนธรรม LGBTQ+ ที่เปิดเผยของเมืองนี้ ยังเพิ่มสีสันและความหลากหลายให้กับประสบการณ์การเยี่ยมชมโคโลญอีกด้วย มาประสบการณ์ความงดงามแห่งวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และความรักในโคโลญแล้วคุณจะหลงใหลไม่รู้ลืม!

เมืองบอนน์ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำไรน์กลางประเทศเยอรมนี เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าค้นหาสำหรับนักท่องเที่ยวที่แสวงหาความสง่างามและวัฒนธรรม เมืองนี้เคยเป็นเมืองหลวงของประเทศเยอรมนีตะวันตก ได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งวรรณกรรมและมีชื่อเสียงจากการเป็นบ้านเกิดของนักประพันธ์ชื่อดังอย่าง ลุดวิก ฟาน เบโธเฟน เมื่อเรือสำราญแวะจอดที่ท่าเรือบอนน์ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าชมสถานที่สำคัญต่าง ๆ เช่น พิพิธภัณฑ์เบโธเฟน ที่ให้คุณได้สัมผัสชีวิตและผลงานของนักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่ และสวนพฤกษศาสตร์ที่สวยงาม เต็มไปด้วยดอกไม้นานาพรรณ นอกจากนั้น เมืองบอนน์ยังมีตลาดเก่าที่มีชีวิตชีวาและร้านค้าโบราณซึ่งขายของที่ระลึกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อย่าลืมลิ้มลองความอร่อยของอาหารพื้นเมืองหรือชิมเบียร์เยอรมันแท้ที่นี่อีกด้วย สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินทางเพื่อสัมผัสความงามทางธรรมชาติ สามารถนั่งเรือสำราญไปตามแม่น้ำไรน์และชมทัศนียภาพสองฝั่งที่มีปราสาทโบราณและไร่องุ่นเรียงราย สร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำและยากที่จะลืมเลือนสำหรับทุกคนที่มาเยือนบอนน์


เมื่อคุณตั้งใจที่จะสำรวจความสวยงามของประเทศเยอรมนี ท่าเรือ Rüdesheim ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่น่าหลงใหล การเดินทางสู่เมืองนี้เป็นการเปิดประตูสู่เสน่ห์ของแคว้นไรน์ ซึ่งเป็นที่รู้จักด้วยภูมิทัศน์ที่งดงามของหุบเขาไรน์ที่เต็มไปด้วยไร่องุ่นประดับประดาไปด้วยปราสาทโบราณและหมู่บ้านที่น่ารัก Rüdesheim ตั้งอยู่ริมแม่น้ำไรน์ ต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยหมู่บ้านที่มีเอกลักษณ์ ด้วยสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมและถนนที่มีชีวิตชีวา คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศสุดคลาสสิกที่เต็มไปด้วยสีสัน เช่น การชิมไวน์รสเลิศจากไร่องุ่นที่มีชื่อเสียง คุณสามารถเยือน Drosselgasse ถนนแคบๆ ที่เต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหาร มีเสียงเพลงโฟล์คที่เชิญชวนให้คุณดื่มด่ำไปกับความสุข นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด เช่น การนั่งรถสายลอยฟ้าข้ามแม่น้ำไรน์ไปยังยอดเขานอกจากนี้การสำรวจปราสาทโบราณที่ตั้งตระหง่านอยู่เหนือภูเขา จะทำให้คุณได้ซึมซับประวัติศาสตร์อันล้ำค่า ด้วยบรรยากาศที่อบอุ่นและมนต์เสน่ห์ของท่าเรือ Rüdesheim มันคือสถานที่ที่เปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจ พร้อมนำคุณเข้าสู่การเดินทางที่น่าประทับใจและความทรงจำที่ยากจะลืมเลือนในเส้นทางการสำรวจยุโรปของคุณ.

มิลเทนแบร์ก เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในบาวาเรีย ทางตอนใต้ของประเทศเยอรมนี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำไมน์ เมืองนี้เติบโตจากรากฐานในยุคกลางผ่านการปลูกองุ่น การค้าไวน์ การประมง และการเดินเรือ จนกลายเป็นเมืองที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ได้อย่างสวยงามในปัจจุบัน เมื่อคุณมาที่มิลเทนแบร์ก อย่าพลาดที่จะเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เมืองมิลเทนแบร์ก ซึ่งตั้งอยู่ในอาคารไม้ครึ่งหลังที่เรียกว่า “อัลเต อัมต์สเคลเลอรี” ที่นี่คุณจะได้สัมผัสกับประวัติศาสตร์ของเมืองผ่านการจัดแสดงวัตถุที่สะท้อนวัฒนธรรมไปจนถึงยุคโรมัน นอกจากนี้ การเยี่ยมชมปราสาทมิลเทนแบร์กซึ่งมีประวัติยาวนานตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 ก็เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ ไม่เพียงแต่คุณจะได้ชื่นชมสถาปัตยกรรมโบราณ แต่ยังสามารถเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เบิร์กมิลเทนแบร์ก ซึ่งจัดแสดงผลงานศิลปะคลาสสิคและร่วมสมัยในบรรยากาศที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ยอดหอคอยของปราสาทซึ่งสูงถึง 27 เมตร เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการผ่อนคลายและดื่มด่ำกับวิวทิวทัศน์แสนงดงามของหุบเขาไมน์ที่อยู่เบื้องล่าง ช่วงเวลาอันสงบสุขที่นี่จะทำให้คุณรู้สึกหลงใหลในเสน่ห์ของมิลเทนแบร์กอย่างแท้จริง

