
02-27217300
02-27217179
service@siloahtravel.com
Monday ~ Friday 09:00-18:00
14F.-3, No.137, Sec. 1, Fuxing S. Rd., Da’an Dist., Taipei City 106, Taiwan
Representative: Tung-Hua Tai
VAT: 43871553
交觀甲793500 品保北2260 隱私權條款
Copyright © 2025 Siloah Travel Co., Ltd.. All rights reserved.

S.S. โบนันซ์
ยูนิโลด์ บูติค ริเวอร์ ครูซส์


ถ้าคุณกำลังมองหาประสบการณ์การเดินทางที่หรูหราและน่าจดจำ ท่าเรือที่บอร์โดซ์ ประเทศฝรั่งเศส คือตัวเลือกที่ไม่ควรพลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเป็นแฟนพันธุ์แท้ของไวน์ ทุกๆ ปี บอร์โดซ์จะเป็นเจ้าภาพจัดงาน Vinexpo ซึ่งดึงดูดนักชิมไวน์จากทั่วโลกมารวมตัวกันที่นี่ เมืองบอร์โดซ์เป็นเมืองหลวงของทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส นอกจากวิวทิวทัศน์ที่สวยงามแล้ว บอร์โดซ์ยังเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ทางประวัติศาสตร์ หลากหลายสถานที่เช่น "เลอ วู บอร์โดซ์" ที่มีร้านค้าน่าชม และเขตท่าเรือที่ได้รับการฟื้นฟูซึ่งเต็มไปด้วยเสน่ห์ในแบบเรียบง่ายแต่ดูมีระดับ คุณสามารถเพลิดเพลินกับการล่องเรือชมท่าเรือที่น่าตื่นตาตื่นใจ ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้คุณได้สูดอากาศบริสุทธิ์พร้อมชมทัศนียภาพที่น่าประทับใจ ยิ่งไปกว่านั้น ในวันอาทิตย์แรกของเดือน ถนนในใจกลางเมืองจะถูกปิดให้รถยนต์เข้าได้ ทำให้คุณสามารถเดินเล่นได้อย่างสบาย ๆ ตลอดทั้งวัน พลาดไม่ได้หากคุณมาเยือนบอร์โดซ์ ที่ซึ่งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมาพบกับความทันสมัยอย่างลงตัว สร้างแรงบันดาลใจให้คุณฝันถึงการเดินทางครั้งต่อไปในรูปแบบที่หรูหราและเต็มไปด้วยประสบการณ์ที่มีค่า.

ท่าเรือโปยยัค (Pauillac) ตั้งอยู่ในภูมิภาคบอร์โดซ์ (Bordeaux) ของฝรั่งเศส เป็นหมู่บ้านที่มีเสน่ห์และวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม โปยยัคตั้งอยู่ริมแม่น้ำในอ่าวจิโรนเด (Gironde) ซึ่งรู้จักกันดีในด้านไวน์แดงคุณภาพสูง โดยเฉพาะไวน์จากชาตอว์ที่มีชื่อเสียง เช่น ลาฟิท รอธschild (Lafite Rothschild) และ มูตง รอธschild (Mouton Rothschild) เมื่อคุณเดินทางมายังโปยยัค คุณจะได้สัมผัสวิถีชีวิตที่มีเสน่ห์ของชาวเมือง พร้อมกลิ่นอายของประวัติศาสตร์ที่เผยให้เห็นในอาคารโบราณและตลาดสดที่คึกคัก ถ้าคุณหลงรักไวน์ การเยี่ยมชมไร่ไวน์ที่มีชื่อเสียงจะทำให้คุณได้ลิ้มลองรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ในบรรยากาศธรรมชาติที่สวยงาม โปยยัคเป็นจุดหมายที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสความหรูหราและเอกลักษณ์ของบอร์โดซ์ ไม่ว่าจะเป็นการเดินเล่นริมแม่น้ำ ชมวิวอันงดงาม หรือสำรวจมรดกทางวัฒนธรรม ที่นี่คือสวรรค์ของผู้หลงใหลในไวน์และการเดินทางที่เต็มไปด้วยประสบการณ์อันทรงคุณค่า หมายความว่าคุณจะไม่พลาดความงดงามและเสน่ห์เหนือกาลเวลาของมุมที่สวยงามนี้ในฝรั่งเศส

