
02-27217300
02-27217179
service@siloahtravel.com
Monday ~ Friday 09:00-18:00
14F.-3, No.137, Sec. 1, Fuxing S. Rd., Da’an Dist., Taipei City 106, Taiwan
Representative: Tung-Hua Tai
VAT: 43871553
交觀甲793500 品保北2260 隱私權條款
Copyright © 2025 Siloah Travel Co., Ltd.. All rights reserved.

S.S. Victoria
ยูนิโลด์ บูติค ริเวอร์ ครูซส์


ท่าเรือบรัสเซล (Bruxelles) ในเบลเยียม เป็นจุดเริ่มต้นการผจญภัยที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และประวัติศาสตร์ ที่นี่ คุณจะได้พบกับการ์ตูนและอดีตเรียกขานของเมืองในทุกๆ มุม ผ่านสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่งดงามซึ่งประดับประดาด้วยศิลปะอันล้ำค่า บรัสเซลเป็นศูนย์กลางของธุรกิจและวัฒนธรรม มีสถานที่สำคัญมากมายที่ควรค่าแก่การสำรวจ ไม่ว่าจะเป็นจัตุรัสกรองด์ปลาซ (Grand Place) ที่ถูกรายล้อมด้วยอาคารสวยงามจากยุคบาโรก รวมถึงพิพิธภัณฑ์และแกลเลอรีที่แสดงงานศิลปะแห่งชาติที่ตื่นตาตื่นใจ เมื่อลงจากเรือสำราญ คุณสามารถเดินสำรวจตลาดสดที่มีชื่อเสียง หรือใช้เวลาในสวนสาธารณะที่เงียบสงบ นอกจากนี้ เมืองนี้ยังมีชื่อเสียงเกี่ยวกับช็อคโกแลตและเบียร์ที่มีคุณภาพดีเยี่ยม จึงไม่ควรพลาดการลิ้มลองความอร่อยที่หาตัวจับยาก หากคุณเป็นคนรักอาหาร บรัสเซลจะมอบประสบการณ์ที่หาที่ไหนไม่ได้ ให้บรัสเซลเป็นจุดหมายปลายทางในการเดินทางของคุณ พร้อมสร้างความทรงจำที่ตราตรึงในใจ การค้นหาวัฒนธรรมและรสชาติใหม่ๆ รอคุณอยู่ที่ท่าเรือแห่งนี้

แอนต์เวิร์ป (Antwerp) ถือเป็นเมืองที่มีเสน่ห์โดดเด่นอยู่ในประเทศเบลเยียม เมืองนี้เป็นที่รู้จักกันในฐานะเมืองแห่งเพชรและศิลปะที่สำคัญของยุโรป ด้วยบรรดาศิลปินที่มีชื่อเสียงซึ่งเคยสร้างสรรค์ผลงานที่นี่ เช่น รูเบนส์ และติซิปิเยอ ไม่เพียงแต่มีความงามของศิลปะเท่านั้น แต่แอนต์เวิร์ปยังเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมเพชรที่มีชื่อเสียง ซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้าและโชว์รูมเพชรที่สวยงาม นอกจากอุตสาหกรรมเพชรแล้ว เมืองนี้ยังเป็นที่ตั้งของแฟชั่นที่น่าตื่นตาตื่นใจ มีการออกแบบที่ไม่ซ้ำใครและน่าค้นหา และยังมีพิพิธภัณฑ์หลายแห่งที่จัดแสดงผลงานศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น พิพิธภัณฑ์แม่บ้าน รูเบนส์ ซึ่งเป็นบ้านของศิลปินชื่อดัง พร้อมด้วยหอศิลป์อีกมากมาย สัมผัสบรรยากาศสุดหรูในย่านเก่าแก่ของแอนต์เวิร์ป เดินช้อปปิ้งที่ถนนแฟชั่น และเพลิดเพลินกับอาหารท้องถิ่นที่มีชื่อเสียง จึงไม่แปลกใจเลยที่แอนต์เวิร์ปจะกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวหลายคนใฝ่ฝันถึง ระหว่างการเดินทางสำรวจเมืองนี้ คุณจะได้ค้นพบความงดงามที่ซ่อนอยู่และสัมผัสถึงความสร้างสรรค์อันไม่มีที่สิ้นสุดในแอนต์เวิร์ป เมืองที่พร้อมเปิดประตูต้อนรับคุณด้วยประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร.