เวิร์ธไฮม (Wertheim) เป็นเมืองท่าเรือเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำมายน์ในประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความงดงามทางธรรมชาติ พร้อมด้วยประวัติศาสตร์อันหลากหลายที่รอให้คุณได้ค้นพบ จากจุดนี้ คุณสามารถขึ้นเรือสำราญและสัมผัสประสบการณ์การเดินทางที่หรูหราในระหว่างการสำรวจแหล่งท่องเที่ยวอันน่าหลงใหล เมืองเวิร์ธไฮมเป็นที่รู้จักด้วยสถาปัตยกรรมแบบโบราณที่ลงตัว โดยเฉพาะปราสาทเวิร์ธไฮมที่ตั้งอยู่บนเนินเขา ซึ่งสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 และตอนนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองแห่งนี้ การเดินเล่นในย่านเมืองเก่าที่มีบ้านเรือนยุคกลางที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปในอดีต นอกจากนี้ ผู้เยี่ยมชมยังสามารถสำรวจวัฒนธรรมท้องถิ่นโดยการชิมไวน์ท้องถิ่นซึ่งมีชื่อเสียงมากในแถบนี้ หรือเข้าร่วมงานเทศกาลประจำปีที่จะทำให้คุณได้สัมผัสบรรยากาศของการเฉลิมฉลองอย่างแท้จริง เวิร์ธไฮมจึงเป็นจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่กำลังมองหาประสบการณ์ที่แตกต่างและล้ำค่าในการเดินทางไปบนเรือสำราญ พร้อมกับประสบการณ์วัฒนธรรมที่เข้มข้นในเยอรมนี

วือซบวร์ก เมืองอันงดงามในแคว้นบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำไมน์ สลับซับซ้อนด้วยสถาปัตยกรรมบาโรกที่หรูหราและไวน์ฟรังโกเนียนที่เป็นเอกลักษณ์ เมืองนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าหลงใหลมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระราชวังเรสซิเดนซ์ ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก โดดเด่นด้วยบันไดอันวิจิตร ภาพเขียนประดับขนาดใหญ่ และห้องโถงอันโอ่อ่า เมื่อเดินทางมายังวือซบวร์ก ต้องไม่พลาดปราสาทเฟสตุง มาริอ์เบิร์ก ซึ่งตั้งตระหง่านโดดเด่น ให้มุมมองที่งดงามของเมืองและแม่น้ำ นอกจากนี้สะพานเก่าแก่ Alt Mainbrücke ยังเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมในการชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่น่าตื่นตาตื่นใจอีกด้วย สำหรับคนรักไวน์ วือซบวร์กมีโรงกลั่นไวน์มากมายพร้อมทั้งนำเสนอการทัวร์และชิมไวน์ เรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมการทำไวน์ในบรรยากาศสบายๆ ที่ยังคงรักษาภูมิทัศน์ดั้งเดิมของอาหารบาวาเรียน เช่น ซุปไวน์ กีรัปฟ์เตอร์ (ชีสทา) และเซาเออร์บราตัน (เนื้อวัวตุ๋นในไวน์) ที่ทานคู่กับไวน์ท้องถิ่น วือซบวร์กเป็นจุดหมายปลายทางที่ลงตัวสำหรับผู้ที่ต้องการปลดปล่อยจิตวิญญาณแห่งการเดินทางและสัมผัสวัฒนธรรมอันงดงามของเยอรมนีอย่างแท้จริง

บัมแบร์ก (Bamberg) คือเมืองอันงดงามในประเทศเยอรมนี ตั้งอยู่บนภูมิประเทศที่ประกอบด้วยเจ็ดเขา และที่จุดบรรจบของแม่น้ำเรกนิทซ์และไมน์ เมืองนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก โดยเฉพาะย่านเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยอาคารที่มีอายุตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 ที่นี่มักดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาชมสัญลักษณ์ที่โดดเด่นอย่างศาลากลาง (Altes Rathaus) ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำเรกนิทซ์ โดยมีภาพจิตรกรรมฝาผนังสวยงามให้ได้ชม อีกหนึ่งจุดหมายที่น่าสนใจคือบัมแบร์กคาประตู (Bamberg Cathedral) ที่มี 4 หอคอยและการแกะสลักหินอันละเอียดอ่อน เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์ หากคุณต้องการสัมผัสวิถีชีวิตของเมือง สามารถแวะไปที่เขตตลาดสวน โดยมีบ้านประวัติศาสตร์ที่เคยเป็นที่ปลูกและส่งออกผลผลิต เช่น หัวหอม และลูกไลเซอรีซ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการช้อปปิ้ง บัมแบร์กยังมีร้านค้าเก๋ๆ เจ้าของท้องถิ่นตั้งอยู่ในบรรยากาศเก่าแก่ที่มีเสน่ห์ และเมื่อสิ้นสุดวัน อย่าลืมแวะไปสัมผัสเบียร์เยอรมันรสเลิศที่ผับเบียร์ของเมือง ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่ามีโรงเบียร์ดั้งเดิมถึง 9 แห่ง ค้นพบมนต์เสน่ห์ของบัมแบร์กและให้ความใฝ่ฝันในการเดินทางมาสัมผัสเมืองอันมีชื่อเสียงนี้!

นูเร็มเบิร์ก คือ เมืองในยุคกลางที่ตั้งอยู่ในภาคเหนือของบาวาเรีย ประเทศเยอรมัน และเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของบาวาเรีย เมืองนี้มีเอกลักษณ์ด้วยอาคารหลังคาแดงและสถาปัตยกรรมยุคกลางที่งดงาม ปราสาทจักรพรรดิที่ตั้งอยู่บริเวณเหนือเมืองเคยเป็นหนึ่งในป้อมปราการที่สำคัญที่สุดของจักรวรรดิโรมัน สำหรับผู้ที่หลงใหลในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เยอรมันนิชเนชันแนลมิวเซียม (Germanisches Nationalmuseum) คือ แหล่งเรียนรู้ที่สำคัญ มูลนิธินี้เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ประวัติวัฒนธรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ใช้ภาษาเยอรมัน โดยมีนิทรรศการที่หลากหลายตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ไปจนถึงปัจจุบัน การเดินเที่ยวชมเมืองแบบเดินเท้าจะทำให้คุณได้พบกับน้ำพุ สระว่ายน้ำ โบสถ์ และสมบัติศิลปะที่น่าสนใจ พร้อมเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์สีสันและวัฒนธรรมอันหลากหลายของเมืองนี้โดยละเอียด นอกจากนี้ยังมีตลาดคริสต์มาสที่เก่าแก่ที่สุดในเยอรมัน นูเร็มเบิร์ก คริสต์กิ้นเดิ้ลสมัต (Nuremberg Christkindlesmarkt) ที่จะทำให้คุณสามารถหาซื้อของตกแต่งมือทำและสัมผัสรสชาติของขนมขิง ไวน์อุ่น และไส้กรอกย่างจากร้านที่ตั้งเรียงรายกว่า 180 ร้าน เตรียมพร้อมที่จะให้ความรู้สึกอัศจรรย์ในการเดินทางสู่เมืองที่มีเสน่ห์นี้ ที่จะรายล้อมไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่!