เมือง Cadillac ประเทศฝรั่งเศส เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ในเขต Gironde ซึ่งเป็นที่รู้จักในเรื่องสถาปัตยกรรมทางประวัติศาสตร์และไวน์ที่มีชื่อเสียง โดยเฉพาะไวน์ขาวหวาน Cadillac Côtes de Bordeaux ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง เมืองนี้มีปราสาทจากศตวรรษที่ 18 ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี และถนนที่มีเสน่ห์สร้างบรรยากาศที่น่าหลงใหล ในขณะที่ทอดยาวไปตามแม่น้ำการอนน์ Cadillac ไม่เพียงแต่ดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยทิวทัศน์ที่งดงามเท่านั้น แต่ยังมีมรดกทางวัฒนธรรมที่อุดมสมบูรณ์ ตั้งแต่ตลาดที่มีชีวิตชีวาไปจนถึงบรรยากาศที่เงียบสงบ เมืองนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการค้นพบเส้นทางไวน์ในภูมิภาค Bordeaux โดยเฉพาะการสัมผัสกับประสบการณ์การชิมไวน์ที่ลึกล้ำ หากคุณมีโอกาสได้เยือน Cadillac อย่าพลาดที่จะเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ เช่น ปราสาทที่ยิ่งใหญ่และทุ่งองุ่นที่เขียวขจี ซึ่งจะทำให้ทริปของคุณเต็มไปด้วยความประทับใจและแรงบันดาลใจในทุกช่วงเวลาในฝรั่งเศส เมืองนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่เพอร์เฟกต์สำหรับการเดินทางสำรวจความงามและรสชาติของไวน์ฝรั่งเศสที่ไม่มีวันลืมเลือน.

ท่าเรือบลาย (Blaye) ตั้งอยู่ในเขตจิโรนด์ (Gironde) ของประเทศฝรั่งเศส เป็นเมืองเล็กที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และประวัติศาสตร์ซึ่งนักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด โดยเฉพาะกับป้อมปราการบลายที่เป็นมรดกโลกจากยูเนสโก ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นและมอบทัศนียภาพที่งดงามของปากแม่น้ำจิโรนด์ การเดินเล่นตามถนนที่มีบรรยากาศอบอุ่น คุณจะพบกับตลาดท้องถิ่นที่คึกคัก และร้านค้าขายไวน์ชื่อดังจากไร่องุ่นในพื้นที่ ซึ่งผลิตไวน์คุณภาพชั้นเลิศ เช่น บลาย โคเตส์ เดอ บอร์โดซ์ (Blaye Côtes de Bordeaux) ที่ได้รับการยอมรับในความหอมหวานและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ นอกจากการชิมไวน์ที่อร่อยแล้ว บลายยังมีความสวยงามของสถาปัตยกรรมเก่าแก่และวิวแม่น้ำที่งดงาม ซึ่งทำให้เมืองนี้เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าหลงใหลสำหรับผู้ที่รักในประวัติศาสตร์และแนววัฒนธรรม เพลิดเพลินไปกับทริปในบลายและสัมผัสประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครในดินแดนแห่งไวน์และประวัติศาสตร์อัน Rich.

ลิบบูร์น (Libourne) คือเมืองประวัติศาสตร์ที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของฝรั่งเศส นั่นคือ บอร์โด (Bordeaux) เมืองเล็กๆ แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำดอร์โดญ (Dordogne) มีสถาปัตยกรรมที่งดงามหลากหลายแบบ โดยเฉพาะโบสถ์เซนต์-ฌอง-บาปติสต์ (Saint-Jean-Baptiste) ที่เด่นตระหง่านในใจกลางเมือง ลิบบูร์นไม่ได้เป็นเพียงแค่เมืองที่มีวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจเท่านั้น แต่ยังเป็นประตูไปสู่อาณาเขตของไร่องุ่นระดับโลก เช่น โปเมอโรล (Pomerol) และ แซงต์-เอมิลิยอง (Saint-Émilion) ซึ่งเป็นที่รู้จักในเรื่องการผลิตไวน์ชั้นเลิศ นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสประสบการณ์การชิมไวน์ และเยี่ยมชมไร่ไวน์ที่มีชื่อเสียงได้อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ตลาดสดที่คึกคักของลิบบูร์นยังเป็นอีกหนึ่งจุดดึงดูดที่ไม่ควรพลาด ที่นี่คุณจะได้พบกับผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นสดใหม่และบรรยากาศที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ลิบบูร์นจึงเป็นจุดหมายที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้รักการเดินทางที่ชื่นชอบไวน์และวัฒนธรรมในบรรยากาศที่งดงาม เตรียมพร้อมให้คุณค้นพบความสวยงามและเสน่ห์ของเมืองเล็กๆ แห่งนี้ในทริปของคุณ!