ท่าเรือเมืองมาสทริชท์ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ไม่เพียงแต่จะเป็นสถานที่ที่มีทัศนียภาพอันงดงาม แต่ยังเป็นจุดศูนย์กลางการเดินทางที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์การเดินทางที่หรูหราและมีเสน่ห์อีกด้วย เมืองนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำไมส์ ซึ่งเป็นจุดที่มีบรรยากาศโรแมนติกและเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวที่ต้องการชื่นชมความงามของสถาปัตยกรรมโบราณและวัฒนธรรมที่หลากหลาย ในบริเวณใกล้เคียงนักท่องเที่ยวสามารถสำรวจสะพานโบราณซาร์นเก้นซึ่งมีความงดงามที่เป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ตกดิน นอกจากนี้คุณยังสามารถเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจอย่างพิพิธภัณฑ์เซนต์ปีเตอร์และหอศิลป์ที่นำเสนอผลงานงานศิลปะจากศิลปินชื่อดัง ไม่เพียงแค่ความงดงามของทิวทัศน์และวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ แต่ยังมีกิจกรรมหลากหลายรอให้คุณได้เปิดประสบการณ์ไม่ว่าจะเป็นการล่องเรือบนแม่น้ำไมส์ หรือการสัมผัสกับวัฒนธรรมท้องถิ่นที่อร่อยต่าง ๆ ในตลาดที่มีสินค้าอุดมสมบูรณ์ ตั้งแต่ชีสที่มีชื่อเสียงไปจนถึงขนมอบชั้นเลิศที่เชิญชวนให้คุณทดลอง มาสทริชท์เป็นจุดหมายปลายทางที่เชิญชวนให้คุณมาสัมผัสความงดงามแห่งเนเธอร์แลนด์ พิสูจน์ให้เห็นถึงความสง่างามที่รอให้คุณค้นพบในทุกมุมมอง คุณจะไม่พลาดความสุขและความประทับใจที่มอบให้จากการเดินทางที่หรูหรานี้
ท่าเรือโรเออร์มอนด์ ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดสำหรับนักเดินทางที่หลงใหลในความงดงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมอันหลากหลาย นอกจากจะเป็นท่าเรือสำคัญที่ให้บริการเรือสำราญแล้ว โรเออร์มอนด์ยังนำเสนอภาพทิวทัศน์ที่งดงามของเมืองเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และความมีชีวิตชีวา เมื่อคุณก้าวออกจากเรือสำราญ คุณจะถูกดึงดูดโดยคลองและสะพานอันงดงามที่เรียงรายอยู่รอบๆ เมือง นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ช็อปปิ้งที่ทันสมัยและร้านอาหารที่มีความอร่อยรอเสิร์ฟคุณทุกช่วงเวลา เพลิดเพลินไปกับการเดินชมสถานที่สำคัญ เช่น โบสถ์เซนต์ไมเคิล ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองที่มีสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิคที่น่าทึ่ง ไม่เพียงแค่ความงามของเมือง โรเออร์มอนด์ยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสำรวจธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของภูมิภาคลิมบูร์ก สามารถนั่งจักรยานตามเส้นทางที่งดงาม หรือเดินป่าในพื้นที่สงบเงียบที่รอบล้อมเมือง สัมผัสกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยสีสันของท้องฟ้าและธรรมชาติที่เขียวชอุ่ม โรเออร์มอนด์เป็นมากกว่าท่าเรือ มันคือการเดินทางสู่ความรู้สึกแห่งการค้นพบและพักผ่อนที่หรูหรา รอให้คุณมาสัมผัสกับประสบการณ์อันยอดเยี่ยมที่นี่

ดุ๊ยส์เบิร์ก (Düsseldorf) เมืองที่มีเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์แห่งประเทศเยอรมนี เป็นหนึ่งในท่าเรือสำคัญที่เรือสำราญมักแวะจอดเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสความงดงามของเมืองนี้ เมืองแห่งแฟชั่นและศิลปะ ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำไรน์อันงดงาม ที่นี่คุณจะได้พบกับย่านเก่าเมืองที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมเหนือกาลเวลา รวมถึงอนุสาวรีย์และโบสถ์ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เช่น โบสถ์ St. Lambertus ที่มีหอคอยเบี้ยวเป็นเอกลักษณ์ นอกจากนี้ยังมีถนนคูอาดสตราซเซ่ (Königsallee) ที่เรียงรายไปด้วยร้านค้าแบรนด์เนมและคาเฟ่บรรยากาศสุดหรู เพื่อสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่หาไม่ได้จากที่ไหน เมื่อเดินตามริมแม่น้ำไรน์ คุณจะได้สัมผัสกับวิวที่สวยงามของท่าเรือและอาคารโมเดิร์นที่สร้างความสมดุลให้กับบรรยากาศแบบดั้งเดิม และอย่าลืมลิ้มลองอาหารขึ้นชื่ออย่าง "Rheinischer Sauerbraten" หรือ "มีทสตูว์" ที่ทำให้การเดินทางของคุณเต็มไปด้วยรสชาติอันหลากหลาย ดุ๊ยส์เบิร์กจึงไม่ใช่เพียงแค่จุดหมายปลายทางที่ธรรมดา แต่เป็นประตูสู่ประสบการณ์ทางวัฒนธรรมและศิลปะที่คุณไม่ควรพลาดในการเดินทางครั้งนี้.