เรเกนสบูร์ก เป็นเมืองเก่าแก่อยู่ในบาวาเรีย ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเยอรมนี ตั้งอยู่ที่ปากแม่น้ำดานูบ ที่ซึ่งไหลมาบรรจบกับแม่น้ำเรเกนและนาอ์บ เมืองนี้มีชื่อเสียงโด่งดังจากสะพานหินสมัยศตวรรษที่ 12 ที่มี 16 โค้ง ซึ่งข้ามแม่น้ำดานูบเข้าสู่เมืองเก่า ถือเป็นสะพานที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ในเยอรมนี สถาปัตยกรรมที่เด่นของเรเกนสบูร์กคือมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ สไตล์โกธิก ซึ่งมีคู่ยอดแหลมสูงชะลูดที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองที่มีความงดงาม สถานที่สำคัญอื่นๆ เช่น ประตูโรมันโบราณจากศตวรรษที่ 2 และพระราชวังทูนและทักซิสสมัยศตวรรษที่ 18 จะทำให้คุณดื่มด่ำไปกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่สืบทอดมาช้านาน นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับอุทยานและสวนสาธารณะที่ล้อมรอบ รวมถึงเส้นทางเดินและจักรยานริมน้ำที่มอบความสงบและความสุขให้แก่การเดินทางในเมืองโบราณแห่งนี้ ขอบอกเลยว่าเรเกนสบูร์ก คือจุดหมายปลายทางที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ สำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันลึกซึ้งของเยอรมนีอย่างแท้จริง

เมืองพาสเซา ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเยอรมนีติดกับชายแดนออสเตรีย เป็นจุดที่แม่น้ำสามสาย ได้แก่ ดานูบ อินน์ และอิลซ์ มาบรรจบกัน ซึ่งมักเรียกกันว่า "เมืองสามแม่น้ำ" แหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดในพาสเซาคือพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่และพิพิธภัณฑ์แก้ว ที่นำเสนอผลงานสร้างสรรค์ในบรรยากาศที่แตกต่าง ย่านเมืองเก่าของพาสเซา เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงาม เช่น ปราสาทเฟสเต้ โอเบอร์เฮาส์ และมหาวิหารเซนต์สตีเฟน ที่มีความสวยงามตระการตา สร้างบรรยากาศที่โรแมนติกสำหรับการเดินสำรวจริมแม่น้ำและซอยเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ พาสเซายังเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมที่มีชีวิตชีวา โดยมีการแสดงละครและคาบาเรต์ที่เชิญชวนให้ทุกคนได้สัมผัสความสนุกสนานที่โรงละครเก่าของเจ้าชายบิชอป รวมถึงเมนูอาหารท้องถิ่นในร้านอาหารบาวาเรียและออสเตรียที่อบอุ่นเต็มไปด้วยรสชาติที่สืบทอดจากวัฒนธรรมดั้งเดิม อย่าพลาดที่จะมาเยือนเมืองอันสวยงามแห่งนี้ ซึ่งเป็นจุดหมายที่สัมผัสได้ถึงความรื่นรมย์ของศิลปะ ประวัติศาสตร์ และธรรมชาติที่ผสมผสานอย่างลงตัว!

ท่าเรือชลเกิน (Schlögen) ตั้งอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์เหนือริมแม่น้ำดานูบ เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความงดงามของธรรมชาติที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ที่นี่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับทิวทัศน์อันสวยงามของภูเขาและธรรมชาติที่ยังคงความบริสุทธิ์ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ยามพระอาทิตย์ตก ซึ่งจะทำให้พวกเขาหลงใหลในความโรแมนติกของบรรยากาศรอบๆ นอกจากการล่องเรือ ณ ท่าเรือนี้แล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถสำรวจเส้นทางเดินป่าที่รายล้อมด้วยต้นไม้เขียวขจี ธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของชลเกินถือเป็นที่ตั้งของกิจกรรมต่างๆ เช่น การปั่นจักรยาน ท่องเที่ยวด้วยเรือสำราญ หรือแม้แต่การเยี่ยมชมไร่องุ่นที่มีชื่อเสียง อาทิเช่น ไร่องุ่นชลเกินที่ผลิตไวน์ชั้นเลิศที่ควรลิ้มลอง หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ฝากความฝันไว้กับการเดินทาง ท่าเรือชลเกินจะเป็นจุดเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบสำหรับการค้นพบประสบการณ์ใหม่ๆ ในออสเตรีย สร้างแรงบันดาลใจและความปรารถนาในการเดินทางไปยังสถานที่ที่สวยงามแห่งนี้ได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ดือร์นสไตน์ (Dürnstein) เมืองเล็กที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของออสเตรีย ริมฝั่งแม่น้ำดานูบ เป็นส่วนหนึ่งของสถานที่มรดกโลกและภูมิภาคไวน์วาคาอู (Wachau) ที่มีชื่อเสียง ด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบและธรรมชาติที่งดงาม ทำให้ดือร์นสไตน์กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวคอไวน์ไม่ควรพลาด บรรดานักชิมสามารถสนุกไปกับการชิมไวน์และเข้าพักในไร่องุ่นที่มีชื่อเสียงหลากหลายแห่ง นอกจากนี้ การเดินสำรวจเมืองยังเป็นกิจกรรมที่สนุกสนาน เพราะมีเส้นทางเดินป่าที่สวยงามอยู่ทั่วถึง ช่วยให้ท่านได้สัมผัสวิวที่น่าตื่นตาตื่นใจของหุบเขาดานูบ เด็ก ๆ ก็สามารถสนุกไปกับการเล่นในพื้นที่กลางแจ้ง ซึ่งมีสนามเด็กเล่นและเส้นทางธีมให้สำรวจ ขณะเดียวกัน สระว่ายน้ำกลางแจ้งที่มีน้ำอุ่นเฉลี่ย 23 องศาเซลเซียส อย่าง Kuenringerbad ก็เป็นกิจกรรมที่ตอบโจทย์ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ สำหรับผู้ที่ต้องการมุมมองที่น่าประทับใจ สามารถเลือกขึ้นเฮลิคอปเตอร์ชมวิวเมืองจากมุมสูง หรือจะเดินขึ้นเขาสำรวจซากปราสาทดือร์นสไตน์ก็เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่น่าค้นหา เมืองนี้คือป้อมปราการในอดีตที่มีความงามจากธรรมชาติรอบตัว รอให้คุณมาเยี่ยมชมและสัมผัสเสน่ห์ของออสเตรียอย่างแท้จริง