ลิบบูร์น (Libourne) คือเมืองประวัติศาสตร์ที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของฝรั่งเศส นั่นคือ บอร์โด (Bordeaux) เมืองเล็กๆ แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำดอร์โดญ (Dordogne) มีสถาปัตยกรรมที่งดงามหลากหลายแบบ โดยเฉพาะโบสถ์เซนต์-ฌอง-บาปติสต์ (Saint-Jean-Baptiste) ที่เด่นตระหง่านในใจกลางเมือง ลิบบูร์นไม่ได้เป็นเพียงแค่เมืองที่มีวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจเท่านั้น แต่ยังเป็นประตูไปสู่อาณาเขตของไร่องุ่นระดับโลก เช่น โปเมอโรล (Pomerol) และ แซงต์-เอมิลิยอง (Saint-Émilion) ซึ่งเป็นที่รู้จักในเรื่องการผลิตไวน์ชั้นเลิศ นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสประสบการณ์การชิมไวน์ และเยี่ยมชมไร่ไวน์ที่มีชื่อเสียงได้อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ตลาดสดที่คึกคักของลิบบูร์นยังเป็นอีกหนึ่งจุดดึงดูดที่ไม่ควรพลาด ที่นี่คุณจะได้พบกับผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นสดใหม่และบรรยากาศที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ลิบบูร์นจึงเป็นจุดหมายที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้รักการเดินทางที่ชื่นชอบไวน์และวัฒนธรรมในบรรยากาศที่งดงาม เตรียมพร้อมให้คุณค้นพบความสวยงามและเสน่ห์ของเมืองเล็กๆ แห่งนี้ในทริปของคุณ!

ถ้าคุณกำลังมองหาประสบการณ์การเดินทางที่หรูหราและน่าจดจำ ท่าเรือที่บอร์โดซ์ ประเทศฝรั่งเศส คือตัวเลือกที่ไม่ควรพลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเป็นแฟนพันธุ์แท้ของไวน์ ทุกๆ ปี บอร์โดซ์จะเป็นเจ้าภาพจัดงาน Vinexpo ซึ่งดึงดูดนักชิมไวน์จากทั่วโลกมารวมตัวกันที่นี่ เมืองบอร์โดซ์เป็นเมืองหลวงของทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส นอกจากวิวทิวทัศน์ที่สวยงามแล้ว บอร์โดซ์ยังเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ทางประวัติศาสตร์ หลากหลายสถานที่เช่น "เลอ วู บอร์โดซ์" ที่มีร้านค้าน่าชม และเขตท่าเรือที่ได้รับการฟื้นฟูซึ่งเต็มไปด้วยเสน่ห์ในแบบเรียบง่ายแต่ดูมีระดับ คุณสามารถเพลิดเพลินกับการล่องเรือชมท่าเรือที่น่าตื่นตาตื่นใจ ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้คุณได้สูดอากาศบริสุทธิ์พร้อมชมทัศนียภาพที่น่าประทับใจ ยิ่งไปกว่านั้น ในวันอาทิตย์แรกของเดือน ถนนในใจกลางเมืองจะถูกปิดให้รถยนต์เข้าได้ ทำให้คุณสามารถเดินเล่นได้อย่างสบาย ๆ ตลอดทั้งวัน พลาดไม่ได้หากคุณมาเยือนบอร์โดซ์ ที่ซึ่งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมาพบกับความทันสมัยอย่างลงตัว สร้างแรงบันดาลใจให้คุณฝันถึงการเดินทางครั้งต่อไปในรูปแบบที่หรูหราและเต็มไปด้วยประสบการณ์ที่มีค่า.

ถ้าคุณกำลังมองหาประสบการณ์การเดินทางที่หรูหราและน่าจดจำ ท่าเรือที่บอร์โดซ์ ประเทศฝรั่งเศส คือตัวเลือกที่ไม่ควรพลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเป็นแฟนพันธุ์แท้ของไวน์ ทุกๆ ปี บอร์โดซ์จะเป็นเจ้าภาพจัดงาน Vinexpo ซึ่งดึงดูดนักชิมไวน์จากทั่วโลกมารวมตัวกันที่นี่ เมืองบอร์โดซ์เป็นเมืองหลวงของทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส นอกจากวิวทิวทัศน์ที่สวยงามแล้ว บอร์โดซ์ยังเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ทางประวัติศาสตร์ หลากหลายสถานที่เช่น "เลอ วู บอร์โดซ์" ที่มีร้านค้าน่าชม และเขตท่าเรือที่ได้รับการฟื้นฟูซึ่งเต็มไปด้วยเสน่ห์ในแบบเรียบง่ายแต่ดูมีระดับ คุณสามารถเพลิดเพลินกับการล่องเรือชมท่าเรือที่น่าตื่นตาตื่นใจ ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้คุณได้สูดอากาศบริสุทธิ์พร้อมชมทัศนียภาพที่น่าประทับใจ ยิ่งไปกว่านั้น ในวันอาทิตย์แรกของเดือน ถนนในใจกลางเมืองจะถูกปิดให้รถยนต์เข้าได้ ทำให้คุณสามารถเดินเล่นได้อย่างสบาย ๆ ตลอดทั้งวัน พลาดไม่ได้หากคุณมาเยือนบอร์โดซ์ ที่ซึ่งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมาพบกับความทันสมัยอย่างลงตัว สร้างแรงบันดาลใจให้คุณฝันถึงการเดินทางครั้งต่อไปในรูปแบบที่หรูหราและเต็มไปด้วยประสบการณ์ที่มีค่า.