โคโลญ (Cologne) เป็นเมืองที่มีเสน่ห์และประวัติศาสตร์อันยาวนานในเยอรมัน ตั้งอยู่ริมแม่น้ำไรน์ และเป็นหนึ่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศนี้ มีอายุกว่า 2,000 ปี และถือเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมที่สำคัญของภูมิภาค เมืองโคโลญเป็นที่รู้จักกันดีจากสัญลักษณ์ที่เด่นชัดที่สุดคือมหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral) ที่ตั้งตระหง่านคู่ระหว่างตึกเก่าในย่านเก่า (Old Town) เมื่อมาเยือนย่านเก่า นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดที่จะสัมผัสประสบการณ์เยี่ยมชมศาลากลางเก่า (Old Town Hall) และโบสถ์โรมันเซนต์มาร์ติน (Great St Martin) นอกจากนี้ยังมีตำแหน่งอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น โมเสคดีโอโนซัส (Roman Dionysus mosaic) และบ้านโอเวอร์สโทลเซน (Overstolzenhaus) ซึ่งเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ที่ควรค่าแก่การค้นหาด้วย อีกหนึ่งจุดหมายที่โดดเด่นในโคโลญคือสะพานโฮเฮนโซลเลิร์น (Hohenzollern Bridge) ที่ซึ่งคู่รักทั้งจากในเมืองและนักท่องเที่ยวต่างนิยมมาทำพิธีผูกสัมพันธ์โดยการติดล็อกที่ราวสะพาน แล้วทิ้งกุญแจลงสู่แม่น้ำไรน์ เพื่อหวังความรักที่ยืนยาวอย่างมั่นคง การแสดงคาบาเร่ต์และวัฒนธรรม LGBTQ+ ที่เปิดเผยของเมืองนี้ ยังเพิ่มสีสันและความหลากหลายให้กับประสบการณ์การเยี่ยมชมโคโลญอีกด้วย มาประสบการณ์ความงดงามแห่งวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และความรักในโคโลญแล้วคุณจะหลงใหลไม่รู้ลืม!

โคเคม (Cochem) เป็นเมืองเล็กในประเทศเยอรมนีที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโมเซลล์ ห้อมล้อมไปด้วยภูเขาเขียวขจีและไร่องุ่นที่น่าหลงใหล เมืองนี้เป็นจุดหมายปลายทางที่สมบูรณ์แบบสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศโรแมนติกและวัฒนธรรมที่หลากหลาย ด้วยท่าเรือที่สะดวกสบายสำหรับเรือสำราญ โคเคมได้กลายเป็นจุดแวะพักที่น่าสนใจในเส้นทางเดินเรือสำราญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูใบไม้ร่วงเมื่อใบไม้เปลี่ยนสี หนึ่งในไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดคือปราสาทโคเคม (Reichsburg Cochem) ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขา มอบวิวที่งดงามของเมืองและแม่น้ำ ใกล้ ๆ กันยังมีถนนสายไวน์ที่เด็กและผู้ใหญ่สามารถเพลิดเพลินกับการชิมไวน์ท้องถิ่นได้ ไม่ว่าจะเป็นไวน์ขาวหรือไวน์โรเซ่ที่ผลิตจากองุ่นแบบพิเศษที่ปลูกในภูมิประเทศที่สวยงามแห่งนี้ นอกจากนี้ แหล่งช็อปปิ้งและร้านอาหารท้องถิ่นอีกมากมายจะทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกถึงการต้อนรับอบอุ่นและมิตรภาพของชาวเยอรมัน เมืองโคเคมจึงไม่เพียงแค่เป็นท่าเรือสำหรับการหยุดพักที่สะดวก แต่อยู่ในใจของนักเดินทางที่ปรารถนาจะเติมเต็มความงดงามและเสน่ห์ในรูปแบบของการเดินทางที่ไม่เหมือนใคร.