เมืองเครมส์ (Krems an der Donau) ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของออสเตรีย เป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่ท่องเที่ยวโดยเรือสำราญ ด้วยทำเลที่ตั้งบนริมฝั่งแม่น้ำดานูบและอยู่ห่างจากกรุงเวียนนาเพียง 70 กิโลเมตร เครมส์เป็นหนึ่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในหุบเขาวาคาว (Wachau Valley) และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับประวัติศาสตร์ที่มีมากกว่า 1,000 ปี ผ่านทางถนน ซอย วัด และปราสาทที่ยังคงความงดงาม นอกจากนี้ เมืองนี้ก็มีความร่วมสมัยในการจัดแสดงศิลปะทันสมัยและวรรณกรรมสร้างสรรค์ กิจกรรมเดินชมเมืองที่ได้รับความนิยมจะพาท่านไปสำรวจย่านเก่าแก่ของเครมส์ รวมถึง "Art Mile" และพิพิธภัณฑ์เครมส์ (Museum Krems) ที่จะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเมือง นอกจากนี้ ความหลากหลายของอาหารและเครื่องดิ่มก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาด โดยร้านอาหารและบาร์ไวน์ที่ตั้งอยู่ในอาคารประวัติศาสตร์จะมอบประสบการณ์การรับประทานอาหารและชิมไวน์ที่น่าจดจำ นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับบรรยากาศอันอบอุ่นและการต้อนรับจากชาวเมือง ทำให้เครมส์เป็นจุดหมายที่น่าจดจำในทริปท่องเที่ยวของคุณ


เมืองโมฮาช (Mohács) ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำดานูบในประเทศฮังการี เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสำรวจประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่หลากหลาย ที่นี่ไม่เพียงแต่เป็นท่าเรือที่เรือสำราญแวะจอด ยังเป็นศูนย์กลางการเดินทางไปยังสถานที่สำคัญต่างๆ โมฮาชมีชื่อเสียงจากการเป็นสถานที่เกิดเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่เรียกว่า "การสู้รบที่โมฮาช" ในปี ค.ศ. 1526 ซึ่งเป็นการต่อสู้ที่ส่งผลให้จักรวรรดิโรมาเนียแตกสลาย นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมอนุสรณ์สถานที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์นี้และสัมผัสบรรยากาศของเมืองที่มีเสน่ห์ ถัดจากท่าเรือ คุณยังสามารถเดินทางไปยังด่านวัฒนธรรมการทำฟาร์มโบราณ ซึ่งเผยให้เห็นวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของชาวฮังการีในอดีต ยิ่งไปกว่านั้น เมืองนี้ยังมีอาหารอร่อยๆ และไวน์เลิศรสให้ลิ้มลอง โดยเฉพาะพริกไทยและไวน์ท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เมื่อย่างก้าวในโมฮาช คุณจะได้สัมผัสกับทั้งประวัติศาสตร์และความงดงามของวัฒนธรรมฮังการีอย่างแท้จริง ที่นี่ซ่อนเร้นไปด้วยเสน่ห์ที่รอให้คุณค้นพบ พร้อมที่จะให้เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางที่น่าประทับใจในชีวิตของคุณ

ยินดีต้อนรับสู่โอซิยีก (Osijek) เมืองที่มีเสน่ห์แห่งประเทศโครเอเชีย เมืองนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำดานูบ (Danube) และเป็นที่รู้จักในฐานะเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และความงดงามทางธรรมชาติ นักท่องเที่ยวที่มาเยือนจะได้พบกับสถาปัตยกรรมสวยงามแบบบาร์อคและนีโอคลาสสิคที่โดดเด่น เช่น โบสถ์เซนต์ปีเตอร์และเซนต์ปอลที่มีหอระฆังสูงตระหง่าน เมื่อเดินเล่นในใจกลางเมือง คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา มีร้านกาแฟและร้านอาหารที่เสิร์ฟอาหารท้องถิ่นรสเลิศ มวลชนน่ารักและเป็นมิตรจะทำให้การเข้าชมของคุณน่าจดจำยิ่งขึ้น นอกจากนี้ โอซิยีกยังเป็นประตูสู่น้ำตกพลิตวิซ (Plitvice Lakes) และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจอื่นๆ ที่ใกล้เคียง ช่วยให้คุณได้สัมผัสทั้งความงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมที่หลากหลาย หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์การเดินทางที่หรูหราและมีเสน่ห์ โอซิยีกคือจุดหมายที่คุณไม่ควรพลาดในโครเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีเรือสำราญแวะจอดที่ท่าเมืองนี้ เตรียมพร้อมที่จะสัมผัสประสบการณ์ที่สร้างแรงบันดาลใจและความทรงจำที่จะอยู่กับคุณตลอดไป