ท่าเรือที่สวยงามและเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอย่าง "โอปอร์ตู" (Oporto) คือเมืองที่สองที่ใหญ่ที่สุดในโปรตุเกส รองจากลิสบอน เมืองนี้มักถูกเรียกสั้นๆ ว่า "ปอร์โต" ซึ่งเป็นชื่อที่ทุกคนนึกถึงเมื่อพูดถึงองุ่นส่งตรงสำหรับผลิตไวน์พอร์ตที่มีชื่อเสียงระดับโลก ท่าเรือโอปอร์ตูตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโดรู และมีบทบาทสำคัญมาตั้งแต่อดีต เมื่อชาวโรมันสร้างป้อมปราการที่นี่ เพื่อควบคุมเส้นทางการค้า ด้วยการที่เมืองนี้คือจุดแวะสำคัญสำหรับเหล่าผู้จาริกแสวงบุญในอดีต ทำให้โอปอร์ตูร่ำรวยจากการค้าและการค้นพบทางทะเลในศตวรรษที่ 15 และ 16 การค้าขายไวน์พอร์ตกับอังกฤษในภายหลังยังทำให้เมืองนี้เกิดการเจริญรุ่งเรืองอย่างไม่หยุดยั้ง จนกระทั่งกลายเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์ ด้วยสะพานที่สวยงามข้ามแม่น้ำโดรู เสน่ห์ของย่านริมน้ำที่มีชีวิตชีวา และโรงไวน์พอร์ตที่มีชื่อเสียง เมืองนี้ไม่ได้เป็นเพียงจุดหมายปลายทาง แต่ยังเป็นศูนย์รวมวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่มีเอกลักษณ์ ออกแบบมาสำหรับผู้ที่มองหาประสบการณ์การเดินทางที่เหนือระดับ เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจในการค้นหาความงามของโลกที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในทุกมุมเมือง

ท่าเรือเรกูอาร์ (Regua) ในประเทศโปรตุเกสเป็นจุดหมายปลายทางที่มอบประสบการณ์การเดินทางสุดพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวที่แสวงหาความงดงามและความอัศจรรย์ของธรรมชาติ ท่าเรือนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโดโร (Douro) ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก บรรยากาศที่เงียบสงบและวิวทิวทัศน์อันน่าตื่นตาตื่นใจของพื้นที่ที่มีไร่องุ่นและภูเขา ทำให้เรกูอาร์เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การเกิดแรงบันดาลใจ นอกจากความงามของธรรมชาติแล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถสัมผัสกับวัฒนธรรมท้องถิ่นที่หลากหลาย เช่น การชิมไวน์ท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของภูมิภาคนี้ พร้อมได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์การผลิตไวน์ซึ่งมีมาตั้งแต่อดีต อีกทั้งยังมีโอกาสเดินชมหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่สวยงามและมีเสน่ห์ หากคุณมีความสนใจในศิลปะ สามารถเยี่ยมชมพิพิธภัณฑสถานที่จัดแสดงศิลปะและของประดับตกแต่งที่สะท้อนถึงความเจริญรุ่งเรืองในอดีตของภูมิภาคนี้ได้ พูดได้ว่าเรกูอาร์ไม่ใช่เพียงแค่ท่าเรือที่จอดเรือสำราญ แต่มันเป็นประตูสู่การค้นพบความงดงามและวัฒนธรรมที่น่าหลงใหลในโปรตุเกส เชิญชวนคุณมาสัมผัสการเดินทางที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่นี่ได้เลย!

เมื่อคุณก้าวเข้าสู่ท่าเรือโพซินญาในประเทศโปรตุเกส คุณจะพบกับเสน่ห์อันน่าหลงใหลที่เตรียมพร้อมจะดึงดูดความสนใจทุก ๆ คน ตั้งอยู่ในมุมมองที่งดงามของมหาสมุทรแอตแลนติก ท่าเรือแห่งนี้ไม่เพียงแต่มีความสำคัญในการค้าและการเดินเรือ แต่ยังเป็นประตูสู่การค้นพบประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่ลึกซึ้งของโปรตุเกส จากท่าเรือโพซินญา คุณสามารถเดินทางไปยังเมืองเล็ก ๆ ที่มีสีสันและวัฒนธรรมที่หลากหลาย ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบและลมทะเลที่พัดผ่านมา โดยเฉพาะเมืองเลบริง ซึ่งเป็นที่รู้จักสำหรับสถาปัตยกรรมที่สวยงามและงานฝีมือท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นการชิมไวน์หรืออาหารทะเลสดใหม่ที่จะทำให้คุณหลงรักรสชาติในแต่ละคำ นอกจากนี้ยังมีการเดินทางไปยังหาดทรายขาวที่ยาวเหยียด และกิจกรรมทางน้ำที่น่าตื่นเต้น ทำให้ท่าเรือโพซินญาเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการเล่นเซิร์ฟหรือการสำรวจชีวิตใต้ท้องทะเล นี่ไม่ใช่แค่การหยุดพักในการเดินทาง แต่เป็นประสบการณ์ในการค้นพบความงามและวัฒนธรรมของโปรตุเกส รอให้คุณมาสัมผัสด้วยตนเองในทริปสุดหรูของคุณ!