ในเมือง Trier ประเทศเยอรมนี ท่าเรือที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และความงดงามของสถาปัตยกรรมโรมัน นี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโมเซลล์ (Moselle) ซึ่งจะนำคุณไปสู่การผจญภัยที่หลากหลายและน่าจดจำ ท่าเรือแห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการสำรวจเมืองเก่าแก่ที่สุดในเยอรมนีเท่านั้น แต่ยังเป็นเส้นทางสู่ความงามของธรรมชาติรอบๆ รวมถึงไวน์ชั้นเยี่ยมที่มีชื่อเสียงของภูมิภาคนี้อีกด้วย เมื่อคุณเดินทางถึง Trier นอกจากจะได้สัมผัสกับท่าเรืออันแสนสงบแล้ว คุณยังสามารถสำรวจสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น ประตูเมือง Porta Nigra ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมือง และเทศกาลไวน์ของแม่น้ำโมเซลล์ซึ่งนับว่าเป็นประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาด นักท่องเที่ยวจะได้ลิ้มรสไวน์ท้องถิ่น ขณะชมวิวทิวทัศน์ที่งดงามริมฝั่งแม่น้ำที่ล้อมรอบไปด้วยไร่องุ่น การเยือนที่ท่าเรือ Trier เป็นการเปิดโอกาสให้คุณได้สัมผัสกับวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่หลากหลาย ความลงตัวระหว่างความงดงามของสถาปัตยกรรมโรมันและธรรมชาติที่สวยงาม ทำให้ Trier เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยวที่แสวงหาความท้าทายและความสุขใจในเวลาเดียวกัน

พบกับเมืองเบอร์นคาสเทล-คูส ที่ประดับด้วยเสน่ห์แห่งประวัติศาสตร์และความงดงามโดยรอบริมฝั่งแม่น้ำโมเซล เมืองนี้มักถูกเรียกว่า "เพชรเม็ดงามแห่งโมเซล" ด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงามของอาคารโบราณและภูมิทัศน์ที่เขียวขจีของสวน葡萄ที่ทอดตัวยาวไปตลอดสองฝั่งแม่น้ำ ท่าเรือที่เมืองเบอร์นคาสเทล-คูส เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางสู่การสำรวจวัฒนธรรมและการชิมไวน์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก โดยเฉพาะไวน์ Riesling ที่โด่งดัง เมื่อมาเยือน สามารถเพลิดเพลินกับการล่องเรือบนแม่น้ำโมเซล เพื่อสัมผัสบรรยากาศที่สวยงามและสงบเรียบ นอกจากโรงบ่มไวน์ที่มีชื่อเสียง คุณยังสามารถเยี่ยมชมปราสาทเบิร์นคาสเทล (Burg Landshut) ซึ่งตั้งอยู่สูงส่งบนเขา ชมวิวทิวทัศน์ของเมืองและแม่น้ำได้อย่างตระการตา หรือเดินเล่นตามถนนสายแฟร์นไคลด์ (Fachwerk) ที่มีสถาปัตยกรรมไม้ขวางที่น่าหลงใหล เบอร์นคาสเทล-คูส ไม่เพียงแต่เป็นท่าเรือ แต่ยังเป็นสถานที่ที่เปิดประตูสู่การเดินทางผ่านกลิ่นอายวัฒนธรรม โอบล้อมด้วยธรรมชาติที่สวยงาม พร้อมสร้างความทรงจำอันน่าประทับใจให้แก่ผู้มาเยือนอย่างไม่รู้ลืม

โคเบลนซ์ (Koblenz) เมืองที่เก่าแก่และสวยงามตั้งอยู่ในภูมิภาคตะวันตกของประเทศเยอรมัน ศูนย์กลางสำคัญที่ตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำไรน์และแม่น้ำโมเซลล์ ที่นี่เป็นที่มาของประวัติศาสตร์มากมายที่ยาวนานนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 8 ซึ่งนครโคเบลนซ์นั้นเรียกได้ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถสำรวจได้อย่างเต็มที่เพียงแค่เดินเท้า การขึ้นกระเช้าลอยฟ้าข้ามแม่น้ำไรน์จะทำให้คุณได้เห็นวิวที่งดงามได้อย่างชัดเจน หรือลองเยี่ยมชมป้อมปราการเอเฮนไบรท์เซน (Ehrenbreitstein) ที่มีอายุกว่า 1,000 ปี เพื่อสัมผัสกับประวัติศาสตร์และมรดกทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ นอกจากนี้ โคเบลนซ์ยังเป็นหนึ่งในพื้นที่มรดกโลกขององค์การยูเนสโกกับหุบเขาไรน์ตอนกลาง ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถสำรวจได้อย่างน่าตื่นเต้น สิ่งที่ไม่ควรพลาดในโคเบลนซ์ ได้แก่ ปราสาทสโทลเซนเฟลส์, พระราชวังอิเล็กทอรัล และเมืองเก่าที่มีเสน่ห์ ด้วยถนนเล็ก ๆ ที่โรยด้วยความโรแมนติกและสแควร์สวยงาม เมื่อเดินผ่านคริสตจักรของพระแม่มารีย์ถึงมหาวิหารนักบุญคาสเตอร์ จะทำให้คุณได้สัมผัสกับบรรยากาศที่น่าหลงใหล นอกจากนี้เรายังมีไวน์ที่มีชื่อเสียงอย่างไรส์ลิ่งและสปัตบูร์กันเดอร์ ซึ่งมีประวัติศาสตร์มาตั้งแต่สมัยโรมันที่จะทำให้คุณประทับใจไม่รู้ลืม