เบลเกรด เมืองหลวงของเซอร์เบีย ตั้งอยู่ที่จุดบรรจบระหว่างแม่น้ำดานูบและซาว่า เป็นท่าเรือที่มีความสำคัญมากทางการค้าและการท่องเที่ยว การเยือนเบลเกรดเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับวัฒนธรรมที่หลากหลาย ประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน และความสวยงามของสถาปัตยกรรมที่บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ของเมืองนี้ เมื่อแวะมาที่ท่าเรือในเบลเกรด ผู้โดยสารจะได้รับการต้อนรับด้วยวิวทิวทัศน์ที่งดงามของแม่น้ำและเมืองเก่า ซึ่งมีที่เที่ยวที่ไม่ควรพลาดอย่างปราสาทเบลเกรด (Belgrade Fortress) ที่ตั้งอยู่เหนือแม่น้ำ เห็นเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญและจุดชมวิวที่ยอดเยี่ยม นอกจากนี้ ผู้เยี่ยมชมยังสามารถเดินเล่นในเขตที่มีชีวิตชีวาอย่างสตรีทสกาดาร์ลิยา (Skadarlija) ซึ่งเต็มไปด้วยร้านอาหารและคาเฟ่ที่เสิร์ฟอาหารเซอร์เบียแท้ ๆ เบลเกรดยังเป็นที่รู้จักในเรื่องของงานเทศกาลดนตรีและศิลปะที่จัดขึ้นในช่วงฤดูร้อน ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก มาที่นี่เพื่อสัมผัสกับมนต์เสน่ห์และความบันเทิงที่ไม่มีที่สิ้นสุดในเมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาแห่งนี้ และเปิดประตูสู่การผจญภัยสุดหรูที่ยากจะลืมเลือน!


ท่าเรือสวิสต์ตอฟ (Svishtov) ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำดานูบในประเทศบัลแกเรีย เป็นท่าเรือที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมแห่งหนึ่งของประเทศ สวิสต์ตอฟไม่เพียงแต่เป็นจุดบริการสำหรับการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ แต่ยังเป็นประตูสู่การสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมายในภูมิภาค ด้านหน้าเมืองจะพบกับทิวทัศน์ที่สวยงามของแม่น้ำและปราสาทสไตล์บาร็อคที่ย้อนอดีตไปยังศตวรรษที่ 19 หากคุณมีโอกาสเยือนที่นี่แล้ว ไม่ควรพลาดการเดินผ่านเมืองเก่า ซึ่งเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่มีเสน่ห์ รวมไปถึงมหาวิหารเซนต์ยาโคป (St. Yakov) ที่มีความหลากหลายทางศิลปกรรม ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานของบัลแกเรีย นอกจากนี้ สวิสต์ตอฟยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ เช่น เมืองทรอยาน (Troyan) ที่มีชื่อเสียงในด้านผลไม้และหัตถกรรมพื้นบ้าน หรือสามารถเดินทางไปยังแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติที่ช่วยผ่อนคลายจากการเดินทาง ด้วยจุดดึงดูดที่หลากหลาย สวิสต์ตอฟจึงไม่ใช่เพียงท่าเรือ แต่ยังเป็นก้าวแรกที่นำพาคุณไปสู่ประสบการณ์การท่องเที่ยวสุดหรูหราในบัลแกเรีย ที่คุณจะไม่มีวันลืม

ท่าเรือรูเซ่ (Ruse) คือประตูสู่การค้นพบความงดงามของบัลแกเรีย ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำดานูบ ท่าเรือแห่งนี้ไม่เพียงแค่เป็นจุดจอดของเรือสำราญ แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางสัมผัสวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อันยาวนานที่บัลแกเรียเสนอให้ เมื่อก้าวเข้าสู่เมืองรูเซ่ นักท่องเที่ยวจะได้พบกับสถาปัตยกรรมที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของยุโรปตะวันออก โดยเฉพาะอาคารสไตล์บาโรกและนีโอคลาสสิกที่ยังคงรักษาความงดงามไว้ได้อย่างดี ไม่ควรพลาดการเยี่ยมชมสวนสาธารณะและอนุสาวรีย์ของพระเจ้าฟีเดอริคที่ตั้งตระหง่าน บริเวณนี้เหมาะสำหรับการถ่ายรูปและเดินเล่นสูดอากาศบริสุทธิ์ นอกจากนั้น ยังมีเสน่ห์ของอาหารท้องถิ่นที่น่าสนใจ รวมถึงการชิมไวน์พื้นเมืองที่สามารถสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวได้อย่างไม่รู้ลืม สิ่งที่ทำให้รูเซ่เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าทึ่ง คือการเดินทางที่สะดวกสบายไปยังเมืองหลวงโซเฟีย หรือเมืองประวัติศาสตร์เช่นพลอฟดิฟ ไม่ว่าคุณจะมองหาความสงบหรือการผจญภัย ท่าเรือรูเซ่จะนำคุณเข้าสู่โลกที่เต็มไปด้วยความทรงจำและประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครในการเดินทางครั้งนี้