เมื่อคุณมาถึงท่าเรือซาลามังค่าในประเทศสเปน คุณจะได้พบกับเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และประวัติศาสตร์ที่น่าหลงใหล ซาลามังค่า ตั้งอยู่ในแคว้นกัสติลล่าและเลออน เป็นเมืองที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามและได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก เมืองนี้มีชื่อเสียงด้วยมหาวิทยาลัยซาลามังค่า ซึ่งเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป ที่นี่คุณจะได้สัมผัสบรรยากาศการเรียนรู้และแรงบันดาลใจจากนักวิชาการที่เคยมาศึกษาที่นี่ นอกจากความสำคัญด้านการศึกษา ซาลามังค่ายังเป็นเมืองที่มีเสน่ห์จากตึกเก่าแก่ที่ถูกออกแบบในสไตล์เรเนซองส์ ถนนหนทางในเมืองเก่าเต็มไปด้วยร้านกาแฟและบาร์ที่คุณสามารถไปลิ้มลองรสชาติอาหารสเปนต้นตำรับ เช่น ทาปาสและปาเอยาที่ขึ้นชื่อ รวมถึงไวน์ที่ผลิตจากพื้นที่ใกล้เคียง ไม่ว่าคุณจะเดินเล่นชมอาคารตามจัตุรัสพลาซ่ามายอร์หรือเยี่ยมชมโบสถ์เก่าแก่ที่ให้ความรู้สึกย้อนยุค นี่คือสถานที่ที่ตอบโจทย์สำหรับนักเดินทางที่ต้องการสัมผัสความเป็นสเปนอย่างแท้จริง ท่าเรือซาลามังค่าเป็นจุดเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบสำหรับการค้นพบเสน่ห์ของวัฒนธรรมสเปนที่ยากจะลืมเลือน เชิญชวนให้คุณแพ็คกระเป๋าแล้วมาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจได้เลย!

พินญา (Pinhão) คือท่าเรืออันโดดเด่นในประเทศโปรตุเกสที่ตั้งอยู่ในแคว้นโดรู (Douro Valley) ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีชื่อเสียงในด้านการผลิตไวน์ โดยเฉพาะไวน์โพร์ต (Port Wine) ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจากทั่วทุกมุมโลก พินญาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามที่ล้อมรอบด้วยเนินเขาที่ยกตัวสูงชัน ซึ่งเป็นที่ตั้งของสวนองุ่นที่ประสบความสำเร็จที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป เมื่อคุณมาถึงพินญา คุณจะได้รับการต้อนรับด้วยบรรยากาศสบายๆ ของหมู่บ้านที่เรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความก้าวหน้าในด้านการผลิตไวน์ คุณสามารถล่องเรือไปตามแม่น้ำโดรูเพื่อชื่นชมวิวทิวทัศน์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ และสัมผัสกับประสบการณ์การชิมไวน์ที่มีคุณภาพในไร่องุ่นที่มีชื่อเสียง นอกจากนี้ พินญายังเป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญในการเดินทางไปยังเมืองทางประวัติศาสตร์อื่นๆ เช่น ริอู (Rio) ที่เต็มไปด้วยความงดงามของสถาปัตยกรรมแบบคลาสสิค โดยเฉพาะที่ปราสาท เมืองเล็กๆ นี้มีเสน่ห์ที่ทำให้คุณต้องหลงรักและอยากกลับมาเยือนอีกครั้ง เราเชิญชวนให้คุณมาเติมเต็มความฝันในการสำรวจอันหลากหลายของโปรตุเกสที่พินญา ที่ซึ่งธรรมชาติ, วัฒนธรรม, และประวัติศาสตร์หลอมรวมกันอย่างลงตัว