เมื่อคุณตั้งใจที่จะสำรวจความสวยงามของประเทศเยอรมนี ท่าเรือ Rüdesheim ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่น่าหลงใหล การเดินทางสู่เมืองนี้เป็นการเปิดประตูสู่เสน่ห์ของแคว้นไรน์ ซึ่งเป็นที่รู้จักด้วยภูมิทัศน์ที่งดงามของหุบเขาไรน์ที่เต็มไปด้วยไร่องุ่นประดับประดาไปด้วยปราสาทโบราณและหมู่บ้านที่น่ารัก Rüdesheim ตั้งอยู่ริมแม่น้ำไรน์ ต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยหมู่บ้านที่มีเอกลักษณ์ ด้วยสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมและถนนที่มีชีวิตชีวา คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศสุดคลาสสิกที่เต็มไปด้วยสีสัน เช่น การชิมไวน์รสเลิศจากไร่องุ่นที่มีชื่อเสียง คุณสามารถเยือน Drosselgasse ถนนแคบๆ ที่เต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหาร มีเสียงเพลงโฟล์คที่เชิญชวนให้คุณดื่มด่ำไปกับความสุข นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด เช่น การนั่งรถสายลอยฟ้าข้ามแม่น้ำไรน์ไปยังยอดเขานอกจากนี้การสำรวจปราสาทโบราณที่ตั้งตระหง่านอยู่เหนือภูเขา จะทำให้คุณได้ซึมซับประวัติศาสตร์อันล้ำค่า ด้วยบรรยากาศที่อบอุ่นและมนต์เสน่ห์ของท่าเรือ Rüdesheim มันคือสถานที่ที่เปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจ พร้อมนำคุณเข้าสู่การเดินทางที่น่าประทับใจและความทรงจำที่ยากจะลืมเลือนในเส้นทางการสำรวจยุโรปของคุณ.

เมืองสเปเยอร์ (Speyer) ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศเยอรมนี ในบริเวณริมฝั่งแม่น้ำไรน์ เป็นหนึ่งในเมืองโบราณที่ถูกก่อตั้งโดยชาวโรมัน และถือเป็นจุดหมายที่ไม่ควรพลาดสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อันล้ำค่า หนึ่งในสถานที่สำคัญที่น่าสนใจคือ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งปัลลาทิเนท (Historical Museum of the Palatinate) ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในเยอรมนี ภายในมีการจัดแสดงคอลเลกชันถาวรที่น่าทึ่ง เช่น สมัยก่อนประวัติศาสตร์ สมัยโรมัน และพิพิธภัณฑ์ไวน์ ที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวที่หลงใหลในโลกของไวน์ นอกจากนี้ยังมีมหาวิหารจักรพรรดิ (Imperial Cathedral) ซึ่งเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกและเป็นโบสถ์โรมันจัดที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป มหาวิหารนี้สร้างขึ้นเพื่อแสดงถึงพลังแบบศาสนาและการเมืองของพระผู้เป็นเจ้า สำหรับผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้ง สเปเยอร์มีทางเดินให้เดินป่าและปั่นจักรยาน รวมถึงทัวร์เดินชมเมือง ที่จะพาคุณไปสัมผัสบรรยากาศอันสวยงามของเมืองนี้เป็นอย่างดี ไม่ว่าเมื่อไหร่ คุณก็สามารถเพลิดเพลินไปกับเทศกาลไวน์และกิจกรรมที่จัดขึ้นตลอดทั้งปีในเมืองแห่งนี้.