เมื่อเอ่ยถึงประเทศบัลแกเรียที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ท่าเรือซิลิสตรา (Silistra) ย่อมเป็นจุดมุ่งหมายที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสความงดงามของแม่น้ำดานูบ ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของบัลแกเรีย ท่าเรือนี้ไม่เพียงแต่เป็นจุดหยุดพักผ่อนของการเดินเรือสำราญ แต่ยังเป็นประตูสู่การสำรวจเมืองที่มีมนต์เสน่ห์และความหลากหลายทางวัฒนธรรม ซิลิสตราเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน สามารถย้อนกลับไปได้ถึงยุคโรมัน เมื่อมีการตั้งถิ่นฐานเป็นColonial Durostorum ซึ่งคุณสามารถพบเห็นซากปรักหักพังและแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่น อย่างเช่น ป้อมปราการโบราณและโบสถ์เก่าแก่ที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม หากคุณเดินไปตามถนนในเมือง จะได้พบกับร้านค้าที่มีเอกลักษณ์และร้านอาหารที่เสนอเมนูอาหารท้องถิ่นอันล้ำค่า ที่จะทำให้คุณได้ลิ้มลองรสชาติแบบบัลแกเรียแท้ ด้วยทัศนียภาพที่งดงามริมแม่น้ำและบรรยากาศที่สงบเงียบ ซิลิสตราเป็นสถานที่ที่น่านั่งพักผ่อนและสร้างแรงบันดาลใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ใฝ่ฝันในประสบการณ์ใหม่ ๆ ของการเดินทางที่เย้ายวนใจในดินแดนแห่งประวัติศาสตร์และธรรมชาติที่สวยงาม.
ท่าเรือ Giurgiu ตั้งอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำดานูบในประเทศโรมาเนีย เป็นหนึ่งในท่าเรือที่มีความสำคัญไม่เพียงแต่ในด้านการขนส่งสินค้าเท่านั้น แต่ยังได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางของนักเดินทางที่แสวงหาความงามของวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่หลากหลาย เมื่อคุณมาถึง Giurgiu คุณจะได้พบกับสถาปัตยกรรมที่งดงาม นอกจากนี้ยังสามารถเยี่ยมชมสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เช่น โบสถ์ใต้ดิน "Biserica Adormirea Maicii Domnului" ที่มีชื่อเสียงในด้านความสวยงามและบรรยากาศที่เงียบสงบ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สีสันของเทศกาลและงานแสดงศิลปะจากศิลปินท้องถิ่นช่วยเพิ่มเสน่ห์ที่น่าสนใจให้กับเมืองนี้ นอกจากนี้ Giurgiu ยังเป็นประตูสู่การสำรวจเมืองที่เป็นมรดกโลกอย่างบราซอฟและเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาอย่างบูคาเรสต์ นอกจากความสวยงามในตัวเมืองแล้ว ทัศนียภาพของแม่น้ำดานูบที่ไหลผ่านจุดท่องเที่ยวต่างๆ จะสร้างประสบการณ์ที่ไม่สามารถลืมเลือน หากคุณกำลังมองหาการเดินทางที่ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมและธรรมชาติอย่างลงตัว Giurgiu จะเป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยที่คุณไม่ควรพลาด!

กรุงบูคาเรสต์ เมืองหลวงของประเทศโรมาเนีย ตั้งอยู่ในภาคใต้ของประเทศ เป็นศูนย์กลางการค้าขายที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา หนึ่งในแลนด์มาร์กที่น่าทึ่งที่สุดคือ "ปาลาตูล ปาลาเมนทูลุย" (Palatul Parlamentului) ซึ่งเป็นอาคารรัฐบาลที่ใหญ่โตในยุคคอมมิวนิสต์ มีห้องถึง 1,100 ห้อง สะท้อนถึงความยิ่งใหญ่และอำนาจในอดีต ย่านลิปสคานี (Lipscani) ที่อยู่ใกล้เคียง เหมาะสำหรับนักเดินทางที่ต้องการสัมผัสกับชีวิตยามค่ำคืนที่น่าตื่นเต้น ซึ่งเต็มไปด้วยบาร์และร้านอาหารที่หลากหลาย นอกจากนั้น ยังมีโบสถ์สเตฟรอโปลีออส (Stavropoleos Church) สถาปัตยกรรมที่งดงามของศาสนาคริสต์นิกายอีสเทิร์นโยกเธอรัล และพระราชวังเคอร์เตอา เวเค (Curtea Veche Palace) ที่มีอายุย้อนไปถึงศตวรรษที่ 15 ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ประทับของเจ้าชายวลาดที่ 3 หรือที่รู้จักกันในนาม "วลาดไม้กระดาน" บูคาเรสต์ไม่เพียงแต่มอบประสบการณ์ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมแต่ยังมีความทันสมัย ด้วยเสน่ห์ที่ผสมผสานระหว่างอดีตและปัจจุบัน ทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดสำหรับนักเดินทางที่แสวงหาความพิเศษในทริปของตน.













ห้องสวีทเจ้าของราชา บน Diamond Deck เป็นตัวอย่างของความหรูหราสูงสุด พร้อมพื้นที่กว้างขวางถึง 315 ตารางฟุต ที่มอบการบริการอันสุดเปี่ยมไปด้วยคุณภาพและการดูแลอย่างใส่ใจ ห้องนี้มีเฉลียงกลางแจ้งสำหรับการพักผ่อนสบายๆ และพื้นที่นั่งเล่นที่สะดวกสบาย รวมถึงห้องน้ำขนาดใหญ่ที่มีการตกแต่งอย่างประณีต นอกจากนี้ ห้องสวีทยังมีเตียงขนาดควีนพิเศษที่เรียกว่า Scenic Slumber Bed และ Scenic Sun Lounge ที่สามารถเพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์สุดพิเศษได้เพียงกดปุ่ม อีกทั้งยังมีห้องนั่งเล่นอิสระและห้องน้ำขนาดใหญ่พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหนือกว่า ทั้งการแยกโซนอาบน้ำและอ่างอาบน้ำ รวมถึงอุปกรณ์ในห้องน้ำที่ได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ผู้เข้าพักยังได้รับสิทธิพิเศษในการรับประทานอาหารที่ Table La Rive หรือ Table d’Or พร้อมการสำรองพื้นที่ในการรับประทานอาหารในสถานที่ที่เลือกอย่างมีลำดับความสำคัญ และยังมีการต้อนรับด้วยแชมเปญแห้งฟรีขนาด 750 มล. พร้อมเครดิตบนเรือจำนวน 200 ยูโรสำหรับใช้ใน Wellness Centre นอกจากนี้ยังมีบริการรับ-ส่งส่วนตัวในยุโรป บริการบัตเลอร์ส่วนตัวที่รวมถึงบริการซักรีดไม่จำกัด บริการเช็ดรองเท้าและนำรถไปจอด รวมถึงบริการชาร้อนและกาแฟตอนเช้า รวมถึงการส่งของว่างและผลไม้ในแต่ละวัน พร้อมมินิบาร์ที่เติมเต็มทุกวัน เมนูหมอนที่หลากหลาย ทั้งหมอนต้านริ้วรอย หมอนที่ลดอาการแพ้ และหมอนหน่วยความจำ บริการคืนเตียงในยามค่ำคืน เสื้อคลุมอาบน้ำและรองเท้าแตะ รวมถึงตู้นิรภัยในห้องพักเพื่อความปลอดภัย อย่างแท้จริง ห้องสวีทเจ้าของราชา มอบประสบการณ์การเดินทางที่หรูหราและสะดวกสบายในทุกด้าน