ท่าเรือที่สวยงามและเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอย่าง "โอปอร์ตู" (Oporto) คือเมืองที่สองที่ใหญ่ที่สุดในโปรตุเกส รองจากลิสบอน เมืองนี้มักถูกเรียกสั้นๆ ว่า "ปอร์โต" ซึ่งเป็นชื่อที่ทุกคนนึกถึงเมื่อพูดถึงองุ่นส่งตรงสำหรับผลิตไวน์พอร์ตที่มีชื่อเสียงระดับโลก ท่าเรือโอปอร์ตูตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโดรู และมีบทบาทสำคัญมาตั้งแต่อดีต เมื่อชาวโรมันสร้างป้อมปราการที่นี่ เพื่อควบคุมเส้นทางการค้า ด้วยการที่เมืองนี้คือจุดแวะสำคัญสำหรับเหล่าผู้จาริกแสวงบุญในอดีต ทำให้โอปอร์ตูร่ำรวยจากการค้าและการค้นพบทางทะเลในศตวรรษที่ 15 และ 16 การค้าขายไวน์พอร์ตกับอังกฤษในภายหลังยังทำให้เมืองนี้เกิดการเจริญรุ่งเรืองอย่างไม่หยุดยั้ง จนกระทั่งกลายเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์ ด้วยสะพานที่สวยงามข้ามแม่น้ำโดรู เสน่ห์ของย่านริมน้ำที่มีชีวิตชีวา และโรงไวน์พอร์ตที่มีชื่อเสียง เมืองนี้ไม่ได้เป็นเพียงจุดหมายปลายทาง แต่ยังเป็นศูนย์รวมวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่มีเอกลักษณ์ ออกแบบมาสำหรับผู้ที่มองหาประสบการณ์การเดินทางที่เหนือระดับ เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจในการค้นหาความงามของโลกที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในทุกมุมเมือง

ท่าเรือลิสบอนตั้งอยู่ริมน้ำแทกุส สร้างขึ้นบนเนินเขาสูงเจ็ดลูก ซึ่งทำให้ลิสบอนกลายเป็นเมืองที่งดงามและเปล่งประกายด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมที่หลากหลายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พร้อมทั้งรถรางไม้ที่ให้บรรยากาศย้อนยุค อันเป็นเอกลักษณ์ของเมืองแห่งนี้ ท่านจะได้เดินเล่นใน Praça do Comércio ซึ่งคือจัตุรัสอันกว้างใหญ่ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ที่ถูกออกแบบให้สวยงามโดยมาร์คิวสแห่งปอมบาล หลังจากแผ่นดินไหวที่ทำลายล้างในศตวรรษที่ 18 การเยี่ยมชมลิสบอนจึงไม่เพียงแค่ชมความงามพระอาทิตย์ตกแบบโรแมนติกใต้สะพาน 25 Abril แต่ยังมีกิจกรรมช้อปปิ้งและสัมผัสวัฒนธรรมในเมืองเก่า ที่สร้างอยู่บนเนินเขาที่ลาดเอียง การแวะเยือนของเรือสำราญที่ท่าเรือลิสบอนทำให้ท่านมีโอกาสสัมผัสทั้งวัฒนธรรมและความงามของเมืองที่ไม่สิ้นสุด ซึ่งรอให้คุณได้ค้นพบในทุกมุมถนน รับประสบการณ์อันหรูหราจากการเดินทางในครั้งนี้ และสัมผัสความมหัศจรรย์ของลิสบอนที่สามารถทำให้หัวใจคุณเต้นแรงได้ในทุก ๆ ช่วงเวลา

ท่าเรือลิสบอนตั้งอยู่ริมน้ำแทกุส สร้างขึ้นบนเนินเขาสูงเจ็ดลูก ซึ่งทำให้ลิสบอนกลายเป็นเมืองที่งดงามและเปล่งประกายด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมที่หลากหลายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พร้อมทั้งรถรางไม้ที่ให้บรรยากาศย้อนยุค อันเป็นเอกลักษณ์ของเมืองแห่งนี้ ท่านจะได้เดินเล่นใน Praça do Comércio ซึ่งคือจัตุรัสอันกว้างใหญ่ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ที่ถูกออกแบบให้สวยงามโดยมาร์คิวสแห่งปอมบาล หลังจากแผ่นดินไหวที่ทำลายล้างในศตวรรษที่ 18 การเยี่ยมชมลิสบอนจึงไม่เพียงแค่ชมความงามพระอาทิตย์ตกแบบโรแมนติกใต้สะพาน 25 Abril แต่ยังมีกิจกรรมช้อปปิ้งและสัมผัสวัฒนธรรมในเมืองเก่า ที่สร้างอยู่บนเนินเขาที่ลาดเอียง การแวะเยือนของเรือสำราญที่ท่าเรือลิสบอนทำให้ท่านมีโอกาสสัมผัสทั้งวัฒนธรรมและความงามของเมืองที่ไม่สิ้นสุด ซึ่งรอให้คุณได้ค้นพบในทุกมุมถนน รับประสบการณ์อันหรูหราจากการเดินทางในครั้งนี้ และสัมผัสความมหัศจรรย์ของลิสบอนที่สามารถทำให้หัวใจคุณเต้นแรงได้ในทุก ๆ ช่วงเวลา