ท่าเรือที่เมืองสตราสบูร์ก (Strasbourg) นับเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ควรสำรวจสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนฝรั่งเศส ท่าเรือที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำอิลล์ (Ill) นี้ไม่เพียงแต่เป็นที่หยุดพักของเรือสำราญที่ล่องมีเสน่ห์ในยุโรป แต่ยังเป็นประตูสู่วัฒนธรรมที่หลากหลาย ชมความงดงามของสถาปัตยกรรมแบบกอธิคที่มีชื่อเสียงอย่างโดมมหาวิหารน็อทร์-ดาม (Notre-Dame Cathedral) ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของเมืองแห่งนี้ นอกจากนั้น นักท่องเที่ยวสามารถสำรวจเมืองเก่าสตราสบูร์กซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก โดยสามารถเดินเล่นในตรอกซอยแคบ ๆ อันเต็มไปด้วยอาคารโบราณและร้านค้าเล็ก ๆ ที่ขายสินค้าหัตถกรรมพื้นเมือง ทั้งนี้ เมืองยังมีเสน่ห์ของสวนสาธารณะเบอซา (Parc de l'Orangerie) ที่สวยงาม เหมาะแก่การพักผ่อนพร้อมชมวิวทิวทัศน์ของธรรมชาติ สำหรับผู้ที่รักการชิมอาหาร ไม่ควรพลาดการลองชิม "ชะเปล (Choucroute)" อาหารพื้นบ้านที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของภูมิภาคนี้ การเยือนสตราสบูร์กจึงเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่ทำให้หัวใจเต้นแรงกับความงดงามของวัฒนธรรมรอบตัว ในการเดินทางครั้งนี้ คุณจะได้สัมผัสไม่เพียงแต่ความสวยงาม ยังมีความงดงามของชีวิตที่เต็มไปด้วยความหลากหลายซุกซ่อนอยู่ในทุกมุมของเมืองนี้ มาร่วมสร้างความทรงจำในฝรั่งเศสกับเราเถอะ!

เมืองลูเซิร์น (Lucerne) ตั้งอยู่ท่ามกลางทะเลสาบลูเซิร์นซึ่งถูกล้อมรอบด้วยภูเขาที่มีหิมะปกคลุม เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมในยุคกลางซึ่งยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี เมืองนี้ถูกเรียกว่า "เพชรเม็ดงาม" ของสวิตเซอร์แลนด์ ด้วยประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและบรรยากาศที่น่าหลงใหล หนึ่งในสถานที่ที่โดเด่นที่สุดในลูเซิร์นคือบริษัทยาวแห่งความงามแห่งสมัยกลางอย่าง Kapellbrücke หรือสะพานชาเปล ซึ่งสร้างขึ้นในปี 1333 เป็นสะพานไม้ที่มีชื่อเสียงของเมืองเชื่อมต่อกันระหว่างเมืองเก่ากับฝั่งแม่น้ำรูสส์ นอกจากนี้ เมืองยังมี Museggmauer ซึ่งเป็นกำแพงเมืองเก่าที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 สูงถึง 870 เมตร เพิ่มบรรยากาศย้อนยุคให้กับการสำรวจเมือง การเดินเล่นในเมืองเก่าจะพาคุณผ่านตรอกซอกซอยที่มีสีสัน ร้านค้าเรียงรายที่ขายของที่ระลึกและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น เพลิดเพลินไปกับอาหารสวิสแท้ๆ ในบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง ลูเซิร์นไม่เพียงแต่เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจ แต่ยังเป็นประตูสู่การสำรวจความงดงามของธรรมชาติรอบๆ ทั้งภูเขาและทะเลสาบ ที่จะทำให้การเดินทางของคุณเต็มไปด้วยความทรงจำอันล้ำค่าอย่างไม่รู้ลืม

บาเซิล เมืองที่ตั้งอยู่ในทางตะวันตกเฉียงเหนือของสวิตเซอร์แลนด์ เป็นเมืองที่โดดเด่นด้วยความสวยงามและเสน่ห์ทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย ตั้งอยู่บริเวณมุมของแม่น้ำไรน์ ทำให้บาเซิลมีภูมิอากาศที่ต้องมนต์ สร้างบรรยากาศที่เหมาะแก่การเดินเล่นและสำรวจความเป็นไปของเมือง เมืองบาเซิลเป็นศูนย์กลางด้านศิลปะและวัฒนธรรมของสวิตเซอร์แลนด์มาตั้งแต่ในช่วงเรอเนซองส์ ที่นี่มีพิพิธภัณฑ์ Kunstmuseum ซึ่งเป็นเจ้าของผลงานอันล้ำค่าของปีกัสโซ ซึ่งเขาได้มอบผลงานให้กับเมืองนี้เมื่อปี 1967 ด้วยความภาคภูมิใจและรู้สึกประทับใจในวัฒนธรรมที่นี่ นอกจากนี้ บาเซิลยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย อาทิเช่น โบราณสถานอ็อกสต้า รอริคา (Augusta Raurica) ที่เป็นหนึ่งในสวนโบราณคดีที่ใหญ่ที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ และกิจกรรมมากมายในช่วงฤดูร้อนที่สร้างสรรค์ให้ท่านได้เพลิดเพลินกับการว่ายน้ำในแม่น้ำไรน์ รับประทานอาหารนอกบ้าน หรือสัมผัสกับเทศกาลและคอนเสิร์ตกลางแจ้งที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา บาเซิลยังมีร้านอาหารที่ได้รับรางวัล GaultMillau และมิชลินมากมาย พร้อมกับการแสดงทางศิลปะที่หลากหลาย ทำให้ผู้มาเยือนสามารถสัมผัสประสบการณ์ที่ไม่ซ้ำใครในเมืองนี้ เตรียมตัวให้พร้อมเพื่อเดินทางสู่เมืองที่ล้ำค่าทางศิลปะและวัฒนธรรมแห่งนี้เถอะ!