ห้องสวีทรอยัลพานอรามา ตั้งอยู่บนดาดฟ้า Diamond Deck เป็นสุดยอดของความหรูหราที่มาพร้อมกับพื้นที่กว้างขวาง บริการที่ไร้ที่ติ และการตกแต่งที่ใส่ใจอย่างรอบคอบ ซึ่งรวมถึงระเบียงกลางแจ้งสำหรับการชมวิวที่สวยงาม พื้นที่นั่งเล่น และห้องน้ำขนาดใหญ่ ภายในห้องพักมีเตียงขนาดควีน สร้างจากวัสดุคุณภาพสูงที่ชื่อว่า Scenic Slumber Bed และมี Scenic Sun Lounge ที่สามารถปรับเปลี่ยนมุมมองวิวได้เพียงแค่กดปุ่ม ห้องน้ำขนาดใหญ่มีอ่างอาบน้ำและฝักบัวแยก พร้อมด้วยอุปกรณ์เครื่องใช้ในห้องน้ำที่มีคุณภาพสูง นอกจากนี้ ลูกค้ายังได้รับเชิญไปทานอาหารที่ Table La Rive หรือ Table d’Or พร้อมด้วยการจองที่นั่งล่วงหน้าที่ร้านอาหารที่เลือกไว้ และมีการต้อนรับด้วยแชมเปญขนาด 750 มล. ฟรี นอกจากนี้ยังมีเครดิตบนเรือจำนวน 200 ยูโรต่อห้องสำหรับใช้ใน Wellness Centre บริการรับส่งส่วนตัวในยุโรป รวมถึงบริการบัทเลอร์ที่จะดูแลคุณอย่างเป็นส่วนตัว เช่น บริการซักรีดที่ไม่มีค่าใช้จ่าย บริการทำความสะอาดรองเท้า ชาและกาแฟในช่วงเช้า และจัดส่งขนมคานาเป้หรือผลไม้ทุกวัน นอกจากนี้ยังมีมินิบาร์ที่เติมเต็มทุกวัน เมนูหมอนที่หลากหลาย รวมถึงหมอนที่ช่วยเรื่องการต่อต้านการชรา หมอนที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีภูมิแพ้ และหมอนที่ทำจากฟองน้ำหน่วยจำ พร้อมบริการจัดเตียงในตอนกลางคืน เสื้อคลุมและรองเท้าแตะ มีตู้เซฟในห้องพักเพื่อความปลอดภัย ทำให้ห้องสวีทรอยัลพานอรามาเป็นประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาดในทุกการเดินทางของคุณ





ห้องสวีทระเบียงหลวง ตั้งอยู่บนชั้น Diamond Deck เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในความหรูหรา โดดเด่นด้วยพื้นที่กว้างขวาง บริการที่ไร้ที่ติ และการตกแต่งอย่างพิถีพิถัน ห้องมีระเบียงกลางแจ้งและพื้นที่นั่งเล่นออกแบบมาเพื่อการพักผ่อนอย่างแท้จริง พร้อมกับห้องน้ำขนาดใหญ่ที่จัดเต็มอุปกรณ์ต่างๆ ห้องสวีทนี้มีเตียงนอนขนาดควีนสุดหรูที่เรียกว่า Scenic Slumber Bed พร้อมด้วยพื้นที่นั่งเล่นแยกต่างหากและห้องน้ำขนาดใหญ่ที่มีฝักบัวและอ่างอาบน้ำแยกจากกัน รวมถึงอุปกรณ์ในห้องน้ำที่มีคุณภาพสูง นอกจากนี้ยังมีการบริการต่างๆ ที่เป็นเอกสิทธิ์ เช่น การจองเข้ารับประทานอาหารที่ Table La Rive หรือ Table d’Or อย่างรวดเร็ว รวมถึงเครดิตใช้งานใน Wellness Centre มูลค่า 200 ยูโรสำหรับห้องสวีท เพลิดเพลินไปกับบริการบริกรส่วนตัวที่คอยดูแลทุกความต้องการ รวมถึงบริการซักผ้าและขัดรองเท้าอย่างไม่จำกัด ชาและกาแฟตอนเช้า และขนมคานาเป้หรือผลไม้ทุกวัน นอกจากนี้ยังมีบริการมินิบาร์ที่เติมเต็มทุกวัน เมนูหมอนให้เลือกใช้ ทั้งหมอนป้องกันการเกิดริ้วรอย หมอนป้องกันอาการแพ้ และหมอนหนุนรูปทรงตามหลักสรีรศาสตร์ บริการจัดเตียงทุกคืน พร้อมด้วยเสื้อคลุมอาบน้ำและรองเท้าในห้องน้ำ รวมถึงตู้นิรภัยภายในห้องสวีทเพื่อความสะดวกสบายของท่าน