ท่าเรือลิสบอนตั้งอยู่ริมน้ำแทกุส สร้างขึ้นบนเนินเขาสูงเจ็ดลูก ซึ่งทำให้ลิสบอนกลายเป็นเมืองที่งดงามและเปล่งประกายด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมที่หลากหลายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พร้อมทั้งรถรางไม้ที่ให้บรรยากาศย้อนยุค อันเป็นเอกลักษณ์ของเมืองแห่งนี้ ท่านจะได้เดินเล่นใน Praça do Comércio ซึ่งคือจัตุรัสอันกว้างใหญ่ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ที่ถูกออกแบบให้สวยงามโดยมาร์คิวสแห่งปอมบาล หลังจากแผ่นดินไหวที่ทำลายล้างในศตวรรษที่ 18 การเยี่ยมชมลิสบอนจึงไม่เพียงแค่ชมความงามพระอาทิตย์ตกแบบโรแมนติกใต้สะพาน 25 Abril แต่ยังมีกิจกรรมช้อปปิ้งและสัมผัสวัฒนธรรมในเมืองเก่า ที่สร้างอยู่บนเนินเขาที่ลาดเอียง การแวะเยือนของเรือสำราญที่ท่าเรือลิสบอนทำให้ท่านมีโอกาสสัมผัสทั้งวัฒนธรรมและความงามของเมืองที่ไม่สิ้นสุด ซึ่งรอให้คุณได้ค้นพบในทุกมุมถนน รับประสบการณ์อันหรูหราจากการเดินทางในครั้งนี้ และสัมผัสความมหัศจรรย์ของลิสบอนที่สามารถทำให้หัวใจคุณเต้นแรงได้ในทุก ๆ ช่วงเวลา

ท่าเรือลิสบอนตั้งอยู่ริมน้ำแทกุส สร้างขึ้นบนเนินเขาสูงเจ็ดลูก ซึ่งทำให้ลิสบอนกลายเป็นเมืองที่งดงามและเปล่งประกายด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมที่หลากหลายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พร้อมทั้งรถรางไม้ที่ให้บรรยากาศย้อนยุค อันเป็นเอกลักษณ์ของเมืองแห่งนี้ ท่านจะได้เดินเล่นใน Praça do Comércio ซึ่งคือจัตุรัสอันกว้างใหญ่ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ที่ถูกออกแบบให้สวยงามโดยมาร์คิวสแห่งปอมบาล หลังจากแผ่นดินไหวที่ทำลายล้างในศตวรรษที่ 18 การเยี่ยมชมลิสบอนจึงไม่เพียงแค่ชมความงามพระอาทิตย์ตกแบบโรแมนติกใต้สะพาน 25 Abril แต่ยังมีกิจกรรมช้อปปิ้งและสัมผัสวัฒนธรรมในเมืองเก่า ที่สร้างอยู่บนเนินเขาที่ลาดเอียง การแวะเยือนของเรือสำราญที่ท่าเรือลิสบอนทำให้ท่านมีโอกาสสัมผัสทั้งวัฒนธรรมและความงามของเมืองที่ไม่สิ้นสุด ซึ่งรอให้คุณได้ค้นพบในทุกมุมถนน รับประสบการณ์อันหรูหราจากการเดินทางในครั้งนี้ และสัมผัสความมหัศจรรย์ของลิสบอนที่สามารถทำให้หัวใจคุณเต้นแรงได้ในทุก ๆ ช่วงเวลา






ห้องสวีทใหญ่สุดหรูที่มีวิวแม่น้ำขนาด 280 ตารางฟุต (26 ตารางเมตร) พร้อมระเบียงฝรั่งเศส ห้องสวีทนี้ตกแต่งด้วยเตียง Savoir® ที่ทำมือจากอังกฤษ และมีตู้เสื้อผ้าในตัว ไดร์เป่าผม ตู้นิรภัย เทอร์โมสแตทแบบแยกส่วน และทีวีจอแบนที่มีศูนย์ข้อมูลบันเทิง ห้องน้ำที่ทำจากหินอ่อนมีผลิตภัณฑ์อาบน้ำและบำรุงผิว Asprey ผ้าขนหนูนุ่มหรู เครื่องทำความร้อนสำหรับผ้าขนหนู ชุดคลุมอาบน้ำและรองเท้าแตะ สายฝนอาบน้ำและอ่างอาบน้ำ กระจกขยายที่มีไฟและกระจกทำความร้อน พร้อมพื้นที่สำหรับใช้ห้องน้ำแบบเป็นส่วนตัว นอกจากนี้ยังมีบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มเติม เช่น บริการบัตเลอร์ในห้องพัก การช่วยแพ็คและแกะสัมภาระ บริการอาหารเช้าในห้องพัก จานผลไม้และคุกกี้ประจำวัน พร้อมของว่างในตอนเย็นที่หรูหรา เครื่องชงกาแฟ Nespresso และชาที่คัดสรรไว้ มีมินิบาร์ที่จัดเต็มขวดไวน์เมื่อมาถึง บริการทำความสะอาดรองเท้า และบริการซักรีดฟรี