ห้องชุดราชวงศ์มีพื้นที่ขนาด 506 ตารางฟุต (47 ตารางเมตร) มอบความหรูหราด้วยห้องนั่งเล่นกว้างขวาง พร้อมด้วยเตียงขนาดคิงไซส์ที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นเตียงคู่ได้ โดดเด่นด้วยชุดผ้าปูที่นอนที่มีคุณภาพสูง, ตู้เสื้อผ้าแบบ walk-in, ไดร์เป่าผม, ตู้เซฟ, ระบบปรับอากาศเฉพาะบุคคล, และทีวีจอแบนพร้อมศูนย์ข้อมูลสาระบันเทิง ห้องน้ำมีขนาดใหญ่พร้อมผลิตภัณฑ์อาบน้ำและผิวกายแบรนด์ Asprey, ผ้าขนหนูนุ่มสบาย, ชุดคลุมอาบน้ำและรองเท้าแตะที่ให้ความสบาย, เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าสองชั้น, และฝักบัวแบบฝน นอกจากนี้ยังมีบริการสุดพิเศษ รวมถึงบริการบัตเลอร์ในห้องพัก, ความช่วยเหลือในการแพ็คและแกะกระเป๋า, บริการอาหารเช้าในห้องพัก, ผลไม้และขนมอบประจำวัน, ของว่างยามเย็นสุดหรู, เครื่องชงเอสเพรสโซและชาชั้นดี, มินิบาร์ที่จัดเตรียมอย่างเต็มที่, ขวดไวน์เมื่อไปถึง, บริการขัดรองเท้า, และบริการซักรีดฟรี ให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์ที่เหนือระดับในทุกๆ ด้าน



ขอแนะนำห้องพักประเภท สวีตหรูพร้อมวิวแม่น้ำ ขนาด 253 ตารางฟุต (23.5 ตารางเมตร) ซึ่งมีเตียงขนาดคิงไซส์ที่สามารถปรับเป็นเตียงเดี่ยว 2 เตียงได้ พร้อมด้วยชุดเครื่องนอนที่มีคุณภาพ ตู้เสื้อผ้าบิวท์อิน เครื่องเป่าผม เซฟส่วนตัว ปรับอุณหภูมิได้ตามต้องการ และทีวีจอแบนพร้อมศูนย์ข้อมูลสาระบันเทิง ห้องน้ำกว้างขวางให้บริการผลิตภัณฑ์อาบน้ำและดูแลผิวจาก Asprey ผ้าขนหนูนุ่มสบาย เสื้อคลุมอาบน้ำและรองเท้าแตะ อ่างซิงค์คู่ และฝักบัวฝน นอกจากนี้ยังมีบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ อาทิเช่น บริการบัตเลอร์ในห้อง การช่วยจัดเก็บและจัดของในห้อง บริการอาหารเช้าในห้อง ขนมผลไม้และคุกกี้ทุกวัน รวมถึงของว่างในยามเย็น เครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซและชาคุณภาพสูง มินิบาร์ที่มีทุกอย่างครบครัน และไวน์ตามคำขอ บริการขัดรองเท้า และบริการซักรีดฟรี โปรดทราบว่าสิ่งอำนวยความสะดวกอาจแตกต่างจากเรือของบริษัท Uniworld.