ห้องสวีทสุดหรูพร้อมระเบียงตั้งอยู่ในทำเลที่ดีที่สุดที่ด้านหน้าของเรือบนชั้น Sapphire และ Diamond ซึ่งมอบทุกคุณสมบัติของห้องสวีทส่วนตัวที่มีระเบียง พร้อมกับการออกแบบที่ชาญฉลาดของ Scenic Sun Lounge แต่มีพื้นที่ให้คุณได้ผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น ห้องพักนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์การเดินทางที่หรูหราและผ่อนคลายที่สุดบนเรือ โดยสามารถเพลิดเพลินกับวิวที่สวยงามในบรรยากาศอันเงียบสงบและเป็นส่วนตัว



ห้องสวีทระเบียงจูเนียร์ตั้งอยู่บนชั้น Sapphire และ Diamond ซึ่งมีขนาดกว้างขวางและมอบความสะดวกสบายให้แก่ผู้เข้าพัก ห้องนี้มีระเบียงส่วนตัวยาวเต็มที่พร้อมด้วยโซฟาสำหรับนั่งเล่น และห้องน้ำในห้องที่มีการตกแต่งอย่างหรูหรา โดยรวมถึงอ่างล้างมือขนาดใหญ่และฝักบัวที่ทันสมัย เพื่อให้คุณได้สัมผัสกับการพักผ่อนที่เพียบพร้อมที่สุดในระหว่างการเดินทางของคุณ



ห้องสวีทระเบียงตั้งอยู่บนชั้นซาเฟียร์และเพชร มีการตกแต่งอย่างมีสไตล์พร้อมด้วยระเบียงกลางแจ้งกว้างขวางที่มาพร้อมกับ Scenic Sun Lounge ที่สุดพิเศษ ซึ่งให้ท่านได้享受วิวที่กว้างขวางพร้อมด้วยความสะดวกสบายจากปุ่มกด นอกจากนี้ยังมีห้องน้ำส่วนตัวที่มีความหรูหราพร้อมอ่างล้างหน้าที่หรูหราและฝักบัวอาบน้ำ ห้องนอนมีเตียงแบบ Scenic Slumber ขนาดควีนไซส์ที่ให้ความสบายเต็มที่ ที่นี่ยังมีการบริการบัตเลอร์ส่วนตัวสำหรับทุกห้องและบริการซักรีดฟรีครั้งหนึ่งต่อห้อง เพื่อให้ท่านเริ่มต้นวันใหม่ด้วยชาหรือกาแฟในตอนเช้า พร้อมบริการเครื่องดื่มในห้องพักและมินิบาร์ที่เติมเต็มทุกวัน ห้องสวีทนี้ยังมีเมนูหมอนที่หลากหลาย เช่น หมอนต้านวัย หมอนที่ต่อต้านภูมิแพ้ และหมอนจากเมมโมรี่โฟม นอกจากนี้ยังมีบริการจัดเตียงในตอนกลางคืน เสื้อคลุมอาบน้ำและรองเท้าในห้องพัก ตู้เซฟในห้องพัก และบริการทำความสะอาดรองเท้าและบริการจอดรถเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับการเข้าพักของท่าน


ห้องสวีทระเบียงเดี่ยว ตั้งอยู่บนดาดฟ้า Sapphire เป็นที่พักสุดหรูที่เหมาะสำหรับนักเดินทางเดี่ยว เพลิดเพลินไปกับวิวที่ยอดเยี่ยมจากระเบียงขนาดเต็ม พร้อมกับ Scenic Sun Lounge ที่สามารถเปิดใช้งานได้ด้วยการกดปุ่ม ห้องน้ำที่กว้างขวางมาพร้อมกับอ่างน้ำและฝักบัวที่หรูหรา นอกจากนี้ยังมีเตียงขนาดควีนสุดหรู Scenic Slumber Bed และบริการบัตเลอร์เฉพาะสำหรับแต่ละห้อง รวมถึงบริการซักรีดฟรีหนึ่งครั้งต่อห้อง และเซอร์วิสชากาแฟในตอนเช้า สำหรับความสะดวกสบาย ยังมีบริการเครื่องดื่มในห้องพัก มินิบาร์ที่เติมเต็มทุกวัน เมนูหมอนที่มีให้เลือกหลากหลาย รวมถึงหมอนที่ช่วยป้องกันริ้วรอย หมอนลดอาการแพ้ และหมอนผ้าที่ให้ความทรงจำ รวมถึงบริการเตรียมเตียงในตอนกลางคืน เสื้อคลุมอาบน้ำและรองเท้าแตะ รวมถึงตู้นิรภัยในห้องพัก และบริการทำความสะอาดและดูแลรองเท้า เพื่อให้ประสบการณ์การพักผ่อนในห้องสวีทของคุณเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ


ห้องสวีทมาตรฐานตั้งอยู่บนชั้น Jewel Deck ซึ่งมีหน้าต่างขนาดใหญ่เพื่อให้ท่านได้ชมวิวที่สวยงาม ห้องพักมีการออกแบบที่กว้างขวางและการจัดวางที่ชาญฉลาด พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและเฟอร์นิเจอร์สุดหรูตามมาตรฐานที่คาดหวัง ห้องนอนมาพร้อมกับเตียงขนาดควีนไซส์ Scenic 'Slumber bed' ปูด้วยผ้าลินินจากฝรั่งเศสและมีเมนูหมอนไว้ให้เลือก ห้องน้ำมีฝักบัวและอุปกรณ์ทำความสะอาดจาก L'Occitane รวมถึงเครื่องเป่าผม เสื้อคลุมอาบน้ำและรองเท้าแตะ ห้องสวีทยังมีมินิบาร์ที่เติมให้ทุกวัน โทรทัศน์จอแบนแบบ HDTV เชื่อมต่อกับ Mac Mini ฟรี WiFi และบริการโทรศัพท์อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีตู้นิรภัยสำหรับเก็บของมีค่า สำหรับแขกที่เข้าพักในห้องสวีทนี้ จะได้รับบริการบัตเลอร์ที่รวมถึงบริการ valet และการขัดรองเท้า เครื่องดื่มและค็อกเทลตามต้องการ