豪華河景套房(210平方英尺 - 19.5平方公尺)擁有英國手工打造的Savoir®床、內建衣櫥、吹風機、安全箱、獨立恆溫器和配備資訊娛樂中心的平面電視。浴室以大理石裝潢,提供Asprey的沐浴產品、柔軟毛巾、毛巾加熱器、背光放大鏡、加熱鏡、舒適浴袍與拖鞋。其他設施與服務還包括客房管家服務、包裝與拆包協助、客房早餐、每日水果與餅乾盤以及高雅的晚間小吃,另備有Nespresso咖啡機和精美茶品、完全補充的迷你酒吧、應要求提供的葡萄酒、鞋子清洗服務及免費洗衣服務,讓您在這個奢華的住宿體驗中充分享受每一刻。


ห้องพักระดับหรูเหนือแม่น้ำขนาด 140 ตารางฟุต (13 ตารางเมตร) พร้อมระเบียงฝรั่งเศส สะท้อนถึงการออกแบบที่สง่างามด้วยเตียง Savoir® ที่ทำด้วยมือจากอังกฤษ ตู้เสื้อผ้าติดตั้ง, เครื่องเป่าผม, ตู้นิรภัย, อุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิส่วนบุคคล และทีวีจอแบนพร้อมศูนย์ข้อมูลความบันเทิง ห้องน้ำหินอ่อนมีผลิตภัณฑ์แบรนด์ Asprey สำหรับใช้ในอาบน้ำและร่างกาย, ผ้าขนหนูสุดหรู, เครื่องทำความร้อนผ้าขนหนู, กระจกที่ทำความร้อน, กระจกขยายที่มีไฟส่องสว่าง, เสื้อคลุมอาบน้ำและรองเท้าแตะที่แสนสบาย ทุกสิ่งถูกออกแบบมาเพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ที่เย้ายวนใจและผ่อนคลายสูงสุดในห้องพักระดับ ระเบียงฝรั่งเศส


ห้องสเตทรูมสุดหรูที่มองเห็นวิวแม่น้ำ (พื้นที่ 151 ตารางฟุต - 14 ตารางเมตร) มาพร้อมกับเตียง Savoir® ที่ออกแบบอย่างประณีตจากอังกฤษ มีตู้เสื้อผ้าบรรจุแบบติดผนัง, ไดร์เป่าผม, ตู้นิรภัย, ระบบปรับอากาศแบบส่วนตัว, และทีวีจอแบนพร้อมศูนย์ข้อมูลบันเทิง ภายในห้องน้ำมาร์เบิลที่มีผลิตภัณฑ์อาบน้ำและบอดี้จาก Asprey, ผ้าขนหนูนุ่มพิเศษ, เครื่องทำความร้อนผ้าขนหนู, กระจกอุ่น, กระจกขยายที่มีแสงส่องสว่าง, เสื้อคลุมและรองเท้าแตะที่สบาย นอกจากนี้ ห้องสเตทรูมหมายเลข 201, 202, 230, และ 231 จะมีหน้าต่างที่มีขนาดเล็กกว่าหน้าต่างห้องดีลักซ์ทั่วไปประมาณ 30%

ห้องพักที่มีความหรูหราและวิวแม่น้ำ ขนาด 151 ตารางฟุต (14 ตารางเมตร) มาพร้อมกับเตียงที่ทำด้วยมือจาก Savoir® ประเทศอังกฤษ ตู้เสื้อผ้าที่ติดตั้งไว้ภายใน เครื่องเป่าผม ตู้นิรภัย เทอร์โมสแตทแบบแยกส่วน และทีวีจอแบนที่มีศูนย์ข้อมูลความบันเทิง นอกจากนี้ยังมีห้องน้ำที่ตกแต่งด้วยหินอ่อนซึ่งมีผลิตภัณฑ์อาบน้ำและบำรุงจาก Asprey ผ้าขนหนูนุ่มสบาย เครื่องทำอุ่นผ้าขนหนู กระจกทำความร้อน กระจกขยายที่มีแสงสว่าง และเสื้อคลุมและรองเท้าแตะที่สะดวกสบาย โดยมีช่องหน้าต่างที่ตั้งอยู่ระดับน้ำเพื่อให้คุณได้สัมผัสบรรยากาศแม่น้ำอย่างใกล้ชิดในห้องพัก คลาสสิกนี้เป็นที่พักที่เหมาะสำหรับผู้ที่แสวงหาความหรูหราในทุกขณะเวลาในการเดินทางของคุณ