พักอาศัยในห้องสวีทที่หรูหราพร้อมวิวแม่น้ำขนาด 253 ตารางฟุต (23.5 ตารางเมตร) ซึ่งมีทุกสิ่งที่คุณต้องการเพื่อให้การพักผ่อนของคุณสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะห้องหมายเลข 202 ซึ่งมีพื้นที่ 237 ตารางฟุต (22 ตารางเมตร) มีขนาดเล็กกว่าห้องซิกเนเจอร์ฝรั่งเศสบัลโคนีอื่น ๆ 16 ตารางฟุต ห้องนอนขนาดคิงไซส์สามารถปรับเปลี่ยนเป็นเตียงคู่ได้ พร้อมด้วยผ้าลินินที่กำหนดเองคุณภาพสูง ตู้เสื้อผ้าที่ติดตั้งในตัว ไดร์เป่าผม ตู้เซฟ แอร์ปรับอุณหภูมิแต่ละห้อง และโทรทัศน์จอแบนพร้อมศูนย์ข้อมูลบันเทิง นอกจากนี้ยังมีห้องน้ำที่มาพร้อมผลิตภัณฑ์ดูแลผิวแบรนด์ Asprey ผ้าขนหนูนุ่มสบาย ฝักบัวน้ำฝน เสื้อคลุมอาบน้ำที่มีความสบาย และรองเท้าสลิปเปอร์ อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์อำนวยความสะดวกอาจแตกต่างจากที่เรือของบริษัท Uniworld เจ้าของโดยตรง

เซ็นชื่อระเบียงฝรั่งเศส (202) เป็นห้องสแตเตอร์รูมระดับหรูที่มีขนาด 237 ตารางฟุต (22 ตารางเมตร) ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าห้องสแตเตอร์รูมประเภท Signature French Balcony ห้องอื่น ๆ ประมาณ 16 ตารางฟุต (1.5 ตารางเมตร) ห้องนี้ตกแต่งด้วยเตียงขนาดคิงไซส์ที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นเตียงคู่ได้ พร้อมชุดเครื่องนอนคุณภาพสูง ตู้เสื้อผ้าบิวท์อิน ไดร์เป่าผม ตู้นิรภัย ระบบปรับอากาศเฉพาะบุคคล และทีวีจอแบนพร้อมศูนย์ข้อมูลบันเทิง ภายในห้องน้ำมีผลิตภัณฑ์อาบน้ำจาก Asprey ผ้าเช็ดตัวนุ่มสบาย ฝักบัวน้ำฝน และเสื้อคลุมอาบน้ำพร้อมรองเท้าแตะ เพื่อความสะดวกสบายสูงสุดของผู้เข้าพัก


ห้องพักบัลโคนีฝรั่งเศสแบบดีลักซ์ มีพื้นที่ขนาด 188 ตารางฟุต (17.5 ตารางเมตร) มอบความหรูหราด้วยเตียงขนาดควีนซึ่งสามารถแปลงเป็นเตียงคู่ได้ พร้อมชุดเครื่องนอนคุณภาพสูงและตู้เสื้อผ้าบิวท์อิน ภายในห้องยังมีเครื่องเป่าผม ตู้เซฟ ระบบควบคุมอุณหภูมิแบบอิสระ และโทรทัศน์จอยักษ์ที่พร้อมให้ข้อมูลและความบันเทิงอย่างครบครัน ห้องน้ำก็ไม่แพ้กัน มีผลิตภัณฑ์อาบน้ำและบำรุงผิวจาก Asprey ผ้าเช็ดตัวนุ่มสบาย ฝักบัวสายฝน เสื้อคลุมอาบน้ำ และรองเท้าแตะอันแสนสบาย อนึ่ง ผู้เข้าพักควรทราบว่าอุปกรณ์อาจแตกต่างจากเรือที่ดำเนินการโดยบริษัท Uniworld


ห้องพักระเบียงฝรั่งเศสสุดหรูขนาด 188 ตารางฟุต (17.5 ตารางเมตร) มาพร้อมเตียงขนาดคิงไซส์ที่สามารถแปลงเป็นเตียงคู่ได้ ตัวห้องตกแต่งอย่างมีรสนิยมด้วยเนื้อผ้าลินินคุณภาพสูง ตู้เสื้อผ้าบิวท์อิน เครื่องเป่าผม ตู้นิรภัย และเครื่องควบคุมอุณหภูมิส่วนตัว รวมทั้งโทรทัศน์จอแบนพร้อมศูนย์ข้อมูลความบันเทิง ห้องน้ำมีผลิตภัณฑ์บำรุงสุขภาพ Asprey ผ้าขนหนูนุ่มสบาย อ่างอาบน้ำฝักบัวแบบฝน เสื้อคลุมอาบน้ำที่ให้ความสบายและรองเท้าแตะให้พร้อมใช้งาน สำหรับการพักผ่อนในบรรยากาศหรูหราและผ่อนคลายบนเรือสำราญ คุณจะได้รับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมในห้องพักนี้